Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กระต่ายไม่ตื่นตูม

กระต่ายไม่ตื่นตูม

Published by kan.nongrat, 2017-08-11 01:56:14

Description: กระต่ายไม่ตื่นตูม

Search

Read the Text Version

หนงั สือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอื่ ชวี ติ วรรณคดลี �ำนำ� ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

หนงั สอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย คำ� น�ำชุด ภาษาเพ่ือชีวิต หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต วรรณคดีล�ำน�ำวรรณคดลี �ำนำ� ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ เปน็ หนงั สอื ทส่ี ำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานจดั ทำ� ขนึ้ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ส�ำหรับนักเรียนใช้ในการเรียนรู้และครูใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราชกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๒๕๕๑ โดยแตง่ ตง้ั คณะกรรมการจดั ทำ� หนงั สอื เรยี นภาษาไทย กลมุ่ วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ ซงึ่ มผี ชู้ ว่ ยศาสตราจารยธ์ ญั ญา สงั ขพนั ธานนท์ เปน็ ประธานกรรมการ และจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของศึกษานิเทศก์และครูภาษาไทยจากส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีลิขสทิ ธิ์ของส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน การศกึ ษาประถมศึกษาทง้ั ๔ ภมู ิภาค ในดา้ นการน�ำไปใช้ ดงั รายนามท้ายหนงั สอื นี้กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำ� เนนิ นอก เขตดสุ ิต กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่ือชีวิต วรรณคดีล�ำน�ำโทรศัพทแ์ ละโทรสาร ๐ ๒๖๒๘ ๕๓๔๓ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ มเี นอื้ หามงุ่ สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นไดศ้ กึ ษาวรรณคดที กี่ ำ� หนดไวใ้ นประกาศ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเรอ่ื งวรรณคดสี ำ� หรบั จดั การเรยี นการสอนภาษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาดำ� เนนิ การจดั พิมพ์ การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ประกาศ ณ วนั ท่ี ๘ ธนั วาคม ๒๕๕๑ และทอ่ งจำ� บทISBN 978-974-01-9865-9 ประพนั ธท์ ไี่ พเราะอยา่ งเหน็ คณุ คา่ รจู้ กั ใชก้ ระบวนการคดิ นำ� ไปสคู่ วามเขา้ ใจในการอา่ นและเกดิพิมพค์ รง้ั ทห่ี น่ึง ความซาบซง้ึ ในวรรณคดแี ละวรรณกรรม วฒั นธรรมทางภาษา ความเป็นไทย ความเปน็ คนดีพ.ศ. ๒๕๕๕ ของสังคมไทยและสังคมโลก รวมทั้งรู้จักน�ำความรู้ ความคิด ความซาบซ้ึงจากการศึกษาจำ� นวน ๖๕๐,๐๐๐ เล่ม วรรณคดีไปช่วยกล่อมเกลาพัฒนาอารมณ์และจิตใจของนักเรียนในการด�ำเนินชีวิตต่อไป การนำ� เสนอเนอ้ื หาไดเ้ รยี บเรยี งขนึ้ ใหมใ่ หน้ า่ สนใจ โดยเชอื่ มโยงกบั วรรณคดแี ละวรรณกรรมพิมพ์ที่โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว ท่ใี หเ้ รียน เพ่ือใหน้ กั เรียนอ่านอยา่ งมคี วามสุขและเพลิดเพลิน๒๒๔๙ ถนนลาดพร้าว แขวงสะพานสอง เขตวงั ทองหลาง กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ สำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐานหวงั วา่ หนงั สือเลม่ น้ีจะเปน็ ประโยชน์โทรศัพท์ ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๓๓, ๐ ๒๕๑๔ ๔๐๓๓ โทรสาร ๐ ๒๕๓๙ ๙๙๕๖ ต่อการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักการและบรรลุตามwww.suksapan.or.th จุดมุ่งหมายของหลักสูตร หากมีข้อเสนอแนะใดๆ กรุณาแจ้งส�ำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน เพอื่ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหห้ นงั สอื สมบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ ขอขอบคณุ คณะกรรมการฯ และผู้มสี ่วนเก่ยี วข้องในการจดั ทำ� หนังสอื เรยี นนใี้ ห้สำ� เร็จลุล่วงด้วยดไี ว้ ณ โอกาสน้ี (นายชินภัทร ภมู ริ ตั น) เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔

ค�ำแนะน�ำสำ� หรบั ครภู าษาไทย ๒. ค�ำนงึ ถึงและสง่ เสรมิ ความสามารถในการอา่ นของนกั เรยี น ก่อนทจ่ี ะใหน้ ักเรียน อา่ นหนงั สือเรยี นแตล่ ะบท เชน่ ครูอ่านใหน้ ักเรียนฟงั ด้วยลลี าเปน็ ธรรมชาติ น่าการวางแผนจัดการเรยี นรูภ้ าษาไทย ครูจ�ำเปน็ ต้อง สนใจ ใหน้ ักเรยี นอา่ นตามเปน็ กลุ่มใหญ่และอ่านเปน็ กล่มุ เล็ก ครูชวนนกั เรียน ๑. ศกึ ษาหลกั สตู รและเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หลกั สตู รฉบบั ปจั จบุ นั เพอ่ื เขา้ ใจสาระและ สนทนาเกย่ี วกบั เรอ่ื งทเ่ี รยี น ครใู หน้ กั เรยี นทำ� กจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น ฯลฯ เหลา่ น้ี มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง และสงิ่ อนั พงึ ประสงคใ์ ห้ จะชว่ ยใหน้ กั เรยี นอา่ นและเขา้ ใจบทเรยี นไดโ้ ดยไมย่ าก หากใหน้ กั เรยี นอา่ นบทเรยี น เกดิ แกน่ กั เรยี น ทนั ที โดยมไิ ดเ้ ตรียมความพรอ้ ม จะเกดิ อุปสรรคในการเรียนรภู้ าษาวรรณคดีและ ๒. ศกึ ษาหนังสอื เรียน ภาษาพาที หนังสือเรียน วรรณคดลี ำ� นำ� และแบบฝกึ หดั วรรณกรรมไทยต่อไป ทักษะภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ทกุ เลม่ ทกุ บทอย่างละเอียด ซึ่งใชเ้ ปน็ ส่ือหลกั ในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย แล้วจดั หน่วยการเรียนรู้และแผนการจดั การ ๓. เขา้ ใจจุดมุง่ หมายของกจิ กรรมแต่ละบทของหนังสือเรยี น ซึง่ มุ่งขยายความร้แู ละ เรียนรู้ตามความเหมาะสม ประสบการณ์เพมิ่ เตมิ จากท่ีไดศ้ กึ ษาวรรณคดี ชวนให้ฟัง พดู ดู อ่าน เขยี น คดิ ๓. ศกึ ษาพน้ื ฐานความรคู้ วามสามารถดา้ นภาษาไทยและดา้ นอน่ื ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งของนกั เรยี น และทำ� กจิ กรรมทสี่ นุกนา่ สนใจในเรื่องราวท่ีใกลต้ ัว โดยบรู ณาการทักษะและสาระ ซงึ่ อาจใชว้ ธิ ที ดสอบ สมั ภาษณ์ ฯลฯ และกอ่ นเรม่ิ บทเรยี นควรเตรยี มความพรอ้ ม การเรียนรูอ้ น่ื ๆ เน้นให้รจู้ กั ค�ำในภาษาไทย ค�ำคลอ้ งจอง ค�ำทป่ี ระณตี สละสลวย อยา่ งนอ้ ย ๑-๒ สปั ดาห์ คำ� ท่ใี หค้ วามรู้สกึ นกึ คดิ ตา่ งๆ มากข้ึน ครคู วรค�ำนึงในการจัดกิจกรรมดังนี้การจดั กจิ กรรมการเรียนรูภ้ าษาไทย โดยใชห้ นงั สอื เรียน วรรณคดลี ำ� น�ำ ครูจ�ำเป็นต้อง • ควรเลอื กกิจกรรมท้ายบทให้นกั เรยี นปฏบิ ัตติ ามความเหมาะสม ฝกึ อา่ น ๑. เขา้ ใจแนวการนำ� เสนอเนอื้ หาแต่ละบทของหนังสอื เรียน วรรณคดีลำ� นำ� ซึง่ ทำ� นองเสนาะ และรอ้ งเพลงตามทมี่ ใี นบทเรยี น เพอื่ ความสนกุ และรน่ื รมยใ์ จ ประกอบดว้ ย ในการเรยี นวรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งไรกต็ าม อาจสรา้ งสรรคก์ จิ กรรม เน้ือหาส่วนน�ำวรรณคดี : นำ� เสนอในลกั ษณะสรา้ งเรื่องขนึ้ ใหม่ เพอ่ื เปน็ เคร่ืองมือ เพิ่มเตมิ ใหห้ ลากหลายยิ่งขึ้น ตลอดจนปรบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม หรือส่ือในการน�ำเสนอวรรณคดี น้อมน�ำให้นักเรียนสนุกท่ีจะอ่าน พร้อมๆกับ เชน่ ครแู ละนักเรียนร่วมกันใสท่ ำ� นองใหมใ่ ห้กับบทเพลงและบทอ่านตา่ งๆ ชนื่ ชมและรน่ื รมยก์ บั วรรณคดโี ดยไมร่ ตู้ วั สรา้ งความรสู้ กึ วา่ วรรณคดมี ใิ ชง่ านเขยี น • ควรส่งเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือท่ีเหมาะสมอย่างหลากหลาย ทั้งหนังสือ ทีอ่ ่านยากหรอื พ้นสมยั นกั เรยี นสามารถเขา้ ถึงความคดิ ของผแู้ ตง่ และนำ� มาใช้ให้ ของกระทรวงศึกษาธิการหรือท่ีส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เปน็ ประโยชนใ์ นการดำ� เนนิ ชวี ิตในปัจจุบันได้ จัดท�ำข้ึน หรืออื่นๆ เพ่ือพัฒนาความสามารถการอ่าน และปลูกฝังนิสัยรัก เน้ือหาวรรณคดี : ไดค้ ดั เลือกวรรณคดแี ละวรรณกรรมทม่ี คี ุณค่า ซึ่งก�ำหนดให้ การอา่ นดว้ ย เรียนและเสนอใหเ้ ลอื กเรยี น รวมท้ังบทอาขยาน ตามประกาศของกระทรวง • ควรจดั ทำ� หรอื จดั หาหนงั สอื สง่ เสรมิ การอา่ น และหนงั สอื อา่ นเพมิ่ เตมิ ทนี่ า่ สนใจ ศึกษาธิการ ครูควรใหค้ วามส�ำคญั เป็นพิเศษกบั เนื้อหาสว่ นน้ี ใหน้ ักเรยี นอา่ น เพอื่ ชว่ ยเสรมิ และบรู ณาการการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นอยา่ งเหมาะสม โดยเฉพาะ และคดิ อย่างสนกุ สนทนารว่ มกัน ทำ� กิจกรรมทน่ี า่ สนใจ และพิจารณานำ� ไป เรอื่ งราวเกีย่ วกับท้องถน่ิ และเรอื่ งอืน่ ๆ ประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ตามควรแกว่ ัย รวมทงั้ ขยายความสนใจในการอา่ น • ควรส่งเสริมนักเรียนให้สามารถเขียนข้อความหรือเรื่องอย่างง่ายๆของตนเอง วรรณคดีและวรรณกรรมเร่ืองอื่นๆ ต่อไปด้วย ได้ หากนักเรยี นเขยี นได้ตามวัตถปุ ระสงค์ และเพิม่ พนู ความสามารถมากข้นึ จะท�ำให้รกั การเขียนภาษาและวรรณคดีไทยอย่างยง่ั ยืน

สารบญั หน้า ๔. เข้าใจความพร้อมและพฒั นาการเรียนรขู้ องนกั เรยี นแตล่ ะคน เช่น ๑ • จัดกจิ กรรมบางกิจกรรมในชั้นเรียนแตกต่างกันตามความสามารถ ๒๒ • ศกึ ษาสาเหตขุ องปญั หาทน่ี กั เรยี นบางคนยงั ไมพ่ รอ้ มทจี่ ะเรยี นรู้ หรอื เรยี นไดช้ า้ บทที่ ๑ กระตา่ ยไมต่ นื่ ตมู • ใหค้ วามรัก ความเมตตา เสียสละเวลาแนะน�ำ ซอ่ มเสรมิ นกั เรยี นทเ่ี รียนช้า นทิ านสภุ าษติ กระตา่ ยต่ืนตมู ให้พัฒนาอยา่ งเต็มความสามารถ นิทาน กระต่ายแหย่เสือ • ไม่ควรใหเ้ ดก็ ท่ีมีปญั หาเรยี นชา้ และปญั หาอื่นๆ เกิดความรู้สกึ ว่าตนมปี มดอ้ ย ดว้ ยวาจาและการกระทำ� ไมว่ ่าจะโดยตัง้ ใจหรอื ไม่ตั้งใจ • ส่งเสริมเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษให้มีความรู้ความสามารถทางภาษาสูงข้ึน บทที่ ๒ แม่ไกอ่ ยใู่ นตะกรา้ เตม็ ตามศกั ยภาพ บทรอ้ ยกรอง ประถม ก กา • จัดช้นั เรยี นให้เหมาะสมเอ้อื ตอ่ การพฒั นาการเรียนรู้ เชน่ ท่นี ่งั เรียน สือ่ ใน - แม่ ก กา - แม่ กก ห้องเรียน ตอ้ งเปลยี่ นแปลงอยู่เสมอใหส้ อดคลอ้ งกับการเรียนในช่วงเวลานั้น - แม่ กง ๕. ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจเพ่ิมเติมเก่ียวกับวรรณคดีเร่ืองท่ีสอน และเร่ืองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อน�ำเร่ืองราวหรือส่ิงที่น่าสนใจมาสนทนาเพิ่มพูนความรู้แก่นักเรียน บทท่ี ๓ เดก็ เอ๋ยเดก็ นอ้ ย ๔๘ เชน่ หนงั สอื อเุ ทศภาษาไทย ชดุ แนวการอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชดุ บรรทดั ฐาน ๖๖ ภาษาไทย ของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร บทอาขยานบทหลัก เด็กนอ้ ย วชิ าหนาเจ้า คำ� แนะนำ� ส�ำหรบั ผู้ปกครอง ดอกสรอ้ ยสภุ าษิต นกกระจาบ ผปู้ กครองมคี วามสำ� คญั อยา่ งยงิ่ ตอ่ การเรยี นรขู้ องบตุ รหลาน ซง่ึ อยรู่ ะดบั ประถมศกึ ษามีผลการศึกษาชี้ชัดว่านักเรยี นสามารถเรียนรู้ไดด้ ีย่ิงขึ้น ถา้ ผู้ปกครองร่วมดูแลเอาใจใสด่ ว้ ย บทท่ี ๔ ลูกแกะของซาฟียะห์ ความรักและความเขา้ ใจ เชน่ ชกั ชวนใหฝ้ กึ อา่ นเขียนเพมิ่ เติมที่บา้ นอย่างเตม็ ใจมไิ ดบ้ งั คบั นิทานอสี ป หมาปา่ กับลกู แกะอา่ นหนังสือรว่ มกับบุตรหลานของตนอยเู่ สมอ ท�ำความเข้าใจค�ำแนะน�ำส�ำหรับครูในการใชห้ นงั สอื เรียนเล่มน้ี และเพ่มิ เติมความสามารถแกน่ ักเรยี นในการใช้ภาษา ความเขา้ ใจ นทิ านสุภาษติ เดก็ เลีย้ งแกะวรรณคดีวรรณกรรม รวมท้ังการคดิ วเิ คราะห์ให้นำ� ไปใช้ในชีวิตไดต้ ามควรแกก่ รณี ผู้ปกครองควรสังเกตความสามารถของนักเรียน ใหข้ ้อมูลประสานสัมพันธ์กับครู บทท่ี ๕ กาเหวา่ ท่ีกลางกรุง ๘๔ผสู้ อน เพ่ือรว่ มกนั ส่งเสริมพฒั นาการเรยี นร้ภู าษาไทยของนกั เรยี นให้ดีย่งิ ขึ้น เพลงกลอ่ มเดก็ กาเหวา่ บทที่ ๖ ธนูดอกไม้กับเจา้ ชายน้อย ๑๐๔ บทละครนอก เรอ่ื ง ไชยเชษฐ์ ตอน พระนารายณ์ธเิ บศรพ์ บพระไชยเชษฐ์

H กระตา ยไมต ่นื ตมู

บานของกระตา ยปาอยใู นโพรงดินกลางสวนมะพราว แมกระตาย ลกู กระตา ยทง้ั สองยงั ไมว างใจ ตา งแหงนมองทอ งฟา อยา งหวาดกลวั มีลกู สองตัว ตวั หนง่ึ สดี าํ เหมอื นสที องฟา ยามคา่ํ คนื ตวั หน่งึ สีขาวเหมอื น เมฆฝนกาํ ลังเคล่ือนผา นไป ยอดมะพรา วยังคงสายไหว และทอ งฟาก็ยงั ปยุ ฝาย แมกระตายรกั ลูกกระตายทง้ั สองมาก และสอนใหลกู ๆ รองเพลง อยทู ีเ่ ดมิ กระตายขาวลูกนอ ย แมก ระตา ยเขามาปลอบลกู ๆ ใหหายกลวั แลวพดู วา “อยา ทําตัว คอยเฝา ประตไู ว เปน กระตา ยตน่ื ตมู สจิ ะ” หมาปา มนั มาใกล อยาไดเปด ประตู “กระตายตนื่ ตูมเปนอยางไรจะ แม” ลูกกระตายขาวถามหลังจาก หายกลวั บา งแลว กระตายขาวลกู รกั เจา พักอยูที่ไหน “กระตายตืน่ ตูมเปนกระตายในนิทานจะ ถาลูกอยากฟงเรือ่ ง หมาปา มนั ไปไกล กระตายตน่ื ตมู กม็ าชว ยกันปลกู ผักใหเสร็จกอ น” จงไดเ ปด ประตู ๓ วนั หน่ึงแมก ระตา ยกบั ลกู กระตายปลกู ผกั อยหู นา บา น เมฆฝน กําลังตั้งเคา และเคล่ือนผา นมา ลมเริม่ พัดแรงเหมือนกาํ ลังจะเกดิ พายุ ยอดมะพราวสา ยเอนตามแรงลม มะพราวแกจัดลูกหนึง่ หลนจากตน ตกตมู ลงมาใกลๆ แปลงผกั ของแมก ระตา ย ลกู กระตา ยตกใจกลวั และพากนั วิง่ หนี แมก ระตา ยรองบอกวา “อยา กลวั ๆ” “ฟาถลม หนีเรว็ ๆ” ลูกกระตายดาํ วง่ิ พลาง รองพลางอยางสุดเสยี ง “หยดุ กอ นลกู ๆ” แมก ระตา ยตะโกน “ไมใชฟาถลม ลกู มะพรา ว ตางหากท่ตี กลงมาจากตน ”๒ กระตา ยไมตืน่ ตมู

¡Ãеҋ µ¹è× µÙÁ คร้งั หนง่ึ กระตา ยตวั หน่งึ นอนหลบั อยใู ตต น ตาล ขณะเมอ่ื กระตา ยหลบั อยูน ้ัน เกดิ ลมพายใุ หญพ ัดกลา ลูกตาล บนตน หลน ตูมลงมาทพี่ ้ืนดิน เกือบถกู กระตา ย กระตายตกใจตื่นขึ้น สําคัญวา ฟา ถลม ไมทันไดตริตรอง ลุกขน้ึ ไดก ็ว่ิง ไปโดยสุดกาํ ลงั เพราะกลัวความตาย ลูกกระตา ยทั้งสองอยากฟงนิทาน จึงรีบชว ยแมกระตายปลกู ผัก ฝายเสอื ชา ง กวาง ทราย แรด และสตั วอ น่ื อีกหลาย ลกู กระตา ยดาํ ปลกู ผกั กาดขาว ลกู กระตา ยขาวปลกู ผกั กาดเขยี ว แมก ระตา ย จาํ พวก เหน็ กระตา ยว่งิ มาโดยเตม็ กาํ ลงั ดงั น้นั จงึ ถามกระตา ย ปลกู กะหลาํ่ ปลี ครอบครัวกระตายชว ยกนั ปลกู ผักไวเ ปน อาหาร วา “นท่ี า นว่งิ หนอี ะไรมา” กระตา ยว่งิ พลางบอกความพลางวา “ฟา ถลม” สตั วเ หลาน้นั ไดฟ งกระตายบอก ไมท นั ตรติ รอง “เมอ่ื ไรแมจ ะเลา นทิ านละ จะ ” ลกู กระตา ยดาํ ทวงสญั ญา แมก ระตา ย สําคญั วา ฟา ถลม จรงิ กพ็ ากนั ว่งิ ตามกระตา ยไป หกลม ขาหกั จงึ เร่มิ ตน เลานทิ านเร่ือง กระตา ยตน่ื ตมู ใหล ูกฟง แขง หกั โดนตนไม ตกเหวตายบา งกม็ ี สวนทีย่ ังเหลอื อยูก็ พากันว่ิงหนตี อไปอกี แมกระตายเลา วา ๕๔ กระตา ยไมต่นื ตมู

พระยาราชสีหต วั หน่งึ เปน สัตวม ปี ญ ญา เหน็ สัตวท ง้ั หลาย เมือ่ แมก ระตายเลา นทิ านจบลง ลูกกระตา ยกป็ รบมอื ดว ยความมเี สือ ชา ง เปน ตน พากนั ว่งิ มาไมห ยุดหยอ น จงึ รอ งถามวา พอใจ ลกู กระตายดาํ พดู วา “ฉนั เกือบจะเปน กระตา ยตืน่ ตมู ไปแลว ดนี ะท่ี“เอะ ! เหตไุ รทา นท้งั หลายจงึ พากนั ว่งิ จนโดนกนั ลม ตายฉะน้ี แมเ รยี กไวทัน”หยดุ บอกใหเ ราทราบประเดย๋ี วกอ น” สตั วเ หลานน้ั กลัวอํานาจราชสหี ก ็ตองหยดุ และเลาความทกี่ ระตา ยแจง แกต น ลกู กระตา ยขาวพดู วา “ฉันกเ็ หมือนกัน ตอไปนี้ หากเกดิ อะไรขึ้นใหร าชสหี ฟ ง ราชสีหก ็เขา ใจทนั ทวี า สัตวเ หลา น้คี งจะตน่ื เราตองคิดใหดเี สียกอ น ไมเชน นั้นเรากจ็ ะเปน เหมือนสตั วในนทิ านเรื่องอะไรมาสกั อยา งหนงึ่ จึงถามตอ ไปวา “ฟาถลมที่ตรงไหน กระตายตืน่ ตูม”จงพาเราไปดูสกั ท”ี สัตวเ หลา นนั้ กลวั ตายจนตวั ส่ัน แตขัดอาํ นาจราชสหี ไมได ก็ตอ งพาราชสีหไป พอถงึ ใตต นตาลท่ี แมก ระตายไดฟง ก็ย้มิ พอใจ ชวนลกู ๆ กลบั เขาไปในบา น และลงมือกระตายนอน ราชสีหพ ิเคราะหด ู เห็นลูกตาลตกอยทู ่โี คนตน ทาํ อาหารแสนอรอยใหลกู กระตา ยกินเปน อาหารมื้อค่าํกเ็ ขา ใจวาผลตาลนั้นหลน ลงมา กระตายสําคัญวา ฟา ถลม ก็ตกใจจึงวงิ่ หนี สตั วท ง้ั หลายทไ่ี มม ปี ญ ญาตริตรอง ก็พากนัหลงเช่ือกระตา ย วิ่งเตลิดไปจนโดนกันขาหกั คอหัก ตกเหวตาย สตั วทง้ั หลายที่พากนั ไดร บั ทกุ ขเวทนาครงั้ น้ี กเ็ พราะเปนผขู ลาดเขลาปญญาหาตริตรองมิได (พระประกาศวฒุ ิสาร [สุน บณุ โยประการ], นทิ านสุภาษิต, กระทรวงศกึ ษาธิการ.)๖ กระตายไมต ืน่ ตูม ๗

๖. เนื้อเพลงท่ีอยูตอนตนบทเรียน ทว่ี า ๑. นิทานเร่อื ง กระตา ยตน่ื ตูม เปนนทิ านสภุ าษติ ทีใ่ หค ตสิ อนใจ กระตา ยขาวลกู นอ ย คอยเฝา ประตไู ว นาํ มาจากนิทานชาดก คําวา “ชาดก” หมายถึง เรื่องราวของพระพทุ ธเจา หมาปา มนั มาใกล อยา ไดเ ปดประตู ท่มี มี าในพระชาตกิ อนๆ นอกจากนิทานเรื่องนแี้ ลว ยังมนี ิทานสภุ าษิตอีก เจา พกั อยูที่ไหน หลายเรือ่ งท่นี ํามาจากนทิ านชาดก เชน กง้ิ กาไดท อง นกกระจาบ กระตายขาวลูกรกั จงไดเปดประตู หมาปามันไปไกล ๒. นทิ านเรอ่ื ง กระตา ยตน่ื ตมู เปน นทิ านเกา ท่คี นไทยรจู กั กนั ดี เนอ้ื เรอ่ื งในชาดกกลา ววา กระตา ยอาศยั อยทู ่ดี งตาล ซง่ึ มตี น มะตมู อยดู ว ย (ภาพจากหนงั สอื แบบสอนอานมาตรฐาน เลม ๑.) ขณะกระตา ยนอนคดิ เพลินๆ วา หากแผน ดินนถ้ี ลม ตนจะไปอยูทใ่ี ดดี กพ็ อดีผลมะตมู สุกผลหนึ่ง หลน ลงมาถกู ใบตาลทกี่ องสุมอยูบ นพื้นดนิ ยกมาจากหนงั สอื แบบสอนอา นมาตรฐาน เลม ๑ ช้นั ประถมปท ่ี ๑ ของ เสียงดงั ล่ัน กระตา ยจึงนกึ วา เปน เสยี งแผนดนิ ถลม เรื่อง กระตายต่นื ตูม กรมสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๔๘๘ ผแู ตง คอื นายยง องิ คเวทย หนงั สือเลม น้ี ท่แี ตง กนั ตอ ๆ มามหี ลายสาํ นวน ผลไมท ต่ี กลงมา บางสาํ นวนกว็ า เปน ผลตาล มีบทสอนอานทีน่ าสนใจ แมปจจุบันก็นํามาใชฝกอานไดอยางดี และ บางสํานวนก็วาเปน ผลมะพราว บทรอยกรองขางตน สามารถใสทํานองรองเปน เพลงได ๓. คตจิ ากนทิ านเร่อื งน้เี ตอื นใจใหค นเรารจู กั ใชส ตปิ ญ ญาไตรต รอง ๙ ไมใหต ื่นตกใจตอเรอ่ื งทีไ่ ดยินไดฟง และเช่อื คนงายโดยไมค ิดใครครวญ ใหรอบคอบกอ น ๔. ตวั ละครสาํ คญั ในนทิ านเร่อื งน้ี คอื กระตา ย และราชสหี ส ามารถ นาํ มาเทยี บเคยี งกบั ลกั ษณะนสิ ยั ของคนได ๕. นทิ านเร่อื ง กระตา ยต่นื ตมู เปน ทม่ี าของสํานวนไทยวา “กระตา ย ตนื่ ตมู ” ซง่ึ หมายถงึ คนทต่ี ่นื ตกใจงายโดยไมใ ชความคดิ พจิ ารณาถงึ ตน สายปลายเหตุของเร่อื งนัน้ ๆ ใหชัดเจนเสียกอน๘ กระตา ยไมต นื่ ตมู

๑. ลองคดิ ดวู า ลกู กระตา ยขาวและลกู กระตา ยดาํ ในเร่อื งน้มี ลี กั ษณะ อา นสํานวนอื่นๆ ทีเ่ ก่ยี วกับกระตาย นสิ ัยเหมอื นกบั กระตา ยในนทิ านเร่อื ง กระตา ยต่ืนตมู หรอื ไม อยา งไร สํานวน ความหมาย ๒. หากใหนักเรียนเปน ตวั ละครในบทเรยี นน้ี จะเลอื กเปนตัวละคร ใด เพราะเหตใุ ด กระตายขาเดียว หรอื ยนื กรานในส่งิ ท่พี ดู แมไ มเ ปน ความจรงิ กระตายสามขา กไ็ มย อมรบั สาํ นวนนม้ี ที ่มี าจากนทิ าน ๓. เหตุใดแมก ระตา ยจงึ เลา นิทานเร่อื ง กระตา ยตน่ื ตมู ใหล ูกฟง เรื่องมีอยูว า เดก็ วัดคนหนง่ึ แอบกิน ๔. ลองพจิ ารณาวา ธรรมชาตขิ องกระตา ย กับกระตา ยในนิทาน กระตา ยหมายจันทร กระตายยางทีช่ าวบานนํามาถวายพระ เร่ืองนี้ มีอะไรท่ีเหมอื นกันและตางกันบา ง กระตา ยแหยเ สอื ไป ๑ ขา เม่อื พระถามวา ขากระตา ยหาย ๕. นกั เรยี นเคยฟง ขา ว อา นขา ว ไดย นิ เรอ่ื งราว หรอื พบเหน็ เหตกุ ารณ เปรยี วเปนกระตายปา ไปไหน เขากต็ อบวา กระตา ยมี ๓ ขา พระ ทม่ี ีลกั ษณะเชนเดยี วกบั นิทานเร่ือง กระตายตน่ื ตมู บางหรอื ไม ลอง ถามซํา้ อีกหลายคร้ัง ทุกคร้ังเขากย็ ัง ยกตวั อยา งใหเ พ่อื นฟง และถา นกั เรยี นอยใู นเหตกุ ารณน น้ั จะทาํ อยา งไร ยนื กรานคาํ ตอบเดิม สํานวนกระตา ย สามขา ในปจ จบุ นั นิยมใชว า กระตา ย๑๐ กระตายไมต ืน่ ตมู ขาเดยี ว ชายหมายปองหรือหลงรักหญิงทีม่ ี ฐานะหรือสถานะสงู กวาตนและไมมี ทางทค่ี วามรกั จะราบรน่ื สมหวัง ผนู อ ยทลี่ อ เลน กบั ผทู มี่ ีกาํ ลงั หรือมี อาํ นาจมากกวา สํานวนนมี้ ีท่มี าจาก นทิ านเรื่อง กระตา ยแหยเสอื ปราดเปรียว รวดเรว็ วองไวมาก ๑๑

อา นนิทานเรื่องอื่นท่ีเกยี่ วกบั กระตาย เสอื เขา มาใกล กระตา ยแกลงทําเปน ไมเ ห็น มอื ปดแมลงวนั ปาก พมึ พาํ วา “ขาวเหนียวเปยกพระอนิ ทร ใครมากนิ พระอินทรจะแชง” อา นนิทานเรอื่ ง กระตา ยแหยเ สอื เพ่ือสงั เกตการแตงเรอ่ื งในนิทาน และพฤตกิ รรมของตัวละครในเรอื่ ง แลววิเคราะหเปรียบเทียบกบั ลักษณะ เสือเหน็ กระตา ยทาํ ดังนัน้ ก็สงสยั จึงถามวา “ทําอะไรนะ” นิสัยของคนทอ่ี าจพบเห็นในชวี ติ ประจําวนั “กค็ อยปด แมลงวัน ไมใ หม าตอมขา วเหนียวเปยกของพระอนิ ทร น่ีไงละ ” กระตา ยตอบ และช้ีใหดกู องข้คี วายซ่ึงมดี อกไมค ลุมอยเู ตม็ กระตายแหยเ สือ เสอื มองดูดอกไม แลวพูดวา “นา กินดนี ่ี ขอลองสกั คําเถอะนา” “ไมไ ดด อก พระอนิ ทรท า นส่ังใหค อยเฝา ไมใ หใ ครมากนิ ใครขนื กนิ เสือตวั หน่งึ กาํ ลงั นอนหลับอยทู ี่ใตต นไม กระตา ยเดินผานมา เหน็ เขา ไปโดนสาปแชง นะ” เสือกําลังนอนหลบั อยู นึกโกรธวาเสอื ชอบจบั กระตา ยกินนัก จงึ ถอน ตน หญาเอามาแหยจมูกเสือ เสือลงั เล แตค วามอยากกนิ มมี ากกวา “ก็อยาใหพระอนิ ทรรสู ิ ขอสักคาํ เดียวเทานัน้ ” เสอื ตกใจต่ืนขน้ึ พอลมื ตาเหน็ วา กระตา ยเปน ผเู อาตนหญามาแหย จมูกตน กร็ องหามวา “อยา เลนนา” แลวเสือกห็ ลับตอ ไป “ไมไ ด” กระตา ยตอบ เสียงแขง็ และแกลง พมึ พาํ วา กระตายถอนตนหญามา “ขาวเหนียวเปยกพระอินทร แหยจ มกู เสืออกี เสือโกรธมาก ใครมากนิ พระอนิ ทรจ ะแชง ” คาํ รามวา “เหม เจา กระตา ยน่ี ขา จะจบั กนิ เสยี เลย” เสืออยากกนิ มากข้นึ “เถอะนา ขอกนิ คาํ เดียวเทาน้ัน เราเปนเพ่อื น กันนะ” กระตายเห็นเสือโกรธก็ ว่งิ หนไี ป เสอื ไลตาม กระตายแกลงทําเปนอิดเอื้อน ในทส่ี ดุ กเ็ อยวา “ตามใจ กินก็กนิ แตต องใหข า ว่งิ ไปไกลๆ กอ นนะ ขืนนง่ั อยูท ่ีนี่ พระอนิ ทรม าพบเขา วา ขา กระตา ยว่งิ ไปเจอะขีค้ วายเขากองหน่ึง ก็คิดอบุ ายยัว่ เสอื ได จึงไป ปลอ ยใหแกกินขาวเหนยี วเปยกของทา น ขา ก็แย” เกบ็ ดอกไมม าปกรอบๆขี้ควายกองน้ัน แลว นั่งลง เอากง่ิ ไมโบกไลแ มลงวนั ปากพึมพําวา “ขาวเหนยี วเปย กพระอนิ ทร ใครมากินพระอินทรจะแชง ” “ตกลง” เสอื วา “เอา วิ่งไปส”ิ “ใหข า รอ งบอกเสียกอ นวา กนิ เถอะ แกถึงจะลงมอื กนิ ได” กระตา ยพดู๑๒ กระตายไมต่ืนตมู เสอื พยักหนา กระตายรีบว่ิงไปโดยเรว็ ท่ีสุด เมือ่ ไปไกลพอท่เี ห็นวา เสือจะตามไมทนั งา ยๆ แลว มนั กร็ องตะโกนบอกวา “กินเถอะ” ๑๓

เสือขม้าํ เอากองดอกไมเ ขา เตม็ ท่ี ข้คี วายเลอะเตม็ หนา สง กลน่ิ เหมน็ “ไมไ ดๆ พระอินทรทา น รนุ แรง สงั่ ไว ไมใหใครตฆี อ งน้ีเปน อันขาด ขา จงึ ตองมาคอยเฝา เสอื รอ ง “อู! อ!ู ” รสู ึกโกรธเปน กาํ ลงั “ไอกระตายหลอกลวงจะตอง อยูไงละ ” จับกนิ เสียใหได” เสอื นึก พลางว่งิ ตามกระตายไปโดยเรว็ “เถอะนา ขาตเี องกไ็ ด” ขา งฝายกระตาย เม่อื วิ่งมาไดพักหน่ึง กระตายแกลงทําเปน มาพบรงั ผ้ึงเขา กเ็ กิดความคดิ ทีจ่ ะยวั่ เสอื อิดเอ้อื น ในทีส่ ุดกบ็ อกวา ขึ้นมาได จงึ หาทอ นไมม าทอ นหนึง่ นั่งลง “ตามใจ แตตองใหขา ว่งิ ไปให แลว พมึ พาํ วา ไกลเสียกอ นนะ ขนื น่ังอยทู ่นี ี่ พระอินทรร วู าขา ปลอ ยใหแกตฆี องของทาน ขากแ็ ย” “เสยี งฆอง “ตกลง วง่ิ ไปเรว็ ๆ เขา สิ” พระอินทร ใครไดย นิ “ตองใหขา บอกวา ตีเถอะ เสยี กอนนะ จงึ คอยตี” จะเปน สุขนัก” เสือพยักหนา กระตายรีบวิ่งออกไปโดย เสือไลตามมาทัน เห็นกระตา ยนง่ั ถือทอ นไม เร็วท่ีสดุ เม่ือไปไกลพอเห็นวา เสอื หลบั ตา และพึมพาํ อยกู ็สงสัยนัก จงึ ถามวา จะตามไปไมท ันแลว กระตา ยกร็ อง “ทําอะไรนะ ” ตะโกนบอกวา “ตเี ถอะ” “เฝาฆอ งพระอินทรน ะสิ” เสอื ยกทอนไมขึน้ ฟาดตูม “ฆองพระอนิ ทรดียงั ไง” เสอื สงสัย ลงไปท่รี งั ผึง้ รงั ผ้งึ แตกกระจาย “ออ กม็ เี สยี งเพราะท่สี ุดละ ฝงู ผงึ้ กรูเขา เลนงานเสือ ตอย ใครไดย ินเขา จะเปน สขุ มาก หนาตาเสือบวมหมด ทเี ดยี ว” กระตายตอบ ๑๕ เสอื ไดยนิ ดังนัน้ ก็เกิด อยากฟงเสียงฆองขนึ้ มาทนั ที “ชว ยตีใหฟ ง สกั ทีเถอะนา ”๑๔ กระตา ยไมต นื่ ตมู

เสือรูสกึ โกรธยงิ่ นกั “ไอก ระตา ยหลอกลวง คอยดนู ะ จะจบั กินเสีย กระตา ยตกลงไปในนา้ํ รสู ึกกลวั เปน อนั มาก “จระเขร ทู นั เราเสยี แลว ” ใหได” เสอื คาํ ราม แลวมนั กอ็ อกวง่ิ ไลตามกระตา ยไปโดยเรว็ ทสี่ ุด มนั คดิ “เราไมค วรหลอกเขาเลย” กระตา ยว่งิ ไป ว่งิ ไป นกึ ในใจวา ทนี ้เี สอื คงจะเจบ็ ไมน อ ย สมน้าํ หนา ตอนท่จี ระเขแ กด าํ น้าํ อยากจบั พวกกระตา ยกนิ เกง นกั แตเ สอื กค็ งโกรธมากเหมอื นกนั กระตา ยคดิ ลงไปน้ัน เปน ตอนใกลฝ ง เราจะตองรีบหนีไปใหพ น พอดกี ระตา ยว่ิงมาถงึ ริมแมนาํ้ จะขา มไปกไ็ มไ ด กระตายจึงตะเกียกตะกายขึ้นฝงได ขนื คอยอยู ประเดย๋ี วเสอื กจ็ ะตามมาทนั แตก ส็ าํ ลกั นา้ํ หลายคร้งั กระตายคิดอยูครูหนึง่ พอขน้ึ ฝง ได กระตา ยรบี ก็นกึ ถงึ อบุ ายข้นึ มาได จึง วงิ่ หนไี ปไมเหลยี วหลัง เมื่อเสอื รองตะโกนลงไปที่แมนํา้ วา มาถงึ ฝงแมน้าํ กระตา ยกว็ ่ิงไป “จระเขทงั้ หลาย เร็วๆ เขา ไกลเสยี แลว พระอินทรร ับสั่งใหหา” (แมนมาส ชวลิต รวบรวมเรียบเรียง, ประยรู จรรยาวงษ เขยี นภาพ, จระเขไ ดย ินเขา กต็ กใจ กระตา ยแหยเสือ, กระทรวงศกึ ษาธิการ.) กลวั พากนั รบี ลอยข้นึ มา อยบู นผวิ น้าํ ๑๗ กระตา ยบอกวา “พระอนิ ทรท า นสั่งใหเราไปธรุ ะทางฝง โนน ให พวกทานเรยี งแถวเขา เปนสะพานใหเราเดนิ ขามไปเดยี๋ วน”ี้ จระเขรบี ทาํ ตาม แตกระตายก็ขา มแมน้าํ ไปไมไดตลอด จระเขแ กตัวหนง่ึ รูว าเปน อบุ ายของกระตาย พอกระตา ยมาถงึ ตนก็ แกลง ดําน้าํ ลงไปเสีย๑๖ กระตา ยไมต ่นื ตูม

กระตา ยนอยนารกั ๑. ทําเสียงและทาทางเลียนแบบสตั ว หรือแสดงบทบาทสมมตุ ิ เกี่ยวกบั เรื่องน้ี กระตา ยเปน สัตวเ ลย้ี งลกู ดว ยนมมรี ปู รา งหนา ตานา รกั แพรพ ันธุ ไดรวดเรว็ ๒. วาดภาพหรือปน รปู สตั วท นี่ กั เรยี นชอบ และตง้ั ช่ือใหนาสนใจ ๓. รวบรวมสํานวนเกย่ี วกบั สตั วอืน่ ๆ แลว นํามาพูดใหเ พอื่ นฟง กระตา ยมหี ยู าวเปน แผน บาง ตามขี นาด ๔. ศกึ ษาชวี ติ และความเปนอยขู องสตั วทีน่ ักเรยี นชอบ จดบันทกึ ใหญโ ปนออกมานอกเบาตา กระตา ยมหี ลายสี แลว นาํ มาเลาแลกเปลี่ยนประสบการณก ับเพอ่ื น กระตา ยสีขาว ปกติจะมตี าสีแดงกํา่ เราจึงมัก พดู กันวา กระตา ยตาแดง ๑๙ กระตายมฟี นทัง้ หมด ๒๘ ซ่ี แตฟน หนาซึง่ เปนลกั ษณะประจาํ ตวั ของกระตา ยนัน้ มี ๖ ซ่ี เปนฟน บน ๔ ซ่ี ฟนลาง ๒ ซี่ แตกตางจากหนูซ่งึ มฟี นหนาบน ๒ ซี่ ปากของกระตา ยมขี นาดเลก็ มีรอยผากลางบรเิ วณ ริมฝปาก หนวดของกระตา ยเปน เสนยาว ขนมี ๒ ชั้น หนานมุ ปกุ ปยุ กระตา ยมขี าหนาสั้น ขาหลงั ยาวและแข็งแรงมาก เมอื่ ตกใจตองการหนี อยางรวดเร็ว มันจะใชข าหลังกระโดดหรอื กระโจน ลกั ษณะประจาํ ตวั อกี อยา งหนง่ึ ของกระตา ย คอื หางส้ันและมขี นเปน พวง ใชห างสง สัญญาณ ตา งๆ ระหวางกระตายดว ยกนั เม่อื กระตายตกใจ หางของมันจะกระดกขึ้น กระตา ยเปนสัตวทม่ี อี ยูทัว่ ไปในประเทศไทย และมอี ยูแทบทุกท่ี ทัว่ โลก ประเทศไทยในอดีตมีกระตายใหพบเห็นไดตามทุงหญาทั่วไป คนไทยจงึ คุนเคยกบั กระตา ยมาชา นาน แตปจ จุบันไมมีใหเห็นดังแตก อน อันเปน ผลจากการถูกลา ในปจจุบันคนนิยมเล้ียงกระตายไวดเู ลน และมี ผเู ลีย้ งเปนอาชีพดวย๑๘ กระตายไมต น่ื ตมู

กลา แรง เชน ลมพัดกลา หมายถงึ ลมพดั แรง พิเคราะห ใครค รวญ, ไตรต รอง, พจิ ารณาอยา งถ่ีถว นรอบคอบขมา้ํ เปน กรยิ าเอาปากงบั กนิ เรว็ ๆ (ใชแ กส นุ ขั เปน ตน โพรง ชองทีก่ ลวงเขา ไป ถาใชแกค น ถือวา เปนคาํ ไมสภุ าพ) มะตมู ชอื่ ตน ไม ตน และกงิ่ มีหนาม ใบเปน ใบประกอบใครค รวญ ตรึกตรอง, พิจารณา, คดิ ทบทวน มีใบยอ ย ๓ ใบ นิยมใชในการมงคล ผลกลมทุยไดรับทกุ ขเวทนา ไมส บายกายไมสบายใจ รูสึกเจ็บปวด ทรมาน แรด รสหวานเจือเผด็ ใชท าํ ยาไดตน สายปลายเหตุ ความเปนมาของเร่ือง สัตวข นาดใหญเ ล้ยี งลกู ดว ยนม หนงั หนา มนี อเดยี วตริตรอง ใครครวญ, คิดทบทวน, ตรกึ ตรอง สําคญั วา หรอื ๒ นอ กนิ พชื และชอบนอนปลกั ซ่งึ เปน แองต้ังเคา เร่มิ แสดงทา ทใี หร วู า จะเกดิ อะไรขน้ึ เชน ฝนตง้ั เคา สํานวน ทเ่ี ปน โคลนเลนตาล ตนไมชนดิ หน่งึ ตนเพศเมยี ผลใหญก ลมโต เปน สุดกําลงั คิดวา ทะลาย ผลใชเปนอาหาร น้าํ หวานทอี่ อกจากงวง สภุ าษติ ถอ ยคาํ ที่เรยี บเรียง, โวหาร, บางทีกใ็ ชว า สาํ นวน ตาลของตน เพศผู เรยี กวา นา้ํ ตาลสด เปน เครอ่ื งด่มื หมาปา โวหาร รสหวานหอม ใชทําน้าํ ตาลได เตม็ ที,่ เตม็ กําลงั ทัง้ หมดท่ีมีอยู เชน ออกแรงไตรตรอง คิดทบทวน, ตรติ รอง หาตรติ รองมิได ยกของจนสดุ กาํ ลัง ชวยจนสุดกาํ ลงัถลม ยุบหรือทาํ ใหทลายลง เหว ถอยคําหรือขอความทีก่ ลาวสบื ตอกันมาชานานทราย หรอื เนอื้ ทราย กวางชนดิ หนง่ึ มีขนาดกลาง ตวั สนี า้ํ ตาลเขม แต อาํ นาจ แลว มีความหมายเปน คติสอนใจ ตอนลางของลาํ ตวั สีจางกวา มีจดุ ขาวจางๆอยูทว่ั หมาชนดิ หน่งึ เปน สตั วป า มนี สิ ยั ดรุ า ย สว นใหญ ลาํ ตัว หากนิ เปนฝงู มถี ิ่นกําเนดิ เกอื บท่วั ทุกภมู ภิ าคปุยฝาย ปยุ ที่หมุ เมล็ดฝาย มีลักษณะฟเู ปนใยสีขาว มัก ของโลก ใชเปรียบเทียบกบั สิง่ ทม่ี ีลักษณะเชนนัน้ ในท่นี ้ี ไมไ ดค ดิ , ไมไ ดใครค รวญ นาํ มาเปรียบเทียบกบั ขนของกระตาย ชอ งลึกลงไปในภเู ขา, ชองลกึ ระหวางเขา (ในภาพคอื ดอกฝา ย ซ่งึ มกี ลบี ดอกหมุ ปยุ ฝา ยและ กาํ ลงั , พลงั , การบงั คบั บัญชาพระอินทร เมลด็ ฝา ย) เทวดาผูเปน ใหญในสวรรคช ัน้ ดาวดงึ ส๒๐ กระตายไมต ่ืนตูม ๒๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook