Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 7086_3_________________________________.3________________________60.pdf; filename= UTF-8''3ใบงานวิทย์ม.3หลักสูตร60(1)

7086_3_________________________________.3________________________60.pdf; filename= UTF-8''3ใบงานวิทย์ม.3หลักสูตร60(1)

Published by 0949674401za, 2021-02-19 01:58:50

Description: 7086_3_________________________________.3________________________60.pdf; filename= UTF-8''3ใบงานวิทย์ม.3หลักสูตร60(1)

Search

Read the Text Version

→' ในแ สอบ ชา ทยาศาสต เ อง แสงและ เการมอง น By ค ฝน าเอง \" . . . 1. ก เ ยนสามารถ ป น ห อเ ยน ลใง นส ด ไ * ปหาก น เ ยนห าปก มา วย พ อม เ บ มใ เ ยบ อย 2. หนด ง น นท น ลาคม 25 6 38 อน 16.00 น ) . หนด น ดไป มบา สmองmรอn นนนนทงนาง า*เลย ! หาก . * ไปค เ คนรร . แรก จะ ค ประ น เอง าใครไ มา าง งใ3. รบกวน . ตรง เวลา นะ คะ งานง4. ตอนมา ง บน น จะ โพส ท องบ ' เลข ตนเอง งใ ตรง อง ตน เอง ดไ เ น ใ ส ด นป น- หาก ทใ วาง ✓ คน )ตนเอง เ ด& × ไ ก ณา หนา ด ายส ดใน- หาก แ วโต าใ ค นเยอะ นะ าน และ ตาม ู๊ณูยูวู้ดำท่อ่บูร้ห่ย้ล้ว้ทุสิปุรุมำท่ือุม้ต้หีช็ป้ีร้ห้ห่ัส้วิต้หิอีม้ต่ัส้ห่ส้ห่ส้บ่ม่ว้ัชำจูรู้ญ็ชูรัวัว่ส๊ีฑำนู้ทัถัวำก้ช่ส่กุต่ีท์รัจัว่สำก้รีร้หุม็ย้ร้ด้นีข้ีร้ด็กุมีขืร้ีรีรัน่วูร้ีนำค็ห่ืร์ริวิว้ก

3หนว่ ยที่ คล่นื และแสง ใบงานเร่ือง กฎการสะท้อนของแสง คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/13-14 ชอื่ -นามสกุล......................................................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ .......... คาชี้แจง ให้นักเรยี นเตมิ คาหรอื ขอ้ ความลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง 1.พจิ ารณาภาพตอ่ ไปน้ี แล้วเตมิ คาหรือขอ้ ความลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง เส้นแนวฉาก มุมสะท้อน มุมสะท้อน รังสตี กกระทบ รงั สสี ะทอ้ น ผิววตั ถุ 2.กฎการสะท้อน มี 2 ขอ้ คอื 1. รังสีตกกระทบ รังสสี ะทอ้ น และเส้นปกตจิ ะอยใู่ นระนาบเดียวกัน 2. มุมตกกระทบเทา่ กับมมุ สะทอ้ น 3.เขียนแผนภาพใหส้ มบูรณแ์ ลว้ ตอบคาถามลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง 3.1 ก A ข 60 1.ขนาดของมุมตกกระทบ 60 องศา 2.ขนาดของมุมสะทอ้ น 60 องศา 3.รังสสี ะทอ้ นทามุมกับแนวกระจก กข มีค่า 30 องศา 3.2 A 1.รังสตี กกระทบบนกระจกเงาราบ กข คอื รังสีAB ก 2.มุมตกกระทบบนกระจกเงาราบ กข มีค่า 45 องศา 3.รังสสี ะทอ้ นบนกระจกเงาราบ กข คือ รังสBี C 45 4.รังสีตกกระทบบนกระจกเงาราบ ขค คือ รงั BC 5.มุมตกกระทบบนกระจกเงาราบ ขค มีค่า 45 องศา B D 6.รงั สีสะทอ้ นบนกระจกเงาราบ ขค คือ รังสCี D 7.มุมสะท้อนบนกระจกเงาราบ ขค มีคา่ 45 องศา ขค C

3หน่วยที่ คลื่นและแสง ใบงานเรื่อง ภาพทเี่ กดิ จากการวางวตั ถุไว้หน้ากระจกเวา้ คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/14 ชื่อ-นามสกลุ ......................................................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ .......... คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนวาดภาพที่เกดิ จากการวางวตั ถไุ ว้หนา้ กระจกเวา้ ณ ตาแหน่งตา่ ง ๆ พร้อมท้งั อธิบายลักษณะของภาพ วางวตั ถสุ ูง 1 cmไว้หน้าจดุ C P CF ลักษณะภาพ ภาพจรงิ หวั กลบั ตาแหน่ง หน้ากระจกระหวา่ งจุด C กับ จดุ F ขนาดภาพ เลก็ กว่าวัตถุ _ วางวตั ถุสงู 1 cmไว้ท่จี ดุ C P CF ลักษณะภาพ ภาพจรงิ หวั กลับ ตาแหนง่ หนา้ กระจกทจ่ี ุด C ขนาดภาพ เทา่ กนั กบั วัตถุ วางวตั ถุสูง 1 cmไวร้ ะหว่างจุด C และจุด F P CF ลกั ษณะภาพ ภาพจรงิ หัวกลับ ตาแหนง่ หนา้ จุด C ขนาดภาพ ใหญ่กว่าวัตถุ

3หนว่ ยที่ คล่ืนและแสง ใบงานเรอื่ ง ภาพที่เกิดจากการวางวัตถไุ วห้ น้ากระจกเว้า คะแนน สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/14 ชือ่ -นามสกุล......................................................................ชน้ั ...............เลขท.่ี .......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพท่ีเกดิ จากการวางวัตถไุ ว้หน้ากระจกเว้า ณ ตาแหน่งตา่ ง ๆ พร้อมทัง้ อธบิ ายลกั ษณะของภาพ วางวตั ถุสงู 1 cmไว้ที่จดุ F P CF ลักษณะภาพ ไม่เกดิ ภาพ ตาแหนง่ ทร่ี ะยะอนนั ต์ ขนาดภาพ โตกว่าวตั ถุ วางวัตถุสงู 1 cmไวร้ ะหว่างจุด F กับขัว้ กระจก P CF ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื นหวั ตง้ั ตาแหน่ง หลังกระจก ขนาดภาพ โตกว่าวัตถุ วางไวห้ น้ากระจกท่รี ะยะอนันต์ P CF ลักษณะภาพ ภาพจริง ตาแหนง่ หนา้ กระจก ขนาดภาพ เลก็ เปน็ จดุ

3หน่วยท่ี คล่นื และแสง ใบงานเรอื่ ง ภาพท่ีเกดิ จากการวางวตั ถุไว้หน้ากระจกนูน คะแนน สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/14 ชอื่ -นามสกลุ ......................................................................ชนั้ ...............เลขท.่ี .......... คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพทเี่ กดิ จากการวางวตั ถุไวห้ นา้ กระจกเวา้ ณ ตาแหนง่ ตา่ ง ๆ พรอ้ มท้ังอธิบายลกั ษณะของภาพ วางวัตถุสูง 1 cmไว้หนา้ จุด C CF P C F ลักษณะภาพ ภาพเสมือนหวั ตัง้ ตาแหน่ง หลงั กระจก ขนาดภาพ เล็กกวา่ วัตถุ วางวตั ถสุ งู 1 cmไว้ที่จุด C CF P FC ลักษณะภาพ ภาพเสมอื นหัวตั้ง ตาแหนง่ หลงั กระจก ขนาดภาพ เล็กกว่าวตั ถุ วางวัตถุสงู 1 cmไว้ระหว่างจดุ C และจุด F CF P C F ขนาดภาพ เล็กกว่าวตั ถุ ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื นหวั ต้งั ตาแหนง่ หลงั กระจก

3หนว่ ยท่ี คลนื่ และแสง ใบงานเรอื่ ง การหักเหของแสง(1) คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/15 ชอื่ -นามสกุล......................................................................ชน้ั ...............เลขท.่ี .......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาหรือขอ้ ความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง จากภาพการ เราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า การหกั เหแสง ซง่ึ จะเกดิ บรเิ วณ ผวิ รอยต่อของตวั กลาง รังสตี กกระทบ เส้นปกติ มุมตกกระทบ ตวั กลางทมี่ คี วามหนาแน่น นอ้ ย มุมหักเห ตวั กลางทีม่ ีความหนาแน่น มาก รังสีหกั เห เมอื่ แสงเคลื่อนที่จากตวั กลางทีม่ ีความหนาแนน่ น้อย ไปสู่ตัวกลางทม่ี ีความหนาแนน่ มาก ลาแสงหกั เห เบนเขา้ หา เส้นปกติ ทาให้มุมตกกระทบ โตกว่า มมุ หักเห รังสตี กกระทบ เสน้ ปกติ มุมตกกระทบ ตวั กลางที่มคี วามหนาแน่น มาก มมุ หักเห ตัวกลางทม่ี ีความหนาแนน่ น้อย รงั สีหักเห เมอ่ื แสงเคล่อื นทีจ่ ากตัวกลางทมี่ คี วามหนาแน่น มาก ไปสู่ตัวกลางทมี่ คี วามหนาแนน่ น้อย ลาแสงหกั เห เบนออกจาก เส้นปกติ ทาให้มมุ ตกกระทบ เล็กกว่า มมุ หกั เห

3หน่วยท่ี คล่นื และแสง ใบงานเรอ่ื ง การหกั เหของแสง(2) คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/15,17 ชอื่ -นามสกลุ ......................................................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ .......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาหรือข้อความลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง มมุ เบ่ยี งเบนของแสง สี เหลือง แดง แสงขาว คราม, น้าเงิน 1. วัตถใุ นภาพทท่ี าใหแ้ สงขาวกระจายออกเป็นสีต่างๆ คอื ปรซิ ึม 2. แถบสตี า่ งๆทเี่ กดิ จากการกระจายของแสงขาว เรียกว่า แถบสเปกตรัม 3. วัตถใุ ดในธรรมชาตทิ ีท่ าให้เกิดการหกั เหของแสง หยดนา้ 4. ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายการเกิดปรากฎการณ์รงุ้ กนิ น้า หลงั ฝนตกมกั จะมีละอองน้าหรือหยดน้าเลก็ ๆ ลอยอยูใ่ น อากาศ จะทาหนา้ ท่ีเสมือนปรซิ มึ หกั เหแสงอาทติ ย์ (White light) ใหแ้ ยกออกเป็นสเปกตรัม 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม น้าเงิน เขยี ว เหลือง แสด แดง 5. ปรากฏการมิราจ (Mirage) คอื ปรากฏการณซ์ ึง่ เกิดจากการหกั เหของแสงเนอื่ งจากชั้นของอากาศท่แี สงเดิม ทางผ่านมีอณุ หภมู ิต่างกัน แลว้ เกิดการสะท้อนกลับหมด เชน่ การมองเหน็ ตน้ ไม้กลบั หัว การมองเห็นเหมอื นมนี า้ หรอื น้ามันนองพืน้ ถนน ในวนั ทีม่ ีอากาศรอ้ นจดั

3หนว่ ยที่ คลืน่ และแสง ใบงานเรอื่ ง ภาพท่ีเกิดจากการวางวัตถไุ วห้ นา้ เลนส์นูน(1) คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/16 ชื่อ-นามสกลุ ......................................................................ชน้ั ...............เลขท.่ี .......... คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนวาดภาพที่เกดิ จากการวางวัตถุไวห้ น้าเลนส์นนู ณ ตาแหนง่ ต่าง ๆ พรอ้ มทัง้ อธบิ ายลักษณะของภาพ วางวัตถสุ ูง 1 cmไวห้ น้าจุด C CF FC ลกั ษณะภาพ ภาพจรงิ หวั กลับ ตาแหนง่ ระหว่างจุด C กับจุด F ขนาดภาพ เล็กกวา่ วัตถุ วางวัตถุสงู 1 cmไวท้ ีจ่ ดุ C CF F C ขนาดภาพ เท่ากับวัตถุ ลกั ษณะภาพ ภาพจริงหวั กลบั ตาแหน่ง จดุ C วางวัตถสุ งู 1 cmไว้ระหว่างจุด C กบั จดุ F CF FC ลักษณะภาพ ภาพจริงหวั กลบั ตาแหน่ง หลงั จุด C ขนาดภาพ ใหญก่ ว่าวัตถุ

3หน่วยท่ี คล่นื และแสง ใบงานเร่ือง ภาพทเี่ กดิ จากการวางวัตถไุ ว้หน้าเลนสน์ ูน(2) คะแนน สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/16 ช่อื -นามสกลุ ......................................................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ .......... คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นวาดภาพทเ่ี กิดจากการวางวัตถไุ วห้ นา้ เลนส์นูน ณ ตาแหนง่ ตา่ ง ๆ พร้อมทัง้ อธิบายลกั ษณะของภาพ วางวตั ถสุ งู 1 cmไวท้ ่ีจุด F CF FC ลักษณะภาพ ภาพจริงหรอื ภาพเสมือน ตาแหน่ง ระยะอนนั ต์ ขนาดภาพ โตกวา่ วัตถุ วางวัตถสุ ูง 1 cmไว้หลังจุด F CF F C ขนาดภาพ ใหญก่ วา่ วัตถุ ลักษณะภาพ ภาพเสมือนหัวตัง้ ตาแหนง่ หน้าเลนส์ วางวตั ถสุ ูง 1 cmไวท้ ่รี ะยะอนนั ต์ CF F C ขนาดภาพ เป็นจุด ลักษณะภาพ ภาพจรงิ ตาแหนง่ ท่ีจุด F

3หน่วยที่ คลืน่ และแสง ใบงานเรือ่ ง ภาพท่เี กิดจากการวางวตั ถุไว้หนา้ เลนส์เวา้ (1) คะแนน สาระ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/16 ช่อื -นามสกุล......................................................................ชน้ั ...............เลขท.ี่ .......... คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพทเี่ กิดจากการวางวตั ถไุ วห้ น้าเลนส์เวา้ ณ ตาแหน่งต่าง ๆ พร้อมทัง้ อธบิ ายลักษณะของภาพ วางวตั ถุสูง 1 cm ไวห้ น้าจุด C CF FC ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื นหวั ต้งั ตาแหนง่ หน้าเลนส์ ขนาดภาพ เล็กกว่าวตั ถุ วางวตั ถสุ ูง 1 cm ไวท้ ่ีจุด C CF FC ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื นหัวตั้ง ตาแหนง่ หน้าเลนส์ ขนาดภาพ เล็กกว่าวัตถุ วางวัตถสุ ูง 1 cm ไว้ระหว่าจุด C กบั จุด F CF FC ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื นหัวต้งั ตาแหนง่ หนา้ เลนส์ ขนาดภาพ เลก็ กวา่ วัตถุ

3หน่วยที่ คลืน่ และแสง ใบงานเรอ่ื ง ภาพท่ีเกิดจากการวางวตั ถุไวห้ น้าเลนส์เวา้ (2) คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/16 ชื่อ-นามสกลุ ......................................................................ชนั้ ...............เลขท.่ี .......... คาชี้แจง ให้นกั เรยี นวาดภาพที่เกดิ จากการวางวัตถไุ ว้หน้าเลนส์เว้า ณ ตาแหน่งต่าง ๆ พร้อมทงั้ อธบิ ายลักษณะของภาพ วางวตั ถุสงู 1 cm ไว้ทีจ่ ดุ F CF FC ลักษณะภาพ ภาพเสมือนหวั ตงั้ ตาแหนง่ หนา้ เลนส์ ขนาดภาพ เล็กกวา่ วตั ถุ วางวตั ถสุ ูง 1 cm ไว้หลังจุด F CF FC ลักษณะภาพ ภาพเสมอื นหัวตัง้ ตาแหน่ง หนา้ เลนส์ ขนาดภาพ เลก็ กว่าวัตถุ วางวัตถุไว้ท่รี ะยะอนันต์ CF FC ลกั ษณะภาพ ภาพเสมอื น ตาแหน่ง หนา้ เลนส์ ขนาดภาพ เป็นจุด

3หนว่ ยที่ คล่ืนและแสง ใบงานเรื่อง นัยนต์ าและการมองเหน็ คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/18 ชือ่ -นามสกลุ ......................................................................ชนั้ ...............เลขท.่ี .......... คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นพิจารณาภาพต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาถามให้ถูกต้อง 16 25 3 4 7 1.จากภาพจงบอกสว่ นประกอบและหนา้ ท่ีของนยั นต์ า หมายเลข 1 คอื กระจกตา ทาหนา้ ท่ี เปน็ ส่วนของตาดาอยู่ภายนอกเลนสต์ า มีลักษณะเปน็ เยื่อเหนียวใสและ บาง หมายเลข 2 คอื รูม่านตา ทาหนา้ ที่ เป็นชอ่ งใหแ้ สงผ่านไปส่เู ลนสต์ า ขนาดของรูม่านตาจะเปล่ียนแปลงไปตาม การเปิดปดิ ของม่านตา หมายเลข 3 คือ มา่ นตา ทาหนา้ ท่ี เป็นม่านเปดิ รูรับแสงให้ใหญ่หรอื เลก็ เพอื่ ช่วยให้แสงผา่ นไปยังเลนส์ได้ พอเหมาะ ถา้ แสงสวา่ งมากม่านตาจะเปดิ ช่องเปน็ รเู ลก็ และถา้ แสงสว่างน้อย ม่านตาจะเปดิ ช่องเป็นรูกวา้ ง เพื่อไม่ให้ เป็นอนั ตรายต่อเรตินา และเปน็ เนื้อเยือ่ ส่วนทีม่ ีสขี องนัยน์ตา ซงึ่ อาจมสี ดี า สีน้าตาล หรอื สีฟ้าแลว้ แต่เชื้อชาติ หมายเลข 4 คอื กล้ามเน้ือยดึ เลนส์ตา ทาหน้าที่ ปรบั ความยาวโพกสั ของเลนส์ตาใหส้ ามารถมองเห็นวตั ถุได้ชดั เจน ท่ีระยะต่าง ๆ หมายเลข 5 คือ เลนส์ตา ทาหน้าที่ รับแสงและหักเหแสง มีลักษณะเป็นเลนส์นนู เลนส์ตาสามารถปรับความยาว โพกสั ได้ หมายเลข 6 คอื เรตนิ า่ (ฉากรบั ภาพ) ทาหนา้ ท่ี เปน็ ฉากรบั ภาพท่เี กิดจากการหักเหแสงผ่านเลนส์ตา ซึ่ง ประกอบด้วยเซลล์ประสาท 2 ชนิด คอื เซลลป์ ะสารทรปู แท่ง และเซลลป์ ระสาทรปู กรวย 2.เซลลป์ ระสาทรปู แทง่ และเซลล์ประสาทรูปกรวยมหี น้าทอ่ี ย่างไร 1.เซลล์ประสาทรูปแทง่ (Rod Cell) ทาใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เก่ยี วกบั ความมดื และความสว่าง ทางานไดด้ ใี นทีม่ ีแสงสวา่ ง นอ้ ย 2.เซลลป์ ระสาทรปู กรวย (Cone Cell ) ทาให้เกดิ ความรู้สกึ เกี่ยวกบั สี ทางานได้ดีในที่มีแสงสวา่ งมาก เซลล์ ประสาทเหลา่ นี้จะรวมกันเปน็ ประสาทตา (Optic Nerve ) ทาหน้าท่เี ปล่ยี นสญั ญาณแสงเปน็ สัญญาณไฟฟ้าไปสู่ สมองเพือ่ แปลความหมายออกมาเป็นภาพท่ีมองเหน็ 3.คนท่มี ปี ญั หาด้านสายตา จกั ษแุ พทย์จะทาเลสกิ ทีส่ ว่ นประกอบใดของนัยนต์ า กระจกตา

3หนว่ ยที่ คล่ืนและแสง ใบงานเรื่อง ความสวา่ งของแสง คะแนน สาระ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว.2.3 ม.3/19-21 ชอื่ -นามสกุล......................................................................ชน้ั ...............เลขท.่ี .......... คาช้ีแจง ใชข้ อ้ มูลจากตารางประกอบการตอบคาถาม และเตมิ คาหรือข้อความลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง สถานท่ี ความสว่างโดยประมาณ(ลกั ซ์) บ้าน หอ้ งนง่ั เลน่ ห้องครวั ห้องอาหาร 150-300 หอ้ งอ่านหนังสอื ห้องทางาน 500-1,000 โรงเรียน โรงพละศกึ ษา หอประชมุ 75-300 หอ้ งเรยี น 300-750 ห้องสมุด ห้องปฏบิ ตั กิ าร หอ้ งเขียนแบบ 750-1,500 โรงพยาบาล ห้องตรวจโรค 200-750 ห้องผา่ ตดั 5,000-10,000 สานกั งาน บนั ไดฉกุ เฉนิ 30-75 ทางเดินในอาคาร 75-200 ห้องประชุม ห้องรับรอง 200-750 1.อปุ กรณ์ทีใ่ ช้วดั ปริมาณความสวา่ งของแสง คือ ลักซ์มิเตอร์(Lux Meter) โดยมีหนว่ ยวดั คอื ลกั ซ์ 2.สถานที่ท่ตี ้องการความสว่างเพียง 50 ลกั ซ์ คอื บนั ไดฉุกเฉิน 3.บริเวณห้องครัวควรมีความสว่าง 150-300 ลกั ซ์ 4.การทากิจกรรมใดควรใช้ความสวา่ งมากท่สี ุด การผ่าตดั โดยใช้ความสวา่ ง 5,000-10,000 ลกั ซ์ 5.การทากจิ กรรมใดท่มี ีการใชค้ วามสว่างน้อยท่ีสดุ บริเวณบนั ไดฉกุ เฉนิ โดยใชค้ วามสวา่ ง 30-75 ลักซ์ 6.ความสว่างประมาณ 900 ลักซ์ มคี วามพอเหมาะกับการใชง้ านในกจิ กรรมใดบา้ ง หอ้ งอา่ นหนงั สือ ห้องทางาน ห้องสมุด หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ห้องเขยี นแบบ 7.พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้แี ลว้ เตมิ เครอื่ งหมาย หน้าข้อที่เหน็ ด้วย และเติมเครอ่ื งหมาย หน้าขอ้ ท่ีไม่เห็นด้วย 7.1เม่ือแสงสว่างมีปรมิ าณมากเกนิ ไปจะสง่ ผลใหเ้ รตนิ าเกดิ ความเสียหายได้ 7.2หากอ่านหนังสือในทท่ี มี่ ีความสวา่ งน้อยเกนิ ไปจะส่งผลใหก้ ล้ามเน้อื ตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ 7.3ช่างเชือ่ มโลหะใช้หนา้ กากปอ้ งกันความรอ้ นจากแสงทเ่ี กดิ ขนึ้ 7.4ดวงตาของสัตวห์ ากินในตอนกลางคนื จะมขี นาดใหญ่เพ่อื รับแสงในสภาวะมืดสลวั ตอนกลางคนื ไดม้ าก 7.5ดวงตาของสตั ว์บก จะมีกระจกตาที่ช่วยหกั เหแสงให้กระทบเข้าสูเ่ ลนสต์ า ถ้ากระจกตามีความโค้งมาก แสงกจ็ ะถกู หกั เหมาก 7.6เมอ่ื แสงไปกระทบสิง่ ต่าง ๆ จะสะท้อนวตั ถหุ รอื ส่ิงของนนั้ มาเข้าตาเราและผา่ นเขา้ ในลูกตาไปทาให้เกดิ ภาพท่ี กระจกตา 7.7เรตินาจะมเี ซลล์รับแสง 2 ชนิด คอื เซลล์รปู แท่ง (Rod Cell) และเซลลร์ ปู กรวย (Cone Cell) 7.8อตั ราการใหพ้ ลงั งานแสงของแหล่งกาเนดิ แสง มีหน่วยเป็น ลักซ์ 7.9วัตถทุ ผ่ี ลิตแสงไดด้ ้วยตวั เองเรียกวา่ แหลง่ กาเนิดแสง เชน่ ดวงอาทติ ย์ ห่งิ หอ้ ย เทยี นไข หลอดไฟฟา้ 7.10ความสว่างขนาด 810 ลกั ซ์ เป็นความสวา่ งท่ีเหมาะสาหรับการเขียนหนงั สอื และการทดลองวทิ ยาศาสตร์

แบบฝึกหัดท้ายหนว่ ย เร่ือง คล่นื และแสง คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเลอื กข้อท่ีถกู ตอ้ งท่ีสดุ 6.เลนสต์ าของคนเปน็ เลนส์ชนิดใด ก.เลนสเ์ ว้า 1.คลื่นนาท่ีเกิดจากแหลง่ กาเนดิ ที่ส่ันเร็วขึ้นจะมอี ะไร ข.เลนส์เวา้ แกมนูน เปลีย่ นแปลงนอกจาความถี่ ค.เลนสน์ นู ก.คาบเพ่ิมขึน้ ง.เลนส์นูนแกมเว้า ข.ความยาวคลน่ื ลดลง 7.เรตินามหี น้าที่คลา้ ยสว่ นประกอบใดของกลอ้ งถา่ ยรปู ค.พลงั งานมากขน้ึ ก.ไดอะแฟรม ง.อตั ราเรว็ เพมิ่ ขน้ึ ข.ชตั เตอร์ 2.ปริมาณใดของคลื่นท่ใี ช้บอกคา่ พลงั งานบนคล่ืน ค.เลนส์นูนหลายอันประกบกัน ก.ความถ่ี ง.ฟลิ ม์ ข.ความยาวคลนื่ 8.คนสายตาส้นั ต้องใช้แว่นท่ีทาด้วยเลนส์เวา้ เพราะเหตุใด ค.แอมพลจิ ูด ก.เลนสเ์ ว้าทาใหเ้ ห็นวตั ถใุ กล้เข้ามา ง.อัตราเรว็ ข.เลนส์เวา้ ทาให้เห็นวตั ถุโตขึน้ และไปอยู่ท่ีเรตนิ า 3.คลืน่ ในข้อตอ่ ไปนี้ขอ้ ใดเปน็ คลื่นประเภทเดียวกนั ค.เลนส์เว้าทาให้ภาพของวตั ถุเลอื่ นออกไปอย่ทู ี่เรตนิ า ก.คล่นื เสียง คล่ืนวิทยุ คลนื่ ไมโครเวฟ ง.เลนสเ์ ว้าทาใหภ้ าพของวัตถเุ ล่อื นเข้ามาอยู่ท่ีเรตนิ า ข.คลื่นนา คล่ืนในเสน้ เชอื ก 9.เมอ่ื สอ่ งกระจกนูนจะเหน็ ภาพท่มี ีลักษณะอย่างไร ค.คล่ืนดล คลนื่ ในสปริง ก.หนา้ ใหญ่หวั ต้งั พอเข้าใกล้หนา้ เลก็ ลงหัวตั้ง ง.แสง คลื่นไฟฟา้ กระแสสลับ รังสีแกมมา ข.หน้าเลก็ หัวตงั้ พอเขา้ ใกลห้ น้าใหญห่ ัวตง้ั 4.พิจารณาคล่นื ทั้ง 3 ชนิด ไดแ้ ก่ คลื่นในเสน้ เชือกท่ี ค.หน้าใหญห่ ัวต้งั พอเข้าใกลห้ นา้ ใหญข่ ้ึนหัวตง้ั เกิดจากการสะบดั ปลายเชือกข้นึ ลง คล่ืนผิวน้าท่ีเกิดจาก ง.หน้าเลก็ หัวกลบั พอเขา้ ใกล้หน้าใหญ่ขึ้นหัวตง้ั วัตถุกระทบผวิ น้าและคลืน่ เสียงในน้า ข้อใดผิด 10.เลนสน์ นู อนั หน่งึ มีความยาวโฟกสั 10 เซนติเมตร วาง ก.คล่นื ท้ัง 3 ชนิดเป็นคลนื่ กล วัตถหุ า่ งจากเลนส์ 20 เซนตเิ มตรข้อใดกล่าวถกู ข.คลืน่ ท้งั 3 ชนิดเป็นคลน่ื ตามยาว ก.เกดิ ภาพจรงิ หา่ งจากเลนส์ 20 เซนติเมตรมขี นาดโต ค.คลน่ื ท้ัง 3 ชนดิ เปน็ การถ่ายโอนตามยาว เปน็ 2 เทา่ ของวัตถุ ง.คลน่ื ทง้ั 3 ชนดิ จะสะท้อนเม่ือผ่านตวั กลางตา่ งชนิดกัน ข.เกิดภาพจริงห่างจากเลนส์ 20 เซนติเมตรมีขนาดเทา่ 5.คลน่ื ใดตอ่ ไปนเี้ ปน็ คลน่ื ทีต่ อ้ งอาศยั ตัวกลางในการ วัตถุ เคลือ่ นท่ี ค.เกดิ ภาพจริงห่างจากเลนส์ 40 เซนติเมตร มีขนาดโต 1.คลน่ื แสง เปน็ 2 เทา่ ของวตั ถุ 2.คลนื่ เสียง ง.เกิดภาพเสมอื นห่างจากเลนส์ 20 เซนตเิ มตรมขี นาดเท่า 3.คลืน่ ผิวนา้ วัตถุ ก.ข้อ 1 เทา่ นั้น ข.ขอ้ 2 และข้อ 3 ค.ขอ้ 1 และข้อ 3 ง.ทั้งขอ้ 1 ขอ้ 2 และขอ้ 3