การแปลรหัส

การแปลรหัส translation

จัดทำโดย Don't talk about พวกเรารอดแน่นะ... it น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต เลขที่33 ม.4/2 น.ส.สิริกร สุขเกษม เลขที่39 ม.4/2

การแปลรหัส translation การแปลรหัสมี RNA ที่สำคัญ 3 ชนิด แต่ละชนิดทำหน้าที่ต่างกัน คือ mRNA ทำหน้าที่ นำข้อมูลทางพันธุกรรมจาก DNA ไปสังเคราะห์ โปรตีน ส่วน tRNA ทำหน้าที่ นำกรดแอมิโนที่จำเพาะกับรหัสพันธุกรรม บนสาย mRNA มาต่อเป็นสายพอลิเพปไทด์ และไรโบโซมัลอาร์เอ็นเอ (ribosomal RNA; rRNA) เป็นองค์ประกอบของไรโบโซมซึ่งเป็น ออร์แกเนลล์ที่ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีน

เมื่อมีการถอดรหัสจาก DNA ได้เป็น mRNA แล้ว จะนำไปสังเคราะห์ โปรตีนโดยการแปลรหัสโดย tRNA จะนำกรดแอมิโนมาเรียงต่อกัน ตามรหัสพันธุกรรมของ mRNA ได้เป็นสายพอลิเพปไทด์ การแปลรหัสมีขั้นตอนดังนี้ 25%ไรโบโซมจะเคลื่อนที่ไปบน mRNA จากปลาย 5' ไปยังปลาย 3' การ 75%แปลรหัสจะเริ่มที่โคดอนที่เป็นรหัสเริ่มต้น (AUG) แล้วเคลื่อนที่ไปที ละโคดอนตามลำดับ โมเลกุลของ tRNA มีแอนติโคดอนที่จะเข้าคู่กับ โคดอนของmRNA โดย tRNA 1 โมเลกุล นำกรดแอมิโนที่จำเพาะกัน ได้ 1 โมเลกุล มายังไรโบโซม (tRNA และ rRNA เป็นผลผลิตจากการถอดรหัสของยืนบน DNA แต่ไม่มีการ แปลรหัสต่อไป)

1. ขั้นเริ่มต้น ไรโบโซมหน่วยย่อยขนาดเล็กมาจับกัน mRNA แล้ว tRNA นำกรดแอมิโนไทโอนีนเริ่มต้น มายัง รหัสเริ่มต้น AUG ของ mRNA ไรโบโซมหน่วยย่อยขนาดใหญ่จะเข้ามาจับกับไรโบโซม หน่วยย่อยขนาดเล็กจึงทำให้ไรโบโซมพร้อมจะทำงาน ต่อไป

2.ขั้นการต่อสายยาว tRNA โมเลกุลที่ 2 ที่มีแอนติโคดอนเข้าคู่ กับโคดอนถัดไปของ mRNA นำกรดแอมิ โนโมเลกุลแรก สร้างพันธะเพปไทด์ เชื่อมกับกรดแอมิโนตัวที่ 2 ไรโบโซมจะเคลื่อนที่จากปลาย 5' ไป 3' ซึ่ง tRNA โมเลกุลแรก จะหลุดออกไป

tRNA โมเลกุลที่ 3 มีแอนติโคดอนถัดไป ของ mRNA นำกรดแอมิโนตัวที่ 3 สร้าง พันธะเพปไทด์เชื่อมกับกรดแอมิโนตัวที่ 2 ไรโบโซมจะเคลื่อนที่ไปทีละโคดอน และกระบวนการต่างๆ จะดำเนินต่อไป ในลักษณะนี้เรื่อยๆ กรดแอมิโนจะเรียงต่อกันเป็นสายพอลิ เพปไทด์

3.ขั้นสิ้นสุด เมื่อไรโบโซมเคลื่อนที่บน mRNA จนพบกับ รหัสหยุด ซึ่งอาจเป็น UAA UAG หรือ UGA รหัสใดรหัสหนึ่ง จะไม่มี tRNA มาจับทำให้ สิ้นสุดการแปลรหัส พอลิเพปไทด์จะแยกจาก tRNA โมเลกุล ตัวสุดท้าย ไรโบโซมหน่วยย่อยขนาดเล็ก และหน่วยย่อยขนาดใหญ่จะแยกออก จากกัน และ mRNA จะหลุดออกจากไร โบโซม

สายพอลิเพปไทด์ที่สังเคราะห์ได้อาจเกิดการพับม้วนเป็นโครงสร้างที่ มีลักษณะ 3 มิติหรือมีการเข้าจับกับพอลิเพปไทด์มากกว่า 1 สาย ซึ่ง อาจเป็นชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน เพื่อให้ได้โปรตีนที่มีความ เหมาะสมและพร้อมจะทำงานได้ ซึ่งโปรตีนอาจประกอบด้วยพอลิเพป ไทด์จำนวน 1 สาย หรือมากกว่า 1 สายขึ้นอยู่กับชนิดของโปรตีน ซึ่ง โปรตีนแต่ละชนิดมีรูปร่างและหน้าที่แตกต่างกัน

ถึงแม้ว่าเซลล์ทุกเซลล์ในมนุษย์คนหนึ่ งจะมีข้อมูลทางพันธุกรรม เหมือนกัน แต่ยีนแต่ละยีนไม่ได้แสดงออกในทุกเซลล์ ยีนบางยีน อาจจะแสดงออกเฉพาะเซลล์ จึงทำให้เซลล์เหล่านั้นมีรูปร่างและ การทำงานที่แตกต่างกัน

THE END