Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานสารพัน

นิทานสารพัน

Published by Aunlee Ch, 2021-08-21 12:06:11

Description: นิทานสารพัน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรยี นมัธยมวัดหนองแขม ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ พนิ ิจพิจารณ์ เร่อื ง คานาม เวลา ๒ ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาวธรี พร บตุ ราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ช้ีวัด ม.๑/๓ ชนิดและหนา้ ท่ขี องคา ๒. สาระสาคญั คานาม คือ คาทใ่ี ช้เรียกช่ือส่ิงทม่ี ีชีวิตและไมม่ ชี วี ติ ทง้ั รปู ธรรมและนามธรรม เช่น คน สัตว์ พืช สง่ิ ของ สถานที่ อารมณ์ ความรู้สึก ฯลฯ คานามแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด คือ ๑) สามานยนาม คือ คาท่ีใช้เรียกชื่อนาม ทั่วๆไป ไม่เจาะจง ๒) วิสามานยนาม คือ คาที่ใช้เรียกชื่อนามท่ี ๓) สมุหนาม คือ คาที่ใช้เรียกช่ือนามท่ีเป็น หมวดหมู่ ๔) ลักษณนาม คือ คาที่ใช้บอกลักษณะรูปพรรณสัณฐานของสามานยนาม ๕) อาการนาม คือ คานามที่บอกกิริยาอาการ อารมณ์ความรสู้ กึ ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓. ด้านความรู้ (K) นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายและชนดิ ของคานามได้ ๓.๒ งานทักษะ/กระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถวเิ คราะหช์ นดิ ของคานามได้ ๓.๓ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) มคี วามมุง่ มั่นในการทางาน ๔. สาระการเรยี นรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (Knowledge) ความหมายและชนดิ ของคานาม ๔.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process) วิเคราะหช์ นิดของคานาม

๔.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Attitude)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซือ่ สตั ย์ สุจริต  มวี ินยั  ใฝเ่ รยี นรู้  อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง  มุง่ มัน่ ในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ ๔.๔ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๕ ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผ้เู รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล  เปน็ เลิศวชิ าการ  ส่ือสารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคดิ  ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก ๔.๖ บูรณาการตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑. หลกั ความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลกั ความมเี หตผุ ล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลักภมู ิค้มุ กัน : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงอื่ นไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เงื่อนไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแต่ละดา้ นไม่จาเปน็ ต้องมคี รบทุกข้อในทุกแผนการจัดการเรยี นร)ู้ ๕. ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. นักเรยี นจัดทาสมดุ รวบรวมคานามประกอบภาพ ๒. สรปุ ความรู้เรอ่ื งชนิดและหน้าท่ีของคานามในรปู แบบแผนผงั ความคิด ๖. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ๖.๑ กระบวนการจัดการเรยี นร้แู บบปกติ (ช่ัวโมงที่ ๑) ข้นั นา ครูขออาสาสมัครนักเรียน ๑ คน เพ่ือออกมาหน้าช้ันเรียนจากนั้นให้นักเรียนใบ้คาจากบัตรคาจานวน ๓ คา ไดแ้ ก่ คาวา่ ลงิ บา้ น และหมอ้ ข้าว เมือ่ เพ่ือนในห้องทายคาจนครบ ครูเขยี นคาทง้ั สามคาไวบ้ นกระดาน แลว้ ถามนักเรยี นว่าท้งั สามคามีลักษณะเหมือนกนั อย่างไร เพ่ือเชอ่ื มโยงเข้าส่เู รอ่ื ง คานาม

ขน้ั สอน ๑. ครูซักถามนักเรียนว่าเร่ืองความหมายของคานาม ควรมีลักษณะอย่างไร ครูประมวลคาตอบแล้ว สรปุ ความหมายของคานาม นกั เรียนจดบนั ทึก ๒. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ จานวน ๕ กลมุ่ แลว้ จบั สลากศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง ชนิดของคานาม ดงั นี้ กลมุ่ ท่ี ๑ ศึกษาเร่อื ง คาสามานยนาม กลมุ่ ท่ี ๒ ศกึ ษาเรื่อง คาวสิ ามานยนาม กลุ่มท่ี ๓ ศกึ ษาเรอ่ื ง คาสมหุ นาม กลมุ่ ที่ ๔ ศึกษาเรอ่ื ง คาลักษณะนาม กลุม่ ที่ ๕ ศกึ ษาเรอ่ื ง คาอาการนาม เมอ่ื แตล่ ะกลมุ่ ศึกษาชนิดของคาแตล่ ะชนดิ แลว้ ใหน้ าเสนอความรูข้ องกลมุ่ ตนเองให้เพื่อนฟัง ๓. นักเรียนนาเสนอความรทู้ ตี่ นได้ศึกษามาทีละกลมุ่ โดยครูอธิบายเพิ่มเตมิ ความรู้ ๔. นักเรียนละกลุ่มเล่นเกม “รวบรวมคานาม” โดยเล่นเกม ๕ รอบ (คานามท้ัง ๕ ชนิด) รอบละ ๓๐ วนิ าที แตล่ ะรอบนักเรียน สง่ ตัวแทนออกมาหน้าช้ันเรียน เพือ่ แขง่ ขันกันรวบรวมคานามที่ตนเองรูจ้ ักให้ได้มาก ท่ีสุดในเวลา ๓๐ วินาที โดยครูตรวจสอบความถูกต้องคาท่ีนักเรียนเขียน กลุ่มใดเขียนได้มากท่ีสุดและถูกต้อง จะเป็นกลมุ่ ท่ีไดค้ ะแนน เม่ือครบ ๕ รอบจึงสรุปคะแนน ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ืองความหมายและชนิดของ คานามและครูมอบหมายภาระงาน ใหน้ ักเรยี นจัดทาสมดุ รวบรวมคานามประกอบภาพ ๖.๒ กระบวนการจดั การเรียนรู้แบบออนไลน์ (ช่ัวโมงที่ ๑) ๑. นักเรียนศึกษาเรื่อง คานาม จากการสอนสด (live) ของครู ผ่านช่องทาง line meeting โดยผ่าน สอื่ ส่ือประกอบการเรยี นการสอน เรอ่ื ง คานาม ๒. นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้เรือ่ ง ชนิดของคานาม จาก google classroom ๓. นักเรียนรวบรวมคานามอย่างน้อย ๑๐-๑๕ คา พร้อมภาพประกอบให้อยู่ภายใน ๑ หน้ากระดาษ A4 แล้วอัปโหลดผลงานส่งในกลุ่ม line ห้องของตนเอง โดยครูจะต้ังช่ืออัลบ้ัมงานไว้ว่า “คานาม ประกอบ ภาพ” ๖.๓ กระบวนการจัดการเรียนร้แู บบปกติ (ชัว่ โมงท่ี ๒) ข้ันนา ๑. ครใู หน้ กั เรียนเล่นเกม “บิงโกคานาม” พรอ้ มเฉลยคาทเี่ ป็นคานาม ๒. ครสู รปุ อธบิ ายหาคาท่เี ป็นคานามเพม่ิ เตมิ

ข้ันสอน ๑. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน จากน้ันครูกาหนดคานามจานวน ๓ คา บนกระดาน ได้แก่ คาว่า ตารวจ โรงงาน นายสมชาย จากน้ันใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั แต่งประโยค โดยให้มคี าทีก่ าหนดให้อยู่ ในประโยค ประโยคละ ๑ คา ซึง่ คาท่กี าหนดจะตอ้ งไมอ่ ยใู่ นตาแหน่งเดียวกนั ในประโยค ๒. ครูให้นักเรียน จานวน ๒ กลุ่ม นาเสนอประโยคท่ีนักเรียนแต่งมาให้เพ่ือนดูจากน้ันให้นักเรียน ช่วยกันวิเคราะห์ว่าคาที่กาหนดให้อยู่ในตาแหน่งใดในประโยคและทาหน้าที่ใด จากนั้นครูให้นักเรียนให้คา จากัดความ เรอื่ ง หนา้ ท่ีของคานาม ๓. ครูอธิบาย เรือ่ ง หนา้ ท่ีของคานาม เพ่ิมเติมโดยยกตวั อย่างประกอบ บันทกึ ความร้ลู งในสมดุ บนั ทกึ ๔. นกั เรยี นทาใบงาน เรอื่ ง ชนิดและหนา้ ทขี่ องคานาม จากน้นั ครเู ฉลยคาตอบท่ถี กู ตอ้ ง ๕. นกั เรียนทาแบบทดสอบ เรื่อง คานาม ข้นั สรปุ ครูซักถามนักเรียนเก่ียวกับความรู้ เรื่อง ชนิดและหน้าท่ีของคานาม เพ่ือเป็นการสรุปความรู้ จากนั้น มอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละคนไปสรุปความรู้เรื่องชนิดและหน้าที่ของคานามในรูปแบบแผนภาพความคิด แลว้ นาสง่ ครู ตามที่ครกู าหนด ๖.๔ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ (ชว่ั โมงที่ ๒) ๑. นักเรียนศึกษาเร่ือง ชนิดและหน้าท่ีของคานาม จากการสอนสด (live) ของครูผ่านช่องทาง line meeting โดยมีส่ือ สื่อประกอบการเรียนการสอน เร่ือง ชนิดและหน้าที่ของคานาม ประกอบการจัดการเรียน การสอน ๒. นักเรยี นศึกษาใบความรเู้ รอ่ื ง หน้าท่ีของคานาม จาก google classroom โดยมีครูอธบิ ายเพิ่มเติม ๓. นักเรียนทาใบงาน เร่อื ง ชนิดและหนา้ ท่ีของคานาม จากนัน้ ครูเฉลยคาตอบทถ่ี กู ตอ้ ง ๔. นักเรยี นทาแบบทดสอบ เร่อื ง คานาม ผ่าน google form ๕. นักเรียนสรุปแผนภาพความคิด เรื่องชนิดและหน้าที่ของคานามลงในกระดาษ A4 จากน้ันส่งงาน โดยการอัปโหลดรปู ภาพลงใน line กลมุ่ ของห้อง ซง่ึ ครจู ะตง้ั ชอ่ื อัลบ้มั ไว้วา่ “ชนดิ และหน้าท่ีของคานาม” ๗. ส่อื /วัสดุอุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้ ๑. ใบความร้เู รือ่ ง คานาม ๒. สอ่ื กิจกรรมการเรยี นรู้ “รวบรวมคานาม” ๓. สอ่ื ประกอบการสอน เรื่อง คานาม ๔. เกม “บงิ โกคานาม” ๕. ใบงาน เรือ่ ง ชนิดและหน้าที่ของคานาม ๖. ใบความรู้ เรอ่ื ง ชนดิ และหน้าท่ขี องคานาม ๗. แบบทดสอบ เรือ่ ง ชนดิ และหน้าทขี่ องคานาม

๘. สอ่ื ประกอบการสอน เร่ือง ชนิดและหนา้ ทข่ี องคานาม ๘. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๘.๑ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๘.๑.๑ ดา้ นความรู้ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใช้เคร่อื งมอื วัดและประเมินผล มดี ังนี้ คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ผล ๘.๑.๒ ด้านทักษะกระบวนการ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใช้เคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล มีดงั น้ี คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๘.๑.๓ ดา้ นคุณลักษณะ เกณฑ์การพิจารณาโดยใชเ้ ครื่องมือวัดและประเมนิ ผล มีดงั น้ี คะแนน/คุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมินผล

๙.๒ การประเมินผล ผลการเรียนรู/้ คะแนน วิธวี ัดผล-ประเมนิ ผล เคร่อื งมอื วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ ตรวจใบงาน สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินผลงาน ๑. อธิบายความหมาย นกั เรยี น และชนิดของคานามได้ แบบสังเกตพฤติกรรม ๒. วิเคราะหช์ นดิ ของ คานามได้ ๓. มคี วามมงุ่ มน่ั ในการ ทางาน รวม ๑๐ เกณฑ์การวดั ผลและประเมินผล คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรอื ท่ีมอบหมาย ได้ตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง นางสาวธีรพร บตุ ราช แล้วมีความเหน็ ดงั น้ี ๑. เปน็ แผนจัดการเรยี นรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้  ทเ่ี น้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนได้เหมาะสม  ยังไม่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ควรพัฒนาปรับปรุง ๓. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้  นาไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศพ์ ทุ ธา) รองผูอ้ านวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ

รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ บนั ทึกหลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ รายวิชาภาษาไทย ๑. ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ๒. ปัญหา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ๓. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... .................................................................................... ............................................................................ .............. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ลงช่ือ............................................ผสู้ อน (นางสาวธีรพร บุตราช) ครู

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนมธั ยมวัดหนองแขม ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ นิทานสารพัน เรอื่ ง คาสรรพนาม เวลา ๒ ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาวธีรพร บุตราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลงั ของ ภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชีว้ ัด ม.๑/๓ ชนดิ และหน้าที่ของคา ๒. สาระสาคัญ คาสรรพนาม คือ คาท่ีใช้เรียกแทนคานามในประโยคส่ือสาร เราใช้คาสรรพนามเพื่อไม่ต้องกล่าว คานามซา้ ๆ คาสรรพนามแบ่งออกเปน็ ๖ ชนิด ๑) บรุ ษุ สรรพนาม เปน็ สรรพนามทีใ่ ชแ้ ทนบคุ คล ซ่งึ เปน็ ผู้พดู ผู้ฟัง และผูถ้ ูกกลา่ วถึง ๒) ประพนั ธสรรพนาม เป็นสรรพนามทใ่ี ช้เชอ่ื มประโยคย่อย ๓) วิภาคสรรพนาม เป็นสรรพนามท่ีใช้แยกส่วนคานามหรือสรรพนามที่อยขู่ า้ งหน้า ๔) นยิ มสรรพนาม เป็นสรรพนามทใี่ ชแ้ ทนนามชีเ้ ฉพาะเจาะจง หรอื ชีบ้ อกระยะ ๕) อนิยมสรรพนาม เป็นสรรพนามทใี่ ชแ้ ทนนามทวั่ ๆไป ไม่ช้เี ฉพาะเจาะจง ๖) ปฤจฉาสรรพนาม เป็นสรรพนามใช้แทนนามท่มี ีเน้ือความเปน็ คาถาม ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ (K) ๑. นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของคาสรรพนามได้ ๒. นักเรียนสามารถอธิบายชนดิ ของคาสรรพนามได้ ๓. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหนา้ ที่ของคาสรรพนามได้ ๓.๒ งานทักษะ/กระบวนการ (P) ๑. นกั เรียนสามารถจาแนกชนิดของคาสรรพนามได้ ๒. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์ชนิดและหน้าทข่ี องคาสรรพนามได้ ๓. นักเรยี นสามารถใช้คาสรรพนามไดถ้ ูกตอ้ ง

๓.๓ ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) มคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ด้านความรู้ (Knowledge) ชนดิ ของคาสรรพนาม หน้าที่ของคาสรรพนาม ๔.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process) จาแนกชนิดของคาสรรพนาม ใชค้ าสรรพนามไดถ้ ูกต้อง ๔.๓ ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (Attitude)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ  มวี นิ ัย  ใฝ่เรยี นรู้  อย่อู ย่างพอเพียง  มุ่งมนั่ ในการทางาน  รักความเป็นไทย  มีจติ สาธารณะ ๔.๔ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๔.๕ ดา้ นคุณลักษณะของผเู้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล  เปน็ เลศิ วิชาการ  สื่อสารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคิด  ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์  รว่ มกันรบั ผิดชอบต่อสงั คมโลก ๔.๖ บรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๑. หลกั ความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลกั ความมีเหตผุ ล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลักภมู คิ ุม้ กนั : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงอ่ื นไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เงอ่ื นไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแต่ละด้านไม่จาเปน็ ต้องมคี รบทุกข้อในทุกแผนการจดั การเรยี นร)ู้

๕. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. นักเรยี นรวบรวมคาสรรพนามลงในสมุด ๒. สรปุ ความร้เู ร่ือง คาสรรพนาม ในรูปแบบแผนภาพความคดิ ๖. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๖.๑ กระบวนการจดั การเรียนร้แู บบปกติ (ชั่วโมงท่ี ๑) ข้นั นา ครซู กั ถามนักเรียนว่าในชวี ิตประจาวันนกั เรยี นสนทนากับเพื่อนและคนในครอบครัวนกั เรียนใช้คาแทน ตนเองวา่ อย่างไรบา้ งและใชค้ าแทนบุคคลอน่ื ๆ อยา่ งไรเพอ่ื เชือ่ มโยงเขา้ สู่ เรอื่ งคาสรรพนาม ข้ันสอน ๑. ครูซักถามเกีย่ วกับความหมายของคาสรรพนาม นักเรียนตอบคาถามครูอธบิ ายให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า คาทีใ่ ช้แทนตวั บคุ คลในการสนทนา เรยี กวา่ คาสรรพนาม ๒. ครูมอบหมายให้นักเรียนช่วยกันรวบรวมคาท่ีใช้เรียกแทนตัวบุคคลให้ได้มากที่สุด โดยเขียนลงบน กระดาน ครแู ละนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ งของคา ๓. นักเรียนช่วยกันจัดหมวดหมู่ของคาแทนตัวบุคคลท่ีปรากฏบนกระดาน โดยแบ่งเป็น คาที่ใช้แทนผู้ พูด ผู้ฟงั และผทู้ ่ถี กู กลา่ วถึง (สรรพนามบุรุษท่ี ๑ ๒ และ ๓) ๔. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับความหมายและชนิดของคาสรรพนาม ว่านอกจากคาที่ใช้แทนตัวผู้พูด ผู้ฟัง ผู้ถูกกล่าวถึงแล้ว นอกจากน้ียังมีคาสรรพนามชนิดอื่นอีก โดยให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมรวมถึง ตวั อย่างประกอบจากใบความรู้ เร่ือง คาสรรพนาม ๕. นักเรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง คาสรรพนาม และนดั หมายนามาใชใ้ นคาบตอ่ ไป ขั้นสรปุ ครูสรุปความรู้ด้วยการสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบุคคลเก่ียวกับความหมายของคาสรรพนามและชนิด ของคาสรรพนาม ๖.๒ กระบวนการจดั การเรียนรู้แบบออนไลน์ (ชั่วโมงที่ ๑) ๑. นักเรียนศึกษาเรือ่ ง คาสรรพนาม จากการสอนสด (live) ของครผู ่านชอ่ งทาง line meeting โดยมี ส่อื ประกอบการสอน เรื่อง คาสรรพนาม ประกอบการจดั การเรียนการสอน ๒. นักเรยี นศึกษาใบความรูเ้ รอ่ื ง คาสรรพนาม จาก google classroom โดยมีครอู ธิบายเพ่มิ เติม ๓. นักเรียนทาใบงาน เร่ือง คาสรรพนาม จากนั้นครเู ฉลยคาตอบทถ่ี กู ต้อง ๔. นักเรียนรวบรวมคาสรรพนามลงในสมุด จากนั้นส่งงานโดยการอัปโหลดรูปภาพลงใน line กลุ่ม ของห้อง ซงึ่ ครจู ะต้งั ชื่ออลั บัม้ ไวว้ า่ “คาสรรพนาม” ๖.๓ กระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบปกติ (ชั่วโมงท่ี ๒)

ข้ันนา ครสู นทนากบั นักเรียนเรื่องคาทแี่ ทนตัวบคุ คล นกั เรียนตอบคาถามเป็นรายบคุ คล ขั้นสอน ๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความหลากหลายของคาสรรพนามจากนั้นเช่ือมโยงเข้าสู่หน้าที่ของ คาสรรพนาม ๒. นักเรยี นศกึ ษาใบความรเู้ ก่ียวกบั หน้าท่ขี องคาสรรพนาม ครอู ธิบายความรู้เพิม่ เตมิ ๓. นกั เรียนทาใบงาน เรือ่ ง หนา้ ที่คาสรรพนาม ๔. นักเรยี นทาแบบทดสอบ เรือ่ ง คาสรรพนาม ขั้นสรปุ ครูให้นักเรียนสรุปความรู้ เร่ือง คาสรรพนาม โดยการสรุปลงแผนภาพความคิดให้ครอบคลุมเนื้อหา สาระที่เกี่ยวข้องกับคานามนาสง่ ในชว่ั โมงต่อไป ๖.๔ กระบวนการจัดการเรยี นรู้แบบออนไลน์ (ชั่วโมงที่ ๒) ๑. นักเรียนศึกษาเร่ือง หน้าที่ของคาสรรพนาม จากการสอนสด (live) ของครูผ่านช่องทาง line meeting โดยมีสอ่ื ประกอบการสอน เรื่อง หน้าท่ขี องคาสรรพนาม ประกอบการจัดการเรียนการสอน ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้เร่ือง หน้าที่ของคาสรรพนาม จาก google classroom โดยมีครูอธิบาย เพิ่มเตมิ ๓. นกั เรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง หนา้ ทคี่ าสรรพนาม จากน้ันครูเฉลยคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง ๔. นักเรียนสรุปความรู้เรื่อง คาสรรพนาม ในรูปแบบแผนภาพความคิด จากนั้นส่งงานโดยการ อัปโหลดรูปภาพลงใน line กลมุ่ ของห้อง ซ่งึ ครูจะต้งั ชื่ออลั บม้ั ไว้ว่า “แผนภาพความคิด เรือ่ ง คาสรรพนาม” ๗. สอ่ื /วสั ดอุ ุปกรณ์/แหลง่ เรียนรู้ ๑. ใบความรู้ เรือ่ ง คาสรรพนาม ๒. ใบงาน เรอื่ ง คาสรรพนาม ๓. ส่อื ประกอบการสอน เรือ่ ง คาสรรพนาม ๔. ใบงาน เรอ่ื ง หนา้ ท่ขี องคาสรรพนาม ๘. การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๙.๑ จุดประสงค์การเรียนรู้

๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑ์การพิจารณาโดยใช้เคร่อื งมือวดั และประเมินผล มดี งั นี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ผล ๘.๑.๒ ด้านทกั ษะกระบวนการ เกณฑ์การพิจารณาโดยใชเ้ ครอ่ื งมือวัดและประเมินผล มีดงั นี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินผล ๘.๑.๓ ด้านคุณลกั ษณะ เกณฑก์ ารพิจารณาโดยใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผล มดี ังนี้ คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรงุ นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๘.๒ การประเมินผล ผลการเรียนร/ู้ คะแนน วธิ วี ดั ผล-ประเมนิ ผล เครื่องมอื วดั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจใบงาน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ผลงาน ๑. อธิบายความหมาย นกั เรยี น ของคาสรรพนามได้ แบบสังเกตพฤติกรรม ๒. อธบิ ายชนิดของคา สรรพนามได้ ๓. มีความมงุ่ มัน่ ในการ ทางาน รวม ๑๐ เกณฑ์การวัดผลและประเมนิ ผล คุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือท่ีมอบหมาย ไดต้ รวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง นางสาวธรี พร บตุ ราช แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี ๑. เป็นแผนจดั การเรียนร้ทู ี่  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ ๒. การจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้นาเอากระบวนการเรยี นรู้  ทเ่ี นน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้เหมาะสม  ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรพฒั นาปรับปรุง ๓. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้  นาไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ .............................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ลงชอื่ ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศพ์ ทุ ธา) รองผอู้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ

รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ บันทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ รายวชิ าภาษาไทย ๑. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ปญั หา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๓. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. ..................................................................................................... ........................................................... .............. ลงชือ่ ............................................ผู้สอน (นางสาวธรี พร บุตราช) ครู

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓ รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนที่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ นิทานสารพัน เรื่อง คากริยา เวลา ๒ ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาวธีรพร บุตราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตัวช้ีวดั ม.๑/๓ ชนดิ และหนา้ ที่ของคา ๒. สาระสาคัญ คากรยิ า คือ คาท่แี สดงกริ ิยาอาการหรอื สภาพของคานามและสรรพนามคากริยาแบ่งเป็น ๕ ชนิด คอื ๑) สกรรมกริยา คือ กริยาท่ีต้องมีกรรมมารับจึงจะได้ใจความสมบูรณ์ ๒) อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่ต้องมี กรรมมารับ ก็สามารถทาให้ประโยคมีใจความสมบูรณ์ ๓) วิกตรรถกริยา คือ กริยาที่ต้องอาศัยส่วนเติมเต็ม เพ่ือประกอบประโยคให้มีใจความสมบูรณ์ ๔) กริยานุเคราะห์ คือ กริยาท่ีทาหน้าที่ช่วยกริยาอ่ืนท่ีตามมา ทา หน้าท่ีช่วยบอกกาลหรือการกระทาเพ่ือทาให้ประโยคมีใจความที่สมบูรณ์ ๕) กริยาสภาวมาลา คือ กริยาที่ทา หนา้ ที่เป็นคานาม อาจเปน็ ประธานหรอื กรรม หรือบทขยายของประโยคกไ็ ด้ ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ (K) ๑. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายคากรยิ าได้ ๒. นักเรยี นสามารอธิบายชนดิ ของคากรยิ าไดด้ า้ นทกั ษะและกระบวนการได้ ๓.๒ งานทกั ษะ/กระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถจาแนกคากริยาได้ ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) มคี วามมุง่ มนั่ ในการทางาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (Knowledge) ๑. ความหมายคากริยา

๒. ชนิดของคากรยิ า ๔.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process) ๑. ใชค้ ากรยิ าไดถ้ กู ต้อง ๔.๓ ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซอื่ สตั ย์สจุ รติ  มวี ินัย  ใฝเ่ รียนรู้  อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง  ม่งุ มนั่ ในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ ๔.๔ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๔.๕ ด้านคุณลักษณะของผ้เู รยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล  เปน็ เลิศวชิ าการ  สื่อสารสองภาษา  ลา้ หนา้ ทางความคดิ  ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  รว่ มกนั รับผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก ๔.๖ บรู ณาการตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑. หลักความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลักความมีเหตผุ ล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลักภูมิคุม้ กัน : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงื่อนไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เงือ่ นไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแต่ละดา้ นไม่จาเป็นตอ้ งมคี รบทุกข้อในทุกแผนการจดั การเรยี นรู้) ๕. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. นกั เรียนทาหนงั สือเล่มเล็กรวบรวมคากริยา ๒. แผนภาพความคดิ เร่อื ง หนา้ ทขี่ องคากริยา

๖. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๖.๑ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ (ชั่วโมงท่ี ๑) ขั้นนา ครใู ห้นกั เรยี นดภู าพสตกิ เกอร์ใบหนา้ ในรูปแบบลกั ษณะตา่ ง ๆได้แก่ ใบหนา้ ย้ิม ร้องไห้ หัวเราะ แลว้ ใหน้ กั เรยี นฝกึ สังเกตสีหนา้ ซ่งึ แสดงถงึ อารมณ์ ความรู้สกึ จากนนั้ เชื่อมโยงเขา้ สู่ เรอื่ งคากรยิ า ขนั้ สอน ๑. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ จานวน ๔ กลุ่ม จากน้นั ศกึ ษาใบความรเู้ รอ่ื ง คากรยิ า ๒. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันรวบรวมคากริยาให้ได้มากท่ีสุดในเวลา ๒ นาที โดยเขียนลงใน กระดาษทีค่ รูแจกให้ เม่ือหมดเวลาใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนออกมาเขยี นคากรยิ าบนกระดาน ๓. ครูและนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของคากริยาที่ช่วยกันรวบรวมมาทีละกลุ่ม กลุ่มที่ รวบรวมคากรยิ าได้มากและถูกตอ้ งทีส่ ดุ เป็นผู้ชนะ ๔. นกั เรยี นทาใบงาน เรื่อง คากรยิ า เมื่อเสร็จแลว้ ครูเฉลยและอธิบายคาตอบ ข้นั สรุป ครูซกั ถามนกั เรยี นเป็นรายบุคคลเกย่ี วกบั ความรูท้ ี่ไดร้ ับในการเรยี นเร่ือง คากรยิ า นักเรียนตอบคาถาม ครูอธิบายเพ่ิมเติมเพ่ือเป็นการสรุปความรู้อีกคร้งั นักเรยี นจดบันทกึ ลงสมุด ๖.๒ กระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบออนไลน์ (ชั่วโมงท่ี ๑) ๑. นกั เรียนศกึ ษาเรอื่ ง คากริยา จากการสอนสด (live) ของครูผ่านช่องทาง line meeting โดยมีส่ือ ประกอบการเรียนการสอน เรือ่ ง คากรยิ า ประกอบการจัดการเรยี นการสอน ๒. นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้เรอื่ ง คากริยา จาก google classroom ๓. นักเรยี นทาใบงาน เรอื่ ง คากรยิ า แลว้ เฉลยร่วมกนั ๔. นักเรียนรวบรวบคากรยิ าอย่างน้อย ๑๐ คา พร้อมภาพประกอบ ใส่กระดาษ A4 จากน้ันส่งงานโดย การอัปโหลดรูปภาพลงใน line กลุ่มของห้อง ซง่ึ ครจู ะต้ังชื่ออัลบมั้ ไว้วา่ “รวบรวมคากรยิ า” ๖.๓ กระบวนการจดั การเรียนรูแ้ บบปกติ (ชวั่ โมงที่ ๒) ขน้ั นา ครูสนทนากับนักเรียนเร่ือง คากริยา นอกจากที่นักเรียนค้นคว้ามามีคาที่เกิดขึ้นใหม่อีกหรือไม่ นักเรียนตอบคาถามครอู ธิบายเพม่ิ เติม จากน้ันครเู ชอื่ มโยงเข้าส่เู รอ่ื ง หน้าทขี่ องคากริยา

ขัน้ สอน ๑. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรอื่ ง หน้าทีข่ องคากรยิ า โดยมีครูเป็นผู้อธิบายเนอ้ื หาความรเู้ พม่ิ เติม ๒. นักเรียนทาใบงาน เร่ือง หน้าท่ีของคากริยา จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคาตอบพร้อมกัน นกั เรยี นฝกึ สงั เกตหน้าท่ีของคากริยากับคาท่ีได้เรยี นมาแล้วศึกษาความแตกตา่ งครแู ละนักเรียนสรปุ เป็นความรู้ นกั เรียนบนั ทึกลงสมดุ ๓. นกั เรียนทาแบบทดสอบ เรื่อง คากรยิ า ขน้ั สรุป ครูให้นักเรียนสรุปความรู้ เรื่อง หน้าที่ของคากริยา โดยการสรุปลงแผนภาพความคิดให้ครอบคลุม ชนิดและหนา้ ที่ของคากรยิ านาสง่ ตามทีค่ รูกาหนด ๖.๔ กระบวนการจัดการเรยี นรู้แบบออนไลน์ (ชวั่ โมงที่ ๒) ๑. นักเรยี นศกึ ษาเรอ่ื ง หนา้ ทคี่ ากริยา จากการสอนสด (live) ของครูผา่ นช่องทาง line meeting โดย มสี ื่อประกอบการสอน เร่ือง หน้าทข่ี องคากริยา ประกอบการจัดการเรียนการสอน ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง หน้าท่ีของคากริยา จาก google classroom โดยมีครูเป็นผู้อธิบาย เน้ือหาความรู้เพม่ิ เตมิ ๓. นักเรยี นทาใบงานเรื่อง หนา้ ทีข่ องคากริยา จากนั้นครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบพร้อมกนั ๔. นักเรียนทาแผนภาพความคิดเร่ือง หนา้ ทข่ี องคากรยิ า จากนัน้ สง่ งานโดยการอัปโหลดรปู ภาพลงใน line กลุ่มของห้อง ซึ่งครูจะตง้ั ชอ่ื อลั บม้ั ไว้ว่า “หน้าทีข่ องคากรยิ า” ๕. นักเรยี นทาแบบทดสอบ เร่อื ง คากรยิ า ผ่าน google form ๗. ส่อื /วสั ดอุ ุปกรณ์/แหลง่ เรียนรู้ ๑. ภาพสตกิ เกอร์ ๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง คากรยิ า ๓. ใบงาน เรือ่ ง คากริยา ๔. ส่ือประกอบการสอน เรือ่ ง คากรยิ า ๕. แบบทดสอบ เร่ือง คากริยา

๘. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๘.๑ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑก์ ารพจิ ารณาโดยใชเ้ ครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล มีดังน้ี คะแนน/คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๙-๑๐/ดีมาก นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ผล ๘.๑.๒ ด้านทกั ษะกระบวนการ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใชเ้ ครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล มดี งั น้ี คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๘.๑.๓ ด้านคุณลกั ษณะ เกณฑก์ ารพจิ ารณาโดยใชเ้ คร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล มีดงั นี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นกั เรียนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผล

๘.๒ การประเมนิ ผล ผลการเรยี นรู้/ คะแนน วธิ ีวัดผล-ประเมินผล เครอ่ื งมือวดั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจใบงาน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินผลงาน ๑. อธิบายความหมาย นกั เรยี น คากริยาได้ แบบสงั เกตพฤติกรรม ๒. อธบิ ายชนิดของ คากรยิ าได้ดา้ นทักษะ และกระบวนการได้ ๓. จาแนกชนิดของ คากรยิ าได้ ๔. มคี วามม่งุ มน่ั ในการ ทางาน รวม ๑๐ เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมินผล คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศกึ ษาหรือท่ีมอบหมาย ได้ตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง นางสาวธีรพร บตุ ราช แลว้ มีความเห็นดังนี้ ๑. เปน็ แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ๒. การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ไู ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้  ทเ่ี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้เหมาะสม  ยังไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ควรพัฒนาปรับปรงุ ๓. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้  นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ............................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศ์พทุ ธา) รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ

รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ บนั ทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ รายวิชาภาษาไทย ๑. ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ปญั หา/อปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .............................................................................. .............. ๓. ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ลงช่ือ............................................ผสู้ อน (นางสาวธีรพร บตุ ราช) ครู

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔ รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรียนมธั ยมวดั หนองแขม ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ นทิ านสารพัน เรื่อง คาวิเศษณ์ เวลา ๒ ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาวธีรพร บุตราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ตวั ช้วี ัด ม.๑/๓ วเิ คราะห์ชนดิ และหน้าทีข่ องคาในประโยค ๒. สาระสาคญั คาวิเศษณ์ คือ คาท่ีใช้ประกอบคาอื่นเพื่อให้ความหมายของคานั้นชัดเจนย่ิงข้ึน คาวิเศษณ์อาจ ประกอบนาม สรรพนาม กริยา หรือวิเศษณ์ด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น ๙ ชนิด ได้แก่ ลักษณวิเศษณ์ กาลวิเศษณ์ สถานวิเศษณ์ ประมาณวิเศษณ์ นิยมวิเศษณ์ อนิยมวิเศษณ์ ปฤจฉาวิเศษณ์ ประติเสธวิเศษณ์ และประติชญา วิเศษณ์ เมื่อนักเรียนได้เรียนเรอ่ื งนแ้ี ล้ว จะทาให้นักเรียนสามารถวเิ คราะห์คาวเิ ศษณ์และหนา้ ท่ีของคาวิเศษณ์ แต่ละชนิดได้ เพื่อการนาไปใช้ สื่อสารได้อย่างถูกต้อง อีกท้ังนาความรู้ท่ีได้ไปใช้ในทักษะด้านอ่ืนๆได้อย่าง เหมาะสม ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ (K) ๑. อธิบายความหมายคาวิเศษณ์ ๒. อธิบายชนิดของคาวเิ ศษณ์ ๓. วิเคราะหช์ นดิ และหนา้ ท่ีของคาวิเศษณ์ได้ ๓.๒ งานทกั ษะ/กระบวนการ (P) ๑. จาแนกชนิดของคาวิเศษณ์ได้ ๒. ใชค้ าวิเศษณ์ไดถ้ กู ต้อง

๓.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ๑. มวี ินัย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๔. รักความเปน็ ไทย ๔. สาระการเรยี นรู้ ๔.๑ ด้านความรู้ (Knowledge) ชนิดและหนา้ ที่ของคาวิเศษณ์ ๔.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process) ๑. จาแนกชนดิ ของคาวิเศษณ์ได้ ๒. ใช้คาวิเศษณไ์ ด้ถูกต้อง ๔.๓ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Attitude)  รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซือ่ สัตย์ สุจริต  มีวนิ ัย  ใฝ่เรยี นรู้  อยอู่ ยา่ งพอเพียง  มุ่งม่นั ในการทางาน  รักความเป็นไทย  มจี ติ สาธารณะ ๔.๔ ด้านสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๕ ดา้ นคุณลักษณะของผู้เรยี นตามหลักสูตรมาตรฐานสากล  เปน็ เลิศวชิ าการ  ส่ือสารสองภาษา  ล้าหนา้ ทางความคดิ  ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์  ร่วมกนั รับผิดชอบต่อสังคมโลก ๔.๖ บรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ๑. หลกั ความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลกั ความมเี หตผุ ล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลักภูมิคุ้มกนั : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงือ่ นไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เงอ่ื นไขคุณธรรม : …………………………………………………………………………………..........

(หมายเหตุ ในแต่ละด้านไม่จาเปน็ ตอ้ งมีครบทุกข้อในทุกแผนการจดั การเรียนรู้) ๕. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ๑. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นจดั ทาแผนภาพความคิดสรปุ ลกั ษณะชนิดของคาวิเศษณ์ ๒. ศกึ ษาค้นคว้าบทความทีใ่ ชค้ าวเิ ศษณ์ ๖. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๖.๑ กระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบปกต(ิ ชั่วโมงที่ ๑) ข้นั นา ครูติดแถบประโยคบนกระดานดา แล้วให้นักเรียน สังเกตคาจากแถบประโยคที่กาหนดให้แล้วต้ัง คาถาม เช่น คาท่ีขีดเส้นใต้เป็นคาชนิดใด คาที่ขีดเส้นใต้ทา หน้าที่อะไร คาท่ีขีดเส้นใต้ทุกข้อมีความคล้ายคลึง กนั หรือแตกต่างกนั อยา่ งไร ๑) เกง่ เปน็ คนอว้ น ๒) ไกว่ ่ิงเรว็ ๓) ก้อยตื่นสาย ๔) แกม้ นั่งใกล้โต๊ะ ๕) กิก๊ ใสเ่ ส้อื แดง ข้ันสอน ๑. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๖ กลุ่ม ศึกษาใบความรู้ เร่ือง คาวิเศษณ์ แล้วร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง ความหมาย และชนดิ ของคาวเิ ศษณ์ ๒. นกั เรียนเล่นเกม “วเิ ศษณแ์ บบไหน...ลองทาย” แขง่ ขนั ระบุชนิดของคาวเิ ศษณ์ ต่อไปนแี้ ล้วรว่ มกัน สรปุ ชนดิ คาวเิ ศษณ์ ๓. นักเรียนทาแบบฝึก “เลือกวิเศษณ์ใช้ส่ือสาร” และเขียนแสดงความคิดเห็น ในประเด็น “วิเศษณ์ น้นั สาคัญอยา่ งไร” ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความหมายและชนิดคาวิเศษณ์ พร้อมทั้งข้อสังเกตของคาวิเศษณ์แล้วให้ นกั เรียนบันทกึ ลงสมุด หมายเหตุ : การจัดกระบวนการเรียนรจู้ ะใช้หัวขอ้ อยา่ งไรให้ขน้ึ อยู่กบั บริบทของแต่ละวิชา ๖.๒ กระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบออนไลน์ (ชั่วโมงท่ี ๑) ๑. นักเรยี นศึกษาเร่ือง คาวเิ ศษณ์ จากการสอนสด (live) ของครูผา่ นช่องทาง line meeting โดย มีสอ่ื ประกอบการสอน เรือ่ ง คาวเิ ศษณ์ ประกอบการจดั การเรยี นการสอน ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง คาวิเศษณ์ จาก google classroom โดยมีครูเป็นผู้อธิบายเนื้อหา ความรเู้ พิม่ เติม ๓. นักเรียนทาใบงานเรือ่ ง คาวเิ ศษณ์ จากนัน้ ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคาตอบพร้อมกนั ๔. นักเรียนทาแผนภาพความคิดเร่ือง คาวิเศษณ์ จากน้ันส่งงานโดยการอัปโหลดรูปภาพลงใน line กลมุ่ ของหอ้ ง ซึง่ ครูจะต้งั ชื่ออัลบมั้ ไว้ว่า “คาวิเศษณ”์

๖.๓ กระบวนการจดั การเรียนรู้แบบปกติ (ช่ัวโมงที่ ๒) ข้นั นา ครูติดแถบประโยคบนกระดานดา ได้แก่ นกบนิ นกเลก็ บินเรว็ นกเลก็ หลายตัวบนิ เรว็ นกเลก็ หลายตัว บนิ เรว็ มาก แล้วให้นกั เรยี นสังเกตคาจากแถบประโยคที่กาหนดให้ว่า มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร ข้ันสอน ๑. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ศึกษาใบความรู้ เร่ือง คาวิเศษณ์ แล้วร่วมกันสรุปความรู้เรื่องหน้าท่ี ของคาวิเศษณ์ ๒. นักเรียนเรยี นวิเคราะห์คาวเิ ศษณจ์ ากนทิ าน เรอ่ื ง หน้าท่ีของฉัน และนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น ๓. นักเรียนทาใบงาน เรื่อง คาวิเศษณ์ และเขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็น “วิเศษณ์นั้นสาคัญ อย่างไร” ๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยใบงานเรอื่ ง คาวิเศษณ์ ๕. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ เร่ือง คาวเิ ศษณ์พร้อม เฉลยแบบทดสอบอย่างละเอียด ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคาวิเศษณ์เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจตรงกันและบันทึกลงสมุดเพื่อ นาไปใช้ได้ อย่างถูกต้อง หมายเหตุ : การจดั กระบวนการเรยี นร้จู ะใช้หัวขอ้ อยา่ งไรใหข้ น้ึ อยกู่ บั บริบทของแต่ละวิชา ๖.๔ กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ บบออนไลน์ (ชวั่ โมงที่ ๒) ๑. นักเรียนศึกษาเรอ่ื ง หน้าท่ีของคาวเิ ศษณ์ จากการสอนสด (live) ของครผู า่ นช่องทาง line meeting โดยมสี อื่ ประกอบการสอน เรอ่ื ง หนา้ ทขี่ องคาวิเศษณ์ ประกอบการจัดการเรียนการสอน ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่ือง หน้าที่ของคาวิเศษณ์ จาก google classroom โดยมีครูเป็นผู้ อธิบายเนอื้ หาความรเู้ พ่มิ เติม ๓. นกั เรียนทาใบงานเร่อื ง หน้าที่ของคาวิเศษณ์ จากนัน้ ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคาตอบพร้อมกัน ๔. นกั เรยี นทาแบบทดสอบเรื่อง คาวิเศษณ์ จาก google form ๗. สือ่ /วสั ดุอุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ๗.๑ สื่อการเรยี นรู้ ๑. ภาพประโยค ๒. ใบความรู้ เร่อื ง คาวเิ ศษณ์ (ลักษณะและชนิดของคาวเิ ศษณ์) ๓. เกม “วเิ ศษณ์แบบไหน...ลองทายซิ” ๔. แบบฝึก “เลอื กวิเศษณ์ใช้ส่ือสาร”

๕. สือ่ ประกอบการสอน เร่ือง คาวิเศษณ์ ๖. นิทาน เร่อื ง หนา้ ทข่ี องฉนั ๗. ใบงาน เรอื่ งหนา้ ทีข่ องคาวิเศษณ์ ๘. แบบทดสอบ เร่ือง คาวเิ ศษณ์ ๗.๒ แหลง่ การเรียนรู้ ๑. หอ้ งสมุด ๒. อินเทอรเ์ นต็ ๘. การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ๘.๑ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑก์ ารพิจารณาโดยใชเ้ คร่อื งมือวัดและประเมินผล มีดงั นี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรงุ นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๘.๑.๒ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ เกณฑ์การพิจารณาโดยใช้เครือ่ งมือวดั และประเมนิ ผล มดี ังนี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา ๙-๑๐/ดีมาก นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินผล ๘.๑.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใชเ้ คร่ืองมือวัดและประเมินผล มดี ังนี้ คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรงุ นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ผล

๘.๒ การประเมินผล ผลการเรียนร/ู้ คะแนน วธิ วี ดั ผล-ประเมินผล เครื่องมือวดั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจใบงาน สังเกตพฤติกรรม แบบประเมินผลงาน ๑. อธบิ ายความหมายคา นักเรยี น วิเศษณ์ แบบสังเกตพฤติกรรม ๒. อธิบายชนิดของคา วเิ ศษณ์ ๓. วิเคราะห์ชนิดและ หน้าทีข่ องคาวิเศษณ์ได้ ๔. จาแนกชนดิ ของคา วเิ ศษณ์ได้ ๕. ใช้คาวิเศษณไ์ ด้ ถูกต้อง ๖. มวี นิ ัย ๗. ใฝเ่ รียนรู้ ๘. มุ่งมนั ในการทางาน ๙. รกั ความเปน็ ไทย รวม ๑๐ เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมินผล คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรอื ท่ีมอบหมาย ไดต้ รวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง นางสาวธรี พร บุตราช แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ ๑. เป็นแผนจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้นาเอากระบวนการเรยี นรู้  ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญมาใช้ในการสอนได้เหมาะสม  ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคญั ควรพัฒนาปรับปรุง ๓. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้  นาไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรับปรุงกอ่ นนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศ์พทุ ธา) รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ

รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ บันทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ รายวิชาภาษาไทย ๑. ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ปญั หา/อปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๓. ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. ..................................................................................................... ......................................................................... ลงชอื่ ............................................ผู้สอน (นางสาวธรี พร บุตราช) ครู

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นมัธยมวัดหนองแขม ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ นทิ านสารพนั เร่อื ง นิทานพืน้ บ้าน เวลา ๑ ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาวธรี พร บตุ ราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่า และ นามาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง ตัวช้วี ดั ม.๑/๑ สรปุ เนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า่ น ม.๑/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน ๒. สาระสาคัญ นิทานพื้นบ้าน เป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันสืบมา แม้ยากท่ีจะเช่ือว่าเป็นจริงแต่ถ้าได้พิจารณาเน้ือหา อย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่าแฝงไว้ด้วยสาระท่ีเป็นประโยชน์ และย่ิงสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา และทัศนคติ ของมนุษย์ในแตล่ ะสังคมไดเ้ ป็นอยา่ งดี ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ (K) อธิบายความเป็นมา ประเภทและองคป์ ระกอบของนทิ านชาดก ๓.๒ งานทกั ษะ/กระบวนการ (P) วเิ คราะหเ์ นอ้ื หานทิ านชาดกได้ ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ๑. มวี ินยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๔. สาระการเรยี นรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (Knowledge) ความเป็นมา ประเภทและองคป์ ระกอบของนิทานชาดก

๔.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process) วิเคราะหเ์ นือ้ หานิทานชาดกได้ ๔.๓ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Attitude)  รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซื่อสตั ย์ สุจรติ  มวี นิ ัย  ใฝเ่ รียนรู้  อยอู่ ย่างพอเพียง  มงุ่ มน่ั ในการทางาน  รกั ความเป็นไทย  มจี ติ สาธารณะ ๔.๔ ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น  ความสามารถในการสอื่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๕ ด้านคุณลกั ษณะของผ้เู รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล  เป็นเลศิ วชิ าการ  ส่ือสารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคิด  ผลติ งานอย่างสร้างสรรค์  ร่วมกนั รับผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก ๔.๖ บรู ณาการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑. หลกั ความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลักความมเี หตุผล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลกั ภูมิคุม้ กัน : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงือ่ นไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เงือ่ นไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแต่ละดา้ นไม่จาเปน็ ต้องมีครบทกุ ข้อในทุกแผนการจัดการเรียนรู้) ๕. ช้ินงาน/ภาระงาน - ๖. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๖.๑ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ขน้ั นา ครูให้นักเรียนดูวิดิทัศน์การ์ตูนนิทานชาดก ประมาณ ๓ - ๕ นาที แล้วสนทนาซักถามเกี่ยวกับนิทาน ชาดกทน่ี ักเรยี นเคยไดฟ้ งั มา

ข้นั สอน ๑. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ออกเป็น ๕ กลุม่ ศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื ง นทิ านชาดก ๒. นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมาสรุปให้เพื่อนฟัง เกี่ยวกับความเป็นมา ประเภท องค์ประกอบของ นทิ านชาดกและยกตวั อยา่ งนทิ านชาดก ๓. ครูอธิบายความร้เู พ่มิ เติมจากการท่นี ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้เรื่อง นิทานชาดก ๔. นักเรยี นคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ เพ่ือทารายงานเรื่อง นิทานชาดก ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนสรปุ ความร้เู ก่ียวกบั นิทานชาดก นักเรียนจดบันทกึ ลงสมดุ หมายเหตุ : การจดั กระบวนการเรยี นรจู้ ะใชห้ วั ขอ้ อย่างไรให้ขึ้นอยู่กบั บรบิ ทของแต่ละวิชา ๖.๒ กระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบออนไลน์ ๑. นักเรียนชมวิดิทัศน์การ์ตูนนิทานชาดก ประมาณ ๓ - ๕ นาที จาก google classroom แล้ว สนทนาซักถามเก่ียวกับนิทานชาดกท่ีนักเรียนเคยได้ฟังมา ผ่านการสอนแบบสด (live) ของครู ผ่านช่องทาง line meeting ๒. นักเรียน ศึกษาใบความรู้ เรอื่ ง นิทานชาดก จาก google classroom ๓. นักเรียนและครูช่วยกันอภิปรายความรู้เกี่ยวกับความเป็นมา ประเภท องค์ประกอบของนิทาน ชาดกและให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งนิทานชาดกมาคนละ ๑ เร่อื ง ๔. นกั เรียนคน้ คว้าเพมิ่ เติมจากแหล่งสารสนเทศอ่ืน ๆ เพอื่ ทารายงาน เรอื่ ง นทิ านชาดก ๗. สอื่ /วัสดุอปุ กรณ/์ แหลง่ เรียนรู้ ๗.๑ สื่อการเรยี นรู้ ๑. วดิ ทิ ศั น์การต์ นู นทิ านชาดก ๒. ใบความรู้เร่ือง นทิ านชาดก ๗.๒ แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ห้องสมุด ๒. อินเทอรเ์ นต็

๘. การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ๘.๑ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑ์การพิจารณาโดยใช้เครือ่ งมือวัดและประเมินผล มีดังน้ี คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรงุ นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ผล ๘.๑.๒ ด้านทกั ษะกระบวนการ เกณฑ์การพิจารณาโดยใช้เครื่องมือวดั และประเมนิ ผล มดี ังนี้ คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา ๙-๑๐/ดมี าก นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรงุ นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมินผล ๘.๑.๓ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ เกณฑก์ ารพิจารณาโดยใชเ้ ครื่องมือวดั และประเมนิ ผล มีดังนี้ คะแนน/คุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นกั เรียนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผล

๘.๒ การประเมนิ ผล ผลการเรยี นรู้/ คะแนน วิธวี ัดผล-ประเมนิ ผล เครื่องมอื วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ ตรวจใบงาน สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ผลงาน ๑. อธบิ ายความเป็นมา นักเรยี น ประเภทและ แบบสงั เกตพฤติกรรม องคป์ ระกอบของนิทาน ชาดก ๒. วิเคราะห์เนือ้ หา นิทานชาดกได้ ๓. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๔. มวี ินัย ๕. ใฝเ่ รยี นรู้ รวม ๑๐ เกณฑก์ ารวัดผลและประเมินผล คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือที่มอบหมาย ไดต้ รวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง นางสาวธีรพร บุตราช แล้วมคี วามเหน็ ดังน้ี ๑. เป็นแผนจัดการเรียนร้ทู ี่  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ ๒. การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ไู ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้  ทเ่ี นน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้เหมาะสม  ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรพฒั นาปรับปรงุ ๓. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้  นาไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ .............................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ลงชื่อ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศ์พทุ ธา) รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ

รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ บนั ทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ รายวชิ าภาษาไทย ๑. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ปัญหา/อปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................ .............................................................. ๓. ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ............................................ผู้สอน (นางสาวธรี พร บุตราช) ครู

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๖ รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย โรงเรยี นมัธยมวัดหนองแขม ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๔ เรอ่ื ง ค่าทวสี รรคร์ กั ษภ์ าษาไทย เวลา ๑ ชัว่ โมง ผูส้ อน นางสาวธรี พร บุตราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่า และ นามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จริง ตัวช้วี ดั ม.๑/๑ สรุปเนอื้ หาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น ม.๑/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ น ๒. สาระสาคัญ นิทานพ้ืนบ้าน เป็นเร่ืองราวที่เล่าขานกันสืบมา แม้ยากที่จะเชื่อว่าเป็นจริงแต่ถ้าได้พิจารณาเน้ือหา อย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่าแฝงไว้ด้วยสาระท่ีเป็นประโยชน์ และยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา และทัศนคติ ของมนุษย์ในแตล่ ะสังคมไดเ้ ปน็ อย่างดี ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ (K) วิเคราะห์คุณคา่ จากนทิ านพน้ื บา้ นได้ ๓.๒ งานทักษะ/กระบวนการ (P) ๑. วเิ คราะห์ประเภทของนิทานทัว่ ไปกับนิทานพ้นื บา้ นได้ ๒. วิเคราะห์คณุ ค่าและข้อคิดทปี่ รากฏในนทิ านพน้ื บ้านได้ ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ๑. มวี นิ ัย ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๔. รกั ความเปน็ ไทย

๔. สาระการเรยี นรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (Knowledge) คณุ ค่าจากนิทานพ้นื บา้ น ๔.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process) ๑. วเิ คราะห์ประเภทของนทิ านทว่ั ไปกับนิทานพ้ืนบา้ นได้ ๒. วเิ คราะห์คุณค่าและข้อคิดทปี่ รากฏในนิทานพน้ื บา้ นได้ ๔.๓ ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Attitude)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ  มีวนิ ัย  ใฝ่เรยี นรู้  อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง  มงุ่ มนั่ ในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ ๔.๔ ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน  ความสามารถในการสอื่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๕ ด้านคุณลกั ษณะของผ้เู รียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล  เป็นเลิศวชิ าการ  สอื่ สารสองภาษา  ล้าหน้าทางความคิด  ผลติ งานอยา่ งสร้างสรรค์  รว่ มกันรบั ผดิ ชอบต่อสังคมโลก ๔.๖ บูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑. หลกั ความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลกั ความมีเหตุผล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลกั ภูมคิ ุ้มกัน : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงื่อนไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เง่อื นไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแตล่ ะดา้ นไม่จาเป็นต้องมคี รบทกุ ข้อในทุกแผนการจัดการเรยี นร้)ู ๕. ชิน้ งาน/ภาระงาน สมดุ เลม่ เล็ก “นทิ านพ้นื บ้าน สืบสานรักษ์ไทย”

๖. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ๖.๑ กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ บบปกติ ข้ันนา ๑. ครูตง้ั คาถามวา่ นิทานพนื้ บ้านมคี วามสาคญั อย่างไร ๒. ครใู ห้นักเรียนยกตัวอย่างนทิ านพืน้ บ้านที่นักเรียนร้จู ักมาคนละหนึ่งเร่ือง แลว้ พดู สรปุ ย่อๆ เก่ยี วกับ นทิ านพ้ืนบา้ นน ข้นั สอน ๑. นักเรียนวิเคราะห์คุณค่าและความสาคัญของนิทานพ้ืนบ้านจากเร่ืองนิทานพื้นบ้าน จากหนังสือ วรรณคดวี จิ ักษ์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ๒. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ วิเคราะหค์ วามแตกต่างระหวา่ งนิทานพืน้ บ้านกับนิทานทัว่ ไป ๓. นกั เรยี นวิเคราะหค์ ณุ คา่ นทิ านพน้ื บา้ นจาก ใบงานเร่อื ง การวเิ คราะห์นิทานพ้นื บา้ น ๔. ตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานการวเิ คราะห์ ๕. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลการนาเสนอ ๖. นกั เรียนทาใบงานเร่ือง ฝึกคิดพิชติ คาตอบ ขั้นสรปุ ครูสรุปลักษณะสาคัญของนิทานพ้ืนบ้าน ประโยชน์ที่ได้รับจากนั้นมอบหมายให้นักเรียน จัดทาสมุด นทิ านพน้ื บา้ นพรอ้ มวาดภาพประกอบ หมายเหตุ : การจดั กระบวนการเรียนรู้จะใช้หวั ขอ้ อย่างไรใหข้ ้นึ อยู่กบั บริบทของแตล่ ะวิชา ๖.๒ กระบวนการจดั การเรียนรแู้ บบออนไลน์ ๑. นกั เรียนศกึ ษานิทานพื้นบา้ นวา่ มีความสาคญั อย่างไร ผา่ นการสอนสด (live) ของครู ด้วยโปรแกรม line meeting ๒. นักเรยี นวเิ คราะห์ความแตกตา่ งระหวา่ งนิทานพืน้ บา้ นกบั นิทานทว่ั ไป ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์คุณค่านิทานพื้นบ้านจากใบงานเร่ือง การวิเคราะห์นิทานพ้ืนบ้าน จาก เอกสารประกอบการเรียนการสอน ๔. นักเรียน ๑-๒ คน นาเสนอผลงานการวเิ คราะห์เพอ่ื เปน็ ตัวอย่างให้เพ่อื น ๆ ๕. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ผลการนาเสนอ ๖. นักเรียนทาใบงานเรื่อง ฝึกคิดพิชิตคาตอบ จากเอกสารประกอบการเรียนการสอน แล้วเฉลย ร่วมกัน

๗. นกั เรยี นจดั ทาสมุดนทิ านพื้นบ้านพร้อมวาดภาพประกอบ แล้วส่งงานในอลั บม้ั line กลมุ่ ของห้อง โดยครูจะต้ังชอ่ื อัลบม้ั ไวว้ ่า “สมดุ นิทานพ้ืนบ้าน” ๗. สือ่ /วัสดุอปุ กรณ/์ แหล่งเรียนรู้ ๗.๑ ส่อื การเรียนรู้ ๑. หนงั สือวรรณคดวี จิ กั ษ์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ ๒. ใบงาน เร่อื ง การวเิ คราะห์นทิ านพน้ื บ้าน ๓. ใบงาน เร่อื ง ฝึกคิด พชิ ติ คาตอบ ๔. สือ่ ประกอบการสอน เรื่อง นิทานพน้ื บ้าน ๗.๒ แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ห้องสมุด ๒. อินเทอร์เน็ต ๘. การวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ๘.๑ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑ์การพิจารณาโดยใช้เครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล มีดงั น้ี คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดมี าก นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมินผล ๘.๑.๒ ดา้ นทักษะกระบวนการ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใชเ้ ครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล มีดังน้ี คะแนน/คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙-๑๐/ดีมาก นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรับปรุง นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ผล

๘.๑.๓ ดา้ นคุณลักษณะ เกณฑก์ ารพจิ ารณาโดยใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผล มดี ังนี้ คะแนน/คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ผล ๘.๒ การประเมนิ ผล ผลการเรียนร/ู้ คะแนน วิธวี ดั ผล-ประเมินผล เครื่องมอื วดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สมุดภาพนทิ านพืน้ บ้าน แบบประเมนิ ผลงาน นกั เรยี น ๑. วิเคราะหค์ ุณค่าจาก สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม นิทานพื้นบ้านได้ ๒. วเิ คราะห์ประเภท ของนิทานทว่ั ไปกบั นิทานพื้นบ้านได้ ๓. วเิ คราะห์คณุ คา่ และ ขอ้ คิดท่ีปรากฏในนิทาน พ้นื บ้านได้ ๔. มวี นิ ัย ๕. ใฝเ่ รยี นรู้ ๖. ม่งุ มั่นในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย รวม ๑๐ เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมินผล คุณภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง คะแนน ๑-๔ ๙-๑๐ ๗-๘ ๕-๖

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรอื ท่ีมอบหมาย ไดต้ รวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง นางสาวธรี พร บุตราช แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ ๑. เป็นแผนจดั การเรียนรทู้ ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง ๒. การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ไู ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนไดเ้ หมาะสม  ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาคญั ควรพัฒนาปรบั ปรงุ ๓. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้  นาไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ ๔. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางสาวนภาพร วงศ์พุทธา) รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ

รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ บันทกึ หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ รายวิชาภาษาไทย ๑. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๒. ปัญหา/อปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................ .............................................................. ๓. ขอ้ เสนอแนะ / แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ลงช่ือ............................................ผู้สอน (นางสาวธรี พร บตุ ราช) ครู

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๗ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรยี นมัธยมวัดหนองแขม ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ นิทานสารพัน เรือ่ ง การเขียนย่อความ เวลา ๒ ชว่ั โมง ผูส้ อน นางสาวธรี พร บุตราช *********************************************************************************************** ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และ เขียนเรอ่ื งราวในรปู แบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธิภาพ ตวั ชว้ี ดั ม.๑/๕ เขียนยอ่ ความจากเร่อื งทีอ่ ่าน ม.๑/๙ มีมารยาทในการเขยี น ๒. สาระสาคญั การเขยี นย่อความ จะต้องมีความรูเ้ รื่องหลักการเขยี นย่อความ และรูปแบบ เมอื่ นักเรียนได้ลงมือ ปฏบิ ตั ิแลว้ จะทาให้มีทักษะทางการเขียนมากข้นึ และสามารถตอ่ ยอดไปสู่ทักษะการเขียนดา้ นอื่นๆ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ (K) มีความรคู้ วามเขา้ ใจหลักการเขียนย่อความและแบบของการเขยี นย่อความ ๓.๒ งานทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขียนยอ่ ความจากเรื่องท่ีอ่านได้ ๓.๓ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ๑. มวี นิ ัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุง่ มั่นในการทางาน ๔. สาระการเรียนรู้ ๔.๑ ดา้ นความรู้ (Knowledge) หลักการเขียนย่อความและแบบของการเขียนย่อความ

๔.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process) เขียนย่อความจากเรื่องที่อา่ นได้ ๔.๓ ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (Attitude)  รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซ่ือสัตย์ สจุ รติ  มีวนิ ยั  ใฝ่เรยี นรู้  อย่อู ย่างพอเพยี ง  มงุ่ มัน่ ในการทางาน  รักความเป็นไทย  มจี ติ สาธารณะ ๔.๔ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔.๕ ดา้ นคณุ ลกั ษณะของผเู้ รียนตามหลกั สูตรมาตรฐานสากล  เปน็ เลิศวชิ าการ  ส่อื สารสองภาษา  ลา้ หน้าทางความคิด  ผลิตงานอยา่ งสร้างสรรค์  รว่ มกนั รบั ผิดชอบตอ่ สงั คมโลก ๔.๖ บูรณาการตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑. หลักความพอประมาณ: ……………………………………………………………………………................ ๒. หลักความมีเหตุผล : ………………………………………………………………………………….......... ๓. หลกั ภูมคิ ุ้มกัน : ………………………………………………………………………………….......... ๔. เงือ่ นไขความรู้ : ………………………………………………………………………………….......... ๕. เง่อื นไขคุณธรรม : ………………………………………………………………………………….......... (หมายเหตุ ในแต่ละดา้ นไม่จาเปน็ ต้องมีครบทุกข้อในทุกแผนการจดั การเรยี นร)ู้ ๕. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ครมู อบหมายให้นักเรียนจดบนั ทึก ๖. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ๖.๑ กระบวนการจัดการเรยี นรู้แบบปกติ (ชวั่ โมงที่ ๑) ข้ันนา ครูนานักเรียนสนทนา เร่ือง หลักการย่อความ มีการย่อความจากสื่อต่าง ๆ หลายประเภท เช่น บท กลอน จดหมาย ความเรียง โอวาท เปน็ ตน้

ขน้ั สอน ๑. ครใู ห้นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง แบบของการเขียนย่อความ ครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ ๒. ครูให้นักเรียนนาผลงานการย่อความเร่ือง ความจนของประหยัด มาเรียงใหม่ให้นักเรียนเพิ่ม ส่วน คานาของการเขียนยอ่ ความตามด้วยเนือ้ หาท่ยี ่อให้ครบองค์ประกอบ ๓. ครูตรวจผลงานนักเรยี นแลว้ อธิบายเพม่ิ เตมิ ๔. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบ เร่ือง การเขียนย่อความ ข้นั สรปุ ครูสรุปการเขียนย่อความจาเป็นต้องมีรูปแบบในการย่อความอย่างถูกต้องและผู้เขียนควรมีมารยาท ในการเขยี น จากนนั้ นกั เรยี นจดบันทึกลงสมดุ ๖.๒ กระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบออนไลน์ (ชวั่ โมงท่ี ๑) ๑. นักเรียนศึกษา เร่ือง หลักการย่อความ มีการย่อความจากสื่อต่าง ๆ หลายประเภท เช่น บทกลอน จดหมาย ความเรียง โอวาท เป็นต้น ผ่านส่ือประกอบการสอน โดยการสอนสด (live) ของครูด้วยโปรแกรม line meeting ๒. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง แบบของการเขียนย่อความ จาก google classroom ๓. นักเรียนนาผลงานการย่อความเร่ือง ความจนของประหยัด มาเรียงใหม่ โดยให้นักเรียนเพ่ิม ส่วน คานาของการเขียนยอ่ ความตามดว้ ยเนอ้ื หาท่ีย่อให้ครบองค์ประกอบ ๔. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบ เรือ่ ง การเขยี นยอ่ ความ ผา่ น google form ๖.๓ กระบวนการจดั การเรียนรแู้ บบปกติ (ชั่วโมงที่ ๒) ขั้นนา ครูนางานเขียนเร่ือง เพราะผืนแผ่นดินไทย…จึง ทาให้มีวันน้ี ให้นักเรียนอ่าน แล้วสนทนาซักถาม นักเรยี น ว่าถา้ เราจะทาใหเ้ รอื่ งนี้มใี จความสนั้ ลง แตเ่ นอ้ื หายงั สือ่ ความคงเดิมเราจะทาอย่างไร ขน้ั สอน ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ ๔ กลุม่ ศึกษา ใบความรู้เรอื่ ง การย่อความ จากน้ันครูให้ นกั เรียนฝึกย่อ ความ จากเร่อื งความจนของ ประหยัด นกั เรียนฝึกย่อความโดยมคี าสาคญั ดงั น้ี ๑) ใคร ทาอะไร ท่ีไหน อยา่ งไร ๒) ใจความสาคญั ของเร่อื งคือข้อความใด นักเรยี นตอบคาถามแลว้ จดบันทกึ ลงสมดุ ๒. ครตู รวจสอบผลงานนักเรยี นและอธบิ ายเพ่มิ เติม ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ หลักการยอ่ ความ นกั เรยี นจดบนั ทกึ ลงสมุด

๖.๔ กระบวนการจัดการเรียนรูแ้ บบออนไลน์ (ช่วั โมงท่ี ๒) ๑. นักเรียนอ่าน “งานเขียนเร่ือง เพราะผืนแผ่นดินไทย…จึงทาให้มีวันน้ี” จาก google classroom แล้วนักเรียนร่วมกันตอบคาถามว่า ถ้าเราจะทาให้เรื่องนี้มีใจความส้ันลง แต่เน้ือหายังส่ือความคงเดิมเราจะทา อย่างไร โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นผ่านการจัดการเรียนการสอนแบบสด (live) ด้วยโปรแกรม line meeting ๒. นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง การย่อความ จาก google classroom จากน้ันนักเรียนฝึกย่อความ จากเร่ือง “ความจนของ ประหยัด” ๓. นกั เรียนและครชู ว่ ยกันอภปิ รายเกีย่ วกบั เนอ้ื หาเร่อื ง การย่อความ ๔. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ หลกั การยอ่ ความ จากนนั้ นักเรียนจดบนั ทึกลงสมุด ๗. ส่ือ/วสั ดอุ ปุ กรณ/์ แหลง่ เรียนรู้ ๗.๑ ส่ือการเรียนรู้ ๑. ใบความรเู้ รอ่ื ง แบบของการเขียนย่อความ ๒. แบบทดสอบ เรอื่ ง การเขียนย่อความ ๗.๒ แหลง่ การเรียนรู้ ๑. ห้องสมดุ ๒. อนิ เทอร์เน็ต ๘. การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๘.๑ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๘.๑.๑ ด้านความรู้ เกณฑ์การพจิ ารณาโดยใชเ้ คร่ืองมือวัดและประเมินผล มดี งั น้ี คะแนน/คุณภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา ๙-๑๐/ดมี าก นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินมากกวา่ ร้อยละ ๙๐ ๗-๘/ดี นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินมากกว่าร้อยละ ๗๐-๘๐ ๕-๖/พอใช้ นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินมากกว่าร้อยละ ๕๐-๖๐ ๑-๔/ปรบั ปรุง นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ผล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook