กศน.อำเภอคำเขื่อนแก้ว “วันมหิดล” 24 กันยายน 2564 วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน และการสาธารณสุขของไทย” ส่งเสริมการอ่านโดย ห้องสมุดประชนอำเภอคำเขื่อนแก้ว และห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัดยโสธร
ประวัติวันมหิดล ในปี พ.ศ. 2493, 21 ปี หลังจากที่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ได้ เสด็จสวรรคต คณะแพทยศาสต์ได้ร่วมใจกันส้างพระราชานุสาวรีย์ขึ้น ณ ใจกลางโรงพยาบาลศิริราช โดยมอบให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการสร้าง มีศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เป็นผู้ควบคุม เพื่อน้อน เกล้าถวาย ความกตัญญูกตเวทีและเฉลิมฉลองพระเกียรติคุณให้ไพศาลเป็นแบบฉบับให้อนุชนรุ่งหลัง ได้จำเริญ ตามรอยพระยุคลบาทสืบไป โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินในพิธี เปิดพระราชนุสาว รีย์เมื่อวันที 27 เมษายน 2493 และ ในวันที่ 24 กันยายนปีเดียวกันนี้เอง นักศึกษาแพทย์ได้ริเริ่มจัด งานขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ โดยมีพิธีวางพวงมาลา ถวายบังคมพระรูป อ่านคำ สดุดีพระเกียรติ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และทางคณะแพทย์ศาสตร์ พร้อม ด้วย ศิริราชพยาบาล ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ยึดถือเอาวันที่ 24 กันยายนของทุกปี เป็นวันที่ น้อมรำลึกถึงพระองค์ โดยให้ชื่อว่า วันมหิดล และงานวันมหิดลได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก ใน วันที่ 24 กันยายน 2499 โดยจัดให้มีพิธีสงฆ์ ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า และ การนำพวงมาลา ไปสักการะที่พระรูป
วันรำลึก \"พระบิดาแห่งการ แพทย์แผนปัจจุบันของไทย\" วันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระ มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระผู้ได้รับ การถวายพระสมัญญาภิไธยจากแพทย์และประชาชนทั่วไปว่า \"พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปั จจุบันของไทย\" คณะ แพทยศาสตร์สิริราชพยาบาลได้ขนานนาม วันอันเป็นที่ระลึก สำคัญนี้ว่า \"วันมหิดล\" เพื่อเป็นการถวายสักการะ และแสดง กตัญญูกตเวทีต่อ พระองค์ท่าน เพราะพระราชกรณียกิจที่ได้ร ทรงบำเพ็ญแก่วงการแพทย์ และการสาธารณสุข ของ ประเทศไทยตลอดระยะเวลา 12 ปีนั้นได้เสริมสร้างความเป็นปึก แผ่นให้แก่โรงเรียนแพทย์ และพัฒนาการเรียนการสอนตลอด จนการผลิตแพทย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอันเป็นการ วาง รากฐานแก่การแพทย์ และการสาธารณสุขให้เจริญพัฒนา ก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศในกาลต่อมา
พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก 1. ทรงส่งบุคคลไปศึกษาวิชาต่างประเทศด้วยทุนส่วนพระองค์ พระราชทานทุนการ ศึกษา ให้มหาวิทยาลัยเพื่อเก็บดอกผลส่งคนไปศึกษาต่างประเทศ เรียกว่าว \"ทุน วิทยาศาสตร์แห่งแพทย์\" 2. พระราชทานทุนเพื่อค้นคว้า และการสอนในโรงพยาบาลศิราราชซึ่งนับว่าเป็นทุนแรก ของทุน ประเภทนี้ในประเทศไทย 3. ทรงเป็นผู้แทนของรัฐบาลทำการติดต่อมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ให้ช่วยเหลือปรับปรุง การศึกษาแพทย์และพยาบาลให้ได้มาตรฐานสากล 4. พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราชอันรวม ทั้ง ที่ดินและอาคารเพื่อใช้เป็นสถานที่เรียน หอผู้ป่วย และหอพักนักศึกษาแพทย์และ พยาบาล ติดต่อกันเป็นระยะเวลา ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระราชทานเพื่อ ประโยชน์ ของการแพทย์ด้วยประการตาง ๆ รวมทั้งที่มอบไว้เป็นมาดกอีกจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ ในการให้ทุนแพทย์ไปศึกษาต่างประเทศทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินประมาณหนึ่งล้านสี่แสนบาท
กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันมหิดล ในวันนี้จะมีการถวายสักการะ และวางพวงมาลา กิจกรรมรับบริจาคสมทบทุนศิริราช มูลนิธิ การจัดนิทรรศการ การจัดสัมมนาทางวิชาการ การประกวดหรือการแข่งขันของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประกวดโรงพยาบาลดีเด่น และรัฐบาลไทย โดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มี ผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมเพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและได้ประกาศ ยกย่องสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงเป็นบุคคลผู้มี ผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลก ซึ่งมีหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัด กิจกรรมต่างๆ ขึ้นมา นอกจากนี้ ปี 2564 ซึ่งถือเป็นวันหยุดพิเศษปีแรก หลายโรงพยาบาลก็ถือโอกาสเปิด รับ Walk-in ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนอีกด้วย
ธงวันมหิดล สัญลักษณ์แห่งการแบ่งปัน “ธงที่ระลึกวันมหิดล” จัดทำขึ้นเพื่อสมนาคุณแด่ผู้ บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของโรงพยาบาล ศิริราช เริ่มต้นทำธงตั้งแต่วันมหิดล 24 กันยายน พ.ศ. 2503 สีธงจะเปลี่ยนไปตามวันในสัปดาห์ของ วันมหิดลปีนั้นๆ ในพ.ศ. 2564 นี้ วันมหิดล ตรงกับ วันศุกร์ จึงใช้ผ้าธงสีฟ้าสวยสดใส ชาวศิริราชมีประเพณีหนึ่ง ในวันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของทูล กระหม่อมสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสงขลานครินทร คือ นักศึกษา แพทย์ โดยการชักนำของอาจารย์ จะร่วมกันทำประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งให้แก่ สถานศึกษา เป็นการปฏิบัติที่ถือเหมือนฝึกนักศึกษาแพทย์ให้รู้จักทำคุณประโยชน์ให้ กับสถานศึกษา และเมื่อต่อไปจะได้รู้จักทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติตามแบบ ที่ทูลกระหม่อมได้เคยปฏิบัติมาแล้วขณะที่ยังทรงพระชนม์อยู่
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
ช่ อ ง ท า ง ก า ร ติ ด ต า ม ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ก ศ น . อำ เ ภ อ คำ เ ขื่ อ น แ ก้ ว FACEBOOK FACEBOOK ห้ อ ง ส มุ ด ป ร ะ ช า ช น อำ เ ภ อ ก ศ น . อำ เ ถ อ คำ เ ขื่ อ น แ ก้ ว คำ เ ขื่ อ น แ ก้ ว
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: