Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อติวข้อสอบ N-NET ภาษาไทย(ครูบอมส์) ม.ปลาย

สื่อติวข้อสอบ N-NET ภาษาไทย(ครูบอมส์) ม.ปลาย

Published by bom_mtk, 2022-08-16 17:28:45

Description: สื่อติวข้อสอบ N-NET ภาษาไทย(ครูบอมส์) ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

การเตรยี มสอบ N-NET นายพัชรพงษ์ ยุทธเสน บรรณารักษ์ ศู น ย์ ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย อา เ ภ อ ต ร ะ ก า ร พื ช ผ ล



ขอบขา่ ยเนือ้ หา การฟงั - การดู การพูด การอา่ น การเขยี น หลกั การใชภ้ าษา วรรณคดีและวรรณกรรม ภาษาไทยกบั ช่องทางการประกอบ อาชีพ (บูรณาการ)

แบบทดสอบภาษาไทย พท31001 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ชุดที่ 1 คาํ ส่ัง : จงทาํ เครื่องหมาย  ลอ้ มรอบคาํ ตอบทถี่ กู ตอ้ งท่ีสดุ 1. การใช้วจิ ารณญาณในการฟังและการดขู ่าวมีความสาคัญตรงกบั ข้อใดมากท่สี ุด ก. ทําให้เห็นกลวธิ ีการเขียนขา่ ว ข. ทาํ ใหไ้ ด้รบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทถี่ ูกตอ้ ง ค. ทาํ ให้เห็นการใชภ้ าษาในเนื้อขา่ ว ง. ทาํ ให้เห็นแนวทางการหาประโยชนจ์ ากเนอ้ื ข่าว

2. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเก่ียวกับขัน้ ตอนการฟังและการดูอย่างมีวจิ ารณญาณ ก. ฟังและดูให้เข้าใจเรอื่ ง ข. วเิ คราะห์เรื่องวา่ จัดอยใู่ นสารประเภทใด ค. พจิ ารณาวา่ เรือ่ งท่ีฟังเปน็ ข้อเทจ็ จริงหรือขอ้ คิดเหน็ ง. พจิ ารณาว่าสารนน้ั มาจากบคุ คลท่เี ราช่นื ชอบหรอื ไมจ่ งึ จะเชื่อถือได้

3. ในการปาฐกถาธรรมคร้งั หน่ึง ปาฐกอธิบายวา่ การอธษิ ฐาน หมายถงึ ความตั้งใจ อนั แนว่ แน่ไปสูเ่ ปา้ หมายที่ต้องการ ผู้ฟังซ่ึงเคยอธษิ ฐานขอสงิ่ ทีต่ นตอ้ งการเร่ิมคดิ ตา่ ง ๆ กัน ผู้ฟงั คนใดใช้วจิ ารณญาณในการฟังไดด้ ี ทสี่ ุด ก. แตว้ เห็นวา่ ควรตัง้ ใจอยา่ งแน่วแนเ่ พ่ิมข้นึ ในการขอพร ข. โตง้ เห็นว่าการขอพรจากสง่ิ ศกั ดิส์ ทิ ธเ์ิ ปน็ สริ มิ งคลดอี ยแู่ ล้ว ค. ตม้ั คิดว่าต่อไปจะอธิษฐานใหม่ โดยจะตง้ั ใจอย่างแน่วแน่ทกุ ครัง้ ง. แต้มคิดว่าจะอธิษฐานด้วยการตั้งใจอยา่ งแน่วแน่ และพร้อมที่จะปฏิบตั สิ ู่เป้าหมายทนั ที

4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การฟงั การดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ ก. บอกใจความสําคัญของสารได้ ข. นาํ สาระสําคญั ไปปรับใช้ในชีวิตประจาํ วัน ค. บอกประเภทของสารได้ท้งั สารคดี และบันเทงิ คดี ง. เขา้ ใจกลวิธกี ารเขยี นเพ่อื นําไปสร้างงานเขียนของตนเองได้ 5. การเกิดความรู้ความเขา้ ใจท่ีถกู ต้องจะนาํ ไปสูข่ ้ันตอนใด ก. ตีความ ข. การวเิ คราะห์ ค. การประเมินค่า ง. ถูกทกุ ข้อ

6. ขอ้ ใดหมายถึงการพูดสรปุ แนวคดิ จากเรอ่ื งท่ีฟงั และดูได้ดที ี่สุด ก. การพดู หรอื สรุปสาระทั้งหมดของสารทไ่ี ด้ฟงั หรอื ดู ข. การพดู เพือ่ สรปุ ความคดิ สําคัญของเรื่องท่ีได้ฟังหรือดู ค. การพดู เพอ่ื สรุปรายละเอยี ดท้งั หมดของสารท่ไี ด้ฟงั หรอื ดู ง. การพูดเพอ่ื สรุปขอ้ คดิ เห็นของเรื่องท่ีได้ฟังหรือดูโทรทศั น์

7. ขอ้ ใดไม่ใช่วธิ ีการเขียนบทพูดทดี่ ี ก. ใช้ภาษาท่ีถกู ต้องตามระดับภาษา ข. ใชภ้ าษาที่เข้าใจงา่ ย สอื่ ความชัดเจน ค. ใช้ภาษาท่ีเหมาะสมกับบคุ คลและกาลเทศะ ง. ใช้ภาษาสงู เพือ่ แสดงถึงความอลงั การทางภาษา 8. การพูดคุยกนั ระหว่างผทู้ ี่ยงั ไม่คนุ้ เคยสนทิ สนมกันมากนักควรใชก้ ารพดู ในลกั ษณะใด ก. การพดู แบบไมเ่ ป็นทางการ ข. การพดู แบบเป็นทางการ ค. การพูดแบบกง่ึ ทางการ ง. ถูกทุกข้อ

9. ในการประชมุ ผู้เขา้ รว่ มการประชมุ ท่ดี นี ั้น ไมค่ วรกระทาํ สง่ิ ใด ก. ตรงเวลาและรักษาเวลาในการพูดตามทีป่ ระธานกําหนดให้ ข. แสดงความคดิ โดยการพดู ใหไ้ ด้ใจความกระชับไมค่ วรพูดวกวน ค. แสดงความคดิ เหน็ ของตนเองเพ่ือแสดงความรอบร้โู ดยไม่คํานงึ ถึงความคดิ ผู้อ่นื ง. พดู แสดงความคิดเห็นหรืออภิปรายอย่างมีเหตผุ ล พูดด้วยใจเปน็ กลางไมใ่ ช้อารมณ์

10. คาํ พดู ในขอ้ ใดเหมาะท่ีจะใชใ้ นการประชมุ ก. ดฉิ นั ขอให้ที่ประชุมพจิ ารณาทบทวนเรอ่ื งนอี้ ีกสกั ครัง้ ข. ขอโทษนะ คุณวิชาพูดดัง ๆ หนอ่ ย จะได้ไดย้ ินกันทกุ คน ค. คุณนัดดานั่งเงยี บอยูน่ านแล้ว กรุณาแสดงความคดิ เหน็ ด้วย ง. เรอื่ งชกั จะไปกนั ใหญแ่ ล้ว ขอให้พูดใหต้ รงประเดน็ หน่อยเถอะ

11. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ญัตติที่ใชใ้ นการโต้วาทีไม่ถกู ตอ้ ง ก. ญัตติเปน็ เรื่องท่คี นสว่ นใหญใ่ หค้ วามสนใจ ข. ญัตติในการโต้วาทคี วรเปน็ ญัตตทิ ่ที ้งั สองฝ่ายมีความเห็นตรงกัน ค. เปน็ เร่อื งใหค้ วามรู้ มคี ณุ คา่ ในการสง่ เสริมความรู้ ความคิดและส่งเสริมเศรษฐกจิ ง. เปน็ เรอ่ื งส่งเสริมศิลปวฒั นธรรม และไม่ขัดต่อศลี ธรรมอันดีงาม ไมเ่ ป็นภัยต่อสงั คม

12. การพูดโดยผ่านสอ่ื มวลชนทม่ี ผี ู้ฟังหรือผู้ชมทั่วประเทศ ผ้ดู ําเนนิ รายการที่ดี จะต้องคาํ นงึ ถึงวิธีการพดู เสมอ ยกเว้นการพดู ขอ้ ใด ก. วธิ ีการพูดทีน่ า่ สนใจ เรา้ ใจ สนุกสนาน ข. ใหเ้ กยี รติแกผ่ ู้ทีก่ าํ ลังพดู ดว้ ยหรือผู้ทกี่ าํ ลังกล่าวถงึ ค. ภาษาทใี่ ชต้ อ้ งสุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะและบคุ คลกระชับเข้ากบั ความคดิ ของตน ง. การพดู กา้ วรา้ วประชดประชันหรอื เสียดสีบา้ งเล็กน้อยเพื่อใหร้ ้สู กึ วา่ สนทิ สนม

13. ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั การอา่ นตคี วาม ก. การอา่ นตีความไมจ่ ําเปน็ ต้องอ่านเรอ่ื งให้ละเอยี ด ข. การถอดคาํ ประพนั ธ์ในบทร้อยกรองคือการอา่ นตีความ ค. คดิ หาเหตุผลอยา่ งรอบคอบกอ่ นนํามาประมวลเข้ากบั ความคดิ ของตน ง. วิพากษว์ ิจารณ์แสดงความคดิ เหน็ ตอ่ เรอ่ื งท่ีอา่ นตามความรู้สึกและความคดิ ของตน

14. “ผู้ท่ีรู้ว่าตนเองไม่รู้ ย่อมแสวงหาความรู้ ผู้ท่ีรู้ว่าตนเองรู้แต่อันท่ีจริงไม่รู้ ย่อมไม่ กระตือรือร้นแสวงหาความรู้ อย่างไรก็ตามผู้ท่ีรู้ว่าตนเองไม่รู้แต่ไม่แสวงหาความรู้ ก็ย่อม กลายเป็นคนไม่รู้อยู่รํ่าไป” ขอ้ ใดคอื ข้อสรุปของผู้เขียนขอ้ ความนี้ ก. ใหเ้ รียนร้ตู ลอดเวลา ข. ใหร้ ู้จักตนเอง และเลอื กคบคนท่ีมีความรู้ ค. ใหร้ ู้จักการแสวงหาความรเู้ ม่อื ร้วู ่าตนไมร่ ู้ ง. ให้คบผูท้ ม่ี ีความรเู้ พ่ือตนเองจะได้กลายเปน็ ผู้รู้

15. อ่านคาํ ประพนั ธ์ต่อไปนแ้ี ลว้ ตอบคาํ ถาม “ไม่มีใครไมเ่ คยไม่ผดิ พลาด ไมม่ ีใครไม่เคยขลาดมาแตต่ น้ เม่อื มเี มฆย่อมมีความมืดมน หลงั พายผุ ่านพ้นจึงสรา่ งซา” จากคําประพนั ธข์ ้างตน้ “เมอ่ื มีเมฆยอ่ มมคี วามมืดมน” มีความหมายว่าอยา่ งไร ก. เมื่อมคี วามผิดพลาดยอ่ มมคี วามสมหวัง ข. เม่ือมีชวี ิตยอ่ มพบกับอปุ สรรค ค. เมอื่ มีความผดิ หวงั ย่อมพบกับความเสียใจ ง. เมอื่ มอี ปุ สรรคก็ย่อมพบกับความผดิ หวัง

16. สาระสําคัญของโคลงบทน้คี อื อะไร ฝูงชนกาํ เนิดคล้าย คลงึ กนั ใหญ่ยอ่ มเพศผวิ พรรณ แผกบ้าง ความรอู้ าจเรยี นทัน กนั หมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤๅไหว ก. ทกุ คนเกิดมาเทา่ เทียมกนั ข. จติ สาํ นกึ และความประพฤตยิ ากที่จะแก้ ค. การศกึ ษามคี วามสาํ คญั ต่อการดําเนนิ ชวี ิต ง. แมจ้ ะมีชาตกิ าํ เนิดต่างกนั แตก่ ารศึกษาช่วยให้คนเทา่ เทียมกนั ได้

17. คําประพนั ธ์ต่อไปนี้ใหค้ วามสาํ คัญในเร่ืองใดมากทสี่ ดุ แมม้ ตี ัวใหญเ่ พี้ยง ภผู า สงู เจ็ดลาํ ตาลสา- มารถแท้ พงศ์พันธเุ์ ผา่ จนั ทรา สุรเิ ยศ กด็ ี คร้ันว่าไร้ทรพั ย์แล้ว ท่ัวหลา้ ฤๅเห็น ก. ความสามารถ ข. ชาติตระกลู ค. รปู ลกั ษณ์ ง. ฐานะ

18. การเขยี นเรยี งความเร่ือง “เทคโนโลยกี ับการศกึ ษา” ควรเนน้ เร่อื งใด ก. การเรียนการสอนเกี่ยวกบั เทคโนโลยี ข. การนําเทคโนโลยีมาชว่ ยในการเรยี นการสอน ค. การพฒั นาเทคโนโลยีชว่ ยพัฒนาการเรียนการสอนดว้ ย ง. การช้ีใหเ้ ห็นความสําคญั ของเทคโนโลยใี นการเรียนการสอน

19. ข้อใดใชเ้ ป็นสว่ นสรปุ ของเรยี งความเรือ่ ง “การออกกําลงั กายเพ่ือสุขภาพ” ได้เหมาะสม ท่สี ดุ ก. การออกกําลงั กายมีคุณค่าต่อชวี ิตของบคุ คลทุกเพศทุกวยั ข. การออกกําลังกายเพอ่ื สุขภาพมหี ลายวธิ ี แตท่ เ่ี หมาะสมสาํ หรบั ผสู้ ูงอายุมากท่สี ุดคือ การเดิน ค. การออกกาํ ลงั กายทีเ่ หมาะสมกบั เพศ วัย และเวลา จะชว่ ยเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพใหส้ มบูรณ์ และแข็งแรง ง. การออกกาํ ลังกายมีหลายวิธดี งั กล่าวข้างตน้ ทัง้ นผี้ ูอ้ อกกําลงั กายจะตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสม กับโอกาส และสถานที่

20. ข้อใดเปน็ การเขยี นแบบบรรยาย ก. ก็ถึงเวลาผืนปา่ ท้ังนั้น ทกุ ผืนตนื่ จากการหลบั ใหล ข. เมอื่ ถึงเวลา ผีเส้อื หลายตัวเร่ิมขยับปีกท่ัวพร้อมกนั ค. งามสะพรงั่ ดง่ั ป่าหมิ พานต์ ซ่งึ มิเพียงจินตนาการจะเข้าถงึ ง. ทุง่ ดอกไม้เริ่มบานล้อกบั สายฝนพรํา ชื่นฉํา่ กวา้ งไกลสดุ ตา

21. ข้อใดเปน็ การเขียนแบบอธบิ าย ก. วนั นอ้ี ากาศสดช่ืน ทอ้ งฟา้ แจม่ ใส หมู่เมฆสีขาวลอยละลอ่ งตดั กับสฟี า้ ของท้องฟา้ ข. เมือ่ วานน้ตี ื่นสาย อาบนํา้ อาบท่าเสรจ็ กร็ บี มาโรงเรยี นเลยไม่ได้ทานอาหารเช้า ค. นกั ประดานํา้ ต่างวา่ ยวนไปมาเพื่อช่นื ชมความงามของปะการงั และปลา ง. การจะเจยี วไขใ่ หอ้ รอ่ ยต้องตีไขใ่ ห้เปน็ ฟอง บีบมะนาวลงไปสักสองหยด แลว้ ต้ังกระทะใสน่ ้ํามนั ใหร้ ้อนจัดแลว้ จึงค่อย ๆ เทไข่สูง ๆ ลงไปในกระทะ

22. คําฉันทใ่ี นข้อใดมีพยางค์ และครุ ลหุ ตา่ งจากฉนั ท์ขอ้ อนื่ ก. สาหรา่ ยก็ชชู ่อ ดจุ จะลอ้ อรุณเชยี ว ข. ถ้าหากจะแลเหลยี ว กม็ พิ บยุพาพาน ค. บงุ่ ขา้ วเขยี วขจี สสี ดชน่ื ระรื่นลมไหว ง. ปูปลาจะคลาไคล แวะและเล็มตะไครเ่ ขยี ว

23. ขอ้ ใดผดิ ฉนั ทลกั ษณ์ของโคลงส่ีสภุ าพบาทที่ 1 ก. จากมามาลวิ่ ลํา้ ลําบาง ข. คนต้องดจี ริงด้วยในตน ค. โคควายวายชพี ได้ เขาหนงั ง. แกงมัสม่นั เนอ้ื นพคุณ พ่เี อย

24. ขอ้ ใดไมใ่ ช่พรรณนาโวหาร ก. ดวงอาทิตย์สสี ม้ กลมโตกําลงั โผล่ข้นึ เหนอื นาํ้ ทอ้ งฟ้าเริม่ มสี ชี มพูเร่อื ตัดกบั น้ําทะเลสคี รามใส ข. ทวิ แถวของสนทะเลโคง้ ขนานไปตามความยาวของหาดทราย ทะเลจีนใต้กระเพอื่ ม อยูใ่ นเวงิ้ ความมืด ค. แดดออ่ นลงมากแลว้ มองไปทางทิศตะวันตกแสงสีทองสง่ ประกายมาจากขอบฟา้ คล้อยต่ําลงไปเรอื่ ย ๆ ง. หลังจากทผ่ี ีเสอ้ื ฝูงน้นั บนิ ขน้ึ ไปหมนุ วนอยู่ในทอ้ งฟา้ เหนอื หมู่บา้ นแลว้ นอ้ งพลบั จึงถลาเขา้ ไป ในสวนดอกไม้

25. ข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. ภาษาเปน็ มรดกทางสงั คม ข. ภาษาเปน็ เครือ่ งจรรโลงวัฒนธรรม ค. ภาษาเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงความเปน็ ชาติ ง. ทกุ ชาตยิ ่อมมภี าษาพดู และภาษาเขยี นของตน 26. “สําเนียงสอ่ ภาษา กิรยิ าสอ่ สกลุ ” แสดงให้เหน็ ถงึ ประโยชนข์ องภาษาในแง่ใด ก. ภาษาช่วยธาํ รงสงั คม ข. ภาษาช่วยพฒั นามนษุ ย์ ค. ภาษาชว่ ยกําหนดอนาคต ง. ภาษาช่วยแสดงความเป็นปจั เจกบคุ คล

27. เหตุใดมนุษย์จึงตกอยใู่ ตอ้ ิทธพิ ลของภาษา ก. เพราะมนุษยเ์ ชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ข. เพราะภาษามคี วามศกั ดส์ิ ิทธอิ์ ยใู่ นตัว ค. เพราะภาษามคี วามสัมพนั ธก์ ับสิง่ ต่าง ๆ ในธรรมชาติ ง. เพราะมนุษยม์ ไิ ด้คํานงึ ว่าภาษาเป็นเพยี งสญั ลกั ษณใ์ ชแ้ ทนส่งิ ตา่ ง ๆ เทา่ น้นั

28. สาํ นวนใดทคี่ วรเตมิ ในบทสนทนาตอ่ ไปนี้ “ฉันว่าเขาพูดไม่จริงนะ” \"ก็เรื่องมนั แลว้ ไปแลว้ อยา่ ………………….. เลยนะ” ก. เอามือไปซกุ หบี ข. แกว่งเทา้ หาเสี้ยน ค. ฟน้ื ฝอยหาตะเข็บ ง. มากหมอมากความ

29. สาํ นวนในข้อใดนํามาเตมิ ลงในชอ่ งว่างไดเ้ หมาะสมทส่ี ดุ “รายงานฉบับนีม้ นสั ทาํ แบบ ..................................... พอให้มีสง่ อาจารย์ เพราะยงั มีรายงานอีกหลายฉบบั ท่ียังไมไ่ ด้ทาํ ท้งิ ไว้จนเขา้ ตาํ รา ...................................” ก. สุกเอาเผากิน, ดนิ พอกหางหมู ข. ผักชโิ รยหนา้ , ยุ่งเหมอื นยุงตกี ัน ค. ตําขา้ วสารกรอกหม้อ, กองเปน็ ภูเขาเหลา่ กา ง. จับแพะซนแกะ, หวั ไมไ่ ด้วาง หางไม่ได้เว้น

30. ข้อใดเปน็ สาํ นวนท่สี รา้ งจากความเชือ่ ของคนไทย ก. วันโกนไม่ละ วนั พระไม่เวน้ ข. ตักนา้ํ ใสก่ ะโหลก ชะโงกดเู งา ค. นํา้ รอ้ นปลาเปน็ นํา้ เย็นปลาตาย ง. ซ้ือควายหน้านา ซือ้ ผา้ หนา้ หนาว

31. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ประโยคความรวม ก. พอฝนจะตก เราก็รีบกลับบา้ นทนั ที ข. คนไทยรกั สงบ แต่ยามรบก็ไมข่ ลาด ค. ทางการประกาศว่าแถวสลี มอากาศเปน็ พิษ ง. ประชาชนไมใชส้ ะพานลอย ตํารวจจึงตอ้ งตกั เตอื น

32. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยคความซอ้ น ก. สะพานแหง่ ใหมท่ ่เี พงิ่ จะเปดิ ใชช้ ว่ ยให้การจราจรคลอ่ งตัวมากยิ่งข้ึน ข. สิ่งที่เขาตงั้ ใจกระทําให้พ่อแม่คือการตั้งใจเรียนและการเป็นคนดี ค. ตึกแถวรมิ ถนนใหญท่ ีห่ น้าบา้ นฉันถูกทุบทิ้งไปแลว้ ง. เขาขายรถยนตค์ นั ที่ถกู รางวัลกาชาดไปเมอ่ื วานน้ี

33. ขอ้ ใดไม่อาจอนมุ านได้เกยี่ วกบั บคุ คลในคาํ ประพนั ธ์ตอ่ ไปนี้ “ไรฟ้ กู ถกู เนือ้ วนั ทองอ่อน เหมอื นนอนเตยี งทองอันผอ่ งใส เพลินฟังวงั เวงเพลงเรไร พณิ พาทยไ์ พรกล่อมขบั สาํ หรับดง” ก. คิดถงึ บา้ น ข. มคี วามสุข ค. อยู่กลางป่า ง. อย่อู ยา่ งลําบาก

34. คําประพนั ธบ์ ทนีส้ ่ือสารตรงกบั ประเดน็ ใดมากทีส่ ุด “การอ่านฟงั ทง้ั เขียนและพดู ยอ่ มเปน็ บทพสิ ูจน์อยา่ มองผา่ น เปน็ กลไกประจําวนั อันยืนนาน ผใู้ ช้การได้ดียอ่ มมชี ัย” ก. การส่ือสารท่ีเป็นประโยชน์ยอ่ มมีทง้ั ฝ่ายส่งและฝา่ ยรบั ข. การใชภ้ าษาอยา่ งมีประสทิ ธิภาพยอ่ มใหป้ ระสทิ ธิผลแก่ผูใ้ ช้ ค. การสอ่ื สารทกุ ประเภทมีความจาํ เปน็ ตอ่ ทกุ อาชพี และทุกวงการ ง. ทักษะการใชภ้ าษาสาํ คัญตอ่ การดาํ เนินชวี ติ เปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ใู้ ชเ้ ปน็

35. คําประพันธ์บทน้ีมลี ลี าการแตง่ ประเภทใด “เพชรนํ้าคา้ งค้างหล่นบนพรมหญ้า เป็นหยาดฟา้ มาฝนั หลงวนั ใหม่ เคล้าเคลยี หยอกดอกหญา้ อย่างอาลยั เมอื่ แฉกดาวใบไผ่ไหวตะวนั ” ก. เสาวรจนีย์ ข. พิโรธวาทัง ค. นารปี ราโมทย์ ง. สัลลาปงั คพสิ ัย

36. สาระสาํ คัญของคาํ ประพนั ธ์ตอ่ ไปนีค้ ืออะไร “ฟงั อะไรฟังใหช้ ัดถนัดหู ฟงั ใหร้ ้ใู หเ้ ป็นเฟน้ ความหมาย ฟงั ใหถ้ ูกฟังกอ่ นตอบโดยแยบคาย ฟงั ด้วยกายใจถงึ กันนัน้ ฟงั ดี ฟังอะไรใคร่ครวญคิดดว้ ยจติ ว่าง ฟังทุกอยา่ งฟังทุกคนจนถว้ นถ่ี ฟังแล้วท้วงตชิ มเพื่อเกอ้ื วจี ฟงั เชน่ นี้ลว้ นเลอเลศิ เกิดปญั ญา” ก. วิธฟี งั ทเ่ี ป็นประโยชน์ ข. การฟังมีหลายรูปแบบ ค. การฟังก่อให้เกดิ ปัญญา ง. การใชค้ วามคดิ ในขณะที่ฟงั

37. ข้อใดใชป้ ระโยคแสดงเจตนาแตกต่างจากขอ้ อ่ืน ก. คณุ ปดิ โทรทศั น์เด๋ียวน้ี ข. คุณควรปดิ โทรทศั น์นะ ค. คณุ ชว่ ยปิดโทรทัศน์ดว้ ย ง. คณุ ปดิ โทรทัศนห์ นอ่ ยไดไ้ หม

38. คาํ ประพนั ธบ์ ทนี้เน้นวาทศลิ ปข์ ้อใดมากทส่ี ุด “เป็นมนุษยส์ ดุ นิยมเพยี งลมปาก จะไดย้ ากโหยหิวเพราะชวิ หา แม้นพูดดมี คี นเขาเมตตา จะพดู จาจงพิเคราะห์ใหเ้ หมาะความ” ก. การวิเคราะหค์ ูส่ นทนา ข. การพดู ใหถ้ ูกกาลเทศะ ค. การเลอื กใชถ้ อ้ ยคําไพเราะ ง. การคาํ นงึ ถงึ มารยาทในการพูด

39. บทสนทนาข้อใดเหมาะสมท่ีสุด ก. ถา้ อาจารยเ์ ชือ่ หนู อาจารยจ์ ะเจริญ ข. คณุ เป็นมะเร็งนะ ผมคิดว่าน่าจะอยู่ได้ไมเ่ กิน 6 เดอื น ค. ชื่ออะไรพูดดงั ๆ หนอ่ ย บอกดว้ ยว่าอาการเป็นอยา่ งไร ง. วนั นค้ี ุณย่าดูแข็งแรงข้นึ ไม่ออกไปเดินเล่นเหรอคะ วนั น้อี ากาศดจี รงิ ๆ

40. สํานวน “ช้าชา้ ได้พร้าเล่มงาม” มคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด ก. ค่อย ๆ คดิ คอ่ ย ๆ ทํา แล้วงานจะสําเร็จลุลว่ งไปด้วยดี ข. ตง้ั ใจทํางานเสร็จโดยไม่หวงั ผลตอบแทน ค. ทําอะไรช้ามากทาํ ใหต้ ามผอู้ ืน่ ไมท่ ัน ง. ทํางานอย่างพิถีพถิ ัน




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook