Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

แผนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Published by s61131114016, 2021-03-01 05:55:46

Description: แผนการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Search

Read the Text Version

47

4 8

49

50

51

52

53

54

55

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง แนวคิดเชงิ คำนวณ

56 แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 1 วชิ ำ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่อื ง แนวคิดเชงิ คานวณ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง แนวคิดเชงิ คานวณ คาบท่ี 1-4 เวลา 4 ชัว่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………........................ 1. ตวั ชี้วดั ออกแบบอลั กอริทึมทีใ่ ช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา หรือการทางานท่ีพบ ในชวี ิตจรงิ 2. สำระกำรเรยี นรู้ การแกป้ ญั หาโดยใช้แนวคิดเชงิ คานวณ 3. จุดประสงค์ ให้ผเู้ รียนสำมำรถ 3.1 อธบิ ายการแก้ปญั หาโดยใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ คานวณ ซึง่ ประกอบไปด้วย การแบง่ ปญั หาใหญ่เปน็ ปญั หาย่อย การพิจารณารปู แบบ 4. ทักษะและกระบวนกำร (ทเี่ ปน็ จุดเน้น ทักษะในศตวรรษที่ 21) 4.1 ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 4.2 ทักษะการแก้ปญั หา 4.3 ทักษะในการทางานรว่ มกัน 4.4 ทักษะการสอ่ื สาร 5. ควำมรู้เดิมทน่ี กั เรียนต้องมี ซ่ึงจะสอดคล้องกบั สว่ น “ทบทวนควำมร้เู ดิม/ สำรวจควำมรกู้ ่อน” 5.1 วธิ ีการสือ่ สารใหผ้ ูอ้ ื่นสามารถปฏบิ ตั ติ ามได้ 5.2 วธิ ีการวิเคราะหแ์ ละกาหนดรายละเอยี ดของปญั หา 5.3 การเขียนรหสั ลาลองและผงั งานมวี ิธกี ารอยา่ งไร

57 6. สำระสำคัญ แนวคิดเชิงคานวณ (computationalthinking) เป็นกระบวนการวิเคราะห์ ปัญหา เพื่ อให้ได้แนวทางการหาคา ตอบอย่างเป็นข้ันตอนที่สามารถนา ไปปฏิบัติได้ โดยบุคคลหรือคอมพิ วเตอร์อย่างถูกต้องและแม่นยาซึ่งเรียกว่า อัลกอริทึม ทักษะ การใช้แนวคิดเชิงคา นวณจึงสาคัญต่อการแก้ปัญหา ช่วยให้สามารถส่ือสารแนวคิด กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยพั ฒนาพ้ื นฐานในการเขียนโปรแกรม คอมพิ วเตอร์ แนวคิดเชิงคานวณมีองค์ประกอบที่สาคัญ 4 ส่วน ได้แก่ การแบ่งปัญหาใหญ่ เป็นปัญหาย่อย (decomposition) การพิจารณารูปแบบ (pattern recognition) การคดิ เชิงนามธรรม (abstraction) และการออกแบบอลั กอริทมึ (algorithm) 7. สอื่ และอปุ กรณ์ 7.1 ใบกิจกรรม ใบกจิ กรรมที่ เร่อื ง เวลำ (นำท)ี 1.1 เดนิ ทางกลบั บ้านหลงั เลิกเรยี น 20 1.2 20 อาหาร 7.2 ใบควำมรู้ 7.2.1 ใบความรทู้ ี่ 1.1 เร่อื ง แนวคิดเชิงคานวณ 7.3 อ่ืนๆ 7.3.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นร่วมในชั้นเรียน 7.3.2 แบบประเมินการทางานกลมุ่ 7.3.3 หนังสือเรียนรายวิชาพ้ื นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2

8. แนวทำงกำรจัดกำรเรยี นรู้ 58 8.1 กำรจัดเตรยี ม 8.1.1 ใบความรู้ที่ 1.1 เรอ่ื ง แนวคิดเชิงคานวณ 8.1.1 ใบกจิ กรรมท่ี 1.1 เรื่อง เดินทางกลบั บา้ นหลงั เลิกเรยี น 8.1.2 ใบกิจกรรมที่ 1.2 เรอ่ื ง อาหาร 8.1.3 สื่อ cai 8.1.4 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ มในชนั้ เรยี น 8.1.5 แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม 8.2 ข้นั ตอนกำรดำเนินกำร คำบท่ี 1-2 (เวลำ 2 ชว่ั โมง) 1. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพื่อวดั ความรูก้ อ่ นเรยี น 2. จากน้ันให้ผู้เรียนศึกษาเน้ือหาจากส่ือ cai เร่ือง องค์ประกอบของแนวคิดเชิง คานวณ เมอ่ื ดูจบผู้สอนสรปุ ใหผ้ เู้ รยี นฟงั 3. จากน้ันผู้สอนถามผู้เรียนว่าปัญหาหรือการทางานในชีวิตประจาวันมีอะไรบ้างท่ี สามารถนาแนวคดิ เชิงคานวณมาใช้ในการแกป้ ญั หา 4. ผู้เรียนศึกษาเนื้อหา เร่ือง แนวคิดเชิงคานวณ จากหนังสือเรียน แล้วทาใบ กิจกรรมท่ี 1.1 เรอื่ ง เดนิ ทางกลับบา้ นหลังเลิกเรยี น 5. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน เพ่ือทางานกลุ่ม หัวข้อ การแก้ปัญหา จากสถานการณท์ ่กี าหนดให้ โดยใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณ 6. ผู้สอนให้ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนองานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายหนา้ ชัน้ เรียน 7. จากน้ันให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพื่ อวัดว่าผู้เรียนได้รับความรู้จาก บทเรยี นมากนอ้ ยเพียงใด 7. ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปเนอ้ื หาและกิจกรรมท่ีไดท้ าในชน้ั เรยี น คำบที่ 3-4 (เวลำ 2 ช่ัวโมง) 1. ผสู้ อนแจกใบความรทู้ ี่ 1.1 เรือ่ ง แนวคิดเชิงคานวณ เพ่ือศึกษาเนอ้ื หาเพ่ิมเติม 2. ผสู้ อนทบทวนองค์ประกอบของแนวคดิ เชงิ คานวณความรูเ้ ดิมจากคาบที่แล้ว 3. จากน้ันให้ผู้เรียนให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อท่ี 1.5 กรณีศึกษา การแบ่งปญั หาใหญเ่ ปน็ ปัญหายอ่ ย 4. จากนั้นให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ4คน เพ่ื อทางานกลุ่ม เร่ือง แบ่งปัญหาใหญ่ เปน็ ปญั หายอ่ ย 5. จากนัน้ ให้ผเู้ รียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นผสู้ อนเสนอแนะ 6. ผูเ้ รยี นปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามเสนอแนะผสู้ อน 7. จากนั้นให้ผู้เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 1.2 เร่ือง อาหาร โดยตัวอย่างข้อมูลในตาราง เป็นดังนี้ ** โดยที่ 1 มื้อ จะต้องประกอบด้วยหลักโภชนาการ 5 หมู่ มีเมนูได้มากสุด 2 เมนู ใน 1 มื้อ **

59 อาหารมอ้ื เช้า อาหารมอ้ื เทยี้ ง อาหารม้อื เย็น เครอื่ งดื่ม โจก้ หมูสบั ขา้ วไขเ่ จยี ว ขา้ วมนั ไก่ ขา้ วหมกู รอบ 8. ผู้สอนสุ่มผู้เรียนออกมานาเสนอใบกิจกรรมที่ 1.2 จากน้ันสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นใน การทาใบกจิ กรรม 9. ผูเ้ รยี นและผู้สอนร่วมกนั สรุปเนอื้ หาและกจิ กรรมทที่ า ในชั้นเรยี น 9. กำรวัดและประเมินผล 9.1 ตรวจคาตอบจากใบกจิ กรรม 9.2 สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในชน้ั เรยี น 9.3 ประเมนิ การนาเสอนผลงานกลมุ่ หนา้ ชัน้ เรียน 9.4 ประเมินการทางานกลมุ่ 10. สอ่ื และแหลง่ ขอ้ มูล 10.1 บทเรียน cai เร่อื ง แนวคิดเชิงออกแบบ ไฟล์ Powerpoint https://drive.google.com/file/d/1WrEntbyDk5TEcEHULulJGxa3h8d zmDfH/view?usp=sharing ไฟล์ PDF https://drive.google.com/file/d/1L7Z3on_YsdrSgh_RZguQnW86uF kXTCFK/view?usp=sharing 11. ขอ้ เสนอแนะ -

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง กำรออกแบบอลั กอริทมึ

60 แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี 2 วิชำ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่อง แนวคิดเชิงคานวณ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เร่อื ง การออกแบบอลั กอรทิ ึม คาบท่ี 1-4 เวลา 4 ชว่ั โมง …………………………………………………………………………………………………………………………………….........…........ 1. ตวั ช้ีวดั ออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา หรือการทางานท่ี พบในชีวติ จรงิ 2. สำระกำรเรียนรู้ การออกแบบอัลกอริทึมเพ่ื อแก้ปัญหา อาจใช้แนวคิดเชิงคานวณเพ่ื อให้การ แกป้ ญั หามปี ระสทิ ธภิ าพ 3. จดุ ประสงค์ ให้ผเู้ รยี นสำมำรถ 3.1 ออกแบบอัลกอริทมึ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน 3.2 พัฒนาโปรแกรมประยุกตใ์ นชีวิตประจาวนั 4. ทักษะและกระบวนกำร (ทเ่ี ป็นจุดเนน้ ทักษะในศตวรรษท่ี 21) 4.1 ทักษะการคิดวิเคราะห์ 4.2 ทักษะการแก้ปญั หา 4.3 ทักษะในการทางานรว่ มกนั 4.4 ทกั ษะการสอ่ื สาร 5. ควำมรู้เดิมท่ีนักเรยี นตอ้ งมี ซ่ึงจะสอดคล้องกับส่วน “ทบทวนควำมรเู้ ดิม/ สำรวจควำมร้กู อ่ น” 5.1 องค์ประกอบของแนวคิดเชงิ คานวณ 5.2 การใชง้ านคาส่ังแบบมที างเลือก คาส่งั วนซ้า 5.3 การใชง้ านคา สงั่ รับข้อมลู จากผ้ใู ช้ และการแสดงผล 6. สำระสำคัญ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ หรืองานในชีวิตประจาวัน ส า ม า ร ถ ใ ช้ โ ป ร แ ก ร ม ค อ ม พิ ว เต อ ร์ม า ช่ ว ยใ ห้ ก า ร แ ก้ ปั ญห า มี ป ร ะสิ ท ธิ ภ า พ ถกู ต้องและรวดเร็ว

7. ส่ือและอุปกรณ์ เร่อื ง 61 7.1 ใบกจิ กรรม เก็บใหห้ มด มาเต้นกันเถอะ เวลำ (นำท)ี ใบกจิ กรรมที่ 20 2.1 20 2.2 7.2 ใบควำมรู้ 7.2.1 ใบความรู้ท่ี 2.1 การออกแบบอัลกอริทมึ 7.3 อน่ื ๆ 7.3.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วมในชัน้ เรยี น 7.3.2 แบบประเมินการทางานกลุม่ 7.3.3 หนังสือเรียนรายวิชาพื้ นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 8. แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ 8.1 กำรจดั เตรยี ม 8.1.1 ใบความรูท้ ี่ 2.1 การออกแบบอัลกอรทิ มึ 8.1.1 ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 เรื่อง วาดภาพหมู่บา้ น 8.1.2 ใบกจิ กรรมที่ 2.2 เรือ่ ง มาเตน้ กนั เถอะ 8.1.3 คลปิ วิดที ัศน์ เรอื่ ง การออกแบบอลั กอรทิ มึ 8.1.4 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรว่ มในชั้นเรียน 8.1.5 แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม 8.2 ขั้นตอนกำรดำเนินกำร คำบท่ี 1-2 (เวลำ 2 ชว่ั โมง) 1. ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพ่ือวดั ความร้กู อ่ นเรยี น 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนดูคลิปวิดีทัศน์ เรื่อง การออกแบบอัลกอริทึม เม่ือดูจบผู้สอน สอนเน้อื หาเพ่ิมเตมิ นอกเหนือจากในคลปิ และรว่ มอภิปรายเพิ่มเตมิ 3. จากน้ันให้ผู้เรียนศึกษาเน้ือหาจากหนังสือเรียน หัวข้อที่ 1.4 การออกแบบ อลั กอริทมึ เพ่ือทาใบกจิ กรรมท่ี 2.1 เรอื่ ง เกบ็ ให้หมด 4. จากนน้ั ผ้สู อนส่มุ ผู้เรยี นออกมานาเสนอใบกจิ กรรมที่ 2.1 และร่วมกันตรวจสอบ

62 5.ผู้สอนยกตัวอย่างปัญหาการซื้ออาหารที่โรงอาหาร โดยให้ผู้เรียนลองคิดการจัด เรียงลาดับขั้นตอนการซ้ืออาหาร หลังจากน้ันสุ่มผู้เรียนออกมา 2 คน โดยให้คนท่ี 1 บอกวิธีการซ้ืออาหารที่โรงอาหาร ให้คนท่ี 2ปฏิบัติตาม โดยคนท่ี 2 จะจาลองตัวเอง เป็นหุ่นยนต์ซ่ึงจะปฏิบัติตามคาสั่งและไม่สามารถคิดเองได้แล้วให้ผู้เรียนในห้อง ร่วมกันอภิปรายว่าวิธีการการซื้ออาหารที่โรงอาหาร ของเพ่ื อนคนที่ 1 เป็นอย่างไร บ้าง เช่น คา สั่งชัดเจนหรือไม่ สามารถนา ไปปฏิบัติตามได้หรือไม่ มีคา สั่งใดท่ีซ้า กนั หรือไม่ 6. ผูส้ อนใหผ้ ู้เรยี นจบั คู่ คูล่ ะ 2 คน (ถ้าไมพ่ อสามารถ 3 คน ได้) 7. ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมกันคิดการจัดเรียงภายในโรงเรียนตามตัวอย่างท่ีผู้สอน ยกตัวอย่าง 8. จากน้ันให้ผู้เรียนออกมาที่ละ 2 คน เสนอบทบาทสมมุติในช้ันเรียนและผู้สอน เสนอแนะแนวทางการคดิ ของผเู้ รียน 9. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ือหาและงานกลุ่มที่ได้เสนอบทบาทสมมุติในช้ัน เรยี น คำบที่ 3-4 (เวลำ 2 ชว่ั โมง) 1. ผูส้ อนแจกใบความร้ทู ่ี ใบความรทู้ ่ี 2.1 การออกแบบอัลกอริทมึ เพ่ือศึกษา เนือ้ หาเพ่ิมเติม 2. ผูส้ อนทบทวนความรเู้ ดมิ จากคาบท่ีแล้ว 3. ผู้สอน สอนเน้ือหา เร่ือง ออกแบบอัลกอริทึมโดยใช้แนวคิดเชิงคานวณใน การแกป่ ญั หา 4. จากน้ันให้ผู้เรียนยกตัวอย่าง ออกแบบอัลกอริทึมโดยใช้แนวคิดเชิง คานวณในการแก่ปญั หามอี ะไรบ้าง 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาตัวอย่างที่ 1.7 จากหนังสือเรียน เพ่ือทาใบกิจกรรมที่ 2.2 เรอ่ื ง มาเต้นกันเถอะ 6. จากน้ันให้ผู้เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 2-3 คน เพ่ือเลือกเพลงท่ีชอบ หลังจาก นัน้ ให้ผ้เู รียนออกแบบทา่ เต้นเองจากตวั อยา่ งในหนังสือเรียน 7. ผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม แลกเปลี่ยนท่าเต้น และสุ่มผู้เรียนกลุ่มละ 1 คน ออกมาสลบั กันทา่ เตน้ ใหเ้ พ่ือนดู 8. จากน้นั ให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพ่ือวัดว่าผู้เรียนได้รับความรู้ จากบทเรยี นมากนอ้ ยเพียงใด 9.ผ้สู อนและผูเ้ รยี นร่วมกับสรุปเนอ้ื หาและกจิ กรรมท่ไี ด้ทาในชั้นเรียน

63 9. กำรวดั และประเมินผล 9.1 ตรวจคาตอบจากใบกิจกรรม 9.2 สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วมในชั้นเรยี น 9.3 ประเมนิ การนาเสอนผลงานกลุม่ หน้าชั้นเรยี น 9.4 ประเมนิ การทางานกลมุ่ 10. สื่อและแหลง่ ขอ้ มูล 10.1 คลิปวิดีทศั น์ เร่อื ง การออกแบบอัลกอริทึม https://drive.google.com/file/d/1eswO3rXLnpJdx1DWhedkborltTT 6C-C3/view?usp=sharing 11. ข้อเสนอแนะ 11.1 ระหว่างการนา เสนอท่าเต้นตามอัลกอริทึม ผู้สอนอาจเพิ่ มคา สั่งให้ผู้เรยี นทา ซา้ ท่าเต้นนน้ั ไปเรื่อย ๆ หรอื จนกว่าเพลงจะจบ

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ ง ฟงั ก์ชัน

64 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 3 วชิ ำ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ฟงั กช์ นั คาบท่ี 1-4 เวลา 4 ชว่ั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1. ตวั ชวี้ ัด ออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแกป้ ญั หา 2. สำระกำรเรียนรู้ 2.1 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทม่ี กี ารใชฟ้ งั กช์ นั 2.2 การแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนจะช่วยให้แก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3. จุดประสงค์ ใหผ้ ูเ้ รียนสำมำรถ 3.1 ออกแบบและเขียนโปรแกรมทมี่ กี ารใช้ตรรกะ และฟงั กช์ นั 3.2 วางแผนการแก้ปญั หาโดยมกี ารกา หนดฟงั ก์ชนั ตามหนา้ ทกี่ ารทา งาน 3.3 เขียนโปรแกรมโดยมกี ารใช้ฟงั ก์ชัน 3.4 พัฒนาโปรแกรมประยกุ ตใ์ นชีวิตประจา วัน 4. ทกั ษะและกระบวนกำร (ท่ีเป็นจุดเน้น ทักษะในศตวรรษที่ 21) 4.1 ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 4.2 ทักษะการแก้ปญั หา 4.3 ทักษะในการทางานรว่ มกัน 4.4 ทกั ษะการส่ือสาร 5. ควำมรู้เดมิ ทีน่ กั เรยี นต้องมี ซึ่งจะสอดคลอ้ งกบั สว่ น “ทบทวนควำมรู้เดิม/ สำรวจควำมรู้กอ่ น” 5.1 องคป์ ระกอบของแนวคิดเชงิ คานวณ 5.2 การใช้งานคาส่ังแบบมที างเลอื ก คาสง่ั วนซา้ 5.3 การใชง้ านคาสงั่ รับข้อมลู จากผใู้ ช้และการแสดงผล

65 6. สำระสำคญั ฟงั ก์ชนั (function) เป็นโปรแกรมย่อยท่ีเขียนขึ้นเพ่ือให้ทา งานเฉพาะ ตามท่ีกาหนด โดยมีการนิยามชื่อท่ีใช้สา หรับอ้างอิงแทนโปรแกรมย่อยนั้น เพื่อให้สามารถเรียกทา งานได้ตามต้องการ ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเรียกใช้ ฟงั ก์ชันได้สะดวกโดยไม่ต้องเขียนชุดคา ส่ังน้ันซ้า ๆ กันอีก ทา ให้การเขียน โปรแกรมขนาดใหญ่ทา ไดร้ วดเรว็ และตรวจสอบความถูกตอ้ งของโปรแกรม ได้ง่ายขนึ้ ภาษาสาหรับเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีฟงั ก์ชันให้เรียกใช้งาน 2 แบบ คือ ฟังก์ชันท่ีมีมากับภาษาน้ันและสามารถเรียกใช้ได้ทันที (standard function) อกี แบบหนึง่ คอื ฟงั ก์ชนั ท่ีผู้เขยี นโปรแกรมสร้างขน้ึ เองเพ่ือใช้งาน (defining function) 7. สื่อและอุปกรณ์ 7.1 ใบกิจกรรม ใบกจิ กรรมที่ เรือ่ ง เวลำ (นำท)ี 3.1 ฟงั ก์ชนั 20 3.2 วเิ คราะหป์ ัญหา 20 7.2 ใบควำมรู้ 7.2.1 ใบความรู้ที่ 3.1 ฟงั ก์ชัน 7.3 อน่ื ๆ 7.3.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมีส่วนรว่ มในชั้นเรียน 7.3.2 แบบประเมินการทางานกลุ่ม 7.3.3 หนังสือเรียนรายวิชาพื้ นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2

66 8. แนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ 8.1 กำรจดั เตรียม 8.1.1 ใบความรทู้ ่ี 3.1 ฟงั ก์ชนั 8.1.2 ใบกจิ กรรมท่ี 3.1 เรอ่ื ง ฟงั กช์ ัน 8.1.3 ใบกิจกรรมท่ี 2.2 เรอ่ื ง วเิ คราะหป์ ญั หา 8.1.4 คลปิ วิดีทัศน์ เรอื่ ง ฟงั กช์ นั 8.1.5 แบบสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในชัน้ เรียน 8.1.6 แบบประเมินการทางานกลมุ่ 8.2 ข้นั ตอนกำรดำเนนิ กำร คำบที่ 1-2 (เวลำ 2 ช่วั โมง) 1. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นเพ่ือวัดความรกู้ ่อนเรยี น 2. ผู้สอนแบง่ ผู้เรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วสุ่มผู้เรียนเพื่อเป็นตัวแทนกลุ่มละ 1 คน ออกมาปฏิบัติกิจกรรมโดยผู้สอนแจกถุงท่ีมีเมล็ดพั นธุ์ผัก 3 ชนิด คละกันให้ ตวั แทนกลุ่ม คนละ 1 ถุง แล้วให้ตวั แทนกลุ่มนับจานวณเมล็ดพันธ์ผัก แต่ละชนิดใน ถงุ ท่ไี ดร้ บั โดยถ้าใครเสร็จก่อนและถกู ตอ้ งจะได้รบั รางวลั (ให้สมาชิกในกลมุ่ ทเี่ หลอื คอยใหก้ าลงั ใจและสังเกตการทางานของตวั แทนกลุม่ ) 3. ตัวแทนกล่มุ กลบั เข้ากลมุ่ แล้วใหผ้ เู้ รยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมซ้า อีก ครั้ง ให้แต่ละกลุ่มนับจานวนเมล็ดพั นธ์ผักแต่ละชนิดในแต่ละถุง โดยผู้สอนจะทยอย แจกถุงเมล็ดพั นธ์ุทีละ 1 ถุง ทุก ๆ 2 นาที จนครบทั้งสามถุง กลุ่มใดเสร็จก่อนและ ถูกตอ้ งจะได้รางวัล (ซึ่งจะมีบางกลุ่มท่ีปฏิบัติภารกิจสาเร็จก่อนเพราะมีการแบ่งงาน กันทา เช่น คนท่ี 1 นับเมล็ดแตงกวา คนท่ี 2 นับเมล็ดถั่วฝักยาว คนที่ 3 นับเมล็ด ข้าวโพด คนท่ี 4 จดบันทึก) ผู้สอนถามจานวณเมล็ดพั นธ์ผักแต่ละชนิดรวม 3 ถุง ของกล่มุ แลว้ สังเกตการหาคา ตอบ 4. ผู้สอนให้กลุ่มที่ปฏิบัติภารกิจสาเร็จและรวดเร็ว ออกมานาเสนอว่าทางาน อยา่ งไรจงึ สาเรจ็ อย่างรวดเรว็ แลว้ ผ้สู อนนาอภิปรายการทากิจกรรมว่าการแบ่งงาน เปรียบไดก้ ับแบ่งโปรแกรมย่อยหรอื ฟงั ก์ชัน ให้ผู้เรียนอภิปรายถึงประโยชน์ของการ สรา้ งฟงั ก์ชัน 5. ผู้สอนต้ังคาถามว่า จากโปรแกรมท่ีผู้เรียนได้เขียนมาแล้ว มีโปรแกรมใดบ้างท่ี สามารถนามาสร้างฟงั กช์ นั ได้ 6. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาหัวข้อ 3.1 ฟงั ก์ชัน จากหนังสือเรียน สสวท. เพ่ื อทาใบ กจิ กรรมที่ 3.1 เรื่อง ฟงั ก์ชัน 7. ตัวแทนห้องรวบรวมใบกิจกรรมส่ง ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาและ กจิ กรรมที่ไดเ้ รยี นในชนั้ เรียน

67 คำบท่ี 3-4 (เวลำ 2 ชัว่ โมง) 1. ผูส้ อนแจกใบความร้ทู ี่ ใบความรูท้ ่ี 3.1 ฟงั กช์ ัน เพื่อศกึ ษาเนอ้ื หาเพ่ิมเติม 2.ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนดูคลปิ วิดีทัศน์สอน เร่ือง การแกป้ ัญหาดว้ ยภาษาไพทอน 3.จากนั้นผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายจากที่ได้ดูคลิปวิดีโอข้างต้นและสอน เนื้อหาเพ่ิ มเติม 4.ผู้สอนให้ผู้เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 3.2 เรื่อง วิเคราะห์ปัญหา หลังจากทาใบ กจิ กรรมเสร็จแลว้ ให้ผูเ้ รยี นออกมานาเสนอรายบคุ คลหนา้ ชนั้ เรยี น คนละ 5 นาที 5.จากน้ันผู้สอนให้ผู้เรียนนั่งเป็นกลุ่มที่เคยแบ่งไว้คาบที่แล้ว เพ่ื อทางานกลุ่ม เรือ่ ง รถประจาทางทใี่ ช้เดนิ ทางมาโรงเรียน 6. ผู้สอนให้ผู้เรียนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน และครูผู้สอนเสนอแนะเพื่ อ ปรบั ปรงุ แกไ้ ข 7. ผู้เรียนปรับปรงุ แกไ้ ขตามคาแนะนาผสู้ อน และนามาใหผ้ สู้ อนดูอีกครัง้ 8. จากนั้นใหผ้ ู้เรียนทดลองเขียนโปรแกรมจาก เรอื่ งท่ไี ด้นาเสนอผู้สอน 9. จากน้ันให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพื่ อวัดว่าผู้เรียนได้รับความรู้จาก บทเรยี นมากน้อยเพียงใด 10. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรุปเนอ้ื หาและกิจกรรมทไี่ ด้เรยี นในชั้นเรียน 9. กำรวดั และประเมินผล 9.1 ตรวจคาตอบจากใบกจิ กรรม 9.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วมในชนั้ เรียน 9.3 ประเมินการนาเสอนผลงานกลมุ่ หน้าชนั้ เรยี น 9.4 ประเมนิ การทางานกลุม่ 10. ส่ือและแหลง่ ข้อมลู 10.1 คลปิ วดิ ที ัศนส์ อน เรอ่ื ง ฟงั ก์ชนั https://drive.google.com/file/d/1N5wSJ_Vfrb4wVndsxdS_LaxJnABr0 xXp/view?usp=sharing 11. ข้อเสนอแนะ 11.1 สาหรบั ขน้ั ตอนการวิเคราะหแ์ ละกาหนดรายละเอยี ดของปัญหา ผสู้ อนควร กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิธีการตรวจสอบความถูกต้องให้ครอบคลุมทุกกรณี และ พยายามใหผ้ ู้เรยี นเขียนโปรแกรมครอบคลมุ กรณีเหล่านน้ั หากมีกรณีใดท่ีโปรแกรม ไมร่ องรบั ใหเ้ ขยี นส่วนดกั จบั กรณดี ังกล่าวไว้ 11.2 สาหรับการประเมินผล ผู้สอนอาจให้ผู้เรียนผลัดกันทดสอบโปรแกรม โดยทดสอบจากข้อมลู เขา้ หลายชดุ ที่ครอบคลุมกรณีที่เป็นไปได้ทง้ั หมด

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง องคป์ ระกอบระบบคอมพิ วเตอร์ และเทคโนโลยกี ำรสอ่ื สำร

68 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 4 วชิ ำ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง เทคโนโลยสี ่ือสาร ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 เรือ่ ง องคป์ ระกอบระบบคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีการส่อื สาร คาบที่ 1-4 เวลา 4 ชัว่ โมง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. ตวั ชี้วัด อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทา งานของระบบคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยี การส่อื สาร เพื่อประยุกต์ใชง้ านหรอื แกป้ ญั หาเบ้อื งตน้ 2. สำระกำรเรยี นรู้ 2.1 องคป์ ระกอบและหลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ 2.2 อนิ เทอรเ์ นต็ เลขทอ่ี ยูไ่ อพี โดเมน การใช้อีเมล 3. จุดประสงค์ ให้ผ้เู รียนสำมำรถ 3.1 อธิบายหนา้ ทแ่ี ละองคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ 3.2 อธบิ ายหลักการทางานของคอมพิวเตอรแ์ ละวงรอบเครอ่ื งจกั รสา หรับการ ประมวลผล 3.3 อธิบายองค์ประกอบของการส่อื สาร 3.4 อธบิ ายลกั ษณะของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 3.5 เลือกใช้เครือ่ งมือและวิธกี ารสอื่ สาร 3.6 เลอื กใช้บรกิ ารบนเครอื ข่าย 4. ทกั ษะและกระบวนกำร (ทเี่ ปน็ จุดเน้น ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21) 4.1 ทกั ษะในการทางานรว่ มกัน 4.2 ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 4.3 ทักษะการแกป้ ัญหา 5. ควำมรู้เดิมทีน่ กั เรยี นต้องมี ซ่ึงจะสอดคล้องกบั สว่ น “ทบทวนควำมรเู้ ดิม/ สำรวจควำมรู้ก่อน” 5.1 ส่วนประกอบของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 5.2 ประโยชน์ของเครอื่ งคอมพิวเตอร์ 5.3 โปรแกรมค้นหาข้อมลู 5.3 การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในการทา งาน 5.4 วิธีการใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งปลอดภยั

69 6. สำระสำคญั คอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ย หนว่ ยรบั เขา้ หน่วยประมวลผลกลางหนว่ ยความจา และหน่วยส่งออก ซึ่งแต่ละหน่วยจะมีการทา งานที่ประสานกันอย่างต่อเน่ือง ตลอดเวลา เพื่ อให้สามารถทา งานตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้ การ ประมวลผลแต่ละคา ส่ังของหน่วยประมวลผลกลางจะทางานตามข้ันตอนของ วงรอบเคร่ืองจักร (machine cycle) ซึ่งประกอบด้วยการนา คาส่ัง การถอดรหัส และการกระทาการตามลาดบั การนาคอมพิวเตอร์มาเช่ือมต่อกันเป็นเครือข่ายทา ให้คอมพิ วเตอร์สามารถทา งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดบริการต่าง ๆ บนเครือข่ายการจะใช้งาน ระบบเหล่าน้ีให้เกิดประสิทธิภาพจา เป็นต้องรู้ถึงองค์ประกอบของการส่ือสาร เครือข่ายคอมพิ วเตอร์ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิ วเตอร์ และบริการบน อินเทอร์เน็ต เพื่ อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมในการทางานหรือแก้ปัญหาใน ชวี ิตประจาวนั 7. ส่ือและอปุ กรณ์ 7.1 ใบกิจกรรม ใบกจิ กรรมที่ เร่ือง เวลำ (นำท)ี 4.1 20 4.2 อปุ กรณค์ อมพิวเตอรแ์ ละหลกั การ 20 ทางานของคอมพิ วเตอร์ องคป์ ระกอบของการสอื่ สาร 7.2 ใบควำมรู้ 7.2.1 ใบความรทู้ ี่ 4.1 องคป์ ระกอบคอมพิวเตอรแ์ ละสื่อสาร 7.3 อื่นๆ 7.3.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ มในช้ันเรยี น 7.3.2 แบบประเมินการทางานกลุ่ม 7.3.3 หนังสือเรียนรายวิชาพื้ นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2

8. แนวทำงกำรจดั กำรเรียนรู้ 70 8.1 กำรจัดเตรยี ม 8.1.1 ใบความรทู้ ่ี 4.1 องคป์ ระกอบคอมพิวเตอรแ์ ละส่ือสาร 8.1.2 ใบกิจกรรมที่ 4.1 เรื่อง อุปกรณค์ อมพิวเตอรแ์ ละหลักการทางานของ คอมพิ วเตอร์ 8.1.3 ใบกจิ กรรมท่ี 4.2 เรอื่ ง องค์ประกอบของการสอ่ื สาร 8.1.4 อินโฟรกราฟฟกิ เรอื่ ง องคป์ ระกอบของการสื่อสาร 8.1.5 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในชนั้ เรียน 8.1.6 แบบประเมนิ การทางานกลมุ่ 8.2 ข้ันตอนกำรดำเนนิ กำร คำบที่ 1-2 (เวลำ 2 ช่วั โมง) 1. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเพื่อวดั ความร้กู ่อนเรยี น 2. ผูส้ อนแจกใบความรูท้ ่ี ใบความรทู้ ่ี ใบความรู้ที่ 4.1 องค์ประกอบ คอมพิวเตอรแ์ ละสื่อสารเพื่อศกึ ษาเนอื้ หาเพิ่มเตมิ 3. ผสู้ อน สอนเนือ้ หาองคป์ ระกอบบคอมพิวเตอร์ 4. ผ้สู อนใหผ้ ูเ้ รียนยกตวั อย่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พร้อมบอกว่าอุปกรณ์ชนิด นจ้ี ัดอยใู่ นหน่วยใด 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเน้ือหาในหนังสือเรียนหัวข้อท่ี 4.1 องค์ประกอบของ ระบบคอมพิวเตอร์ และ 4.2 เรอ่ื ง หลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ 6. จากน้ันให้ผู้เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 4.1 เร่ือง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และหลักการ ทางานของคอมพิวเตอร์ เมื่อเสร็จแล้วตวั แทนหอ้ งเก็บรวบรวมส่งผสู้ ง่ 7. จากน้ันให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ทากิจกรรม เรื่อง องค์ประกอบ ของคอมพิวเตอร์แตล่ ะชนิดและบอกหนา้ ที่ ขอ้ ดีและขอ้ เสยี 8. จากนนั้ ให้ผ้เู รียนนาเสนอหนา้ ช้นั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ผสู้ อนเสนอแนะ 9. จากน้ันให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพื่ อวัดว่าผู้เรียนได้รับความรู้จาก บทเรยี นมากน้อยเพียงใด 10. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรุปเนอื้ หาและกจิ กรรมท่ไี ดท้ าในช้นั เรียน

คำบท่ี 3-4 (เวลำ 2 ช่วั โมง) 71 1. .ผสู้ อนใหผ้ ้เู รียนดสู ื่ออนิ โฟรกราฟฟกิ เรือ่ ง องค์ประกอบของการส่ือสาร 2. ผู้สอน สอนเน้ือหา เครือข่ายคอมพิ วเตอร์ อินเทอร์เน็ต บริการบน อนิ เทอรเ์ นต็ คราวด์คอมพิวติง 3.จากนั้นผู้สอนถามผู้เรียนเก่ียวกับการสื่อสารท่ีผู้เรียนพบในชีวิตประจาวัน เช่น การพู ดคยุ การประกาศ การใชโ้ ทรศัพท์ การใชเ้ ครอื ข่ายสังคอม 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อท่ี 5.1 องค์ประกอบของ การส่อื สาร 5. จากนั้นใหผ้ เู้ รยี นทาใบกิจกรรมที่ 4.2 เร่ือง องค์ประกอบของการสอื่ สาร 6. ผู้สอนแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพื่ อทางานกลุ่มให้แต่ละกลุ่ม ออกมาจบั ฉลากหัวขอ้ ท่ไี ด้รับ และลงมือทา 7.จากน้ันให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียนและผู้สอนเสนอแนะ เพิ่มเติมจากสงิ่ ทนี่ ักเรียนไดส้ บื ค้นและศกึ ษาเพ่ิมเตมิ 8.ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปเนือ้ หาและกจิ กรรมทีไ่ ดท้ าในช้นั เรียน 9. กำรวดั และประเมินผล 9.1 ตรวจคาตอบจากใบกิจกรรม 9.2 สงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ มในชน้ั เรียน 9.3 ประเมนิ การนาเสอนผลงานกลมุ่ หนา้ ชั้นเรียน 9.4 ประเมนิ การทางานกลมุ่ 10. สอ่ื และแหล่งข้อมลู 10.1 อนิ โฟรกราฟฟกิ เรื่ององคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร https://drive.google.com/file/d/18cTcglLR5FvPYv5I6Kbpv0- 9ss3MmUPp/view?usp=sharing 11. ข้อเสนอแนะ -

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 5 เร่ือง กำรใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศอยำ่ งมีควำมรับผิดชอบ

72 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 5 วชิ ำ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 6 เรอ่ื งการใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เรอื่ ง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมคี วามรบั ผดิ ชอบ คาบท่ี 1-4 เวลา 4 ชั่วโมง ............................................................................................................................................................................................................ 1. ตัวช้วี ัด ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั มคี วามรับผดิ ชอบ สร้าง และแสดงสทิ ธ์ใิ น การเผยแพร่ผลงาน 2. สำระกำรเรยี นรู้ 2.1 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั โดยเลอื กแนวทางปฏบิ ตั เิ มอื่ พบเนอ้ื หา ท่ไี มเ่ หมาะสม เช่น แจ้งรายงานผเู้ ก่ียวขอ้ ง ป้องกนั การเขา้ มาของขอ้ มลู ทไี่ มเ่ หมาะสม ไม่โตต้ อบ ไมเ่ ผยแพร่ 2.2 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรบั ผดิ ชอบ เชน่ ตระหนกั ถึงผลกระทบ ในการเผยแพรข่ ้อมลู 2.3 ผลกระทบการเผยแพร่ขอ้ มลู ทไ่ี มเ่ หมาะสม 2.4 มารยาทในการตดิ ตอ่ ส่อื สารผา่ นอเี มล แชท สอื่ สงั คมออนไลน์ 2.5 การสร้างและแสดงสิทธิค์ วามเปน็ เจ้าของผลงาน 2.6 การกา หนดสิทธก์ิ ารใชข้ ้อมลู 3. จดุ ประสงค์ ใหผ้ เู้ รยี นสำมำรถ 3.1 บอกผลกระทบ แนวทางปอ้ งกนั และวิธกี ารแกป้ ญั หาในการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภยั 3.2 เลอื กวธิ ีปฏิบตั เิ มอื่ พบเนอ้ื หาไมเ่ หมาะสม 3.3 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมีความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ติดตอ่ สอื่ สารผ่านเครอื ขา่ ยสงั คมอย่างมมี ารยาทและปลอดภยั 3.5 อธิบายขอ้ กาหนดของสื่อทน่ี ามาใช้งาน 3.6 สร้างและกา หนดสิทธคิ์ วามเปน็ เจา้ ของผลงาน 4. ทักษะและกระบวนกำร (ทเี่ ป็นจดุ เน้น ทกั ษะในศตวรรษที่ 21) 4.1 ทักษะในการทา งานร่วมกนั 4.2 ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 4.3 ทกั ษะการส่อื สาร 4.4 ทกั ษะด้านการสอ่ื สารสารสนเทศและร้เู ทา่ ทนั ส่อื 4.5 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร

73 5. ควำมรู้เดมิ ทนี่ กั เรยี นต้องมี ซึง่ จะสอดคลอ้ งกบั สว่ น “ทบทวนควำมรู้ เดมิ /สำรวจควำมรกู้ ่อน” 5.1 แนวทางการใชง้ านไอทอี ย่างปลอดภยั 5.2 รูปแบบการป้องกนั ภยั คุกคามดา้ นไอที 5.3 ผลกระทบของการเผยแพรข่ อ้ มลู ส่วนตวั 5.4 วิธกี ารใชง้ านเครอื ขา่ ยสงั คมให้เกิดประโยชนก์ บั ตนเองและไมส่ ร้างความ เดอื ดรอ้ นแกผ่ อู้ น่ื 5.5 ความหมายของลิขสทิ ธ์ิ 5.6 สัญลกั ษณ์ครเี อทฟี คอมมอนส์ 6. สำระสำคญั การใช้งานอินเทอร์เน็ตทา ให้เกิดเสรีภาพในการสร้างข้อมูล การแสดงความ คิดเห็นต่าง ๆ ได้ง่าย และสามารถเผยแพร่ในวงกว้างใช้เวลารวดเร็ว ซ่ึงจะมีท้ัง ข้อมูลท่ีถูกต้อง ข้อมูลที่บิดเบือนความเป็นจริง ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม เช่น เน้ือหาท่ีมี การคุกคามทางเพศ เน้ือหาที่เกี่ยวกับความรุนแรง การก่อการร้าย การละเมิด ลิขสิทธิ์ ทุกคนสามารถช่วยป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ โดย อาจปฏิเสธการรับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่เปิดดู ไม่บันทึกเก็บไว้ ไม่กดไลค์ ไม่ส่งต่อ ไมแ่ ชร์ ถา้ ประสบปัญหาทไ่ี ม่สามารถจดั การด้วยตนเองได้ให้แจ้งครู ผู้ปกครอง เจ้า หน้ารัฐ หรือผู้ท่ีเกี่ยวข้องในการดูแลระบบที่นักเรียนใช้บริการน้ัน ๆ นอกจากน้ีก่อน การนา เสนอข้อมูล แสดงความคดิ เห็น เผยแพร่ และนา ส่ือตา่ ง ๆ ไปใช้ ควรคิดให้ รอบคอบ คา นงึ ถงึ ผลกระทบท่มี ตี ่อตนเอง และผูอ้ ่ืน โดย พิ จารณาถึงจริยธรรมที่เก่ียวข้องกับข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร ที่เรียกว่าพาพา ซ่ึงประกอบด้วย ความเป็นส่วนตัว (privacy) ความถูกต้อง (accuracy) ทรัพยส์ ินหรอื ความเป็นเจ้าของ (property) และการเข้าถึง (access) ข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ เช่น เอกสาร รูปภาพ หรือวีดิทัศน์ นับว่าเป็นทรัพย์สิน ประเภทหนึ่ง ที่เจ้าของสามารถระบุความเป็นเจ้าของและเง่ือนไขการนา ข้อมูลไปใช้ งาน ซึ่งการกา หนดสิทธิ์สามารถทา ได้หลายรูปแบบ เช่นการใส่ชื่อการระบุ สัญลักษณ์ การใส่ลายน้า หรอื ข้อความระบุเงื่อนไขการนา ไปใช้

7. สื่อและอปุ กรณ์ 74 7.1 ใบกิจกรรม เวลำ (นำท)ี ใบกจิ กรรมท่ี เร่อื ง 20 5.1 20 5.2 ประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ พิจารณากอ่ นเผยแพร่ 7.2 ใบควำมรู้ 7.2.1 ใบความรทู้ ี่ใบความรทู้ ่ี 5.1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 7.3 อืน่ ๆ 7.3.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มในชัน้ เรยี น 7.3.2 แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม 7.3.3 หนังสือเรียนรายวิชาพ้ื นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 8. แนวทำงกำรจัดกำรเรยี นรู้ 8.1 กำรจัดเตรียม 8.1.1 ใบความรูท้ ใี่ บความรทู้ ่ี 5.1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 8.1.2 ใบกจิ กรรมที่ 5.1 เรอ่ื ง ประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 8.1.3 ใบกิจกรรมท่ี 5.2 เรื่อง พิจารณาก่อนเผยแพร่ 8.1.4 อนิ โฟรกราฟฟกิ เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของการสือ่ สาร 8.1.5 แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ มในชัน้ เรียน 8.1.6 แบบประเมนิ การทางานกล่มุ

75 8.2 ข้ันตอนกำรดำเนนิ กำร คำบที่ 1-2 (เวลำ 2 ชวั่ โมง) 1. ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเพื่อวัดความร้กู ่อนเรียน 2.ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อจาก E-book เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างมีความรบั ผิดชอบ 3. จากนัน้ ผสู้ อนสรุปเนอ้ื หาเพิ่มเตมิ จาก E-book ทีน่ กั เรยี นได้ไปศกึ ษามา 4. จากนัน้ ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาเน้ือหาในหนงั ส่อื หัวขอ้ ท่ี 6.1 เร่ือง แนวทางปฏบิ ตั เิ มอ่ื พบเน้ือหาที่ไม่เหมาะสม และหัวข้อ 6.2 เรื่อง ผลกระทบในการเผยแพร่ข้อมูลไม่ เหมาะสม จากหนงั สือเรียน 6. ผู้สอนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ทากิจกรรมกลุ่ม เร่ือง แนวทางปฏิบัติเมื่อ พบเนื้อหาทีไ่ ม่เหมาะสมและผลกระทบการเผยแพร่ขอ้ มูลท่ไี ม่เหมาะสม 7. จากนน้ั ให้ผู้เรียนออกมานาเสนอหน้าช้นั ทล่ี ะกลุ่มและผสู้ อนเสนอแนะเพิ่มเติม 8. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียนหัวข้อท่ี 6.5 เร่ือง มารยาทใน การตดิ ตอ่ สื่อสาร จากหนงั สอื เรียน 9. จากน้ันให้ผู้เรียนทากิจกรรมที่ 6.2 ในหนังสือเรียน และใบกิจกรรมที่ 5.1 เรอ่ื ง ประโยชนแ์ ละโทษจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ. 10. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ เนื้อหาและกิจกรรมที่ไดเ้ รยี นในชัน้ เรยี น คำบท่ี 3-4 (เวลำ 2 ชั่วโมง) 1.ผู้สอนถามผู้เรียนเก่ียวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่พบในชีวิตประจาวันว่ามีอะไรบ้าง และอยู่ในรูปแบบใดผู้เรียนสามารถสร้างข้อมูลเหล่านี้ได้เองหรือไม่ และมีวิธีการ บอกผู้อื่นอย่างไร ในการนาข้อมูลของผู้เรียนไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาหัวข้อ 6.3 แนวทางการพิ จารณาเน้ือหาก่อนเผยแพร่ ขอ้ มลู และ 6.4 เร่ือง การสรา้ งและแสดงสทิ ธ์คิ วามเป็นเจา้ ของผลงาน จากหนังสอื เรียน และทาใบกิจกรรมท่ี 5.2 เรื่อง พิจารณากอ่ นเผยแพร่ 3. ผู้สอนแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลุ่มค้นหาขอ้ มูลตา่ ง ๆ ที่ต้องการในอินเทอร์เน็ต เช่น ภาพ ข้อมูล เว็บไซต์ หรือส่ืออ่ืน ๆ แล้วเลือกมา 1 อย่าง

76 4. ผู้สอนให้แต่ละกลุ่มค้นหาว่าข้อมูลท่ีได้รับ ใครเป็นเจ้าของ และมีการระบุเง่ือนไข การนา ไปใช้อย่างไรเช่น นา ไปใช้ในการเรียนได้หรือไม่ นา ไปใช้ในการค้าได้หรือไม่ นาไปเผยแพรไ่ ด้หรอื ไม่ โดยทา ลงในกระดาษ A4 และเลือกช้ินงานในกลุ่มมา 1 ช้ิน เพ่ือนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น 5. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปการกาหนดสิทธิ์ของผลงานในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงวิธีการนาผลงานของผู้อื่นไปใช้งานได้ถูกต้องตามข้อกาหนดเแล้วนาเสนอ หน้าช้นั เรยี น 6. จากนั้นให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเพ่ื อวัดว่าผู้เรียนได้รับความรู้จาก บทเรยี นมากนอ้ ยเพียงใด 7. ผู้สอนและผูเ้ รยี นร่วมกันสรุปกจิ กรรมและเนอื้ หาในช้ันเรียน 9. กำรวดั และประเมินผล 9.1 ตรวจคาตอบจากใบกิจกรรม 9.2 สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในชั้นเรยี น 9.3 ประเมนิ การนาเสอนผลงานกลุ่มหนา้ ชั้นเรียน 9.4 ประเมนิ การทางานกลุ่ม 10. ส่ือและแหล่งขอ้ มูล 10.1 E-book เร่อื ง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีความรบั ผดิ ชอบ https://drive.google.com/drive/folders/1Qz7DU65qF2duf1Pce5AcElu Pdx6iuBGa?usp=sharing **หมายเหตุ ให้ผเู้ รยี นดาวโหลดทงั้ โฟลเดอรแ์ ละคลกิ ท่ี เพ่ือศึกษาสอ่ื E- book ** 11. ข้อเสนอแนะ -

ภำคผนวก

ภำคผนวก แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี 1

77

78

79

80

81

82

83

84

85

86

87

88

89


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook