การพฒั นารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใชก้ ระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกบั การคิดเชงิ คานวณเพือ่ สง่ เสรมิ ทักษะการคดิ เชงิ วิเคราะห์สาหรับนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3* The Development of Computing Science Instruction Model based on Design Thinking Process Blended with Computational Thinking to Enhance Analytical Thinking Skills for Grade 9 Students*1 เครือวัลย์ จตุพรพนู ทรัพย์ (Kruawan Jatupornpoonsub)** สกุ ญั ญา ทิพย์รักษ์ (Sukanya Thiprak)** วิจิตตรา จันทรศ์ รบี ตุ ร (Wichitra Chansribut)** มินตรา สิงหนาค (Mintra Singhanak)** ณัฐกฤตา ฉันทร์ชดา (Nattakritta Chantarachada)** วงเดอื น พลับจะโปะ (Wongduan Plabjapo) ** บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 2) เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิง วิเคราะห์สาหรับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 5 ด้านคือ 2.1) ด้านการสืบค้นเพ่ือจาแนก (In= Investigate the target groups) 2.2) ด้านการจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 2.3) ด้านการ เชอื่ มโยงเพ่อื ออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 2.4) ดา้ นการลงมอื สร้างผลงาน (P= Project test) และ 2.5) ด้านการประยกุ ต์ใชแ้ ละปรับปรุง (Th= Think of solutions) 3) เพ่อื ศึกษาความ พึงพอใจของนกั เรยี นหลังเรยี นด้วยรปู แบบการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณท่ีสร้างขึ้น กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีใช้ใน งานวจิ ัย คอื นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นสาธิตแหง่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 จานวน 40 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยคือ 1) แบบสอบถามสาหรับพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิง ออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชงิ วิเคราะห์สาหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 5 แผน และแบบประเมินผลทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของผู้เรียนเพื่อใช้ ทดสอบหลังเรียน 1 ฉบับ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนดว้ ยรูปแบบการเรียนการ สอนวิทยาการคานวณท่ีสร้างข้ึน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉล่ีย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิด เชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ท่ีพัฒนาขึ้น *บทความน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือเผยแพร่รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิง คานวณเพอื่ สง่ เสริมทกั ษะการคดิ เชงิ วิเคราะหส์ าหรบั นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 The article is aimed for publishing Computing Science Instruction Model based on Design Thinking Process Blended with Computational Thinking to Enhance Analytical Thinking Skills for Grade 9 Students. **อาจารย์โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสนศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา Teachers; Kasetsart University laboratory School, KamphaengSaen Campus, Educational Research and Development Center, e-mail: [email protected] 1
ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการดาเนินงาน การตรวจสอบและการวัดประเมินผล และ เงอ่ื นไขสาคญั ทนี่ าไปสู่ความสาเรจ็ ในชือ่ ของ In-DEPTh Model 2) ผลของการใชร้ ูปแบบการเรยี นการสอน วิทยาการคานวณโดยใชก้ ระบวนการคิดเชงิ ออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคดิ เชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียน มีผลการประเมินเฉล่ียรวมท้ัง 5 ด้านได้แก่ 1) ด้านการสืบค้นเพื่อจาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเชื่อมโยงเพ่ือออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้าง ผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้านการประยุกต์ใช้และปรับปรุง (Th= Think of solutions) อยู่ใน ระดับมาก ( x = 3.68, S.D.= 0.05) และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียน การสอนวิทยาการคานวณที่สร้างขึ้น พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอนวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมอย่ใู นระดับมาก ( x = 4.08, S.D.=0.86) คาสาคญั : รูปแบบการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณ, กระบวนการคิดเชิงออกแบบ, การคดิ เชิงคานวณ ABSTRACT The purposes of this research were 1) to develop the Computing Science Instruction Model based on Design Thinking Process blended with Computational Thinking to Enhance Analytical Thinking Skills for Grade 9 Students 2) to study students’ Analytical Thinking Skills after studying with the Model developed and 3) to study students’ satisfaction after studying with the Model developed. The sample consisted of one selected class of 40 Mattayomsuksa 3 students of Kasetsart University Laboratory School, KamphaengSaen Campus, Educational Research and Development Center, NakhonPathom, during the semester 1 of academic year 2021. The instruments used for gathering data were 1) a questionnaire for learning, notetaking and developing the Model 2) an Analytical Thinking Skills test used as a posttest and 3) a questionnaire on satisfaction after studying with the Model developed. The Mean, percentage, and S.D. were used to analyze the data. The results of the study were: 1) the Computing Science Instruction Model based on Design Thinking Process blended with Computational Thinking to Enhance Analytical Thinking Skills for Grade 9 Students is composed of the principle, the objectives, the assessment the process and the conditions for success in the name of In-DEPTh Model 2) the average of students’ Analytical Thinking Skills after studying with the Model developed composed of 5 skills which were: 1) In= Investigate the target groups, 2) D= Define the problem, 3) E= Elaborate the design for a prototype, 4) P= Project test and 5) Th= Think of solutions was at a high level ( x = 3.68, S.D.= 0.05). and 3) the students’ satisfaction from overall toward learning activities after studying with the Model developed were highly positive. Keywords: Computing Science Instruction Model, Design Thinking Process, Computational Thinking 2
ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา โลกปัจจุบันเป็นยุค Digital Disruption ท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาของ เทคโนโลยีและสารสนเทศ ที่ทุกคนต้องเรียนรู้และปรับตนเองให้ทันต่อการเปล่ียนแปลง การเตรียมคนท่ี พร้อมในการเผชิญกับความท้าทายในยุค Digital Disruption โดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการกาหนด พัฒนาคนให้มีความพร้อมเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง การศึกษาเป็นกระบวนสาคัญที่ทาให้คนสามารถมี กระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์ คิดอย่างเป็นระบบด้วยเหตุผลอย่างเป็นข้ันเป็นตอนเพ่ือแก้ปัญหาต่าง ๆ และ สามารถนาไปปรับใช้เพื่อแก้ปัญหา และมีกระบวนการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเป็นระบบ แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564) ได้มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของ ประเทศ โดยพัฒนาคนใหเ้ หมาะสมตามชว่ งวยั เพอื่ เติบโตอย่างมีคุณภาพ มกี ารพฒั นาทักษะท่สี อดคล้องและ จาเปน็ ตอ่ การดารงชวี ติ ในศตวรรษที่ 21 การเตรียมความพร้อมของกาลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่ีจะเปล่ียนแปลงโลกในอนาคตตลอดจนการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่ความเป็นเลิศ ส่งเสริมโอกาสทาง เศรษฐกิจด้วยฐานการพัฒนา ซึ่งแนวทางดังกลา่ วสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (2551, น. 29) ในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษท่ี 21 โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียนให้มีคุณธรรม รักความ เป็นไทย มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถทางานร่วมกับผู้อื่นและอยู่ รว่ มกับผู้อ่ืนในสงั คมโลกไดอ้ ย่างสนั ติ ในประเด็นของทักษะการคดิ วิเคราะห์ สร้างสรรค์ การมีกระบวนการคิดเชงิ วิเคราะห์ คิดอย่างเปน็ ระบบด้วยเหตุผลอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพ่ือแก้ปัญหาต่าง ๆ และสามารถนาไปปรับใช้เพ่ือแก้ปัญหา และมี กระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์นวตั กรรมอย่างเปน็ ระบบของผ้เู รียนโรงเรียนสาธติ แหง่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา พบว่าจากการจัดการเรียนสอนวิทยาการคานวณใน นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนยังมีทักษะด้านกระบวนการคิดในการดาเนินงานที่ยังไม่เป็น ข้ันตอน และการแก้ปญั หาอยา่ งเป็นระบบไม่ดีนัก กลุ่มผู้วิจัยซ่ึงเป็นการรวมตัวของคณาจารย์จากกลมุ่ สาระ การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ศึกษาแนวคิดต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางพัฒนาในประเด็นดังกล่าวและพบว่า แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนการสอน (Design Thinking) และ แนวคิดเก่ียวกับการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) เป็นแนวคิดที่ สอดคล้องกับปัญหาและสถานการณ์ในการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษท่ี 21 ซึ่งเป็นยุค Digital Disruption ในโลกปัจจุบัน โดยแนวคิดเกี่ยวกับการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็นกระบวน การคิดเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ มีจุดมุ่งหมายคือการหาแนวทางแก้ปัญหาที่เน้นมุมมองของ ผู้ใช้ (User-Centered) และมีเจตนาในการสร้างผลลัพธ์ในอนาคตที่เป็นรูปธรรม เพ่ือให้ได้แนวทางหรือ นวัตกรรมท่ีตอบโจทย์กับผู้ใช้และสถานการณ์ จัดเป็นการประยุกต์วิธีการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่การดาเนินและบริหารงานในส่วนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจาก การกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) จะเป็นประโยชน์สาหรับการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่แล้ว ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อการทางานท่ีจะช่วยให้บุคลากรมีระบบความคิดท่ีดีและพร้อมในการหา วิธีการแก้ปัญหาใหมๆ่ ท่ีพัฒนาอย่เู สมอ โดยมี 3 ข้ันตอนหลัก คือ การเข้าใจปัญหา การสร้างสรรค์ความคดิ และ การสร้างแบบจาลองเพ่ือการทดสอบพัฒนา (มานิตย์ อาษานอก, 2561, น. 12; วิกิพีเดีย สารานุกรม เสรี, 2563) ส่วนแนวคิดเก่ียวกับการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) เป็นองค์ประกอบที่ สาคัญท่สี ุดของ วิชาวทิ ยาการคานวณ (Computing Science) ซงึ่ เป็นวชิ าทีส่ อนกนั อยา่ งแพร่หลายในหลาย ประเทศท่ัวโลก รวมถึงประเทศไทยในปัจจุบันน้ีได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนข้ันพื้นฐาน สาหรับโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว นอกจากวิชานี้จะสอนเร่ืองการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการเข้าใจส่ือ สมัยใหม่แล้ว ยังเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์ คิดอย่างเป็นระบบด้วยเหตุผล 3
อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพ่ือแก้ปัญหาต่าง ๆ จัด เป็น “วิธีคิด” ให้เข้าใจกระบวนการแก้ปัญหา สามารถ วิเคราะห์และคิดอย่างมีตรรกะ เป็นระบบและสร้างสรรค์ รวมทั้งสามาถนาวิธีคิดเชงิ คานวณไปปรับใชแ้ กไ้ ข ปัญหาในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง เป็นประโยชน์ในการต่อยอดองค์ความรู้ต่างๆ ไปตลอดชีวิต (Dek-D.com, 2017) จากความสาคัญท่ีกล่าวมาเบ้ืองต้นกลุ่มผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะพัฒนาการพัฒนารูปแบบการเรียน การสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบผสมผสานการคิดเชงิ คานวณเพือ่ ส่งเสริมทักษะ การคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศึกษา ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย 1. เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพอ่ื สง่ เสรมิ ทกั ษะการคดิ เชิงวเิ คราะหส์ าหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 2. เพือ่ ศกึ ษาผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิด เชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนกลุ่ม ตัวอย่าง 5 ด้านคือ คือ 2.1) ด้านการสืบค้นเพื่อจาแนก (In= Investigate the target groups) 2.2) ด้าน การจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 2.3) ด้านการเช่ือมโยงเพ่ือออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 2.4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 2.5) ด้านการประยกุ ต์ใช้และปรับปรุง (Th= Think of solutions) 3. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนหลงั เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ โดยใชก้ ระบวนการคดิ เชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชงิ คานวณเพอื่ ส่งเสริมทกั ษะการคิดเชิงวิเคราะห์ วิธดี าเนินการวิจัย การวิจัยในคร้ังนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีระยะเวลาท่ีใช้ใน การวิจัยระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม พ.ศ. 2564 โดยมีข้ันตอนการดาเนินงานวิจัย 2 ขั้นตอนหลักตาม กระบวนการ R&D ดังน้ี ขน้ั ตอนที่ 1 ศกึ ษาความต้องการและพัฒนารปู แบบ (R1&D1) 1. ศึกษาขอ้ มลู พนื้ ฐานและความตอ้ งการการพฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนวทิ ยาการคานวณโดย ใช้กระบวนการคดิ เชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณเพ่ือสง่ เสรมิ ทักษะการคดิ เชงิ วเิ คราะหส์ าหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยกาหนดวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย เครื่องมือและการเก็บรวบรวมข้อมลู และการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1) วัตถุประสงค์ คือ 1.1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการรูปแบบ การเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใชก้ ระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณเพอ่ื ส่งเสริมทกั ษะการคดิ เชิงวิเคราะหส์ าหรบั นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 2) กลุ่มเปา้ หมาย ไดแ้ ก่ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน ศูนย์วิจัยและ พัฒนาการศึกษา จานวน 40 คน และกาลงั ศึกษาอยู่ในรายวชิ าวิทยาการคานวณ 5 (ว 231030) กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ซ่ึงได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ผู้ร่วมวิจัยสอน 3) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ประกอบดว้ ย 3.1) แบบสอบถามสาหรับการพัฒนารปู แบบการเรยี นการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 3.2) แผนการจัดการเรียนรู้ 5 แผนและแบบประเมินผลทักษะการคิดเชิง 4
วิเคราะห์ของผู้เรียนเพื่อใช้ทดสอบหลังเรียน 1 ฉบับ 3.3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียน ด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิง คานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ หาคุณภาพด้านความเท่ียงตรงของเครื่องมือ โดยผ่าน ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน ได้ค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ทุกประเด็น 4) ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ดาเนินการในเดือนเมษายน พ.ศ.2564 โดย 4.1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แนวคิด ทฤษฎีและหลักการ จาก เอกสารเกี่ยวกับหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐานพทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระบวนการคิดเชิงออกแบบ การคิดเชิงคานวณ และ ทักษะ การคิดเชิงวิเคราะห์ โดยใช้แบบวิเคราะห์เอกสาร และ 4.2) ระดมความคิดความต้องการรูปแบบการเรียน การสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคดิ เชิงออกแบบผสมผสานการคดิ เชิงคานวณเพือ่ สง่ เสริมทักษะ การคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยคณะกรรมการ และอาจารย์ผู้สอน วิเคราะห์ ขอ้ มูล โดยใช้การวเิ คราะห์เนื้อหา (Content Analysis) 2. พฒั นารูปแบบการเรยี นการสอนวทิ ยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคดิ เชิงออกแบบผสมผสาน การคดิ เชงิ คานวณเพ่อื สง่ เสริมทักษะการคดิ เชิงวเิ คราะห์สาหรับนกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 มีระยะเวลาใน การดาเนินการ 1 เดือน ต้ังแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 โดยมีกระบวนการดังน้ี 1) นาผลการศึกษาขอ้ มลู พ้ืนฐานและความต้องการรปู แบบมาออกแบบและสร้างรูปแบบ 2) นาเสนอเพื่อประเมินความเหมาะสมของ รูปแบบโดยคณะกรรมการและอาจารยผ์ ู้สอน และปรบั ปรุง/แกไ้ ขรูปแบบ 3) ตรวจสอบคณุ ภาพของรูปแบบ โดยผู้เช่ียวชาญ 3 คน โดยใช้ค่าการวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้องของเคร่ืองมือต่าง ๆ และวัตถุประสงค์ (IOC: Index of Item Objective Congruence) ซึ่งเป็นสูตรของโลวิเนลลี และ แฮมเบลตัน (Rowinelli & Hambleton, 1977 อ้างใน ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2543) เพื่อประเมินความเหมาะสมและ ปรับปรงุ ตามขอ้ เสนอแนะ ซง่ึ กาหนดคะแนนความคดิ เหน็ ดังน้ี +1 คือ แนใ่ จว่าสอดคล้องจดุ ประสงค์ 0 คอื ไม่แน่ใจว่าสอดคล้องจุดประสงค์ และ -1 คือ แน่ใจว่าไม่สอดคล้องจุดประสงค์ 4) ปรับปรุง/แก้ไขตาม ข้อเสนอแนะของผู้เช่ียวชาญ จนได้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิง ออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพอื่ สง่ เสริมทักษะการคิดเชงิ วเิ คราะหส์ าหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปี ที่ 3 โดยใช้ช่ือรูปแบบว่า “In-DEPTh MODEL” ท้ังน้ีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยที่พัฒนาขึ้นในข้ันตอนนี้ ประกอบด้วย แบบประเมินของผู้เชี่ยวชาญต่อ1) แบบสอบถามสาหรับการพัฒนารูปแบบฯ 2) แผนการ จัดการเรียนรู้ 5 แผน และ แบบประเมินผลทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ฯ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของ นักเรียนฯ จากการหาคุณภาพด้านความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหาโดยผ่านผู้เช่ียวชาญ 3 คนเพ่ือประเมินความ สอดคล้องของประเด็นในเครื่องมอื ได้คา่ ความสอดคล้องเทา่ กับ 1.00 ทุกประเด็น โดยทาการปรบั ปรงุ แก้ไข ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชย่ี วชาญทัง้ ในแผนการจัดการเรยี นรู้ และในแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนกั เรียน เช่น ควรมีการอธิบายสมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ควรมีรายละเอียดท่ีชัดเจนขึ้น จนกระทั่งได้ เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู ไดแ้ ก่ 1. แผนการจดั การเรียนรู้ 5 แผน ทเี่ นน้ ผลการเรยี นรู้ 1) ด้านความรู้ ในการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ที่มี การบรู ณาการกับวชิ าอืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ และ 2) ด้านทกั ษะกระบวนการ โดยเน้น ทักษะเฉพาะวิชา ในการ พัฒนา Chat Bot และ เน้นกระบวนการเก่ียวกับ 1) การคิดเชิงออกแบบ ประกอบด้วย - เข้าใจปัญหา (Empathize) - กาหนดปัญหา (Define) - ระดมความคิด (Ideate) - การสรา้ งต้นแบบ (Prototype) และ - การทดสอบต้นแบบ (Test) ร่วมกับ 2) การคิดเชิงคานวณ ประกอบด้วย การแยกย่อยปัญหา (Decomposition) การเขา้ ใจรปู แบบ (Pattern Recognition) ความคดิ เชิงนามธรรม (Abstract) การสร้าง ต้นแบบ (Prototype) การออกแบบขั้นตอนวิธี (Algorithm) เพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของ ผู้เรียน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการสืบค้นเพื่อจาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้าน 5
การจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเช่ือมโยงเพื่อออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้าน การประยุกตใ์ ช้และปรบั ปรงุ (Th= Think of solutions) ดังข้อมลู ในตารางแสดงสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น และรายละเอียดในแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ในแผนฯตา่ ง ๆ ตอ่ ไปนี้ ตารางที่ 1 ตารางแสดงสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียนในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ แผน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น การคิดเชงิ ออกแบบ การคดิ เชงิ คานวณ การคดิ เชิงวิเคราะห์ ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี 1 เข้าใจปัญหา การแยกย่อยปญั หา การสบื คน้ เพอ่ื การสืบค้น การสรา้ ง จาแนก แบบสอบถาม 2 กาหนดปญั หา การเขา้ ใจรปู แบบ การจดั หมวดหมปู่ ระเด็น การสืบคน้ ปัญหา การนาเสนอ 3 ระดมความคดิ ความคดิ เชงิ นามธรรม การเชือ่ มโยงเพื่อ การสรปุ ผล ออกแบบ 4 การสร้างต้นแบบ การออกแบบข้ันตอนวิธี การลงมอื สร้างผลงาน 5 การทดสอบต้นแบบ การออกแบบขั้นตอนวิธี การประยกุ ต์ใช้และ ปรบั ปรงุ ทงั้ นแ้ี ต่ละหน่วยการเรยี นรู้ มรี ายละเอียดดังน้ี หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเข้าใจปัญหาและแยกย่อยปัญหา โดยเน้น กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ขั้นท่ี 1 คือ เข้าใจปัญหา ( Empathize) และ กระบวนการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) คือ การแยกย่อยปญั หา (Decomposition) มวี ิธีการโดย 1. ต้ังคาถามแก่นักเรียน 2 ข้อ ได้แก่ 1) Chat Bot มีประโยชน์อย่างไรในยุคปัจจุบนั และอนาคต? 2) Chat Bot สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในด้านใดบ้าง? 2. ใหน้ กั เรยี นการศกึ ษาเอกสาร ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์เกี่ยวกบั Chat Bot 3. ให้นกั เรยี น สารวจความต้องการ บริบท ของผ้ใู ช้ โดยใช้แบบสอบถามเพื่อนๆ หรือกลุม่ เป้าหมาย เก่ียวกับ Chat Bot โดยใช้เทคนิค 5W1H และ 5 WHY โดยนาคาถามมาสร้างเครื่องมือแบบสอบถาม จาก Google Form หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การกาหนดปัญหาเพ่ือการเข้าใจรูปแบบ โดยเน้น กระบวนการคิดเชิง ออกแบบ (Design Thinking) ข้ันท่ี 2 คือ กาหนดปัญหา (Define) และกระบวนการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) คือ การเข้าใจรูปแบบ (Pattern Recognition) โดยวิเคราะห์ข้อมูลจาก แบบสอบถามที่จัดเกบ็ ในรูปแบบของ Google Sheet หรอื Microsoft Excel โดยนามาจัดกลุ่มเป้าหมายใน รูปแบบ Target Persona และนาไปวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ Empathy Map และนาเสนอผลการวิเคราะห์ เพ่อื ทาความเขา้ ใจกับปัญหาหรอื ความตอ้ งการทแ่ี ทจ้ ริงของกลุ่มเปา้ หมาย หาแนวทางท่ชี ัดเจนในการพัฒนา Chat Bot ให้ตรงกับความตอ้ งการของกลุ่มเปา้ หมายอย่างแท้จริง โดยสรุปออกมาเป็น ปัญหาและโอกาส มี วิธกี ารโดย 1. ให้นักเรียนคน้ หาวิธีหรอื เทคนคิ ในการการสรปุ หรอื วเิ คราะหข์ ้อมลู 2. นักเรียนทาการวิเคราะห์ โดยนาผลมาสรุปจากแบบสอบถามมาจัดกลุ่ม ทาความเข้าใจปัญหาท่ี แท้จรงิ นาไปส่กู ารแกป้ ญั หาในการพฒั นา Chat Bot 6
3. สรุปปัญหาหรือโอกาสท่แี ทจ้ ริงของปญั หาของกล่มุ เปา้ หมาย (Insight) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ระดมความคิดเพ่ือให้เกิดความคดิ เชิงนามธรรม โดยเน้นกระบวนการคิดเชิง ออกแบบ (Design Thinking) ขั้นท่ี 3 คือ ระดมความคิด (Ideate) และ กระบวนการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) คอื ความคดิ เชงิ นามธรรม (Abstract) มีวธิ ีการโดย 1. ใหน้ กั เรียนนาชุดข้อมลู มาสังเคราะห์และนาเสนอแนวคิดในการแกป้ ญั หาหรือความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายในรูปแบบต่าง ๆ มีการระดมความคิดจากหลายมุมมอง หลายวิธี เพื่อเป็นชุดข้อมูลในการ นาไปประเมินผลเพอ่ื สรุปเป็นความคิดท่ดี ีท่ีสุดในการแกป้ ญั หาหรือความต้องการ 2. ให้นักเรียนนาข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้ Mind Map โดยมีการเชื่อมโยงการสร้างแนวคิดกับชุด ข้อมูลทเ่ี ป็นผลสรปุ จากการทางานในขนั้ เขา้ ใจปัญหา (Empathize) และขนั้ กาหนดปญั หา (Define) เพ่อื ให้ สามารถคิดได้อย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกเนื้อหาท่ีสาคัญของชุดข้อมูลเป็นการคัดแยกคุณลักษณ ะ สาคัญออกจากรายละเอยี ดปลกี ย่อย 3. ให้นักเรียนนาข้อมลู มาวิเคราะห์โดยใช้ Journey Map ในการกาหนดเส้นเวลาแสดงปญั หาและ ความตอ้ งการ เพื่อให้สามารถคิดไดอ้ ย่างเปน็ ระบบและครอบคลมุ ทกุ เน้ือหาท่ีสาคัญของชดุ ขอ้ มลู หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การสร้างต้นแบบด้วยการออกแบบขั้นตอนวิธี โดยเน้นกระบวนการคิดเชิง ออกแบบ (Design Thinking) ข้ันท่ี 4 การสร้างตน้ แบบ (Prototype) เมื่อนักเรียนไดท้ าการรวบรวมขอ้ มลู ปัญหาและความต้องการ นาข้อมูลไปวิเคราะห์ ให้นักเรียนสร้างต้นแบบ Chatbot และ กระบวนการคดิ เชิง คานวณ (Computational Thinking) คอื การออกแบบข้นั ตอนวธิ ี (Algorithm) มวี ธิ กี ารโดย 1. ให้นักเรียนสร้างต้นแบบ Chat Bot จาก www.aiforthai.com โดยใช้แพลตฟอร์ม ABDULE Chatbot โดยมกี ารวางแผนการทางานอย่างเปน็ ขั้นตอนในการพฒั นา Chat Bot 2. ให้นักเรียนออกแบบขั้นตอนการทางานในการสร้างต้นแบบในการพัฒนา Chat Bot โดยเขียน Flow Chart ในการเขียนข้นั ตอน หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การทดสอบต้นแบบ โดยเน้นกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ขนั้ ที่ 4 การทดสอบต้นแบบ (Test) และ กระบวนการคิดเชิงคานวณ คอื การออกแบบขน้ั ตอนวิธี (Algorithm) นักเรียนทาการทดสอบการใช้งานจริงท่ีเกิดจากการออกแบบขั้นตอนวิธี มีวิธีการโดย ให้ นกั เรียนเชอื่ มต่อกับ Messaging API กับ Line Developers จาก https://developers.line.biz/en/ 2. แบบประเมินผลทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของผู้เรียนเพื่อใช้ประเมินหลังเรียน 1 ฉบับ รวม 25 คะแนน ประกอบด้วย 1) ด้านการสืบค้นเพื่อจาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจัด หมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเชื่อมโยงเพื่อออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้านการ ประยุกต์ใชแ้ ละปรับปรุง (Th= Think of solutions) ด้านละ 5 คะแนน ท้ังน้ีการกาหนดคา่ คุณภาพอา้ งองิ จ า ก แ น ว คิ ด SOLO Taxonomy Model (Structure of Observed Learning Outcome) ( Biggs and Collis, 1982) ดังน้ี ระดบั 1 (P) หมายถึง Pre-structural (ระดบั พ้นื ฐาน) ระดบั 2 (U) หมายถงึ Uni--structural (ระดับมุมมองเดยี ว) ระดับ 3 (M) หมายถงึ Multi-structural (ระดบั หลายมุมมอง) ระดบั 4 (R) หมายถึง Relational (ระดับเห็นความสมั พนั ธ์) ระดบั 5 (E) หมายถึง Extended abstract (ระดบั ขยายนามธรรม) โดยมีเกณฑ์การแปลความหมายต่อค่าเฉลี่ยของระดับคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ คือ 1.00- 1.49 = น้อยทสี่ ุด, 1.50-2.49 = น้อย, 2.50-3.49 = ปานกลาง และ 3.50-4.49 = มาก ตามลาดับ 7
3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการ คานวณที่สร้างข้ึน 1 ฉบับผ่าน Google Form ประกอบด้วยข้อคาถามจานวน 10 ข้อ มีเกณฑ์ให้เลือก 5 ระดับ คอื มากท่ีสดุ มาก ปานกลาง น้อย และน้อยทส่ี ดุ พรอ้ มข้อเสนอแนะ โดยมเี กณฑก์ ารประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นฯ ดังตารางตอ่ ไปนี้ ตารางที่ 2 ตารางแสดงเกณฑก์ ารประเมินความพงึ พอใจของนกั เรยี นฯ เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนเฉล่ีย ร้อยละของค่าเฉล่ยี ความหมาย 4.50 – 5.00 90 – 100 มากที่สุด 3.50 – 4.49 70 – 89 2.50 – 3.49 50 – 69 มาก 1.50 – 2.49 30 – 49 ปานกลาง 1.00 – 1.49 20 - 29 นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ดุ ข้ันตอนที่ 2 นารูปแบบไปใชแ้ ละประเมนิ ประสิทธผิ ลของรปู แบบ (R2&D2) นารูปแบบการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิด เชิงคานวณเพ่ือส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ไปใช้และประเมิน ประสทิ ธผิ ล มรี ะยะเวลาในการดาเนนิ การ 1 ภาคการศกึ ษา ประมาณ 5 เดอื น ตง้ั แต่เดือนมิถนุ ายน-ตลุ าคม พ.ศ.2564 โดยกาหนดวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย แบบแผนการวิจัย เครื่องมือและการเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล ดังน้ี 1) วัตถุประสงค์ คือ 1.1) เพ่ือนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยใช้ช่ือรูปแบบว่า “In-DEPTh MODEL” ไปใช้ และ 1.2) เพื่อ ประเมินประสิทธิผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิง ออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียน 5 ด้าน คือ ไดแ้ ก่ 1) ด้านการสบื ค้นเพือ่ จาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจดั หมวดหมู่ประเดน็ ปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเชื่อมโยงเพื่อออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้านการประยุกต์ใช้และปรับปรุง (Th= Think of solutions) 1.3) เพ่อื รับรองรปู แบบ 2) กล่มุ เปา้ หมาย ได้แก่ ได้แก่ นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษา ปที ่ี 3 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศูนยว์ ิจัยและพัฒนาการศกึ ษา จานวน 40 คน และกาลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากเป็นกลมุ่ ตัวอย่างท่ผี ู้ร่วมวิจัยสอน 3) แบบแผนการวิจัย ใช้แบบกลุ่มเดียว ทดสอบหลัง (One–Shot Case Study) 4) เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) รูปแบบการ เรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณเพื่อ สง่ เสรมิ ทกั ษะการคดิ เชิงวิเคราะห์สาหรับนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 2) แผนการจดั การเรียนรู้ 5 แผนและ แบบประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์สาหรับนักเรียน 5 ด้าน คือ 2.1) ด้านการสืบค้นเพื่อจาแนก (In= Investigate the target groups) 2.2) ด้านการจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 2.3) ด้านการเชื่อมโยงเพื่อออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 2.4) ด้านการลงมือ สร้างผลงาน (P= Project test) และ 2.5) ด้านการประยุกตใ์ ชแ้ ละปรับปรุง (Th= Think of solutions) 3) 8
แบบประเมินความพึงพอใจของผ้เู รียนตอ่ การเรยี นการสอนวชิ าวทิ ยาการคานวณ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 เปน็ แบบมาตราประเมนิ ค่า 5 ระดบั ผลการวจิ ัย 1. ไดร้ ูปแบบการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบผสมผสานการ คิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการดาเนินงาน การตรวจสอบและการวัดประเมินผล และ เง่ือนไขสาคัญท่ี นาไปสู่ความสาเร็จ ในช่ือของ In-DEPTh Model หรือรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณฯเชิงลึก ดงั แผนภาพและรายละเอียดตอ่ ไปน้ี 2. ผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบ่งเป็น 5 ด้าน คือ1) ด้านการสืบค้นเพ่ือจาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจัด หมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเช่ือมโยงเพ่ือออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้านการ ประยกุ ต์ใชแ้ ละปรบั ปรงุ (Th= Think of solutions) ดงั ตารางต่อไปน้ี ตารางท่ี 3 ตารางแสดงผลการประเมนิ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ฯ สาหรบั นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ลาดบั ด้านการ ดา้ นการจดั หมวดหมู่ ด้านการ ดา้ นการลงมอื ดา้ นการประยุกตใ์ ช้ สืบค้นเพอื่ ประเดน็ ปญั หา เชอื่ มโยงเพื่อ สร้างผลงาน และปรับปรงุ จาแนก ออกแบบ คนที่ 1 4 4 44 3 คนที่ 2 2 2 22 2 คนท่ี 3 4 4 44 3 คนที่ 4 4 4 44 3 9
ลาดบั ดา้ นการ ด้านการจัดหมวดหมู่ ด้านการ ดา้ นการลงมือ ดา้ นการประยุกตใ์ ช้ สืบคน้ เพือ่ ประเดน็ ปญั หา เชือ่ มโยงเพ่อื สรา้ งผลงาน และปรับปรุง คนท่ี 5 จาแนก คนท่ี 6 ออกแบบ คนที่ 7 คนท่ี 8 4 4 44 3 คนท่ี 9 คนท่ี 10 4 4 44 3 คนที่ 11 คนท่ี 12 4 4 44 3 คนที่ 13 คนที่ 14 4 4 44 3 คนท่ี 15 คนท่ี 16 4 4 44 3 คนท่ี 17 คนท่ี 18 4 4 44 3 คนท่ี 19 คนท่ี 20 4 4 44 3 คนที่ 21 คนที่ 22 4 4 44 3 คนที่ 23 คนที่ 24 4 4 44 3 คนที่ 25 คนที่ 26 4 4 44 3 คนท่ี 27 คนท่ี 28 4 4 44 3 คนท่ี 29 คนที่ 30 4 4 44 3 คนที่ 31 คนที่ 32 4 4 44 3 คนที่ 33 คนท่ี 34 4 4 44 3 คนที่ 35 คนท่ี 36 4 4 44 3 คนที่ 37 คนท่ี 38 4 4 44 3 4 4 44 3 3 3 33 2 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 3 3 33 2 3 3 33 2 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 4 4 44 3 10
ลาดบั ด้านการ ด้านการจดั หมวดหมู่ ด้านการ ดา้ นการลงมอื ดา้ นการประยกุ ตใ์ ช้ สบื คน้ เพ่อื ประเด็นปญั หา เชอื่ มโยงเพอ่ื สรา้ งผลงาน และปรบั ปรุง จาแนก ออกแบบ คนท่ี 39 4 4 44 3 คา่ เฉลีย่ 3.87 3.87 3.87 3.87 2.90 S.D. 0.41 0.41 0.41 0.41 0.31 คา่ เฉลี่ยรวม 5 ด้าน 3.68 S.D. 0.05 ระดบั คณุ ภาพ มาก จากตารางพบว่า ผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิด เชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษา ปีที่ 3 แบง่ เป็น 5 ดา้ นคือ 1) ดา้ นการสืบค้นเพือ่ จาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเชือ่ มโยงเพื่อออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้างผลงาน (P= Project test) และ 5) ด้าน การประยุกต์ใช้และปรับปรุง (Th= Think of solutions) มีผลการประเมินเฉล่ียรวมอยู่ในระดับมาก ( x = 3.68, S.D.= 0.05) เม่ือพิจารณษเป็นรายด้านพบว่านักเรียนมี 1) ทักษะด้านการสืบค้นเพ่ือจาแนก (In= Investigate the target groups) 2) ด้านการจัดหมวดหมู่ประเด็นปัญหา (D= Define the problem) 3) ด้านการเชื่อมโยงเพ่ือออกแบบ (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ด้านการลงมือสร้าง ผลงาน มีผลการประเมินเฉล่ียอยู่ในระดับเท่ากันคือ 3.87 ( x = 3.87, S.D.= 0.41) ส่วนด้านการประยุกต์ ใช้และปรับปรุง (Th= Think of solutions) มีผลการประเมินเฉล่ียอยู่ในระดับ 2.90 ( x = 2.90, S.D.= 0.31) 3. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับ นักเรยี นกลุ่มตัวอย่างอยใู่ นระดบั มาก ดังตารางต่อไปน้ี ตารางท่ี 4 ตารางแสดงผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียน การสอนวทิ ยาการคานวณ ผลการประเมิน รายการประเมิน x S.D. แปลผล ลาดบั ท่ี 1. การเตรยี มการเรยี นการสอนดา้ นเนื้อหาครบถว้ น 4.13 0.80 มาก 6 2. มีการสอดแทรกด้านความรู้ ความคดิ ดา้ นเจตคตทิ ่ดี ี และเจตนารมณ์ 4.23 0.74 มาก 4 ของหลักสตู ร 3.95 0.86 มาก 7 3. มีการจัดกจิ กรรมสอดคล้องกบั กจิ กรรมการเรียนการสอน 4. มีการจดั กจิ กรรมทีใ่ ห้ผูเ้ รยี นลงมือกระทากิจกรรมด้วยตนเอง 4.33 0.81 มาก 3 11
5. สามารถนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จรงิ ได้ 3.74 1.12 มาก 9 10 6. มกี ารกระต้นุ ใหเ้ กดิ ความสนใจในการเรียน และกระบวนการสอนท่ี 3.54 1.07 มาก นา่ สนใจ 3.87 0.89 มาก 8 1 7. บรรยากาศในการเรียนการสอน 2 5 8. เปดิ โอกาสในการแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระ 4.46 0.72 มาก 9. มีระบบการประเมินผลทช่ี ัดเจน 4.44 0.79 มาก 10. ภาพรวมในการเรยี นการสอน 4.15 0.84 มาก คา่ เฉลย่ี รวม 4.08 0.86 มาก จากตารางพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอนวิชาวิทยาการ คานวณ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x = 4.08, S.D.=0.86) เม่ือ พิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกประเด็น โดยเรียงลาดับ ค่าเฉล่ียจากมากที่สุดไปน้อยที่สุด คือ ข้อท่ี 8. เปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ( x = 4.46, S.D.= 0.72) ข้อที่ 9. มีระบบการประเมินผลท่ีชัดเจน ( x = 4.44, S.D.= 0.79) ข้อท่ี 4. มี การจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนลงมือกระทากิจกรรมด้วยตนเอง ( x = 4.33, S.D.= 0.81) ข้อที่ 2. มีการสอดแทรกด้านความรู้ ความคิดด้านเจตคติท่ีดี และเจตนารมณ์ของหลักสูตร ( x = 4.23, S.D.= 0.74)ข้อที่ 10. ภาพรวมในการเรียนการสอน ( x = 4.15, S.D.= 0.84) ข้อท่ี 1. การเตรียมการเรียน การสอนด้านเน้ือหาครบถ้วน ( x = 4.13, S.D.= 0.80) ข้อที่ 3. มีการจัดกิจกรรมสอดคล้องกับ กิจกรรมการเรียนการสอน ( x = 3.95, S.D.= 0.86) ข้อที่ 7. บรรยากาศในการเรียนการสอน ( x = 3.87, S.D.= 0.89) ข้อที่ 5. สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ( x = 3.74, S.D.= 1.12) และข้อท่ี 6. มีการกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการเรียน และกระบวนการสอนท่ีน่าสนใจ( x = 3.54, S.D.= 1.07) ตามลาดับ การอภปิ รายผล 1. การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ท่ี ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ในช่ือของ In-DEPTh Model เกิดจากแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบการเรียนการสอน (Design Thinking) และ แนวคิดเก่ียวกับการคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) ซึ่งเป็น แนวคิดที่สอดคล้องกับปัญหาและสถานการณ์ในการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ซ่ึงเป็นยุค Digital Disruption ในโลกปัจจุบันท่ีประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการดาเนินงาน การตรวจสอบและการวัดประเมินผล และ เง่ือนไขสาคญั ทนี่ าไปสู่ความสาเรจ็ เป็นการวจิ ยั ท่ีดาเนนิ งานหลัก ตามกระบวนการ R&D 2 ขน้ั ตอน คอื ศึกษาความตอ้ งการและพฒั นารูปแบบ (R1&D1) และ นารูปแบบไปใช้ และประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ (R2&D2) มีการวางแผนและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ผ่าน 12
ข้ันตอนการศกึ ษาแนวทางการสร้างเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยจากประมวลการสอนรายวิชาวิทยาการคานวณ 5 (ว 231030) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอกสาร ตารา งานวิจัย และ ข้อมูลใน อินเทอร์เนต จากน้ันวางแผนและพัฒนาเครื่องมือโดยเร่ิมจากดาเนินการสนทนากลมุ่ ระหวา่ งกลมุ่ ผู้วิจัยและ ผู้เชี่ยวชาญท่ีปรึกษางานวิจัยเพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์สาหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ที่เหมาะสม แล้วจึงดาเนินการพัฒนา ทาการปรับปรุงปรับแก้ไข จากนั้นเสนอ ให้ผู้เชี่ยวชาญท่ีมีประสบการณ์พิจารณาเพื่อทาการประเมินคุณภาพจนกระทั่งได้เครื่องมือท่ีสามารถพัฒนา ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ได้อย่างดีย่ิง นอกจากน้ีรูปแบบการเรียน การสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณมีจุดเด่น คือ การพฒั นาแอปพลเิ คชันทมี่ กี ารบรู ณาการกบั วิชาอ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์รวมท้งั ด้านทักษะกระบวนการ โดยเนน้ ทักษะเฉพาะวิชาในการพัฒนา Chat Bot และเน้นกระบวนการเกี่ยวกับการคิดเชิงออกแบบร่วมกับการคิด เชิงคานวณ ท้ังยงั กระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รยี นในการคิดวิเคราะหแ์ กป้ ัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและมรี ะบบ ทา ให้นักเรียนมีช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน รวมทั้งนักเรียนยัง สามารถนาทักษะที่ได้จากการพัฒนาแอปพลิเคชั่นและการพัฒนา Chat bot ไปปรับใช้ได้จริงใน ชวี ิตประจาวนั สอดคลอ้ งกับรายงานการวิจยั ของ ขวญั ชัย ขวั นา, ธารทพิ ย์ ขวั นา และ เลเกีย เขยี วดี (2561) ได้ศึกษาและพฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนเพอื่ สง่ เสรมิ ทกั ษะการเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ผลการใช้รปู แบบ การเรียนการสอนเพ่ือส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 พบว่ารูปแบบการเรียน การสอนเพื่อ ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.53/83.72 เม่ือเทียบกับ เกณฑ์ 80/80 พบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ท่ีกาหนด ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกัน อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 2. ผลของการใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานกบั การคิดเชงิ คานวณทีผ่ ู้วิจัยพฒั นาข้ึน พบวา่ นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ผลการประเมนิ ทักษะ การคิดเชิงวิเคราะห์เฉลี่ยรวมท้ัง 5 ด้านได้แก่ 1) ด้านการจาแนก (In= Interview the target groups) 2) ด้านการจัดหมวดหมู่ (D= Define the problem) 3) ด้านการเช่ือมโยง (E= Elaborate the design for a prototype) 4) ดา้ นการสรปุ ความ (P= Project test) และ 5) ด้านการประยกุ ต์ (Th= Think of solutions) อยู่ในระดับมาก ( x = 3.68, S.D.= 0.05) อาจเป็นผลมาจากการจัดการเรียนการสอนดว้ ยรูปแบบดังกลา่ ว มีกระบวนการเรียนการสอนท่ีเน้นผลการเรียนรู้ด้านความรู้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันทมี่ ีการบูรณาการกับ วิชาอ่ืนอย่างสร้างสรรค์รวมทั้งด้านทักษะกระบวนการ โดยเน้นทักษะเฉพาะวิชาในการพัฒนา Chat Bot และเน้นกระบวนการเกี่ยวกับการคิดเชิงออกแบบร่วมกับการคิดเชิงคานวณ ทั้งยังกระตุ้นความสนใจของ ผู้เรียนในการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาอย่างเปน็ ขั้นตอนและมีระบบ จึงทาให้สามารถส่งเสริมทักษะการคิดเชงิ วเิ คราะหไ์ ดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ส่งผลใหผ้ ู้เรียนมที ักษะการคิดเชิงวิเคราะหอ์ ย่ใู นระดบั สงู แสดงวา่ รปู แบบ การเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณท่ี พัฒนาข้ึนสามารถส่งเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ซ่ึงสอดคล้องกับ แนวคิด เก่ียวกับการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ท่ีเป็นกระบวนการคิดเพ่ือแก้ปัญหาและพัฒนา แนวคิดใหม่ ๆ มีจุดมุ่งหมายคือการหาแนวทางแก้ปัญหาที่เน้นมุมมองของผู้ใช้ (User-Centered) 13
และมเี จตนาในการสร้างผลลัพธ์ในอนาคตทเี่ ป็นรปู ธรรม เพ่ือให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมท่ีตอบโจทย์ กับผู้ใช้และสถานการณ์ จัดเป็นการประยุกต์วิธีการออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ ตลอดจนนวัตกรรม ใหม่ๆ มาสู่การดาเนินและบริหารงานในส่วนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (มานิตย์ อาษานอก, 2561; วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2563) นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ สุมิตรา บูชา และ สุมาลี ชูกาแพง (2563) ได้ศึกษาการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา โดยใช้การคิดเชิงออกแบบ ร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โดยการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เช่นเดียวกับ พัชรา วงค์ตาผา และ เนาวนิตย์ สงคราม (2562) ได้ ศึกษาการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยการคิดเชิงออกแบบร่วมกับหลักการสอนแบบทริซ เพ่ือส่งเสริมการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมของนิสิตนกั ศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาบณั ฑิต พบว่า การ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยการคิดเชิงออกแบบร่วมกับหลักการสอน แบบทริซเพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาบัณฑิต ส่งผลให้ผู้เรียนมีคะแนน ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ที่ .05 3. ผลความพึงพอใจของนักเรียนหลงั เรียนดว้ ยรูปแบบวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิง ออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณท่ีผวู้ ิจัยพัฒนาข้ึน พบว่า นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 มีความพึง พอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณโดยใชก้ ระบวนการคดิ เชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิง คานวณในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x = 4.08, S.D.=0.86) อาจเน่ืองมาจากการจัดการเรียนการสอนใน รูปแบบของการพัฒนาพฒั นาแอปพลิเคชนั อย่างสรา้ งสรรค์ท่ีมกี ารบรู ณาการกบั วชิ าอน่ื รวมทั้งทกั ษะเฉพาะ วชิ าในการพัฒนา Chat Bot และเน้นกระบวนการเก่ยี วกับการคิดเชงิ ออกแบบรว่ มกบั การคิดเชิงคานวณตรง กบั ความสนใจและความถนดั ของนกั เรยี นในศตวรรษที่ 21 ซง่ึ อยใู่ นช่วงวยั รุ่น 12-18 ปี นกั เรยี นมคี วามสนุก ในการทากิจกรรมไปพร้อมกับการเรียนรู้ จึงส่งผลให้นักเรียนมีความพึงพอใจมากต่อรูปแบบการเรียนการ สอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคานวณ สอดคล้องกับ ขวัญ ชัย ขัวนา, ธารทิพย์ ขัวนา และ เลเกีย เขียวดี (2561) ซึ่งทาการศึกษาและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน เพ่ือส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนตามรูปแบบการ เรียนการสอนเพ่ือสง่ เสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดับมาก นอกจากน้ียังสอดคล้องกับ สุมิ ตรา บชู า และ สุมาลี ชกู าแพง (2563) ไดศ้ กึ ษาการพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา โดยใช้การคดิ เชิงออกแบบร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 5 โดยการวิจัยพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมในด้านเนื้อหา ด้านการจัด กจิ กรรม ด้านสอ่ื การเรยี นรู้ ด้านการวดั และ ประเมนิ ผล และดา้ นการนาไปใช้อยใู่ นระดับมาก ปัญหาท่ีพบ 1. เนื่องจากมีการเรียนการสอน Online 100% เกิดปัญหาด้านเทคนิคบ้าง เช่น นักเรียน อนิ เทอร์เน็ตหลุดบางช่วง แก้ไขโดยเม่อื นกั เรียนเขา้ มาใหม่ ทาการทบทวนให้ 2. เน่ืองจากเป็นวิชาปฏิบัติและเป็นเร่ืองใหม่สาหรับนักเรียน ซ่ึงมีส่วนน้อยที่ลงมือปฏิบัติไม่ทัน การ แต่มีการสอบถามส่วนตัวหลังเวลาเรียน ผ่าน Line และระบบเพื่อนช่วยเพื่อน ทาให้การเรียนการสอน ดาเนนิ ผา่ นไปได้อยา่ งดี 3. นักเรยี นบางคนเรยี นผ่าน มอื ถือ ทาให้การปฏิบัติบางกิจกรรมไมส่ ะดวกในการปฏบิ ตั ิ 14
4. การเรียนการสอนอาจไมส่ ามารถปฏบิ ตั ไิ ดต้ ามแผนการสอนทุกกิจกรรมเน่ืองจากเปลีย่ นจากการ เรยี น Onsite เปน็ การเรยี น Online 100% ทาให้ต้องลดกจิ กรรมบางกิจกรรมลง ข้อเสนอแนะ 1.ขอ้ เสนอแนะทัว่ ไป 1.1 จากผลการวิจัย พบว่า การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณ ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 อยู่ในระดับมาก และมีความพึงพอใจหลังเรียนด้วยรูปแบบวิทยาการคานวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณอยู่ในระดับมาก ดังนั้น ควรนารูปแบบ การเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณ ไป ขยายผลต่อไปยังรายวิชาและนักเรียนในระดับชั้นอ่ืนๆ ครอบคลุมท้ังหลักสูตร เพ่ือพัฒนาทักษะการคิดเชิง วเิ คราะห์ของนักเรยี นให้สูงขึ้น 1.2 ครูควรศึกษาและทาความเข้าใจในบทเรียนในรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบผสมผสานกับการคิดเชงิ คานวณให้มีความสอดคล้องมากข้ึนและคานึงถึง ความเหมาะสมระหวา่ งเนอ้ื หากับผูเ้ รยี น เพือ่ พฒั นาทกั ษะการคดิ เชงิ วิเคราะห์ให้มีประสิทธภิ าพสงู สุด 2. ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการทาวจิ ยั ในครง้ั ตอ่ ไป 2.1 ควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณ สาหรับนักเรียนในระดับชั้นหรือรายวิชาอ่ืนๆ พัฒนาทักษะการคิดเชิง วิเคราะหต์ อ่ ไปในอนาคต 2.2 ควรมีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบจากการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคานวณ เพ่ือเป็นแนวทางในการปรับปรุงกิจกรรมการ เรยี นการสอนอนั นาไปสู่การพัฒนาศักยภาพของนักเรียนในด้านอ่ืนๆตอ่ ไป เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจากดั . ขวญั ชัย ขัวนา, ธารทพิ ย์ ขวั นา และ เลเกีย เขยี วดี. (2561). การพฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนเพ่อื สง่ เสรมิ ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21. วารสารมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. 37(2), 77-96. พชั รา วงค์ตาผา และ เนาวนติ ย์ สงคราม. (2562). การพฒั นารปู แบบการเรยี นรู้แบบผสมผสานด้วยการคดิ เชงิ ออกแบบรว่ มกบั หลกั การสอนแบบทริซเพอ่ื สง่ เสรมิ การแก้ปัญหาทางวศิ วกรรมของนิสติ นกั ศึกษาวศิ วกรรมศาสตร์ระดับปรญิ ญาบณั ฑิต. วารสารวศิ วกรรมศาสตร์ ราชมงคลธัญบรุ ี, 17(2), 37-47. มานติ ย์ อาษานอก. (2561). การบูรณาการกระบวนการคิดเชิงออกแบบเพ่ือพฒั นานวตั กรรมการจัด การเรียนรู้. วารสารเทคโนโลยีและสือ่ สารการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 1(1), 6-12. ลว้ น สายยศ และ อังคณา สายยศ, (2543). เทคนคิ การวดั ผลการเรียนรู้. พิมพค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: สวุ ีรยิ าสาสน์ . วกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสรี. (2563). การคดิ เชงิ ออกแบบ. สืบคน้ 15 พฤศจิกายน 2563, จาก 15
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81% สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2561). คู่มือรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ช้วี ัด กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. สมุ ติ รา บชู า และ สุมาลี ชกู าแพง. (2563). การพัฒนากจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาชวี วิทยา โดยใชก้ ารคดิ เชงิ ออกแบบรว่ มกบั แนวคิดการเรียนรู้แบบมีสว่ นร่วมเพื่อส่งเสริมความคดิ สร้างสรรค์ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 7(12), 210-221. สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต.ิ (2560). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ.2560 - 2564). กรงุ เทพฯ: สานักนายกรัฐมนตรี. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน. ๒๕๖๐. ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด Bigg, J.B. and Collis, K. (1982). Evaluating the Quality of Learning: the SOLO Taxonomy. New York: Academy Press. Brown, T. (2009). Change by Design: How Design Thinking Transforms Organizations and Inspires Innovation. New York: Harper Business. Dek-D.com. (2017). การคดิ เชงิ คานวณ (COMPUTATIONAL THINKING) คืออะไรมาทาความรูจ้ กั กนั . สบื ค้น 15 พฤศจกิ ายน 2563, จาก https://school.dekd.com/blog/featured/ Shane Doyle. (2017). Design Thinking in 3 simple steps. Retrieved 24 March 2019, from https://uxdesign.cc/designthinking-dacc09be1890 Watson, G. and Glaser, E.M. (1964). Wattson Glaser Critical Thinking, Appraisal Manual. New York: Horcourt, Brace and World. 16
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เช่นเดียวกับ พัชรา วงค์ตาผา และ เนาวนิตย์ สงคราม (2562) ได้ ศึกษาการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยการคิดเชิงออกแบบร่วมกับหลักการสอนแบบทริซ เพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมของนิสิตนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาบัณฑิต พบว่า การ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยการคิดเชิงออกแบบร่วมกับหลักการสอน แบบทริซเพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาบัณฑิต ส่งผลให้ผู้เรี ยนมีคะแนน ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ .05 3. ผลความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบวิทยาการคำนวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิง ออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น พบว่า นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึง พอใจตอ่ รปู แบบการเรยี นการสอนวทิ ยาการคำนวณโดยใช้กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบผสมผสานการคิดเชิง คำนวณในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x = 4.08, S.D.=0.86) อาจเนื่องมาจากการจัดการเรียนการสอนใน รูปแบบของการพัฒนาพัฒนาแอปพลเิ คชันอยา่ งสร้างสรรค์ที่มีการบูรณาการกับวิชาอื่น รวมทั้งทักษะเฉพาะ วชิ าในการพัฒนา Chat Bot และเน้นกระบวนการเกีย่ วกับการคิดเชงิ ออกแบบรว่ มกับการคิดเชงิ คำนวณตรง กับความสนใจและความถนัดของนักเรยี นในศตวรรษท่ี 21 ซึ่งอยใู่ นช่วงวยั รุ่น 12-18 ปี นกั เรียนมีความสนุก ในการทำกิจกรรมไปพร้อมกับการเรียนรู้ จึงส่งผลให้นักเรียนมีความพึงพอใจมากต่อรูปแบบการเรียนการ สอนวิทยาการคำนวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานการคิดเชิงคำนวณ สอดคล้องกับ ขวัญ ชัย ขัวนา, ธารทิพย์ ขัวนา และ เลเกีย เขียวดี (2561) ซึ่งทำการศึกษาและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนตามรูปแบบการ เรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 อยู่ในระดับมาก นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ สุมิ ตรา บูชา และ สุมาลี ชกู ำแพง (2563) ได้ศึกษาการพฒั นากจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวชิ าชวี วิทยา โดยใชก้ ารคิด เชิงออกแบบร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการวิจัยพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมในด้านเนื้อหา ด้านการจัด กจิ กรรม ดา้ นสื่อการเรียนรู้ ดา้ นการวดั และ ประเมินผล และด้านการนำไปใช้อย่ใู นระดับมาก ปัญหาทพี่ บ 1. เนื่องจากมีการเรียนการสอน Online 100% เกิดปัญหาด้านเทคนิคบ้าง เช่น นักเรียน อินเทอร์เนต็ หลดุ บางชว่ ง แกไ้ ขโดยเมอ่ื นกั เรียนเขา้ มาใหม่ ทำการทบทวนให้ 2. เนื่องจากเป็นวิชาปฏิบัติและเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักเรียน ซึ่งมีส่วนน้อยที่ลงมือปฏิบัติไม่ทัน การ แต่มีการสอบถามส่วนตัวหลังเวลาเรียน ผ่าน Line และระบบเพื่อนช่วยเพื่อน ทำให้การเรียนการสอน ดำเนนิ ผ่านไปได้อยา่ งดี 3. นกั เรียนบางคนเรยี นผา่ น มอื ถอื ทำใหก้ ารปฏบิ ตั ิบางกิจกรรมไมส่ ะดวกในการปฏบิ ตั ิ 4. การเรยี นการสอนอาจไม่สามารถปฏิบัตไิ ด้ตามแผนการสอนทกุ กิจกรรมเนื่องจากเปล่ียนจากการ เรียน Onsite เป็น การเรยี น Online 100% ทำให้ต้องลดกิจกรรมบางกิจกรรมลง 17
ขอ้ เสนอแนะ 1.ข้อเสนอแนะทว่ั ไป 1.1 จากผลการวิจัย พบว่า การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณ ช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมาก และมีความพึงพอใจหลังเรียนด้วยรูปแบบวิทยาการคำนวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณอยู่ในระดับมาก ดังนั้น ควรนำรูปแบบ การเรียนการสอนวิทยาการคำนวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณ ไป ขยายผลต่อไปยังรายวิชาและนักเรียนในระดับชั้นอื่นๆ ครอบคลุมทั้งหลักสูตร เพื่อพัฒนาทักษะการคิดเชิง วิเคราะห์ของนักเรยี นให้สูงข้ึน 1.2 ครูควรศึกษาและทำความเข้าใจในบทเรียนในรูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณให้มีความสอดคล้องมากขึ้นและคำนึงถึง ความเหมาะสมระหวา่ งเน้อื หากบั ผเู้ รียน เพือ่ พฒั นาทกั ษะการคิดเชิงวิเคราะหใ์ หม้ ปี ระสทิ ธิภาพสงู สดุ 2. ขอ้ เสนอแนะเพอื่ การทำวจิ ยั ในครั้งตอ่ ไป 2.1 ควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณ สำหรับนักเรียนในระดับชั้นหรือรายวิชาอื่นๆ พัฒนาทักษะการคิดเชิง วิเคราะหต์ อ่ ไปในอนาคต 2.2 ควรมีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบจากการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณโดยใช้ กระบวนการคิดเชิงออกแบบผสมผสานกับการคิดเชิงคำนวณ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงกิจกรรมการ เรยี นการสอนอันนำไปส่กู ารพฒั นาศกั ยภาพของนักเรยี นในด้านอืน่ ๆต่อไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทยจำกดั . ขวญั ชยั ขัวนา, ธารทพิ ย์ ขวั นา และ เลเกยี เขยี วดี. (2561). การพฒั นารูปแบบการเรยี นการสอนเพือ่ สง่ เสริมทกั ษะการเรียนร้ใู นศตวรรษท่ี 21. วารสารมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. 37(2), 77-96. พชั รา วงค์ตาผา และ เนาวนิตย์ สงคราม. (2562). การพัฒนารปู แบบการเรียนรูแ้ บบผสมผสานดว้ ยการคิด เชิงออกแบบรว่ มกบั หลักการสอนแบบทริซเพ่อื สง่ เสรมิ การแกป้ ญั หาทางวิศวกรรมของนิสติ นกั ศกึ ษาวิศวกรรมศาสตรร์ ะดบั ปรญิ ญาบณั ฑติ . วารสารวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลธัญบุรี, 17(2), 37-47. มานติ ย์ อาษานอก. (2561). การบูรณาการกระบวนการคดิ เชิงออกแบบเพ่อื พัฒนานวัตกรรมการจัด การเรียนร.ู้ วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย มหาสารคาม, 1(1), 6-12. 18
ลว้ น สายยศ และ องั คณา สายยศ, (2543). เทคนคิ การวดั ผลการเรียนร.ู้ พมิ พค์ รัง้ ที่ 2. กรงุ เทพฯ: สวุ รี ิยาสาสน์ . วิกพิ ีเดีย สารานกุ รมเสร.ี (2563). การคดิ เชิงออกแบบ. สืบค้น 15 พฤศจิกายน 2563, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81% สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2561). คูม่ อื รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สุมิตรา บชู า และ สมุ าลี ชูกำแพง. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้รายวชิ าชีววทิ ยา โดยใชก้ ารคดิ เชงิ ออกแบบรว่ มกบั แนวคดิ การเรยี นรู้แบบมีส่วนร่วมเพ่ือสง่ เสริมความคิดสรา้ งสรรค์ของนักเรยี นชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี 5. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 7(12), 210-221. สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต.ิ (2560). แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ สงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.2560 - 2564). กรงุ เทพฯ: สำนักนายกรฐั มนตร.ี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน. ๒๕๖๐. ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระการ เรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด Bigg, J.B. and Collis, K. (1982). Evaluating the Quality of Learning: the SOLO Taxonomy. New York: Academy Press. Brown, T. (2009). Change by Design: How Design Thinking Transforms Organizations and Inspires Innovation. New York: Harper Business. Dek-D.com. (2017). การคดิ เชงิ คำนวณ (COMPUTATIONAL THINKING) คืออะไรมาทำความรจู้ ัก กนั . สบื ค้น 15 พฤศจิกายน 2563, จาก https://school.dekd.com/blog/featured/ Shane Doyle. (2017). Design Thinking in 3 simple steps. Retrieved 24 March 2019, from https://uxdesign.cc/designthinking-dacc09be1890 Watson, G. and Glaser, E.M. (1964). Wattson Glaser Critical Thinking, Appraisal Manual. New York: Horcourt, Brace and World. 19
20
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: