Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ของธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย

การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ของธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย

Published by addanni, 2021-11-11 08:28:52

Description: การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ของธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย Creative Work Behavior Management of Food Processing Business in Thailand (ผศ.นฤมล จิตรเอื้อ)

Keywords: การจัดการพฤติกรรม,การทำงานเชิงสร้างสรรค์,ธุรกิจอาหารแปรรูป,Creative Work Behavior Management

Search

Read the Text Version

การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ของธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย Creative Work Behavior Management of Food P5rocคeำsแsนinะgนBำuสsนinุ กessๆ in Thailand การประกาศข่าวนฤมล จิตรเอื้อ*, วิโรจน์ เจษฎาลักษณ์**, จันทนา แสนสุข*** งานแต่งของคุณ ความสามารถขององค์การในการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง สร้างประสิทธิผลของนวัตกรรม การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน * นักศึกษาปริญญาเอก คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ** ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร *** ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ คู่มือนี้จัดทำขึ้นเพื่ อเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการศึกษาเชิงวิชาการเท่านั้น มิได้มีวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์

บทนำ สภาวะแวดล้อมในโลกปัจจุบันกำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ที่เต็มไปด้วยความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และยากที่จะคาดเดาได้ ทำ ใ ห้ ห ล า ย ป ร ะ เ ท ศ ทั่ ว โ ล ก ป รั บ เ ป ลี่ ย น น โ ย บ า ย ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ป สู่ สภาพเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) จากยุคอุตสาหกรรมไปสู่ ยุคทุนทางความรู้ อันเป็นลักษณะของเศรษฐกิจบนฐานความรู้ (Knowledge-based Economy) เป็นระบบเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ ความรู้ และทุนทางปัญญาขององค์การเป็นกลไกในการพั ฒนาองค์กรให้เกิดการเจริญเติบโต และสร้างความยั่งยืนแก่ธุรกิจ ผู้บริหารจึงต้องใช้ทักษะที่มีมาบริหารคนและองค์การให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นให้ดียิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทุกองค์การนิยมใช้เพื่ อความอยู่รอด และสร้างความได้เปรียบ ทางการแข่งขันคือ นวัตกรรม (Innovation) ซึ่งความสามารถขององค์การที่ทำให้ก้าวผ่าน แต่ละเหตุการณ์และทำให้องค์การเกิดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องนั้นคือ ทรัพยากรมนุษย์ ที่มี ทักษะ ความรู้ และมีพฤติกรรมการทำงานที่พึงประสงค์ตามที่องค์การต้องการ พ ฤ ติ ก ร ร ม ส ร้ า ง ส ร ร ค์ เ ป็ น พ ฤ ติ ก ร ร ม ที่ อ ง ค์ ก า ร ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ เ กิ ด ขึ้ น ในตัวของบุคลากร เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้เผชิญกับสภาพแวดล้อม ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต (Dynamic) และเป็นพฤติกรรมหลัก ในองค์การที่ทำให้เกิดนวัตกรรม โดยมีจุดกำเนิดมาจากทักษะความรู้ และ ความคิดสร้างสรรค์ของตัวบุคคล และกลุ่มคนที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กันในองค์การ อย่างไรก็ตามด้วยความคิดสร้างสรรค์เป็นทรัพยากรที่จับต้องไม่ได้ จึงต้องใช้ความสามารถขององค์การเป็นผู้ดำเนินการจัดการ ดังนั้น การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ จึงเป็นความสามารถที่เกิดจากการสร้างความได้เปรียบ ในด้านทุนมนุษย์ขององค์การที่สอดคล้องกับการปลี่ยนแปลง และกลยุทธ์ของธุรกิจ ในการดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัว ของบุคลากรออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน และพั ฒนาศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ ในระยะยาว

บริบทธุรกิจอาหารแปรรูป ในประเทศไทย นโยบายของรัฐบาลไทยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหาร “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ยุทธศาสตร์การพัฒนา อุตสาหกรรมไทย 4.0 มุ่งสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก โดยอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปมีชื่อเสียง มีความพร้อมทางด้านวัตถุดิบ และแนวโน้มการบริโภคสินค้า อาหารของทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ และเป็นประเทศ ผู้ผลิตอาหารให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก จึงทำให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง มีการลงทุนด้านการวิจัย และพัฒนาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมสาขาอื่น ๆ ของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ปัจจุบันธุรกิจอาหารแปรรูปต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อม ในการแข่งขันการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาขาดแคลนแรงงาน วัยหนุ่มสาว โมเดลประเทศไทย 4.0 ที่เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในกระบวนการผลิต และเทคโนโลยี ด้านอาหาร รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย และความสามารถ ในการตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้ผู้ผลิตอาหารแปรรูปต้องควบคุม และตรวจสอบคุณภาพครอบคลุมทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนั้นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ของผู้บริโภคสมัยใหม่ต้องการอาหารที่มีความสะดวกรวดเร็วต่อการบริโภคมากขึ้น และการเพิ่มขึ้น ของความต้องการบริโภคอาหารเพื่ อสุขภาพและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยคำนึกถึงคุณค่า ทางโภชนาการ ความปลอดภัย และการดูแลสุขภาพตนเองมากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อ การดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้ธุรกิจอาหารแปรรูปต้องปรับตัวเริ่มสร้างสินค้าที่มี นวัตกรรมตรงกับความต้องการและฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปในอนาคต เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง มีความสลับซับซ้อนในการผลิต ต้องใช้องค์ความรู้หลายแขนง และเทคโนโลยีการผลิต ที่ทันสมัยในการยกระดับมาตรฐานจนเป็นที่ยอมรับ จึงทำให้ธุรกิจอาหารแปรรูปต้องพัฒนาแนวทาง การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์เข้าไปในทุกกิจกรรมขององค์การ เพื่ อสร้าง ความสามารถใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืน

ก า ร จั ด ก า ร พ ฤ ติ ก ร ร ม ก า ร ทำ ง า น เ ชิ ง ส ร้ า ง ส ร ร ค์ (Creative Work Behavior Management) ปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันขององค์การ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นรวดเร็ว และ รุนแรงขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่เคยเปลี่ยนแปลง ไปอย่างช้า ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ผู้บริหารยุคใหม่ จึงต้องกำหนดกลยุทธ์และมีการวางแผนจัดการพฤติกรรม การทำงานเชิงสร้างสรรค์เพื่ อเตรียมความพร้อม ด้านทรัพยากรมนุษย์ ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้และลดความเสี่ยงที่มีผลต่อความสามารถ ในการสร้างกำไร การแข่งขัน และความอยู่รอดขององค์การ สังคมที่ปรับเปลี่ยนก้าวเข้าสู่ยุคสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งความรู้ถือเป็นทรัพยากรหลักสำคัญ “Knowledge is Power” ยิ่งใช้ยิ่งงอกงาม ทำให้ทุกองค์กรกำลังแข่งขันกันบนพื้นฐานความรู้ หากองค์การมีการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบที่ดี มีบุคลากรที่มีศักยภาพสูง และสามารถดึงความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลที่มีออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากเท่าไร จะช่วยให้การดำเนินงานของ องค์การขับเคลื่อนด้วยความรู้และความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดนวัตกรรมต่อไป การพั ฒนาการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ จึงถือเป็นความท้าทายในธุรกิจและมีความจำเป็นที่ทุกองค์การ จะต้องเร่งสร้างขึ้น โดยบูรณาการการจัดการพฤติกรรมการทำงาน เชิงสร้างสรรค์กับการจัดการเชิงกลยุทธ์ขององค์การ ตลอดจน ความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อทำให้ธุรกิจพร้อมรับมือ กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกขณะ เสริมสร้าง ความแข็งแกร่งทางศักยภาพและการดำเนินงานในระยะยาว

เหตุใดธุรกิจจึงต้องมีการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์? 1 การไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการพฤติกรรมการทำงาน เชิงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่สามารถสร้างนวัตกรรม หรือรักษานวัตกรรมให้คงอยู่กับองค์การได้ในระยะยาว ซึ่งส่งผลต่อ ความสามารถในการการแข่งขันของธุรกิจ 2 การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน วัยหนุ่มสาว แรงงานที่อยู่ในตลาดอาจขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะความคิดที่จำเป็นเพี ยงพอในการทำงาน 3 ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ เนื่องจากความรู้เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ในการผลิตสินค้าและบริการ เพื่อขับเคลื่อนองค์การให้เจริญเติบโต และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน 4 ความผันผวนของสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วฉับพลันและคาดเดาได้ยาก องค์การจึงต้องปรับโครงสร้างองค์กรที่มีความยืดหยุ่น และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในองค์การให้มีทักษะใหม่ เพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต

องค์ประกอบของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. การสร้างความคิดที่แตกต่าง เป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรได้ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ ให้มีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ สนับสนุนให้หามุมมองที่แตกต่าง แปลกใหม่ในการทำงาน และให้ข้อมูลป้อนกลับผลการปฎิบัติงานเสมอ เพื่ อนำข้อมูลในการพั ฒนาตนเองและการปฎิบัติงาน 2. การเปลี่ยนแปลงการทำงานเชิงรุก เป็นการกระตุ้นให้บุคลากรยอมรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง เปิดกว้าง รับสิ่งใหม่ ไม่ยึดติดกับแบบแผนเดิม ๆ มองหาทางออกปัญหาหลายมุมมอง และรู้จักวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อป้องกันสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ในอดีต เตรียมวางแผนไว้รองรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 3. การพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นการส่งเสริมให้บุคลากรเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ ความสามารถอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเรียนรู้ผ่านการฝึกอบรม การจัดกิจกรรม ข้อผิดพลาดในการทำงาน และสร้างบรรยากาศความไว้วางใจ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน สร้างความเข้าใจใหม่ การเติมเต็มและขยายความรู้ 4. การบูรณาการความรู้อย่างสร้างสรรค์ เป็นการสนับสนุนกิจกรรมการจัดการความรู้ภายในองค์การ มีแหล่ง ในการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลความรู้ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อให้บุคลากรทุกระดับเข้ามาแลกเปลี่ยน ถ่ายโอนความรู้ ประสบการณ์ และการนำไปใช้ประโยชน์ 5. ความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรม เป็นการสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีม มีการใช้รูปแบบการทำงาน ข้ามสายงาน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้สอดคล้อง กับทรัพยากรและบริบทขององค์การที่มี รวมถึงร่วมกันคิดสร้างสรค์ผลงาน ที่มีคุณค่า และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องแก่องค์การ

องค์ประกอบของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. การสร้างความคิดที่แตกต่าง 2. การเปลี่ยนแปลงการทำงานเชิงรุก 3. การพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 4. การบูรณาการความรู้อย่างสร้างสรรค์ 5. ความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรม

ผลลัพธ์ของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. ประสิทธิผลของนวัตกรรม การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้เกิดประสิทธิผลของนวัตกรรมได้ เนื่องจากธุรกิจ ที่อยู่รอดได้ไม่ใช่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด แต่สามารถรับมือ และ ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด โดยการนำทักษะ ความรู้ และเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ให้เกิดเป็นทุนทางปัญญา การจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์จึงนับเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมอันเป็นที่มาของความสามารถ ในการแข่งขันขององค์การในระยะยาว ดังนี้ 1) มูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ เสริมสร้างการทำงานข้ามสายงาน มีชุมชนนักปฏิบัติ (CoP) การทำโครงการ วิจัยและพัฒนา เพื่อคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายไม่ซ้ำกับ รูปแบบเดิม มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแปลกใหม่ จนเกิดเป็นนวัตกรรมอาหารแปรรูป (Processed Food Innovation) รวมถึงการส่งมอบคุณค่าที่เป็นการสร้าง ประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแตกต่างจากผลิตภัณฑ์คู่แข่งขัน 2) ศักยภาพของกระบวนการทำงาน ส่งเสริมให้บุคลากรได้ใช้ความคิดอย่างอิสระ กระตุ้นการแสวงหาความรู้ โดยผ่านการวินิจฉัยปัญหา สร้างแนวทางปรับปรุงพั ฒนางาน หาวิธีปฏิบัติ ที่เป็นเลิศ (Best Practices) การจัดประกวดผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้บุคลากรได้เป็นวิทยากรภายใน รวมถึงการถอดบทเรียนมารวบรวม และจัดเก็บเป็นองค์ความรู้ (KM) ในรูปแบบสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ทันสมัย 3) ความสามารถทางการตลาด การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคลากรทุกระดับ กระตุ้นให้นำเสนอมุมมองที่แตกต่าง การทำงานเชิงรุก (Proactive) ร่วมมือ กันทำวิจัยตลาด เช่น กลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า พัฒนาช่องทางการตลาด ที่หลากหลายมากขึ้น บูรณาการและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างการตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Alliance)

ผลลัพธ์ของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 2. ผลการดำเนินงานขององค์การ ผลการดำเนินงานขององค์การมีความสำคัญทำให้ทราบถึงผลลัพธ์จากการดำเนินงาน ในช่วงที่ผ่านมาและยังสามารถทำนายอนาคตขององค์การได้ ทั้งนี้องค์การสามารถ สร้างผลลัพธ์การดำเนินงานที่ดีได้จากทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและความสามารถที่ องค์การมี โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญยิ่งสำหรับองค์การในยุคสังคมฐานความรู้ ผลการดำเนินงานขององค์การที่เกิดจาก การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ดังนี้ 1) ผลการดำเนินงานที่เป็นตัวเงิน ความสามารถในการจัดการพฤติกรรมการทำงานสร้างสรรค์ในการสนับสนุน กลยุทธ์การเจริญเติบโต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายฐานลูกค้า การขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ การขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยกำหนดให้ บุคลากรเข้ามีส่วนร่วมในการบริหารงาน มีการทำงานข้ามสายงาน เน้นการ วิจัยและพั ฒนา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินงาน ทำให้ธุรกิจ เป็นผู้นำทางด้านต้นทุน ยอดขายที่เติบโตสูงขึ้น มีผลกำไรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ มขึ้น 2) ผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นตัวเงิน การใช้กระบวนการจัดการบุคลากรให้มีพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ในการจัดการทุนทางปัญญาที่ธุรกิจมีออกมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ ศักยภาพของกระบวนการทำงาน และความสามารถทางการตลาด เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์และความมีชื่อเสียงขององค์การ เช่น การพั ฒนาธุรกิจได้รับ การรับรองมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล กลยุทธ์ความรับผิดชอบ ต่อสังคม (CSR) รวมถึงการได้รับรางวัลต่าง ๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจได้รับการยอมรับ และเชื่อถือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ผลลัพธ์ของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. ประสิทธิผลของนวัตกรรม 1) มูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ 2) ศักยภาพของกระบวนการทำงาน 3) ความสามารถทางการตลาด 2. 2. ผลการดำเนินงานขององค์การ 1) ผลการดำเนินงานที่เป็นตัวเงิน 2) ผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นตัวเงิน

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ เป็นกุญแจสำคัญประการแรกของการจัดการพฤติกรรมการทำงาน เชิงสร้างสรรค์ เนื่องจากนโยบายและแนวปฏิบัติต้องอาศัยวิสัยทัศน์ นโยบาย และกลยุทธ์ที่มาจากผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เชิงสร้างสรรค์ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเปิดกว้างรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริม และสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในด้านการจัดการพฤติกรรมการทำงาน เชิงสร้างสรรค์ โดยผู้นำควรมีคุณบัติดังนี้ 1) การมีอิทธิพลเชิงอุดมการณ์อย่างสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์การเปลี่ยนแปลงยึดถือความคิดและการกระทำเชิงสร้างสรรค์ ที่สูงขึ้น สามารถถ่ายทอดวิสัยทัศน์ไปยังบุคลากรให้เกิดพฤติกรรม การยอมรับ ปรับตัว และพร้อมสร้างศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อรองรับต่อ การปลี่ยนแปลง และตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ การแข่งขันบนพื้ นฐานของภูมิปัญญาและความรู้ 2) การสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างสร้างสรรค์ สนับสนุนให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุข สนุกกับงานที่ทำ ออกแบบงานที่ได้ใช้ความหลากหลายของทักษะ (Skill Variety) งานน่าสนใจ มีความท้าทาย มีอิสระในการทำงาน การให้อำนาจและ โอกาสในการตัดสินใจ ปรับทัศนคติเชิงบวก วิธีคิดวิธีการทำงานเชิงรุก สร้างแรงผลักดันความมุ่งมั่น (Passion) รวมถึงการสร้างบรรยากาศ การทำงานที่สร้างสรรค์ และเน้นการทำงานเป็นทีม 3) คำนึงถึงปัจเจคบุคคลบนฐานความคิดสร้างสรรค์ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในตัวบุคคลที่มีคุณค่าแตกต่างกัน ด้วยความเชื่อมั่นว่าแต่ละบุคคลต่างมีความรู้ ความสามารถ มีส่วนสำคัญ ในการพั ฒนาองค์การ เปิดโอกาสให้บุคลากรได้แสดงศักยภาพและ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ หรือต่อยอดให้เกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ การปฏิบัติต่อบุคลากรด้วยการให้เกียรติ เน้นการสื่อสารแบบเปิดกว้าง และยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 2. โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต การกำหนดรูปแบบการปฏิบัติงานและส่งเสริมพฤติกรรมของบุคลากร ให้ตระหนักต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ยอมรับ และ พร้อมจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้สามารถตอบสนอง ต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้เกิดพฤติกรรมและการทำงาน รูปแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว สอดรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยดำเนินการดังนี้ 1) การบริหารงานแบบยืดหยุ่น ปรับโครงสร้างและรูปแบบการทำงานที่ไม่เน้นความเป็นทางการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง มีลำดับชั้น การบังคับบัญชาน้อย การบริหารงานแบบกระจายอำนาจ เปิดโอกาส ให้มีอิสระในการคิดและการตัดสินใจในขอบเขตที่เหมาะสม เน้นการสื่อสาร ระหว่างสมาชิก การวัดประเมินผลการทำงานเน้นผลการปฏิบัติงาน เป็นหลัก การทำงานเป็นทีม และการสร้างบรรยากาศองค์กรแห่งความสุข ที่ทำให้บุคลากรมีความสุขและพร้อมทุ่มเทในการทำงาน 2) การออกแบบงานที่หลากหลาย การให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมกับงานที่ท้าทาย มอบหมายงานที่ได้ ใช้ทักษะหลากหลายในการปฎิบัติให้สำเร็จ การหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation) ได้ทำและเรียนรู้สิ่งใหม่ที่นอกเหนือจากบทบาท งานประจำ การให้อิสระในการทำงาน กระตุ้นให้บุคลากรนำเสนอ ความคิดใหม่ ๆ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปฎิบัติงานแตกต่างจากเดิม การมุ่งมั่นเรียนรู้พั ฒนาตนเองอยู่เสมอ และร่วมมือกันใช้ความรู้ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปรับปรุงและพั ฒนางาน อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 3. ความสามารถในการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นความสามารถที่สำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเสริมสร้างศักยภาพในการพั ฒนานวัตกรรม ปัจจุบันโลกเข้าสู่ ยุคการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน (Disruptive Change) ทำให้ องค์การต้องมีการพั ฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยการเปิดรับ ความรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้สร้าง ความสามารถและกลยุทธ์การแข่งขัน โดยดำเนินการดังนี้ 1) ความพร้อมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนา ขึ้นมาเองและการรับเทคโนโลยีสารสนเทศจากภายนอกมาประยุกต์ใช้ การจัดสรรสิ่งอำนวยสะดวกต่าง ๆ ให้เพี ยงพอต่อการใช้งานของ บุคลากรทุกคน ความพร้อมของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่สอดรับ ต่อการปฏิบัติงานและมาช่วยเพิ่ มศักยภาพในการทำงาน 2) ความพร้อมของบุคลากรต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ การวางแผนอบรมเตรียมความพร้อมแก่บุคลากรรองรับ เทคโนโลยีสารสนเทศในระยะยาว มีการฝึกอบรมเสริมทักษะเก่า เพิ่มทักษะใหม่ให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถใช้งานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมใฝ่เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จนเกิดเป็นความรู้ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลง สิ่งเก่าหรือสร้างสิ่งใหม่ที่มีคุณค่าแก่ธุรกิจ 3) การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกับงาน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างฐานข้อมูลใช้สนับสนุนการบริหารจัดการ และพัฒนาธุรกิจ การเปิดโอกาสให้บุคลากรนำเสนอความคิดในการพัฒนา ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมให้ใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึง การมีพันธมิตรทางธุรกิจช่วยเหลือด้านข้อมูล แลกเปลี่ยนทรัพยากร และเทคโนโลยีร่วมกัน

ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ 1. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ 1) การมีอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ 2) การสนับสนุนการปฏิบัติงาน 3) คำนึงถึงปัจเจคบุคคลบนฐาน อย่างสร้างสรรค์ อย่างสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ 2. โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต 1) การบริหารงานแบบยืดหยุ่น 2) การออกแบบงานที่หลากหลาย 3. ความสามารถในการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ 1) ความพร้อม 2) ความพร้อมของบุคลากร 3) การบูรณาการ ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศกับงาน

การพั ฒนาการจัดการพฤติกรรม การทำงานเชิงสร้างสรรค์ การพัฒนาการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ควรเริ่มจาก จุดที่สำคัญที่สุดคือผู้นำหรือผู้บริหาร คือจะต้องมีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เชิงสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์เปิดรับต่อการเปลี่ยนแปลง ยึดถือความคิดและ การกระทำเชิงสร้างสรรค์ แสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เห็นคุณค่าและ ยอมรับในความแตกต่างของบุคลากร สร้างแรงบันดาลใจ เปิดโอกาสให้ แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ผู้บริหารเล็งเห็นว่าบุคลากรคืออนาคตของ องค์กรพร้อมให้การสนับสนุนการจัดการพฤติกรรมการทำงาน เชิงสร้างสรรค์ให้ทันต่อความรุนแรงการแข่งขัน ปรับเปลี่ยนนโยบาย ให้เอื้อต่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และกระตุ้นให้บุคลากรแสดงศักยภาพ ออกมา เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ให้สำเร็จตามวิสัยทัศน์ ประการต่อมาคือ โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต ควรสร้างความตระหนักในการเปลี่ยนแปลง ของสภาพแวดล้อมให้เกิดกับบุคลากร ให้มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน เพื่อใช้กำหนดกลยุทธ์ของธุรกิจร่วมกับกำหนดค่านิยมหลักที่เน้นพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ และสื่อสารให้บุคลากรรับรู้ เข้าใจ และใช้เป็นแนวทางในการยึดถือปฏิบัติ เพื่อสร้างนวัตกรรมแก่ธุรกิจ ประการสุดท้ายคือ ความสามารถในการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้ความสำคัญกับการพัฒนา ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เข้ามามีบทบาทในการดำเนินงาน โดยมีการกำหนด นโยบาย แผนงาน และเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความแข็งแกร่งและมี ศักยภาพสูงสุด รวมถึงสื่อสารให้บุคลากรรับรู้ เข้าใจ ร่วมมือกันพัฒนาองค์ความรู้ใหม่จากองค์ความรู้เดิม ที่มีอยู่ ตลอดจนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ ๆ เพื่ อสร้างความสามารถขององค์การ และกลยุทธ์การแข่งขันของธุรกิจ โดยกระบวนการการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ เริ่มจากสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้ออำนวยให้บุคลากรพร้อมปรับตัว มีอิสระในการคิดและตัดสินใจ กล้าคิดกล้าทำสิ่งที่แตกต่าง เปิดกว้าง รับสิ่งใหม่ ๆ พัฒนาความรู้และทักษะตนเองอย่างต่อเนื่อง มีการแบ่งปัน ความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับสมาชิกในองค์การ พร้อมกับ สร้างความร่วมมือในการพัฒนาสิ่งใหม่แก่ธุรกิจ ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ทำให้เกิดพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง สร้างประสิทธิผลของนวัตกรรม และผลการดำเนินงานอย่างยั่งยืน

ปัจจัยแห่งความสำเร็จและผลลัพธ์ ของการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ผลการดำเนินงานขององค์การ ผลการดำเนินงานที่เป็นตัวเงิน ผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นตัวเงิน ประสิทธิผลของนวัตกรรม มูลค่าเพิ่ มของผลิตภัณฑ์ ศักยภาพของกระบวนการทำงาน ความสามารถทางการตลาด การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ การสร้างความคิดที่แตกต่าง การเปลี่ยนแปลงการทำงานเชิงรุก การพั ฒนาการเรียนรู้ การบูรณาการความรู้ ความร่วมมือ อย่างต่อเนื่อง อย่างสร้างสรรค์ ในการพั ฒนานวัตกรรม ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต ความสามารถในการจัดการ เชิงสร้างสรรค์ เทคโนโลยีสารสนเทศ

ข้อเสนอแนะเพื่ อการพั ฒนาการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 1. หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุดมศึกษา กระทรวงสาธารณสุข ควรกำหนดนโยบายและแผนสนับสนุนการให้ความรู้และการพั ฒนาการจัดการพฤติกรรม การทำงานเชิงสร้างสรรค์ เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถสร้างความเจริญเติบโตและความสามารถ ในการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. หน่วยงานที่มีหน้าที่สนับสนุนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ควรมีการกำหนดนโยบายพัฒนาหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้บริหารองค์การ และ หลักสูตรพั ฒนาบุคลากรให้มีพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ เพื่ อสร้างประสิทธิผล ด้านนวัตกรรมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน 3. หน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทในการยกระดับความรู้และทักษะแรงงาน ควรกำหนด นโยบายในการเร่งพัฒนาและยกระดับสมรรถนะแรงงานให้ทันต่อความรู้และวิทยาการใหม่ ๆ รองรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป 4. หน่วยงานด้านการศึกษาควรกำหนดนโยบายและแผนร่วมกับภาคธุรกิจในการเร่งสร้าง และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะ ความรู้ มีศักยภาพสูงเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง และ ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน้นการพั ฒนาศักยภาพของคน ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงวัยสูงอายุ 5. ภาคธุรกิจและการศึกษาควรร่วมกันกำหนดนโยบายความร่วมมือ เพื่ อแลกเปลี่ยน ทรัพยากร และพั ฒนาศักยภาพของบุคลากรร่วมกันทั้งในเชิงวิชาการและปฏิบัติ รวมถึง กำหนดเป้าหมายการผลิตและพั ฒนาบุคลากรให้มีพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ เพื่อลดช่องว่างของสมรรถนะของบุคลากรกับ เป้าหมายของธุรกิจ 6. ภาคธุรกิจควรจัดทำแผนความต้องการ แผนการใช้ประโยชน์ และแผนการพั ฒนา บุคลากรทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และมีการทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ

ข้อเสนอแนะเพื่ อการพั ฒนาการจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ข้อเสนอแนะเชิงการจัดการ 1. ผู้บริหารกำหนดและวางแผนกลยุทธ์ในการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวและกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เพื่อบูรณาการ การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์เป็นความสามารถใหม่ของธุรกิจที่ทันต่อ การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน 2. ผู้บริหารทุกระดับต้องให้ความสำคัญกับการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ อย่างยิ่ง ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในด้านนี้อย่างชัดเจน และสนับสนุนทุกกิจกรรม ในการจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งการดำเนินงานในด้านนี้ต้องไม่เป็นเพียง บทบาทของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ แต่ควรเป็นภารกิจร่วมกันทั่วทั้งองค์การ และควรดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงทบทวนและปรับปรุงกระบวนการให้เข้ากับสถานการณ์ตลอดเวลา 3. ผู้บริหารกำหนดรูปแบบและจัดแผนการพั ฒนาสมรรถนะของบุคลากรอย่างชัดเจน พัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้มีระดับสูงขึ้นสอดคล้องกับ ทิศทางและกลยุทธ์การพั ฒนาองค์การ 4. ผู้บริหารควรสนับสนุนวัฒนธรรมองค์การเชิงปรับตัว ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างรวดเร็ว มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการปฏิบัติงาน เพื่ อเอื้อให้การจัดการ พฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ประสบผลสำเร็จ 5. ผู้บริหารควรกำหนดแนวทางการรับและปรับใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เปิดรับความรู้ใหม่ และนำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยที่จำเป็นต่อการพัฒนานวัตกรรม เพื่อมาสร้างความสามารถ และใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันของธุรกิจ 6. ผู้บริหารควรกำหนดกลยุทธ์และแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ การจัดกิจกรรม และสิ่งสนับสนุนต่อการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่ม และองค์การ เช่น ปลูกฝังค่านิยม ความคิดสร้างสรรค์ การสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ การทำงานข้ามสายงาน ชุมชนนักปฏิบัติ การสร้างวิทยากรภายใน และการพัฒนาระบบพี่เลี้ยง 7. ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจและธำรงรักษาบุคลากร เช่น การจัดการ ประกวดผลงานจากความคิดเชิงนวัตกรรม การออกแบบงานที่น่าสนใจมีความท้าทาย แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในคุณค่า สร้างความภาคภูมิใจ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ องค์การ

คู่มือฉบับนี้พั ฒนาขึ้นจากวิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่อง การจัดการพฤติกรรมการทำงานเชิงสร้างสรรค์ของธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย ขอขอบพระคุณ ผู้บริหารธุรกิจอาหารแปรรูปในประเทศไทย คณาจารย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้นิพนธ์ผลงานทางวิชาการทุกรูปแบบทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ภาพกราฟิกประกอบเนื้อหาบรรยาย ผู้สนใจหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นฤมล จิตรเอื้อ สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี [email protected] ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่ มเติมได้ที่