การดูแลเดก็ เม่ือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วาสนา เรืองจุติโพธ์ิพาน
แนวคดิ ทางการพยาบาลเดก็ การพยาบาลเดก็ หมายถงึ การดแู ลรักษาพยาบาลเดก็ ท่มี ีอายตุ งั้ แต่ แรกเกิดจนถงึ วยั รุ่น ทีเ่ จ็บป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยดแู ลแบบองค์รวม คือ กาย จิตใจ อารมณ์และสงั คม ด้วยความเอือ้ อาทร จดุ เน้น• การดแู ลรักษาทไ่ี มก่ ่อให้เกิดความทกุ ข์ทรมาน (Atraumatic care)• ยดึ หลกั ครอบครัวเป็นศนู ย์กลางการดแู ล (Family-center care)• คานงึ ถงึ สทิ ธิของเดก็ (Child’s right)• สง่ เสริมให้เดก็ และครอบครัวสามารถดแู ลตนเอง (Self care) ได้
ความแตกต่างระหว่างเดก็ กับผู้ใหญ่ 1. โครงสร้างของร่างกาย 2. หนา้ ที่ของอวยั วะยงั ทางานไดไ้ ม่สมบูรณ์ 3. ระบบภูมิคุม้ กนั โรคยงั ไม่ดี ติดเช้ือง่าย 4. มีส่ิงท่ีทาใหโ้ ครงสร้างและหนา้ ท่ีของร่างกายผิดปกติ 5. จิตใจและปฏิกิริยาทางอารมณ์ เดก็ ไม่สามารถบอกได้
คุณสมบัตขิ องพยาบาลเดก็ • น่มุ นวลและเอือ้ อาทร • ช่างสงั เกต ไวตอ่ พฤตกิ รรม • มีเชาว์ไหวพริบ เหน็ อกเหน็ ใจ ไวตอ่ ความต้องการ • มีอารมณ์คงที่ ไม่ดเุ ดก็ ไม่ขใู่ ห้กลวั ไม่แสดงทา่ ทีราคาญ • ใช้ภาษาได้ดี อ่อนหวาน ไพเราะ เป็นกนั เอง ใช้ภาษาเข้าใจงา่ ย ถกู ต้อง • มีทกั ษะในการอธิบาย ให้เข้าใจโดยคาง่ายๆ • อดทน ตอ่ พฤติกรรมของเดก็ ต่อการตอบคาถาม • เข้าใจธรรมชาติของเดก็ ซงึ่ แตล่ ะวยั มีการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการ ตา่ งกนั
บทบาทหน้าท่ีความรับผดิ ชอบของพยาบาลเดก็ • เป็นผ้นู าทางความรู้ ความชานาญ และจริยธรรมในการปฏิบตั งิ าน • ประเมินปัญหาของผ้ปู ่วยที่วิกฤตแิ ละคกุ คามตอ่ ชีวติ ได้อยา่ งรวดเร็ว มี ประสิทธิภาพ • สง่ เสริมสขุ ภาพได้ดี ได้แก่ การปอ้ งกนั การเจบ็ ป่วยและการบารุงรักษา สขุ ภาพอนามยั • รักษาพยาบาล โดยมีความรู้เพ่ือให้ตดั สนิ ได้อยา่ งถกู ต้องและทนั ท่วงที • ฟืน้ ฟสู ภาพ ทงั้ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสงั คมทงั้ ระยะพกั ฟืน้ และ หลงั การเจ็บป่วย หรือเม่ือได้รับความพิการ
ความคดิ รวบยอดเก่ียวกับการเจบ็ ป่ วย แตกตา่ งกนั ตามอาย,ุ พฒั นาการด้านสติปัญญาของ Piajet , พืน้ ฐานของ ครอบครัวและประสบการณ์ ระดบั ความคิดความเข้าใจกอ่ นขนั้ ปฏิบตั ิการ (อายุ 18 เดอื น – 7 ปี) อธิบาย เป็น 2 ประเภท ประเภทที่ 1 จะมองสาเหตขุ องความเจบ็ ป่วยเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึน้ ตาม ธรรมชาติ เป็นสง่ิ ท่ีอยนู่ อกตวั เดก็ เช่น คนเป็นหวดั จากต้นไม้หรือจากพระอาทิตย์ ประเภทท่ี 2 มองสาเหตขุ องความเจ็บป่วย จะสมั พนั ธ์กบั วตั ถหุ รือบคุ คลท่ีอยู่ ใกล้ตวั เดก็ แต่ไม่สมั ผสั แตะต้องตวั เด็ก เกิดจากเวทย์มนต์ หรืออานาจลกึ ลบั
ความคดิ รวบยอดเก่ียวกับการเจบ็ ป่ วย ระดบั ความคิดความเข้าใจขนั้ ปฏิบตั กิ ารด้วยรูปธรรม (อายุ 7-11 ปี) คือประเภทท่ี 3 และ 4 ประเภทท่ี 3 เดก็ มองสาเหตขุ องความเจบ็ ป่วยวา่ เกิดจากส่งิ นอกตวั ท่ีไม่ดี หรืออนั ตรายมาสมั ผสั กบั ตวั เด็ก เช่น เพราะไมไ่ ด้สวมหมวกออกจากบ้านจงึ เป็น หวดั ประเภทที่ 4 มองวา่ ความเจบ็ ป่วยเกิดขนึ ้ ภายในร่างกาย แตส่ าเหตทุ ี่ทาให้ เกิดยงั อยขู่ ้างนอกตวั เดก็ แตเ่ ชื่อมโยงกระบวนการภายในร่างกาย เชน่ หน้าหนาว หายใจทางจมกู เอาอากาศเข้าไปมากจึงทาให้เป็นหวดั
ความคดิ รวบยอดเก่ียวกับการเจบ็ ป่ วย ระดบั ปฏิบตั กิ ารด้วยนามธรรม (อายุ 11-12 ปี จนถงึ วยั ผ้ใู หญ่) คือประเภทที่ 5 และ 6 ประเภทท่ี 5 เดก็ มองวา่ ความเจบ็ ป่วย เกิดจากอวยั วะภายในร่างกายทางาน ได้ไม่ดี หรือไม่ทางาน สว่ นสาเหตุ เนื่องมาจากเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขึน้ เช่น มีวตั ถเุ ข้าไป อย่ใู นโพรงไซนสั และมีเสมหะ นา้ มกู อย่ใู นปอดด้วย แล้วก็ไอ จาม และหวดั ก็เกิด จากเชือ้ ไวรัส ประเภทที่ 6 เดก็ เข้าใจถึงสาเหตขุ องความเจ็บป่วย อธิบายได้โดยการ เปล่ียนแปลงของอวยั วะภายในร่างกาย และมีจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น เมื่อ หวั ใจหยดุ ทางานทนั ที บางทีหวั ใจอาจบีบตวั ช้าหรือเร็วเกินไป อาจเน่ืองจากสว่ น ประสาทถกู ฉีกขาด หรือวติ กกงั วลมากจนเกินไป และความกดดนั ภายในจิตใจ จะ มีผลกระทบตอ่ หวั ใจด้วย
ปัจจัยท่ีมีผลต่อการปรับตัวของเดก็ 1. การเปลี่ยนแปลงของสขุ ภาพและสง่ิ แวดล้อมท่ผี ดิ ปกติ 2. ระดบั อายแุ ละพฒั นาการทางด้านความรู้สกึ 3 อิทธิพลความเช่ือตา่ งๆตอ่ การเจบ็ ป่วย 4 ลกั ษณะเฉพาะของเด็กแต่ละคน ได้แก่ ลกั ษณะพืน้ ฐานทางอารมณ์ สตปิ ัญญาและความสามารถ ระดบั พฒั นาการของเดก็ ความสมบรู ณ์ของร่างกาย
ปัจจัยท่ีมีผลต่อการปรับตัวของเดก็ 5 ลกั ษณะการเลยี ้ งดกู ่อนการเจ็บป่วย 6 ประสบการณ์ของเดก็ ต่อการเจ็บป่วยในอดตี 7 ลกั ษณะการเลยี ้ งดเู ดก็ หลงั จากการเจ็บป่วย 8 ปัญหาภายในครอบครัว 9 ชนิด ความรุนแรง ระยะเวลา และวธิ ีการในการรักษา
ปฏกิ ิริยาทางด้านจติ ใจท่ีเกดิ ขนึ้ ในวัยต่างๆ มีลกั ษณะต่างกนั ตามพฒั นาการทางด้านความคดิ และสติปัญญา ของ paijet ดงั นี ้ แรกเกิด – 6 เดอื น จะมี ปฏิกิริยาไมม่ ากนกั เพียงแตร่ ้องไห้กวน 7 เดือน – 2 ปี วยั นีเ้ร่ิมจาหน้าแมไ่ ด้ จงึ เร่ิมมีความวิตกกงั วลตอ่ การ พรากจาก อาจแสดงพฤตกิ รรมร้องกวนติดแม่มากขนึ ้ แตย่ งั ไมเ่ ข้าใจหรือมี ความคดิ เก่ียวกบั การเจ็บป่วยนกั 3 – 6 ปี มกั คิดวา่ สาเหตขุ องการเจ็บป่วย เน่ืองจากตนเองทงั้ สิน้ เช่น เพราะซนมาก และยงั คดิ เชื่อมโยง เก่ียวกบั ความเจ็บป่วยท่ีตนเองเคยมี ประสบการณ์ในอดีต ทาให้เกิดความกลวั ต่อต้าน หรือไมใ่ ห้ความร่วมมือในการ รักษา
ปฏกิ ริ ิยาทางด้านจติ ใจท่ีเกดิ ขนึ้ ในวัยต่างๆ 7 – 10 ปี เร่ิมมีความเข้าใจและมีความคดิ ด้านเหตผุ ลมากขึน้ บอก สาเหตไุ ด้ถกู ต้องแตจ่ ะเช่ือมโยงและคิดถึงสาเหตงุ า่ ยๆได้เท่านนั้ ยงั ไมเ่ ข้าใจ เหตผุ ลหรือการอธิบายท่ีย่งุ ยากซบั ซ้อน มากกวา่ 11 ปี มีความคดิ เป็นนามธรรม มีเหตผุ ล สามารถเช่ือมโยง และเข้าใจ เหตผุ ลท่ียงุ่ ยากซบั ซ้อนมากขนึ ้ ทาให้เข้าใจวธิ ีการรักษา เข้าใจ ผ้รู ักษาและให้ความร่วมมือในการรักษา เป็นอยา่ งดี แตจ่ ะมีความกังวลเกี่ยวกบั เร่ืองรูปร่าง ความแข็งแกร่งและเก่ียวกบั หน้าท่ีการทางานของอวยั วะเพศ บาง รายมีความรู้สกึ ว่าเป็นปมด้อยถ้าไม่ได้รับการอธิบายให้เข้าใจ
ความทุกข์ทรมานท่ีเกดิ จากการเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการสุขภาพ • สาเหตทุ ่ีเกิดจากกาย (Physical stressors) ได้แก่ ความเจบ็ ปวด ความไม่สขุ สบาย การรักษาพยาบาล การไมไ่ ด้เคลอื่ นไหว การท่ีไมส่ ามารถด่ืมกินได้ การเปลีย่ นแปลงกิจวตั รประจาวนั ที่เคยทา
ความทุกข์ทรมานท่ีเกดิ จากการเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการสุขภาพ • สาเหตุท่ีเกิดจากจิตใจ (Psychological stressors) ไดแ้ ก่ การถูกแยกจากพอ่ แม่ การขาดความเป็ นส่วนตวั การที่ไม่สามารถพดู ส่ือสารกบั คนอื่นได้ การขาดความรู้ ความรุนแรงของความเจบ็ ป่ วย การแสดงความกงั วลห่วงใยของพอ่ แม่
ความทุกข์ทรมานท่ีเกดิ จากการเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการสุขภาพ • สาหตทุ ่ีเกิดจากสง่ิ แวดล้อม (Environment stressors) เช่น สงิ่ แวดล้อมทไ่ี มค่ ้นุ เคย อยคู่ นท่ีไม่ค้นุ เคย ได้กล่ินที่ไม่ค้นุ เคย ไฟฟา้ ท่ีเปิดสวา่ งตลอดเวลา กิจกรรมการรักษาพยาบาล การขาดความสนใจของเจ้าหน้าที่ การถกู วิจารณ์อย่างไมส่ ภุ าพ
การพยาบาลท่ีปราศจากความทกุ ข์ทรมาน (Atraumatic care) 1. ป้องกนั หรือลดสาเหตุทางกาย 2. ป้องกนั หรือลดการแยกเดก็ จากพอ่ แม่ 3. ส่งเสริมความรู้สึกควบคุมตนเอง (Sense of control) ของเดก็ และผปู้ กครอง
การพยาบาลโดยมีครอบครัวเป็ นศูนย์กลางการดแู ล (Family -centered c แนวคิด 2 ประเดน็ หลกั ได้แก่ 1. การช่วยให้ครอบครัวมีความสามารถ (enable) 2. การเสริมพลงั อานาจ (empower) ให้ครอบครัวในการดแู ลเดก็ การช่วยให้ครอบครัวมีความสามารถ (enable) 1. ประเมินความรู้ และ ความสมารถของครอบครัวในการดแู ลเด็ก 2. เปิดโอกาสให้และ/หรือ หาช่องทางให้ครอบครัวทกุ คนได้แสดง ความสามารถ ของตนเองท่ีมีอย่ใู นการดแู ลเดก็ 3. สอนความรู้และทกั ษะท่ีจาเป็นในการดแู ลเดก็
การพยาบาลโดยมีครอบครัวเป็ นศูนย์กลางการดูแล (Family -centered c การเสริมพลงั อานาจ (empower) ในการดแู ลเด็ก โดย 1. รักษา/ชว่ ยเหลอื ให้ครอบครัวมีความรู้สกึ ว่าสามารถควบคมุ การ ดาเนินชีวิตได้ 2. ให้ความช่วยเหลอื โดยเร่ิมจากจดุ แข็ง (strenght) และ ความสามารถที่มีอยขู่ องครอบครัว
การพยาบาลโดยมีครอบครัวเป็ นศูนย์กลางการดูแล (Family -centered c 1 ยอมรับแนวคิดท่ีวา่ ครอบครัวคือส่วนคงท่ีในชีวติ เดก็ 2 สร้างความร่วมมือกนั ระหวา่ งพอ่ แม่กบั ทีมสุขภาพ 3 แลกเปล่ียนขอ้ มูลทุกอยา่ งกบั พอ่ แม่อยา่ งต่อเน่ืองและไม่ลาเอียง 4 สนบั สนุนและช่วยเหลือครอบครัวท้งั ปัญหาทางดา้ นอารมณ์และการ เศรษฐกิจ 5 ยอมรับ วา่ ครอบครัวมีจุดแขง็ และมีวธิ ีการเผชิญปัญหาท่ีแตกต่างกนั 6 เคารพยอมรับในความหลากหลายของเช้ือชาติ วฒั นธรรม และสงั คม เศรษฐกิจของครอบครัว 7 สนบั สนุนใหเ้ กิดเครือข่ายผปู้ กครอง 8 จดั บริการใหม้ ีความยดื หยนุ่
ผลกระทบจากการที่ตอ้ งอยโู่ รงพยาบาลในผปู้ ่ วยเดก็ วยั ทารก (0-1 ปี ) เรียนรู้ดว้ ยประสาทสมั ผสั การอยู่ โรงพยาบาล มีผลทาใหเ้ กิด ความวติ กกงั วลแต่เดก็ มีความจากดั ในการรับรู้ การช่วยเหลือเก้ือกลู จากผอู้ ่ืน และการปรับตวั ดงั น้นั ผลกระทบกระเทือนมกั จะมีต่อพอ่ แม่มากกวา่ ปฏิกิริยาโตต้ อบของทารก จะร้องไหต้ ลอดเวลา ยงิ่ เดก็ เม่ือเห็น เคร่ืองมือแพทยแ์ ลว้ จะยง่ิ เพิ่มความกลวั มากข้ึน การใหก้ ารพยาบาลจึงตอ้ งปฏิบตั ิการรักษาโดยเร็วท่ีสุด แลว้ ให้ มารดาประคบั ประคองทางดา้ นจิตใจเดก็ ทนั ที อาจจะใชว้ ธิ ีกอดรัด อุม้ ปลอบโยน ดงั น้นั จึงควรเตรียมมารดาก่อนการปฏิบตั ิการพยาบาลทุกคร้ัง
ความต้องการของเดก็ ทารกขณะอย่โู รงพยาบาล 1. การกิน การนอนหลบั 2. การร้องไห้ 3. การกระตุน้ ประสาทสมั ผสั การกระตุน้ ทางสายตา (Visual stimulation) การกระตุน้ โดยการไดย้ นิ (Auditory stimulation) การกระตุน้ เวสติปูล่า (Vestibular stimulation) การกระตุน้ เกี่ยวกบั การสมั ผสั (Tactile intervention) การกระตุน้ ดว้ ยการดมกลิ่น (Olfactory intervention) การกระตุน้ เก่ียวกบั การรู้รส (Gustatory intervention)
ผลกระทบจากการทตี่ ้องอยู่โรงพยาบาลในผู้ป่ วยเดก็ วยั เดนิ (1 – 3 ปี ) ความวติ กกงั วลเนื่องจากการแยกจาก (Separation Anxiety) 3 ระยะคือ 1. ระยะประท้วง (Protest) เดก็ จะร้องไหต้ ลอดเวลาและรุนแรง จะปฏิเสธทุกอยา่ ง เดก็ ยงั มีความไวว้ างใจในพอ่ แม่อยู่ - พอ่ แม่ควรยอมรับ และยอมใหเ้ ดก็ ร้องไห้ เพื่อใหเ้ ดก็ ไดร้ ะบายความโกรธ - ความมน่ั คงดา้ นจิตใจ อยทู่ ี่วตั ถุ แนะนาใหพ้ อ่ แม่ทิ้งของส่วนตวั ไวก้ บั เดก็ - อนุญาตใหเ้ ดก็ ไดน้ าของใชส้ ่วนตวั มาจากบา้ น - ยงั ไม่มีความคิดรวบยอดเก่ียวกบั เวลา ยงั ไม่ รู้จกั เชา้ สาย บ่าย เยน็ การบอกเดก็ จะตอ้ งสมั พนั ธ์กบั ส่ิงใดสิ่งหน่ึง เช่น แม่จะมาเมื่อหนูกินขา้ วเสร็จ หรือเมื่อหนูตื่นข้ึนมา
2. ระยะสิ้นหวงั (Despair) ลดความไวว้ างใจลง แสดงออกโดยการร้องไหน้ อ้ ยลง เงียบเฉย ต่อตา้ นนอ้ ยลง มีพฤติกรรมที่ถดถอย ใหค้ วามร่วมมือในการรักษาที่เจบ็ ปวด ต่อตา้ นเพยี งเลก็ นอ้ ย เมื่อแม่มาเยยี่ มเดก็ จะร้องไหอ้ ยา่ งรุนแรงการช่วยเหลือ สนบั สนุนใหเ้ กิดความไวว้ างใจในตวั พอ่ แม่ ส่งเสริมใหเ้ ดก็ แสดงความโกรธออกมา มอบหมายใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีดูแลผปู้ ่ วยเป็นประจาและสม่าเสมอ
3. ระยะปฏิเสธ (Denial) จะสนใจสิ่งแวดลอ้ มมากข้ึนแสดงท่าทางไม่เดือดร้อน ไม่วา่ แม่จะไปหรือมา ถา้ ไม่มีการส่งเสริมใหเ้ ดก็สร้างความไวว้ างใจ เดก็ กจ็ ะไม่สามารถสร้างความไวว้ างใจอยา่ งลึกซ้ึงกบัผใู้ หญ่ไดอ้ ีกการแกไ้ ข ปฎิสมั พนั ธก์ บั เดก็ ในช่วงส้นั ๆแต่บ่อยคร้ัง ซ่ึงจะเป็นการฝึกหดัใหเ้ ดก็ เผชิญกบั การแยกจาก และมีความไวว้ างใจ ใหเ้ ดินตามขณะทางาน กระตุน้ ใหพ้ อ่ แม่มาเยย่ี มเดก็ อยา่ งสม่าเสมอ
การเตรียมเดก็ เพื่อปฏบิ ัตกิ ารพยาบาล เดก็ วยั น้ีมีจินตนาการ มองการปฏิบตั ิการต่างๆวา่ เป็นการลงโทษ จะมี ปฏิกิริยาโตต้ อบที่รุนแรง 1. ไม่ควรใหเ้ ดก็ เห็นเคร่ืองมือที่ชิ้นโตๆ 2. บอกเดก็ วา่ จะเกิดอะไรข้ึน แลว้ รีบทาทนั ที แมว้ า่ จะไม่ เขา้ ใจคาอธิบาย 3. ไม่ควรพดู คุยถึงเดก็ ต่อหนา้ เดก็ ซ่ึงเดก็ จะรับรู้จากการ แสดงออกทางสีหนา้ น้าเสียง และท่าทาง ของผอู้ ธิบายหรือพอ่ แม่ 4. อธิบายใหพ้ อ่ แม่ฟังเก่ียวกบั วธิ ีการปฏิบตั ิต่อผปู้ ่ วย 5. ใหแ้ ม่ ตดั สินใจเองวา่ จะอยขู่ ณะใหก้ ารพยาบาลหรือไม่ เพราะท่าทางของแม่จะทาใหเ้ ดก็ เกิดความ วติ กกงั วลมากข้ึน 6. เมื่อทาการพยาบาลเสร็จกใ็ หแ้ ม่ไดอ้ ุม้ กอดรัด พดู ปลอบใจ ชมเชยเมื่อเดก็ ใหค้ วามร่วมมือ 7. การเตรียมเดก็ ในการผา่ ตดั น้นั ควรพดู กบั เดก็ เกี่ยวกบั การ ผา่ ตดั ล่วงหนา้ 2-3 วนั โดยใชค้ าพดู ที่ง่ายๆ หลีกเล่ียงคาวา่ ตดั
ผลกระทบจากการทตี่ ้องอย่โู รงพยาบาลในผู้ป่ วยเดก็ วัยก่อนเรียน (3-5 ปี ) 1. ปัญหาความกลวั อวยั วะถูกตดั 2. ความเขา้ ใจผดิ เกี่ยวกบั เหตุการณ์ 3. พฤติกรรมกา้ วร้าว 4. การแยกจาก 5. ปฏิกิริยาโตต้ อบต่อความเจบ็ ปวด
ผลกระทบจากการทตี่ ้องอย่โู รงพยาบาลในผู้ป่ วยเดก็ วัยเรียน (6-12 ปี ) 1.ความกลวั สูญเสียการควบคุมร่างกายและการบาดเจบ็ ให้ ช่วยเหลือตวั เองใหม้ ากที่สุด และระวงั เร่ืองการส่ือสารกบั เดก็ 2.การรับรู้เก่ียวกบั ความเจบ็ ป่ วยวา่ เป็นการถูกลงโทษ ควร ประเมินความเชื่อเกี่ยวกบั ความเจบ็ ป่ วย ปลอบใจและใหค้ วามมนั่ ใจแก่เดก็ 3. การกลวั สูญเสียการควบคุมอารมณ์ วางแผนเกี่ยวกบั การเล่น เพ่ือใหเ้ ขาไดร้ ะบายความกา้ วร้าวและส่งเสริมกิจกรรมที่ผปู้ ่ วยสนใจ
การปฏิบตั ิเพ่ือการรักษาพยาบาล จะผา่ นมย๊ั เน่ีย .... 1.ใหค้ วามรู้แก่เดก็ เพื่อเป็น การเตรียมตวั ในการใหก้ ารพยาบาล 2. เปิ ดโอกาสใหเ้ ดก็ ได้ แสดงความรู้สึกโดยการเลน่ 3. อนุญาตใหเ้ ดก็ ไดม้ ีส่วน ร่วมในการวางแผนการปฏิบตั ิการ พยาบาลดว้ ยตนเอง
ผลกระทบจากการทตี่ ้องอยู่โรงพยาบาลในผู้ป่ วยเด็กวยั รุ่น (12-21 ปี ) 1. กลวั การสูญเสียการควบคุม 2. ความไม่มน่ั ใจเก่ียวกบั ภาพลกั ษณ์ของตนเอง การปฏิบตั กิ ารพยาบาลกบั เดก็ วัยรุ่น • เขา้ ใจ เอาใจใส่ ยอมรับนบั ถือผปู้ ่ วย • สร้างสมั พนั ธภาพกบั ผปู้ ่ วยโดยอธิบายเกี่ยวกบั เหตุการณ์ท่ีอาจจะเกิดข้ึน • กระตุน้ ใหผ้ ปู้ ่ วยไดพ้ ดู ระบายเกี่ยวกบั ความกงั วล ความกลวั ความสงสยั • อนุญาตใหเ้ ขาไดต้ ดั สินใจเลือกแนวทางการรักษาของเขาเอง • กระตุน้ ใหม้ ีการช่วยเหลือตวั เองใหม้ ากที่สุด
ผลกระทบต่อครอบครัวของผ้ปู ่ วยเดก็ระยะท่ี 1 ช็อคและปฏิเสธ (Shock and Denial)ระยะที่ 2 การปรับตวั (Adjustment)ระยะที่ 3 ระยะของความเขา้ ใจ และยอมรับความเป็นจริง (Reintegration and Acceptance)ระยะที่ 4 ระยะที่มีความเยน็ ชาและเฉยเมย (Freezing – Out Phase)
แนวทางสาหรับพยาบาลในการสนับสนุนส่งเสริมให้บดิ ามารดามีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่ วยเดก็ 1. การสร้างสมั พนั ธภาพแห่งความไวเ้ น้ือเชื่อใจ 2. ประเมินความสามารถและความตอ้ งการของบิดามารดาในการทา กิจกรรมการดูแลผปู้ ่ วยเดก็ 3. ใหข้ อ้ มูลและการช้ีแนะ 4. ประเมินผล 5. ใหก้ าลงั ใจสนบั สนุน
ในระยะทบ่ี ดิ ามารดา ช็อคและไม่เชื่อ ควรกระตุน้ ใหเ้ ขาถามคาถามและตอบคาถามดว้ ยคาพดู ธรรมดาระยะน้ีบิดามารดาอาจถามคาถามที่ซ้าซาก เราควรหลีกเล่ียงท่ีจะทาใหเ้ กิดอารมณ์เสียและต่อตา้ น และควรรู้วา่ เขาตอ้ งการฟังเฉพาะส่วนท่ีเป็นความรู้เท่าน้นั ระยะน้ีเป็นโอกาสดีท่ีจะสอนเก่ียวกบั วธิ ีการดูแลลูก และการทาใหบ้ ิดามารดามนั่ ใจเก่ียวกบั ความสามารถของเขาในการดูแลลูก
ระยะปฏเิ สธ ตอ้ งมีความอดทนและควรทราบวา่ การท่ีบิดามารดาปฏิเสธน้นั ทาให้เขาเกิดความเขม้ แขง็ ในการที่จะต่อสู้กบั สถานการณ์ต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงการอธิบายเก่ียวกบั รายละเอียด เพราะบิดามารดาจะไม่ยอมรับและจะถูกปฏิเสธการอธิบายควรใชค้ าพดู ง่ายๆเก่ียวกบั สภาพของผปู้ ่ วย เม่ือบิดามารดาโกรธและคบั แคน้ ใจควรกระตุน้ ใหเ้ ขาแสดงความรู้สึกไม่ควรวจิ ารณ์เพราะจะทาใหเ้ ขามีอารมณ์รุนแรงมากข้ึน เขาจะโกรธพยาบาลซ่ึงเป็นเป้าหมายที่อยใู่ กลแ้ ละปลอดภยั กวา่ โกรธตวั ผปู้ ่ วยเอง ซ่ึงจะทาใหบ้ ิดามารดารู้สึกวา่ ตนเองมีอานาจ
บดิ ามารดารู้สึกผดิ ควรกระตุน้ ให้ ระบายความรู้สึกผดิ ให้ รับขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ งเพอ่ืไม่ใหโ้ ทษตวั เอง ใหม้ ีส่วนร่วมในการดูแลบุตรเม่ือมีโอกาสบดิ ามารดาปกป้องคุ้มครองผู้ป่ วยมากเกนิ ไป หรือชดเชยมากเกนิ ไป ควรช่วยโดยใหเ้ ขาไดร้ ะบายความรู้สึกโกรธ และความรู้สึกผดิ ท่ีเกบ็ กดไว้ ใหส้ ารวจสภาพที่แทจ้ ริงของเดก็ พจิ ารณาความสามารถของเดก็อยา่ งถี่ถว้ น สอนใหเ้ ขาสงั เกตเก่ียวกบั พฒั นาการของเดก็
การประคบั ประคองในระยะยาว ควรสอนผปู้ ่ วยและครอบครัวเก่ียวกบั สภาพดา้ นร่างกายผปู้ ่ วยการใชเ้ คร่ืองมือ ขอ้ ปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การรักษา การพยากรณ์โรค ใหค้ าปรึกษาส่งเสริมการสร้างความสมั พนั ธ์กบั ทีมสุขภาพ แนะนาเก่ียวกบั ปัญหาที่พ่นี อ้ งของผปู้ ่ วยที่อาจจะเกิดข้ึนได้ ช่วยเกี่ยวกบั การสื่อสารในครอบครัว ช่วยจดั การแบ่งหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบต่อผปู้ ่ วย ส่งเสริมใหเ้ ดก็ ป่ วยไดม้ ีโอกาสเรียนในช้นั เรียนตามปกติไดเ้ ท่าที่จะทาได้
ผลกระทบต่อพน่ี ้องของเดก็ ป่ วย พน่ี อ้ งมกั ขาดขอ้ มูลเก่ียวกบั การเจบ็ ป่ วยของเดก็ ป่ วย ปฏิกิริยาทางร่างกาย เช่น มีอาการปวดทอ้ ง ปวดศีรษะ การเรียนเลวลง มีเจตคติเปลี่ยนแปลง มีความอิจฉาที่ผปู้ ่ วยไดร้ ับการดูแลเอาใจใส่เป็นอยา่ งดี ความเครียด (Stress) ความกลวั (Fear) ความรู้สึกผดิ (Guilt) ความอาย
ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อผลกระทบของพนี่ ้องเดก็ ป่ วยจะแตกต่างกนั ไปขนึ้ อยู่กบั อายุ ระดบั พฒั นาการของพนี่ อ้ ง สมั พนั ธภาพระหวา่ งพี่นอ้ งและเดก็ ป่ วย ความรุนแรงและระยะเวลาท่ีเจบ็ ป่ วยของเดก็ ปฏิกิริยาของบิดามารดา การสื่อสารของสมาชิกในครอบครัว การเปิ ดเผยและการปิ ดบงั เก่ียวกบั ความเจบ็ ป่ วยของเดก็ ต่อพน่ี อ้ ง
ไม่ผา่ น...เอง็ ตาย!
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: