อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี Rate of Chemical Reaction
เคมี (ครแู นน) อตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี (Rate of Chemical Reaction) By N.nan 1
เคมี (ครแู นน) อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคม(ี Rate of Chemical Reaction) ปฏกิ ริ ยิ าเคมี หมายถงึ การท่สี ารตัง้ ตน เปล่ยี นไปเปน ผลิตภณั ฑ(สารใหม) เมอ่ื เวลาผานไปปรมิ าณ ของสารตั้งตนจะลดลง ขณะที่ปรมิ าณสารใหมจะเพมิ่ ขน้ึ เราสามารถแบงชนดิ ของปฏกิ ริ ยิ าเคมไี ด 2 ชนดิ ดังน้ี 1. ปฏกิ ริ ยิ าเนอื้ เดยี ว (Homogeneous Reaction) หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าท่ีสารต้ังตน ทกุ ตัว ในระบบอยใู นสภาวะเดยี วกนั หรือกลมกลืนเปนเนอ้ื เดยี วกนั เชน 3H2(g) + N2(g) 2NH3(g) …………………………………………………………………………… 2. ปฏกิ ริ ยิ าเนอ้ื ผสม (Heterogeneous Reaction) หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าท่ีสารต้ังตนอยู ตางสภาวะกนั หรอื ไมก ลมกลนื เปน เนอ้ื เดยี วกนั เชน Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + H2(g) …………………………………………………………………………….. อตั ราของปฏกิ ริ ยิ า (Rate of chemical reaction)หมายถงึ ปรมิ าณสารตั้งตนทห่ี ายไปตอ หนงึ่ หนวยเวลา(วนิ าที,นาที หรอื ช่ัวโมง)หรือปรมิ าณผลิตภณั ฑทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ หนง่ึ หนว ยเวลา ( วนิ าที , นาที หรือ ช่ัวโมง) กรณที กี่ ารวดั ความเขม ขนโดยตรง 1. ปรมิ าณกา ซที่เกดิ ขน้ึ 2. ความดนั ทเี่ ปล่ยี นแปลง ของสารทําไดย ากนกั เคมมี กั วัด 3. การเปล่ียนสี สมบตั ทิ ี่สัมพนั ธโ ดยตรงกบั ความ 4. การเกดิ ตะกอน เขม ขน เชน ความดนั สีแลว จงึ 5. การเกดิ กรดหรือเบส เปล่ยี นเปน ความเขมขน 1. ความหมายของอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยา = ปรมิ าณสารตงั้ ตน ทเี่ ปลยี่ นแปลงไป ระยะเวลาทเ่ี กดิ ปฏิกริ ยิ า หรือ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ า = ปรมิ าณผลติ ภณั ฑทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป ระยะเวลาทีเ่ กดิ ปฏกิ ิริยา Note 2
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2. การคาํ นวณเกย่ี วกบั อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า Ex. ถาปฏิกริ ยิ าทว่ั ไป คอื A + 2B C + 3D ปฏกิ ิรยิ านี้สามารถวัดอตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าไดห ลายวิธี ดงั น้ี 1. อตั ราการเกดิ สาร C = ………………………………………….. 2. อัตราการเกดิ สาร D = ………………………………………….. 3. อัตราการลดลงของสาร A = ………………………………………….. 4. อตั ราการลดลงของสาร B = ………………………………………….. 5. อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา = ………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………….. หรือ ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………….. 1. จากปฏกิ ริ ยิ า Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + H2(g) จงหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าของปฏกิ ริ ิยานี้ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 3
เคมี (ครูแนน) อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. เชอื้ เพลิงสะอาดชนดิ หน่ึงท่ีสามารถใชใ นเครอ่ื งยนตม ีสมการ คอื 2H2 (g) + O2 (g) ⎯⎯→ 2H2O (g) ก. จงเขียนความสัมพนั ธแสดงการเปลยี่ นแปลงความเขม ขนของ H2 , O2 และ H2O กบั เวลา .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ข. เมอ่ื ความเขม ขนของ O2มอี ตั ราการลดลงเปน 0.23 mol/dm3.s อตั ราการเพมิ่ ข้ึนของความเขม ขน ของ H2O จะเปน เทา ไร .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ค. จงเขยี นอัตราการลดลงปฏกิ ิรยิ าของ H2 , O2 , อตั ราการเกดิ ของปฏกิ ิริยา H2O .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ง. อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าของปฎกิ ิริยาน้ี .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... 4
เคมี (ครแู นน) อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี 3. ขอสรปุ เกยี่ วกบั อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 1. ในปฏกิ ิรยิ าขนั้ หนง่ึ ๆมีข้นั ตอนในการเกดิ ปฏิกริ ิยาหลายข้ันตอน บางขั้นตอนเกิดเร็ว บาง ข้ันตอนเกิดชาขั้นควบคุมปฏิกิริยาหรือข้ันกําหนดอัตรา (Rate Determining Step)คือ ขั้นทีด่ าํ เนนิ ไปชาทส่ี ดุ 2. ในขณะทป่ี ฏิกริ ิยาดําเนินไปเร่ิมตน ปฏิกริ ยิ าเกิดเร็ว เพราะ ปริมาณสารต้ังยังมีมาก แตชว ง หลังอัตราการเกิดปฏิกิริยาจะชาลง เพราะ ปริมาณสารต้ังตนลดลง เชน การเกิดปฏิกิริยาของลวด แมกนเี ซียมกบั กรดไฮโดรคลอริก Mg + 2HCl -----------> MgCl2 + H2 3. สารแตล ะตัวในสมการจะมอี ตั ราเร็วไมเทา กนั เชน ปฏกิ ริ ยิ า A + 2B ------> 3C + 4D ในทน่ี ส้ี าร B เกิดปฏกิ ริ ิยาไดเรว็ กวาสาร A เขยี นเปน กราฟปฏกิ ริ ิยาได ดังนี้ 4. การหาอัตราเร็วของการเกดิ ปฏิกริ ยิ า หาจากสารตัวใดก็ได เชน - ถาเปนของแขง็ โดยการช่งั นาํ้ หนกั - ถา เปนสารละลายหาความเขมขน - ถา เปน แกส จะตอ งหาโดยการวดั ปรมิ าตรหรือวดั ความดัน 5. การหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า หาจากสารตวั ใดก็ได ผลลพั ธจะเทา กนั โดยใชส ตู ร ดงั นี้ A + 2B ------>3C + 4D 5
เคมี (ครแู นน) อัตราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี 4. ประเภทของอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี แบงออกเปน 3 ประเภทดังนี้ 1)อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ย (Average rate) คืออัตราการเกิดปฏิกิริยาจาก การเปล่ียนแปลงปรมิ าณสารตง้ั ตน ที่ลดลงหรอื ผลิตภัณฑท ีเ่ พ่มิ ขึ้นทง้ั หมดในหนง่ึ หนว ยเวลา 2)อั ต ร า ก า ร เ กิ ด ป ฏิ กิ ริ ย า ช ว ง เ ว ล า ห น่ึ ง คื อ อั ต ร า ก า ร เ กิ ด ป ฏิ กิ ริ ย า ท่ี คิ ด จ า ก ป ริ ม า ณ ส า ร ตั้ ง ต น ที่ ล ด ล ง ห รื อ ส า ร ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ที่ เ พ่ิ ม ข้ึ น ณ ช ว ง ใ ด ช ว ง ห นึ่ ง ข ณ ะ ท่ี ป ฏิ กิ ริ ย า ดํ า เ นิ น อ ยู ใ น 1 หนวยเวลาทช่ี วงน้ัน 3)อั ต ร า ก า ร เ กิ ด ป ฏิ กิ ริ ย า ณ จุ ด ใ ด จุ ด ห น่ึ ง ข อ ง เ ว ล า ห รื อ ที่ เ ว ล า ใ ด เ ว ล า ห น่ึ ง คื อ อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าทค่ี ดิ จากปริมาณสารตงั้ ตน ท่ลี ดลงหรอื สารผลิตภัณฑท่เี พิ่มข้นึ ณที่เวลาใด เวลาหนึ่ง ในชวงเวลาสนั้ ๆขณะที่ปฏิกิริยาดาํ เนินอยูใ น 1 หนว ยเวลาสามารถหาไดจากความชนั ของกราฟ ตวั อยา งที่ 1 ปฏกิ ริ ยิ าระหวา งซิงคก บั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ ดงั สมการ Zn(s) + 2 HCl (aq) ZnCl (aq) + H (g) 22 ปรมิ าตร H2 (cm3) เวลา (s) 00 10 9 20 19 30 31 40 47 50 71 6
เคมี (ครแู นน) อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1. จงคํานวณหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเฉลย่ี ในชวงเวลา 9 -19 วนิ าที 2. จงคาํ นวณหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเฉลย่ี ในชวงเวลา 19 - 31 วินาที 3. จงคาํ นวณหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเฉลยี่ ในชว งเวลา 31 – 47 วินาที 4. จงหาอัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเฉล่ยี ที่วินาที่ 25 5. จงหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเฉล่ยี ทีว่ นิ าที่ 40 6. จงหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเฉลี่ยทว่ี นิ าท่ี 47 7. จงหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเฉลย่ี ของ H2และ HCl 7
เคมี (ครูแนน) อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ตวั อยา งที่ 2 ปฏกิ ริ ิยา 2N2O5 (g) 4NO2(g) + O2(g) การสลายตัวของ N2O5 มกี ารเปล่ียนแปลงความเขม ขน ดังน้ี 3 Time ,t (s) 0 ความเขมขนของN2O5 (mol/dm ) X 500 3.5 1000 2.5 1500 1.8 2000 1.2 ถาอตั ราการสลายตัวของ N2O5 เปน 1.9 x 10 -3mol/dm3.s จงตอบคําถามตอไปน้ี 1. จงหาความเขม ขนเร่ิมตน ของ N2O5 2. จงหาอตั ราการเกดิ O2ในชวงเวลา 0 -500 วนิ าที 3. อตั ราการเกดิ NO2เปน mol/dm3.s 4. จงหาอัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าทวี่ ินาทที ี่ 1000 8
เคมี (ครูแนน) อตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี แบบฝก หดั 1.การสลายตวั ของ H O ได O และน้าํ ณ อุณหภมู หิ น่ึง สามารถวดั ปริมาตรแกส O ณ วนิ าทตี า งๆได 22 2 2 ขอ มลู ดังนี้ 2H O 2H O(l) + O (g) 22 22 เวลา 0 10 20 30 40 50 ปรมิ าตร O (cm3) 0 30 44 53 59 60 2 1. จงหาอัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมเี ฉล่ีย 2. จงอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมใี นวนิ าทที ี่ 20 2. สาร X สลายตัวใหสาร Y ดงั สมการ X Y เมื่อวดั ความเขม ขน ของสาร X ขณะ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาตง้ั แตเรม่ิ ตนจนส้นิ สดุ ปฏิกริ ิยาไดขอ มูลดงั นี้ เวลา(s) 0 20 40 60 80 100 ความเขม ขนของสาร 0 0.6 0.4 0.3 0.25 0.2 X(mol/cm3) 1. จงหาอัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเฉลยี่ 2. จงหาอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาชวงเวลา 20-40 วนิ าที 3. จงหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ า ณ วนิ าที 40 9
เคมี (ครแู นน) อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี การคาํ นวณโดยใชส มการเคมี 1. เมอ่ื นาํ Mg มา 5 กรมั ใสลงในสารละลาย HCl 2.5 mol/l จํานวน 100 cm3หลงั จากเวลาผาน ไป 50 วนิ าที ปรากฏวา เหลอื Mg อยูจํานวนหน่ึง สว นกรดใชห มดไปพอดี จงหาอตั ราการ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเฉล่ยี เปน mol/s 2. สาร A และ B ทําปฏกิ ริ ิยาดังสมการ A + 2B -------> 3C + 4D เม่อื ใชสารละลาย A เขม ขน 2 mol/dm3จาํ นวน 100 cm3ผสมกับสารละลาย B เขม ขน 3 mol/dm3จาํ นวน 100 cm3หลังจากเวลาผานไป 10 วนิ าที เกดิ สาร Dจํานวน 2 x 10 -4mol จงหาอตั ราเรว็ ของสาร A เปน mol/dm3.s 3. จากสารละลาย Na2S2O3 0.3 mol/l 10 cm3ทําปฏกิ ริ ยิ ากับ HCl 0.2 mol/l10 cm3ใชเ วลา ท้ังส้ิน 20 วนิ าที ปฏิกริ ยิ าจงึ สนิ้ สดุ จงหาอตั ราเรว็ การเกิดปฏกิ ิริยาเรว็ เฉลยี่ เมอื่ คดิ จากมวลของ s เปน กรมั /วนิ าที กําหนดสมการให ดังน้ี S2O32- + 2H+ -----> H2O + SO2 + S 10
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 5. ปจ จยั (Factor) ทมี่ ผี ลตอ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมสี ามารถถกู ควบคมุ ใหมีคา มากหรือนอ ยโดยปจจยั ตอ ไปน้ี 1. ธรรมชาติของสารต้ังตน ( Nature of reactant) 2. ความเขม ขน ของสารตั้งตน (Concentration of reactant) 3. พื้นทีผ่ วิ (Surface area) 4. อุณหภมู ิ (Temperature) 5. ความดันสําหรบั ปฏกิ ริ ิยาของแกส 6. ตวั เรงปฏิกริ ิยา (Catalyst) และตวั หนวงปฏกิ ริ ิยา (Inhibitor) 5.1ธรรมชาตขิ องสารตงั้ ตน สารตัง้ ตน ทเ่ี กาะกนั แข็งแรงหรือมพี นั ธะทีแ่ ขง็ แรงจะเกดิ ปฏกิ ริ ิยายาก เชน Ex 1 โลหะNaทําปฏิกิรยิ ากบั นาํ้ เย็นไดเ รว็ มากและเกิดปฏกิ ริ ยิ ารนุ แรง โลหะ Mgทําปฏกิ ิรยิ ากับนา้ํ เยน็ ไดช า แตเ กิดไดเรว็ ขึ้นเมอื่ ใชน ้ํารอ น Ex 2 ฟอสฟอรสั ขาวเหลอื ง P4เกดิ ปฏิกริ ยิ างา ย เพราะ สารต้ังตน มโี ครงสรางท่ไี มซับซอ น ฟอสฟอรัสแดงP4เกดิ ปฏกิ ริ ยิ ายาก เพราะ สารต้ังตน ทมี่ โี ครงสรางซบั ซอ น 5.2ความเขม ขน ของสารตงั้ ตน จาก Law of mass action กลาววา อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเปน สดั สว นโดยตรงกบั ความ เขม ขน ของสารตง้ั ตน ทเี่ ขา ทาํ ปฏกิ ริ ยิ า เชน R α [A]m[B]n R =K [A]m[B]n 11
เคมี (ครูแนน) อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ถา R คอื อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ า A,Bเปน สารตง้ั ตนในการทาํ ปฏกิ ิรยิ า m,nเปน อนั ดบั ของปฏกิ ิริยา m,nเปน ตวั เลข ซึ่งจะบอกใหทราบวา อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาขน้ึ อยกู บั สารใดบาง มากนอ ยเพยี งใด ความเขมขน ของสารต้ังตนแตล ะตัวในปฏกิ ริ ยิ า อาจจะมผี ลตอ อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาไมเ ทา กนั บาง ตัวมีผลมาก บางตวั มีผลนอ ย และบางตวั ไมม ผี ลตอ อตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าเลยกไ็ ด ท้ังนีเ้ ปน เพราะวา ในการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าอาจจะมหี ลายขน้ั ตอนยอย และอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะขนึ้ อยกู บั ขน้ั ตอนทเี่ กดิ ชา ที่สุด เชน A + 2B ⎯⎯→ C + D ถา 1. ถาปฏิกริ ิยานม้ี ีข้นั ตอนเดียว อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยาจะเปน ดังน้ี R = k [A] [B]2 2. ถา ปฏกิ ริ ยิ ามหี ลายขน้ั ตอน ดงั เชน 2.1 A + B ------> X (เกิดชา) X + B -------> C (เกดิ เรว็ ) อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าจะเปน ดังน้ี R = K[A][B] 2.2 B + B --------> B2 (เกดิ ชา) A + B2 --------> C (เกดิ เรว็ ) อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเปน ดังน้ี R = K[B]2 2.3 A + B ---------> 2X (เกดิ เรว็ ) X + B --------> Y (เกดิ เร็ว) X + Y --------> C (เกดิ ชา ) อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเปน ดงั นี้ R=K 12
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ถา เปน เชน นี้ แสดงวา ความเขมขน ของสารตัง้ ตนไมม ผี ลตอ อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ า ไมวาความเขม ขน จะเปลีย่ นแปลงอยางไร อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะไมเ ปล่ียนตาม จากทก่ี ลา วมาน้ี ทําใหท ราบวา การเพ่ิมความเขม ขนของสารต้ังตนตวั ใดตวั หน่งึ จะทําใหป ฏกิ ิรยิ าเกิด เรว็ ขึ้นหรอื ไมด จู ากสมการไมได แตด ไู ดจ ากผลการทดลองเทานนั้ แลวจงึ สรุปออกมาในรูปของกฎอตั รา ดงั น้ี R = K[A]m[B]n R = อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า K = คา คงที่ของปฏกิ ริ ิยา [A]และ [B] = ความเขม ขน ของสารต้งั ตน m,n = อนั ดบั ของปฏกิ ริ ิยา ถา m = 0, n= 0 แสดงวา ความเขม ขน ของสาร A และ B ไมม ผี ลตอ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา ถา m = 1, n= 0 แสดงวา ถาเพมิ่ ความเขม ขนของสาร A จะมีผลตอ อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า แตความ เขม ขน ของสาร B ไมม ผี ลตอ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา คาํ ถาม จงแปลความหมายของกฎอัตราตอ ไปน้ี R = k[A]0[B]0หมายความวา…………………………………………………………………………….. R = k[A]1[B]2หมายความวา ………………………………………………………………..................... R = k[A]1[B]1หมายความวา ……………………………………………………………………………… R = k[A]0[B]1หมายความวา ……………………………………………………………….................... Ex. A ทาํ ปฏิกริ ิยากับ B ได C เปน ผลติ ภัณฑ มอี ัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ดังน้ี การทดลอง A B อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าของสาร C 1 11 2.5 2 21 2.5 3 12 5.0 4 12 5.0 13
เคมี (ครแู นน) อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี จงหาอัตราเรว็ ของปฏกิ ริ ิยา R = K[A]m[B]n การทดลองท่ี 1 2.5 = K[1]m[1]n ……………………………………………………………….. (1) การทดลองท่ี 1 2.5 = K[2]m[1]n ……………………………………………………………….. (2) (2) ÷ (1) 1 = 2m m=0 การทดลองที่ 1 2.5 = K[1]m[1]n ……………………………………………………………….. (3) การทดลองท่ี 1 5.0 = K[1]m[2]n ……………………………………………………………….. (4) (4) ÷ (3) 2 = 2n n=1 กฎอตั รา R = K[A]0[B]1 การหาอตั ราเรว็ ของปฏกิ ริ ยิ า Ex1. NO + 1/2 Cl2 -------->NOCl [NO] [Cl2] อตั ราการเกดิ NOCl (mol/dm3) (mol/dm3) (mol/dm3.s) 1.43 x 10 -6 0.1 0.1 2.86 x 10 -6 11.44 x 10 -6 0.1 0.2 0.2 0.2 จงหาอัตราเรว็ ของปฏกิ ริ ิยา Ex2. A + B --------> C อัตราการเกดิ ปฏกิ ิริยา (mol/dm3.s) ความเขม ขน ท่ี 50 วนิ าที ท่ี 300 วินาที 0.004 0.0002 สารต้ังตน A สารตัง้ ตน B 0.008 0.0004 0.01 0.02 0.004 0.0002 0.01 0.04 0.03 0.02 จงหาอตั ราเรว็ ของปฏกิ ิรยิ า 14
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี Ex3. NO2(g) + 2H2(g) -----> 2H2O(g) + N2O(g) [NO] [H2] อัตราเร็วของปฏกิ ริ ิยา (mol.dm-3) (mol.dm-3) (mol/dm3.s) 3.5 x 10 -5 1.00 1.00 5.0 x 10 -5 1.20 1.20 1.8 x 10 -5 0.08 0.08 7.0 x 10 -5 1.00 2.00 1.4 x 10 -4 2.00 1.00 จงหาอตั ราเรว็ ของปฏกิ ริ ยิ า Ex4. A + B --------> C ปรมิ าณ A ปรมิ าณ B เวลาผา นไป [C] อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า (cm3) (cm3) (s) (mol/dm3) 30 R1 10 40 83 0.01 R2 30 0.025 R3 20 40 83 0.02 R4 30 0.05 R5 20 20 83 0.01 R6 0.025 จงหาอัตราเรว็ ของปฏกิ ิรยิ า 15
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี Ex4. A + B --------> C [A] [B] เวลาทีใ่ ชในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า (min) [C] (mol/dm3) 4.00 2.00 4 3.2 8.00 2.00 2 3.2 8.00 4.00 5 32 1. จงหาอตั ราเรว็ ของปฏกิ ิริยา 2. จงหาคา K ของปฏกิ ิริยา 3. ถา ทาํ การทดลองเพิ่มอีกการทดลอง โดยให A มคี วามเขมขน 5 mol/l B มคี วามเขม ขน 4 mol/l อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเปนเทาใด 4. ถา เพิ่มความเขมขนของ A เปน 2 เทา ความเขม ขนของ B เปน 5 เทา อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาจะ เปน กเ่ี ทา ของปฏกิ ิรยิ าเดมิ 16
เคมี (ครแู นน) อตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 5. จากการทดลองที่ 2 ถาเพิ่มความเขมขน ของ A เปน 5 เทา เพ่มิ ความเขมขน ของ B เปน 3 เทา อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเปน กเ่ี ทา ของอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเดิม และมอี ัตรา การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเปน เทา ใด Ex5. จากการศกึ ษาปฏิกริ ิยา A + B --------> C ซ่งึ เปนปฏกิ ิริยาขนั้ ตอนเดียวท่ี 25 C มีขอมูล ดังนี้ ความเขมขน ของสาร A ความเขม ขนของสาร B เวลาท่ีใชใ นการ ความเขมขน ของสาร C (mol/l) (mol/l) เกิดปฏกิ ริ ยิ า (mol/l) (min) 0.10 0.05 25 0.0033 0.10 0.10 15 0.0039 0.20 0.10 7.5 0.0077 1. อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าขนึ้ กบั ความเขมขนของสารใด 2. เมอื่ เพ่มิ ความเขมขน สาร A เปน 2 เทา อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเพม่ิ เปน กเี่ ทา 17
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 3. เม่อื เพิม่ ความเขมขนของสาร A เปน 3 เทา และความเขม ขนของสาร B เปน 2 เทา อตั ราการ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าจะเพมิ่ เปนกี่เทา 4. ถา จะเปล่ียน [B] เปน 0.20 ในการทดลองท่ี 3 อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าจะเปน เทา ใด การหาอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าและปรมิ าณผลติ ภณั ฑท เี่ กดิ ในปฏกิ ริ ยิ า • อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาจะเรว็ หรือชา พจิ ารณาจากความเขม ขน ของสารท่ีทําปฏกิ ริ ยิ ากัน (ความเขมขน ของสารในทีน่ ตี้ อ งมผี ลตออตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ า) • ปรมิ าณผลิตภณั ฑท่เี กดิ ขน้ึ มากหรือนอ ย ข้นึ อยปู รมิ าณสารตงั้ ตนทใ่ี ชหมดในปฏกิ ริ ิยานน้ั โดย คาํ นวณไดต ามสมการ Ex 1.กาํ หนดให Mg มากเกนิ พอทําปฏกิ ริ ยิ ากบั กรด HClทีม่ ีความเขม ขนและปริมาตรแตกตา งกนั ดังตอ ไปนี้ A :HCl เขม ขน 2 mol/dm3จาํ นวน 200 cm3 B :HCl เขม ขน 3 mol/dm3จาํ นวน 100 cm3 C :HCl เขมขน 4 mol/dm3จาํ นวน 100 cm3 D :HCl เขมขน 5 mol/dm3จํานวน 50 cm3 จงเปรียบเทยี บอัตราเร็วในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าของสารดังกลาว ………………………………………….. จงเปรียบเทียบผลติ ภัณฑทเ่ี กิดขน้ึ ในปฏกิ ริ ยิ า…………………………………………………………. 18
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ทฤษฎที อ่ี ธบิ ายเกย่ี วกบั อตั ราเรว็ ของการเกดิ ปฏกิ ิรยิ า ทฤษฎกี ารชนของแกส กลา ววา ปฏกิ ิรยิ าจากโมเลกุลของแกส วงิ่ ชนกนั และมกี ารถา ยเทพลงั งานใหก นั และกนั โมเลกลุ ทไ่ี ปชนโมเลกลุ อ่นื จะมพี ลงั งานตาํ่ ลง สว นโมเลกุลท่ถี กู ชนจะมพี ลงั งานสงู ข้ึน โมเลกลุ ทเี่ กดิ ปฏกิ ริ ยิ าไดข นึ้ อยกู บั 1. โมเลกุลวง่ิ ชนกนั แลว มีพลงั งานสูงอยางนอ ยเทากับคา Ea(พลงั งานกระตนุ หรือพลงั งานกอกมั มันต) 2. ตองชนถกู ทิศทาง ปฏกิ ริ ยิ าจะเกดิ ขนึ้ ไดเ รว็ ขน้ึ กบั 1. …………………………………………………………………………………………. 2. ………………………………………………………………………………………… 19
เคมี (ครแู นน) อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี พลงั งานกบั การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ิรยิ าเคมี เมอ่ื พิจารณาปฏกิ ริ ยิ าเคมีในแงข องพลังงาน จะสามารถแบงออกไดเ ปน 2 ประเภทคอื 1.ปฏกิ ริ ยิ าดดู พลงั งาน (Endothermic Reaction)หมายถงึ ปฏิกริ ิยาที่มีการถา ยเทพลังงานจาก สิ่งแวดลอ มเขา สูร ะบบ ดังนนั้ ปฏิกริ ยิ าดดู พลงั งานของสารผลติ ภณั ฑจ ะมีพลงั งานสูงกวาสารต้ังตน พลังงาน (E) สารตง้ั ตน Ea ผลติ ภณั ฑ ∆E การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า 2.ปฏกิ ริ ยิ าคายพลงั งาน (Exothermic Reaction)หมายถึง ปฏกิ ริ ยิ าเคมีที่มีการถา ยเทพลงั งานจาก ระบบไปสูส่งิ แวดลอม ดังนนั้ ในปฏิกริ ิยาคายพลงั งานสารตงั้ ตนจะมพี ลงั สงู กวา สารผลิตภณั ฑ พลงั งาน (E) สารตงั้ ตน Ea ∆E ผลติ ภณั ฑ การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า 20
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ตวั อยา งท่ี 1 จากกราฟ 1.1 พลงั งานสารตง้ั ตน เทา กบั ………….. kJ 1.2 พลงั งานของผลิตภณั ฑเทากบั …………. kJ 1.3 พลังงานของผลติ ภณั ฑ................... พลังงานของสารตั้งตน 1.4 ปฏกิ ิรยิ าน้ีเปน ปฏิกริ ยิ า................................... 1.5 Eaของปฏกิ ิรยิ า เทา กบั ......................... kJ ตวั อยา งที่ 2 จากกราฟ 2.1 พลังงานสารตงั้ ตนเทากบั ………….. kJ 2.2 พลงั งานของผลิตภณั ฑเทา กบั …………. kJ 2.3 พลงั งานของผลิตภณั ฑ. .................. พลังงานของสารต้งั ตน 2.4 ปฏกิ ิรยิ านเี้ ปน ปฏกิ ริ ยิ า................................... 2.5 Eaของปฏกิ ริ ยิ า เทากบั ......................... kJ 21
เคมี (ครูแนน) อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี พลงั งานกอ กมั มนั ตก บั ปฏกิ ริ ยิ าเคมที มี่ หี ลายขนั้ ตอน เราทราบมาแลววา ปฏกิ ริ ิยาเคมที มี หี ลายขน้ั ตอน จะประกอบไปดวยขั้นทีช่ าและเรว็ การที่ กลไกของปฏกิ ริ ยิ ามหี ลายขน้ั ตอนเชนน้นั แสดงวาในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีจะตอ งเกดิ สารเชงิ ซอ นทถ่ี ูก กระตุนมากกวาหน่ึงชนดิ และยอมมีพลังงานกอ กมั มันตมากกวา 1 คาดว ย EX 1 II III พลังงาน (E) IV I การดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ิรยิ า ปฏกิ ิรยิ าไปขา งหนา ปฏกิ ริ ยิ ายอ นกลบั 1. ปฏกิ ริ ยิ านเ้ี ปน ปฏกิ ิรยิ า .................... 1.ปฏิกริ ิยานีเ้ ปน ปฏิกริ ยิ า .................... 2. ปฏิกริ ิยาน้ี มี ........ ขั้นตอน คอื 2. ปฏกิ ิรยิ าน้ี มี ........ ขน้ั ตอน คอื - ข้นั ตอนที่ ...... ดูด / คาย - ข้นั ตอนที่ ...... ดดู / คาย - ข้นั ตอนท่ี ...... ดดู / คาย - ข้นั ตอนที่ ...... ดูด / คาย - ขั้นตอนที่ ...... ดดู / คาย - ข้ันตอนที่ ...... ดูด / คาย - ขน้ั ตอนที่ ...... ดูด / คาย - ข้ันตอนที่ ...... ดูด / คาย 3. ข้นั กาํ หนดปฏิกริ ิยา คือ ขน้ั ที่ ............... 3. ขนั้ กําหนดปฏิกริ ยิ า คือ ขนั้ ที่ ............... เพราะ ............................................... เพราะ ............................................... 4. เรยี งลําดบั อตั ราการเกดิ ปฏิกิรยิ าจากเรว็ ไปชา 4. เรยี งลําดับอตั ราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าจากเร็วไปชา ......................................................... .................................................................. EX 2 100 1.จากปฏิกริ ิยาไปขา งหนา ขัน้ ท่ี I มีคา Ea = ……… 90 2.จากปฏกิ ิรยิ ายอ นกลบั ขั้นท่ี 2 มคี า Ea = ……… 70 3.ขน้ั ควบคมุ อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าไปขา งหนา คอื ขน้ั ท่ี ............... และขั้นน้ีเปนปฏิกริ ยิ าดูดหรือคาย 30 ความรอ นเทาใด............................................... 20 22
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี คาํ ถาม พจิ าณากราฟแสดงพลังงานกบั การดาํ เนนิ ไปของปฏิกริ ยิ าหลายข้ันตอนตอ ไปน้ีแลว ตอบคาํ ถาม 1. จงระบุสารตางๆตอไปน้ี 1.1 สารตั้งตน คอื ………… 1.2 สารผลิตภัณฑค อื ………… 1.3 สาร Activated Complex คือ……………. 1.4 สาร Intermidateคอื ……………. 2. จงเขียนกลไกการเกดิ ปฏิกริ ยิ า และปฏกิ ริ ยิ ารวม ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… 3. จงระบวุ า ปฏกิ ริ ิยายอ ยขน้ั ใดเปน ขน้ั กําหนดอตั รา และเพราะเหตุใดจงึ เปนเชน นนั้ ………………………………………………………………………………………………… 4. ปฏกิ ิรยิ าจากกราฟเปนปฏกิ ิรยิ าทีม่ กี ารเปล่ียนแปลงพลังงานแบบใด เพราะเหตใุ ด ………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………… 23
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี แบบฝก หดั 1. จากสมการ O (g) + O (g) -------> 2O (g) 32 พลงั งานกอกมั มนั ตของปฏกิ ิริยาไปขางหนา เทา กับ 20 kJ และพลงั งานของปฏกิ ิริยาน้ี เทา กบั – 392 kJ จงวาดกราฟแสดงความสัมพนั ธของพลังงานกับการดาํ เนนิ ไปของปฏกิ ิรยิ าและ คํานวณหาคา พลงั งานกอกมั มนั ตของปฏกิ ิรยิ ายอ นกลบั 2. จากภาพทก่ี ําหนดให จงเขยี นEa (fwd) , Ea (rev) และΔH ทตี่ ําแหนง ทถ่ี ูกตองในภาพพรอ มวาดสารเชิงซอ นกมั rxn มนั ตบ ริเวณ ทรานซชิ นั สเตดและคํานวณEa (rev) ของปฏกิ ริ ยิ านี้ 24
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 5.3 พน้ื ทผ่ี วิ ของสารตง้ั ตน การแบงประเภทของปฏกิ ิรยิ าเคมโี ดยพิจารณาจากสถานะของสารตัง้ ตน แบง ออกเปน 2 ประเภทคือ 1.ปฏกิ ริ ิยาเนอ้ื เดียว หมายถงึ ปฏกิ ริ ยิ าทส่ี ารตั้งตน อยูในสถานะเดียวกันหรอื เฟสเดียวกนั 2.ปฏกิ ริ ยิ าเนอ้ื ผสม หมายถึง ปฏกิ ริ ยิ าทส่ี ารตง้ั ตน อยูใ นสถานะตา งกนั หรือเฟสตางกนั หมายเหตุ : พนื้ ที่ผิวของสารต้ังตน มผี ลเฉพาะปฏกิ ริ ิยาเนื้อผสมเทา น้นั คาํ ถาม จงพิจารณาวา ขอใดเปน ปฏกิ ริ ิยาเนื้อผสม 2Fe2O3 (s) ________ 1. 4Fe (s) + 3O2 (g) ⎯⎯→ 2CO2 (g) ________ 2. 2CO (g) + O2 (g) ⎯⎯→ MgCl2 (aq) + H2 (g) ________3. Mg (s) + 2HCl (aq) ⎯⎯→ ทั้งนี้แมว า พน้ื ทผี่ ิวจะมผี ลตอ อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี แตในการทดลองปจจัยทต่ี องควบคมุ คือ การ ทดลองตองอยูใ นสภาวะเดยี วกันและสารตง้ั ตนทเี่ ปนของแข็งตองมมี วลเทากนั การใชท ฤษฎกี ารเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมอี ธบิ ายผลของพน้ื ทผี่ วิ ของสารตงั้ ตน ทมี่ ตี อ อตั รา การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เม่ือพน้ื ที่ผิวของสารตงั้ ตน มีมาก อนภุ าคของสารกม็ โี อกาสชนกันไดม ากขนึ้ จึงทําใหป ฏกิ ริ ยิ าเคมเี กดิ ไดเรว็ ขน้ึ รูปแสดง การชนของ H+กับ Mg ทมี่ พี ืน้ ทผี่ วิ ท่ีแตกตางกัน 25
เคมี (ครูแนน) อัตราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี 5.4 อณุ หภมู ิ การเพ่มิ อณุ หภูมิ ทาํ ใหโ มเลกลุ มพี ลังงานจลนส งู ขน้ึ โมเลกลุ วงิ่ ชนกบั เรว็ ขน้ึ พลังงานจลนของโมเลกลุ สูงขนึ้ ดงั รปู รูปแสดง สดั สว นของโมเลกุลทที ี่มีพลงั งานสงู พอทจ่ี ะเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมไี ดท่อี ุณหภมู ติ างกัน 5.5 ตวั เรง ปฏกิ ริ ยิ าและตวั หนว งปฏกิ ริ ยิ า 1.ตวั เรง ปฏกิ ริ ยิ า (Catalyst)คอื สารทเ่ี ตมิ ลงไปในปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ลว ทาํ ใหป ฏกิ ริ ิยาเคมเี กดิ เร็วขนึ้ เพราะจะทําหนา ท่ีลดคา Eaของปฏกิ ริ ิยาแบง การเรงปฏิกริ ยิ าออกเปน 2 ประเภทคอื 1.1 การเรง ปฏกิ ริ ยิ าประเภทเอกพนั ธ (Homogeneous catalysis) สารตั้งตนสารผลติ ภัณฑและตัวเรงปฏกิ ริ ิยาตา งก็อยใู นวฏั ภาคเดยี วกนั 1.2 การเรง ปฏกิ ริ ยิ าประเภทวิวธิ พนั ธ (Heterogeneous catalysis) สารต้ังตน และตัวเรงปฏกิ ิรยิ ามวี ัฏภาคตา งกนั 2. ตวั หนว งปฏกิ ริ ยิ า (Inhibitor) คอื สารที่เตมิ ลงไปในปฏกิ ิริยาเคมีแลว ทาํ ใหปฏกิ ิรยิ าเคมี เกิดชาลง เพราะ จะทาํ หนาท่เี พิม่ คา Eaของปฏกิ ริ ยิ า 26
เคมี (ครแู นน) อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 27
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: