1 รายงานการวเิ คราะห์ผู้เรียนรายบคุ คล (CAR1) ภาคเรียนท่ี 2/2563 โรงเรยี นโคกสงู ประชาสรรพ์ โดย นางสาวสุมาลี อุปชัย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นโคกสงู ประชาสรรพ์ อาเภอนา้ พอง จงั หวัดขอนแก่น องค์การบริหารส่วนจังหวดั ขอนแก่น
-ก - 2
-ข - 3 คานา การวเิ คราะห์ผเู้ รียน เพือ่ ศกึ ษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล มีความสาคัญและจาเป็น จะช่วยให้ครูผู้สอน ได้รู้จัก ผู้เรียนเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่ม โดยการกาหนดความต้องการท่ีจะใช้ข้อมูลเก่ียวกับตัวผู้เรียน เป็นข้อมูล สารสนเทศพื้นฐานนาไปสู่การวางแผนการเรียนรู้ หรือจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีจุดมุ่งหมายเฉพาะในเรื่อง ความสามารถ ทกั ษะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลหลากหลาย เพ่ือให้ได้ข้อมูล เกี่ยวกับตัวผู้เรียน เช่น การสอบถาม การให้ทาแบบทดสอบ การรวบรวมข้อมูลพื้นฐานการเรียนรู้ แล้วนามา วิเคราะห์เป็นรายบุคคล โดยจาแนกให้เห็นองค์รวมของผู้เรียนในแต่ละด้าน กาหนดเกณฑ์การจาแนกคุณภาพ ผู้เรียน และสรุปจัดกลุ่มผู้เรียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถนาไปใช้ประโยชน์เพ่ือนาไปช่วยเหลือ แก้ไข ส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้เรียนมีการพัฒนาได้อย่างเหมาะสม เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลและมีความสุข พัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เริ่มต้นค้นวิเคราะห์ ท่ีครูและผู้เกี่ยวข้องสามารถนาไป วางแผนในการพัฒนาผู้เรียนด้านต่าง ๆ ได้ต่อไป และช่วยให้ครูผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนรู้จักแสวงหา ความรู้ พัฒนาตนเอง คดิ เอง ปฏบิ ตั เิ อง เพือ่ นาไปสกู่ ารสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง ลงชื่อ.......... ............................. (นางสาวสมุ าลี อุปชัย)
-ค - 4 สารบญั ที่ เรือ่ ง หน้า บันทกึ ข้อความ ก คานา ข สารบญั ค 5 1 บทนา... ....................................................................................................................................... 7 2 วิธีดาเนินการ............................................................................................................................... 8 3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู .................................................................................................................. 14 4 สรุปผลและข้อเสนอแนะ...................................................................................................... 16 5 บทเรียนท่ไี ดร้ บั จากการดาเนินการ...............................................................................................
5 ตอนที่ 1 บทนา แนวคิดและเหตผุ ล พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ..ศ. 2542 ท่ีระบุไว้ว่า“มาตรา 22” การจัดการศึกษาต้องยึด หลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญมากท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผเู้ รียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเตม็ ตามศักยภาพ การวิเคราะห์ผู้เรียน เพ่ือศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล จึงมีความสาคัญมาก ประโยชน์ของการวิเคราะห์ ผู้เรียน คือการนาข้อมูลไปช่วยเหลือ แก้ไข ส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้เรียนมีการพัฒนาได้อย่างเหมาะสมตาม ศักยภาพของแต่ละบุคคล และมีความสุข ครูผู้สอนจึงมีบทบาทสาคัญเก่ียวกับการจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ นกั เรียนรู้จักแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง คิดเอง ปฏิบตั ิเอง เพือ่ นาไปสูก่ ารสร้างองคค์ วามร้ดู ้วยตนเอง ผู้ศึกษาได้รับมอบหมายให้ทาหน้าที่ครูท่ีปรึกษานักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 18 คน ได้ดาเนินการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลที่ได้มอบหมายในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เพื่อให้ทราบข้อมูลพ้ืนฐานของผู้เรียนเพ่ือนาไปวางแผนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ เหมาะสมและมีประสิทธภิ าพ ซ่งึ เป็นไปตามมาตรฐานคณุ ภาพของครทู กี่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนดไว้ ในด้านการ จัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญอย่างมีประสิทธิภาพไว้ว่าในการปฏิบัติงานสอนนั้นครูจะต้องทา กจิ กรรม 7 กจิ กรรม คือ 1. การวเิ คราะห์หลกั สตู ร 2. การวิเคราะหผ์ ้เู รยี นเป็นรายบคุ คล 3. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย 4. การใช้เทคโนโลยีเปน็ แหล่งและสือ่ การเรยี นรูข้ องตนเองและนักเรียน 5. การวัดผลและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ อย่างรอบด้าน เนน้ องค์รวมและเน้นพฒั นาการ 6. การใชผ้ ลการประเมินเพ่ือแก้ไขปรบั ปรุง และพฒั นาการจดั การเรยี นการสอน เพือ่ พัฒนาผ้เู รียน ให้เตม็ ศักยภาพ 7. การใช้การวจิ ัยปฏบิ ัตกิ ารในการพัฒนานวตั กรรม เพ่ือพัฒนาการเรียนร้ขู องนักเรยี นและการสอน ของตนเอง จากมาตรฐานดังกล่าว ครูจึงต้องวิเคราะห์ผเู้ รียนเป็นรายบุคคล เพ่ือทจ่ี ะวางแผนการจัดการเรียนรใู้ ห้ เหมาะสมกับผ้เู รียน คาถามที่อยากรู้ 1.นกั เรียนแต่ละคนมีลกั ษณะสาคญั อยา่ งไร 2.นกั เรยี นแตล่ ะคนมจี ุดอ่อน จดุ ดอ้ ยจุดท่คี วรพฒั นาและจุดทีค่ วรปรบั ปรงุ แก้ไขในเร่ืองใดบ้าง 3.ครคู วรออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนอยา่ งไรให้สามารถพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียนรายบคุ คล ไดส้ อดคลอ้ งตามสภาพปญั หาของแตล่ ะบุคคล
6 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือศึกษารจู้ ักผูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล วเิ คราะหแ์ ยกแยะความพร้อมของผเู้ รียนรายบุคคล ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นโคกสูงประชาสรรพ์ ปกี ารศึกษา 2563 2. เพอ่ื หาแนวทางการออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกับความสามารถของผู้รายบุคคลให้ สามารถพฒั นาตามธรรมชาติของแตล่ ะบคุ คลเตม็ ตามศักยภาพ และหาทางช่วยเหลอื ผูเ้ รยี นทีม่ ีข้อบกพร่องใหม้ ี ความพร้อมทดี่ ีข้ึน ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับ 1.ได้ข้อมลู พ้นื ฐานของนักเรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโคกสงู ประชาสรรพ์ ปีการศึกษา 2563 2.ไดข้ ้อมูลในการพฒั นาและปรับปรุงนักเรยี น ในระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนโคกสงู ประชาสรรพ์ 3.ไดแ้ นวทางการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคลในการจดั การ เรียนรทู้ ี่มปี ระสทิ ธภิ าพและเหมาะสมตามจดุ เน้นคุณภาพผู้เรียน
7 ตอนท่ี 2 วธิ ีดาเนนิ การ กล่มุ เป้าหมาย กลุ่มเปา้ หมายทใี่ ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ไดแ้ ก่ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนโคกสงู ประชาสรรพ์ จานวน 18 คน การเก็บรวบรวมข้อมลู การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ประกอบด้วย 1.ภมู หิ ลังทางครอบครัว 2.ผลการเรียนร้ตู ามหลกั สูตร 3.พัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา คา่ นยิ ม 4.ความสนใจ ความถนดั ศักยภาพ และความต้องการทจี่ าเปน็ 5.ปัญหา/ข้อจากดั เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วย แบบสอบถามเพื่อวิเคราะห์ขอ้ มลู รายบุคคล แบบ กรอกขอ้ มลู รายบุคคล การสังเกตนักเรยี น แบบประเมินการอ่าน เขียน พูด และฟงั การพบปะพูดคยุ
8 ตอนที่ 3 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูลผเู้ รยี นรายบคุ คล นักเรยี นระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 จานวน 18 คน โดยวเิ คราะห์ตามประเด็นการวเิ คราะหผ์ ้เู รยี น นาเสนอตามลาดับ ดงั น้ี ผลการวิเคราะห์ 1. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ด้านครอบครัว ตาราง 1 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมลู ด้านภูมหิ ลงั ของครอบครัว ขอ้ มูล รายการ จานวน (คน) ร้อยละ 1. สถานภาพบิดา-มารดา 1.1 อยูร่ ว่ มกัน 4 22.22 1.2 หยา่ ร้าง -- 1.3 แยกกนั อยู่ 14 77.78 1.4 ถงึ แก่กรรม (บิดา/มารดา) - - 1.5 อยู่รว่ มกบั บุคคลอื่น -- 2. ท่พี กั ของนักเรียน 2.1 บา้ นพักของตนเอง 17 94.44 2.2 หอพัก/บา้ นเช่า 1 5.55 2.3 บ้านญาติ -- 2.4 อืน่ ๆ -- 3. อาชพี ของผปู้ กครอง 3.1 เกษตรกรรม 6 33.33 3.2 รบั ราชการ -- 3.3ค้าขาย 3 16.67 3.4รับจ้างทัว่ ไป 9 50.00 3.5 อืน่ ๆ -- จากตาราง 1 พบว่า สถานภาพบิดา- มารดา อันดับที่ 1 แยกกันอยู่ ร้อยละ 77.78 อันดับท่ี 2 อยู่ ด้วยกัน (บิดา/มารดา) ร้อยละ 22.22 ที่พักของนักเรียน อันดับท่ี 1 บ้านพักของตนเอง ร้อยละ 94.44 อันดับท่ี 2 หอพัก/บ้านเช่า ร้อยละ 5.55 อาชีพของผู้ปกครอง อันดับที่ 1 รับจ้างท่ัวไป ร้อยละ50.00 อันดับที่ 2 เกษตรกรรม ร้อยละ 33.33 อนั ดบั ที่ 3 คา้ ขาย ร้อยละ 16.67
9 2.ผลการวิเคราะห์นา้ หนัก/ส่วนสูง ผลการวเิ คราะหน์ า้ หนักสว่ นสูง ปรากฏวา่ นักเรียนสมส่วน จานวน 17 คน เรมิ่ อว้ น จานวน 1 คน ท้วม จานวน - คน คอ่ นข้างผอม - จานวน คน อ้วน จานวน - คนนักเรียนผอมจานวน - คน จากการวิเคราะห์ระบบการรับรู้ด้านสายตาปรากฏว่า นักเรียนมีสายตาปกติ จานวน 18 คน นักเรียนมีสายตาสั้น จานวน - คน และนักเรียนสายตายาวจานวน - คน ตาบอดสีจานวน - คน และสารวจความต้องการความชว่ ยเหลอื ดา้ นสายตา ปรากฏว่า -ไม่ม-ี จากการวเิ คราะหร์ ะบบการรับรดู้ ้านหู ปรากฏว่านกั เรียนมีระบบการไดข้ องหูปกติ จานวน 18 คน นักเรยี นหหู นวก จานวน - คน และมปี ัญหาอ่นื ๆ จานวน - คน และความต้องการความช่วยเหลือด้านหู คอื - ไม่มี - 3. ผลการวเิ คราะห์โรคประจาตัว ตารางที่ 2 แสดงผลการวเิ คราะหโ์ รคประจาตัวนักเรียนระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรคประจาตัวนักเรยี น จานวน(คน) รอ้ ยละ 1. หวั ใจ -- 2.ไตวาย -- 3.เบาหวาน -- 4.กระเพาะอาหาร -- 5. ไมเกรน -- 6. ภูมิแพ้ -- 7. อน่ื ๆ - - 4.ผลการวิเคราะห์รายวิชาท่ีนกั เรียนชอบเรียนมากทส่ี ดุ ในระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ตารางที่ 3 แสดงผลการวิเคราะห์วชิ าทน่ี ักเรียนชอบระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ลาดับท่ี ชอ่ื วิชา จานวน(คน) รอ้ ยละ 1 พลศกึ ษา 8 44.44 2 ดนตรี นาฏศลิ ป์ 5 27.78 3 คอมพิวเตอร์ 5 27.78 4 จากตารางที่ 3 พบวา่ วชิ าท่ีนักเรียนชอบ อนั ดับท่ี 1 คือ พลศกึ ษา ร้อยละ 44.44 อนั ดบั ที่ 2 คือ ดนตรี นาฏศิลปแ์ ละคอมพวิ เตอร์ รอ้ ยละ 27.78
10 5.ผลการวเิ คราะห์ความสามารถพเิ ศษของนกั เรยี นระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ตารางที่ 4แสดงความสามารถพเิ ศษของนักเรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ลาดบั ท่ี ความสามารถพเิ ศษด้าน จานวน(คน) ร้อยละ 1 เล่นดนตรี 5 27.78 2 เลน่ ฟตุ บอล 8 44.44 3 รอ้ งเพลง 2 11.11 4 วาดภาพ 1 5.56 5 ฟอ้ นรา 2 11.11 จากตารางที่ 4 พบวา่ ความสามารถของนักเรียน อันดับท่ี 1 คือ เล่นฟุตบอล ร้อยละ 44.44 อันดบั ท่ี 2 คอื เล่นดนตรี รอ้ ยละ 27.78 อันดับที่ 3 คือ ร้องเพลงและฟ้อนรา ร้อยละ 11.11 และอันดบั ท่ี 4 คอื วาดภาพ รอ้ ยละ 5.56 6.ผลการวเิ คราะห์อาชีพท่ีนักเรียนใฝฝ่ นั ตารางที่ 5 แสดงผลการวเิ คราะหอ์ าชีพท่ีนักเรียนใฝฝ่ ันอยากเปน็ มากที่สดุ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ลาดับที่ อาชีพทีน่ กั เรยี นใฝ่ฝัน จานวน(คน) รอ้ ยละ 1 นกั ฟตุ บอลอาชีพ 6 33.33 2 ครู 5 27.78 3 เกษตรกร 7 38.89 จากตารางท่ี 5 พบว่า อาชพี ที่นกั เรยี นใฝ่ฝันอยากเป็นมากท่สี ดุ เป็นอนั ดับท่ี 1 คือ เกษตรกร รอ้ ยละ 38.89 อนั ดบั ที่ 2 คือ นักฟุตบอลอาชีพ ร้อยละ 33.33 และอนั ดับท่ี 3 คือ ครู ร้อยละ 27.78 7. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลดา้ นผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ตารางที่ 6 แสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ด้านผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นGPAภาคเรียนท่ี2 ปีการศึกษา 2563 ชน้ั /หอ้ ง ระดับผลการเรียนเฉลยี่ (GPA) 1.00-1.99 2.00-2.99 3.00-4.00 จานวน(คน) ร้อยละ จานวน(คน) ร้อยละ จานวน(คน) รอ้ ยละ 10 55.55 3 16.67 5 27.78 รวม 10 55.55 3 16.67 5 27.78 จากตารางที่ 6 พบวา่ ผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 อนั ดับท่ี 1 คือ ระดับ 1.00-1.99 จานวน 10 คน ร้อยละ 55.55 อันดับที่ 2 คือ ระดบั 3.00-4.00 จานวน 5 คน ร้อยละ 27.78 และ อันดบั ท่ี 3 คือ ระดบั 2.00-2.99 จานวน 3 คน รอ้ ยละ 16.67
11 8.ผลการวิเคราะห์ความต้องการให้ครจู ดั กระบวนการเรียนรู้ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ตารางท่ี 7 แสดงการวิเคราะห์ความตอ้ งการให้ครูจดั กระบวนการเรยี นรู้นกั เรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 อนั ดบั ที่ กระบวนการเรยี นรู้ จานวนนักเรียน(คน) รอ้ ยละ 1 Active Learning 9 50.00 2 สบื เสาะ , สืบคน้ , คน้ คว้า 6 33.33 3 โครงงาน 3 16.66 จากตารางที่8 พบวา่ ความต้องการให้ครจู ัดกระบวนการเรียนรู้ อันดับท่ี 1 คือ แบบ Active Learning จานวน 9 คน รอ้ ยละ 50.00 อันดับที่ 2 คือ แบบสืบเสาะ , สบื คน้ ,คน้ คว้า จานวน 6 คน รอ้ ยละ 33.33 และ อันดับที่ 3 คือ แบบโครงงาน จานวน 3 คน ร้อยละ 16.66 9.ผลการวเิ คราะห์ผเู้ รยี นรายบุคคลระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ตารางท่ี 9 แสดงผลการวิเคราะห์ผ้เู รียนรายบุคคลระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ดา้ น รายการวเิ คราะห์ผเู้ รียน ดี ปานกลาง ปรบั ปรุงแก้ไข จานวน ร้อยละ ท่ี จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ 2 11.11 1 ด้านความรู้ ความสามารถ และ 2 11.11 ประสบการณ์ทางภาษา 7 38.89 7 38.89 1) ความรพู้ ้นื ฐาน 8 44.44 8 44.44 2 11.11 3 16.67 2) ความสามารถในการแก้ปัญหา 10 55.56 6 33.33 3 16.67 3) ความสนใจและสมาธิในการเรยี น 8 44.44 3 16.67 20.64 4) ความสามารถในการฟงั 8 44.44 3 16.67 7 38.89 00 5) ความสามารถในการพูด 10 55.56 6 33.33 7 38.89 6) ความสามารถในการอ่าน 15 83.33 0 0 25.93 7) ความสามารถในการเขยี นฯ 13 72.22 2 11.11 รวมด้านที่ 1 57.14 22.22 2 ความพร้อมดา้ นสติปัญญา 1) ความคดิ รเิ ริม่ สร้างสรรค์ 8 44.44 3 16.67 2) ความมีเหตุผล 18 100.00 0 0 3) ความสามารถในการเรยี นรู้ 8 44.44 3 16.67 รวมด้านที่ 2 62.96 11.11
12 ตารางท่ี 9(ต่อ) ดี ปานกลาง ปรับปรงุ แก้ไข ด้าน รายการวเิ คราะห์ผเู้ รยี น จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ท่ี 10 55.56 3 16.67 5 27.78 3 ความพรอ้ มด้านพฤติกรรม 18 100.00 0 0 0 0 1) การแสดงออก 12 66.67 3 16.67 3 16.67 2) การควบคมุ อารมณ์ 12 66.67 3 16.67 3 16.67 3) ความมงุ่ มน่ั อดทน ขยนั หมนั่ เพียร 4) ความรบั ผดิ ชอบ 72.23 12.50 15.28 รวมดา้ นที่ 3 18 100.00 0 0 0 0 4 ความพร้อมด้านรา่ งกายและจิตใจ 1) สุขภาพรา่ งกายสมบูรณ์ 18 100.00 0 0 0 0 2) การเจรญิ เตบิ โตตามวัย 3) ความสมบูรณท์ างดา้ นสขุ ภาพจติ 17 94.44 0 0 1 5.56 รวมดา้ นที่ 4 98.15 0.00 1.85 5 ความพรอ้ มทางสงั คม 1) การปรับตัวเข้ากับผูอ้ ืน่ 18 100.00 0 0 0 0 2) การเสยี สละ ไม่เหน็ แก่ตัว 13 72.22 5 27.78 0 0 3) มรี ะเบียบวินยั เคารพกติกา 13 72.22 5 27.78 0 0 รวมดา้ นที่ 5 0.00 รวมท้ังสิ้น 81.48 18.52 จากตารางท่ี 9 พบวา่ นกั เรยี นมีวามรู้ ความสามารถและประสบการณ์ทางภาษาอยู่ในระดับ ดี ร้อยละ 57.14 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 22.22 และต้องปรับปรุงแก้ไข ร้อยละ 20.64 ความพร้อมด้านสติปัญญา อยู่ใน ระดบั ดี ร้อยละ 62.96 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 11.11 และต้องปรับปรุงแก้ไข ร้อยละ 25.93 ความพร้อม ด้านพฤติกรรม อยู่ในระดับดี ร้อยละ 72.23 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 12.50 และต้องปรับปรุงแก้ไข ร้อยละ 15.28 ความพร้อมด้านร่ากาย จิตใจ อยู่ในระดับดี ร้อยละ 98.15 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 0.00 และต้องปรับปรุงแก้ไข ร้อยละ 1.85 และความพร้อมด้านสังคม อยู่ในระดับดี ร้อยละ 81.48 อยู่ในปาน กลาง รอ้ ยละ 18.52 และต้องปรับปรงุ แก้ไข รอ้ ยละ 0.00
10.ผลการวิเคราะห์ความปกติ – พิการของนักเรยี นระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 13 ตารางท่ี 10 แสดงผลการวิเคราะห์ความปกติ – พกิ ารของนักเรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 รอ้ ยละ - ประเภท จานวน - - 1. บุคคลทมี่ ีความบกพร่องทางการเห็น - - - 2. บคุ คลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน - - - 3. บคุ คลที่มคี วามบกพร่องทางสติปัญญา - - - 4. บุคคลที่มีความบกพรอ่ งทางรา่ งกายและสุขภาพ - 100.00 5. บคุ คลที่มีความบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ - 100.00 6. บคุ คลท่ีมีความบกพรอ่ งทางการพูด/ภาษา - 7. บุคคลท่ีมีความบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ - 8. บคุ คลออทิสตกิ - 9. บุคคลพกิ ารซ้าซ้อน - 10. ปกติ 18 รวม 18 จากตาราง 10 พบว่า การวิเคราะห์ความปกติ-พิการของนักเรียน พบว่า ปกติ จานวน 18 คน รอ้ ยละ 100.00
14 ตอนที่ 4 สรุปผลและข้อเสนอแนะ วัตถปุ ระสงค์ 1.เพื่อศกึ ษารู้จกั ผู้เรยี นเป็นรายบคุ คล วเิ คราะห์แยกแยะความพร้อมของผู้เรียนรายบุคคล ระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนโคกสงู ประชาสรรพ์ ปีการศึกษา 2563 2. เพอื่ หาแนวทางการออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกับความสามารถของผู้รายบุคคลให้ สามารถพัฒนาตามธรรมชาติของแตล่ ะบุคคลเตม็ ตามศักยภาพ และหาทางชว่ ยเหลือผ้เู รียนทม่ี ขี ้อบกพรอ่ งใหม้ ี ความพร้อมทีด่ ีขึ้น สรุปผล 1. สถานภาพบดิ า- มารดา อันดับท่ี 1 แยกกนั อยู่ ร้อยละ 77.78 อนั ดับที่ 2 อยดู่ ้วยกัน (บิดา/มารดา) ร้อยละ 22.22 ท่พี ักของนักเรยี น อันดับที่ 1 บา้ นพกั ของตนเอง ร้อยละ 94.44 อนั ดบั ที่ 2 หอพัก/ บ้านเชา่ รอ้ ยละ 5.55 อาชีพของผปู้ กครอง อันดบั ท่ี 1 รับจ้างท่ัวไป รอ้ ยละ50.00 อันดบั ท่ี 2 เกษตรกรรม รอ้ ยละ 33.33 อันดบั ที่ 3 คา้ ขาย รอ้ ยละ 16.67 2. ผลการวเิ คราะหน์ า้ หนักสว่ นสูง ปรากฏวา่ นักเรียนสมส่วน จานวน 17 คน เริม่ อ้วน จานวน 1 คน 3. จากการวิเคราะห์ระบบการรับรูด้ ้านสายตาปรากฏวา่ นกั เรียนมีสายตาปกติ จานวน 18 คน 4. จากการวเิ คราะหร์ ะบบการรับรดู้ า้ นหู ปรากฏวา่ นกั เรียนมรี ะบบการได้ของหูปกติ จานวน 18 คน 5. ผลการวิเคราะห์โรคประจาตัวนักเรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ไม่มนี ักเรยี นคนใดมโี รคประจาตวั 6. ผลการวเิ คราะหว์ ชิ าทน่ี ักเรียนชอบระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 พบว่า วิชาทนี่ กั เรยี นชอบ อันดับท่ี 1 คือ พลศึกษา ร้อยละ 44.44 อนั ดับท่ี 2 คือ ดนตรี นาฏศิลป์และคอมพวิ เตอร์ รอ้ ยละ 27.78 7. ผลการวเิ คราะหค์ วามสามารถพเิ ศษของนักเรยี นระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 พบวา่ ความสามารถของ นกั เรียน อนั ดับที่ 1 คอื เล่นฟุตบอล ร้อยละ 44.44 อนั ดบั ท่ี 2 คอื เลน่ ดนตรี ร้อยละ 27.78 อนั ดบั ท่ี 3 คอื ร้องเพลงและฟอ้ นรา ร้อยละ 11.11 และอันดบั ท่ี 4 คอื วาดภาพ รอ้ ยละ 5.56 8. ผลการวิเคราะหอ์ าชพี ท่ีนักเรียนใฝฝ่ นั อยากเปน็ มากทีส่ ุด พบว่า อาชพี ทีน่ ักเรียนใฝฝ่ นั อยากเป็นมากที่สดุ เป็นอันดบั ท่ี 1 คอื เกษตรกร รอ้ ยละ 38.89 อนั ดับท่ี 2 คอื นกั ฟุตบอลอาชีพ รอ้ ยละ 33.33 และอนั ดับท่ี 3 คอื ครู ร้อยละ 27.78 9. ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ด้านผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนGPAภาคเรยี นท่ี2 ปกี ารศึกษา 2563 พบวา่ ผลการ เรียนเฉลยี่ (GPA) ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 อนั ดับที่ 1 คือ ระดบั 1.00-1.99 จานวน 10 คน ร้อย ละ 55.55 อนั ดับที่ 2 คือ ระดับ 3.00-4.00 จานวน 5 คน รอ้ ยละ 27.78 และอนั ดับที่ 3 คอื ระดบั 2.00- 2.99 จานวน 3 คน ร้อยละ 16.67 10. ผลการวิเคราะหค์ วามต้องการใหค้ รจู ัดกระบวนการเรยี นรู้นกั เรียนระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 พบว่า ความตอ้ งการให้ครจู ดั กระบวนการเรียนรู้ อันดับที่ 1 คอื แบบ Active Learning จานวน 9 คน ร้อยละ 50.00 อนั ดบั ท่ี 2 คือ แบบสืบเสาะ , สบื ค้น ,ค้นควา้ จานวน 6 คน ร้อยละ 33.33 และอนั ดับที่ 3 คือ แบบโครงงาน จานวน 3 คน ร้อยละ 16.66
15 11. ผลการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 พบว่า นักเรียนมีวามรู้ ความสามารถและ ประสบการณ์ทางภาษาอยใู่ นระดับ ดี ร้อยละ 57.14 อยใู่ นปานกลาง รอ้ ยละ 22.22 และต้องปรับปรุง แก้ไข ร้อยละ 20.64 ความพร้อมด้านสติปัญญา อยู่ในระดับดี ร้อยละ 62.96 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 11.11 และต้องปรับปรุงแก้ไข ร้อยละ 25.93 ความพร้อมด้านพฤติกรรม อยู่ในระดับดี รอ้ ยละ 72.23 อยใู่ นปานกลาง รอ้ ยละ 12.50 และต้องปรบั ปรุงแกไ้ ข รอ้ ยละ 15.28 ความพร้อม ด้านร่ากาย จิตใจ อยู่ในระดับดี ร้อยละ 98.15 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 0.00 และต้องปรับปรุง แก้ไข ร้อยละ 1.85 และความพร้อมด้านสังคม อยู่ในระดับดี ร้อยละ 81.48 อยู่ในปานกลาง ร้อยละ 18.52 และตอ้ งปรบั ปรุงแก้ไข รอ้ ยละ 0.00 12. ผลการวเิ คราะหค์ วามปกติ – พิการของนักเรยี นระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 พบว่า การวิเคราะห์ความ ปกติ-พิการของนกั เรียน พบวา่ ปกติ จานวน 18 คน รอ้ ยละ 100.00 ข้อเสนอแนะ 1. ควรมกี ารเกบ็ ข้อมลู เพ่ิมเติมอีกในด้านปัจจยั สนับสนุนในการเรยี นและฐานะทางบา้ นของนกั เรียน 2. ควรวเิ คราะหข์ ้อมูลจากแหล่งข้อมลู อื่น ๆอีกคือข้อมูลจากครทู ี่ปรึกษา และผู้ปกครองนักเรยี น
16 ตอนที่ 5 บทเรียนจากการดาเนนิ งาน 1. บทเรยี นสาหรบั ตัวเองในการพัฒนานกั เรียน ด้านการใช้เวลาในการทบทวนความรู้คู่ควรสง่ เสริมและแนะนานักเรยี นให้ใช้เวลาในการทบทวนความรู้ บทเรียนมากย่ิงข้นึ และใช้เวลาในการดทู วี ีหรือใชอ้ ินเทอร์เนต็ ใหน้ ้อยลงโดยนาอินเทอร์เน็ตมาใช้เพ่ือการเรยี นรู้มาก ขึ้นซ่ึงครูควรจัดกจิ กรรมในช้ันเรยี นให้กับนกั เรียนเพื่อเปน็ ตัวอยา่ งท่ีนักเรยี นจะได้นาไปปฏิบัตติ ามได้อยา่ งถูกต้อง 2. บทเรียนของตนเองในเร่ืองหลกั การออกแบบแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ีควรจัดใหก้ บั นกั เรยี น การออกแบบแผนการจดั การเรยี นรู้ควรออกแบบให้เหมาะสมกับระดับการเรียนรู้ของนักเรียนเหมาะสมกบั บริบท ลกั ษณะของโรงเรียนชมุ ชนและนกั เรยี น 3. บทเรยี นในการประสานงานกบั ครูประจาวิชาเพ่ือร่วมมือช่วยเหลอื นักเรยี นในความดูแล ครูทีป่ รกึ ษาทาการประสานงานกับครูผสู้ อนแต่ละรายวชิ าเพอ่ื สอบถามความกา้ วหนา้ ในการเรียนรแู้ ละปัญหาใน การเรยี นรขู้ องนกั เรียนเพ่อื ท่ีจะหาวธิ ีการแก้ไขและพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรยี นใหด้ ยี ง่ิ ข้นึ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: