Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อสอน-ทักษะภาษา

สื่อสอน-ทักษะภาษา

Published by Oratai Ch J, 2021-05-22 12:42:26

Description: สื่อสอน-ทักษะภาษา

Search

Read the Text Version

รหสั วิชา 30000-1101 รายวชิ าทกั ษะภาษาไทยเชงิ วิชาชพี ผ้สู อน อาจารยอ์ รทัย ชูใจ  099 757 0519 or.chj เกณฑค์ ะแนน คะแนนเวลาเรยี น-พฤตกิ รรม 20 คะแนน คะแนนกจิ กรรมระหว่างเรียน 60 คะแนน คะแนนสอบ 20 คะแนน รวมคะแนนท้ังหมด 100 คะแนน

เนอื้ หาประจาสัปดาห์ 1. ความหมายของภาษา 2. ความสาคัญของภาษาเพอื่ สอ่ื สาร 3. องค์ประกอบของการส่อื สาร 4. ประเภทของภาษาเพอ่ื ส่อื สาร 5. ระดับของภาษา 6. ขอ้ ควรระวงั ในการใช้ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร

 ความหมายของภาษา ภาษา คือ ถ้อยคาที่มนุษย์ใช้พดู หรือเขยี น เพอื่ สือ่ สาร ความหมาย ทกุ ภาษาจะมภี าษาพดู ก่อนภาษาเขยี น หรอื บาง ภาษาไม่มภี าษาเขียน นกั ภาษาศาสตรพ์ บว่ามนษุ ย์มีภาษาพดู ประมาณ 3,000 ภาษา ในขณะท่มี ภี าษาเขยี นเพยี ง 400 ภาษาเทา่ นนั้

 ความสาคัญของภาษาเพอื่ สอ่ื สาร 1. เป็นเครอื่ งมอื ในการถ่ายทอดวัฒนธรรม และปลูกฝงั คุณธรรม 2. เปน็ เคร่ืองมือในการสือ่ สารให้คนในสงั คมเดียวกนั เขา้ ใจกัน 3. เปน็ เครื่องมือในการประกอบอาชีพ 4. เปน็ เครือ่ งมือในการปกครอง 5. เปน็ เครอ่ื งมือในการศึกษาเล่าเรยี น

“เสียง” เป็นหวั ใจของภาษา เพราะภาษาทุกภาษาใช้ เสียงพูดเป็นส่ือในการส่ือสาร มนุษย์ใช้อวัยวะออกเสียงได้ มากมาย มนุษย์กลุ่มหน่ึง ๆ จะเลือกเสียงมาใช้เพียง จานวนหนึง่ ภาษาแต่ละภาษาจึงมเี สยี งต่างกัน ภาษาไทยมี การกาหนดเสียงที่ใช้อยู่ ๓ ประเภทตามลักษณะของเสียง ดงั น้ี 1 เสียงพยญั ชนะ 2 เสยี งสระ 3 เสยี งวรรณยกุ ต์

1 เสยี งพยญั ชนะ พยญั ชนะไทยมี 44 รูป 21 เสยี ง 1) ก = ก 7) ด = ด ฎ 2)ค = ข ฃ ค ฅ ฆ 8)ต = ต ฏ 3)ง = ง 9)ท = ท ถ ธ ฑ ฒ ฐ 4)จ = จ 10)น = น ณ 5)ช = ช ฌ ฉ 11)บ = บ 6)ซ = ซ ส ศ ษ 12)ป = ป

1 เสียงพยญั ชนะ 19) ว = ว 20) อ = อ 13) พ = พ ผ ภ 21) ฮ = ฮ 14) ฟ = ฟ 15) ม = ม 16) ย = ย ญ 17) ร = ร 18) ล = ล ฬ

แบง่ เปน็ 3 หมู่ เรยี กว่า ไตรยางศ์ คอื อกั ษรกลาง อักษรสงู อักษรต่า ❖อักษรกลาง มี 9 ตัว ได้แก่ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ (หลกั การจา ไก่ จกิ เดก็ ตาย (เฎก็ ฏาย) บน ปาก โอ่ง) ❖อักษรสงู มี 11 ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห (หลกั การจา ผี ฝาก ถงุ ขา้ ว สาร ให้ ฉนั )

❖อกั ษรตา่ มี 24 ตัว แบง่ เป็น 2 ชนดิ • อักษรตา่ คู่ 14 ตวั ค ฅ ฆ ช ซ ฌ ฑ ฒ ท ธ พ ฟ ภฮ (หลกั การจา พอ่ ค้า ฟัน ทอง ซื้อ ชา้ ง ฮอ่ ) • อักษรตา่ เดี่ยว 10 ตัว ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ (หลักการจา งู ใหญ่ นอน อยู่ ณ รมิ วัด โม ฬี โลก)

2 เสยี งสระ สระ มี 21 เสยี ง แบ่งเป็น 2 ชนิดตามการออก เสียง คือ  สระเดย่ี ว มี 18 เสียง แบง่ เป็นสระเสียงสน้ั 9 เสียง สระเสยี งยาว 9 เสียง

สระเสยี งสน้ั สระเสยี งยาว อะ อา อิ อี อุ ออื เอะ อู แอะ เอ โอะ โอ เอาะ ออ เออะ เออ

สระผสม มี 3 เสียง เอยี เกดิ จาก อี + อา เออื เกิดจาก ออื + อา อวั เกดิ จาก อู + อา ทาให้ อ ว ย เปน็ พยัญชนะท่ีเปน็ สระได้ คือ อ ใน สระเออื ว ใน สระอัว ย ใน สระเอีย

สระเกนิ ฤ ฤๅ อา ฦ ไอ ฦๅ ใอ เอา

การใช้ ฤ ➢อ่านออกเสียง “ ริ ” เมอื่ ผสมกับ พยัญชนะ ก ต ท ป ศ ส เชน่ กฤษฎีกา กฤษณา ทฤษฎี ฤทธิ วิกฤติกาล รงั สฤษภ์ องั กฤษ อมฤต ➢อา่ นออกเสียง “ รึ ”เม่ือผสมกบั พยัญชนะ ด น พ ม ห เช่น คฤหัสถ์ คฤหาสน์ นฤมล พฤษภาคม พฤกษชาติ มฤดก หฤทยั อมฤต หฤหรรษ์ ➢อ่านออกเสยี ง “รอ” มีนอ้ ยคา เชน่ ฤกษ์

การใช้ ฤา (รือ) มใี ชใ้ นคาไทยบ้างแต่นอ้ ยมาก เช่น ฤาษี ปจั จบุ นั พบแต่ในคาประพนั ธ์

สระเปน็ สว่ นประกอบสว่ นหนง่ึ ของการประสมอักษร ซงึ่ มี วิธกี ารใชแ้ ตกตา่ งกัน ดงั นี้ 1. สระคงรูป คอื การเขียนสระตามรูปเดมิ เม่อื ประสมอกั ษร เชน่ กะ เตะ โปะ เคาะ กอ กา หัว 2. สระเปล่ยี นรปู คือ สระท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงรูปเมื่อ ประสมอกั ษร เชน่ กับ ( ก + ะ + บ) เจบ็ (จ + เ-ะ + บ) เกิน (ก + เ-อ + น )

3. สระลดรปู คือ สระท่ีเขียนลดรูปเมอื่ ประสมอกั ษร เชน่ ณ (ณ + “ ะ ”) งก (ง + “ โ-ะ ” + ก)

3 เสียงวรรณยกุ ต์ หมายถงึ เสยี งระดับสูงตา่ ในพยางค์หรือคา ในภาษาไทยมี 5 เสียง ดังน้ี เสยี งวรรณยกุ ตส์ ามัญ เอก โท ตรี จัตวา ❖อกั ษรกลาง สามญั เอก โท ตรี จตั วา กา กา่ ก้า กา๊ กา๋

❖อักษรสูง สามญั เอก โท ตรี จตั วา - ข่า ข้า - ขา ❖อักษรตา่ สามัญ เอก โท ตรี จัตวา คา - ค่า ค้า -

อกั ษร สามญั เอก โท ตรี จตั วา ขา สงู - ขา่ ขา้ - - ตา่ คา - คา่ ค้า หลา (คู่) ตา่ ลา หล่า ลา่ / ล้า (เด่ียว) หล้า

“ตวั สะกด” แบง่ เป็น 8 มาตรา ❖แม่กก ก ข ค ฆ ❖แม่กด จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฒ ฑ ด ต ถ ท ธ ศ ษ ส ❖แมก่ บ บ ป พ ฟ ภ ❖แมก่ น น ญ ณ ร ล ฬ ❖แมก่ ง ง ❖แม่กม ม ❖แม่เกย ย ❖แมเ่ กอว ว

“พยางค์และคา” ➢พยางค์ คอื การประสมเสียงพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตเ์ ขา้ ด้วยกัน แลว้ เปล่งออกมาเป็นเสยี งพูด 1 ครง้ั จะมหี รอื ไมม่ ี ความหมายก็ได้ ➢คา คือ การประสมเสียงพยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์เข้าดว้ ยกัน แตจ่ ะต้องมีความหมาย

“ประโยค” คือ ถอ้ ยคาหรือข้อความที่มใี จความสมบูรณ์ รู้ว่าใครทาอะไร ที่ไหน ประกอบดว้ ย ๒ สว่ นสาคญั คือ ภาคประธานและภาคแสดง

“คาเป็นคาตาย” คาเปน็ คาตาย ไมม่ ตี ัวสะกดใช้สระเด่ยี ว ไม่มตี ัวสะกดใช้สระเดี่ยว เสียงยาวและสระประสม เสียงส้ัน มีตวั สะกดเป็นแมก่ น กม มตี ัวสะกดเปน็ แมก่ ก กง เกย เกอว กด กบ

“คาควบกล้า” ❖ควบกล้าแท้ คือ คาที่อา่ นออกพยัญชนะตน้ สองตวั พร้อมกัน โดยพยญั ชนะตวั แรก เปน็ ก ข ค ต ป ผ พ พยัญชนะตัวที่ 2 เปน็ ร ล ว ❖ควบกล้าไมแ่ ท้ คอื พยญั ชนะทม่ี ีตัว ร ควบอยู่ แต่ออกเสียง เหมอื นพยญั ชนะเดี่ยว จะออกเสยี งเพียงพยญั ชนะตวั หนา้ เท่าน้ัน แบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ

➢2.1 ออกเสยี งพยญั ชนะตวั หน้า (รปู ร ออกเสยี ง ร) เช่น จรงิ ศรัทธา เสรมิ สร้าง เศร้า เป็นตน้ ➢2.2 ออกเสยี งพยญั ชนะตน้ ทงั้ 2 รูป เป็นพยญั ชนะตน้ ตัวอนื่ (รูป ทร ออกเสียง ซ) เชน่ ทรัพย์ อ่านว่า ซับ ทรง อา่ นวา่ ซง ทราย อา่ นวา่ ซาย ทราบ อา่ นว่า ซาบ ทรดุ อา่ นว่า ซดุ เปน็ ต้น

“พยญั ชนะตน้ ท่มี กั จะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“พยญั ชนะทา้ ย ท่มี ักจะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“สระ ที่มกั จะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“วรรณยกุ ต์ ท่มี กั จะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“ตวั การันต์ ท่มี กั จะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“การเขยี นสะกดคาทบั ศพั ทท์ มี่ าจาก ภาษาตา่ งประเทศมักจะเขยี นสะกดคาผดิ ”

“การเขยี นสะกดคาทบั ศพั ทท์ มี่ าจาก ภาษาตา่ งประเทศมักจะเขยี นสะกดคาผดิ ”

 องคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร กาลเทศะและสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม ผ้สู ่งสาร สาร สือ่ (ชอ่ งทาง) ผ้รู บั สาร “ปฏิกริ ยิ าตอบกลบั ” กาลเทศะและสภาพแวดลอ้ มทางสงั คม

การใช้ภาษาไทยเพือ่ สื่อสารในงานอาชีพอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ผู้ใชภ้ าษาจาเปน็ ตอ้ งเลอื กใชป้ ระเภทของภาษา ระดบั ภาษา การใช้คาและสานวนภาษาใหถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสมกบั สถานการณ์ และโอกาสท่ีใช้

 ประเภทของภาษาเพอื่ ส่ือสาร 1. วจั นภาษา หมายถงึ ภาษาท่ใี ช้ตวั อกั ษรเปน็ สญั ลักษณ์ หรอื ภาษาพดู ท่อี อกเสียงเปน็ ถ้อยคาหรอื เปน็ ประโยคที่มคี วามหมาย สามารถเข้าใจได้ เชน่ คาพูดคา สนทนาทเ่ี ราใช้อยู่โดยท่ัวไป 2. อวจั นภาษา หมายถงึ ภาษาทใี่ ชท้ า่ ทาง หรือ ภาษาท่ี ไม่ออกเสียงเป็นถ้อยคา แตม่ ลี กั ษณะในภาษาท่ีแฝงอยูใ่ นถ้อยคา น้นั เช่น น้าเสยี ง การเนน้ เสยี ง จังหวะของการพดู รวมถึงกริ ิยา ทา่ ทาง การเคลอ่ื นไหว การใชส้ ีหนา้ หรอื สายตา



 ระดบั ของภาษา 1 ภาษาระดับทางการ คาทใ่ี ชใ้ นวงราชการ เชน่ เนอ่ื งดว้ ย เนือ่ งจาก ตามท่ี เสนอ คาทใ่ี ชใ้ นวงการศกึ ษา เชน่ แนวคดิ บรู ณาการ สาระสาคัญ คาราชาศพั ท์ เชน่ บรรทม ประสูติ ประชวร หมายกาหนดการ คาสภุ าพ เชน่ รบั ประทาน ทราบ ศีรษะ ขา้ พเจ้า บดิ า มารดา การใชภ้ าษาระดบั ทางการ ใช้ในการเขยี นตารา แบบเรยี น หนังสือ ราชการ คาสัง่ สารคดี บทความทางวชิ าการ หรือใชใ้ นการเขยี น ตอบขอ้ สอบ

 ระดับของภาษา 2. ภาษาระดับก่ึงทางการ เปน็ ภาษาที่ใชอ้ ย่างไม่เป็นแบบแผนหรอื ไม่ เปน็ พธิ ีรตี อง ดังน้ี ➢คาทใี่ ชใ้ นภาษาโฆษณา เช่น ชวี ิตดีไซนไ์ ด้ อาณาจักรใหญ่ใจกลาง เมอื ง ➢คาทใี่ ชใ้ นภาษาสอ่ื มวลชน เช่น นักหวดลกู ขนไก่ เทกระจาด ➢คาเฉพาะกล่มุ เชน่ วงการกีฬา กลุ่มวัยร่นุ ทหาร แพทย์ ช่าง

 ระดบั ของภาษา 3. ภาษาระดับไม่เป็นทางการเป็นภาษาทีไ่ มไ่ ด้มาตรฐาน ไม่ คานึงถึงความถูกต้องเหมาะสม ➢คาตลาดหรือภาษาปาก เช่น ผวั เมยี รถมอไซค์ กิน ➢คาภาษาถน่ิ เชน่ ลาแต้ๆ แซบอหี ลี หรอ่ ยจงั ฮู้ ➢คาสแลงหรอื คาคะนอง เชน่ เริ่ด กิ๊ก ฟนิ ล้ัลลา มโน ➢คาหยาบหรอื คาตา่ เช่น คาดา่ คาสบถ คาหยาบคาย

ข้อควรระวงั ในการใช้ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร 1 ตัวอยา่ ง การใชค้ าผดิ ความหมาย ใชค้ าใหถ้ กู ตอ้ ง ตามความหมาย ➢ตารวจสอบสวนหาสาเหตกุ ารตาย ของทนายสมชาย ควรใชค้ าว่า สบื สวน

2 ตวั อยา่ ง การใชศ้ พั ทส์ านวนใน การตดิ ตอ่ ส่ือสารตามโอกาสตา่ ง ๆ การใชศ้ พั ท์สานวน ใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะหรอื โอกาส โอกาสทเี่ ปน็ ทางการ โอกาสทก่ี งึ่ ทางการ โอกาสทไ่ี ม่เปน็ ทางการ ขา้ พเจา้ กระผม ดิฉัน ผม หนู ชาระภาษี เสียภาษี จา่ ยภาษี

3 ตัวอยา่ ง ประธานนักศึกษากาลังหม่าข้าว อยู่ในห้องกจิ กรรมตัวแทนผู้ปกครองก็โซย้ อ การใชศ้ พั ท์สานวน ยู่หลงั หอ้ งประชมุ ให้เหมาะสมกบั ระดบั ฐานะบคุ คล ควรใช้คาวา่ รบั ประทาน

4 ตวั อยา่ ง เธอชว่ ย take care เขาหน่อย ควรใช้คาวา่ ดแู ล การใชศ้ พั ทส์ านวน ให้เหมาะสมกบั ระดบั ฐานะบคุ คล Okay ผมเห็นด้วยกับ Idea ของคุณ แต่ Model ทีค่ ณุ Present น้ันผมวา่ มัน Impossible ตกลงผมเห็นด้วยกับความคดิ ของคุณแต่ แบบท่ีคุณเสนอนั้นผมว่ามันเป็นไปไมไ่ ด้

5 การใชค้ าศัพทส์ แลงทาให้การสื่อ ความหมายไมช่ ัดเจน เพราะมี การใชค้ าศพั ทส์ แลง ความหมายแฝง ต้องอาศัยบริบทใน การตีความ ตัวอยา่ ง แหกตา หมายถงึ หลอกลวง แฟนลูกหนงั หมายถึง ผูช้ อบชมกฬี าฟุตบอล เดง้ หมายถึง หลดุ หรือพ้นจากตาแหน่ง

6 การใช้คาตา่ งระดับทาใหภ้ าษาไม่ การใชค้ าตา่ งระดบั ชดั เจน และบางกรณียังทาใหเ้ กิด ความหมายขดั แยง้ กันในประโยค ตัวอยา่ ง คนรา้ ยรวั กระสนุ ใส่ตารวจหนง่ึ นดั ควรใชค้ าวา่ ยิงกระสนุ พ่อแม่รอบุตร ควรใชค้ าว่า ลกู

7 ผใู้ ช้ภาษาในการสอื่ สารควรหลีกเลย่ี ง การใชค้ าฟมุ่ เฟือยหรือซา้ ชากโดยไม่ การใชค้ าฟมุ่ เฟอื ย จาเป็น หรือซ้าชาก ➢พายุคร่าชีวติ ชาวประมงตาย ควรใชค้ าวา่ พายุคร่า ชีวิตชาวประมง ซงึ่ ความหมายชัดเจนอยูแ่ ลว้ วา่ ชาวประมงตาย ฉะนนั้ ไม่ควรมีสว่ นขยาย ตาย ซา้ ซอ้ นกนั อกี

8 การเวน้ วรรคตอน ที่ถูกตอ้ ง ผูส้ ง่ สารควรเอาใจใสก่ ับการเว้นวรรคตอนให้ มาก เพราะถา้ เวน้ วรรคผดิ ความหมายก็จะผดิ ไปดว้ ย วันนี้คุณแม่แกงจดื ใสเ่ ห็ด หอมน่ารบั ประทานจัง วนั นค้ี ุณแม่แกงจดื ใสเ่ หด็ หอม น่ารบั ประทานจัง

9 การวางคาขยายให้ถูกที่จะชว่ ยใหป้ ระโยค มคี วามชัดเจน สื่อความหมายได้ถูกต้อง การวางคาขยายใหถ้ กู ที่ และรวดเร็ว ตวั อยา่ ง ➢นกั พดู ท่ีดที ุกคนควรวเิ คราะหผ์ ูฟ้ งั ก่อนเตรยี มเนื้อหาท่ีจะพดู ควรแกไ้ ขเป็น นักพูดท่ดี คี วรวเิ คราะหผ์ ู้ฟังทุกคนก่อนเตรียมเน้ือหาท่ี จะพดู ➢นกั เรียนท่ีประพฤตดิ ีย่อมเป็นท่รี ักของครทู กุ คน ควรแกไ้ ขเปน็ นักเรยี นย่อมเป็นทร่ี กั ของครูทปี่ ระพฤตดิ ที ุกคน

10 ผใู้ ช้ภาษาในการสือ่ สารควรหลกี เลย่ี ง ประโยคยาวๆ โดยไมจ่ าเป็น การใชป้ ระโยค ท่กี ะทัดรัดชดั เจน ตวั อยา่ ง ➢คนทกุ คนในโลกนท้ี กุ คนต้องการความสุขความสาเรจ็ ในชีวติ ดว้ ยกนั ทกุ คน และทกุ คนกส็ ามารถสมหวังดงั ท่คี ิดได้ดว้ ยความ เพียรพยายาม ของทุกคนเอง ควรแกไ้ ขเป็น ทกุ คนตอ้ งการความสขุ ความสาเรจ็ ในชีวติ จะ สามารถสมหวังดงั ทค่ี ิดได้ด้วยความเพยี ร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook