Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

Published by kan.nongrat, 2017-08-11 00:25:42

Description: เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

Search

Read the Text Version

1 บทที่ 1 บทนาความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา ภาษาไทยเป็นเอกลกั ษณ์ของชาติเป็ นสมบตั ทิ างวฒั นธรรมอนั ก่อให้เกิดความเป็ นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็ นไทย เป็ นเคร่ืองมือในการติดต่อสื่อสารเพ่ือสร้างความเขา้ ใจและความสัมพนั ธ์ท่ีดีต่อกนั ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดารงชีวติ ร่วมกนัในสังคมประชาธิปไตยไดอ้ ยา่ งสันติสุข และเป็ นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศต่างๆ เพอ่ื พฒั นาความรู้ พฒั นากระบวนการคิดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์และสร้างสรรค์ใหท้ นั ตอ่ การเปล่ียนแปลงทางสงั คม และความกา้ วหนา้ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยตี ลอดจนนาไปใช้ในการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความมน่ั คงทางเศรษฐกิจ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551 :1) นอกจากน้ียงั เป็ นส่ือแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษดา้ นวฒั นธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็ นสมบตั ิล้าค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานใหค้ งอยคู่ ู่ชาตไิ ทยตลอดไป (สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. 2551 :1) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดถ้ ูกกาหนดสาระการเรียนรู้สาระภาษาไทยไว้ 5 สาระดงั น้ี สาระท่ี 1 การอ่าน สาระที่ 2 การเขียน สาระท่ี 3 การฟัง การดูและการพูดสาระที่ 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย สาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม สาหรับการอ่านหลกั สูตรไดจ้ ดั ไว้เป็นสาระแรกของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระการอ่านมีมาตรฐานการเรียนรู้วา่ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่านสาระการเขียนหลกั สูตรไดจ้ ดั ไวเ้ ป็ นสาระที่ 2 มีมาตรฐานการเรียนรู้วา่ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ(กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2551 : 12) การจดั การเรียนการสอนภาษาไทยในปัจจุบนั ว่าเปลี่ยนแนวคิดไปจากเดิมไม่เน้นการอ่านออกเสียงไดเ้ พียงอยา่ งเดียว แต่เนน้ การสอนภาษาเพ่ือการสื่อสารกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งมีประสิทธิภาพและใชภ้ าษาแกป้ ัญหาในการดารงชีวิตและแกป้ ัญหาสังคม เน้นการสอนภาษาไทยในฐานะของเคร่ืองมือของการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง สามารถ นาความรู้มาใชใ้ นการพฒั นาตนเอง (กระทรวงศึกษาธิการ. 2545 :1) ซ่ึงกลุ่มสาระการเรียนภาษาไทยไดก้ าหนดแนวทางการพฒั นาภาษาไทย ไวว้ ่าการพฒั นาการเรียนรู้หลกั การทางภาษา จะทาใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจธรรมชาติของภาษาไทย หลกั การทางภาษาและวฒั นธรรมการใชภ้ าษาไทย ตระหนักและเห็นความสาคญั ของภาษไทย กิจกรรมการเรียนรู้หลักการทางภาษาจาเป็ นตอ้ งจดั ควบคู่และสมั พนั ธก์ บั กิจกรรมทกั ษะการใชภ้ าษาเพอื่ พฒั นาการสื่อสารทุกกิจกรรม

2โดยนาความรูเ้ ร่ืองหลกั เกณฑท์ างภาษามาตรวจสอบ ปรบั ปรุง แกไ้ ข ท้งั ในการประเมินตนเองและการประเมินจากผอู้ ่ืน ซ่ึงจะทาใหผ้ ูเ้ รียนสามารถใชภ้ าษาสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และมีประสิทธิภาพ (กรมวชิ าการ. 2545 ก : 45-46) การอ่านในกลุ่มสาระภาษาไทยเป็ นทกั ษะของการรับสารและเป็ นทักษะที่สาคญั ในการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในภาวะปัจจุบนั เป็ นยคุ ขอ้ มูลข่าวสารที่มีเทคโนโลยเี จริญกา้ วหนา้อยา่ งรวดเร็ว การอ่านจึงเป็ นทกั ษะที่จาเป็ นในการนามาใชเ้ พื่อติดตามความเคลื่อนไหวความกา้ วหนา้และการเปลี่ยนแปลงของสภาพวิทยาการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ การอ่านจึงมีคุณค่าต่อชีวติ ประจาวนัโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในระดบั ประถมศกึ ษาท่เี ป็ นรากฐานของการเรียนในระดบั สูงในการจดั กิจกรรม การเรียนรู้ การอ่านจึงตอ้ งคานึงถึงการปลูกฝังใหผ้ เู้ รียนมีนิสยั รักการอ่านเห็นคุณค่า และความสาคญั ของการอ่าน สามารถอ่านไดช้ ดั เจน ถูกตอ้ งรวดเร็ว สามารถจบั ใจความสาคญั ของเร่ืองท่ีอ่าน มีวจิ ารณญาณในการวิเคราะห์เรื่องที่อ่านได้ (อจั ฉรา ชีวพนั ธ์. 2546 : 47) การอ่าน เป็ นทกั ษะที่ตอ้ งฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใชภ้ าษาเพอ่ื การสื่อสาร การเรียนรูอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และเพอ่ื นาไปใชใ้ นชีวิตจริงการอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแกว้ คาประพนั ธช์ นิดต่าง ๆ การอ่านในใจเพ่อื สร้างความเขา้ ใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากส่ิงที่อ่าน เพ่ือนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวนั(กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2552 : 1) อกั ษรควบกล้าเป็ นลกั ษณะเฉพาะทส่ี าคญั อีกอยา่ งหน่ึงของภาษาไทย เพราะคาท่ีใชอ้ กั ษรควบมีลกั ษณะท่ที าใหเ้ สียงในภาษาไทยมีความไพเราะและแสดงถึงความประณีตของการออกเสียงคาเพราะการออกเสียงคาควบกล้าจะแตกตา่ งจากการออกเสียงคาที่มีพยญั ชนะตน้ ตวั เดียว หากผพู้ ดู ไม่ระมดั ระวงัในการออกเสียงจะออกเสียงผดิ เป็นสาเหตุหน่ึงในการเขียนผดิ และทาใหค้ วามหมายที่ตอ้ งการส่ือสารผิดไปดว้ ย การไม่ระมดั ระวงั การออกเสียงอ่านหรือพูดไม่ชดั เจน นอกจากทาใหค้ วามหมายผดิ พลาดแลว้ ยงั ทาใหเ้ สียบคุ ลิกภาพของผพู้ ดู หรือผอู้ ่านน้นั ดว้ ย ปัจจบุ นั คนไทยส่วนใหญไ่ ม่ค่อยให้ความสาคญัต่อการอ่านออกเสียงทีใ่ ชอ้ กั ษรควบที่ถูกตอ้ งชดั เจน แมค้ นที่อยใู่ นวงการศึกษาหรือบุคคลท่ีมีตาแหน่งหนา้ ท่สี าคญั ของประเทศก็จะพูดตามสบายขาดความระมดั ระวงั ในเร่ืองการออกเสียงคาประเภทน้ี ทาใหอ้ ่านหรือออกเสียงผดิ ไป โดยส่วนมากจะออกเสียงพยญั ชนะตน้ ตวั หนา้ ตวั ควบจะไม่ออกเสียงเลยทาใหภ้ าษาผดิ เพ้ยี นไป ซ่ึงจะเป็ นตวั อยา่ งใหเ้ ยาวชนรุ่นหลงั ไม่ใหค้ วามสาคญั ต่อการอ่านและออกเสียงคาไทยให้ถูกตอ้ งดว้ ย จึงควรที่ครูผสู้ อน จะไดส้ ร้างความตระหนักใหน้ ักเรียนไดเ้ ห็นความจาเป็ นและความสาคญั ในเร่ืองการอ่านออกเสียง และพูดคาที่ใชอ้ กั ษรควบไดถ้ ูกตอ้ ง (กรมวชิ าการ. 2546 : 168)ตวั อยา่ ง เช่น คาวา่ กรม ออกเสียงเป็น กม คาวา่ ขาดแคลน ออกเสียงเป็ น ขาดแคน คาว่าคอนกรีต ออกเสียงเป็นคอนกีด เป็ นตน้ โดยท่ีผูพ้ ดู ไม่สามารถออกเสียง ร ล และ คาควบกล้าที่มี ร ล การออกเสียงดงั กล่าว ถือเป็นขอ้ บกพร่องในการใชภ้ าษาไทย ท่ีก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อภาษาประจาชาติและยงั จะทาใหก้ ารสื่อความหมายไม่ตรงกบั ความตอ้ งการของผสู้ ื่อสาร

3 สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนวดั ประสาทนิกร ซ่ึงเป็ นนักเรียนที่ผูศ้ ึกษารบั ผดิ ชอบสอนวชิ าภาษาไทย พบวา่ โรงเรียน ต้งั อยใู่ นพ้นื ท่ที ป่ี ระชาชนพดู ภาษาถ่ินภาคใตน้ กั เรียนจึงมีปัญหาในเร่ืองการออกเสียงคาในภาษาไทย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การออกเสียงคาควบกล้า ร ล ว ซ่ึงนกั เรียนมีปัญหาในการอ่านและเขียนคาควบกล้า สาเหตุสาคญั คือ นกั เรียนเคยชินในการใชภ้ าษาอยทู่ ี่บา้ นกบั ครอบครัวและผคู้ นรอบขา้ ง เม่ือมาฝึกและเรียนภาษาไทยจึงทาให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะในดา้ นการอ่านและการเขียน ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางดา้ นการอ่านและการเขียนภาษาไทยใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั เกณฑท์ างภาษาอยใู่ นระดบั ที่คอ่ นขา้ งต่า ดงั ผลจากการประเมินผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนดา้ นทกั ษะการอ่านออกเสียงและการเขียนตามคาบอกของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ในปี การศึกษา 2557พบวา่ นกั เรียนสามารถอ่านภาษาไทยไดถ้ ูกตอ้ งร้อยละ 75.50 โดยอ่านออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การอ่านออกเสียงรอ้ ยละ 70.50 โดยเน้ือหาทีม่ ีปัญหาในการอ่านออกเสียงมากที่สุด คอื การอ่านออกเสียงคาควบกล้า ร ล ว ซ่ึงจากผลการวดั และการประเมินพบวา่ นกั เรียนสามารถออกเสียงไดถ้ ูกตอ้ งเพียงร้อยละ61.00 เทา่ น้นั ส่วนผลการประเมินการเขียนตามคาบอก พบวา่ นักเรียนสามารถเขียนไดถ้ ูกตอ้ งตรงตามมาตราตวั สะกดร้อยละ 68.58 เขยี นและใส่วรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกตอ้ งคิดเป็นร้อยละ 70.66เขียนไดถ้ ูกตอ้ งตามเสียงและอกั ษรควบคดิ เป็ นร้อยละ 61.66 ซ่ึงอยใู่ นระดบั ที่ตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ขให้ ดีข้ึน และจากรายงานการผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโรงเรียนวดั ประสาทนิกร เม่ือปี การศึกษา 2557ปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาภาษาไทยอยใู่ นระดบั ท่ีตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ขเช่นเดียวกนั คือ ร้อยละ 69.59(โรงเรียนวดั ปรสาทนิกร 2557 : 12) การจดั ส่ือการเรียนการสอนโดยใชแ้ บบฝึกน้ันมีความสาคญั และมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนวชิ าที่เป็ นทกั ษะมาก เพราะช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเขา้ ใจบทเรียนไดด้ ีย่งิ ข้ึน สามารถ จดจาคา เน้ือหาในบทเรียนและคาศพั ทต์ า่ ง ๆ ไดค้ งทน ทาใหเ้ กิดความสนุกสนานในขณะเรียน ผเู้ รียนทราบความกา้ วหนา้ของตนเอง สามารถนาแบบฝึกมาทบทวนเน้ือหาเดิมดว้ ยตนเองได้ นามาวดั ผลการเรียนหลงั จากที่เรียนแลว้ ตลอดจนสามารถทราบขอ้ บกพร่องของนกั เรียน และนาไปปรับปรุงไดท้ นั ท่วงที ซ่ึงจะมีผลทาให้ครูประหยดั เวลา ค่าใช้จ่าย นอกจากน้ียงั ทาให้นักเรียนสามารถนาภาษาใช้ส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดงั ทสี่ ุภาพ รัดสีสม(2553 : 37) และ วมิ ลรัตน์ สุนทรโรจน์ (2545 : 131) ไดก้ ล่าววา่ แบบฝึกเป็ นวธิ ีสอนอีกวิธีหน่ึงคือ การให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั มาก ๆ สิ่งท่ีจะช่วยใหน้ ักเรียนมีพฒั นาการทางการเรียนรู้ในเน้ือหาวชิ าไดด้ ี คือ แบบฝึก เพราะนักเรียนมีโอกาสนาความรู้ท่ีเรียนมาแลว้ มาฝึกให้เกิดความเขา้ ใจกวา้ งขวางยง่ิ ข้ึน สอดคลอ้ งกบั แนวคิดของ เตียงทอง จนั ทรเจริญ (2553 : 21) กล่าววา่ผลการจดั กิจกรรมการแบบฝึกทกั ษะช่วยใหน้ กั เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน ควรนาไปใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ตอ่ ไป และควรสนบั สนุนใหค้ รูพฒั นาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูภ้ าษาไทยโดยใช้แบบฝึกทกั ษะ เพื่อใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนภาษาไทยในเน้ือหาอื่นๆ ซ่ึงจะช่วยใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนรู้วชิ าภาษาไทยไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

4 จากสภาพปัญหาดงั กล่าว ผศู้ ึกษา จึงสร้างแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 เพอ่ื ที่จะไดน้ าแบบทกั ษะการอ่านและการเขียนคาควบกล้า ร ล ว มาช่วยพฒั นาการอ่านออกเสียงคาควบกล้า และเขียนคาควบกล้าของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนวดั ประสาทนิกรไดถ้ ูกตอ้ ง เกิดความแม่นยาในการใชภ้ าษไทยสามารถใชภ้ าษาไทยเป็นเคร่ืองมือส่ือสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และเพอื่ เป็ นแนวทางในการพฒั นากิจกรรมการเรียนการสอนดา้ นการอ่านและการเขียนสะกดคาควบกล้าใหม้ ีประสิทธิภาพยงิ่ ข้นึวตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อพฒั นาแบบฝึ กเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาได้แม่น กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนวดั ประสาทนิกร สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาชุมพร เขต 2 ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80(E1/E2) 2. เพอ่ื เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนดว้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ก่อนเรียนและหลงั เรียนดว้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ท่ีไดเ้ รียนดว้ ยแบบฝึ กเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่นสมมตฐิ านของการศึกษาทดลอง ในการศกึ ษาทดลองคร้งั น้ี ผศู้ กึ ษา ไดต้ ้งั สมมตฐิ านการทดลองไวด้ งั น้ี 1. แบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น ท่ีพฒั นาข้ึนมีประสิทธิภาพตามเกณฑม์ าตรฐาน80 / 80 2.นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2ท่ีเรียนโดยการใชแ้ บบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น มีความสามารถในการอ่านและการเขียน หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน 3. นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 มีความพงึ พอใจที่ไดเ้ รียนดว้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น อยใู่ นระดบั ความพงึ พอใจมากขอบเขตของการศึกษาประชากร ประชากร หมายถึง นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนวดั ประสาทนิกร ภาคเรียนท่ี 2ปี การศึกษา 2558 ซ่ึงไดม้ าจากการเลือกแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) ซ่ึงเป็ นนักเรียนท่ีผศู้ ึกษาสอนประจาช้นั เป็นกลุ่มทดลอง ( Experimental Group) จานวน 33 คน สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาชุมพร เขต 2

5ขอบเขตด้านเนื้อหา เน้ือหาท่ีใช้สร้างแบบฝึ กเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาได้แม่น ใช้เน้ือหากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 จานวน 5 เรื่อง 1.คาควบกล้าแทท้ ่ีมี ร เป็นอกั ษรควบ 2.คาควบกล้าแทท้ ี่มี ล เป็นอกั ษรควบ 3.คาควบกล้าแทท้ ีม่ ี ว เป็นอกั ษรควบ 4.คาควบกล้าไม่แทท้ ่ีออกเสียงพยญั ชนะตน้ ตวั แรก 5.คาควบกล้าไม่แทท้ ่อี อกเสียงเป็ น ซด้านตัวแปรทใ่ี ช้ในการศึกษา 1. ตวั แปรอิสระไดแ้ ก่ แบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น 2. ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนดว้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น และนกั เรียนมีความพงึ พอใจที่ไดเ้ รียนดว้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น ในระดบัมาก ระยะเวลาทใี่ ช้ในการทดลอง เวลาที่ใชใ้ นการทดลอง ไดแ้ ก่ การดาเนินการทดลองใช้แบบฝึ กเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาได้แม่น ในภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2558 จานวน 17 ชว่ั โมงนยิ ามศัพท์เฉพาะ แบบฝึกเสริมทกั ษะ หมายถึง สื่อการเรียนที่ผศู้ ึกษา สร้างข้ึนเพอื่ ใชแ้ บบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้าจาไดแ้ ม่น สาหรบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้เน้ือหากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในระดับช้ันประถมศกึ ษาปี ท่ี 2 การอ่าน หมายถึง การอ่านออกเสียงคาทมี่ ีคาควบกล้าแทแ้ ละคาทมี่ ีอกั ษรควบกล้าไม่แท้ การเขียน หมายถึง การเขียนคาท่ีมีคาควบกล้าแทแ้ ละคาทมี่ ีอกั ษรควบกล้าไม่แท้ คาควบกล้า หมายถึง คาทีมีพยญั ชนะตน้ สองตวั พยญั ชนะตวั ท่สี องเป็น ร ล หรือ ว เมื่อออกเสียงตอ้ งออกเสียงพยญั ชนะตน้ ท้งั สองตวั น้นั พร้อมกนั หรือกล้ากนั ซ่ึงคาควบกล้ามีท้งั คาควบกล้าแท้และคาควบกล้าไม่แท้

6 แผนการจดั การเรียนรู้ หมายถึง การวางแผนการสอนสาหรับครู ขอ้ แนะนาวธิ ีการสอน การจดั การเรียนการสอนใหต้ รงตามเน้ือหา การเขียนสะกดคา เพอ่ื ฝึกให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ โดยใชแ้ บบฝึ กการเขียนสะกดคาที่ผูว้ ิจยั สร้างข้ึนซ่ึงประกอบดว้ ย หน่วยการเรียนรู้ สาระสาคญั จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหา กระบวนการจดั การเรียนรู้ สื่อและแหล่งเรียนรู้ และการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 5. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คะแนนท่ีนกั เรียนแสดงออกดว้ ยการอ่านและการเขียนสะกดคาที่ประสมสระเปลี่ยนรูปและลดรูปไดถ้ ูกตอ้ งตามพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ซ่ึงวดั ไดจ้ ากคะแนนทไี่ ดจ้ ากการทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทผี่ ศู้ กึ ษาสรา้ งข้ึน 6. ประสิทธิภาพของแบบฝึก หมายถึง ผลสมั ฤทธ์ิการอ่านและการเขียนสะกดคาควบกล้าของนกั เรียนและวดั ไดจ้ ากแบบฝึกและผลสมั ฤทธ์ิการเขยี นสะกดคา ท่ีผศู้ กึ ษา สร้างข้ึนโดยใช้เกณฑ์80/80 โดย 80 ตวั แรก ประเมินจากการทาแบบฝึกหัดระหวา่ งเรียนในแต่ละเรื่อง โดยนาคะแนนของนกั เรียนมารวมกนั ท้งั หมด คิดเป็ นร้อยละ 80 ของคะแนนท้งั หมด 80 ตวั หลงั ประเมินจากการทน่ี กั เรียนเสร็จสิ้นจากทาแบบฝึกในแต่ละเล่ม โดยพจิ ารณาจากผลการทาแบบทดสอบยอ่ ยหลงั เรียนประจาแบบฝึกแต่ละเล่ม นาคะแนนของนกั เรียนมารวมกนั ท้งั หมดคดิ เป็ นร้อยละ 80 ของคะแนนท้งั หมด 7. นกั เรียน หมายถึง นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนวดั ประสาทนิกร ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2558 จานวน 33 คน ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. ไดแ้ บบฝึกเสริมทกั ษะคาควบกล้า ทสี่ รา้ งข้นึ เหมาะสมสาหรับนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 2. เป็ นแนวทางพฒั นาผลสัมฤทธ์ิการอ่านและการเขียนสะกดคาควบกล้า ของนักเรียนช้นัประถมศึกษาปี ท่ี 2 3. เป็นแนวทางสาหรบั ครู ในการสร้างแบบฝึกทกั ษะดา้ นอ่ืน ๆ ซ่ึงสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ใหเ้ หมาะสม สอดคลอ้ งกบั สภาพและความตอ้ งการของนักเรียนหรือโรงเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชนส์ ูงสุด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook