Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างรายงานหลักสูตรmilddyy04

การสร้างรายงานหลักสูตรmilddyy04

Published by chalineemild040643, 2020-10-02 00:38:00

Description: หลักสูตรการเรียนการสอน04

Keywords: หลักสูตร

Search

Read the Text Version

การจดั การเรยี นรู้

นางสาว จริ าพชั ร สารเล็ด รหสั นกั ศกึ ษา 002 นางสาวยอแสง ผวิ หอม รหสั นกั ศกึ ษา 015 นายวงศธร จนั กรี รหสั นกั ศกึ ษา 021 นางสาวชาลนิ ี ศรจี นั ทร์ รหสั นกั ศกึ ษา 033

การพฒั นาหลกั สูตรมี 7 ข้นั ตอนดงั นี้ 1. การวนิ ิจฉัยความต้องการ การศึกษาความ ต้องการเป็ นอนั ดบั แรก ผู้พฒั นาหลกั สูตร จะต้อง วนิ ิจฉัยประสบการณ์ ความต้องการและความ สนใจของผู้เรียนเพ่ือมากาหนดเนื้อหาของ หลกั สูตร

 เม่ือทราบความตอ้ งการของผเู้ รียนแลว้ ผพู้ ฒั นาหลกั สูตร จะตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร ซ่ึงจะใชก้ าหนด เน้ือหาวา่ จะมีความเฉพาะเจาะจงเพยี งใด ผพู้ ฒั นาหลกั สูตรเลือกเน้ือหาสาระท่ีจะนามาใหผ้ เู้ รียน ศึกษาโดย พจิ ารณาจากวตั ถุประสงค์ เน้ือหาท่ีเลือกมาน้นั จะตอ้ งมีความตรง (validity) ตามวตั ถุประสงคแ์ ละมีนยั สาคญั (significance) ต่อ ผเู้ รียน

เนื้อหาทคี่ ดั เลือกมาได้น้ัน ผ้พู ฒั นาหลกั สูตร จะต้องนามาจัดเรียงลาดบั โดยใช้เกณฑ์ ให้เหมาะกบั วตั ถุประสงค์ทจ่ี ะ สอนและระดบั ของผ้เู รียน ผู้พฒั นาหลกั สูตรจะต้องพจิ ารณาเร่ืองของการจดั เรียงลาดบั ประสบการณ์ เลือกวิธีการจัดการเรียนการสอนทเ่ี กยี่ วกบั เนื้อหา ตามวตั ถุประสงค์

ผพู ้ ัฒนาหลกั สตู รจะตอ้ งคานงึ ถงึ ยทุ ธศาสตรก์ าร สอนทสี่ าคญั คอื การพัฒนากระบวนการสรา้ งมโน ทศั น์ และคานงึ ถงึ คาถามสาคญั ไดแ้ ก่ จะทา อยา่ งไรใหเ้ นอ้ื หาสาระสอดคลอ้ งกบั ประสบการณ์ และความสนใจของผเู ้ รยี น และการเรยี นรู ้ สอดคลอ้ งและตอบสนองตอ่ ความแตกตา่ ง ระหวา่ งบคุ คล

นักหลกั สูตรจะต้องประเมินผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนตามวตั ถุประสงค์ของหลกั สูตร โดยจะต้อง ตอบคาถามว่า จะประเมินคุณภาพของการเรียนรู้ ที่เกดิ ขนึ้ ได้อย่างไรและจะใช้เคร่ืองมือและวธิ ีการ ใดในการประเมิน

1.เสนอขอ้ มูล 2.ตรวจสอบคุณภาพ 3.จดั ทาเอกสาร อนุมตั ิหลกั สูตร และทดลองใช ้ หลกั สูตร 4.กาหนด 5.ศึกษาและวิเคราะห์ องคป์ ระกอบของ ขอ้ มูลพ้ืนฐาน หลกั สูตร 6.จดั ต้งั คณะทางาน

ความหมายของการประเมินหลกั สูตร หมายถงึ กระบวนการการเกบ็ รวบรวมข้อมูลและการ ประมวลผลข้อมูลเพื่อนามาตดั สินใจเกย่ี วกบั คุณภาพท้งั ประสิทธิภาพ และประเมินผลของหลกั สูตรรวมถงึ ส่ิงทจ่ี ะเกดิ ขึน้ จากการใช้หลกั สูตร น้ันในอนาคต

1. การประเมนิ เป็ นการประเมินค่าของเร่ืองทตี่ ัดสินใจ 2. การตดั สินใจมเี กณฑ์ทชี่ ัดเจน 3. เกณฑ์การตดั สินใจมปี ระเดน็ ทค่ี รอบคลมุ และ เหมาะสมกบั เนื้อหา 4. เกณฑ์แสดงให้เห็นด้วยบุคคลและสอดคล้องกบั แนวคดิ ของ แบบจาลองเพ่ือนาไปสู่การตดั สินใจ

หลักสตู รในฐานะทเี่ ป็ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทจี่ ะใหแ้ ก่ ผเู ้ รยี น  แนวคดิ ของหลกั สตู รในฐานะทเี่ ป็ นกจิ กรรมตา่ งๆ ทจ่ี ัดใหแ้ กผ่ เู ้ รยี นน้ี เป็ นการมองหลกั สตู รในลกั ษณะของกจิ กรรมตา่ งๆ ทคี่ รแู ละนักเรยี น จัดขนึ้ หรอื กจิ กรรมการเรยี นการสอนชนดิ ตา่ งๆ ทเ่ี ตรยี มไวแ้ ละจัด ใหแ้ กผ่ เู ้ รยี นโดยโรงเรยี นทงั้ ในและนอกโรงเรยี น เพอื่ ใหผ้ เู ้ รยี นมี ความรู ้ ประสบการณ์ และคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคต์ ามทก่ี าหนด กจิ กรรมตา่ งๆ ทเ่ี หมาะสมเป็ นสง่ิ ทสี่ าคญั เพราะจะนาไปสู่ ประสบการณ์ทางดา้ นความรู ้ ความเขา้ ใจ เจตคติ ทักษะตา่ งๆ อนั แสดงถงึ การเรยี นรทู ้ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ กจิ กรรมทค่ี วรจัดใหแ้ กผ่ เู ้ รยี น จะตอ้ งปรากฏอยใู่ นหลกั สตู รอยา่ งชดั เจน หลกั สตู รหมายถงึ กจิ กรรม ตา่ งๆทจี่ ัดใหผ้ เู ้ รยี น

หลกั สตู รในฐานะทเ่ี ป็ นเอกสารหลกั สตู ร  เอกสารหลกั สตู รเป็ นเอกสารทกี่ ลา่ วถงึ สาระของหลกั สตู รโดยตรง คอื กลา่ วถงึ จดุ มงุ่ หมายหลกั การ โครงสรา้ ง และเนอ้ื หาทจ่ี ัดไวใ้ น หลกั สตู รนัน้ ๆ เชน่ หลกั สตู รมัธยมศกึ ษาตอนตน้ พทุ ธศกั ราช 2521 (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช 2533) หลกั สตู รวศิ วกรรมศาสตรบ์ ณั ฑติ สาขาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล หลกั สตู รศลิ ปกรรมศาสตรบ์ ณั ฑติ เป็ นตน้  สว่ นเอกสารประกอบหลกั สตู ร เป็ นเอกสารทอ่ี ธบิ าย เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั รายละเอยี ดตา่ งๆ ของหลกั สตู รเพอื่ ใหก้ ารนา หลกั สตู รไปใชไ้ ดผ้ ลตามความมงุ่ หมาย ตวั อยา่ งเอกสารประกอบ หลกั สตู รไดแ้ ก่ คมู่ อื หลกั สตู ร คมู่ อื ครเู กย่ี วกบั หลกั สตู ร แผนการ สอนกลมุ่ วชิ าตา่ งๆ หรอื คมู่ อื การประเมนิ ผลการเรยี น

ความสาคญั ของหลกั สตู ร จากความสาคญั ของหลักสตู รดงั กลา่ ว พอสรปุ ไดเ้ ป็ นขอ้ ๆ ดงั นี้  1. หลกั สตู รเป็ นเสมอื นเบา้ หลอมพลเมอื งใหม้ คี ณุ ภาพ  2. หลักสตู รเป็ นมาตรฐานของการจดั การศกึ ษา  3. หลกั สตู รเป็ นโครงการและแนวทางในการใหก้ ารจดั การศกึ ษา  4. ในระดบั โรงเรยี นหลกั สตู รจะใหแ้ นวการปฏบิ ตั แิ กค่ รู  5. หลกั สตู รแนวทางในการสง่ เสรมิ ความเจรญิ งอกงามและ พัฒนาการของเด็กตามจดุ มงุ่ หมายของการศกึ ษา  6. หลักสตู รเป็ นเครอ่ื งกาหนดแนวทางในการจดั ประสบการณว์ า่ ผเู ้ รยี นและสงั คมควรจะไดร้ ับสง่ิ ใดบา้ งทจ่ี ะเป็ นประโยชนแ์ กเ่ ด็กโดยตรง  7. หลักสตู รเป็ นเครอื่ งกาหนดวา่ เนอ้ื หาวชิ าอะไรบา้ งทจ่ี ะชว่ ยให ้ เด็กมชี วี ติ อยใู่ นสงั คมอยา่ งราบรน่ื เป็ นพลเมอื งทดี่ ขี องประเทศชาติ และบาเพ็ญ ตนใหเ้ ป็ นประโยชนแ์ กส่ งั คม  8. หลักสตู รเป็ นเครอื่ งกาหนดวา่ วธิ กี ารดาเนนิ ชวี ติ ของเด็กให ้ เป็ นไปดว้ ยความราบรน่ื และผาสกุ เป็ นอยา่ งไร  9. หลักสตู รยอ่ มทานายลกั ษณะของสงั คมในอนาคตวา่ จะเป็ น อยา่ งไร  10. หลกั สตู รกาหนดแนวทางความรู ้ ความสามารถ ความประพฤติ ทักษะและเจตคตขิ องผเู ้ รยี นทจี่ ะอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม และบาเพ็ญตนใหเ้ป็ น ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนและชาตบิ า้ นเมอื ง

หลกั สตู รในฐานะแผนสาหรับจัดโอกาสการ เรยี นรหู ้ รอื ประสบการณท์ คี่ าดหวงั แกน่ ักเรยี น  แนวคดิ ของหลกั สตู รในฐานะแผนสาหรับจัดโอกาสการเรยี นรหู ้ รอื ประสบการณ์ทคี่ าดหวงั แกน่ ักเรยี นนี้ จะเป็ นแผนในการจัดการศกึ ษา เพอ่ื แนวทางใหผ้ ทู ้ เี่ กย่ี วขอ้ งปฏบิ ตั ิ โดยมงุ่ ใหผ้ เู ้ รยี นมคี วามรู ้ ความสามารถ และพฤตกิ รรมตามทก่ี าหนด แผนสาหรับจัดโอกาส ทางการศกึ ษาจะแสดงเกย่ี วกบั จดุ หมายหรอื จดุ ประสงคข์ องการ ออกแบบหลกั สตู ร การนาหลกั สตู รไปใชแ้ ละการประเมนิ ผล แผนน้ี สรา้ งขนึ้ ตามประเภทสถานการณ์หรอื กลมุ่ บคุ คลในระดบั การศกึ ษา ตา่ งๆ เชน่ หลกั สตู รกอ่ นวยั เรยี น หลกั สตู รประถมศกึ ษา หลกั สตู ร อดุ มศกึ ษา หรอื อาจหมายถงึ กลมุ่ ของแผนยอ่ ยตา่ งๆ ทท่ี าใหผ้ เู ้ รยี น มโี อกาสพฒั นาการเรยี นรหู ้ รอื ประสบการณ์ทค่ี าดหวงั

องคป์ ระกอบของหลกั สตู ร CURRICULUM COMPONENT)  1. จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร (Curriculum Aims)  2. เนอ้ื หา (Content)  3. การนาหลกั สตู รไปใช ้ (Curriculum implementation)  4. การประเมนิ ผลหลกั สตู ร (Evaluation)

แบบจาลองไทเลอร์  ไทเลอร์ (Tyler) มแี นวคดิ เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงผเู ้ รยี นในการ กาหนดความมงุ่ หมายของหลกั สตู ร และใชใ้ นสงั คมปัจจบุ นั เป็ น พนื้ ฐาน โดยพจิ ารณาจากกฎเกณฑข์ องสงั คมความตอ้ งการทางดา้ น ความสงบสขุ กฎเกณฑแ์ ละกฎหมาย ระเบยี บแบบแผน รปู แบบและ ความประพฤตขิ องแตล่ ะครอบครัว การแตง่ กาย ความประพฤตแิ ละ การพดู จา ไทเลอรไ์ ดก้ ระตนุ ้ ใหค้ ดิ ถงึ บทบาทของนักพัฒนาหลักสตู ร ในการใชส้ ง่ิ ดงั กลา่ ว  ไทเลอรก์ ลา่ ววา่ เป็ นความจาเป็ นทตี่ อ้ งนยิ ามความมงุ่ หมาย (จดุ ประสงค)์ ใหก้ ระจา่ งเมอื่ มกี ารพฒั นาหลกั สตู ร การกาหนด จดุ ประสงคต์ อ้ งการความคดิ ทร่ี อบคอบและพจิ ารณาแรงขบั หลากหลายทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ ผเู ้ รยี น เชน่ สงั คม รายวชิ า ปรชั ญา และอนื่ ๆ ในเวลาเดยี วกนั จดุ ประสงคจ์ ะลายเป็ นพนื้ ฐานทมี่ ี ประสทิ ธภิ าพในการเลอื กประสบการณท์ เ่ี หมาะสมตลอดจนการ ประเมนิ ผลแตล่ ะขนั้ ตอนจะเป็ นไปอยา่ งมเี หตผุ ล

แบบจาลองของทาบา  ทาบาแนะนาวธิ กี ารจากระดบั ลา่ ง (grass-roots approach) เป็ นทรี่ จู ้ ักกนั ดี นาไปสกู่ ารพัฒนาหลกั สตู ร โดยเชอื่ วา่ ครคู วรเป็ น ผอู ้ อกแบบหลกั สตู รมากกวา่ ทจ่ี ะเอาหลกั สตู รจากผมู ้ อี านาจหนา้ ทใ่ี น ระดบั สงู กวา่ ยงิ่ ไปกวา่ นัน้ ทาบารสู ้ กึ วา่ ครคู วรจะเรม่ิ ตน้ กระบวนการโดย การสรา้ งสรรคห์ น่วยการสอน-การเรยี นรเู ้ ฉพาะสาหรับนักเรยี นของตนเอง ในโรงเรยี นกอ่ นมากกวา่ ทจี่ ะรเิ รม่ิ สรา้ งสรรคอ์ อกแบบหลกั สตู รทั่วไป ดงั นัน้ ทาบาจงึ สนับสนุนวธิ กี ารเชงิ อปุ นัย (inductive approach)  ทาบาไดส้ นับสนุนวธิ กี ารใชเ้ หตผุ ลและขนั้ ตอนในการพฒั นาหลกั สตู ร คอ่ นขา้ งจะมากกวา่ วธิ กี ารทจ่ี ะใชก้ ฎหวั แมม่ อื (rule of thumb procedure) ตอ่ จากนัน้ กจ็ ะใชเ้ หตผุ ลและวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทา บาประกาศวา่ การตดั สนิ ใจบนพนื้ ฐานขององคป์ ระกอบควรจะเป็ นไป ตามเกณฑท์ เ่ี หมาะสม เกณฑเ์ หลา่ นอี้ าจจะมาจากแหลง่ ขอ้ มลู ท่ี หลากหลาย

แบบจาลองสกลิ เบค  แแบบบบจจาาลลอองงทปฏไี่ มสิ ห่มั พยดุันนธงหิ่์ รอื  สกลิ เบคใหเ้ หตผุ ลวา่ เพอ่ื ให ้ เคลอื่ นไหว เป็ น ศอยนู า่ยงพ์ มัฒปี รนะาสหทิ ลธกั ภิ สาตู พรทตาอ้ งงาน ตแบงั้ ตบนจ้ ดาลว้ ยอองทงคผี่ ป์ พู ้ รัฒะกนอาบอใาดจๆจะ กอราะศบยั วกนรกะบารวหนลกกัารสหตู าร้ ขนั้ ใน ของหลกั สตู ร และดาเนนิ ไป แบบจาลองความประยกุ ตใ์ ห ้ ตามลาดบั ใดๆ ก็ไดม้ ากกวา่ มกรคี ะวบาวมนเทกาา่ รเทหยลี มกั กสนัตู ใรนระบบ ทจ่ี ะตรงึ ตดิ อยกู่ บั ขนั้ ตอน การสงั เกต และประเมนิ ผล เชน่ แบบจาลองเชงิ เหตผุ ล หลักสตู ร และการวเิ คราะห์ สแลกละิ กเบลคา่ วสวนา่ ับเสป็นนุนคควาวมามสคาคดิ ัญนี้ ทฤษฎหี ลักสตู ร ทผี่ พู ้ ัฒนาหลกั สตู รตอ้ งรบั รู ้ แหลง่ ทมี่ าของจดุ ประสงค์ เหลา่ นัน้ และในการทจ่ี ะ วเขเิ คา้ ใราจะแหหส์ ลถง่ าทนมี่ กาานรมี้ณกี ์ าร

ประเภทของหลกั สตู ร 1.หลักสตู รรายวชิ า (Subjective  2.หลักสตู รสหพันธ์ (Correlated Curriculum) Curriculum)  1.1 เนอื้ หาสาระแตล่ ะรายวชิ าจะแยกจาก  3.หลกั สตู รผสมผสาน (Fused กนั เชน่ วชิ าเลขคณติ ฟิสกิ ส์ เคมี Curriculum) ชวี วทิ ยาสอนแยกออกจากกนั เป็ นรายวชิ า  1.2 แตล่ ะวชิ าจะมลี าดับของเนอื้ หาสาระ  4.หลักสตู รหมวดวชิ า (Board Field มขี อบเขตของความรทู ้ เ่ี รยี งลาดับความ Curriculum) ยากงา่ ยและไมเ่ กย่ี วโยงถงึ วชิ าอน่ื ๆ  1.3 วชิ าแตล่ ะวชิ า ไมไ่ ดโ้ ยงความสมั พันธ์  5.หลกั สตู รวชิ าแกน (Core Curriculum) ระหวา่ งความรนู ้ ัน้ กบั การปฏบิ ตั ใิ น  6.หลกั สตู รทเ่ี นน้ ทกั ษะกระบวนการ สถานการณจ์ รงิ  1.4 การเลอื กเนอื้ หาสาระ และการจัด (Process Skills Curriculum) เนอื้ หาสาระ โดยยดึ คณุ คา่ ทม่ี อี ยใู่ นตวั ของ  7.หลักสตู รทเ่ี นน้ สมรรถฐาน เรอ่ื งทสี่ อนนัน้ โดยมแี นวคดิ วา่ ผเู ้ รยี น สามารถนาเอาไปใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการ (Competency or Performance base Curriculum)  8.หลักสตู รทเี่ นน้ กจิ กรรมและปัญหาสงั คม (Social Activities and Problem Curriculum)  9.หลกั สตู รทเ่ี นน้ ความตอ้ งการและความ สนใจของแตล่ ะบคุ คล (Individual Needs and Interest Curriculum)

รปู แบบของหลกั สตู ร CURRICULUM DESIGN)  1. หลกั สตู รแบบเนน้ เนอื้ หาวชิ า  6. หลกั สตู รแบบบรู ณาการ (Subject-Matter-Curriculum) (Integrated Curriculum)  2. หลกั สตู รแบบหมวดวชิ า  7. หลกั สตู รแบบสหสมั พนั ธ์ (Broad-Field-Curriculum) (Correlate Curriculum)  3. หลกั สตู รทย่ี ดึ กระบวนการ  8. หลกั สตู รแบบเอกตั บคุ คล ทางสงั คมและการดารงชวี ติ (Individualized Curriculum) (Social Process and Life Function)  9. หลกั สตู รแบบสว่ นบคุ คล (Personalized Curriculum)  4. หลกั สตู รแบบแกนกลาง (The Core Curriculum)  5. หลกั สตู รทย่ี ดึ กจิ กรรมและ ประสบการณ์ (The Activity and Experience Curriculum)

กระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร  การแสวงหารปู แบบในการพัฒนาหลกั สตู รและการสอน เป็ นสง่ิ สาคญั และจาเป็ น เพราะ รปู แบบของการพัฒนา หลกั สตู รนัน้ เปรยี บเสมอื นพมิ พเ์ ขยี วทสี่ ง่ ผลตอ่ การพัฒนา หลกั สตู รไดส้ ะดวกและรวดเร็วยงิ่ ขนึ้ การนารปู แบบการ พัฒนาหลกั สตู รมาใชจ้ ะตอ้ งปรับใหเ้ ขา้ กบั สภาพความเป็ น จรงิ ของชวี ติ และสงั คม สงดั อทุ รานันท์ (2532 : 36-43) ไดก้ ลา่ วถงึ กรบวนการพัฒนาหลกั สตู ร ซงึ่ ตอ่ เนอื่ งสมั พันธ์ เป็ น วฏั จกั ร ดงั น้ี

กระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร ซง่ึ ตอ่ เนอื่ งสมั พันธ์ เป็ น วัฏจักร  จดั วเิ คราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐานเพอื่ การพัฒนาหลักสตู ร  การกาหนดจดุ มงุ่ หมาย  การคดั เลอื กและจดั เนอื้ หาสาระและประสบการณ์  การกาหนดมาตรการวดั และประเมนิ ผล  การนาหลกั สตู รไปใช ้  การประเมนิ ผลการใชห้ ลกั สตู ร  การปรับปรงุ แกไ้ ขหลกั สตู ร

ระบบการประเมนิ หลักสตู ร  1. ระบบการรา่ งหลกั สตู ร ประกอบดว้ ย การกาหนดหลกั สตู ร โดยดดู ความสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หาวชิ า สภาพสงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื ง หลงั จากนัน้ กาหนดรปู แบบหลกั สตู ร ไดแ้ ก่ การกาหนดหลกั การ โครง รา้ ง องคป์ ระกอบหลกั สตู ร วตั ถปุ ระสงค์ เนอื้ หา ประสบการณ์  2. ระบบการใชห้ ลกั สตู ร ประกอบดว้ ยการขออนุมตั หิ ลกั สตู รจาก หน่วยงานหรอื กระทรวงดาเนนิ การวางแผนการใชห้ ลกั สตู ร โดยเรม่ิ จากการประชาสมั พนั ธห์ ลกั สตู ร การเตรยี มความพรอ้ มของบคุ ลากร จัดงบประมาณและวสั ดหุ ลกั สตู ร  3. ระบบการประเมนิ ผล ซง่ึ ประกอบดว้ ยการวางแผนการประเมนิ ผล การใชห้ ลกั สตู ร ทัง้ การประเมนิ ยอ่ ย การประเมนิ ระบบหลกั สตู ร ระบบ การบรหิ ารและผลสมั ฤทธข์ิ องผเู ้ รยี น หลงั จากนัน้ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ มลู และรายงานขอ้ มลู ตามลาดบั

กระบวนการหรอื ขนั้ ตอนการพัฒนาหลกั สตู รของ มณฑชิ า ชนะสทิ ธ์ิ ไวด้ งั น้ี  1.การสรา้ งหลกั สตู ร 1.1 การศกึ ษาขอ้ มลู พน้ื ฐาน 1.2 การกาหนดจดุ มงุ่ หมาย 1.3 การกาหนดเนอื้ หาสาระ 1.4 การกาหนดประสบการณ์การเรยี นรู ้ 1.5 การกาหนดวธิ กี าวดั ผลและประเมนิ ผล  2.การนาหลกั สตู รไปใช ้  3.การประเมนิ ผลหลกั สตู ร  4.การปรับปรงุ แกไ้ ขหลกั สตู ร

การพัฒนาหลักสตู รทม่ี กี ารพัฒนาแตกตา่ งกนั เนอ่ื งมาจากจดุ เนน้ ทต่ี า่ งกนั  การมงุ ้ เนน้ การกระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร ตงั้ แต่ การศกึ ษากระบวนการตา่ งๆเพอื่ เป็ นพน้ื ฐานของการสรา้ ง หลกั สตู รและการพัฒนารปู แบบหลกั สตู ร  การมงุ่ เนน้ กระบวนการสอน เป็ นการแบง่ หลกั สตู รออกมา เป็ นการกาหนดการสอน แผนการสอน คมู่ อื ครู แบบเรยี น วสั ดุ และสอื่ การเรยี นการสอนในรปู แบบตา่ งๆเป็ นบทบาท นักพัฒนาหลกั สตู รในระดบั หอ้ งเรยี น  การมงุ่ เนน้ กระบวนการพัฒนาหลกั สตู รและการสอนท่ี ตอ่ เนอ่ื งกนั ไป เป็ นภาพรวมของการพัฒนาหลกั สตู รท่ี สามารถเรยี งลาดบั แนวคดิ ของการพัฒนาหลกั สตู รและการ สอนไดเ้ ต็มรปู แบบ

ธารง บวั ศรี ไดก้ ลา่ วถงึ กระบวนการพัฒนาหลักสตู รไวด้ งั น้ี  ขนั้ ท่ี 1 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐาน  ขนั้ ท่ี 2 การกาหนดจดุ หมายของหลกั สตู ร  ขนั้ ที่ 3 การกาหนดรปู แบบและโครงสรา้ งของหลกั สตู ร  ขนั้ ท่ี 4 การกาหนดจดุ ประสงคข์ องวชิ า  ขนั้ ท่ี 5 การเลอื กเนอื้ หา  ขนั้ ที่ 6 การกาหนดจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้  ขนั้ ท่ี 7 การกาหนดประสบการณก์ ารเรยี นรู ้  ขนั้ ท่ี 8 การกาหนดยทุ ธศาสตรก์ ารเรยี นการสอน  ขนั้ ท่ี 9 การประเมนิ ผลการเรยี นรู ้  ขนั้ ท่ี 10 การจัดทาวสั ดหุ ลกั สตู รและสอ่ื การเรยี นการสอน

วชิ ยั ประสทิ ธวิ์ ฒุ เิ วชช์ (2542 : 88) ไดก้ ลา่ วถงึ ขนั้ ตอนการพัฒนาหลกั สตู รไว ้ 7 ขนั้  1. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐาน  2. การกาหนดจดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร  3. การกาหนดเนอ้ื หาสาระและประสบการณ์  4. การนาหลกั สตู รไปใช ้  5. การประเมนิ หลกั สตู ร  6. การปรับปรงุ แกไ้ ข และเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร  7. กระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร

ทาบา (TABA. 1962 : 12) ไดก้ ลา่ วถงึ ขนั้ ตอน การพัฒนาหลักสตู รไว ้ 7 ขนั้  การวนิ จิ ฉัยความตอ้ งการและความจาเป็ นของสงั คม  การกาหนดจดุ มงุ่ หมาย  การเลอื กเนอ้ื หาสาระ  การจดั เนอ้ื หาสาระ  การเลอื กประสบการณ์การเรยี นรู ้  การจัดประสบการณ์เรยี นรู ้  การกาหนดวธิ กี ารประเมนิ ผล

เซเลอร์ และอเล็กซานเดอร์ (SAYLOR AND ALEXANDER. 1974 : 27) ไดก้ ลา่ วถงึ กระบวนการพัฒนาหลกั สตู รไว ้  1. การศกึ ษาตวั แปรตา่ ง ๆ จากภายนอก  2. การกาหนดจดุ มงุ่ หมาย และวตั ถปุ ระสงค์  3. การออกแบบหลักสตู ร  4. การนาหลกั สตู รไปใช ้  5. การประเมนิ ผลหลกั สตู ร

ทฤษฎหี ลกั สตู ร  1.ทฤษฎแี มบ่ ท เป็ นทฤษฎหี ลกั ทกี่ ลา่ วถงึ หลกั การ กฎเกณฑท์ วั่ ๆไป ตลอดจนโครงสรา้ งของหลกั สตู ร  2.ทฤษฎเี นอ้ื หา เป็ นทฤษฎเี กย่ี วกบั เนอ้ื หา กลา่ วถงึ ความสมั พันธข์ ององคป์ ระกอบตา่ งๆ  3.ทฤษฎจี ดุ ประสงค์ เป็ นทฤษฎที ก่ี ลา่ วถงึ จดุ ประสงคห์ รอื จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู ร และกลา่ วถงึ วา่ จดุ ประสงคน์ ัน้ ๆ ไดอ้ ยา่ งไร

หนา้ ทขี่ องทฤษฎี  1. จดุ มงุ หมายของวทิ ยาศาสตร์ คอื การเขา้ ใจ ปรากฏการณ์ทศี่ กึ ษา นักปรัชญายงั หาคาตอบสาหรบั คาถามของพวกเขา ความรคู ้ อื อะไร ความจรงิ คอื อะไร อะไรคอื คณุ คา่  2. ทฤษฎมี าจากคาในภาษากรกี วา่ theoria connoting แปลวา่ “การตน่ื ตวั ของจติ ใจ” มนั เป็ นชนดิ ของ “มมุ มองที่ บรสิ ทุ ธ”ิ์ ของความจรงิ ทฤษฎี อธบิ ายความเป็ นจรงิ ทาให ้ ผคู ้ นตระหนักถงึ โลกของพวกเขาและปฏสิ มั พันธ์

แบบจาลองการพัฒนาหลกั สตู ร SU Model คอื รปู แบบจาลอง โลกแหง่ การศกึ ษา โดย ประกอบดว้ ยวงกลม ซงึ่ เปรยี บเสมอื นโลกทมี่ ี องคป์ ระกอบสาคญั 3ประการ คอื 1.พน้ื ฐานทางปรัชญา 2.พนื้ ฐานทางจติ วทิ ยาและ 3.พน้ื ฐานทางสงั คม โดยมี สามเหลย่ี มแหง่ การศกึ ษาทมี่ ี องคป์ ระกอบ 3ดา้ น

องคป์ ระกอบ ดา้ น  ดา้ นความรู ้กากบั ดว้ ยปรัชญาทางการศกึ ษา ปรัชญา คอื ปรัชญาสารัตถ นยิ ม Essentialism) ซง่ึ มแี นวคดิ ในการจัดการเรยี นการสอนเพอ่ื เป็ นการ สบื ทอดมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณี และ ปรัชญานริ ันดรนยิ ม Perenialism) ทมี่ แี นวคดิ ในการจัดการเรยี นการสอนดว้ ยเหตผุ ล เรยี นรู ้ ในสง่ิ ทเี่ ป็ นเนอ้ื หาสาระทม่ี น่ั คง  ดา้ นผเู ้ รยี น กากบั ดว้ ยปรัชญาการศกึ ษาอตั ถภิ าวะนยิ ม Existentialism) ซงึ่ มแี นวคดิ ทใี่ หบ้ คุ คลมเี สรภี าพในการเลอื กดว้ ยตนเอง มแี นวทางการจัด กตานรเศอกงึ ษาโดยใหผ้ เู ้ รยี นไดม้ โี อกาสเลอื กประสบการณ์ในการเรยี นรดู ้ ว้ ย  ดา้ นสงั คม จะกากบั ดว้ ยปรัชญาการศกึ ษาปฏริ ปู นยิ ม Reconstructionism) โดยมแี นวคดิ ในการจัดการศกึ ษาใหก้ บั ผเู ้ รยี นควร เป็ นไปเพอ่ื การพัฒนาสงั คม เนอ่ื งจากสงั คมมปี ัญหา ในการพัฒนา หลกั สตู รการศกึ ษาตอ้ งตอบสนองดา้ นผเู ้ รยี น ดา้ นสงั คมและดา้ นความรู ้ โดยตงั้ อยบู่ นพน้ื ฐานทางการพัฒนาทส่ี าคญั คอื พนื้ ฐานทางสงั คม พกานื้ รฐศากึ นษทาาจงะจปติ รวะทิกยอาบแดลว้ ะยพสน้ืามฐาเหนลทย่ี ามงปเลร็กัชๆญสาภี่ แาลพะซภาง่ึ ยเปใ็ นนสกาารมจเหาลลอย่ี งม ขนั้ ตอนในการจัดทาหลกั สตู รของTyler

การจัดทาหลกั สตู รของTYLER โดยประกอบดว้ ย 4 ขนั้ ตอน ดงั น้ี  - ขนั้ ตอนทหี่ นง่ึ คอื การวางแผนหรอื Planning ซงึ่ จะเห็นวา่ กากบั ดว้ ยความรู ้ (Knowledge) และจะสอดคลอ้ งกบั คาถามทหี่ นงึ่ ของไทเลอร์ คอื มจี ดุ มงุ่ หมาย อะไรบา้ งในการศกึ ษาทโ่ี รงเรยี นตอ้ งแสวงหา เพราะวา่ หลกั สตู รตอ้ งวางแผนใหม้ เี นอื้ หา ครบคลมุ ในสงิ่ ทผ่ี เู ้ รยี นตอ้ งรแู ้ ละตอ้ งเรยี น  - ขนั้ ตอนทส่ี อง คอื การออกแบบหรอื Design ซง่ึ จะเห็นวา่ กากบั ดว้ ย ผเู ้ รยี น (Learner) และจะสอดคลอ้ งกบั คาถามทสี่ องของไทเลอร์ คอื มปี ระสบการณ์ การศกึ ษาอะไรบา้ งทโ่ี รงเรยี นควรจัด เพอ่ื ใหบ้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมายในการศกึ ษา เพราะวา่ หลักสตู รตอ้ งออกแบบมา เพอื่ ใหจ้ ัดกจิ กรรมหรอื ประสบการณ์ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความรแู ้ ก่ นักเรยี น  - ขนั้ ตอนทสี่ าม คอื การจัดการหลักสตู รหรอื Organize ซงึ่ จะเหน็ วา่ กากบั ดว้ ยผเู ้ รยี น (Learner), ความรู ้ (Knowledge) และสงั คม (Society) และจะสอดคลอ้ ง กบั คาถามทสี่ ามของไทเลอร์ คอื จัดประสบการณก์ ารเรยี นรอู ้ ยา่ งไรใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะวา่ การจัดการหลกั สตู รใหไ้ ดป้ ระสทิ ธภิ าพ คอื การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ม่ี ี ประสทิ ธิ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นเกดิ ความรแู ้ ละบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคพ์ รอ้ มกับสามารถนาความรทู ้ ี่ ไดไ้ ปใชใ้ นการอยใู่ นสงั คม  - ขัน้ ตอนทส่ี ่ี คอื การประเมนิ หรอื Evaluate ซงึ่ จะเห็นวา่ กากบั ดว้ ยสงั คม (Society) และจะสอดคลอ้ งกบั คาถามทส่ี ขี่ องไทเลอร์ คอื ประเมนิ ประสทิ ธผิ์ ลของ ประสบการณใ์ นการเรยี นอยา่ งไร เพราะวา่ การประเมนิ ผลการเรยี น ความรแู ้ ละการจัดการ เรยี นการสอนจะทาใหน้ ักเรยี นไดค้ วามรทู ้ ส่ี ามารถนาไปใชใ้ นสังคม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook