Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยาและการใช้ประโยชน์

ข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยาและการใช้ประโยชน์

Published by rezzy3223, 2023-03-01 06:31:49

Description: ข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยาและการใช้ประโยชน์

Search

Read the Text Version

1 ข้อมูลและสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยาจะบอกถึง ความกดอากาศ ลม อุณหภูมิ เมฆ ความชื้นสัมพัทธ์ หยาดน้ำฟ้า ทัศนวิสัย เเละอื่นๆจากเครื่อง มือต่างๆที่ใช้ในการพยากรณ์อากาศ ดังนั้นเราจึงต้องมีการติดตามความ เปลี่ยนแปลงและเคลื่อน ไหวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อพยากรณ์อากาศที่ ถูกต้องและเเม่นยำ โดยมีเครื่องมือวัดดังนี้ บารอมิเตอร์ เป็นเครื่องมือตรวจวัด ความกดอากาศ Anemometer คือ อุปกรณ์สำหรับ ใช้วัดความเร็วลม Thermometer เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจ วัดอุณหภูมิ

2 ไฮโกรมิเตอร์ เป็นเครื่องมือวัดความ ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ ดาวเทียม,เรดาร์ ตรวจวัดตำแ หน่งเมฆ ชนิด และอุณหภูมิเมฆ เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน คือเครื่อง มือวัดวัด ปริมาณน้ำฝน Pyrheliometer เป็นอุปกรณ ์ที่ใช้วัด ความเข้มแสงอาทิตย์

3 เครื่องวัดการระเหยของน้ำ เป็นเครื่องที่ใช้วัดการ ระเหยของน้ำ สายตา ใช้ดูทัศนวิสัย 1.แผนที่อากาศผิวพื้น (Top Chart /Synoptic weather chart) เป็นแผนที่อากาศชนิดหนึ่งซึ่งเเสดงข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้า อากาศที่ได้จากการตรวจวัดสถานีอากาศพื้นผิว หรือจากแบบจำ ลองพยากรณ์อากาศเชิงตัวเลข ข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้าอากาศ ณ ตำแหน่งต่างๆบนพื้นผิวโลกจะแสดงด้วยสัญลักษณ์ ดังรูป

-ความเร็วลม (Knot) 4 -ปริมาณเมฆ

5 -สภาพลมฟ้าอากาศ -ความดันอากาศ

6 -เมฆ -ความสูงฐานเมฆ

7 -จะบอกถึงเวลาของแผนที่เป็น utc โดย UTC คืิิอ เวลามาตรฐาน โลก ที่ยังคงใช้ในบางประเทศสามารถแปลงเป็นเวลาในไทยได้โดย การบวกเพิ่มอีก 7 ชั่วโมง -บอกถึงสัญลักษณ์ที่มีในแผนที่สำหรับการอ่านแผนที่ แผนที่อากาศผิวพื้นเป็นแผนที่ที่แสดงข้อมูลองค์ประกอบลมฟ้า อากาศจากการตรวจวัดหรือจากแบบจำลองพยากรณ์อากาศเชิง ตัวเลข ข้อมูลที่ตรวจวัดจากสถานีตรวจอากาศผิวพื้นแต่ละแห่งจะ นำมาแสดงในรูปของสัญลักษณ์บนแผนที่อากาศผิวพื้นซึ่งบ่งบอก ลมฟ้าอากาศ เช่น อุณหภูมิอากาศ ปริมาณเมฆปกคลุม อัตราเร็ว และทิศทางลม นอกจากนี้บนแผนที่อากาศผิวพื้นยังมีสัญลักษณ์ แสดงสภาพลมฟ้าอากาศเป็นบริเวณกว้าง เช่น พายุหมุนเขตร้อน แนวปะทะอากาศ ร่องความกดอากาศต่ำ หย่อมความกดอากาศ ต่ำ บริเวณความกดอากาศสูง สัญลักษณ์บนแผนที่อากาศผิวพื้น

ความหมายของสัญลักษณ์ 8 สัญลักษณ์ ความหมาย 1.เส้นความกดอากาศเท่า แสดงความกดอากาศที่เท่ากันมีตัวเลขเเทน (isobar) ค่าความกดอากาศในหน่วย เฮกโตปาสคาล หากเส้นความกดอากาศเท่าอยู่ห่างมากลม จะมีกำลังอ่อนเเต่ถ้าเส้นความกดอากาศ เท่าชิดกันลมจะมีกำลังแรง 2.หย่อมความกดอากาศต่ำ -ปรากฏเหนือแผ่นดินจะหมายความว่า (Low pressure cell) บริเวณนั้นร้อนและชื้นจัด -ปรากฏเหนือพื้นทะเลจะหมายความว่า 3.ความกดอากาศสูง บริเวณนั้นจะมีอากาศชื้นและมีโอกาสเกิด (high pressure area) เมฆมาก บริเวณนั้นจะมีอากาศเย็น ความชื้นต่ำและ มักพบท้องฟ้าโปร่ง 4.ร่องความกดอากาศต่ำ เป็นบริเวณที่ลมค้าจากทั้งสองซีกโลกพัด (long pressure trough line) เข้าหากันหากปรากฏบริเวณใดจะทำให้มี ฝนตกชุก พายุฝนฟ้าคะนอง และลม กระโชกแรง

เพิ่มเติม 9 มวลอากาศ หมายถึง กลุ่มอากาศขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิและความชื้น ใกล้เคียงกันโดยมวลอากาศในแต่ละที่จะมีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันทำให้เมื่อ มีการถ่ายเทพลังงานจะส่งผลต่อลักษณะของมวลอากาศเหล่านั้น แนวปะทะอากาศ คือ เมื่อมวลอากาศ 2 มวลเคลื่อนตัวมาพบกันก่อให้ เกิดขอบเขตระหว่างมวลอากาศทั้งสอง มวลอากาศเย็นซึ่งมีความแน่นมาก กว่าและหนักมากกว่ามวลอากาศร้อนจะผลักดันอากาศร้อนให้ลอยขึ้นทำให้ เกิดเป็นเมฆ ต่าง ๆ สัญลักษณ์ ความหมาย 5.แนวปะทะของมวลอากาศอุ่น จะก่อให้เกิดฝนตกหนักและพายุฝนฟ้า (Warm Front) คะนอง สังเกตได้จากการเกิดเมฆฝน เมฆนิมโบสเตรตัส หรือการเกิดฝนซู่ 6.แนวปะทะของมวลอากาศเย็น มีสภาพอากาศแปรปรวนมาก มวลอากาศ (Cold Front) ร้อนถูกดันให้ยกตัวและลอยตัวสูงขึ้นเกิด เป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม และเกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรง 7.แนวปะทะมวลอากาศคงที่ มักจะเกิดฝนเบาๆ ซึ่งเมื่อมวลอากาศใดมี (Stationary Front) แรงผลักมากขึ้นจะเปลี่ยนไปเป็นแนวปะทะ อากาศแบบอื่นๆ ทันที 8.แนวปะทะของมวลอากาศซ้อน ลักษณะของปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้ (Occluded Front) เกิดเมฆคิวมูโลนิมบัสและทำให้เกิดฝนตก หรือพายุฝนได้

เพิ่มเติม 10 1.พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) มักเกิดในพื้นที่เขตร้อนชื้น โดย เฉพาะบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก เกิดจากมวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นสูง ก่อนเย็นตัวลงจนทำให้เกิดการควบแน่นและกลั่นตัวเป็นไอน้ำในขณะเดียวกัน ความร้อนแฝงจากการกลั่นตัวก็ช่วยเร่งอัตราการลอยตัวของกระแสอากาศ ภายในก้อนเมฆ ทำให้เมฆมีขนาดใหญ่ขึ้นและสูงขึ้น จนเคลื่อนที่ขึ้นถึงจุดอิ่มตัว กลายเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส เกิดลมแรงและฝนตกหนัก 2.พายุทอร์นาโด (Tornado) เกิดจากการปะทะกันของมวลอากาศร้อนและ มวลอากาศเย็น มักพบในทวีปอเมริกาเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติกเนื่องจาก มีความแตกต่างของมวลอากาศร้อนกับมวลอากาศเย็นสูง โดยร้อยละ 90 เกิด ขึ้นบนบก มีความเร็วลมสูงจนเกิดลมหมุนบิดเป็นเกลียวจากฐานเมฆลงสู่พื้นดิน สามารถพัดพาเอาสิ่งปลูกสร้างลอยขึ้นไปในอากาศได้

11 3.พายุหมุนเขตร้อน (tropical cyclone) เกิดจากความดันอากาศของ 2 บริเวณต่างกันมาก ทำให้อากาศเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความดันอากาศสูง ไปยังบริเวณที่มีความดันอากาศต่ำ ในลักษณะหมุนเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยเกิด เฉพาะในมหาสมุทรและทะเลในเขตร้อน ในส่วนของซีกโลกเหนือพายุหมุนเขต ร้อนจะพัดเข้าหาศูนย์กลางทวนเข็มนาฬิกา ในซีกโลกใต้พายุหมุนเขตร้อนจะ พัดเข้าหาศูนย์กลางในทิศตามเข็มนาฬิกา พายุหมุนเขตร้อนจะรุนแรงที่สุด บริเวณศูนย์กลางพายุ จะจำแนกตามความเร็วลมรอบศูนย์กลางได้ ดังนี้ สัญลักษณ์ ความเร็วลม 9. พายุดีเปรสชั่น น้อยกว่า 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 10. พายุโซนร้อน 63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 11. พายุไต้ฝุ่น/พายุไซโคลน มากกว่า 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุใต้ฝุ่น = พบที่มหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตก พายุไซโคลน = พบที่มหาสมุทรอินเดีย หมายเหตุ : ใช้บนซีกโลกเหนือ ใช้บนซีกโลกใต้

ตัวอย่างแผนที่อากาศอื่นๆ 12 (แผนที่แสดงปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย)

13 (แผนที่แสดงอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย)

14 (แผนที่แสดงอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย)

15 2.ข้อมูลสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยาอื่นๆ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพบรรยากาศโลกจากมุม สูงระยะทางไกล ทำให้มองเห็นภาพรวมของสภาพอากาศซึ่งปกคลุมเหนือพื้น ผิว ตลอดจนทิศทางการเปลี่ยนแปลง สามารถช่วยเตือนภัยและพยากรณ์ สภาพอากาศล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี แบ่งตามวงโคจรได้เป็น 2 ชนิด 1. ชนิดวงโคจรค้างฟ้า (ดาวเทียม MTSAT) โคจรรอบโลกใช้เวลา 24 ชม. โดย วงโคจรอยู่ในตำแหน่งเส้นศูนย์สูตร ของโลกสูงจากพื้นโลก 35,800 กม. และโคจรไปในทิศเดียวกับการหมุน ของโลก ทำให้ตำแหน่งดาวเทียมจะ สัมพันธ์กับตำแหน่งบนพื้นโลกใน บริเวณเดิมเสมอ เช่น GOES, MTSAT (ดาวเทียม noaa) 2. ชนิดวงโคจรผ่านใกล้ขั้วโลก สูงจากพื้นโลก 850 กม. ในหนึ่งวันจะ หมุนรอบโลกประมาณ 14 รอบ และจะ เคลื่อนที่จากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้ 1 ครั้ง และเคลื่อนที่จากขั้วโลกใต้ไปยัง ขั้วโลกเหนืออีก 1 ครั้ง การถ่ายภาพของ ดาวเทียมชนิดนี้ จะส่งสัญญาณข้อมูลใน ขณะที่ดาวเทียมโคจรผ่านพื้นที่นั้น ๆ เช่น noaa,nimbus

ภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา 16 1. ภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาช่วงคลื่นอินฟราเรด ได้จากการตรวจวัดปริมาณของรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากวัตถุ ตรวจวัดได้ทุกช่วงเวลา ภาพที่ได้จะเป็นภาพที่มีเฉดสีเทาไล่ระดับต่างกันตามอุณหภูมิ สีขาว-เทาอ่อน = อุณหภูมิต่ำ = เมฆชั้นสูง สีเทาเข้ม-ดำ = อุณหภูมิสูง = เมฆชั้นต่ำ ภาพถ่ายดาวเทียมช่วงคลื่นอินฟราเรดที่ปรับสีตามอุณหภูมิ ทำให้สามารถ ระบุอุณหภูมิและนำมาคาดการณ์ความรุนแรงของพายุได้ สีฟ้า-สีเขียวเหลือง = ฝนกำลังอ่อน สีเหลือง-ส้ม = ฝนกำลังปานกลาง สีส้ม-สีน้ำตาลแดง = ฝนกำลังแรง 2.ภาพถ่ายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาช่วงคลื่นแสง ได้จากการสะท้อนรังสีของวัตถุ ภาพที่มีเฉดสีเทาไล่ระดับตามอัตราส่วนรังสีสะท้อนของวัตถุ ใช้แค่ช่วงที่มีแสง สีขาว-เทาอ่อน = เมฆหนาเเน่นมาก สีเทาเข้ม-ดำ = เมฆหนาแน่นน้อย

17 เรดาร์ตรวจอากาศ(Radar) ใช้สำหรับติดตามข้อมูลหยาดน้ำฟ้าที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ โดยส่ง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระทบแล้วตรวจวัดความเข้มของสนามแม่เหล็กที่ สะท้อนกลับมาทำให้สามารถคาดการณ์ความแรงและทิศการเคลื่อนตัว ของกลุ่มฝนหรือพายุได้ ภาพที่ได้จะมีมุมมองลงมาจากด้านบน เรียกว่า ภาพแบบ ppi และใช้เฉดสีต่างๆแทนความเข้มของคลื่นที่สะท้อนกลับมา เรดาร์ตรวจอากาศจะถูกติดตั้งอยู่ภายในโดมทรงกลมบนยอดอาคาร อุตุนิยมวิทยา เพื่อป้องกัน ลม แสงแดด ความชื้นและฝน

3.การใช้ประโยชน์ 18 นำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพยากรณ์อากาศประจำวัน ใช้ในการวางแผนทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การเดินเรืิอไปจับปลา, การเดิน ทางโดยเครื่องบิน, การขนส่งสินค้า วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอสำหรับประชาชนในกรณีที่การ พยากรณ์คาดว่าจะมีน้ำหลากหรือแห้งแล้ง

19 การวางแผนทางด้านการบริหารจัดการน้ำในการทำการเกษตร ใช้วางแผนป้องกันและลดการสูญเสียจากภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นโดย แจ้งให้ประชาชนเตรียมตัวอพยพ เช่น การเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง , แผ่นดิน ไหว , ภัยแล้ง , อุทกภัย , วาตภัย เป็นต้น ใช้วางแผนกิจกรรมที่จะทำและเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศหรือการ วางแผนเดินทางท่องเที่ยว

จัดทำโดย น.ส. ณิชาพัชร์ กำพร้าศัตรู เลขที่ 34 น.ส. อุษณีษ์ ปรีชาศุทธิ์ เลขที่ 35 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook