heredity

พันธุกรรม พันธุกรรม (heredity) คือ อะไรเราเคยสงสัยหรือไม่ว่า เมื่อเรามองทารกแรกเกิด  เรามักจะเปรียบเทียบทารกกับพ่อแม่ หรือแม้แต่ญาติของทารก  เช่น  ทารกมีตาเหมือนแม่   มีจมูกเหมือนพ่อ มีลักยิ้มเหมือนป้า เป็นต้น   เมื่อทารกเติบโตขึ้นบางคนอาจจะบอกว่าเขามีอารมณ์เหมือนปู่หรือยิ้มหวานเหมือนย่า  จะเห็นได้ว่าลักษณะต่างๆเหล่านี้ จะถูกส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นต่อไปได้  ซึ่งเรียกลักษณะดังกล่าวนี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรม (genetic character)

โครโมโชมและยีนโครโมโชมเป็นที่อยูข่ องหน่วย เส้นใยเล็กๆ พันกันอยู่ในนิวเคลียส เรียกว่า โครมาทิน(chromatin) เมื่อเริ่มมีการแบ่งเซลล์พันธุกรรม ทาํ หน้าท่ี ควบคุม เส้นโครมาทินจะหดตัวสั้นเข้าเป็นแท่งจึงเรียกและถา่ ยทอดลักษณะตา่ งๆ ว่า โครโมโซมของสงิ่ มีชวี ติ เช่น สผี วิ แต่ละโครโมโซม ประกอบด้วย  แขน 2 ข้างสีผม ลักษณะดวงตา เรียกว่าโครมาทิด (chromatid) มีจุดที่เชื่อม ติดกัน เรียกว่าเซนโทรเมียร์ (centromere)  อาจจินตนาการว่าคล้ายกับปาท่องโก๋ที่เชื่อม ติดกัน

จำนวนโครโมโซม ของสิ่งมีชีวิตมนุษย์มีจำนวนโครโมโซม 46 โครโมโซม 23 คู่ ซึ่งจะมี 22 คู่ ที่เหมือนกันในเพศชายและเพศหญิง เรียกว่าออโตโซม (autosome) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆในร่างกาย สำหรับโครโมโซมที่เหลืออีก 1 คู่ จากจำนวนทั้งหมด 23 คู่  เป็นโครโมโซมที่แตกต่างกันในเพศชายและเพศหญิง  เรียกว่า  โครโมโซมเพศ (sex chromosome) โดยที่เพศหญิงมีโครโมโซมเพศ XX ส่วนเพศชายมีโครโมโซมเพศ XYยีน คือ หน่วยพันธุกรรม ที่อยู่บนดีเอ็นเอ จะมีลักษณะเรียงกันเหมือนสร้อยลูกปัด     ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมและถ่ายทอดลักษณะต่างๆ  ทางพันธุกรรม จากพ่อแม่ไปยังลูกหลานโดย        ผ่านเซลล์สืบพันธุ์ ในมนุษย์จะมียีนอยู่ประมาณ 50,000 ยีน ซึ่งยีน แต่ละตัวจะควบคุมลักษณะต่างๆ       ทางพันธุกรรมเพียงลักษณะเดียว

DNA DEOXYRIBONUCLEIC ACID ดีเอ็นเอ จะประกอบด้วยสายนิวคลีโอ เบสในสายดีเอ็นเอจะมีทั้งหมด ไทด์ (nucleotide) สองสายที่บิดตัว รวมกันเป็นเกลียวคู่ (doublehelix) 4 ชนิด ได้แก่ อะดีนีนโดยมีสารเคมีที่  เรียกว่า เบส ทำหน้าที่ (Adenine:A) ไทยึดสายนิวคลีโอไทด์นี้ เปรียบเหมือนตัว มีน(Thymine:T) ไซโท ซีน(Cytosine:C) และกัว อักษรที่เรียงต่อกันเป็นข้อมูลทาง นีน(Guanine:G)   ซึ่งจะมีการ พันธุกรรมและจะแปรผันไปตามชนิด จับคู่กันอย่างจำเพาะเจาะจง ของสิ่งมีชีวิต

ความแปรผันทางพันธุกรรม ความความปรผันทางพันธุกรรม แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. ความปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง สามารถ แยกได้ชัดเจน เช่น ลักยิ้ม หมู่เลือด 2. ความปรผันแบบต่อเนื่อง แยกได้ไม่ ชัดเจน เช่น ความสูง สีผิว