Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เลขที่ 31 ใบงานที่ 3.1

เลขที่ 31 ใบงานที่ 3.1

Published by Naruemon _woon, 2022-08-19 14:03:03

Description: เลขที่ 31 ใบงานที่ 3.1

Search

Read the Text Version

ภาษีมูลค่าเพ่มิ

แบบทดสอบก่อนเรียน คำชแี้ จง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้อง 1.ภาษีมลู ค่าเพ่ิม หมายถงึ อะไร ก. ภาษีท่เี กบ็ จากการขายสินค้าและบริการของผู้ผลิตสนิ ค้า ข. เงนิ ตราหรือทรัพย์ที่ประชาชนตอ้ งงนำไปสง่ ให้กับรฐั หรือสถาบันที่มีหน้าท่ี เทยี บเท่ากับรัฐทั้งบคุ คลธรรมดาและนติ บิ คุ คล ค. ภาษีทเ่ี กบ็ ขอ้ มูลส่วนทเ่ี พิ่มขึ้น จากคนทำธรุ กิจขายสินคา้ หรอื ให้บรกิ ารประเภท ตา่ งๆ ง. ถกู ทง้ั ข้อ ก. และ ค. จ. ถกู ทุกข้อ 2.ใบกำกบั ภาษมี กี ่ีประเภท ก. 1 ประเภท ข. 2 ประเภท ค. 3 ประเภท ง. 4 ประเภท จ. 5 ประเภท 4.การยกเว้นภาษมี ูลคา่ เพิ่มตามมาตราใด ก.มาตรา 84 ข.มาตรา 83 ค.มาตรา 82 ง.มาตรา 81 จ.มาตรา 80 4.คำขอจดทะเบยี นภาษมี ูลคาเพิ่มตามแบบ ภ.พ..01 ใช้กี่ฉบบั ก. 5 ฉบับ ข. 4 ฉบบั ค. 3 ฉบับ ง. 2 ฉบบั จ. 1 ฉบับ

5.ข้อใดไมใ่ ช่เอกสารทีถ่ อื เปน็ ใบกำกับภาษี ก. ใบแจ้งยอดหนี้ ข.ใบเพม่ิ หน้ี ค.ใบลดหนี้ ง.ใบเสรจ็ รบั เงินทส่ี ว่ นราชการออกให้ จ.ใบเสร็จรับเงนิ จากรา้ นสะดวกซื้อ 6.การประกอบกิจการขายสินคา้ หมายถงึ ข้อใด ก.การกระทำใดๆ อันอาจหาประโยชน์ ข.การนำเงนิ ไปหาประโยชนโ์ ดยการฝากธนาคาร ค.การใช้บรกิ ารเพื่อประกอบกจิ การ ง.การนำเงินทุนมาประกอบกจิ การ จ.การจำหนา่ ย จา่ ย โอนสินคา้ 7.วธิ กี ารคำนวณข้อใดถูกต้อง ก.ภาษซี ือ้ = ภาษขี าย - ภาษที ่ีตอ้ งชำระ ข.ภาษที ี่ตอ้ งชำระ = ภาษีขาย - ภาษซี ้ือ ค.ภาษขี าย = ภาษีซือ้ - ภาษีทต่ี ้องชำระ ง.ภาษีที่ต้องชำระ = ภาษีขาย + ภาษซี ้ือ จ.ภาษขี าย = ภาษซี อื้ + ภาษีท่ีตอ้ งชำระ 8.ข้อใดไม่ใช่เเบบเเสดงรายการทใี่ ช้ ก.เเบบ ภ.พ.01 ข.เเบบ ภ.พ.02 ค.เเบบ ภ.พ 02.1 ง.เเบบ ภ.พ.03 จ.แบบ ภ.พ.04 9.ผูป้ ระกอบการต้องมรี ายรับไมเ่ กนิ ก่ีบาทต่อปี ก.5.8 ล้านบาทตอ่ ปี ข.4.8 ล้านบาทต่อปี ค.3.8 ลา้ นบาทต่อปี ง.2.8 ลา้ นบาทตอ่ ปี จ.1.8 ล้านบาทต่อปี

10.VAT ย่อมาจากอะไร ก.Valoe Adred Tax ข.Value Added Tax ค.Velue Added Tex ง.Valtue Adided Tax จ.Vallue Adided Tex

ภาษีมลู ค่าเพมิ่ 1. ความหมายของภาษมี ูลคา่ เพ่ิม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือใช้ตัวย่อว่า VAT) คือภาษีที่รัฐบาลเรียก เก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนการผลิตสินค้าหรือบริการ และการจาหน่าย สินค้าหรือบริการชนิดต่าง ๆ โดยผู้ประกอบการเป็นผู้มีหน้าที่เก็บจากลูกค้า แล้วนา ภาษีมูลค่าเพิ่มไปชาระให้แก่รัฐบาล ผกาพรรณ พรหมสาขา ณ สกลนคร ให้ความหมาย ภาษีมูลค่าเพิ่มว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง ภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าและบริการของ ผู้ผลิตสินค้า หรือผู้บริการ ผู้นาเข้า โดยจัดเก็บเฉพาะมูลค่าที่เพิ่มขึ้น การจัดเก็บ ภาษีมลู ค่าเพ่มิ มีขอบเขตกวา้ งขวาง และครอบคลมุ ทุกขัน้ ตอนในการผลิตการจาหน่ายและ ให้บริการ เบญจมาศ อภิสิทธิ์ภิญโญ และคณะ กล่าวถึงภาษีมูลค่าเพิ่มว่า ภาษีมูลค่าเพ่ิม เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้าหรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอน การผลิตและจา หน่ายสินค้าหรือบริการเหล่านั้น ทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนาเข้าจากต่างประเทศ โดย ส่วนที่เก็บเพิ่มนั้นเรียกว่า “มูลค่าเพิ่ม” ภาษีมูลค่าเพิ่มจึงเป็นภาษีที่ผู้ประกอบการจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะทาการเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการต่าง ๆ ที่เป็นคน สุดท้าย รวมถึงการเก็บภาษีทุกขั้นตอนของการผลิตหรือการขายสินค้าหรือการให้บริการ จากน้ันผู้ประกอบการจะนาภาษที เี่ กบ็ ได้สง่ ใหก้ บั สรรพากรทุกเดือน ภาษีมูลค่าเพิ่ม (อังกฤษ: Value Added Tax หรือ VAT) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แวต เป็นภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดย จัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นผลิต การจำหน่ายหรือการให้บริการ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ซื้อวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์มา 100 บาท และมีภาษีซื้อ 10 บาท เมื่อผลิตเป็นสินค้าขายในราคา 150 บาท ตอนขายไปจะต้อง คิดภาษีขาย 15 บาท ดังนี้ ก็จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะผลต่างจำนวน 15-10 = 5 บาท เท่านั้น ถ้าการซื้อ และขายเกิดขึ้นภายในรอบการจ่ายภาษีเดียวกัน ในประเทศไทยได้ กำหนดอตั ราภาษมี ูลคา่ เพ่ิมไว้ที่ 10% แตท่ ้งั น้ี ต้งั แต่ พ.ศ. 2540 เปน็ ตน้ มา คณะรัฐมนตรี จะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี โดยที่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 1 ใน 9 ที่เก็บได้ จะถูกโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่เหลือ อีก 8 สว่ นจะถูกโอนให้แก่รฐั บาลกลาง ภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง ภาษีที่เก็บจากการขายสินค้าและบริการของผู้ผลิตสินคา้ หรือผู้บริการ ผู้นำเข้า โดยจัดเก็บเฉพาะมูลค่าที่เพิ่มขึ้น การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมี ขอบเขตกว้างขวาง และครอบคลมุ ทุกข้นั ตอนในการผลติ การจำหนา่ ยและใหบ้ ริการ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่เก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้น จากคนทำธุรกิจขายสินค้า หรอื ใหบ้ รกิ ารประเภทต่างๆ โดยผทู้ ีม่ ีหน้าท่ีเสียภาษีมูลคา่ เพม่ิ คือ ผปู้ ระกอบการ และผู้นำ เข้า ซึ่งรวมไปถึงผู้ผลิต ผู้ให้บริการผู้ขายส่ง ผู้ขายปลีก ส่งออก ผู้นำเข้า ซึ่งมีรายได้ต่อปี ตง้ั แต่ 1,800,000 บาทข้ึนไป ไม่ว่าจะเป็นบคุ คลธรรมดาหรือนิตบิ ุคคลกต็ าม ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคที่เป็นผู้ซื้อสินค้าทั้งที่ผลิตใน ประเทศและต่างประเทศหรือเป็นผู้ได้รับบริการคนสุดท้าย ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ผู้บรโิ ภค คนสุดท้ายจะจ่ายภาษีซื้อ 7% ในตอนซื้อสินค้า และเรียกเก็บภาษีขาย 7% ในตอนขาย สินค้า เมื่อสิ้นเดือนจะนำภาษีซื้อและภาษีขายมาหักลบกัน ผลต่างหากภาษีซื้อมากกว่า ภาษีขายจะเป็น ลูกหนี้-สรรพากร หรือ ภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ จะเป็น เจ้าหน้ี- สรรพากร การยืน่ แบบแสดงรายการภาษมี ูลคา่ เพ่มิ 1.ผูม้ หี น้าทยี่ น่ื แบบ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 (ปัจจุบัน อัตรา ภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงเหลืออัตราร้อยละ 7.0 ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 440) พ.ศ. 2548 มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550) หรือผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลคา่ เพม่ิ ในอัตรารอ้ ยละ 0 โดยคำนวณภาษีมูลคา่ เพมิ่ จากภาษขี ายหักด้วยภาษซี ้ือใน แตล่ ะเดือนภาษี ท้งั นี้ ไมว่ า่ ผปู้ ระกอบการดังกลา่ วจะประกอบการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองมรดก บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล องค์การของ รฐั บาล หรือนติ บิ คุ คลในรูปแบบใดก็ตาม 2. แบบแสดงรายการท่ใี ช้ (1) แบบ ภ.พ.01 แบบคำขอจดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพิ่ม (2) แบบ ภ.พ.02 แบบคำขอยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลคา่ เพ่มิ รวมกนั (3) แบบ ภ.พ.02.1 แบบคำขอยกเลิกการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมกนั (4) แบบ ภ.พ.04 แบบคำขอรบั ใบแทนใบทะเบียนภาษีมลู คา่ เพิม่ (5) แบบ ภ.พ.08 แบบคำขอถอนทะเบียนภาษีมูลคา่ เพ่มิ (6) แบบ ภ.พ.09 แบบคำขอแจง้ การเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษมี ลู ค่าเพ่มิ (7) แบบ ภ.พ. 30 ใช้สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดย คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี กรณีเดือนภาษีใดมี จำนวนภาษีซ้ือมากกว่าภาษีขาย ผู้ประกอบการจะไดร้ ับคืนภาษี และสามารถใช้แบบ ภ.พ. 30 นี้เปน็ คำขอคนื ภาษมี ลู ค่าเพ่ิม

(8) แบบ ภ.พ.30.2 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีปรับปรุงภาษีซื้อท่ี เฉล่ยี ตามสว่ น ของรายได้ (9) แบบ ภ.พ.30.3 แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ในกรณีปรับปรุงภาษีซื้อที่ เฉลี่ยตามสว่ น ของการใชพ้ ้ืนทีอ่ าคาร (10) แบบใบขนสินค้าขาเข้า ใช้สำหรับผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เป็นผู้นำเข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ก็ตาม ผู้นำเข้าต้องชำระภาษีพร้อมกับการ ชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าดว้ ยศลุ กากร (11) แบบ ภ.พ.36 ใชส้ ำหรบั ผู้มหี น้าท่นี ำสง่ ภาษีมลู คา่ เพ่มิ กรณีดงั ต่อไปนี้ (ก) ผู้จ่ายเงินทจี่ ่ายคา่ ซ้อื สินค้าหรอื ค่าบรกิ ารให้แก่ – ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น การชว่ั คราว – ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นใน ราชอาณาจกั ร (ข) ผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มไป แล้วในอัตราร้อยละ 0 ได้แก่ การรับโอนสินค้าหรือรับโอนสิทธิในบริการ ที่ได้มีการขาย หรือให้บริการกับองค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถาน เอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ทั้งนี้เฉพาะการขายสินค้าหรือการ ใหบ้ ริการท่เี ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขที่อธบิ ดกี ำหนด (ค) ผ้ทู อดตลาดซง่ึ ขายทรพั ยส์ นิ ของผู้ประกอบการจดทะเบยี น กำหนดเวลา สถานที่ยนื่ แบบและการชำระภาษี กำหนดเวลาย่ืนแบบ (1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 พร้อมชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) เป็นรายเดือนทุกเดือนภาษี ไม่ว่าจะมีการขายสินค้าหรือให้บริการในเดือนภาษีนั้น หรือไมก่ ็ตาม โดยให้ยื่นแบบภายในวนั ที่ 15 ของเดอื นถดั ไป ในกรณผี ปู้ ระกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง ใหแ้ ยกย่นื แบบแสดงรายการ ภาษีและชำระภาษีเป็นรายสถานประกอบการ เว้นแต่ได้ยื่นคำร้องขออนุมัติยื่นแบบแสดง รายการภาษีและชำระภาษีรวมกัน (ภ.พ.02) เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรแล้ว กส็ ามารถยืน่ แบบ ภ.พ.30 รวมกนั ไดต้ ้ังแตเ่ ดอื นภาษีทอี่ ธบิ ดกี ำหนดเป็นตน้ ไป (2) การนำเข้าสินค้า ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้นำเข้าต้องยื่นแบบใบขน สินค้าขาเข้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วย ศุลกากร ณ ด่านศลุ กากรทม่ี ีการนำเขา้ สนิ ค้า

(3) ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีผู้ประกอบการที่ให้บริการในต่างประเทศ และไดม้ กี ารใชบ้ ริการนน้ั ในราชอาณาจักร หรือผู้ทอดตลาดซ่ึงขายทอดตลาดทรัพย์สินของ ผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 7 วันนับแต่วันท่ี จ่ายเงินหรือวันรับเงินจากการขายทอดตลาดแล้วแต่กรณี ปัจจุ บันได้มีประกาศ กระทรวงการคลังขยายกำหนดเวลาการนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยให้นำส่งภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือผู้ประกอบการ และยื่นรายการ แล้วแตก่ รณี (4) กรณีผู้รับโอนสินค้า หรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มใน อัตราร้อยละ 0 ให้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันความรับผิดในการเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น ปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงการคลังขยายกำหนดเวลาการนำส่ง เงินภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้นำส่งและยื่นรายการภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนท่ี ครบกำหนด 30 วันท่คี วามรับผดิ ในการเสียภาษีมลู ค่าเพิม่ เกิดข้นึ (5) กรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่ ถูกต้องครบถ้วน ไม่ว่าการคลาดเคลื่อนนั้นจะเป็นเหตุให้จำนวนภาษีในเดือนภาษี เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตาม จะยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเติมได้อีกพร้อม กับชำระภาษี (ถ้ามี) ให้ถูกต้องครบถ้วน ณ หน่วยงานที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการ ภาษีมลู คา่ เพมิ่ ไว้กอ่ น สถานทยี่ ื่นแบบ (1) กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงาน สรรพากรพ้ืนท่สี าขา(เขต/อำเภอ) ในทอ้ งท่ที สี่ ถานประกอบการต้ังอยู่ (2) กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงาน สรรพากรพื้นที่สาขา(อำเภอ) ในทอ้ งทท่ี ส่ี ถานประกอบการตั้งอยู่ การชำระภาษี (1) ชำระเปน็ เงนิ สด (2) ชำระดว้ ยเช็คขีดครอ่ ม สงั่ จ่ายแก่กรมสรรพากร โดยขีดฆ่าคำว่า ผู้ถือและหรือ ตามคำส่ัง หมายเหตุ การยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี สามารถยื่นผ่านเว็บไซต์ของ กรมสรรพากรได้ การคำนวณภาษมี ูลค่าเพิ่มการคำนวณภาษมี ลู ค่าเพมิ่ มวี ิธกี ารคำนวณดงั นี้

ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ถือเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนแบบเต็มรูป การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระแต่ละเดือน เป็นดังนี้ ภาษีท่ีตอ้ งชาระ = ภาษีขาย – ภาษีซอื้ อตั ราภาษมี ูลคา่ เพ่ิม อตั ราภาษีมลู ค่าเพ่มิ มี 2 อัตรา คอื 1.ร้อยละ 7 เป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือบริการทุกประเภท รวมทั้งการนำเข้า ซึ่งไม่อยู่ในข่ายยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฏากร อัตรานี้ได้ รวมภาษีท้องถิ่นแล้ว(อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับประเทศไทยเดิมใช้อัตราร้อยละ 10 ปัจจุบนั อัตราภาษมี ูลค่าเพม่ิ ลดลงเหลือร้อยละ 7 เปน็ การชวั่ คราว 2.ร้อยละ 0 เป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าหรือบริการสำหรับการ ประกอบการดงั ต่อไปน้ี 2.1 การส่งออกสินค้าตามมาตรา 81 (3) และตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 33/2536 ลงวนั ที่ 24 มิถยุ น 2536 2.2 การใหบ้ ริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยานหรอื เรือเดินทะเลที่ กระทำ โดยผู้ประกอบการท่ีเป็นนิตบิ ุคคลทจี่ ัดต้ังข้นึ ตามกฎหมายไทย 2.3 การขายสินค้าหรือการให้บริการส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตาม โครงการเงนิ กู้หรือเงนิ ชว่ ยเหลอื จากตา่ งประเทศ 2.4 การขายสินค้าหรือการให้บริการกับองค์การสหประชาชาติ ทบวงการ ชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล ตามท่ี อธิบดกี ำหนด 2.5 การขายสินค้าหรือการให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์บนด้วยกัน หรือระหว่างผู้ประกอบการที่ประกอบการอยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก รวมทั้งการขาย สินค้าหรือให้บริการระหว่างคลังสินค้าทัณฑ์กับผู้ประกอบกิจการอยู่ในเขตอุตสาหกรรม สง่ ออก ใบกำกบั ภาษี ใบกำกับภาษแี บง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1.ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (Tax Invoice) คือเอกสารหลักฐานสำคัญที่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ใบกำกับ ภาษีแบบนี้ต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กรมสรรพากรกำหนด (มาตรา 86/4) และใช้เป็น หลักฐานในการชำระหรือเรียกคืนภาษมี ลู คา่ เพิ่ม

2.ใบกำกับภาษีอย่างย่อย (Abbreviation Tax Invoice) หรือเรียกย่อๆว่า ABB Tax Invoice คือใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าในลักษณะขาย ปลีกให้บริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก ใบกำกับภาษีอย่างย่อยนี้อาจจะออกด้วยมือ หรอื ออกด้วยเครอ่ื งบันทกึ เงนิ สด ใบกำกับภาษแี บบนี้ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานในการชำระหรือเรียก คืนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ ดังนั้นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งความประสงค์ต้องการ ใบกำกบั ภาษีแบบเตม็ รปู เอกสารทถี่ อื เปน็ ใบกำกับภาษี 1.ใบเพม่ิ หนี้ 2.ใบลดหนี้ 3.ใบเสร็จรับเงนิ ทสี่ ่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด 4.ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร กรมศุลกากร หรือกรมสรรพสามิต เฉพาะสว่ น ทเ่ี ป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม การคำนวณภาษีมลู ค่าเพิ่ม การคำนวณภาษมี ูลคา่ เพิม่ แยกเปน็ 2 กรณี ดงั นี้ 1.กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ให้ คำนวณภาษีซื้อและภาษีขายประจำเดือน โดยดูจากบัญชีภาษีซื้อและภาษีขายหรือจาก รายงานภาษีซอ้ื และภาษีขายและหาผลต่าง 2.กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ให้คำนวณภาษี ขายในอัตราร้อยละ 0 ซึ่งจะมีผลทำให้ภาษีขายเท่ากับ 0 และคำนวณภาษีซื้อในอัตราร้อย ละ 7 ดังน้นั ภาษซี ือ้ จะมยี อดมากกวา่ ภาษขี าย ซ่ึงมีผลทำให้ผู้ประกอบการได้รับคนื ภาษี 2. การประกอบกจิ การที่ต้องเสียภาษีมูลคา่ เพม่ิ การประกอบกิจการท่ตี ้องเสยี ภาษมี ลู คา่ เพมิ่ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภทคือ 1. การประกอบกิจการขายสินคา้ การขายสินค้า หมายถึง การจำหน่าย จ่าย โอน สินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชนห์ รอื ค่าตอบแทนหรือไม่ เช่น การขายสินคา้ การแจกสินค้า การ แถม การให้สินค้าเป็นรางวัล การให้โดยเสน่หา เป็นต้น ถือเป็นการขายในระบบ ภาษมี ูลคา่ เพม่ิ ท้งั ส้ิน การขายสนิ ค้า ในระบบภาษมี ลู ค่าเพม่ิ ยังรวมถงึ กิจกรรมดังนด้ี ว้ ย 1.1 กิจการท่มี กี ารใหเ้ ช่าซ้ือสนิ ค้า 1.2 กิจการทม่ี กี ารส่งมอบสนิ คา้ ให้ตัวแทนเพือ่ ขาย 1.3 กิจการที่มีการนำสินค้าไปใช้ไม่ว่าเพื่อการใดๆ เช่น นำสินค้าของ กิจการไปบรจิ าค

1.4 กิจการท่ีมีสินค้าขาดจากรายการสินคา้ และวตั ถดุ บิ 1.5 กิจการที่มีมีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ให้ ในการ ณ วันเลิกประกอบการ 2. การประกอบกจิ การใหบ้ ริการ การให้บรกิ าร หมายถึงการกระทำใดๆ อนั อาจหา ประโยชน์ได้อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่การขายสินค้า เช่น การรับจ้างทำของ การรับจ้างบริการ การรับซ่อมแซม นอกจากนี้การให้บริการดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียมูลค่าเพ่ิม ไดแ้ ก่ 2.1. การใช้บริการเพื่อประกอบกิจการของตนเองโดยตรง ทั้งนี้ ต้องเป็น การใช้ในกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งบริการดังกล่าวต้องมิใช่การใช้ บริการดงั ตอ่ ไปนี้ เช่น บริการทีน่ ำไปใช้เพอ่ื การรบั รอง หรือ บรกิ ารที่นำไปใชก้ ับรถยนต์น่ัง และรถโดยสารท่มี ีท่นี ง่ั ไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกดั อตั ราภาษีสรรพสามติ 2.2 การนำเงินไปหาประโยชน์โดยการฝากธนาคาร หรือซื้อพันธบัตรหรือ หลกั ทรพั ย์ 2.3 การการะทำอ่ืนตามทอ่ี ธิบดกี รมสรรพากรกำหนด 3. ผมู้ ีหนา้ ท่เี สียภาษมี ูลคา่ เพม่ิ ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเป็นปกติธุระ ไม่ ว่าจะประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติ บุคคล หรือนิติบุคคลใด ๆ หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.2 ล้าน บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเป็นผู้ประกอบการจด ทะเบยี น โดยคำนวณภาษที ีต่ อ้ งเสียจากภาษีขายหกั ด้วยภาษีซอ้ื ผู้ประกอบการทีไ่ ม่ตอ้ งจดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพม่ิ 1. ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ตอ่ ปี 2. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตาม กฎหมาย 3. ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นใน ราชอาณาจกั ร 4. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจกั รและเขา้ มาประกอบกจิ การขายสินค้าหรือ ให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 43)ฯ ลง วนั ท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2536

5. ผูป้ ระกอบการอ่นื ตามท่อี ธบิ ดจี ะประกาศกำหนดเม่ือมีเหตอุ ันสมควร ผูป้ ระกอบการท่ไี ดร้ บั การยกเว้นภาษมี ลู คา่ เพิ่มตามกฎหมาย แตส่ ามารถขอจดทะเบียน ภาษีมลู ค่าเพ่ิมได้ 1. ผู้ประกอบกิจการ ขายพืชผลทางการเกษตร สัตว์ ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย ปลาป่น อาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือ ตำราเรยี น ฯลฯ 2. ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตาม กฎหมายและมรี ายรบั ไม่เกิน 1.2 ล้านบาทตอ่ ปี 3. การใหบ้ รกิ ารขนส่งในราชอาณาจกั ร โดยอากาศยาน 4. การส่งออกของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมส่งออกตามกฎหมายว่าด้วย การนคิ มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 5. การให้บรกิ ารขนส่งนำ้ มนั เชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร 4. การยกเว้นภาษมี ลู ค่าเพิม่ มาตรา 81 ให้ยกเวน้ ภาษมี ลู คา่ เพ่มิ สำหรับการประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. การขายสนิ ค้าที่มิใช่การสง่ ออก หรือการใหบ้ ริการดังต่อไปน้ี (ก) การขายพืชผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นลำต้น กิ่ง ใบ เปลือก หน่อ รากเหง้า ดอก หัว ฝัก เมล็ด หรือส่วนอื่น ๆ ของพืช และวัตถุพลอยได้จากพืช ทั้งนี้ ที่อยู่ ในสภาพสดหรือรักษาสภาพไวเ้ พื่อมิให้เสียเป็นการชัว่ คราวในระหว่างขนส่งด้วยการแช่เย็น แช่เย็นจนแข็ง หรือด้วยการจัดทำหรือปรุงแต่งโดยวิธีการอื่น หรือรักษาสภาพไว้เพื่อมิให้ เสยี เพอ่ื การขายปลีกหรือขายส่งด้วยวธิ ีการแช่เย็น แช่เยน็ จนแข็ง ทำให้แห้ง บด ทำให้เป็น ชิ้น หรือด้วยวิธีอื่น ข้าวสารหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสีข้าว แต่ไม่รวมถึงไม้ซุง ฟืน หรือ ผลิตภณั ฑ์ท่ีได้จากการเล่อื ยไม้ หรือผลิตภณั ฑอ์ าหารทบ่ี รรจกุ ระปอ๋ ง ภาชนะ (ข) การขายสัตว์ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต และในกรณีสัตว์ไม่มีชีวิตไม่ว่า จะเป็นเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ ไข่ น้ำนม และวัตถุพลอยได้จากสัตว์ ทั้งนี้ ที่อยู่ในสภาพ สดหรือรักษาสภาพไว้เพื่อมิให้เสียเป็นการชั่วคราวในระหว่างขนส่งด้วยการแช่เย็น แช่เย็น จนแข็ง หรือด้วยการจัดทำหรือปรุงแต่งโดยวิธีการอื่น หรือรักษาสภาพไว้เพื่อมิให้เสียเพ่อื การขายปลีกหรือขายส่งด้วยวิธีการแช่เย็น แช่เย็นจนแข็ง ทำให้แห้ง บด ทำให้เป็นชิ้น หรือด้วยวิธีอื่น แต่ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุกระป๋อง ภาชนะ หรือหีบห่อที่ทำเปน็ อตุ สาหกรรมตามลกั ษณะและเงอ่ื นไขทอ่ี ธิบดีกำหนด (ค) การขายปยุ๋ (ง) การขายปลาปน่ อาหารสัตว์

(จ) การขายยาหรอื เคมภี ัณฑท์ ใ่ี ชส้ ำหรับพืชหรอื สตั วเ์ พือ่ บำรงุ รกั ษาป้องกนั ทำลายหรอื กำจัดศตั รูหรอื โรคของพืชและสัตว์ (ฉ) การขายหนังสอื พิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน (ช) การให้บริการการศึกษาของสถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วย โรงเรียนเอกชน (ซ) การให้บริการที่เป็นงานทางศิลปะและวัฒนธรรมในสาขา และลักษณะ การประกอบกจิ การทอี่ ธิบดกี ำหนดโดยอนมุ ตั ิรฐั มนตรี (ฌ) การให้บริการการประกอบโรคศิลปะ การสอบบัญชี การว่าความ หรือ การประกอบวิชาชีพอิสระอื่นตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ทั้งนี้ เฉพาะวิชาชีพ อิสระทมี่ ีกฎหมายควบคุมการประกอบวิชาชีพอสิ ระนนั้ (ญ) การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วย สถานพยาบาล (ฎ) การให้บริการวิจัย หรือการให้บริการทางวิชาการ ทั้งนี้ ในสาขาและ ลกั ษณะการประกอบกจิ การทอ่ี ธบิ ดีกำหนดโดยอนมุ ัตริ ัฐมนตรี (ฏ) การให้บรกิ ารหอ้ งสมุด พพิ ธิ ภณั ฑ์ สวนสตั ว์ (ฐ) การใหบ้ รกิ ารตามสัญญาจ้างแรงงาน (ฑ) การใหบ้ รกิ ารจดั แข่งขันกฬี าสมคั รเล่น (ฒ) การให้บริการของนักแสดงสาธารณะ ทั้งนี้ เฉพาะบริการในสาขาและ ลกั ษณะการประกอบกิจการตามทอี่ ธิบดีกำหนดโดยอนุมตั ริ ัฐมนตรี (ณ) การให้บรกิ ารขนส่งในราชอาณาจกั ร (ด) การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศ ยานหรือเรอื เดนิ ทะเล (ต) การใหบ้ รกิ ารเชา่ อสงั หารมิ ทรัพย์ (ถ) การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่เป็นการ พาณิชย์ของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการหารายได้หรือผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น กจิ การสาธารณปู โภคหรอื ไม่กต็ าม (ท) การขายสนิ ค้าหรือการใหบ้ ริการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งสง่ รายรับ ทงั้ สิ้นใหแ้ กร่ ฐั โดยไม่หกั รายจา่ ย (ธ) การขายสินค้าหรือการให้บริการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรอื การสาธารณกุศลภายในประเทศซงึ่ ไม่นำผลกำไรไปจ่ายในทางอน่ื

(น) การขายสินค้าหรือการให้บริการตามที่กำหนดโดยพระราช กฤษฎีกา 2. การนำเขา้ สนิ คา้ ดังต่อไปนี้ (ก) สนิ ค้าตาม (1) (ก) ถงึ (ฉ) (ข) สินค้าจากต่างประเทศที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากร ทั้งนี้ เฉพาะสนิ ค้าทีไ่ ด้รับยกเวน้ อากรขาเข้าตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการน้นั (ค) สินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้น อากรตามกฎหมายว่าดว้ ยพิกดั อัตราศุลกากร (ง) สินค้าซึ่งนำเข้าและอยู่ในอารักขาของศุลกากร แล้วได้ส่งกลับ ออกไปตา่ งประเทศ โดยไดค้ นื อากรขาเขา้ ตามกฎหมายว่าดว้ ยศลุ กากร (3) การส่งออกซึ่งสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้อง เสียภาษมี ลู คา่ เพมิ่ ตามมาตรา 82/16 การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการตามมาตรานี้ อธิบดีจะ เสนอให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณากำหนดลักษณะของกิจการและเงื่อนไข ในการประกอบกิจการที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรานี้ก็ได้ และเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัย ภาษีอากรได้วินิจฉัยแล้วให้ประกาศคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวในราชกิจจา นุเบกษา และหากกิจการนั้นมิได้เป็นไปตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนด กิจการนั้นจะ ไมไ่ ดร้ บั ยกเว้นภาษีมลู ค่าเพ่มิ ตามมาตราน้ี มาตรา 81/1 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่อยู่ ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และกิจการดังกล่าวมีมูลค่าของฐานภาษีไม่เกินมูลค่าของ ฐานภาษีของกิจการขนาดย่อมตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้อง เสยี ภาษมี ูลคา่ เพ่ิม พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งจะกำหนดจำนวนมูลค่าของฐานภาษีของ กิจการขนาดย่อมให้แตกต่างกันในกิจการแต่ละประเภทไม่ได้ แต่จำนวนมูลค่าของฐาน ภาษที กี่ ำหนดจะต้องไม่น้อยกว่า 600,000 บาทต่อปี มาตรา 81/2 กิจการใดได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพ่ิมตามส่วนนี้หรือตาม กฎหมายอื่นให้ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามหมวดนี้ แต่อธิบดีจะกำหนดให้ ผปู้ ระกอบการต้องจดั ทำรายงานตามสว่ น 11 ก็ได้ มาตรา 81/3 ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพ่ิม ดังต่อไปนี้ มีสิทธิแจ้งต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีกำหนดเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม และเสียภาษมี ูลค่าเพิม่ ตามหมวดนไ้ี ด้โดยตอ้ งคำนวณภาษีมลู ค่าเพิม่ ตามมาตรา 82/3 (1) กิจการขายสินคา้ ตามทร่ี ะบไุ วใ้ นมาตรา 81 (1) (ก) ถึง (ฉ)

(2) กจิ การขนาดย่อมตามมาตรา 81/1 (3) กิจการอืน่ ตามทกี่ ำหนดโดยพระราชกฤษฎกี า เมื่อผู้ประกอบการตามวรรคหนึ่งได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/1 (2) แล้ว ผู้ประกอบการดังกล่าวจะเลิกเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ต่อเมื่อได้ใช้สิทธิขอถอน ทะเบยี นภาษมี ลู ค่าเพม่ิ ตามมาตรา 85/10 (3) และอธิบดไี ดส้ ่ังถอนทะเบยี นภาษีมูลค่าเพม่ิ แล้ว 5. การจดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพ่ิม วธิ กี ารจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพ่ิม 1. แบบคำขอจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพมิ่ แบบคำขอทีใ่ ชใ้ นการขอจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพิ่ม ไดแ้ ก่ แบบ ภ.พ.01 ซึ่ง ในเขตกรุงเทพมหานครขอรับได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา(เขต/อำเภอ) หรือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สำหรับในจังหวัดอื่นขอรับได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (อำเภอ) ทกุ แหง่ 2. เอกสารที่ตอ้ งใชใ้ นการจดทะเบียนภาษมี ูลคา่ เพิม่ (1) คำขอจดทะเบียนภาษมี ลู ค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ.01 จำนวน 3 ฉบบั (2) สำเนาทะเบียนบ้านหรือหลักฐานแสดงการอยู่อาศัยจริง พร้อม ภาพถา่ ยสำเนา (3) บัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร พร้อม ภาพถ่ายบตั รดังกลา่ ว (4) สัญญาเช่าอาคารอันเป็นที่ตั้งสถานประกอบการ (กรณีเช่า) หรือ หนังสือยินยอมให้ใช้สถานประกอบการ และหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น เป็นเจ้าบ้าน, สัญญาซื้อขาย, คำขอหมายเลขบ้าน, ใบโอนกรรมสิทธิ์, สัญญาเช่าช่วง พร้อมสำเนา ทะเบียนบ้านอันเปน็ ท่ีต้งั สถานประกอบการและภาพถา่ ยเอกสารดังกลา่ ว (5) หนังสือจัดตั้งห้างหุ้นส่วน พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว (กรณีเป็น ห้างหุ้นสว่ นสามญั หรือคณะบุคคล). (6) หนังสือรับรองของนายทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัท พร้อม วัตถุประสงค์ หนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับ และใบทะเบียนพาณิชย์พร้อมภาพถ่าย หนงั สอื ดงั กลา่ ว (กรณีเปน็ นติ บิ คุ คล) (7) บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ หรือหุ้นส่วนผู้จัดการ และสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมภาพถ่ายเอกสารดงั กลา่ ว (8) แผนที่ซึ่งแสดงที่ตั้งของสถานประกอบการโดยสังเขป และภาพถ่าย สถานประกอบการจำนวน 2 ชดุ

(9) กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจปิด อากรแสตมป์ 10 บาท บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ พรอ้ มภาพถา่ ยบัตรดงั กลา่ ว โดยผู้รับมอบอำนาจต้องมอี ายุ 20 ปขี ึน้ ไป กำหนดเวลาจดทะเบยี น 1. ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมเม่ือเริ่มประกอบกิจการ ขายสินค้าหรือให้บริการ เว้นแต่กรณีที่ผู้ประกอบการมีแผนงานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ เตรียมการเพื่อประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มและมีการดำเนินการเพื่อเตรียมประกอบกิจการอันเป็นเหตุให้ต้องมีการซอ้ื สินค้าหรือรับบริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างโรงงาน การ สร้างอาคารสำนักงานหรือการติดตั้งเครื่องจักร ให้ผู้ประกอบการมีสิทธิยื่นคำขอจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ภายในกำหนด 6 เดือนก่อนวันเริ่มประกอบกิจการขายสินค้า หรอื ให้บริการ 2. ผู้ประกอบการที่มีรายรับเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียน ภาษี-มูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีมูลค่าของฐานภาษี (รายรับ) เกินกว่า 1.8 ล้าน บาทตอ่ ปี สถานที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการให้ ยน่ื คำขอจดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพ่มิ ตามแบบ ภ.พ.01 ณ สถานทด่ี งั ต่อไปนี้ 1. กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงาน สรรพากรพื้นที่ หรือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่ สถานประกอบการ ตง้ั อยู่ 2. กรณีสถานประกอบการตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ สำนักงาน สรรพากรพื้นที่สาขา(อำเภอ) ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ และกรณีสถาน ประกอบการตั้งในท้องที่อำเภอหรือกิ่งอำเภอตั้งใหม่ที่กรมสรรพากรมิได้จัดอัตรากำลังไว้ ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา(อำเภอ) ที่เคยควบคุมพื้นที่เดิมของอำเภอหรือก่ิง อำเภอต้ังใหม่น้นั กรณีสถานประกอบการหลายแห่ง ให้ยนื่ คำขอจดทะเบยี นไดท้ ่ี สำนกั งานสรรพากร พื้นที่ หรือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ในท้องที่ที่สถานประกอบการอันเป็นที่ตั้งของ สำนักงานใหญเ่ พียงแหง่ เดียว 3. กรณีสถานประกอบการที่อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาด ใหญ่ให้ยื่น ณ สำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือจะยื่นผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนกั งานสรรพากรพ้นื ทีส่ าขาท่ีสถานประกอบการต้ังอยู่กไ็ ด้

หนา้ ที่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพิ่ม 1. เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และออกใบกำกับภาษี เพ่ือเป็นหลักฐานในการเรยี กเกบ็ ภาษมี ลู คา่ เพิ่ม 2. จัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด ซึง่ ได้แก่ (1) รายงานภาษีซ้ือ (2) รายงานภาษขี าย (3) รายงานสนิ ค้าและวัตถุดบิ 3.ยน่ื แบบแสดงรายการเพอ่ื เสียภาษีตามแบบ ภ.พ.30

แบบทดสอบหลงั เรียน คำชี้แจง จงเลอื กคำตอบที่ถูกต้อง 1. ภาษีมลู ค่าเพิ่ม หมายถึงอะไร ก. ภาษที เ่ี ก็บจากการขายสนิ คา้ และบริการของผู้ผลิตสนิ ค้า ข. เงนิ ตราหรอื ทรพั ย์ทีป่ ระชาชนต้องนำสง่ ใหก้ ับรฐั หรอื สถาบันที่มีหน้าทเ่ี ทียบเท่า กบั รฐั ทัง้ บคุ คลธรรมดาและนิตบิ คุ คล ค. ภาษีทเ่ี ก็บจากมลู ค่าสว่ นทเี่ พมิ่ ขน้ึ จากคนทำธุรกจิ ขายสนิ คา้ หรือให้บรกิ าร ประเภทตา่ ง ๆ ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ก. และ ค. จ.ถกู ทกุ ขอ้ 2. คำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิม่ ใช้แบบภ.พ.ตามขอ้ ใด ก. แบบ ภ.พ. 05 ข.แบบ ภ.พ. 04 ค.แบบ ภ.พ. 03 ง.แบบ ภ.พ. 02 จ.แบบ ภ.พ. 01 3. การนำเขา้ สนิ คา้ ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนหรือผ้นู ำเขา้ ต้องยน่ื แบบอะไร ก.แบบใบขนสนิ ค้า ข.แบบแสดงรายการภาษี ค.แบบใบขนสนิ ค้าและชำระภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ง.แบบใบทะเบยี นภาษีมลู คา่ เพ่มิ จ.แบบใบอนุญญาตขนสนิ ค้า 4.การยกเวน้ ภาษีมูลคา่ เพ่มิ ตามมาตราใด ก.มาตรา 80 ข.มาตรา 81 ค.มาตรา 82 ง.มาตรา 83 จ.มาตรา 84

5.คำขอจดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพ่มิ ตามแบบ ภ.พ.01ใช้กีฉ่ บบั ก. 5 ฉบับ ข. 4 ฉบับ ค. 3 ฉบบั ง. 2 ฉบบั จ. 1 ฉบบั 6.ผปู้ ระกอบการตอ้ งมีรายรบั ไม่เกิน กบี่ าทตอ่ ปี ก. 5.8 ล้านบาทตอ่ ปี ข. 4.8 ล้านบาทตอ่ ปี ค. 3.8 ล้านบาทต่อปี ง. 2.8 ล้านบาทตอ่ ปี จ. 1.8 ล้านบาทตอ่ ปี 7.การจัดทำรายงานตามทีก่ ฎหมายกำหนด มกี ีร่ ายงาน ก. 3 ข. 4 ค. 2 ง. 1 จ. 5 8.VAT ยอ่ มาจากอะไร ก. Valoe Adred Tax ข. Value Added Tax ค. Velue Added Tex ง. Valtue Adided Tax จ. Vallue Adided Tex 9.อัตราภาษีมลู คา่ เพ่มิ ลดลงเหลืออตั รารอ้ ยละ 7.0 ตามพระราชกฤษฎกี าฯ ฉบับท่เี ทา่ ใด ก. ฉบบั ท่ี 390 ข. ฉบับที่ 400 ค. ฉบบั ที่ 440 ง. ฉบับที่ 480 จ. ฉบบั ท่ี 420

10.อตั ราภาษีมลู ค่าเพมิ่ มกี ีอ่ ตั รา ก.1 ข.2 ค.3 ง.4 จ.5


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook