สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรียน ประกอบวิชา ว 32101 เทคโนโลยี 2 ครูประจาํ วิชา ครูรชั ชนก วงศเ์ ขียว
คํานํา หนังสืออิเล็กทรอนิกสเ์ ร่ือง สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรียนเลม่ น้ีประกอบดว้ ยเน้ือหาเก่ียว กบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียนวงั เหนือวิทยาเป็นสว่ นหน่ึงของวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ผูจ้ ดั ทาํ หวงั เป็นอยา่ งย่ิงวา่ เน้ือหาในหนังสืออิเล็กทรอนิกสน์ ้ีจะเป็นประโยชน์สาํ หรับผูท้ ่ี ศึกษาไดเ้ ป็นอยา่ งดี นางสาวภทั รศยา ยะมงคล นางสาวสิริยากร ปงลงั กา ผูจ้ ดั ทาํ
ดอกประทดั ไตห วัน ประทดั ไตห วัน หรือ ประทดั ฟล ปิ ปน ส (ชอื่ อังกฤษ: Scarlet bush, Firebush,Hummingbird Bush, Redhead) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร: Hamelia patens Jacq. เปนพืชในวงศ Rubiaceae และเปน ไมพ ุม กงิ่ สนี ้าํ ตาล ออก แดง ดอกเปนหลอดเลก็ แคบสีสมอมแดง ผลมีเน้อื นมุ สดี ํา ออกดอกตามซอกใบและ ปลายก่ิง ชอบแสงแดด มถี ่ินกําเนดิ ตั้งแตร ฐั ฟลอรดิ าทางตอนใตของสหรฐั ไปจนถึงทางใตของ อารเจนตนิ า ช่ือสามัญ : Scarlet bush , Fire bush , Coloradillo ชอื่ พน้ื เมอื ง : ประทัดฟล ปิ ปนส , ประทดั ทอง , ประทัดเลก็ ชนิดพืช : ไมพ ุม , ไมดอก ขนาด : สงู ไดถ ึง 3-4 เมตร ฤดดู อกบาน : ตลอดป
ลกั ษณะนิสยั : ข้ึนไดใ้ นดินทว่ั ไป ระบายน้ําไดด้ ี -อตั ราการเจริญเติบโต : เร็ว -ความช้ืน : ปานกลาง -แสง : ชอบแดดจดั ลกั ษณะทวั่ ไป : ไมพ้ ุม่ ขนาดเล็ก ลาํ ตน้ แตกก่ิงกา้ นเป็นพุม่ กลม ก่ิงกา้ นมีสีนํ้าตาลแดงเร่ือ ใบ : ใบเด่ียว เรียงตรงขา้ มหรือรอบขอ้ ประมาณ 3 ใบ ใบรูปรีถึงรูปไข่ กวา้ ง 5-7 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบ เรียบ แผน่ ใบเป็นคล่ืนเล็กนอ้ ย ผิวใบดา้ นบนสีเขียวอม เหลือง เป็นมนั ดอก : สีสม้ แดง ออกเป็นชอ่ กระจุกตามซอกใบและปลายก่ิง โคนกลีบดอก เช่ือมติดกบั เป็นหลอดแคมเล็ก ปลายแยก 4 แฉก หยกั เป็นแฉกเล็กๆ ผล : ผลสดแบบมีเน้ือ รูปไข่ กวา้ งประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตรเม่ือแกม่ ีสีดาํ มีเมล็ดจาํ นวนมาก
ขอ้ มลู ทวั่ ไป เป็นพนั ธุไ์ มต้ า่ งประเทศ มีถ่ินกาํ เนิดในอเมริกาเขตรอ้ นถึงเขตก่ึงรอ้ น การปลูกเล้ียงและการใชป้ ระโยชน์ การปลกู เล้ียง ดินร่วนปนทราย ตอ้ งการนํ้าปานกลาง แสงแดดจดั การขยายพนั ธุ์ ปักชาํ ตอนก่ิง การใชป้ ระโยชน์ นิยมปลูกเป็นแนวร้ัว เกาะกลางถนน ริมทางเดิน บงั กาํ แพง
ดอกลีลาวดี ลนั่ ทม หรือ ลีลาวดี เป็นไมด้ อกยืนตน้ ในวงศต์ ีนเป็ด หรือ วงศไ์ มล้ น่ั ทม (Apocynaceae) มีหลายชนิดดว้ ยกนั บางคนมีความเช่ือวา่ ไมค่ วรปลูกตน้ ลน่ั ทมในบา้ นเพราะมีความเช่ือวา่ เป็นอปั มงคล คือไปพอ้ งกบั คาํ วา่ 'ระทม' ซ่ึงแปลวา่ เศรา้ โศก ทุกขใ์ จ นิยมปลูกกนั แพร่หลายอยา่ ง มาก ช่ือพ้ืนเมืองอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ จาํ ปา, จาํ ปาลาว และจาํ ปาขอม เป็นตน้ (สาํ หรบั ช่ือภาษาองั กฤษ ไดแ้ ก่ Frangipani, Plumeria, Temple Tree, Graveyard Tree) ตน้ ลีลาวดีเป็นพืชนิยมปลูกเพราะดอกมีสีสนั หลากหลาย สวยงาม ไดแ้ กข่ าว เหลืองออ่ น แดง ชมพู สีขาวขุน่ ฯลฯ บางดอกมีมากกวา่ 1 สี อาจมีมากถึงหลายสีในดอกเดียว ดอกลีลาวดียงั เป็นดอกไมป้ ระจาํ ชาติของประเทศลาว โดยเรียกวา่ \"ดอกจาํ ปา\" และพบไดม้ าก บริเวณทางข้ึนพระธาตุท่ีเมืองหลวงพระบาง สาํ หรับในประเทศไทยน้ันมกั พบตน้ ลน่ั ทมตาม ธรรมชาติ ทางภาคเหนือเป็นสว่ นใหญ่
ลกั ษณะทวั่ ไป ตน้ เป็นไมย้ ืนตน้ มีขนาดตงั้ แตพ่ ุม่ เต้ียแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ท่ีสูงมาก อาจสูงถึง 12 เมตร ลาํ ตน้ แตกก่ิงกา้ นสขาและพุม่ ใบสวยงาม มีน้ํายางสีขาวขน้ เป็นไมผ้ ลดั ท่ีสลดั ใบในฤดูแลง้ กอ่ นท่ีจะผลิดอกและผลิใบรุ่นใหม่ ก่ิงท่ียงั ไมแ่ กม่ ีสีเขียว ออ่ นนุ่ม ดูเกือบจะอวบนํ้า ก่ิงแกม่ ีสีเทามีรอยตะปุ่มตะป่ํ า ก่ิงไมส่ ามารถทานน้ําหนักได้ ก่ิงเปราะ เปลือกลาํ ตน้ หนา ตน้ ท่ีโตเต็มท่ีแลว้ จะพฒั นาจนกระทง่ั มีความแข็งแรงมากข้ึน ใบ เป็นใบเด่ียว มีการเรียงตวั แบบสลบั และหนาแน่นใกลป้ ลายก่ิง มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไป ทง้ั รูปร่าง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทว่ั ไป ใบจะหนา เหนียวแข็ง และมีสีตง้ั แตส่ ีเขียวออ่ น ถึงสีเขียวเขม้ มีเสน้ กลางใบแตกสาขาออกไปคลา้ ยขนนก ขนาดใบแตกตา่ งกนั ไมม่ าก ช่อดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ เห็นเป็นชอ่ ดอกใหญส่ วยงาม แตก่ ็มีบาง ชนิดท่ีออกชอ่ ดอกระหวา่ งใบ หรือใตใ้ บ บางชนิดหอ้ ยลงบางชนิดตงั้ ข้ึน ในหน่ึงชอ่ จะมีดอกบาน พรอ้ มกนั 10 – 30 ดอก บางตน้ ท่ีมีความสมบูรณเ์ ต็มท่ีอาจมีดอกมากกวา่ 100 ดอก ตอ่ 1 ชอ่ ออกดอกประมาณเดือนกุมภาพนั ธถ์ ึงเดือนเมษายน บางพนั ธุส์ ามารถออกดอกไดต้ ลอดทง้ั ปี ดอก โดยทว่ั ไปจะมีขนาดใหญถ่ ึงกลาง ยกเวน้ บางพนั ธุท์ ่ีมีขนาดเล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมีย อยูล่ ึกเขา้ ไปขา้ งใน ดอกมีลกั ษณะคลา้ ยทอ่ ทาํ ใหม้ องไมเ่ ห็นเกสรตวั ผู้ และเกสรตวั เมีย โดยจะมีเกสรตวั ผู้ 5 อนั อยูท่ ่ีโคนกา้ นดอก สว่ นเกสรตวั เมียอยูล่ ึกลงไปในกา้ นดอก เกสรตวั ผูแ้ ละเกสรตวั เมียบานไมพ่ รอ้ มกนั ยากตอ่ การผสมตวั เอง ฝกั /ผลมีลกั ษณะคลา้ ยกบั ฝกั ตน้ ชวนชม ฝกั ออ่ นสีจะมีสีเขียวเม่ือแกฝ่ กั จะมีสีแดงถึงดาํ
ทางพฤกษศาสตร์ สกุล Plumeria มีมากกวา่ 21 ชนิด เทา่ ท่ีตรวจพบสายพนั ธุม์ ีมากกวา่ รอ้ ยสายพนั ธุ์ Plumeriaหลายสายพนั ธุจ์ ะมียาง คลา้ ยกบั สายพนั ธุอ์ ่ืนๆ ในวงศต์ ีนเป็ด Apocynaceae ซ่ึง ประกอบไปดว้ ยสารพิษและทาํ ใหร้ ะคายเคืองตอ่ ตาและผิวหนัง ในหลายสายพนั ธุม์ ีลกั ษณะของ ใบและการเรียงตวั ของเน้ือเย่ือใบท่ีแตกตา่ งกนั ใบของสายพนั ธุ์ Plumeria alba จะเรียวและ แหลม ในขณะท่ีสายพนั ธุ์ Plumeria pudica มีรูปร่างยาวและมนั วาว สีเขียวเขม้ และในสาย พนั ธุ์ Plumeria pudica ใบออ่ นจนถึงใบแกม่ ีสีเทา่ กนั ตลอดจนร่วง สว่ นในสายพนั ธุท์ ่ีดอกและ ใบไมร้ ่วงแมใ้ นฤดูหนาวคือสายพนั ธุ์ Plumeria obtusa หรือรูจ้ กั กนั อยา่ งเป็นทางการคือลีลาวดี สิงคโปร์ ซ่ึงมีตน้ กาํ เนิดจากอเมริกากลาง
ดอกแคฝร่ัง แคฝรงั่ ช่ือวิทยาศาสตร:์ Gliricidia sepium (Jacq.) Kunth ex Walp. ช่ือสามญั :Mata Raton ในฮอนดูรัสเรียก Cacao de nance หรือ cacahnanance ใน ฟิลิปปินสเ์ รียก Kakawate ในกวั เตมาลาเรียก Madre Cacao หรือ Madre de Cacao ในนิ คารากวั เรียก Madero negro เป็นพืชตระกูลถว่ั ท่ีมีเน้ือไมข้ นาดกลาง เป็นพืชท่ีใชป้ ระโยชน์ ไดห้ ลากหลาย ในประเทศไทย ดอกแคฝร่ังน้ีเป็นดอกไมป้ ระจาํ มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทร เกษม ลกั ษณะ แคฝร่ังเป็นตน้ ไมข้ นาดกลางท่ีสูงไดถ้ ึง 10-12 เมตร เปลือกไมม้ ีลกั ษณะเรียบ สีมี ตง้ั แตเ่ ทาออกขาวไปจนน้ําตาลแดงเขม้ ใบเล้ียงคูย่ าวไดถ้ ึง 30 เซนติเมตร แตล่ ะใบมีใบยอ่ ย ยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร กวา้ งประมาณ 1-3 เซนติเมตร ดอกอยูส่ ว่ นปลายของก่ิงท่ีไม่ มีใบ ดอกมีสีชมพูสวา่ งไปจนถึงมว่ งออ่ นแซมขาว ท่ีฐานของดอกมกั มีจุดสีเหลืองออ่ น ผล ของแคฝร่งั มีลกั ษณะเป็นฝกั ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ขณะท่ียงั ไมส่ ุกจะเป็นสีเขียว และจะกลายเป็นสีน้ําตาลเหลืองเม่ือสุก ฝีกหน่ึงมีเมล็ดกลม ๆ สีนํ้าตาลอยูภ่ ายใน ประมาณ 4-10 เมล็ด มกั ข้ึนบนดินภูเขาไฟแถบอเมริกากลางและเม็กซิโก อยา่ งไรก็ตามก็ สามารถข้ึนบนดินทราย ดินเหนียว และดินหินปูนในแถบเอเชียใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออกเฉียง ใต ้
การใชป้ ระโยชน์ แคฝร่งั นํามาใชป้ ระโยชน์ในประเทศเขตรอ้ นและเขตก่ึงรอ้ นไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ เป็นรวั้ ตามธรรมชาติ เป็นอาหารสตั ว์ ใหร้ ่มเงากาแฟ ทาํ ฟืน ทาํ ป๋ ุยพืชสด และเป็นยาเบ่ือ หนู รัว้ ธรรมชาติสามารถสูงตงั้ แต่ 1.5 ถึง 2.0 เมตรในแวลาแคเ่ ดือนเดียว แคฝร่งั ยงั สามารถใชเ้ ป็นยาและมีฤทธ์ิไลแ่ มลง เกษตรกรในลาตินอเมริกาทาํ ความสะอาดปศุสตั ว์ ดว้ ยใบแคฝร่งั บดเพ่ือฆา่ เช้ือโรค ในฟิลิปปินส์ สารสกดั ท่ีไดจ้ กั ใบนําไปใชก้ าํ จดั ปรสิตท่ีอยู่ ภายนอก แคฝร่งั เป็นพืชสายพนั ธุท์ ่ีโตเร็วท่ีใชว้ ิธีทาํ ไร่เล่ือนลอยได้ เพราะแพร่พนั ธุง์ า่ ยและโตไว มีผู้ แนะนําวา่ สามารถปลูกพืชชนิดน้ีเพ่ือลดการพงั ทลายของหนา้ ดินไดใ้ นระยะแรกของการ ปลูกป่าทดแทนในบริเวณท่ีไมม่ ีตน้ ไมก้ อ่ นท่ีจะนําพืชพนั ธุท์ ่ีใชเ้ วลานานกวา่ มาปลูก เม่ือเร็ว ๆ น้ี แคฝร่ังไดก้ ลายเป็นตวั เก็งสาํ คญั ของการทาํ เช้ือเพลิงชีวภาพและถือ วา่ เป็นหน่ึงในวิธีท่ีเป็นมิตรตอ่ ระบบนิเวศมากท่ีสุดในการผลิตชีวมวล ซ่ึงจะนํามาอดั เป็น กอ้ นเพ่ือนํามาใชใ้ หพ้ ลงั งานสะอาด
การเก็บเกี่ยวแคฝรงั่ เป็นกระบวนการงา่ ย ๆ ท่ีทาํ โดยคน ใชเ้ วลาประมาณรอบละ 9 เดือน ก่ิงกา้ นจะถูกตดั ออกจากตน้ (ซ่ึงจะปลอ่ ยใหโ้ ตตอ่ ไป) และเล็มเอาใบออก จากน้ันก่ิงกา้ นอาจถูกสบั ดว้ ยคน หรือเคร่ืองใหเ้ ป็นแทง่ ขนาด 40 มิลลิเมตร แลว้ นําไปทาํ ใหแ้ หง้ โดยธรรมชาติหรือใชพ้ ดั ลม แลว้ สามารถบรรจุใสถ่ ุงสง่ เขา้ เตาชีวมวลเป็นเช้ือเพลิงพรอ้ มใชไ้ ดเ้ ลย เศษใบไมจ้ ะถูกแยกออกมาทาํ ใหแ้ หง้ และสามารถนําไปผสมอาหารสตั วไ์ ด้ โดยมีโปรตีนรอ้ ย ละ 23 หรือเป็นป๋ ุยอินทรียซ์ ่ึงเป็นแหลง่ ไนโตรเจนธรรมชาติ
ความสําคญั ทางเศรษฐกิจ เน่ืองจากความสาํ คญั ของแคฝร่งั ในทางเศรษฐกิจ รฐั บาลศรีลงั กาจดั ใหแ้ คฝร่งั เป็น พืชเศรษฐกิจของชาติ พรอ้ มกบั พืชอีก 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ชา ยางพารา และมะพรา้ ว รัฐบาล สนับสนุนการสรา้ งโรงไฟฟ้าท่ีใชพ้ ลงั งานเช้ือเพลิงจากไมเ้ ป็นหลกั เน่ืองจากเป็นแหลง่ พลงั งานทางเลือกท่ีมีผลเสียตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มนอ้ ยกวา่ แหลง่ เช้ือเพลิงของโรงไฟฟ้าเหลา่ น้ีมา จากตน้ แคฝร่ัง ดว้ ยการใชส้ ถานีพลงั งานประเภทน้ี รัฐบาลหวงั ท่ีจะปรบั ปรุงประสิทธิภาพพลงั งานและทาํ ใหช้ ุมชนไดต้ ระหนักพลงั งานทางเลือกรูปแบบท่ีเป็นมิตรตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งตน้ แคฝร่ัง การปลูกแคฝร่ังอยา่ งเป็นระบบจะชว่ ยใหเ้ กิดการจา้ งงานในพ้ืนท่ีชนบท แคฝร่ังมกั ปลูกคน่ั ระหวา่ งพืชตน้ อ่ืนและเป็นท่ีรูจ้ กกนั ดีวา่ เป็นแหลง่ ผลผลิตท่ีใหพ้ ลงั งานสะอาด ไม้ นิยามมาทาํ เช้ือเพลิงและตน้ ก็ยงั โตดอ่ ไปเพ่ือเก็บเก่ียวก่ิงกา้ นทุก 9 เดือน ถือเป็นแหลง่ เช้ือเพลิงทางเลือกท่ีสามารถแทนท่ีเช้ือเพลิงซากดึกดาํ บรรพใ์ นการ ผลิตกระแสไฟฟ้า ดงั นั้นไมข้ องตน้ แคฝร่ังจึงปลูกและนํามาใชแ้ บบยง่ั ยืน และเป็นแหลง่ เช้ือเพลิงท่ีสามารถแทนดีเซลและน้ํามนั เตาประเภทขน้ ได้ โดย 4 กิโลกรมั ของไมแ้ คฝร่ัง เทียบเทา่ กบั ดีเซลหรือนํ้ามนั เตาประเภทขน้ 1 ลิตร ซ่ึงใหค้ า่ ประหยดั พลงั งานประมาณ รอ้ ยละ 70 ของดีเซล และรอ้ ยละ 45 ของนํ้ามนั เตาประเภทขน้
การปลูกตน้ แคฝรงั่ สลบั กบั ตน้ สกั แบบวนเกษตร นอกจากการปลูกตน้ แคฝร่ังเพ่ือประโยชน์ทางการคา้ แลว้ มนั ยงั เป็นแหลง่ สารอาหารตามธรรมชาติใหก้ บั ดินรอบ ๆ ซ่ึงสามารถใชก้ บั พืชหรือตน้ ไมต้ น้ อ่ืนไดอ้ ีก ดว้ ย โดยเฉพาะตน้ สกั การปลูกตน้ สกั ในชว่ งแรกตามท่ีไดเ้ นน้ ไวใ้ นคูม่ ือเม่ือกอ่ นหนา้ น้ี จะตอ้ งใชส้ ภาพแวดลอ้ มท่ีดีมากเพ่ือใหต้ น้ สกั เติบโตตรง ๆ และเป็นเหมือนหลงั คาของ ป่า เน่ืองจากตน้ สกั ตอ้ งการแสงอาทิตยธ์ รรมชาติ ในชว่ งปีแรก ๆ ตน้ แคฝร่ังจะแยง่ แสงแตก่ ็ใหส้ ารอาหารไปยงั รากตน้ สกั โดยตรง แตเ่ ม่ือตน้ แคฝร่ังสูงถึงความสูงท่ี เหมาะสมแปรมาณ 2-3 เมตร ก่ิงกา้ นก็จะถูกตดั ไปทาํ ชีวมวล ซ่ึงจะทาํ ใหต้ น้ สกั โตเร็ว กวา่ ตน้ แคฝร่งั และทาํ ใหต้ น้ สกั กลายเป็นร่มไมข้ อง ป่า ตน้ แคฝร่ังจะยงั คงเจริญเติบโตตอ่ ไปภายใตร้ ่มไมน้ ้ี และเป็นแหลง่ สารอาหารตาม ธรรมชาติใหต้ น้ สกั เป็นชีวมวล และนําใบมาใชไ้ ดต้ ลอดอายุของตน้ สกั
ผจู ดั ทํา ชื่อ นางสาวภัทรศยา ยะมงคล ชือ่ เลน ออม วนั /เดอื น/ป เกิด 17/09/46 : [email protected] : ออม ยอล : aomry_potter ชอ่ื นางสาวสิริยากร ปงลงั กา ชอ่ื เลน พมิ วนั /เดือน/ป เกิด 04/04/47 : [email protected] : Siriyakorn Ponglangka : pim_siri4
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: