บทที 5 โทรศั พท์ วิชา การใช้เครืองใช้สํานั กงาน ครู อรินทยา ใจเอ แผนกวิชาการจัดการสํานั กงาน วิทยาลัยอาชีวศึ กษาเชียงใหม่
โทรศัพทเ์ ปนเครอื งมอื ทใี ชใ้ นการตดิ ตอ่ สือสาร ทอี ํานวยความสะดวกได้อยา่ งรวดเรว็ ประหยัดเวลา และค่าใชจ้ า่ ย เปนเครอื งใชส้ ํานั กงานทสี ําคัญอย่าง ยงิ ทสี ํานั กงานทกุ แห่งจะขาดมไิ ด้ เพราะในการ ดําเนิ นธุรกจิ ตา่ ง ๆ ของหน่ วยงานทมี คี วามจําเปน ตอ้ งตดิ ตอ่ สือสารกบั บคุ คลตา่ ง ๆ ทงั ภายนอกและ ภายในหน่ วยงาน
ประวตั แิ ละววิ ฒั นาการของโทรศั พท์ โทรศั พท์ (Telephone) เครอื งแรกเปนเครอื ง ส่งเสียงไกล ใชก้ ระแสไฟฟาส่งและรบั เสียงพูด โดยการส่งเสียงพดู กรอกลงไปในเครอื งส่ง ประดษิ ฐโ์ ดย อเลก็ ซานเดอร์ เกรเฮม เบลล์ เปนชาวสกอ๊ ต ใชเ้ ปนครงั แรกเมอื พ.ศ. 2419 ทเี มอื งบอสตนั รฐั แมสซาซเู ซตส์ ประเทศ สหรฐั อเมรกิ า และเปดใชค้ รงั แรกเมือ พ.ศ. 2421 ทเี มอื งนิ วฮาเวน รฐั คอนเนตตกิ ตั
ประวตั แิ ละววิ ฒั นาการของโทรศั พท์ ประเทศไทยไดม้ กี ารนํ าโทรศัพทเ์ ขา้ มาใชใ้ นการติดตอ่ สือสารเปนครงั แรกใน พ.ศ. 2424 ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที 5 โดยกระทรวงกลาโหม ซงึ ในขณะนั นเรยี กวา่ “กรมกลาโหม” ไดท้ ดลองนํ าโทรศัพท์ มาตดิ ตงั ทกี รุงเทพฯ และจงั หวดั สมทุ รปราการ แห่งละ 1 เครอื ง โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพือใชใ้ นการแจง้ ขา่ วเรอื เขา้ และออกทปี ากนา สมทุ รปราการ ให้ทางกรุงเทพฯ ทราบ
ระบบโทรศัพทน์ ั น จะตอ้ งประกอบดว้ ยเครอื งโทรศัพท์ 2 เครอื งวางห่างกนั โดยมสี ายไฟฟาเชอื มต่อระหว่าง 2 เครอื ง สามารถสือสารถงึ กนั โดยอาศัยหลกั การของ การเปลยี นสัญญาณเสียงเปนสัญญาณไฟฟา ส่งไปตาม สายไฟฟา เมอื ถงึ ปลายทางสัญญาณไฟฟาจะถูกเปลยี น เปนสัญญาณเสียงตามเดิม ในระบบนี ยงั ไมม่ รี ะบบชมุ สาย โทรศัพทเ์ ขา้ มาเกยี วขอ้ ง
พ.ศ. 2429 กรมไปรษณียโ์ ทรเลขไดร้ บั โอนกจิ การ โทรศัพทจ์ ากกระทรวงกลาโหม มาดําเนิ นการและได้ขยาย กจิ การออกไป และเปดโอกาสให้ประชาชนขอเชา่ ใชเ้ ครอื ง โทรศัพทภ์ ายในเขตกรุงเทพฯ และธนบรุ ี พ.ศ. 2478 ไดม้ กี ารสังซอื เครอื งชมุ สายอัตโนมตั ิ Step- by-Step มาจากประเทศองั กฤษสําหรบั ติดตังโทรศัพทก์ ลาง ทวี ดั เลยี บ และทชี มุ สายบางรกั โดยเปดใชช้ มุ สายโทรศัพท์ อตั โนมตั เิ พือให้บรกิ ารทวั ไปใน พ.ศ. 2480
24 กมุ ภาพันธ์ 2497 มกี ารจดั ตงั องค์การโทรศัพทแ์ ห่ง ประเทศไทยขนึ เปนรฐั วิสาหกจิ สังกดั กระทรวงคมนาคม มหี น้ าทรี บั ผดิ ชอบจดั บรกิ ารทางดา้ นโทรศัพทใ์ ห้แก่ ประชาชนและหน่ วยงานตา่ ง ๆ ทวั ประเทศ ปจจบุ นั มผี ใู้ ห้บรกิ ารโทรศัพทพ์ ืนฐานเพียงรายเดียว ไดแ้ กบ่ รษิ ัท ทโี อที จํากดั (มหาชน) โดยสถติ ใิ นไตรมาสที 4 ของป พ.ศ. 2557 มีผใู้ ชบ้ รกิ ารจํานวน 5,687,038 เลขหมาย ลดลงจากป พ.ศ. 2551
การให้บรกิ ารของโทรศัพทพ์ ืนฐานในอดตี นั น ค่อนขา้ ง มขี อ้ จํากดั สงู อตั ราการเตบิ โตของธุรกจิ โทรศัพทพ์ ืนฐานใน ป พ.ศ. 2534 อยทู่ ี 3.3 เลขหมายตอ่ ประชากร 100 คน กอ่ นทจี ะมกี ารเปดให้บรษิ ัทเอกชนรบั สัมปทานเพือสรา้ งและ ใชโ้ ทรศัพทพ์ ืนฐาน 2 ราย ได้แก่ บ.เทเลคอมเอเชยี คอรป์ อเรชนั จํากดั (มหาชน) (ปจจบุ นั คือ บ. ทรู คอรป์ อเรชนั จํากดั (มหาชน) สําหรบั ให้บรกิ ารในพืนที กรุงเทพและปรมิ ณฑล และ บ. ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอม มวิ นิ เคชนั จํากดั (มหาชน) สําหรบั ให้บรกิ ารในตา่ งจังหวัด
โทรศัพทเ์ คลอื นที หรอื โทรศัพทม์ อื ถอื (บา้ งเรยี กวทิ ยโุ ทรศัพท)์ คือ อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิ กส์ ทใี ชใ้ นการสือสารสองทาง ใชค้ ลนื วทิ ยใุ นการตดิ ตอ่ กบั เครอื ขา่ ยโทรศัพทม์ อื ถอื โดยผา่ นสถานี ฐาน โดยเครอื ขา่ ยของโทรศัพทเ์ คลอื นทแี ตล่ ะผใู้ ห้บรกิ าร จะเชอื มตอ่ กบั เครอื ขา่ ยของโทรศัพทบ์ า้ นและ เครอื ขา่ ยโทรศัพทเ์ คลอื นทขี องผใู้ ห้บรกิ ารอืน โทรศัพทเ์ คลอื นที ทมี คี วามสามารถเพิมขึน ในลกั ษณะคอมพิวเตอรพ์ กพาจะถกู กล่าวถึงในชอื โทรศัพทอ์ จั ฉรยิ ะ
โทรศัพทเ์ คลอื นทใี นปจจุบนั นอกจากความสามารถพืนฐานแลว้ ยงั มี คุณสมบตั พิ ืนฐานของโทรศัพทเ์ คลอื นที ทเี พิมขนึ มา เชน่ การส่งขอ้ ความ sms ปฏทิ นิ นา ิกาปลกุ ตารางนั ดหมาย เกม การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ ต บลทู ธู อนิ ฟราเรด กลอ้ งถา่ ยภาพ เอ็มเอ็มเอส วทิ ยุ เครอื งเลน่ เพลง และ จพี ีเอส
พ.ศ. 2516 โทรศัพทเ์ คลอื นทเี ครอื งแรกถูกผลิตและออกแสดง โดย Martin Cooper นั กประดษิ ฐจ์ ากบรษิ ัทโมโตโรลา ในชอื โมโตโรลา ไดนาแทค็ เปนโทรศัพทเ์ คลอื นทขี นาดใหญท่ มี ี นาหนั กประมาณ 1.1 กโิ ลกรมั
0G หรอื Pre-Cellular ยคุ ของวทิ ยโุ ทรศัพทเ์ คลอื นที (Mobile Radio Telephone) ซงึ เปนครงั แรกทโี ทรศัพท์ ถูกเชอื มตอ่ เข้า กบั เครอื ขา่ ยโทรศัพทส์ าธารณชน (Public-Switched Telephone Network: PTSN) แทนทเี ครอื ข่ายปดอยา่ งทถี ูกใช้ งานโดยทหาร ตํารวจ และรถแทก็ ซี โดยในยคุ นี โทรศัพท์ ส่วนมากมขี นาดใหญ่ และถกู ตดิ ตงั ไวใ้ นรถยนต์ หรอื รถ บรรทกุ เปนหลกั และถกู นํ ามาใชท้ างพาณิชย์ครงั แรกโดย Bell System ประเทศสหรฐั อเมรกิ า เมือป 1946
1G 1G เทคโนโลยเี ครอื ขา่ ยไรส้ ายยคุ แรก ถกู ใชง้ าน เชงิ พาณิชยเ์ ปนครงั แรกในวนั ที 1 ธนั วาคม 1979 โดย Nippon Telegraph and Telephone Corporation (NTT) ประเทศญปี นุ และใชส้ ัญญาณ วทิ ยุ ซงึ เปนระบบอนาลอ็ ก (Analog) ก่อนจะแพร่ หลายมากขนึ ในชว่ งป 1980 เปนตน้ มา โดยในยคุ 1G เครอื ขา่ ยไรส้ ายสามารถรบั ส่งขอ้ มลู เสียงเทา่ นั น
2G ป 1991 ถกู พัฒนาขนึ เพือแทนที 1G โดยยังคงใชค้ ลืนวิทยุ ในการรบั ส่งสัญญาณ แตม่ กี ารเปลยี นมาใชก้ ารเข้ารหัส แบบดจิ ทิ ลั พัฒนาให้สามารถรบั ส่งขอ้ ความ และรูปภาพ ซงึ มแี ตผ่ รู้ บั เทา่ นั นทสี ามารถเขา้ ถงึ ได้ ทาํ ให้มคี วาม ปลอดภยั สงู กวา่ 1G มาก อกี ทงั ยงั รองรบั ผใู้ ชง้ านต่อ คลนื ความถเี พิมขนึ อกี ดว้ ย โดย 2G เปนยคุ แรกทเี ครอื ขา่ ยไรส้ ายทาํ งานภายใตม้ าตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communications)
3G เปนยุคแรกทีโทรศั พท์มือถือ สมาร์ทโฟน และ คอมพิวเตอร์แล็บท็อปสามารถเชือมต่อเข้ากับ ระบบอินเทอร์เน็ ตไร้สายได้ โดยเครือข่าย 3G เปดให้บริการครังแรกโดย NTT DOCOMO เมือวันที 1 ตุลาคม 2001 สามารถรับส่ งไฟล์ มัลติมีเดีย เช่น วีดิโอ
4G มีขีดความสามารถในการรับส่ งข้อมูลทีเพิมขึนอย่างก้าว กระโดดจากการนํ ามาตรฐาน LONG-TERM EVOLUTION (LTE) เข้ามาใช้งาน โดยมีความเร็วสูง เปลียนจากการ สื อสารแบบ CIRCUIT-SWITCHED มาเปนใช้ INTERNET PROTOCOL โดย 4G ถูกใช้งานครังแรกทีนอร์เวย์ และ สวีเดน อย่างไรก็ตาม เนื องจากในช่วงแรก สเปคของ เครือข่ายยังไม่เปนไปตามมาตรฐาน ทาํ ให้มีข้อถกเถียงว่า ควรใช้ชือ 4G แน่ หรือไม่ และการใช้งานทีโดดเด่นคือการ เข้าถึงเว็บไซต์ การโทรศั พท์ผ่านอินเทอร์เน็ ต การประชุม แบบ VDO CALL และการเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟน
5G และแล้วก็ถึงคราวของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที 5 ซึงเปนคลืนลูกใหม่มาแรงทังในกลุ่มผู้บริโภค และภาค อุตสาหกรรม ตอบสนองต่อความต้องการเชือมต่อ เครืองจักรสู่เครืองจักร หรือเครืองจักรสู่อุปกรณ์ อืน ๆ เพือการทาํ งานอัตโนมัติ มีการรับส่ งข้อมูลแบบเรียลไทม์ คุณสมบัติสําคัญ 3 ข้อ คือ 1. รองรับการรับส่ งข้อมูลความเร็วสูง 2. รองรับการเชือมต่อกับอุปกรณ์ จํานวนมากขึน 3. ความหน่ วงตา
หลักในการใช้โทรศั พท์ การเตรียมตัวก่อนโทรศั พท์ 1. จดหัวข้อเรืองทีต้องการจะพูดอย่างมีระเบียบ 2. เตรียมข้อมูลทีจําเปนและสิ งทีจะใช้เขียนไว้ให้เรียบร้อย 3. ค้นหาชือบุคคลทีต้องการติดต่อและสถานทีทํางาน ให้พร้อม 4. ตรวจสอบเลขหมายโทรศั พท์ทีต้องการติดต่อให้แน่ ใจ ว่าถูกต้อง
ขันตอนและวิธีการปฏิบัติในการรับโทรศั พท์ เมือได้ยินสั ญญาณโทรศั พท์ดัง ควรรับทันทีในกริงที 2-3 ถือกระบอกพูดให้ห่างจากปากประมาณ 1/2 นิ ว กล่าวคําทักทาย \"สวัสดีครับ/ค่ะ\" แนะนํ าตนเอง หน่ วยงาน หรือทวนหมายเลขโทรศั พท์ เตรียมกระดาษ ปากกา ไว้จดข้อความ จดบันทึกชือบุคคล/สถานที/ตัวเลข ให้ชัดเจนถูกต้อง ทบทวนความ จบการสนทนาด้วยการกล่าวคําอําลา ให้แน่ ใจว่าผู้โทรมาวางหูก่อน จึงค่อยวางหูลงเบา ๆ
หลักการออกเสี ยงตัวอักษรภาษาอังกฤษ
มารยาทในการรับโทรศั พท์ 1. ไม่ใช้โทรศั พท์นานเกินไป ควรพูดให้สั นและได้ใจความ 2. พูดด้วยนาสี ยงสุภาพเปนธรรมชาติ ไม่ตะโกนหรือ กระซิบกระซาบ หรือพูดเบาจนต้องเงียหูฟง 3. ไม่ควรพูดเรืองทีเปนความลับทางโทรศั พท์ 4. ไม่ควรใช้โทรศั พท์สํานั กงานคุยในเรืองส่ วนตัว 5. ไม่ควรใช้คําว่า “นั นใครพูด?” “นั นทีไหน?” “มีธุระอะไร?” “ชืออะไร?” เพราะเปนคําพูดทีไม่สุภาพ และไม่ให้เกียรติผู้รับสาย
มารยาทในการรับโทรศั พท์ 6.ถ้าต่อโทรศั พท์ผิดควรกล่าวคํา “ขอโทษ” ด้วยนาเสี ยง ทีสุภาพทันที 7.ควรกล่าวคําว่า “สวัสดี” ทุกครังทีรับโทรศั พท์และ จบการสนทนา 8.ควรกล่าวคําว่า “ขอบคุณ” ทุกครังทีได้รับความช่วยเหลือ จากคู่สนทนาอีกฝาย 9.พึงระลึกเสมอว่า ไม่มีใครต้องการติดต่อโต้ตอบทาง โทรศั พท์กับผู้ทีพูดแล้วฟงไม่รู้เรือง
การดูแลและบาํ รุ งรักษาเครืองโทรศั พท์ 1. ใช้เครืองโทรศั พท์ให้ถูกต้องตามขันตอนทีระบุไว้ในคู่มือ 2. หมันทาํ ความสะอาดเครืองโทรศั พท์ อย่าให้มีฝุนละออง เกาะ โดยใช้ผ้าน่ ุมชุบนาสะอาด บิดให้แห้งเช็ดทีเครือง โทรศั พท์ 3. ควรใช้สเปรย์ฉี ดโทรศั พท์ ฉี ดทีบริเวณปากกระบอกพูด โทรศั พท์ เพือปองกันกลินทีไม่พึงประสงค์ทีอาจเกิดขึนได้ 4. สํารวจสายโทรศั พท์ให้อยู่ในสภาพทีใช้งานได้ดี ระวัง อย่าให้มีการหักงอ หรือถูกความร้อน 5. อย่ากระแทกหูโทรศั พท์ลงกับแท่นแรง ๆ เพราะจะทําให้ แตกหัก หรือเสื อมสภาพได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: