การเปรยี บเทยี บและความสมั พันธ์สญั ลกั ษณ์ การดาเนินการ< น้อยกวา่> มากกวา่<= น้อยกวา่ หรือเทา่ กบั>= มากกวา่ หรือเทา่ กบั== เทา่ กบั!= ไมเ่ ทา่ กบั
การเปรียบเทยี บด้วยเคร่ืองหมายทางตรรกะศาสตร์ AND Invert OR
การเขยี นโปรแกรมแบบกาหนดเงื่อนไข การเขยี นโปรแกรมแบบมี เงือ่ นไข ได้แก่ คาสัง่ if, if-else, if-else if switch
การเขียนโปรแกรมแบบกาหนดเงือ่ นไขคาสงั่ if ในภาษา C คาสั่งสาหรับโครงสร้างการควบคมุ เพอ่ื กาหนดทางเลือกคอื ประโยคif ซง่ึ ประกอบดว้ ยส่วนท่ีทาหนา้ ท่ีตรวจ สอบเง่อื นไขทเี่ รยี กว่า นิพจนท์ างตรรกศาสตร์เราสามารถใช้โครงสรา้ งการควบคุมแบบ if ไดใ้ นหลาย ๆ รปู แบบ
การเขียนโปรแกรมแบบกาหนดเงื่อนไข คาสั่ง if เป็นคาส่งั ท่ใี ช้เลอื กการทางานตามเงอ่ื นไขสามารถแบ่งตามลกั ษณะ การทางานได้ 3 แบบ ดงั นี้ 1. คาส่งั if แบบทางเดยี ว (if) 2. คาสัง่ if แบบสองทาง (if-else) 3. คาส่ัง if แบบหลายทาง (nested- if)
โครงสรา้ งคาสงั่ เงอื่ นไข if แบบทางเลอื กเดยี ว ผงั งาน if statement แบบท่ี 1 เป็นประโยคควบคุมifท่ีง่ายที่สุด ค่าของนิพจนท์ ดสอบ จริงในการตดั สินใจประโยค if จะมีทางเลือกให้เพียงทางเดียวเท่าน้ันโดยถ้าเงื่อนไข เทจ็ กลุ่มคาสงั่เป็นจริงก็จะไปทากลุ่มคาส่ังท่ีกาหนดแต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะหลุดออกจากประโยคควบคมุ if
โครงสรา้ งคาส่งั เงื่อนไข if แบบทางเลอื กเดียว รูปแบบท่ี 2 if (condition) statement; รปู แบบที่ 1 ใชป้ กี กำขยำย if( expression )Condition : เงื่อนไขที่กำหนดข้นึ เพ่อื ใช้ statement1; statementพิจำรณำวำ่ จะทำหรอื ไม่ทำตำมคำส่งั โดยจะตอ้ งเขียนไว้ภำยในเครอื่ งหมำย ( ) ซึง่ if ( นพิ จนท์ ดสอบ ) { คำสงั่ เดี่ยว } if( expression )เง่อื นไขอำจจะอย่ใู นรปู ของนิพจน์กำรคำนวณและเปรียบเทยี บ หรือเปน็ คำ่ ของตัวแปรกไ็ ด้ {Statement : คำสงั่ ท่จี ะใหท้ ำงำนถ้ำผลกำรตรวจสอบเงอ่ื นไขเป็นจริง โดยอำจจะมี statement1.1;มำกกว่ำ 1 คำสงั่ กไ็ ด้ แตต่ ้องใชเ้ ครอื่ งหมำย { }ครอบคำสงั่ เหลำ่ น้นั ไว้ดว้ ย statement1.2; statement1.3; } if ( นิพจนท์ ดสอบ ) { กลมุ่ คำสั่ง; }
โครงสรา้ งคาส่งั เงื่อนไข if แบบทางเลอื กเดยี วการทางานของโปรแกรม1. รับคำ่ ตัวแปร A2. รบั ค่ำตวั แปร B3. ตรวจสอบเงือ่ นไข ถำ้ A>=Bแสดงข้อควำมออกทำงหน้ำจอ True : …….. >= ………….4. ตรวจสอบเงือ่ นไข A<Bแสดงข้อควำมออกทำงหน้ำจอ Error Program
คำสงั่ if – elseสาหรบั คาสง่ั if – else จะมีความแตกตา่ งจากคาสง่ั ifเลก็ นอ้ ย โดยคาส่ัง if – else จะมีการทางานในลักษณะของการเลือกทา ระหว่าง Statement1 กบั Statement2ดังน้นั หมายความว่าในคาสั่ง if – else น้นั จะตอ้ งมีการทางานของStatement ใด Statement หน่งึ แน่นอน
โปรแกรมต่อไปน้ี เป็นโปรแกรมรบั เลขจานวนเตม็ 3จานวนและหาตัวเลขท่มี ากทสี่ ุด1 ป้อนอนิ พทุ 3 4 5 ไดผ้ ลลพั ธค์ อื2 ปอ้ นอนิ พทุ 3 5 4 ได้ผลลพั ธ์คอื3 ปอ้ นอินพุท 5 3 4 ไดผ้ ลลพั ธ์คอื4 ปอ้ นอนิ พทุ 9 9 1 ไดผ้ ลลัพธ์คือจะเหน็ วา่ ผลลัพธท์ ีไ่ ด้จากข้อ 1 – 3 เปน็ ผลลพั ธ์ที่ถูกตอ้ งแตผ่ ลลพั ธ์ที่ไดจ้ าก 4 เป็นผลลพั ธ์ทไ่ี มถ่ ูกตอ้ ง เกิดLogical Error5 เปลีย่ นบรรทดั ท่ี 14 เปน็ if(a>=b && a>=c)และปอ้ นอินพทุ 9 9 1 จะได้ผลลัพธ์ถูกตอ้ งคือ
การควบคุมเง่อื นไขด้วย switch รปู แบบ คือจานวนเตม็ ท่ีนามาตรวจสอบเง่ือนข คือเง่อื นข ท่อี ย่ใู นแต่ละกรณีswitch (expression-1){ คือการทาให้หลุดออกจาก คาส่ังcase constant-expr-1:statement-1.1;statement-1.2;...statement-1.n;break;
getche(); คือคาสั่งรบั ค่าตัวอักขระไปไวท้ ตี่ ัวแปร ch
จงเขียนโปรแกรมเพื่อแยกสาร 5 ชนิดซ่ึงแตล่ ะชนดิ มีคุณสมบัติดงั ต่อไปนี้ชนิดที่ 1 มคี ารบ์ อนเปน็ องคป์ ระกอบ, มี 5 อะตอม,เปน็ ก๊าซชนิดท่ี 2 มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ, มี 6 อะตอม,เปน็ ของเหลวชนดิ ที่ 3 มไี นโตรเจนเปน็ องค์ประกอบ, มี 6 อะตอม,เปน็ ก๊าซชนดิ ท่ี 4 มีไนโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ, มี 4 อะตอม,เปน็ ของแขง็ชนดิ ท่ี 5 เป็นสารชนดิ ท่ี 1 และมี ไฮโดรเจนเปน็องคป์ ระกอบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: