ตัวโน้ตดนตรี หรือสัญลกั ษณ์ทใี่ ช้แทนเสียงดนตรี การอ่านโนต้ ดนตรีหรือบทเพลงต่าง ๆ กเ็ ฉกเช่นเดียวกนั กบั การอา่ นหนงั สือโดยทวั่ ไป กล่าวคือผเู้ รียนหรือผอู้ า่ นจะตอ้ ง จดจาสัญลกั ษณห์ รือพยญั ชนะเบ้อื งตน้ ท่ใี ชแ้ ทนเสียง เช่น ก,ข,ค,……ฮ. หรือสระตา่ ง ๆ แลว้ จึงนาสิ่งเหล่าน้นั มารวมกนั แลว้ สะกดเป็นคา ๆ จึงจะมีความหมาย ท่ีเราสามารถใชเ้ ขียนเป็นการแสดงออกถึงความรูส้ ึกนึกคิดตา่ ง ๆ และเป็นการติดตอ่ สื่อสาร กบั ผอู้ ื่น ในทางดนตรีก็เช่นกนั ความคิดของผปู้ ระพนั ธ์เพลง (Composer) ท่ีแต่งเพลงออกมาจะถกู บนั ทึกไวด้ ว้ ยตวั โนต้ เพอ่ื ใหน้ กั ดนตรีไดเ้ ล่นและถา่ ยทอดอารมณอ์ อกมาใหผ้ ฟู้ ังไดโ้ ดยท่ีนกั ดนตรีผนู้ ้นั ไมเ่ คยรู้จกั มากอ่ นได้ ตวั โนต้ ทใี่ ชบ้ นั ทึกในลกั ษณะตา่ ง ๆ น้นั จะกลายเป็นโสตภาษาของผฟู้ ัง 4.1 ตัวโน้ตดนตรี เป็นระบบการบนั ทกึ แทนเสียงดนตรีที่มีมาต้งั ศตวรรษท่ี11 โดย กีโด เดอ อเรซ์โซ (Guido d’ Arezzo, 995-1050) บาทหลวง ชาวอิตาเลียน ต่อมาไดม้ กี ารพฒั นาอยา่ งต่อเนื่องจนกระทง่ั สมบรู ณ์อยา่ งท่ีเราไดพ้ บเห็นและใชก้ นั ในปัจจุบนั ตวั โนต้ สามารถ บอกหรือส่ือใหน้ กั ดนตรีทราบถงึ ความส้ัน – ยาว, สูง – ต่า ของระดบั เสียงได้ เราจงึ ควรมีความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกบั ลกั ษณะของตวั โนต้ ดนตรี (Music Notation) พอสงั เขปดงั น้ี
จากภาพขา้ งตน้ สามารถอธิบายไดว้ า่ โนต้ ตวั กลม 1 ตวั ไดต้ วั ขาว 2 ตวั หรือไดต้ วั ดา 4 ตวั โนต้ ตวั ขาว 1 ตวั ไดต้ วั ดา 2 ตวั โนต้ ตวั ดา 1 ตวั ไดต้ วั เขบต็ หน่ึงช้นั 2 ตวั โนต้ ตวั เขบต็ หน่ึงช้นั 1 ตวั ไดต้ วั เขบต็ สองช้นั 2 ตวั หมายเหตุ
)ต้งั แต่สองตวั ติดกนั ข้ึนไปเรามกั เขียนโดยนาชายธง (flag) 1.การเขียนโนต้ ตวั เขบต็ ( มารวมกนั โดยใชเ้ สน้ ตรงเช่น 2. การเขียนโนต้ ตวั ดา ,ตวั ขาว และตวั เขบต็ ( ) ใหพ้ งึ สงั เกตเสมอวา่ ถา้ หางของตวั โนต้ ช้ีข้ึนหางอยทู่ างดา้ นขวา แตถ่ า้ หางช้ีลง หางจะลงทางซา้ ยมือ สาหรับโนต้ ตวั เขบต็ หางจะช้ีข้ึนหรือลง ชายธงอยทู่ างดา้ ยขวาเสมอ 3. การที่จะกาหนดใหต้ วั โนต้ หางช้ีข้ึนหรือลงใหย้ ดึ เส้นที่ 3 ของบรรทดั 5 เส้น (Staff) เป็นหลกั กล่าวคือตวั โนต้ ท่ีคาบอยู่ เสน้ ท่ี 3 และต่าลงมาหางตวั โนต้ จะตอ้ งช้ีข้ึน ส่วนโนต้ ท่ีคาบอยเู่ สน้ ท่ี 3 หรือสูงข้ึนไปหางตวั โนต้ จะตอ้ งช้ีลง สาหรับโนต้ ที่คาบ อยเู่ ส้นที่ 3 เองน้นั หางจะข้ึนหรือลงก็ไดใ้ หย้ ดึ ตวั โนต้ ทอ่ี ยภู่ ายในหอ้ งหรือโนต้ ท่อี ยขู่ า้ งเคียงเป็นหลกั ดงั ตวั อยา่ ง
ภาพแสดงการกาหนดหางและชายธง (stem&flag) ของตวั โนต้ 4.2 ตวั หยุด หรือเครื่องหมายพกั เสียง (Rest) การบรรเลงดนตรี หรือการร้องเพลง ในบทเพลงใดบทเพลงหน่ึงตอ้ งมีบางตอนที่หยดุ ไปการหยดุ น้นั อาจเป็น 4,3,2…จงั หวะ หรืออาจมาก –นอ้ ยกวา่ น้ีข้ึนอยกู่ บั ผแู้ ต่ง การบนั ทกึ ตวั หยดุ น้นั ไดก้ าหนดเป็นสัญลกั ษณ์ เช่นเดียวกนั ตวั โนต้ ซ่ึงโดยทว่ั ไป เรียกวา่ “ตวั หยดุ ” (Rest) หมายถึง สญั ลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการเงียบเสียงดนตรีหรือเสียงรอ้ งแตอ่ ตั ราจงั หวะยงั คงดาเนินไปตลอด ตวั หยดุ จะถกู เขียนลงบนบรรทดั 5 เสน้ เช่นเดียวกบั ตวั โนต้ มีลกั ษณะตา่ งกนั ดงั น้ี
4.3 การเพ่มิ อตั ราจังหวะตวั โน้ตและตวั หยดุ โดยปกตอิ ตั ราจงั หวะของตวั โนต้ มีคา่ ผนั แปรตามเคร่ืองหมายกาหนดจงั หวะดงั ท่ีกลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ ดว้ ยขีดจากดั ของอตั รา จงั หวะท่ีถกู กาหนดโดยเครื่องหมายกาหนดจงั หวะ จงึ ตอ้ งมีวิธีการเพมิ่ จงั หวะใหก้ บั ตวั โนต้ และตวั หยดุ เพื่อเพิ่มความสามารถ ใหก้ บั ตวั โนต้ และตวั หยดุ นอกจากน้ียงั เพ่มิ สีสนั ของทานองเพลงดว้ ย การเพม่ิ อตั ราจงั หวะมีหลายวิธีดงั น้ี 1) การโยงเสียง (Ties) การเพ่ิมอตั ราจงั หวะโดยการใชเ้ สียงโยงเสียงท่ีมีลกั ษณะเป็นเสน้ โคง้ ใชก้ บั ตวั โนต้ ที่มีระดบั เสียง เดียวกนั เดยี วกนั เทา่ น้นั ใชไ้ ด้ 2 กรณี คือ ใชโ้ ยงเสียงตวั โนต้ ภายในหอ้ งเดียวกนั หรือโยงเสียงตา่ งหอ้ งกไ็ ด้ มีความหมายคลา้ ยกบั เครื่องหมายบวก (+) การเขียนเส้นโยงเสียงใหเ้ ขียนเสน้ โยงท่ีตาแหน่งหวั ตวั โนต้ ส่วนตวั หยดุ ไม่ตอ้ งใชเ้ ครื่องหมายโยงเสียง เช่น หมายเหตุ
มีเครื่องหมายอีกลกั ษณะหน่ึงท่ีคลา้ ยกบั การโยงเสียง คือเครื่องหมายสเลอ (Slur)เครื่องหมายสเลอเป็นเสน้ โคง้ มีไวส้ าหรับ เชื่อมกลมุ่ ตวั โนต้ ท่ีตา่ งระดบั กนั หรือคนละเสียงเพียงเพอ่ื ตอ้ งการใหเ้ ลน่ โนต้ ท่ีมีเครื่องหมายสเลอน้ีคลอ่ มอยใู่ หเ้ สียงตอ่ เนื่องกนั 2) การประจุด (Dots) เป็นเพิ่มอตั ราจงั หวะของตวั โนต้ โดยการประจุด (.) เพ่มิ เขา้ ไปดา้ นหลงั ของตวั โนต้ ตวั ที่ตอ้ งการเพมิ่ อตั ราจงั หวะ จุด (.) ท่ี นามาประหลงั ตวั โนต้ จะมีค่าเป็นคร่ึงหน่ึงของตวั โนต้ ขา้ งหนา้ แลว้ รวมกนั เช่น ** ถา้ มีจุดสองจุด จุดตวั หลงั จะมีคา่ เป็นคร่ึงหน่ึงของจุดตวั แรก การเปรียบเทยี บระหวา่ งตวั โนต้ ประจุดและตวั หยดุ ตวั หยดุ ประจุด
3) เคร่ืองหมายตาไก่ หรือ ศนู ย์ (Fermata) เป็นเครื่องหมายทางดนตรีท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยตาไก่ คนไทยเราก็เลยนิยมเรียกง่าย ๆ ตามลกั ษณะท่ีเห็นวา่ “ตาไก่” ใชส้ าหรบั เขียนกากบั ตวั โนต้ ตวั ใดตวั หน่ึงทผี่ แู้ ต่งตอ้ งการใหย้ ดื เสียงออกตามความพอใจ การเขียนเคร่ืองหมายตาไก่นิยมเขียนกากบั ไวท้ ี่ หวั ตวั โนต้ และจะมีผลกบั ตวั โนต้ ตวั น้นั ๆ ไมว่ า่ ตวั โนต้ ลกั ษณะใดกต็ าม 4.4 ระดับเสียง (Pith) ดว้ ยการบนั ทึกโนต้ ทางดนตรีเราสามารถทาใหเ้ ราทราบถงึ ระดบั เสียง (Pith) หรือความแตกต่างของเสียงท่ีแน่นอนได้ ในการ บนั ทึกเสียงโดยใชบ้ รรทดั 5 เสน้ (Staff) ซ่ึงจะแสดงใหเ้ ห็นความสูงต่าของเสียงชดั เจน โดยการวางตวั โนต้ ต่าง ๆ ไวบ้ นบรรทดั 5 เสน้ ซ่ึงประกอบดว้ ย เสน้ 5 เสน้ 4 ช่อง ดงั น้ี ภาพแสดงบรรทดั 5 เส้น (Staff) จากบรรทดั 5 เสน้ (Staff) ขา้ งตน้ ซ่ึงหมายถึงเส้นตรง 5 เสน้ ท่ลี ากขนานกนั ในแนวนอนเราสามารถจาแนกระดบั เสียงสูง – ต่า ไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรมไดด้ งั น้ี
จากขา้ งตน้ เราจะเห็นวา่ มีตวั โนต้ ท่ีบนั ทึกอยบู่ นบรรทดั 5 เสียงมเี พียง 11 ตวั โนต้ หรือ 11เสียงเท่าน้นั แต่ความเป็นจริงแลว้ ผปู้ ระพนั ธเ์ พลงหรือคีตกวตี า่ ง ๆ ไดเ้ ขียนเพลงซ่ึงตอ้ งมีระดบั เสียงที่สูงหรือต่ากวา่ โนต้ ท้งั 11 ตวั ดงั กลา่ วแน่นอน เพื่อใหก้ าร บนั ทึกเสียงตวั โนต้ ดนตรีไดเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการของผปู้ ระพนั ธ์เพลงกจ็ ึงไดม้ ีการคิดวธิ ีการที่จะทาใหก้ ารบนั ทึกโนต้ ได้ มากข้ึนจึงใช้ “เสน้ นอ้ ย” (ledger line) มาบนั ทกึ โดยวิธีการขีดเสน้ ตรงทบั ตวั โนต้ และใหต้ วั โนต้ อยรู่ ะหวา่ งชอ่ งจงึ ทาใหเ้ สียงน้นั สูง – ต่าไดต้ ามตอ้ งการ ดงั ตวั อยา่ ง ภาพแสดงเสน้ นอ้ ย (ledger lines) จากขา้ งตน้ ทกี่ ล่าวมาเป็นส่วนที่เกี่ยวกบั ตวั โนต้ ลกั ษณะตวั โนต้ และตาแหน่งที่อยขู่ องตวั โนต้ เทา่ น้นั ซ่ึงยงั ไม่เพียงพอที่เรา จะระบุไดว้ า่ โนต้ ตวั น้นั ๆ มีระดบั เสียงชื่อวา่ อะไรมีความสูงต่าระดบั ใด จงึ ไดม้ ีการกาหนดกญุ แจประจาหลกั ข้ึนเพื่อที่ใชเ้ ป็นตวั ระบุชื่อของตวั โนต้ ได้ 4.5 เคร่ืองหมายแปลงเสียง (Accidentals) เป็นสญั ลกั ษณท์ างดนตรีท่ใี ชเ้ ขียนกากบั หนา้ ตวั โนต้ หรือหลงั กญุ แจประจาหลกั เม่ือตอ้ งการแปลงเสียงใหส้ ูงข้ึน ต่าลง หรือ กลบั มาเป็นเสียงปกติเหมือนเดิม เคร่ืองหมายแปลงเสียงประกอบดว้ ย 5 ชนิด คอื
1) เคร่ืองหมายชาร์ป (Sharp) หรือ มีไวส้ าหรับแปลงเสียงของตวั โนต้ ใหม้ ีระดบั เสียงสูงข้ึน ½ เสียง (semitone) เชน่ 2) เคร่ืองหมายแฟลท็ (Flat) หรือ มีไวส้ าหรับแปลงเสียงของตวั โนต้ ใหม้ ีระดบั เสียงต่าหรือลดลง ½ เสียง (semitone) เช่น 3) เคร่ืองหมายเนเจอรัล (Natural) หรือ มีไวส้ าหรบั แปลงเสียงของตวั โนต้ ที่มีระดบั สูงข้ึนหรือต่าลง ½ เสียง (semitone) ใหก้ ลบั มาเป็ นเสียงปกติ เช่น
4) เครื่องหมายดบั เบิ้ลชาร์ป (double sharp) หรือ มีไวส้ าหรับแปลงเสียงของตวั โนต้ ใหม้ ีระดบั เสียงสูงข้นึ สองคร่ึงเสียง หรือ 1 เสียงเตม็ (tone) เช่น 5) เคร่ืองหมายดบั เบิล้ แฟลท็ (Double flat) หรือ มีไวส้ าหรับแปลงเสียงของตวั โนต้ ใหม้ ีระดบั ต่าลงสองคร่ึงเสียง หรือ 1 เสียงเตม็ เชน่ หมายเหตุ 1.การเขยี นเครื่องหมายแปลงเสียงท้งั 5 ชนิดน้ี ตอ้ งเขียนกากบั ไวห้ นา้ และตาแหน่ง เดียวกนั กบั ตวั โนต้ เช่น ตวั โนต้ คาบอยู่ บนเส้นท่ี 2 เคร่ืองหมายแปลงเสียงตอ้ งอยหู่ นา้ ตวั โนต้ บนเส้นท่ี 2 เชน่ กนั 2. เคร่ืองหมายแปลงเสียงมีผลบงั คบั ตวั โนต้ น้นั ๆ ภายใน 1 หอ้ งเพลงเท่าน้นั ยกเวน้ เขียนกากบั ไวห้ ลงั กญุ แจประจาหลกั
4.6 กญุ แจประจาหลกั (Clef) กญุ แจประจาหลกั (Clef) ถือวา่ เป็นเครื่องหมายทางดนตรีทสี่ าคญั เพ่อื ใชใ้ นการกาหนดหรือบงช้ีวา่ ตวั โนต้ แตล่ ะตวั มีชื่อ เรียกวา่ อยา่ งไร ในหนงั สือเล่มน้ีจะขอกลา่ วถึงกญุ แจประจาหลกั ท่ีสาคญั เพียง 2 กญุ แจเท่าน้นั คือ กญุ แจประจาหลกั G (G Clef) และกญุ แจประจาหลกั F (F Clef) ซ่ึงท้งั 2 กญุ แจ มีวิวฒั นาการมาอยา่ งตอ่ เนื่องจนกระทงั่ ปรากฎใหเ้ ห็นและใชก้ นั จนถึงปัจจุบนั ท้งั 2 กญุ แจน้ีมกั เรียกกนั ส้นั ๆ จนติดปากวา่ กญุ แจซอล และกญุ แจฟา 1) กญุ แจซอล เป็นเครื่องหมายประจาหลกั ท่ีใชก้ นั มากสาหรับบนั ทึกระดบั เสียงของเคร่ืองดนตรีหรือเสียงรอ้ งท่ีมีระดบั กลางถงึ สูง ภาษาองั กฤษเรียก “จี เคลฟ”(G Clef) หรือ “เทร็บเบลิ้ เครฟ” (Treble Clef) โดยทว่ั ไปเรียกวา่ “กญุ แจซอล” ในการเขยี นกญุ แจ ซอลบนั ทึกโดยหวั กญุ แจใหค้ าบเสน้ ท่ี 2 ของบรรทดั 5 เส้น โนต้ ทกุ ตวั ที่คาบอยบู่ นเสน้ ท่ี 2 ของบรรทดั 5 เส้น จะมีเสียงเดียวกบั ชื่อกญุ แจคือ “ซอล” ดงั ตวั อยา่ ง โดยปกตแิ ลว้ ในทางดนตรีไดม้ นี กั ปราชญท์ างดนตรีไดก้ าหนดช่ือเรียกระดบั เสียงตวั โนต้ และไดถ้ ือปฏิบตั ิสืบเน่ืองกนั ตอ่ มา จนถึงปัจจบุ นั โดยจดั เรียงจากระดบั เสียงต่าไปหาสูง 7 เสียงดงั น้ี C D E F G A B C ไม่วา่ ระดบั เสียงจะสูงหรือต่าก็คงมีช่ือกากบั เพยี ง 7 เสียงหลกั ๆ เท่าน้นั เพียงแตก่ ารบนั ทึกโนต้ ลงบนบรรทดั 5 เสน้ เสียงที่เรียกชื่อเหมือนกนั แตร่ ะดบั เสียงตา่ งกนั เรียกวา่ มี ระยะข้นั คแู่ ปดระดบั เสียงที่ตา่ งกนั เราเรียกวา่ “ออ๊ คเทฟ” (Octave)
จากขา้ งตน้ เมื่อเราทราบชื่อของตวั โนต้ ท่ีเรียงลาดบั จากเสียงต่าไปเสียงสูงแลว้ และยงั ทราบช่ือตวั โนต้ ที่คาบอยบู่ นเสน้ ท่ี 2 ของกญุ แจซอลคือตวั “ซอล” แลว้ เราสามารถทราบชื่อโนต้ ตวั อื่น ๆ ไดโ้ ดยการไล่เสียงข้ึน และลงตามลาดบั ไดด้ งั น้ี 2) กญุ แจฟา เป็นเคร่ืองหมายประจาหลกั ท่ใี ชก้ นั มากสาหรับบนั ทึกระดบั เสียงของเครื่องดนตรีหรือเสียงรอ้ งท่ีมีระดบั ต่า ภาษาองั กฤษ เรียก “เอฟ เคลฟ”(F Clef) หรือ “เบส เครฟ” (Bass Clef) โดยทว่ั ๆ ไปมกั เรียกวา่ “กญุ แจฟา” ในการเขยี นกญุ แจฟาเขียนโดยหวั กญุ แจใหค้ าบเส้นที่ 4 ของบรรทดั 5เสน้ โนต้ ทกุ ตวั ท่ีคาบอยบู่ นเสน้ ที่ 4 ของบรรทดั 5 เสน้ จะมีเสียงเดียวกบั ช่ือกญุ แจคอื “ฟา” ดงั ตวั อยา่ ง จากขา้ งตน้ เม่ือเราทราบชื่อของตวั โนต้ ที่เรียงลาดบั จากเสียงต่าไปเสียงสูงแลว้ และยงั ทราบชื่อตวั โนต้ ท่ีคาบอยบู่ นเสน้ ที่ 4 ของกญุ แจฟาคือตวั “ฟา” แลว้ เราสามารถทราบชื่อโนต้ ตวั อ่ืน ๆ ท่ีบนั ทึกดว้ ยกญุ แจฟาไดโ้ ดยการไลเ่ สียงข้ึน และลงตามลาดบั ไดด้ งั น้ี
นอกจากการบนั ทกึ โนต้ ลงในบรรทดั 5 เสน้ ท่ีแยกระหวา่ งกญุ แจซอลกบั กญุ แจฟาแลว้ ยงั มีการบนั ทกึ โนต้ อีกประเภทหน่ึง เรียกวา่ “บรรทดั รวม” (Grand Staff) โดยการนาเอากญุ แจซอลและกญุ แจฟาบนั ทึกลงพร้อม ๆ กนั บรรทดั ประเภทน้ีมกั ใช้ สาหรบั การเขียนโนต้ ใหเ้ ปี ยโนบรรเลง
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: