Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการหลักสูตรขั้นพื้นฐานของไทย

พัฒนาการหลักสูตรขั้นพื้นฐานของไทย

Published by inno vation, 2021-04-14 03:55:40

Description: พัฒนาการหลักสูตรขั้นพื้นฐานของไทย

Search

Read the Text Version

พัฒนาการหลักสตู รการศึกษาข้ันพนื้ ฐานของไทย สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



คำ�นำ� หลกั สูตร คือ ข้อกำ�หนดว่าด้วยจุดมงุ่ หมาย แนวทาง วธิ กี าร และเนอื้ หาสาระในการจัดการ เรยี นการสอนในโรงเรียน เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถ ทัศนคตแิ ละพฤตกิ รรมตามที่ก�ำ หนด ในจุดมงุ่ หมายของการศึกษา โดยมเี ปา้ หมายที่จะพฒั นาศกั ยภาพผู้เรยี นให้สอดคล้องกับความตอ้ งการ ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ “พฒั นาการหลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้นื ฐานของไทย” เป็นประเด็นหนึ่งของการประชมุ สมั มนา ทางวชิ าการระหว่างประเทศ ประจำ�ปี ๒๕๕๖ ของสำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เรือ่ ง การศกึ ษา เพ่อื อนาคตประเทศไทย วนั ที่ ๒๓ – ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ณ โรงแรมเซน็ ทาราแกรนด์ และบางกอกคอน เวนชนั่ เซน็ เตอร์ เซ็นทรลั เวิลด์ กรุงเทพฯ เอกสารประกอบการประชุมสัมมนาฉบับนี้ น�ำ เสนอสาระ ของการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ต้ังแต่ปีพุทธศกั ราช ๒๕๐๓ จนถึงปจั จบุ นั และทก่ี �ำ ลงั พจิ ารณาแนวทางการจดั การศึกษาในอนาคต โดยการปฏิรปู หลกั สตู รใหม่ ทท่ี นั สมยั สอดคลอ้ งและ เหมาะสมกบั สภาวการณ์ ในปัจจุบนั (นางสาวศศธิ ารา พิชัยชาญณรงค)์ เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา



สารบัญ หน้า ก ค�ำ นำ� ๑ ๑. นิยามความหมาย ๒ ๒. พัฒนาการหลกั สูตรการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานของไทย ๒.๑ กอ่ นประกาศใช้พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒ (พ.ศ. ๒๕๐๓ – ๒๕๔๓) ๒ ๓ • หลกั สตู รพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๓ ๓ • หลกั สตู รการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๒๑ และ ๒๕๒๔ • หลกั สตู รการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ ๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๓๓) ๕ ๒.๒ ระยะหลงั ประกาศใชพ้ ระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (พ.ศ. ๒๕๔๔ – ปจั จุบนั ) ๖ ๘ • หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ ๑๒ • หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๑๔ ๓. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๒๐ ๔. การเปรยี บเทียบหลกั สตู รการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานของไทยกบั ประชาคมอาเซียน ๒๕ ๕. หลักสตู รการศึกษาขั้นพ้นื ฐานกับความสามารถดา้ นภาษา ความเป็นพลเมืองโลก ขนั ตธิ รรม ๒๗ และพลเมืองศึกษา ๖. แนวทางการจดั การศกึ ษาส่อู นาคต : การปฏิรูปหลกั สูตรใหม ่ บรรณานกุ รม คณะผูจ้ ดั ท�ำ



๑ พัฒนาการหลกั สตู รการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานของไทย สบื เนื่องจากการแถลงนโยบายของรฐั บาลตอ่ รัฐสภา เมื่อวนั ท่ี ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๕๔ ท่ีจะเร่ง พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา โดยการปฏริ ปู ระบบความรู้ของสงั คมไทย อันประกอบด้วยการยกระดับองค์ ความรใู้ หไ้ ดม้ าตรฐานสากล จัดใหม้ ีโครงการตำ�ราแห่งชาติทบ่ี รรจคุ วามรูท้ ี่กา้ วหน้าและได้มาตรฐาน ท้งั ความรู้ทเี่ ปน็ สากลและภูมิปัญญาท้องถ่นิ สง่ เสรมิ การอ่าน พร้อมทั้งสง่ เสริมการเรยี นการสอน ภาษาตา่ งประเทศและภาษาถนิ่ จัดให้มรี ะบบการจดั การความรู้ ปฏริ ูปหลักสตู รการศึกษาทุกระดับ ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและทัดเทียมกับมาตรฐานสากลบนความเป็นท้องถิ่นและความเป็น ไทย เพม่ิ ผลสมั ฤทธิ์ของการศึกษาทุกระดบั ชั้นโดยวดั ผลจากการผ่านการทดสอบมาตรฐานระดบั ชาติ และนานาชาติ พฒั นาระบบการศึกษาให้ผ้เู รียนมคี วามรู้คู่คณุ ธรรม มงุ่ สร้างจรยิ ธรรมในระดบั ปจั เจก รวมทัง้ สร้างความตระหนักในสทิ ธิและหนา้ ที่ ความเสมอภาค และด�ำ เนินการใหก้ ารศกึ ษาเปน็ พ้ืนฐาน ของสังคมประชาธิปไตยอยา่ งแท้จรงิ ๑. นิยามความหมาย การจัดการศึกษาในประเทศไทย กระทรวงศึกษาธกิ ารเปน็ หนว่ ยงานท่รี บั ผิดชอบดูแลการจดั ระบบการศกึ ษา ไดใ้ หค้ �ำ นยิ ามความหมายของหลักสตู ร ไวว้ ่า “หลกั สตู ร” เปน็ ข้อก�ำ หนดวา่ ด้วยจุด มงุ่ หมาย แนวทาง วิธีการ และเน้ือหาสาระในการจดั การเรยี นการสอนในโรงเรียนเพ่ือผู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถ ทศั นคติ และพฤตกิ รรมตามที่กำ�หนดในจดุ มุง่ หมายของการศึกษา สาระในเอกสารฉบบั น้ีเน้นเฉพาะหลักสูตรการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ซงึ่ เป็นการจดั การศกึ ษาใน ระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ ส�ำ คัญ และครอบคลุมทุกกลุ่ม เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรแู้ ละประสบการณไ์ ด้ ระบบการศกึ ษาไทยปัจจุบันตามที่ ก�ำ หนดไวใ้ นพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๒) ๒๕๔๕ มีการจัด ระบบการศึกษาขั้นประถมศกึ ษา ๖ ปี (๖ ระดับชัน้ ) การศกึ ษาขน้ั มัธยมศึกษาตอนตน้ ๓ ปี (๓ ระดับ ช้ัน) และการศึกษาข้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๓ ปี (๓ ระดับช้นั ) หรือระบบ ๖-๓-๓ การศึกษาภาคบังคบั จ�ำ นวนเก้าปี กำ�หนดให้เด็กอายยุ ่างเข้าปที ่เี จ็ดเข้าเรยี นในสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐานจนอายุย่างเขา้ ปีท่ีสิบหก เว้นแตส่ อบได้ชน้ั ปีทีเ่ กา้ ของการศึกษาภาคบงั คบั หลักเกณฑ์และวธิ ี การนับอายุใหเ้ ป็นไปตามที่ก�ำ หนดในกฎกระทรวง การศกึ ษาภาคบงั คบั ต่างจากการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน การศึกษาขัน้ พื้นฐานเป็นสิทธิพ์ ้นื ฐานของ คนไทย ไม่บงั คบั ใหป้ ระชาชนต้องเข้าเรียน ส่วนการศกึ ษาภาคบังคบั เป็นการบงั คับให้เข้าเรยี นถือเปน็ หนา้ ท่ีของพลเมอื งตามมาตรา ๖๙ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐

๒ ๒. พฒั นาการหลกั สตู รการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานของไทย ตัง้ แตพ่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวทรงปรับปรุงระบบการจดั การศึกษา โดยการ ผสมผสานจดั ตง้ั โรงเรยี นขน้ึ เพอ่ื จดั การเรยี นการสอนจากเดมิ ทใ่ี ชว้ งั วดั และบา้ นส�ำ หรบั การจดั การศกึ ษา การปรับปรุงระบบการจัดการศึกษาไทยในระยะแรกโดยประกาศใช้แผนการศึกษาและแผนการ ศกึ ษาแห่งชาติ ซงึ่ มจี ดุ หมายเพ่อื การจัดการศึกษาสำ�หรับสรรหาบุคคลเข้ามารับราชการ และเพือ่ ใช้ การศึกษาเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้ระบบการจัดการศึกษาจึงถูกปรับปรุง เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้การจัดการศึกษาสอดคล้องกับสภาวะของสังคมตามยุคสมัย หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยจึงถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ของ สงั คม และมชี ่ือเรียกแตกตา่ งกนั ตามยุคสมัย ส�ำ หรับในบทความฉบับน้จี ะกลา่ วถึงเฉพาะเหตุการณ์ ๒ ชว่ งระยะเวลา คอื ก่อนประกาศใช้พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๐๓ – ๒๕๔๓) และหลงั ประกาศใชพ้ ระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๔๔ – ปจั จุบัน) ๒.๑ กอ่ นประกาศใช้พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๐๓–๒๕๔๓) หลกั สูตรพทุ ธศักราช ๒๕๐๓ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๓ กระทรวงศกึ ษาธิการ ได้ปรับปรงุ หลกั สตู รทกุ ระดับใหส้ อดคลอ้ งกับ แผนการศึกษาชาตทิ ่ีปรับปรุงใหม่ เรียกวา่ หลกั สตู รพทุ ธศักราช ๒๕๐๓ แบง่ เปน็ ๔ ฉบบั คือ หลักสูตร ประโยคประถมศึกษาตอนต้น พุทธศกั ราช ๒๕๐๓ ใชเ้ วลาเรียน ๔ ปี หลกั สตู รประโยคประถมศกึ ษา ตอนปลาย พุทธศกั ราช ๒๕๐๓ ใช้เวลาเรียน ๓ ปี เพอื่ เตรยี มการขยายการศกึ ษาภาคบงั คับเปน็ ๗ ปี หลกั สตู รประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศกั ราช ๒๕๐๓ (ม.ศ. ๑ – ๒ – ๓) ใชเ้ วลาเรยี น ๓ ปี และ หลกั สูตรประโยคมธั ยมศึกษาตอนปลาย พทุ ธศักราช ๒๕๐๓ (ม.ศ. ๔ – ๕ – ๖) ใช้เวลาเรยี น ๓ ปี ผจู้ บ หลกั สตู รแต่ละประโยค สามารถท�ำ งานและดำ�รงชวี ิตอยู่ได้พอสมควรตามอัตภาพ หลักสูตรนพ้ี ัฒนา บนฐานความต้องการของสังคมไทย ท่ไี ด้รับอิทธพิ ลจากตะวนั ตกค่อนขา้ งมาก รูปแบบของการจัดหลักสูตรได้รับการพัฒนาให้มีลักษณะกว้าง เนื้อหามีการผสมผสาน บูรณาการกันมากขึ้น โดยรวมวิชาต่างๆ ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันเข้าเป็นหมวดวิชา กำ�หนดความ มุ่งหมายไว้ครบตัง้ แต่ระดับชาติ ระดบั หลกั สูตร ระดับหมวดวิชา และระดับรายวชิ า ความมงุ่ หมายใน ระดับชาติม่งุ ให้ทกุ คนได้รับการศกึ ษาตามควรแก่อัตภาพเพ่อื เปน็ พลเมอื งดี มีความรู้ ความสามารถท่ี จะประกอบอาชีพและทำ�คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยเนน้ ความส�ำ คญั ด้านพทุ ธศิ ึกษา จริยศึกษา พลศึกษาและหัตถศกึ ษา หลักสตู รพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๓ ใช้อยู่ประมาณ ๑๕ ปี โดยทีร่ ฐั บาลมแี นวโนม้ สามารถให้ การศกึ ษาภาคบงั คบั ไดเ้ พียง ๖ ปี จงึ ตอ้ งปรับระบบการศกึ ษา ประถมศึกษาเปน็ ๖ ปี และนำ�รายงาน ผลการวิจัยหลกั สูตร ๒๕๐๓ จากหน่วยงาน และผลสมั ฤทธใิ์ นการเรียนวิชาตา่ งๆ คน้ หาข้อดีและ ขอ้ ควรปรบั ปรุง

๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ คณะกรรมการวางพื้นฐานเพื่อการปฏิรูปการศึกษาและคณะ อนกุ รรมการวเิ คราะหห์ ลักสตู ร ได้เสนอผลการวิเคราะห์หลักสตู ร ๒๕๐๓ โดยมขี ้อเสนอใหป้ รับระบบ การศึกษาจากเดิม ๔ : ๓ : ๒ เป็น ๖ : ๓ : ๓ ซงึ่ เป็นการเปลีย่ นท้งั โครงสรา้ งหลกั สูตร เน้ือหาสาระ กระบวนการเรยี นการสอน และการประเมนิ ผล เนอ่ื งจากเห็นว่าหลักสตู รมัธยมศกึ ษา ๒๕๐๓ มเี นอื้ หาเน้นหนกั ทางด้านสามญั ท�ำ ให้เดก็ มุ่งเรยี นเพอ่ื ศึกษาตอ่ ไม่สามารถน�ำ ความรูไ้ ปประกอบ อาชพี ตามความถนดั และความสนใจได้ จึงไดพ้ จิ ารณาปรับหลักสตู รระดับมัธยมศึกษาตอนปลายใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และประกาศใชใ้ นปี ๒๕๒๑ หลักสูตรการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ และ ๒๕๒๔ ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๗ – ๒๕๒๐ คณะอนุกรรมการปรบั ปรงุ หลักสูตร ไดด้ �ำ เนินการ ปรบั ปรุงหลกั สตู รตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช ๒๕๒๐ โดยปรบั ระบบการศึกษา เป็นระดับ ประถมศึกษา ๖ ปี มัธยมศกึ ษาตอนต้น ๓ ปี และมธั ยมศึกษาตอนปลาย ๓ ปี โดยก�ำ หนดใหร้ ะดับ ประถมศกึ ษา เป็นการศกึ ษาภาคบังคับ พร้อมท้ังประกาศใช้หลกั สตู รประถมศกึ ษา พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ หลักสูตรมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ พุทธศกั ราช ๒๕๒๑ และหลกั สตู รมธั ยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช ๒๕๒๔ ในระยะ ๑๐ ปี ของการใชห้ ลกั สตู รพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ และพุทธศักราช ๒๕๒๔ ในโรงเรียน กรมวิชาการไดม้ กี ารติดตามและประเมนิ ผลการใชห้ ลกั สูตรทัง้ ๓ ระดบั โดยตลอด พบว่า หลักสูตรทั้ง ๓ ระดับ มีปัญหาในทางปฏิบัติ กล่าวคือ กระบวนการของหลักสูตรขาดปัจจัยที่ เอื้ออำ�นวยต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความจำ�เป็นของสังคมโดยส่วนรวม โดยเฉพาะ อย่างย่ิงในการพฒั นาคนใหส้ ามารถพ่ึงตนเองได้ และการน�ำ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมมาใชใ้ นการพัฒนา คุณภาพชีวิต ซึ่งโครงสร้างของหลักสูตรบางส่วนยังไม่สอดคล้องกับสภาพความต้องการทางด้าน เศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ เน่อื งจากจดุ หมายของหลักสตู รทกี่ �ำ หนดไวม้ ากเกินไป และบางขอ้ ไม่ ชดั เจน อีกทง้ั การนำ�หลักสูตรไปใชใ้ นการบริหารไม่สามารถจัดกจิ กรรมการบรหิ ารภายในได้ครบถว้ น ผลการใช้หลักสตู ร พบว่า นักเรยี นมีความรแู้ ละทกั ษะพน้ื ฐานไม่เพียงพอกบั การดำ�รงชวี ติ หลักสูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๒๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓) ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดป้ รับปรุงหลักสตู รทง้ั ๓ ระดับ เพือ่ ใหส้ นอง แผนพฒั นาการศึกษาแหง่ ชาติ โดยเฉพาะการเตรยี มการขยายการศกึ ษาภาคบงั คับเป็น ๙ ปี โดย มเี ป้าหมายให้ผูเ้ รยี นสามารถพฒั นาตน และรเู้ ทา่ ทันการเปลยี่ นแปลงของสงั คม สามารถลงมอื ท�ำ ประโยชน์ใหส้ ังคมตามความสามารถของตน โดยยังคงโครงสรา้ งของหลักสูตรเปน็ มวลประสบการณ์ ๕ กล่มุ เหมอื นหลกั สูตร ๒๕๒๑ และประกาศใชห้ ลกั สูตรประถมศึกษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๓๓) หลกั สูตรมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒๕๒๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓) และ หลักสูตรมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พทุ ธศักราช ๒๕๒๔ (ฉบบั ปรับปรงุ ๒๕๓๓) ในโรงเรียนรว่ มพฒั นา

๔ หลกั สตู ร และใชใ้ นโรงเรยี นทวั่ ประเทศในปกี ารศึกษา ๒๕๓๔ หลักสตู รปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๓๓ นยี้ ังคงใช้โครงสร้างหลักสูตรเดิม แต่เน้นทกี่ ารจดั หลักสตู รใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการใน ท้องถิน่ ให้มากขึน้ และใหโ้ รงเรียนจัดการเรยี นการสอนโดยใชท้ กั ษะกระบวนการ ๙ ประการ ในทุก กลุ่มประสบการณ์ ทกุ วชิ า และทกุ ระดับชน้ั สว่ นหลกั สตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศกั ราช ๒๕๒๔ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๓๓) โครงสร้างแบ่งเป็นวิชาแกนบังคบั บังคบั เลือก และเลอื กเสรี เหมือน มัธยมศกึ ษาตอนต้น โดยมีวิชาต่างๆ ๙ วชิ า คอื ภาษาไทย สงั คมศกึ ษา พลานามยั วิทยาศาสตร์ พนื้ ฐานวิชาชพี คณติ ศาสตร์ ภาษาตา่ งประเทศ ศลิ ปะ และอาชพี กล่าวได้ว่า หลักสตู รฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓ ท้งั ๓ ระดับ มีความเหมาะสมในการพฒั นา ผูเ้ รยี นมากกว่าหลกั สตู รฉบับกอ่ นๆ เปน็ หลักสูตรท่ไี ด้รับการพัฒนาโดยใชก้ ารจดั การเรยี นการสอนที่ เน้นทักษะกระบวนการใหน้ ักเรียนไดร้ บั ประสบการณค์ รบทงั้ ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะกระบวนการ และ ด้านเจตคติ ค่านยิ มทพี่ งึ ประสงค์ หลกั สูตรทงั้ ๓ ฉบับน้ี ถูกใชเ้ ปน็ เวลาเกอื บ ๑๐ ปี ๒.๒ ระยะหลังประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๔๔–ปจั จบุ นั ) ในปี ๒๕๔๐ มกี ารประกาศใช้รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ที่มีสาระสำ�คญั ของการกระจายอ�ำ นาจจัดการศกึ ษาสูท่ ้องถ่นิ อย่างแทจ้ ริง ซึง่ เป็นกฎหมายสำ�คัญน�ำ ไป สู่การก�ำ หนดพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ และการพฒั นาหลักสตู รการ ศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กลา่ วคือ พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติกำ�หนดไวอ้ ยา่ งชัดเจนในเร่อื งหลกั การ ในการจัดการศึกษาและการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และ พฒั นาตนเองได้ และถือว่าผูเ้ รยี นมีความส�ำ คัญทส่ี ุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศกั ยภาพ ซง่ึ น�ำ ไปส่กู ารพัฒนาหลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ ที่ให้สว่ นกลางคือ คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานเปน็ ผ้กู �ำ หนดหลกั สตู รแกน กลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน และใหส้ ถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานมหี นา้ ท่จี ัดทำ�สาระของหลักสูตรในสว่ นท่ี เก่ียวกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสงั คม ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคเ์ พื่อเป็นสมาชกิ ที่ ดขี องครอบครัว ชมุ ชน และประเทศชาต ิ การพัฒนาหลักสูตรขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ มกี ารดำ�เนินการเปน็ ๓ ชว่ ง คือ ชว่ งท่ี ๑ จัดท�ำ กรอบแนวคดิ การจัดการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ยกรา่ งหลกั สูตร และจัดทำ� เอกสารประกอบ เชน่ คู่มือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คมู่ ือการจดั กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ชว่ งที่ ๒ รบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากผู้มีสว่ นเกี่ยวข้องกบั การจัดการศึกษาขนั้ พน้ื ฐานทกุ กลมุ่ อาชีพ ทัว่ ประเทศ ทัง้ กลมุ่ เปา้ หมายทั่วไปและเจาะลึกกล่มุ เปา้ หมาย เชน่ นกั การศกึ ษา ครู ผู้บรหิ าร ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ผูป้ กครอง นกั เรียน และส่อื มวลชน

๕ ช่วงท่ี ๓ ส่งเสรมิ สนบั สนุน ใหท้ ้องถ่นิ /สถานศกึ ษา สามารถพฒั นาหลักสตู รและจดั การ เรยี นรตู้ ามเจตนารมณข์ องหลกั สตู รได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใชห้ ลักสูตรการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ เมอ่ื วันที่ ๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๔๔ ใหใ้ ช้ในโรงเรยี นน�ำ ร่องและโรงเรียนเครอื ขา่ ยในปีการศึกษา ๒๕๔๕ และในโรงเรยี นท่ัวประเทศในปีการศึกษา ๒๕๔๖ โดยทยอยใช้ปลี ะ ๔ ชัน้ จนครบ ๑๒ ชั้น หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ สาระส�ำ คญั ของหลกั สตู รการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ โดยสรุปคอื ๑. เปน็ หลกั สูตรแกนกลางระดบั ชาติ ครอบคลุมการศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษา ตามอัธยาศัยเพื่อความเป็นเอกภาพ แต่มีความหลากหลายในทางปฏิบัติ โดยมีการเทียบโอนผล การเรียนระหวา่ งการศกึ ษาทุกระบบ ๒. เป็นหลักสตู รต่อเนอ่ื ง ๑๒ ปี ตงั้ แต่ระดบั ประถมศึกษาจนถึงมัธยมศกึ ษาตอนปลาย แบง่ เปน็ ๔ ชว่ งชั้น ช่วงชนั้ ละ ๓ ปี คือ ช่วงช้นั ที่ ๑ (ป.๑-๓) ช่วงช้นั ท่ี ๒ (ป.๔ – ๖) ช่วงชัน้ ท่ี ๓ (ม.๑ – ๓) และชว่ งช้นั ท่ี ๔ (ม.๔ – ๖) เพ่อื ให้มีความยดื หยนุ่ ในการถา่ ยโอนการศกึ ษาทุกระบบ และ สามารถให้เรยี นรู้ได้ตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวิต ๓. เป็นหลักสูตรท่ีใช้มาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ มีคณุ ภาพทง้ั ด้านความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม โดย กำ�หนดไว้ท้งั มาตรฐานการเรยี นรู้ เม่อื จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ๑๒ ปี และมาตรฐานการเรยี นรู้ เมื่อจบ การศกึ ษาแตล่ ะชว่ งชั้น ๔. การจัดโครงสร้างของหลักสูตร ก�ำ หนดโครงสร้างเดียวตลอด ๑๒ ปี ประกอบดว้ ย ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คอื ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศกึ ษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชพี และเทคโนโลยี และภาษาตา่ งประเทศ ๕. การจัดกจิ กรรม กำ�หนดใหก้ จิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นเป็นส่วนหนงึ่ ที่ส�ำ คญั ในโครงสร้าง หลกั สูตร ให้เอ้ือตอ่ การเรียนรูใ้ น ๘ กลุม่ สาระ ใหก้ วา้ งขวาง ขณะเดยี วกนั เป็นการเสรมิ สรา้ งให้ผ้เู รียน ร้จู ักตนเอง เห็นคณุ คา่ ของตนเอง ได้พฒั นาทักษะชีวิต พฒั นาความสามารถ ความถนัดของตนเอง และ ผูเ้ รียนสามารถเลือกทำ�กจิ กรรมท่ีหลากหลาย ทงั้ ทค่ี ดิ เอง และร่วมกิจกรรมทจ่ี ัดให้ ๖. การกำ�หนดเวลาเรียน เปิดโอกาสใหส้ ถานศึกษาก�ำ หนดเวลาเรยี นได้เอง ตามวสิ ยั ทัศน์และเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน โดยที่ส่วนกลางจะกำ�หนดเวลาเรียนไว้เป็นกรอบกว้างๆ คือ ระดับประถมศกึ ษา ชว่ งชัน้ ท่ี ๑ และช่วงชน้ั ท่ี ๒ ก�ำ หนดเวลาเรียนไวป้ ีละ ๘๐๐ – ๑,๐๐๐ ชั่วโมง หรอื ประมาณวันละ ๔ – ๕ ชว่ั โมง ระดับมธั ยมศกึ ษา ช่วงช้นั ท่ี ๓ กำ�หนดไว้ ประมาณปลี ะ ๑,๐๐๐ – ๑,๒๐๐ ชัว่ โมง หรอื ประมาณ วนั ละ ๕ – ๖ ช่ัวโมง และชว่ งช้นั ที่ ๔ กำ�หนดเวลาเรยี นไว้ไมน่ ้อยกว่า ๑,๒๐๐ ช่วั โมง

๖ ๗. การจัดการเรียนรู้ เน้นการจัดการเรยี นรู้ทบี่ รู ณาการทงั้ ในกลมุ่ สาระ ข้ามกลมุ่ สาระ และบรู ณาการกบั วถิ ชี ีวิตของผูเ้ รียน โดยถอื วา่ ผู้เรียนสำ�คัญท่สี ดุ ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรูด้ ว้ ย ตนเองจากสื่อท่ีหลากหลายและแหล่งการเรยี นรู้ตา่ งๆ จากหนงั สอื เรียน และหนงั สอื อ่านเพมิ่ เติม ๘. การวัดผลและการประเมินผล ไม่มีระเบียบวัดผลประเมินผลจากส่วนกลาง แต่ กระจายอำ�นาจให้สถานศึกษาจัดระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการวัดผลประเมินผลได้เอง เน้นการ ประเมนิ ผลตามสภาพจริง และการประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน ตลอดจนผลสมั ฤทธิ์ ด้านการอา่ น การคดิ วิเคราะห์ และการเขยี น เพอื่ การควบคุมคุณภาพผเู้ รยี นโดยมกี ารประเมนิ ภายใน และภายนอก และการประเมนิ ผลเพอื่ ตรวจสอบคุณภาพของผเู้ รียนจากสว่ นกลางเป็นช่วงช้ัน หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ใหเ้ ป็นหลกั สตู รแกนกลางของประเทศ ท่ีกำ�หนดจดุ หมาย และมาตรฐานการเรียนรเู้ ปน็ เป้า หมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมี ขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก รวมทั้งปรับกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความ สอดคลอ้ งกับเจตนารมณ์แหง่ พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ทมี่ ุ่งเน้นการกระจายอำ�นาจทางการศึกษาให้ท้องถนิ่ และสถานศกึ ษามบี ทบาท และมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาหลักสูตร ให้สอดคล้องกับสภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิ่นไปแลว้ การวิจัยและตดิ ตามประเมนิ ผลการใช้หลกั สูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ ในช่วงระยะ ๖ ปีทีผ่ า่ นมา ชีใ้ หเ้ หน็ วา่ หลักสตู รการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ มีขอ้ ดหี ลาย ประการ เช่น ชว่ ยส่งเสริมการกระจายอ�ำ นาจทางการศกึ ษา ทำ�ให้ท้องถิ่นและสถานศกึ ษามสี ่วนรว่ ม และมบี ทบาทสำ�คัญในการพฒั นาหลักสตู รใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของท้องถิ่น และมีแนวคิด และหลกั การในการสง่ เสรมิ การพัฒนาผ้เู รียนแบบองคร์ วมอย่างชดั เจน แต่มีประเด็นทีเ่ ปน็ ปญั หาและ ความไมช่ ัดเจนของหลักสตู รหลายประการทงั้ ในสว่ นของเอกสารหลักสูตร กระบวนการนำ�หลักสูตร สู่การปฏิบัติ และผลผลิตทีเ่ กิดจากการใชห้ ลักสูตร ไดแ้ ก่ ปัญหาความสับสนของผปู้ ฏบิ ัตใิ นระดับ สถานศกึ ษาในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาสว่ นใหญ่กำ�หนดสาระและผลการเรยี นรู้ ทค่ี าดหวงั ไว้มาก ท�ำ ให้เกดิ ปญั หาหลกั สูตรแนน่ เกินไป และการวัดและประเมนิ ผลไม่สะทอ้ นมาตรฐาน ส่งผลต่อปัญหาการจดั ท�ำ เอกสารหลกั ฐานทางการศกึ ษาและการเทียบโอนผลการเรยี น รวมท้ังปัญหา คุณภาพของผเู้ รยี นในด้านความรู้ ทกั ษะ ความสามารถและคณุ ลักษณะที่พึงประสงคซ์ ึง่ ยังไมเ่ ปน็ ท่ี น่าพอใจ นอกจากนน้ั แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔) ยัง ไดช้ ้ใี ห้เห็นถึงความจ�ำ เปน็ ในการปรบั เปล่ียนจดุ เนน้ ในการพฒั นาคณุ ภาพคนในสงั คมไทยให้มคี ณุ ธรรม และมีความรอบรอู้ ย่างเทา่ ทัน มีความพร้อมท้งั ดา้ นร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และศลี ธรรม สามารถ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำ�ไปสู่สังคมฐานความรู้ได้อย่างมั่นคง คือมุ่งเตรียมเด็กและเยาวชนให้

๗ มีพนื้ ฐานจติ ใจที่ดีงาม มีจติ สาธารณะ พรอ้ มท้งั มีสมรรถนะ ทกั ษะและความรู้พนื้ ฐานทจี่ �ำ เปน็ ในการ ด�ำ รงชวี ิต ให้สง่ ผลตอ่ การพฒั นาประเทศแบบยั่งยนื ซึ่งสอดคลอ้ งกับนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธิการ ในการพฒั นาเยาวชนของชาตเิ ข้าสูโ่ ลกยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ทม่ี งุ่ สง่ เสริมผูเ้ รียนให้มีคุณธรรม รกั ความ เป็นไทย ใหม้ ที กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ สรา้ งสรรค์ มที กั ษะดา้ นเทคโนโลยี สามารถทำ�งานรว่ มกับผอู้ ื่น และสามารถอย่รู ว่ มกบั ผอู้ น่ื ในสังคมโลกไดอ้ ยา่ งสันติ ข้อค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ และข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท ่ี ๑๐ เกีย่ วกับ แนวทางการพฒั นาคนในสงั คมไทย รวมท้งั จุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ ศตวรรษท่ี ๒๑ ดงั กลา่ ว นำ�ไปสกู่ ารทบทวนหลักสูตรการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ เพ่อื การพฒั นาหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ทมี่ คี วามเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี น และกระบวนการนำ�หลกั สูตรไปสกู่ ารปฏิบตั ิ ในระดับเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาและสถานศกึ ษา โดยการกำ�หนดวสิ ยั ทัศน์ จดุ หมาย สมรรถนะสำ�คัญของ ผู้เรยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค ์ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัดที่ชดั เจน เพอื่ ใชเ้ ป็นทิศทางใน การจดั ท�ำ หลกั สูตร การเรยี นการสอนในแต่ละระดับ รวมทั้งกำ�หนดโครงสรา้ งเวลาเรยี นข้นั ตำ�่ ของ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่ม เติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น ตลอดจนปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑก์ ารจบการศึกษาแต่ละระดบั และเอกสารแสดงหลกั ฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคลอ้ งกับ มาตรฐานการเรียนรู้ และมคี วามชดั เจนต่อการนำ�ไปปฏบิ ัติ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ี จดั ท�ำ ข้ึนส�ำ หรบั ท้องถ่ินและสถานศึกษาได้นำ�ไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทำ�หลักสูตรสถานศึกษาและจัด การเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้มีคุณภาพ ด้านความรู้ และทกั ษะที่จำ�เป็นส�ำ หรับการดำ�รงชีวิตในสังคมทมี่ กี ารเปล่ียนแปลง และแสวงหาความรู้ เพื่อพฒั นาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีกำ�หนดไว้ในหลักสูตรน้ีช่วยทำ�ให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ในทุกระดับเห็นผลคาดหวังที่ต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะ สามารถช่วยให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่าง มนั่ ใจ ทำ�ใหก้ ารจัดท�ำ หลักสตู รในระดบั สถานศึกษามีคุณภาพและมคี วามเป็นเอกภาพยงิ่ ข้นึ อีกท้งั ยงั ช่วยใหเ้ กดิ ความชัดเจนเรื่องการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ และชว่ ยแก้ปญั หาการเทียบโอนระหวา่ ง สถานศึกษา ดังนัน้ ในการพฒั นาหลกั สตู รในทุกระดับตั้งแต่ระดบั ชาติจนกระท่งั ถึงสถานศกึ ษา จะต้อง สะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำ�หนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่ม เป้าหมายในระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน

๘ ๓. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เปน็ หลกั สูตรการศึกษาส�ำ หรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอธั ยาศัย ทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำ�คัญ โดย ครอบคลุมทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรแู้ ละประสบการณ์ได้ โดยมจี ดุ มงุ่ หมาย เพือ่ พัฒนาผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรใู้ หเ้ ป็นคนดี เปน็ คนเก่งและมีความสุข โดยสาระส�ำ คัญของ หลกั สตู รแกนกลาง ประกอบดว้ ย ๓.๑ วสิ ัยทศั น์ หลักการและจดุ หมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีวิสัยทัศน์มุ่งพัฒนา ผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำ�ลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำ�นึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข มคี วามรแู้ ละทกั ษะพื้นฐาน รวมทง้ั เจตคติทีจ่ ำ�เป็นตอ่ การศึกษา ตอ่ การประกอบอาชพี และการศกึ ษาตลอดชีวิต โดยมงุ่ เนน้ ผเู้ รียนเป็นส�ำ คัญ บนพนื้ ฐานความเชอื่ วา่ ทุกคนสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ต็มตามศักยภาพ โดยมีหลักการทส่ี �ำ คัญ คอื ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน การเรียนรู ้ เป็นเปา้ หมายส�ำ หรบั พฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคต ิ และคณุ ธรรม บนพ้ืนฐานของความเป็นไทยควบคกู่ บั ความเปน็ สากล ๒. เป็นหลักสตู รการศึกษาเพอื่ ปวงชน ทป่ี ระชาชนทุกคนมโี อกาสไดร้ บั การศกึ ษาอย่าง เสมอภาคและมีคุณภาพ ๓. เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทสี่ นองการกระจายอ�ำ นาจ ให้สังคมมีสว่ นร่วมในการจดั การ ศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกับสภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ ๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการ จัดการเรียนร้ ู ๕. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาท่ีเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ ส�ำ คัญ ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำ�หรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลมุ ทกุ กลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน มจี ดุ หมายมุง่ พฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ป็นคนดี มปี ญั ญา มีความสุข มีศกั ยภาพในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี จงึ ก�ำ หนดเป็นจุดหมาย เพือ่ ใหเ้ กดิ กับ ผ้เู รียนเม่ือจบการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ดงั น้ี

๙ ๑. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค ์ เห็นคณุ ค่าของตนเอง มีวินยั และ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่นับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ๒. มคี วามรูอ้ ันเปน็ สากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคดิ การแกป้ ัญหา การ ใชเ้ ทคโนโลยี และมีทักษะชวี ติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ท่ดี ี มสี ุขนิสยั และรกั การออกก�ำ ลงั กาย ๔. มคี วามรักชาติ มีจติ สำ�นึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวติ และ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตสำ�นึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำ�ประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคม อยา่ งมคี วามสุข ๓.๒ สาระการเรียนรู้แกนกลาง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน กำ�หนดใหผ้ ู้เรียนเรยี นรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก ่ ๑) ภาษาไทย ๒) คณิตศาสตร์ ๓) วิทยาศาสตร์ ๔) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๕) สขุ ศึกษาและพลศึกษา ๖) ศิลปะ ๗) การงานอาชีพและเทคโนโลยี และ ๘) ภาษาตา่ งประเทศ ระยะเวลาของการเรียนหลกั สูตรแกนกลาง คิดเปน็ ร้อยละ ๕๐ และหลักสูตรสถานศกึ ษา รอ้ ยละ ๕๐ โดยชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๖ เน้นการเรยี นร้แู บบบูรณาการ ๓.๓ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด ตวั ชว้ี ัดระบสุ งิ่ ทผี่ เู้ รียนพึงรแู้ ละปฏิบัตไิ ด้ ระบุท้ังคณุ ลกั ษณะของผู้เรยี นในแตล่ ะระดบั ชนั้ ซงึ่ สะท้อนถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรปู ธรรมน�ำ ไปใชใ้ นการก�ำ หนด เนอ้ื หา จัดท�ำ หน่วยการเรยี นรู้ จัดการเรยี นการสอน และเปน็ เกณฑ์ส�ำ คัญสำ�หรบั การวดั ประเมนิ ผล เพ่อื ตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ประกอบด้วยตัวช้ีวดั ๒ ลกั ษณะ คอื ๑. ตัวชวี้ ดั ช้ันปี เปน็ เป้าหมายในการพฒั นาผเู้ รียนแตล่ ะชน้ั ปี ในระดบั การศกึ ษาภาค บังคับ(ประถมศึกษาปีที่ ๑ – มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓) ๒. ตัวชี้วดั ช่วงชั้น เปน็ เปา้ หมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ – ๖) ๓.๔ โครงสร้างหลักสตู ร หลักสตู รการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ หลักสตู รแกนกลาง และหลักสตู ร สถานศึกษา ซง่ึ สถานศกึ ษาสามารถด�ำ เนนิ การใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั บรบิ ทของโรงเรียนแต่ละ ประเภท ได้แก่ โรงเรยี นวทิ ยาศาสตร์ โรงเรยี นทว่ั ไป โรงเรยี นกฬี า โรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์ และ Home School

๑๐ สมรรถนะส�ำ คญั ของผ้เู รียน ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความ สามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการแก้ไขปัญหา ๔) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต และ ๕) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ได้แก่ ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒) ซื่อสตั ย์สจุ ริต ๓) มีวินยั ๔) ใฝเ่ รยี นรู้ ๕) อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ๖) มุง่ ม่ันในการทำ�งาน ๗) รกั ความเปน็ ไทย และ ๘) มีจติ สาธารณะ ในส่วนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อให้เกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มี ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๓) กจิ กรรมนกั เรียน ประกอบด้วย กิจกรรมผู้บำ�เพ็ญประโยชน์ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวชิ าทหาร และกจิ กรรมชมุ นุม/ชมรม หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน จัดระดับการศกึ ษาเป็น ๓ ระดบั ดงั นี้ ๑. ระดับประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) เปน็ ชว่ งแรกของการศึกษาภาค บังคบั มุ่งเน้นทักษะพืน้ ฐานด้านการอ่าน การเขียน การคดิ คำ�นวณ ทักษะการคดิ พ้ืนฐาน การติดต่อ ส่อื สาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพน้ื ฐานความเป็นมนุษย์ การพฒั นาคุณภาพชวี ิตอย่าง สมบรู ณแ์ ละสมดลุ ทง้ั ในด้านรา่ งกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ สงั คม และวฒั นธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการ ๒. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓) เป็นช่วงสุดท้ายของ การศกึ ษาภาคบังคับ มุง่ เน้นให้ผ้เู รียนได้ส�ำ รวจความถนัดและความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพฒั นา บุคลิกภาพสว่ นตน มีทกั ษะในการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ คิดสรา้ งสรรค์ และคดิ แก้ปญั หา มีทกั ษะใน การด�ำ เนนิ ชีวติ มีทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี เพ่อื เปน็ เคร่อื งมือในการเรยี นรู้ มีความรับผิดชอบตอ่ สังคม มคี วามสมดุลทัง้ ดา้ นความรู้ ความคิด ความดงี าม และมคี วามภูมใิ จในความเปน็ ไทย ตลอดจนใช้ เป็นพ้นื ฐานในการประกอบอาชพี หรือการศึกษาตอ่ ๓. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖) การศกึ ษาระดับน้ีเนน้ การเพม่ิ พูนความรู้และทกั ษะเฉพาะด้านสนองตอบความสามารถความถนดั และความสนใจของผ้เู รยี น แตล่ ะคนท้งั ดา้ นวชิ าการและวิชาชพี มที กั ษะในการใชว้ ิทยาการและเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการ คิดขั้นสูง สามารถนำ�ความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพฒั นาตนและประเทศตามบทบาทของตน สามารถเป็นผู้น�ำ และผใู้ หบ้ รกิ ารชมุ ชนในด้านต่างๆ

๑๑ ๙ ตารตางาทราี่ ง๑ท่ีแ๑สแดสงดโคงโรคงรสงรสา้ รงา้ หงหลลกั ักสสตู ตู รรแแกกนนกกลลาางงกกาารรศศกึ ึกษษาขาน้ัขพนั้ ้นืพฐนื้ าฐนาในนแในต่ลแะตร่ละะดรับะกดาบัรศกึกาษราศึกษา ที่ เน้ือหาสาระ ระดับประถมศึกษา เวลาเรยี น ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ระดับ การเรยี นรู/้ กจิ กรรม มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย ๑. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓ ม.๔ – ม.๖ ๑.๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ๑.๒ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ๑.๓ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) ๑.๔ สังคมศึกษา ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๓๒๐ ศาสนาและวัฒนธรรม (๔ นก.) (๔ นก.) (๔ นก.) (๘ นก.) o ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ (๑ นก.) (๑ นก.) (๑ นก.) (๒ นก.) o ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และ การดาํ เนนิ ชวี ติ ในสังคม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ o เศรษฐศาสตร์ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) o ภูมศิ าสตร์ ๑.๕ สขุ ศึกษา ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ และพลศึกษา (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) ๑.๖ ศิลปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) ๑.๗ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ และเทคโนโลยี (๒ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.) ๑.๘ ภาษาตา่ งประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๒๔๐ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) (๖ นก.) รวมเวลาเรยี น (พ้ืนฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๘๐ ๘๘๐ ๘๘๐ ๑,๖๔๐ (๒๒ (๒๒ (๒๒ (๔๑ นก.) นก.) นก.) นก.) ๒. กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐ ๓. รายวิชา/กจิ กรรมทีส่ ถานศึกษา จัดเพ่มิ เติมตามความพรอ้ มและ ปีละไม่เกนิ ๔๐ ชั่วโมง ปลี ะไมเ่ กนิ ๒๐๐ ช่ัวโมง ไมน่ อ้ ยกว่า จุดเน้น ๑,๖๐๐ ชว่ั โมง รวม ๓ ปี รวมเวลาเรยี นทั้งหมด ไม่เกนิ ๑,๐๐๐ ชั่วโมง/ปี ไม่เกิน ๑,๒๐๐ ชวั่ โมง/ปี ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓,๖๐๐ ชั่วโมง ๓.๕ เกณฑ์การวัดผลประเมินผล การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา และระดับชาติ ประกอบดว้ ย ๑) การประเมินระดับช้นั เรยี น เป็นการวัดและประเมนิ ผลท่ี อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ๒) การ

๑๒ ๓.๕ เกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ แบง่ ออกเปน็ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชนั้ เรยี น ระดับ สถานศึกษา ระดับเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา และระดบั ชาติ ประกอบดว้ ย ๑) การประเมินระดบั ชั้นเรยี น เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบพัฒนาการความ ก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน ๒) การประเมนิ ระดับสถานศึกษา เปน็ การตรวจสอบผลการเรยี น ของผเู้ รียนเปน็ รายปี/รายภาค และเปน็ การประเมนิ การจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา ๓) การประเมนิ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษาตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน เพื่อใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลพ้ืนฐานในการพัฒนาคณุ ภาพ การศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ๔) การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนใน ระดบั ชาตติ ามมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน สถานศึกษาต้องจดั ให้ ผูเ้ รยี นทกุ คนทเี่ รียนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ และ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ เข้ารบั การประเมนิ สถานศกึ ษาในฐานะผู้รับผดิ ชอบจดั การศกึ ษา จะตอ้ งจัดท�ำ ระเบียบว่าด้วยการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นของสถานศึกษาใหส้ อดคลอ้ ง และเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏิบตั ทิ ี่เปน็ ขอ้ กำ�หนด เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำ�คัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับพัฒนาการของผ้เู รยี นในดา้ นต่างๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ๑) เอกสารหลกั ฐาน การศึกษาทก่ี ระทรวงฯ ก�ำ หนด ๒) เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาที่สถานศกึ ษากำ�หนด สถานศกึ ษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผ้เู รยี นในกรณตี า่ งๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรยี นรูอ้ ื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบัน การฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศกึ ษาโดยครอบครวั ๔. การเปรยี บเทยี บหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พนื้ ฐานของไทยกับประชาคมอาเซยี น การจัดการศึกษาของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน มีการพัฒนาหลักสูตรควบคู่และ สอดคลอ้ งกัน ตามแต่ละระบบการจดั การศึกษาของแตล่ ะประเทศ ซึง่ แต่ละประเทศต่างก็มีเอกลักษณ์ ในการจัดการศึกษาตามขนบธรรมเนียมและประเพณีของตนเองในแต่ละภูมิภาค ดังรายละเอียดใน ตารางที่ ๒

๑๓ ตารางท่ี ๒ การเปรยี บเทียบหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐานของไทยกบั ประชาคมอาเซยี น หลกั สตู รอาเซียน ระบบการศึกษา สาระการเรียนรู้ การประเมินผล จดุ เนน้ การจัดการศึก๑ษ๐า ๓:๔:๓ ๗ ๓ ระดบั เมอ่ื จบ ป.๖/ - ใหร้ จู้ ักความหลากหลาย ภาคบงั คับ สาระการเรียนรู้ มธั ยมตน้ /มธั ยมปลาย ของอาเซียน (How to) - มีแผนการเรียนในทุก - บทเรียน ไทย ๖ : ๓ : ๓ ๘ กล่มุ ๔ ระดบั ผูเ้ รียนเปน็ ศนู ย์กลาง สาระการเรียนรู้ ชัน้ เรียน/สถานศึกษา/ ๙ ปี เขตพืน้ ท่/ี ชาติ มาเลเซีย ๖:๓:๒ ๖ ทดสอบระดับชาติ 3 เนื้อหาและทักษะเป็นฐาน ๙ ปี กล่มุ วชิ า ระดบั เม่ือจบชน้ั ประถม/มัธยมตน้ / มัธยมปลาย ฟิลิปปินส์ ๑๖ : ๓๖ : ๓๖ ๕ ๓ ระดับ เมือ่ จบ ป.๖/ ๓การระศดึกับษเามเปอ่ื จ็นบปัจปจ.๔ัย/สำ�ปค.๖ัญ/ ๑๗๓ปปี ี อนิ โดนเี ซยี ๖:๓:๓ กลมุ่ วิชา มธั ยมต้น/มธั ยมปลาย ปพ.ัฒ๑นแาลปะรปะ.เ๒ทศเจพาอื่กพฒั นา ๙ ปี พมา่ ๕:๔:๒ วชิ าหลกั ๑๐ ทดสอบระดับชาติ ๓ อคงวคา์รมวยมากจน ๕ ปี ลาว ๕:๔:๓ วิชายอ่ ย ๕ ระดับ ป.๖/ม.๓ และ ผูเ้ รียนเป็นศนู ย์กลาง ๑๒ ปี ม.๖ การจดั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กมั พชู า ๖:๓:๓ ๕ เปน็ งานเรง่ ดว่ นของรัฐ ทกุ ๖ ปี กลมุ่ วิชา - หม่บู ้านตอ้ งมโี รงเรียน ๗-๑๓ วิชาตาม การศกึ ษาคือหลักการพฒั นา ระดบั การศึกษา ๓ ระดบั เม่อื จบชนั้ ทรพั ยากรมนุษยแ์ ละ ประถม/มธั ยมตน้ / เตรียมพร้อมกับการพฒั นา ๗ มธั ยมปลาย เศรษฐกิจและสงั คมของ กลุ่มวิชา ประเทศ - การศึกษาเป็นกลไก ขจัดความยากจน บูรไนดารสุ ซาลาม ๗ : ๓ : ๒ : ๒ ๘ ทดสอบระดบั ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ไม่มีการ๙ศกึปษี า กลมุ่ วิชา สถานศกึ ษาในชั้นปีที่ ทกั ษะทีจ่ ําเป็น คุณธรรม ภาคบงั คับ สงิ คโปร์ ๖:๔:๒ ๔-๕ และ ๗-๘ และทัศนคตทิ ด่ี ีเปน็ ระบบ เพราะรัฐจดั เวยี ดนาม ๕:๔:๓ ๕ ๓ ระดับ เม่ือจบ ป.๔/ ราชาธิปไตยอิสลามมลายู การศกึ ษาใหฟ้ รี กลุม่ วชิ า ป.๖/ ป.๑ และ ป.๒ ผู้เรียนเน้นการศึกษาอย่าง เพ่อื พัฒนาองคร์ วม กวา้ งขวาง ๑๐ ปี ๘ ผเู้ รียนเป็นศนู ย์กลาง ให้มี กลุ่มวชิ า - จติ วญิ ญาณความเปน็ ๑๒ ปี สังคมนิยม มีความสามารถ ประกอบอาชีพ

๑๔ หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนในทุกประเทศเน้นการพัฒนาสมรรถนะ คุณลักษณะ ของผเู้ รยี นและเป็นผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลาง และเตรียมพร้อมกบั การเข้าสูป่ ระชาคมอาเซยี น เน้ือหาสาระ เป็นการเรยี นรูอ้ าเซียน (What is) ความเปน็ มา ประโยชน์ท่ีไดร้ บั หลากหลาย หลักสตู รอาเซียนเน้น สร้างจิตส�ำ นกึ ความเป็นพลเมอื งอาเซยี น (How to) แนวทางอยรู่ ว่ มกนั บนความหลากหลาย ๕. หลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานกบั ความสามารถดา้ นภาษา ความเป็นพลเมืองโลก ขันตธิ รรมและพลเมอื งศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการตระหนักความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน พยายามพัฒนา หลักสูตรการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้มีความหลากหลายเพ่ือให้เกิดความครอบคลุมในด้านความ สามารถด้านภาษา ความเปน็ พลเมืองโลก ขนั ตธิ รรมและพลเมืองศึกษา โดยมสี าระโดยสังเขป ดังนี้ ๕.๑ หลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานกบั การพฒั นาความสามารถด้านภาษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ได้ให้ความสำ�คัญกบั การพัฒนาความสามารถดา้ นภาษาของผูเ้ รยี น มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างย่งิ การใชภ้ าษาอังกฤษเปน็ การส่อื สารในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งมี ล�ำ ดบั ข้ันตอนโดยสรุปได้ ดังนี้ พ.ศ. ๒๕๓๘ ประกาศนโยบายใหน้ ักเรยี นเรยี นภาษาอังกฤษเป็นภาษาตา่ งประเทศเป็น ภาษาท่ี ๑ โดยกำ�หนดใหม้ กี ารสอนตง้ั แตช่ ัน้ ประถมศกึ ษาเปน็ ตน้ ไป พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศใชห้ ลักสูตรภาษาองั กฤษ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยอบรมครสู อนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ส่งเสรมิ การผลิตสื่อเสรมิ และการคดั กรองหนงั สอื เรียน สง่ เสรมิ ใหม้ ีการเปิด โรงเรยี นนานาชาติมากขน้ึ และอนุญาตใหน้ ักเรียนไทยเข้าเรียนไดไ้ ม่เกินรอ้ ยละ ๕๐ ของจำ�นวน นกั เรยี นทั้งหมด สง่ เสรมิ โรงเรียน English Program (โรงเรยี น EP) โรงเรียนทจี่ ดั การเรยี นการสอนโดย ใช้ภาษาองั กฤษเป็นส่ือในการจดั การเรียนการสอน พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ มอื่ วนั ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๖ ให้กระทรวงศึกษาธกิ าร ดำ�เนินงานโครงการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนของครู เป็นโครงการน�ำ รอ่ งใน ๓๐ จังหวัดท่องเทีย่ ว โดยกำ�หนดยุทธศาสตรส์ �ำ คัญ คือ ๑) กำ�หนดให้โรงเรียน ทุกโรงใช้ภาษาองั กฤษเป็นสอ่ื หลกั ในการสอนภาษาอังกฤษตลอดช่วั โมงภาษาองั กฤษ ๒) ขยายและ สนับสนนุ การด�ำ เนินงานของโรงเรียน English Program (EP) และโรงเรยี น Mini English Program (Mini EP) ๓) กำ�หนดใหท้ ุกโรงเรียนจดั ค่ายภาษาอังกฤษ (English Camp) เป็นกจิ กรรมทุกปี ๔) พฒั นาครูสอนภาษาองั กฤษระดบั ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษา และอาชวี ศกึ ษา ใหม้ ีความรู้ ความสามารถ และทักษะตามเกณฑท์ กี่ ำ�หนด ๕) จัดตั้งและพฒั นาศูนย์ศนู ยเ์ ครือขา่ ยพฒั นาการเรียน การสอนภาษาอังกฤษ (English Resource and Instruction Center: ERIC) ใหค้ รบทุกเขตพน้ื ที่ การศึกษา พฒั นาศูนย์เรียนรภู้ าษาอังกฤษแบบพงึ่ ตนเอง (Self Access Learning Center) และ ชมรมครู ให้เปน็ เครอื ขา่ ยกบั ศนู ย์ ERIC ๖) สนบั สนนุ เพิ่มเตมิ โดยประสานงานกบั สถาบันการ

๑๕ ศกึ ษา/หนว่ ยงานต่าง ๆ ท้งั ในและต่างประเทศ เพอ่ื ใหค้ รูสอนภาษาองั กฤษไปศึกษาและดงู านเพมิ่ เตมิ จดั คา่ ตอบแทนพเิ ศษแกค่ รสู อนภาษาองั กฤษทส่ี อนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จดั ท�ำ หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-book) เปน็ ภาษาอังกฤษ จัดรายการภาษาอังกฤษทางโทรทัศนเ์ พือ่ การศกึ ษา (ETV) และโทรทัศน์ เพื่อการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม สนับสนุนการเรียนการสอนด้วย e-learning และ Internet รวมทง้ั สนบั สนนุ ใหค้ รูผลติ ส่อื ดว้ ยตนเอง และ ๗) จดั ต้ังสถาบันสง่ เสรมิ การสอนภาษาองั กฤษ พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะรฐั มนตรมี ีมติเหน็ ชอบในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการด�ำ เนนิ การ ตามแผนยุทธศาสตรป์ ฏริ ปู การเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ เพอ่ื เพม่ิ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันของ ประเทศ (พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๓) เมอ่ื วนั ที่ ๒๓ สงิ หาคม เพอื่ ปฏิรปู การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ทั้งระบบ โดยปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบสื่อสารและสร้างความ เสมอภาคในโอกาสการเรยี นภาษาองั กฤษ ประกอบดว้ ย ๔ ยุทธศาสตร์ คอื ๑) ปรบั เปลย่ี นกระบวน ทศั นก์ ารเรยี นการสอนภาษาอังกฤษแบบส่ือสาร ๒) สร้างความเสมอภาคในการเรยี นภาษาอังกฤษ อยา่ งมีคณุ ภาพ ๓) พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบสอื่ สาร และ ๔) สรา้ งบรรยากาศ การเรียนรู้ภาษาองั กฤษ และเพิ่มโอกาสการใช้ภาษาอังกฤษนอกหอ้ งเรียน พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลจากดำ�เนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว สำ�นักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ไดจ้ ดั ต้งั สถาบนั ภาษาองั กฤษ ทำ�หน้าที่เป็นหน่วยงานหลกั ใน การส่งเสริมและพัฒนาปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอนและการใช้ภาษาอังกฤษ ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระบบ ทั้งด้านการส่งเสริม วิจัยและพัฒนาการนำ�หลักสูตรไปใช้ การจดั การเรียนรู้ การวดั ประเมินผล ส่ือและนวัตกรรมการเรยี นรภู้ าษาอังกฤษ กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะ การใชภ้ าษาองั กฤษของนกั เรียน การพัฒนาครแู ละบคุ ลากรท่ีเกีย่ วข้อง การพัฒนาสถานศึกษาและ เครือข่ายการพัฒนาการเรียนการสอนทุกระดับ องค์กรวิชาชีพด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ การประสานงานความร่วมมอื กบั หนว่ ยงานท้งั ภาครัฐและเอกชน ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมไปถึง การใหบ้ ริการส่อื การเรยี นรู้ ส่ือ On-line การทดสอบระดับความสามารถดา้ นภาษาองั กฤษ ๕.๒ หลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานกบั ความเป็นพลเมืองโลก สาระการเรียนรู้ ความเป็นพลเมืองโลก ได้บรรจุไว้ในหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้น พน้ื ฐานมาโดยตลอด ในหลักสูตรการจดั การศึกษา พ.ศ.๒๕๐๓ ใชช้ ื่อวา่ วิชาหนา้ ที่พลเมือง ใน หลักสตู รการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ และหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ ได้ระบุไวใ้ นกลมุ่ สาระวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในสาระวชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการด�ำ รงชวี ติ ในสงั คม โดยก�ำ หนดให้พฒั นาผูเ้ รียนใหเ้ ปน็ ผมู้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ ระบบการเมอื ง การปกครองในสังคมปจั จบุ ัน ยดึ มัน่ ศรทั ธาและธ�ำ รงไว้ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข เขา้ ใจและปฏิบัตติ นตามหนา้ ทีข่ องการเป็นพลเมืองดี มคี ่านิยมทดี่ งี าม ธำ�รงรกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดำ�รงชวี ิตอยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอย่างสันติสุข

๑๖ ต่อมา ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการศึกษาให้สามารถพัฒนาคนและสังคมไทย ใหม้ สี มรรถนะในการแขง่ ขัน มคี ุณภาพสงู ขึน้ รูจ้ ักเลือกทจี่ ะรับกระแสของวัฒนธรรมตา่ งชาติ ปลกู จิตสำ�นึกและความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย รวมถึงการกระจายอำ�นาจสู่ท้องถิ่นในการจัดการ ศกึ ษาเพอื่ พัฒนาคุณภาพของผเู้ รยี นใหท้ ันตอ่ สภาวการณโ์ ลกการจดั การศกึ ษา ในปลายปี พ.ศ.๒๕๕๒ จงึ ไดเ้ ร่มิ ดำ�เนินการพฒั นาโรงเรียนมาตรฐานสากลขน้ึ โรงเรยี นมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) โรงเรยี นทีจ่ ัดการเรยี น การสอนมุ่งให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เทียบเคียงมาตรฐานสากลตามปฏิญญาว่าด้วย การจัดการศึกษาของ UNESCO ผู้เรียนมีศักยภาพเป็นพลเมืองโลก เพื่อต่อยอดคุณลักษณะที่ พึงประสงค์ที่เป็นมาตรฐานชาติ ได้ คนเก่ง รู้สงั คมไทย สังคมสากล มีความสามารถเฉพาะทาง คิดสร้างสรรค์ ทนั สมยั ทนั เหตุการณ์ทันโลก ทนั เทคโนโลยี แสวงหา และ เรยี นรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง คนดี ด�ำ เนนิ ชีวิตอย่างมีคณุ ภาพดี ทั้งจติ ใจและพฤตกิ รรม มวี ินัยตอ่ ตนเองและสังคม ควบคุมตนเองได้ อยรู่ ่วมกับผอู้ น่ื ได้พัฒนาตนเองไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพ และมคี วามสขุ รา่ งกายแข็งแรง รา่ เริงแจม่ ใส จติ ใจ เขม้ แขง็ มีความสุขในการเรียนรู้และการท�ำ งาน โรงเรยี นมาตรฐานสากลมเี ปา้ หมายบรรลวุ ตั ถุประสงคโ์ ครงการ ตามเจตนารมณ์ดงั นี้ ๑) ผู้เรยี นไดร้ ับการพฒั นาให้เป็นพลเมืองท่มี คี ณุ ภาพ เป็นคนดี เปน็ คนเกง่ เป็นคนท่ี สามารถดำ�รงชวี ติ ได้อย่างมีคุณค่าและมคี วามสขุ บนพน้ื ฐานของความเป็นไทยภายใต้บรบิ ทสงั คมโลก ใหม่ รวมทงั้ เพ่มิ ศักยภาพและความสามารถในระดับสงู ด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการส่อื สาร เพ่อื การพึ่งตนเองและเพอ่ื สมรรถนะในการแข่งขัน ๒) โรงเรียนยกระดับคุณภาพสูงข้ึนสมู่ าตรฐานสากล ผ่านการรบั รองมาตรฐานคณุ ภาพ แห่งชาติ (TQA) เป็นโรงเรียนยคุ ใหมท่ จี่ ดั การศึกษาแบบองค์รวมและบรู ณาการเชอื่ มโยงกับเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ศาสนา และการเมืองเพื่อพัฒนาประเทศอยา่ งย่งั ยืน ๓) โรงเรียนพัฒนาหลักสูตร รูปแบบและวิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งเน้น ความแตกต่างตามศักยภาพของผู้เรียนโดยคำ�นึงถึงผู้เรียนเป็นสำ�คัญ มีสื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือ สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เหมาะสม และปรับประยุกต์ใช้ได้สมประโยชน์ ทนั ต่อการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ๔) ผบู้ ริหาร ครู ศกึ ษานิเทศก์ และบุคลากรทางการศกึ ษา ไดร้ บั การพัฒนาดว้ ยวิธกี าร ทเี่ หมาะสมหลากหลายอย่างทั่วถึง ต่อเนอ่ื ง ๕) โรงเรียนมีภาคีเครือข่ายการจัดการเรียนรู้และร่วมพัฒนากับสถานศึกษาระดับ ท้องถิ่น ระดับภูมภิ าค ระดบั ประเทศ และระหวา่ งประเทศ สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ดำ�เนนิ การโครงการนำ�ร่องในปกี ารศึกษา ๒๕๕๓ กับโรงเรยี น จำ�นวน ๕๐๐ โรงเรยี น ทัง้ ระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศกึ ษา ดว้ ยการให้โรงเรยี น ในโครงการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา และพฒั นาวธิ กี ารจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีสอดคลอ้ ง

๑๗ กบั ปฏิญญาว่าดว้ ยการจัดการศึกษาของ UNESCO ท้งั ๔ ดา้ น คอื Learning to Know, Learning to Do, Learning to Live Together, และ Learning to Be รวมถึงการพัฒนาระบบการบรหิ ารจดั การ โรงเรียนดว้ ยระบบคณุ ภาพ ตามเกณฑร์ างวลั คณุ ภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award: TQA) มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนบรรลุคุณภาพตามมาตรฐานที่กำ�หนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเพ่ิมเตมิ สาระการเรยี นรู้ความเป็นสากล เพ่อื พฒั นาผู้เรียนให้มศี ักยภาพเปน็ พลโลก มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในระดบั เดียวกบั มาตรฐานของ สากลหรือมาตรฐานของประเทศที่มคี ณุ ภาพการศึกษาสงู เป้าหมายในการพัฒนาผเู้ รียนของโรงเรยี นมาตรฐานสากล ๕ เปา้ หมาย ได้แก่ ๑) เป็นเลิศ ทางวชิ าการ ๒) สอื่ สารสองภาษา ๓) ล�ำ้ หนา้ ทางความคิด ๔) ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ และ ๕) รว่ มกนั รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมโลก เปน็ เลิศทางวิชาการ หมายถึง นกั เรียนโรงเรียนมาตรฐานสากล มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ทุกกลุม่ สาระการเรียนร้สู งู สอ่ื สารสองภาษา หมายถงึ นกั เรียนโรงเรียนมาตรฐานสากล มีทกั ษะและความสามารถ ด้านภาษา ท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษสูง ในระดบั เดียวกบั นกั เรียนของประเทศทมี่ คี ุณภาพการ ศกึ ษาสูง ทง้ั เพื่อการศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ เพื่อการติดตอ่ สอื่ สาร เพอ่ื การนำ�เสนอผลงาน เพ่อื การ โตแ้ ยง้ ใหเ้ หตผุ ล และเพ่ือการเจรจาความรว่ มมอื ทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน และ นกั เรียนโรงเรยี นมาตรฐานสากล มคี วามสนใจเรียนวิชาภาษาตา่ งประเทศภาษาทสี่ องเพ่มิ มากขึน้ ล�ำ้ หนา้ ทางความคดิ หมายถงึ นกั เรยี นโรงเรยี นมาตรฐานสากลมคี วามคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) มคี วามคดิ อย่างวิทยาศาสตร์ (Scientific Thinking) และมีความคดิ อยา่ ง มีวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) รวมถึงมที ักษะความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ (Analytical Thinking) ในการแก้ปัญหา และในการใช้ ICT เพือ่ การเรยี นรสู้ ูงในระดบั เดียวกับนกั เรียนของประเทศ ท่มี คี ณุ ภาพการศกึ ษาสูง ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์ หมายถงึ นักเรียนโรงเรยี นมาตรฐานสากลมที กั ษะความสามารถ ในการศกึ ษาเรียนรู้ด้วยตนเอง (Independent Study) และมีความสามารถในผลิตผลงานด้านต่างๆ ดว้ ยตนเองอย่างมีคณุ ภาพสูง ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก หมายถึง นักเรียนโรงเรียนมาตรฐานสากลเป็นผู้ที่มี จติ สาธารณะ มีส�ำ นึกในการบรกิ ารสงั คม มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม และมจี ิตส�ำ นึกในการส่งเสริม พิทักษ์ และปกป้องส่ิงแวดลอ้ ม ตลอดจนมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั วถิ ชี ีวิต ศลิ ปะ วัฒนธรรม และ สถานภาพทางเศรษฐกจิ สังคมและสงิ่ แวดล้อมของประเทศตา่ งๆ โดยเฉพาะกลมุ่ ประเทศอาเซียนอยู่ใน ระดับสงู

๑๘ ๕.๓ หลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานกับขนั ติธรรม สาระการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานกับความประพฤติขันติธรรมนั้นได้บรรจุ ไว้ในหลักสูตรการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานมาโดยตลอด นับตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนกระทง่ั ถงึ ยคุ การปฎริ ปู การศกึ ษาและยคุ ปจั จบุ นั หากแตช่ อ่ื วชิ า เนอ้ื หาสาระและรปู แบบการเรยี นรู้ ถกู ปรับเปลีย่ นไปให้สอดคล้องและทันสมยั ตามสถานการณโ์ ลก ในหลกั สูตรการจดั การศึกษา พ.ศ. ๒๕๐๓ เนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับขันติธรรมถูกบรรจุไว้ในวิชาศีลธรรมซึ่งเป็นสาระหนึ่งที่กล่าวถึง ฆราวาสธรรม ๔ หรือธรรมของผคู้ รองเรอื น คือ ๑) สจั จะ ความจริงแท้ทีม่ ีความซอื่ สตั ย์เป็นพนื้ ฐาน เปน็ ความจริงแทต้ ่อความเป็นมนษุ ย์ของตน ๒) ทมะ การฝกึ ตนเพอื่ การข่มใจ รกั ษาใจให้รู้จักอดกลัน้ บงั คบั ตวั เอง เพอ่ื รกั ษาสจั จะอนั เปน็ พน้ื ฐานของความเปน็ มนษุ ย ์ ๓) ขนั ติ ความอดทนซง่ึ เปน็ ความอดทน ต่อคำ�พูดหรือการกระทำ�ของผู้อื่นที่ตนเองไม่พอใจ และอดกลั้นต่อกิเลสภายในจิตใจของตนเองด้วย เพ่อื การสรา้ งสงั คมท่ดี ีทมี่ สี ัจจะเปน็ พ้นื ฐาน และ ๔) จาคะ เปน็ การเสยี สละ บรจิ าคสิ่งท่มี ีอย่ใู นตน อนั ไดแ้ กท่ รพั ยส์ นิ เงนิ ทอง และกเิ ลสทีม่ อี ยใู่ นตน ธรรมของผคู้ รองเรือนอนั เป็นคุณสมบัตขิ องผทู้ ่ี ประสบความสำ�เร็จในการดำ�เนินชีวิตทางโลก ซึ่งหมายความถึง ความประพฤติของบุคคลที่ดีที่ต่อ มนุษยชาติและการสร้างสังคมที่สันติสุขในโลก สำ�หรับการฝึกทักษะของบุคคลในด้านขันติธรรมนั้น ถกู ระบุไว้เปน็ เปา้ หมายหลักของการจัดการศึกษา คอื ด้านพทุ ธิศึกษา จรยิ ศึกษา หตั ถศกึ ษาและ พลศึกษา การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานในระยะต่อมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ จนกระทั่ง ถึงปัจจุบัน ชื่อวิชา เนื้อหาสาระและรูปแบบการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับขันติธรรมถูกปรับเปลี่ยนไป ให้สอดคล้องกับยุคสมัยเป็นคุณลักษณะด้านต่างๆ ของผู้เรียน อันได้แก่ จิตอาสา จิตสาธารณะ ความซื่อสัตย์สุจริต ความซื่อตรงยุติธรรม สำ�นึกต่อสังคม ทักษะทางอารมณ์ เป็นต้น ดังที่ระบุไว้ใน กลุ่มสาระวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕.๔ หลักสตู รการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานกบั ความเป็นพลเมือง สาระการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกับความเป็นพลเมืองน้ันได้บรรจุไว้ ในหลักสตู รการจดั การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานมาโดยตลอด ซึ่งในหลักสูตรการจัดการศึกษา พ.ศ.๒๕๐๓ ใชช้ ่อื วา่ วิชาหน้าท่พี ลเมอื ง ในหลกั สตู รการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พ.ศ.๒๕๔๔ และหลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ ได้ระบุไว้ในกลุม่ สาระวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ในสาระวิชาหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำ�รงชีวิตในสังคม เป็นการเรียนรู้บทบาทของตนเอง สำ�หรับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมประชาธิปไตย โดยมุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตาม สถานภาพ บทบาท สิทธเิ สรภี าพ หน้าทใ่ี นฐานะพลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย ซงึ่ เป็นการศกึ ษา เพื่อสร้างความเป็นพลเมือง (Civic Education) “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตย หมายถงึ สมาชกิ ของสงั คมที่มีอสิ รภาพ (Liberty) และพ่ึงตนเองได้ (Independent) ใชส้ ทิ ธิเสรีภาพโดยควบคกู่ ับ ความรบั ผิดชอบ เคารพสทิ ธิเสรภี าพของผู้อืน่ เคารพความแตกตา่ ง เคารพหลักความเสมอภาค เคารพ

๑๙ กตกิ า ไม่แก้ปญั หาด้วยความรุนแรง ตระหนักวา่ ตนเองเปน็ ส่วนหนงึ่ ของสงั คม รว่ มรับผิดชอบต่อสงั คม มีจิตสาธารณะ และกระตือรือร้นที่จะรับผิดชอบหรือร่วมขับเคลื่อนสังคมและแก้ปัญหาผิดชอบหรือ ร่วมขับเคล่ือนสงั คมและแก้ปญั หาสังคมในระดบั ต่างๆ ตัง้ แตใ่ นครอบครัว ชมุ ชน จนถงึ ระดบั ประเทศ ระดบั อาเซยี น และระดับประชาคมโลก ดว้ ยความตระหนกั ถึงความส�ำ คญั ของการศึกษาเพื่อสรา้ งความเป็นพลเมือง สำ�นักงาน เลขาธกิ ารสภาการศึกษา ได้ศกึ ษาแนวทางการพฒั นาการศึกษาเพ่อื สรา้ งความเป็นพลเมอื ง ควบคู่ ไปกับการจัดการเรียนร้ใู นระบบการศกึ ษา ผลการศึกษาพบวา่ “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตย ควรมคี ุณสมบตั ิ ๖ ประการ ดังนี้ ๑) มีอสิ รภาพ และพึง่ ตนเองได ้ ไมอ่ ยภู่ ายใตก้ ารครอบง�ำ ของ ระบบอุปถัมภ์ ๒) เคารพสทิ ธผิ อู้ น่ื ไมใ่ ช้สทิ ธเิ สรภี าพของตนไปละเมิดสทิ ธเิ สรภี าพของบุคคลอนื่ ๓) เคารพความแตกต่าง มที ักษะในการฟัง และยอมรบั ความคดิ เหน็ ท่ีแตกตา่ งจากตนเอง ๔) เคารพ หลกั ความเสมอภาค เคารพศักด์ิศรีความเปน็ มนุษย์ของผู้อื่น และเห็นคนเทา่ เทยี มกนั ๕) เคารพ กติกา เคารพกฎหมาย ใช้กติกาในการแกป้ ัญหา ไม่ใชก้ ำ�ลงั และยอมรบั ผลของการละเมดิ กฎหมาย ๖) รบั ผิดชอบตอ่ สังคม ตระหนกั ว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคม กระตอื รือร้นที่จะรับผดิ ชอบและ ร่วมแกไ้ ขปัญหาสงั คมโดยเร่มิ ต้นท่ีตนเอง ต่อมา ไดจ้ ดั ท�ำ ยทุ ธศาสตร์พัฒนาการศึกษาเพอ่ื สร้างความเป็นพลเมือง พ.ศ. ๒๕๕๓ – ๒๕๖๑ ขนึ้ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ดงั น ี้ ๑) การศกึ ษาเพือ่ ความเปน็ พลเมืองส�ำ หรับ เด็กและเยาวชน เป็นการเร่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรในสถานศึกษาตั้งแต่ผู้บริหาร ครู และบุคลากร ทางการศึกษาทุกคน โดยเน้นการเป็นผู้สอนและการเป็นผู้ปฏิบัติ “ความเป็นพลเมือง” เพื่อเป็น แบบอย่างให้กับผู้เรียนแทนการสอนให้รู้ และทบทวนเนื้อหาสาระการเรียนรู้ รวมทั้งพัฒนาการ เรียนการสอน ๒) การศึกษาเพ่อื ความเปน็ พลเมอื งสำ�หรับผู้ใหญ่ ครอบครัว และชมุ ชน เป็นการเร่ง สร้างหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นพลเมืองและการศึกษาเร่ืองการเมืองในหัวข้อหรือวิชาต่างๆ ๓) การสร้างพลเมอื งในวงกว้างและการสร้างความตระหนักในสังคมโดยใช้สือ่ มวลชน และ ๔) การเชือ่ ม ประสานเครือข่ายภาครัฐและเอกชน หน่วยงานหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ต้องสร้างเครือข่าย การท�ำ งานเพอ่ื สร้างความเปน็ พลเมืองรว่ มกบั หนว่ ยงานอน่ื ๆ ของรฐั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ และ องคก์ รภาคเอกชนที่เก่ยี วข้อง อย่างไรกด็ ี วิถกี ารเรยี นร้ทู ี่ออกแบบไวใ้ นหลักสตู รเดิมปรบั ตัวไมท่ นั กับความเปลี่ยนแปลง ของสถานการณ์โลกในปัจจบุ ัน การจดั อันดบั ผลการศึกษาขององคก์ รระหว่างประเทศ จะพบวา่ คุณภาพและศักยภาพของผู้เรียนไทยมีคะแนนต่ำ�กว่าคะแนนกลางหรือค่ามัธยฐานที่กำ�หนด (๕๐๐) อาทิ PISA มีคะแนนวิชาการอา่ น คณติ ศาสตร ์ และวทิ ยาศาสตร์ ในปี ๒๕๕๒ (ค.ศ. ๒๐๐๙) เทา่ กับ ๔๒๑, ๔๑๙ และ ๔๒๕ ตามล�ำ ดบั โครงการ TIMSS ผลสัมฤทธิท์ างการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์และ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ในปี ๒๕๕๔ (ค.ศ. ๒๐๑๑) เท่ากบั ๔๔๖ และ ๔๕๖ การปฏริ ูปหลกั สูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานและกระบวนการเรียนรู้ จึงเป็นความจำ�เป็นเพื่อพัฒนาผู้เรียนไทยให้มีผลสัมฤทธิ์ทาง

๒๐ การเรียนและมีผลการจัดอันดับทางการศึกษาที่สูงขึ้น พร้อมรับความก้าวหน้า การแข่งขันทาง เศรษฐกจิ ทีส่ งู ขึน้ การเปลย่ี นแปลงท่ีรวดเร็วของโลก ๖. แนวทางการจดั การศึกษาส่อู นาคต : การปฏริ ูปหลักสตู รใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ได้มีคำ�สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งชาติ เพื่อให้การปฏิรูปหลักสูตรและพัฒนา ตำ�ราเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตามนโยบาย ข้อ ๔.๑.๑ ของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา จ�ำ นวน ๒ คณะ ประกอบด้วย คณะที่ ๑ คณะกรรมการกำ�หนดวสิ ัยทศั น์การปฏริ ปู หลักสูตรการ ศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน มรี ฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ เป็นประธานกรรมการ ท�ำ หน้าท่กี �ำ หนด วสิ ัยทศั นเ์ พื่อเป็นแนวทางการปฏริ ูปหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน วางแนวทางระบบการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานของชาติ และใหค้ วามเหน็ ชอบระบบการจัดการศึกษา และหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ที่ได้พัฒนาและยกร่าง คณะที่ ๒ คณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำ�ราการศึกษาขั้นพื้นฐาน มศี าสตราจารย์พเิ ศษ ดร.ภาวิช ทองโรจน ์ เปน็ ประธานคณะกรรมการ ท�ำ หน้าท่ีออกแบบระบบ การศึกษาขั้นพื้นฐาน วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของระบบการศึกษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ร่างหลักสูตร การศึกษาขนั้ พน้ื ฐานใหมท่ ง้ั ระบบ กำ�หนดรายวิชาและเนื้อหาในหลกั สตู ร ดำ�เนนิ โครงการตำ�ราเรยี น แห่งชาต ิ ท้ังตำ�ราเรยี นแบบส่งิ พมิ พ์และสอื่ อิเลก็ ทรอนิกส ์ อนุมตั ิต้นฉบบั ตำ�ราเรยี น ทดสอบหลกั สตู ร และรายวิชา วางแผนการประกาศใช้หลักสตู รใหมท่ ว่ั ทงั้ ระบบการศึกษาของประเทศ คณะกรรมการ ชดุ น้ีได้เสนอกรอบแนวคิดภาพรวมของ (รา่ ง) โครงสรา้ งหลักสตู รการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานฉบับใหม่ โดย จดั ทำ�พิมพเ์ ขยี วหลกั สตู ร กำ�หนดกลมุ่ ความรู้ (Knowledge Clusters ) เป็น ๖ กลุม่ ไดแ้ ก่ ภาษา และวฒั นธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณติ ศาสตร์ การดำ�รงชีวิตและโลกของงาน ทกั ษะสอ่ื และการสอื่ สาร สังคมและความเป็นมนุษย ์ และกล่มุ อาเซียน ภูมิภาคและโลก ค่านิยมและเจตคติ ๖ ประการ ทกั ษะสำ�คัญ ๑๐ ดา้ น และประสบการณเ์ รียนรู้ ๖ เคร่ืองมอื เพ่อื น�ำ พาผูเ้ รียนออก จากหอ้ งเรียน กา้ วสโู่ ลกของโครงการ มีกิจกรรมการฝึกฝนและเรยี นรู้ท่สี นกุ สนาน ตน่ื เตน้ ทา้ ทาย และ พฒั นาการทางรา่ งกายและจติ ใจ

๒๑ ๑๗ sความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ s sสานกึ ประชาธปิ ไตย s s sนบั ถอื ผอู้ น่ื s sสานกึ ต่อสงั คม s s sซอ่ื ตรงยตุ ิธรรม 6 10 s sเสยี สละเพอ่ื สว่ นรวม Values and Generic s Attitudes Skills s s 6 6 Knowledge Learning sอ่านเพอ่ื เรยี นรู้ s Approaches sเรยี นรโู้ ครงการ s Clusters s sเทคโนโลยสี ารสนเทศ s sคณุ ธรรมและความเปน็ พลเมอื ง s sพฒั นารา่ งกายและจติ ใจ s sเรยี นรใู้ นอาชพี ทส่ี นใจ ทั้งนี้ คณะกรรมการปฏิรูปหลกั สตู รฯ ไดม้ อบหมายใหค้ ณะทางานแต่ละกลมุ่ ความรดู้ าเนินการจัดทา เเนหอื้มหาะาสหมลักแส กลูตาะรรขจขอดั อใทงหท�ำแ้แงั้เตนนต่ล้อื้ีล่ ะหะกคากหณลลลุ่มะมุ่ ักตกนสราาูตรมไรมปขกTจอาeัดงรแmปทตฏาpล่ โริ lคะปูaกรหtลงeลสมุ่sกั รตสทา้าตู งม่ีปรในรฯTบัeราmใหไยดpมล้มlะน่aอเtี้ บอeโดsหียยดมทสาต่ีปยาอ่รใมไบัหปาใค้ รหณถมปะน่ ทรี้ โับำ�ดงลยาดสนาแ/มตาเ่ลพระถ่ิมกปเลตรุ่มบัิมคลปวดรา/มะเรเดพ้ดู น็ม่ิ�ำ เเไนตดนิมิ ต้ ามความ การปประฏเริดูปน็ หไดลต้ ักาสมูตครวฯามคเหรม้ังนาะ้ี คสมณแะลกะรขรอมใกหาแ้ รตก่ลาะรกปลฏมุ่ ริ นูป�ำ หไปลจกั ดั สทูตำ�รโคแรลงะสตรา้ รงใานกราารยศลึกะษเอาียขดนั้ ตพอ่ ้ืนไปฐานไดพ้ ิจารณา ในประเดน็ ต า่ งๆ ไดก้แากร่ป๑ฏ)ริ คูปวหาลมกั ทสนัูตรสฯมยั คขรอั้งนงห้ี คลณกั สะตูกรร๒มก) าครวกาามรปเหฏมิราปู ะหสลมกั ขสอตู งรหและกั ตสำ�ตู รรากา๓ร)ศโึกคษรางขส้นั รพา้ ื้นงขฐาอนงหลักสตู ร ๔) ขัน้ ตอนขไดอ้พงหิจาลรักณสาูตใรนป๕ร)ะแเดน็นวตโ่านงม้ ๆกาไดรศ้แกึ ่ษ๑าป) จั คจวบุามันทแันลสะมยั ๖ข)อสงหมั ลฤกั ทสธตู ิผรลข๒อ)งกคาวรามศเกึ หษมาะทสมัง้ นขอี้ คงหณละักกสรตู รรมการการ ปฏริ ูปหลกั ส๓ตู )รโฯครไงดส้กรา้าหงขนอดงห(รลา่ กั งส)ูตโรคร๔ง)สขร้ันางตหอลนักขสองูตหรลกกัาสรตูศรึกษ๕า)พแนื้ นฐวาโนม้ฉกบาบั รใศหกึ มษ่าเปัจ็นจบุ๖ันกแลล่มุ ะคว๖า)มสรัมู้ ฤดทงั ธนิ ี้ ผลของการศกึ ษา ในเบ้ืองตน้ คณะกรรมการการปฏริ ูปหลกั สูตรฯ ได้กำ�หนด (ร่าง) โครงสรา้ งหลกั สตู ร การศกึ ษาพืน้ ฐานฉบับใหม่ เป็น ๖ กลมุ่ ความร้ ู ดงั น้ี

๒๒ กลุ่มความรู้ Knowledge Cluster เน้อื หาชั้นประถม เนื้อหาชั้นมัธยม 1 ภาษา และ วฒั นธรรม Language and Culture ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความเป็นไทย วชิ าเลือก (ภาษาฝรง่ั เศส เยอรมนั สเปน จนี ญีป่ ุ่น เกาหลี 2 วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี Science, Technology, อาเซยี น รัสเซีย อาระบิค) วฒั นธรรมไทย วัฒนธรรมโลก และ คณิตศาสตร์ Engineering and คณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ คณิตศาสตรป์ ระยุกต,์ Pre-calculus, สถิติเบ้อื งตน้ , Mathematics (STEM) วทิ ยาศาสตรท์ ว่ั ไป สถติ ิ, เรขาคณิต, พีชคณิต, ฟสิ กิ ส์, เคมี, วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ, วิทยาการโลก, วศิ วกรรม, สมทุ รศาสตร,์ อวกาศและดาราศาสตร์ 3 การดำ�รงชวี ิต Life Skills and World of การศกึ ษาท่วั ไป เทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคโนโลยี และโลกของงาน Work คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี โลกเกษตรกรรม, คหกรรม, นวัตกรรม-เทคโนโลยีและเศรษฐกจิ สารสนเทศ ธุรกจิ และการเปน็ ผู้ประกอบการ ชีวติ กับเศรษฐศาสตร์ 4 ทักษะส่ือ และการสอื่ สาร Media Skills and การเรียนรู้ในโลกยคุ ใหม่ ระบบสุขภาพ เพศศึกษา ชวี ติ กับกฎหมาย Communication พลศกึ ษา คอมพวิ เตอรช์ ัน้ สงู เทคโนโลยีสารสนเทศ ศลิ ปะศึกษา และ ดนตรี โลกของส่อื ชวี ติ ในโลกเสมือน การเรียนรู้ตลอดชวี ติ 5 สังคม Society and Humanity โรงเรยี นประชาธปิ ไตยล และความเปน็ มนุษย์ การศกึ ษาท่ัวไป ดนตรกี บั สังคม การเล่นดนตรี ศิลปะตามความถนดั ประเทศไทยของเรา ความเปน็ พลเมือง ศีลธรรมและจรยิ ศาสตร์ จริยธรรมในยคุ ใหม่ 6 อาเซยี น ภูมภิ าค และโลก ASEAN, Region and the อาเซยี น ศาสนาและปรัชญา ชีวิตและตรรก ชวี ิตกับการศึกษา World การศึกษาทั่วไป ภมู ศิ าสตร์ไทยและอาเซยี น ภมู ิศาสตรโ์ ลก ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย และอาเซียน ประวัติศาสตรโ์ ลก

พัฒนาการหลกั สูตรการศึกษาขัน้ พ้นื ฐานของไทย หลกั สูตร  พ.ศ.๒๕๐๓  พ.ศ.๒๕๒๑   พ.ศ.๒๕๒๑ (ปรับปรุง ๒๕๓๓) พ.ศ.๒๕๔๔ พ.ศ.๒๕๕๑  พ.ศ.๒๕๕๖ กอ่ นประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๐๓ – ๒๕๔๓) หลังประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (พ.ศ.๒๕๔๔ – ปจั จบุ นั ) ระบบการจดั การศึกษา  ๔:๓:๓:๒ ๖:๓:๓ ๖:๓:๓ ๖:๓:๓ ๖:๓:๓ ๖:๓:๓  ประถมศกึ ษา มีสาระ ๔ กลมุ่ วชิ า คอื แบง่ เป็น ๔ ช่วงชัน้ คอื ระดับการศึกษา ๓ ระดบั คอื ๖ กลุ่มความรู้ คอื สาระการเรียนรู้   ประถมศกึ ษา มีสาระ ๕ หมวดวชิ า คือ ๑) กลุ่มทกั ษะ ๒) กล่มุ สรา้ งเสริม  ประถมศึกษา มสี าระ ๕ กลมุ่ คือ ๑)ทักษะ ชว่ งช้ันที่ ๑ ป.๑ - ป.๓ ระดับประถมศกึ ษา (ป.๑ – ป.๖) ๑) ภาษา และ วรรณกรรม ๑) ภาษาไทย ๒) สงั คมศึกษา ประสบการณ์ชีวติ ๓) กลุม่ สรา้ งเสรมิ ทีเ่ ป็นเครอื่ งมอื การเรยี นรู้ ๒)สร้างเสรมิ ช่วงช้นั ท่ี ๒ ป.๔ – ป.๖ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ม.๓) ๒) ส่ือ และการสอื่ สาร ๓) วทิ ยาศาสตรเ์ บ้ืองต้น ๔) คณติ ศาสตร์ ลักษณะนิสัย ๔) กลุ่มการงานและพ้ืนฐาน ประสบการณช์ ีวติ ๓)สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนิสยั ชว่ งชนั้ ที่ ๓ ม.๑ – ม.๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ม.๖) ๓) วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ๕ ) พลานามยั และศลิ ปศกึ ษา อาชพี ๔)การงานและพื้นฐานอาชีพ ๕)ประสบการณ์ ชว่ งช้ันที่ ๔ ม.๔ – ม.๖ มสี าระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ คอื คณิตศาสตร์  มัธยมศกึ ษา มสี าระ ๕ กลุม่ วชิ า คือ พิเศษ มีสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ คอื ๑) ภาษาไทย ๒) คณิตศาสตร์ ๔) การดาํ รงชวี ติ และโลกของงาน  มธั ยมศึกษา มี ๒ สาย คอื สายสามัญ ๑) กลุ่มภาษา ๒) กลุม่ วิทยาศาสตร-์  มัธยมศึกษา สาระแบ่งออกเปน็ ๓ ส่วน คือ ๑) ภาษาไทย ๒) คณิตศาสตร์ ๓) วิทยาศาสตร์ ๔) สังคมศึกษา ศาสนา ๕)) สังคมและความเป็นมนษุ ย์ และสายอาชพี มี ๘ หมวดวิชา คอื คณติ ศาสตร์ ๓) กลุ่มสงั คม ๔) กล่มุ วิชาบงั คบั วชิ าเลอื กเสรแี ละกิจกรรม วชิ า ๓) วิทยาศาสตร์ ๔) สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๕) สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๖) อาเซยี น ภมู ิภาค และโลก ๑) คณิตศาสตร์ ๒) วิทยาศาสตร์ พฒั นาบคุ ลิกภาพ ๔) กลมุ่ การงานและ บังคบั มี ๒ แบบ คือ วชิ าบังคับแกนและบังคบั และวฒั นธรรม ๕) สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๖)ศิลปะ ๗)การงานอาชพี และเทคโนโลยี   ๓) ภาษาไทย ๔) สังคมศึกษา อาชีพ เลือก วิชาบังคับแกนมี ๔ กลุ่มวิชา คือ ๑) ๖) ศลิ ปะ ๗) การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๘) ภาษาตา่ งประเทศ ๕) ภาษาอังกฤษ ๖) ศิลปศกึ ษา กลุม่ ภาษา(ไทย) กลุ่มวทิ ยาศาสตร์-คณติ ๘) ภาษาตา่ งประเทศ และ ๑๑ กจิ กรรม และกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น  ๑) แสวงหาความรูใ้ หมต่ ลอดชวี ิต ๒) การ ๗) พลานามัย ๘) ศิลปปฏบิ ตั ิ มวี ิชาบงั คับ และวขิ าเลอื ก ศาสตร์ กลุม่ สงั คม กลุม่ พัฒนาบคุ ลกิ ภาพ เน้นพุทธพิ ิสยั จิตพสิ ัย และทักษะพสิ ัย   ๑) ความสามารถในการสือ่ สาร คดิ เชงิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และวพิ ากษ์ เนน้ พุทธพิ สิ ยั จิตพิสยั และทกั ษะพสิ ยั   (พลานามยั และศลิ ปศึกษา) กลุม่ บังคบั เลอื ก ๒) ความ สามารถในการคดิ ๓) การคิดและทาํ งานเชิงสร้างสรรค์ มี ทกั ษะสาํ คญั   เนน้ พทุ ธพิ สิ ัย จิตพิสัย และทกั ษะพสิ ยั มี ๓ กล่มุ คือ กลุ่มสงั คม กลมุ่ พัฒนา ๓) ความสามารถในการแกไ้ ขปัญหา ความเป็นผูป้ ระกอบการ และมอี าชพี ที่มี โดยแบง่ เปน็ พทุ ธศิ กึ ษา จริยศกึ ษา บุคลกิ ภาพ และกลุ่มการงานและอาชีพ ๔) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ คุณภาพ ๔) การเจรญิ สติ สร้างจติ ปญั ญา หัตถศึกษา และพลศึกษา เน้นพทุ ธพิ สิ ัย จิตพสิ ัย และทกั ษะพสิ ัย ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และคณุ ความดี ๕) การสอ่ื สาร ถา่ ยทอด       ความคดิ ความรู้และความเขา้ ใจ ๖) ใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การศึกษาและ ค่านิยมและเจตคติ  มีจุดเนน้ เชงิ พฤตกิ รรมและเจตคติ มีจุดเน้นเชงิ พฤตกิ รรมและเจตคติ มีจุดเน้นเชิงพฤติกรรมและเจตคติ มจี ดุ เนน้ เชงิ พฤตกิ รรมและเจตคติ ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ประกอบการดาํ รงชวี ติ ๗) การทาํ งาน ในแตล่ ะหมวดวิชา ในแตล่ ะกลมุ่ วชิ า ในแตล่ ะช่วงชัน้ และกลมุ่ วิชา ในแตล่ ะช่วงช้นั และแต่ละรายวชิ า ๒) ซือ่ สัตย์สุจริต รว่ มกบั ผู้อน่ื ๘) สามารถเผชญิ ปัญหาและ   ๓) มีวินัย แก้ปญั หา ๙) การบรหิ ารความขดั แย้ง ๔) ใฝ่เรียนรู้ ๑๐) การดาํ รงชวี ติ ในโลกยคุ ใหม่ มที กั ษะ วธิ ีการเรียนรู้  ถ่ายทอดความรูโ้ ดยใชค้ รูเป็นหลกั และ ถา่ ยทอดความรู้โดยใชค้ รูเปน็ ศูนย์กลางและ ถา่ ยทอดความร้โู ดยใช้ครูเปน็ ศนู ย์กลางและ คน้ คว้าหาความรู้โดยเน้นผูเ้ รียนเป็นสําคญั ๕) อย่อู ย่างพอเพยี ง ประชาธปิ ไตย เคารพความคิดทแ่ี ตกตา่ ง การใช้กจิ กรรมเพอื่ การเรยี นรู้ ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลาง มกี ารใช้กจิ กรรมและ ผู้เรียนเปน็ ศนู ยก์ ลาง มกี ารใช้กจิ กรรม มกี ารใชก้ จิ กรรม นวัตกรรม ๖) มุ่งมนั่ ในการทาํ งาน และสามารถบรหิ ารความขดั แยง้ และนวตั กรรมเพอ่ื การเรียนรู้ สอ่ื เทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ ๗) รักความเป็นไทย ๑) ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การประเมนิ ภาคความร้แู ละภาคปฏิบัติ นวตั กรรมเพื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลด้านความรู้ ความเขา้ ใจ ๘) มีจิตสาธารณะ ๒) สาํ นกึ ประชาธปิ ไตย   การประเมินผลดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ และดา้ นกจิ กรรม การประเมนิ ผลดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ค้นควา้ หาความรโู้ ดยเนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคญั ๓) นับถือผู้อื่น และด้านกจิ กรรม ๔) สาํ นึกตอ่ สังคม และด้านกจิ กรรม มกี ารใชก้ จิ กรรม นวตั กรรม ๕) ซ่ือตรงยุตธิ รรม หลักสตู รแกนกลาง แบบกลมุ่ วชิ า สื่อเทคโนโลยี เพือ่ การเรยี นรู้ ๖) เสียสละเพื่อสว่ นรวม การประเมินผลโดยตัวช้ีวดั ชนั้ ปแี ละช่วงชั้น   ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ และดา้ นกิจกรรม ๑) อ่านเพอ่ื การเรยี นรู้ หลกั สูตรแกนกลาง บรู ณาการรายวชิ า เน้น ๒) เรยี นรูแ้ บบโครงงาน ผเู้ รียนเปน็ สาํ คญั และหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๓) เทคโนโลยสี ารสนเทศ ๔) คณุ ธรรมและความเป็นพลเมือง ๕) การพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจ ๖) เรยี นรู้ผา่ นการทาํ งานทสี่ นใจ จุดเนน้ ของหลกั สูตร  หลกั สูตรแบบหมวดวชิ า หลักสูตรแกนกลาง แบบกลมุ่ วิชา หลกั สูตรแกนกลาง บรู ณาการรายวชิ า เน้น ๒๓ ผู้เรยี นเป็นสาํ คญั และหลกั สตู รสถานศึกษา หลกั สูตรประโยคประถมศึกษาตอนต้นและ หลักสูตรประถมศกึ ษา, มธั ยมศกึ ษาตอนต้น, หลักสูตรประถมศึกษา,มธั ยมศึกษาตอนต้น, หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน หลักสตู รแกนกลาง แนวคดิ ในการปฏิรปู หลกั สูตร ตอนปลาย,มัธยมศึกษาตอนตน้ , มัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.๒๕๒๑ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พ.ศ.๒๕๒๑ พ.ศ. ๒๕๔๔ การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ (ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๓๓) มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พ.ศ. ๒๕๐๓



บรรณานกุ รม บรรณานุกรม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๑) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย ----------. (๒๕๔๔) หลักสูตรการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔. กรงุ เทพฯ : สถาบันพัฒนาคณุ ภาพ วชิ าการ “ปฏริ ูปหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน” ใน www.moe.go.th (๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖) “รา่ งโครงสรา้ งหลกั สตู รการศึกษาขนั้ พื้นฐานฉบบั ใหม่” ใน www.curriculum51.net ( ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖) “ววิ ฒั นาการการศกึ ษาไทย” ใน www.slideshare.net (๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ) สรุปพัฒนาการหลักของ “หลกั สตู รไทย” ใน www.learners.in.th (๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ) สมพงษ์ จิตระดับ สอุ ังคะวาทิน “หลกั สูตรใหม่...เพ่อื ประเทศไทยทดี่ กี ว่า” ใน มตชิ นรายวนั วันพุธท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖, หน้า ๗ . สานักงานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๖) พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ ก้ไข เพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ กรงุ เทพฯ :



คณะผูจ้ ัดท�ำ ท่ปี รกึ ษา เลขาธิการสภาการศกึ ษา นางสาวศศธิ ารา พชิ ัยชาญณรงค ์ รองเลขาธกิ ารสภาการศึกษา นางสทุ ธศรี วงษส์ มาน ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นักมาตรฐานการศึกษาและพฒั นาการเรยี นรู้ นางทพิ ยส์ ดุ า สุเมธเสนีย์ ผู้จดั ท�ำ นางสาวประภาพรรณ วงศาโรจน ์ หวั หน้ากลุ่มสง่ เสริมการเพ่มิ โอกาสทางการศกึ ษา และเรยี นรู้ตลอดชวี ติ นายรวิช ตาแกว้ นกั วชิ าการศกึ ษาช�ำ นาญการพิเศษ นางสาวพุฒสิ าร์ อคั คะพ ู นักวชิ าการศกึ ษาชำ�นาญการพเิ ศษ นางสาวสมปอง สมญาติ นักวชิ าการศกึ ษาชำ�นาญการพิเศษ นางสาวก่ิงกาญจน ์ เมฆา นกั วิชาการศกึ ษาช�ำ นาญการพเิ ศษ นางสาวปิยะมาศ เมิดไธสง นกั วชิ าการศกึ ษาช�ำ นาญการ นายเอกวฒุ ิ บุตรประเสรฐิ นกั วิชาการศกึ ษาปฏิบัติการ นางสาวภคั วดี ศรศี กั ดา นักวิชาการศกึ ษาปฏิบตั กิ าร นายวทิ ยาศาสตร์ ดลประสิทธ์ิ นักวิชาการศึกษาปฏบิ ัตกิ าร ผพู้ มิ พต์ ้นฉบบั ผชู้ ว่ ยนักวชิ าการ นางสาวบศุ รา บุญเกดิ ผจู้ ัดพมิ พแ์ ละเผยแพร่ กลมุ่ สง่ เสรมิ การเพมิ่ โอกาสทางการศกึ ษาและการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต ส�ำ นักมาตรฐานการศกึ ษาและพัฒนาการเรยี นรู้ สำ�นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook