มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชียงใหม ISSN 1686-7467 (Print) Chiang Mai Rajabhat University ISSN 2651-141X (Online) พิฆเนศวรสาร ปท ่ี 14 ฉบบั ท่ี 2 เดอื นกรกฎาคม - ธนั วาคม 2561 CMRU GANESHA JOURNAL พฆิ เนศวรส าร Vol. 14 No. 2 July - December 2018
พิฆเนศวรส์ าร วารสารสาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ ปที ่ี 14 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ข้อมูลวารสาร (ภาษาไทย) พฆิ เนศวร์สาร (ภาษาองั กฤษ) Ganesha Journal ชือ่ วารสาร 1686-7467 (ตีพมิ พ์) 2651-141X (อเิ ล็กทรอนิกส์) ISSN บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่ ISSN รองศาสตราจารย์สนทิ สตั โยภาส หน่วยงานเจ้าของวารสาร บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่ บรรณาธกิ าร 202 ถ.ช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 สถานท่ตี ดิ ต่อ 053-885990 โทรสาร 053-885990 https://tci-thaijo.org/index.php/pikanasan โทรศัพท์ เว็บไซต์ของวารสาร วตั ถปุ ระสงค์ พิฆเนศวร์สาร ตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย (Research Article) และบทความวิชาการ (Academic Article) ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในสาขาศึกษาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ การพัฒนาสังคม สาธารณสุขศาสตร์ บริหารธุรกิจ และสหวิทยาการทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เผยแพร่ ผลงานวิชาการที่มีคุณภาพและก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการและเกิดประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนท้องถิน่ และประเทศชาติ ขอบเขตการตีพมิ พ์ของวารสาร ศกึ ษาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ การพฒั นาสังคม สาธารณสขุ ศาสตร์ บรหิ ารธุรกจิ และสหวิทยาการทางด้านมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วารสารพฆิ เนศวร์สาร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ ได้ผา่ นการพจิ ารณาและรบั รองคณุ ภาพวารสารใหอ้ ยใู่ นฐานข้อมลู Thai-Journal Citation Index (TCI) กลุ่มที่ 2 สาขามนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ เป็นทีเ่ รียบร้อยแล้ว
ท่ีปรกึ ษา รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ประพนั ธ์ ธรรมไชย คณบดบี ณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมลณฏั ฐ์ พลวัน บรรณาธกิ าร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์สนทิ สตั โยภาส ผู้ชว่ ยบรรณาธกิ าร อาจารย์รจนกร แบ่งทศิ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย กองบรรณาธกิ าร ศาสตราจารย์เกียรตคิ ุณ ดร.มนสั สุวรรณ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครุฑเมอื ง มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.สมศักด์ิ ภู่วภิ าดาวรรธน์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.อรรณพ พงษ์วาท มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์นราวลั ย์ พูลพพิ ัฒน์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ศริ ณิ า จติ ต์จรสั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชุติมา แสงเงนิ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พชิ าภพ พนั ธุ์แพ มหาวทิ ยาลยั พายัพ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพศาล กาญจนวงศ์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ ประเทศไทย
กองจดั การวารสาร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นางวิไลพกั ตร์ จริงไธสง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นางกชามาศ ยาสมุทร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นางสาวอรกมล สวุ รรณประเทศ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นางสาววรี นชุ ดรุณสนธยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นายณฐั วัฒน์ โรจนวุฒธิ รรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม ่ ประเทศไทย นางสาวกมลรัตน์ เชื้อเสอื น้อย นางศิริพร ประณต กำ� หนดออก พฆิ เนศวร์สารมีก�ำหนดออกเป็นราย 6 เดือน (2 ฉบับ/ปี) ดงั นี้ ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถนุ ายน) กำ� หนดออกสัปดาห์สุดท้ายของเดอื นมถิ ุนายน ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม) กำ� หนดออกสปั ดาห์สุดท้ายของเดอื นธนั วาคม วธิ ีการสง่ บทความ สง่ ตน้ ฉบบั บทความในรปู แบบไฟลเ์ วริ ด์ (Microsoft Word) ผา่ นระบบจดั การวารสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (ThaiJo) ท่ี Website: https://tci-thaijo.org/index.php/pikanasan พร้อมท้ังส่งแบบน�ำส่งบทความ เพ่ือพิจารณาตีพิมพ์ หนังสือรับรองก่อนการตีพิมพ์ตามที่วารสารก�ำหนดและหลักฐานการโอนเงิน ค่าธรรมเนยี มการตพี ิมพ์ ทางอีเมล์ [email protected] หมายเหตุ นักศึกษาที่ส่งบทความวิจัยที่เป็นวิทยานิพนธ์หรือการค้นคว้าอิสระ จะต้องให้ อาจารย์ที่ปรกึ ษาวทิ ยานพิ นธ์หรอื การค้นคว้าอสิ ระ ลงนามรับรองในแบบฟอร์มน�ำส่งบทความเพอ่ื พิจารณาตพี ิมพ์เผยแพร่ ค่าธรรมเนียมในการตพี มิ พ์เผยแพร่บทความ 2,500 บาท / เรอื่ ง 3,000 บาท / เร่อื ง บุคคลภายใน มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ บคุ คลภายนอก มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชยี งใหม่ วธิ ีการชำ� ระคา่ ธรรมเนยี มในการตีพมิ พเ์ ผยแพร่บทความ ช�ำระผ่านธนาคาร ช่ือบัญชี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (กองทุนบัณฑิตวิทยาลัย) ธนาคารไทยพาณชิ ย์ จำ� กดั (มหาชน) สาขามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ เลขทบี่ ญั ชี 821-289065-5 ประเภทบญั ชี ออมทรัพย์
คณะกรรมการกลน่ั กรองบทความประจำ� ฉบบั (Peer Review) บทความวจิ ยั และบทความวชิ าการทตี่ พี มิ พใ์ นวารสารพฆิ เนศวรส์ าร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ ได้รบั การตรวจอ่านและแก้ไขจากผู้ทรงคณุ วุฒดิ งั รายนามต่อไปน้ี รองศาสตราจารย์ ดร.ดลกร ขวญั ค�ำ ข้าราชการบ�ำนาญ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริณา จิตต์จรสั มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.สนม ครฑุ เมอื ง มหาวิทยาลยั นเรศวร ประเทศไทย รองศาสตราจารย์พรพลิ าศ กาญจนวงศ์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์พศิ มยั อ�ำไพพนั ธ์ ข้าราชการบ�ำนาญ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์รงั สรรค์ จันต๊ะ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์ศรวี ิไล พลมณี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย รองศาสตราจารย์สพุ รรรณ ทองคล้อย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประเทศไทย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เทพประวณิ จนั ทรแ์ รง มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นทตั อัศภาภรณ์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมาวดี จงรักษ์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา เจ็งเจริญ ข้าราชการบ�ำนาญ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรุตม์ บุญศรตี นั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผ่องฉวี ไวยาวจั มยั มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพศาล กาญจนวงศ์ มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศพิ ินต์ สุขบญุ พันธ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อลงกรณ์ คตู ระกลู มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุไรวรรณ หาญวงค์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์กรรณกิ าร์ พันชนะ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชสู ทิ ธิ์ ชชู าติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์วส ุ สงิ หษั ฐติ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สัญญา สะสอง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ประเทศไทย ดร.พิชญลักษณ์ พชิ ญกุล มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ประเทศไทย
บทความท่ีน�ำมาตีพิมพ์ กองบรรณาธิการจะตรวจสอบเป็นขั้นแรก แล้วจัดให้มี คณะกรรมการกล่ันกรองบทความ (Peer Review) ในสาขาวิชาที่เก่ียวข้อง จ�ำนวน 2 ท่าน โดยใช้ ระบบผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบช่ือผู้นิพนธ์และผู้นิพนธ์ไม่ทราบช่ือผู้ทรงคุณวุฒิ (Double-blind Peer Review) และประเมินบทความตามเกณฑ์และแบบฟอร์มที่ก�ำหนด ใช้ระยะเวลาในการด�ำเนินการ พจิ ารณาบทความประมาณ 90 วนั นบั จากวนั ทบ่ี ทความไดแ้ กไ้ ขตามคำ� แนะนำ� ของกองบรรณาธกิ าร ก่อนท่ีจะส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ (Reviewer) พิจารณา ผู้นิพนธ์ต้องแก้ไขบทความตามค�ำแนะน�ำของ ผู้ทรงคุณวุฒิ และบทความอาจถูกดัดแปลง แก้ไขค�ำ ส�ำนวน และรูปแบบการน�ำเสนอตามท่ี กองบรรณาธิการเห็นสมควร ภายหลังจากการพิจารณาบทความเรียบร้อยแล้ว กองบรรณาธิการ จะส่งหนังสือตอบรับการตีพิมพ์เผยแพร่ให้แก่ผู้นิพนธ์บทความ บทความที่ผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า หนงึ่ ทา่ นพจิ ารณาแลว้ เหน็ ว่าไม่สมควรตพี มิ พ์เผยแพร่ กองบรรณาธกิ ารจะแจ้งให้ผ้นู พิ นธ์บทความ ทราบแตจ่ ะไมส่ ง่ ตน้ ฉบบั คนื และผนู้ พิ นธบ์ ทความจะไมไ่ ดร้ บั เงนิ คนื ไมว่ า่ กรณใี ด ๆ ผลการพจิ ารณา จากกองบรรณาธกิ ารถอื เป็นส้นิ สุด
บทบรรณาธกิ าร พิฆเนศวร์สารเป็นวารสารวิชาการท่ีจัดท�ำขึ้นเพื่อส่งเสริม เผยแพร่ และแลกเปล่ียน ความรู้ทางวิชาการและผลงานวิจัยด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยเผยแพร่ทั้งรูปแบบ ตีพิมพ์ และรปู แบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ส�ำหรับพิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับที่ 2 น้ี น�ำเสนอบทความวิจัย จ�ำนวน 11 เร่ือง และ บทความวชิ าการ จำ� นวน 3 เรอื่ ง ประกอบดว้ ยบทความวจิ ยั ดา้ นการศกึ ษา จำ� นวน 4 เรอื่ ง มเี นอ้ื หา เก่ียวกับการจัดการศึกษาในระดับก่อนปฐมวัยและปฐมวัย การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือ และการพัฒนาทักษะการอ่านของนักเรียน บทความวิจัย ดา้ นภาษาไทย จำ� นวน 2 เรอื่ ง ซงึ่ เกยี่ วกบั ศลิ ปะการใชภ้ าษาเพอื่ ถา่ ยทอดความคดิ ทง้ั ในวรรณกรรม ร่วมสมัยและยุคปัจจุบัน บทความวิจัยด้านพระพุทธศาสนา จ�ำนวน 2 เร่ือง กล่าวถึงกระบวนการ สร้างพระไตรปิฎกภาษาล้านนา และการศึกษาการด�ำรงสมณะเพศของพระภิกษุในสมัยพุทธกาล นอกจากนี้ ยังมีบทความวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับศาสตร์ด้านมานุษยวิทยาและคติชนวิทยา จ�ำนวน 2 บทความ เป็นการศึกษาการด�ำรงอยู่ของพิธีกรรมแห่งชีวิตชาวไทล้ือ จังหวัดพะเยา และการศึกษา ความส�ำคัญของน้�ำในประเพณีหลวง ตามด้วยบทความวิจัยด้านบริหารธุรกิจ จ�ำนวน 1 บทความ ทศ่ี กึ ษาพฤตกิ รรมการซอ้ื ผลติ ภณั ฑอ์ ลมู เิ นยี มและปจั จยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งของผบู้ รโิ ภคในจงั หวดั เชยี งใหม่ สว่ นบทความวชิ าการ จำ� นวน 3 เรอื่ ง เกยี่ วกบั การวเิ คราะหค์ วามมน่ั คงของมนษุ ยต์ ามแนวพระพทุ ธ ศาสนา และบทความวิชาการด้านกฎหมาย ว่าด้วยเรื่องข้อจ�ำกัดของกฎหมายในการจัดการ แหล่งท่องเท่ียวเชิงนิเวศโดยชุมชนมีส่วนร่วม และปิดท้ายด้วยการวิเคราะห์หน้าท่ีของปวงชน ชาวไทยในรฐั ธรรมนูญ กองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างย่ิงว่าผู้อ่านจะได้รับสารประโยชน์จากบทความในวารสาร ฉบับนี้ ทั้งในแง่ของการได้รับความรู้ใหม่จากศาสตร์แขนงต่าง ๆ การน�ำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนา ตนเอง/องค์กร/หน่วยงาน รวมถงึ การต่อยอดองค์ความร้เู พอื่ ให้เกดิ ความเข้มแขง็ ทางปญั ญา ท้ายน้ี กองบรรณาธิการขอเชิญชวนอาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการ นักวิชาชีพ นิสิต นักศึกษาและผู้สนใจ งานด้านวิชาการ น�ำเสนอผลงานสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เพ่ือตีพิมพ์ในพิฆเนศวร์สาร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ เพอื่ รว่ มกนั สรา้ งสรรคส์ งั คมแหง่ ความรอู้ นั เปน็ รากฐานสำ� คญั ในการ พัฒนาประเทศต่อไป รองศาสตราจารย์สนทิ สตั โยภาส บรรณาธกิ าร
สารบญั บทความวจิ ัย 1 17 รูปแบบการพัฒนาระบบกลไกการประกันคุณภาพภายในของสถานรับเล้ียงเด็ก 31 อำ� เภอเมอื งเชยี งใหม่ 49 จุรพี ร เทศเนาวนติ ย์, พทิ ยาภรณ์ มานะจตุ ิ และ ศิรมิ าศ โกศลั ย์พิพฒั น์ 65 77 แนวทางพัฒนาการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัด 89 องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลเชยี งดาว ตามมาตรฐานศนู ย์เด็กเลก็ แห่งชาติ 101 115 ภาคมิ จริ จตรุ พรกลุ , ศิริมาศ โกศลั ย์พพิ ฒั น์ และ ชไมมน ศรีสุรักษ์ 133 การศึกษาหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในระดับประถมศึกษา ของโรงเรยี นทอ้ งถิ่นและโรงเรยี นกลมุ่ ชาติพนั ธ์ภุ าคเหนอื นราวัลย์ พูลพพิ ัฒน์, สุรางคนา ฤกษ์สมบรู ณ์ด,ี ปทุมวดี ศริ สิ วัสดิ,์ กติ ตพิ งษ์ วงศ์ทิพย์ และ สริ ะ สมนาม ทว่ งท�ำนองทางภาษาและกลวธิ ีการถา่ ยทอดธรรมะในงานเขยี น ของพระมหาสมปอง ตาลปุตโฺ ต สญั รญา นวลศิร,ิ สนทิ สตั โยภาส และ นราวัลย์ พูลพพิ ฒั น์ ศฤงคารรสในวรรณคดเี รือ่ งพระอภัยมณี จุรีย์พร อ�ำพันธ์, ศรีวไิ ล พลมณี และ สนิท สัตโยภาส การอ่านจบั ใจความสำ� คญั ทใ่ี ช้ในชวี ิตประจ�ำวันโดยใช้ชุดแบบฝึกทกั ษะการอา่ น ปภัสรา ผาค�ำ แนวคดิ และกระบวนการสรา้ งพระไตรปิฎกภาษาล้านนา ดเิ รก อนิ จนั ทร,์ มนสั สวุ รรณ, อนาโตล โรเจอร์ เปล็ ตเิ ยร์ และ วโิ รจน์ อนิ ทนนท์ ศึกษาวเิ คราะห์การดำ� รงสมณะเพศของพระจกั ขุบาลเถระ พระเสาร์ค�ำ ธีรธมฺโม (วงั สงิ ห์), ไพรินทร์ ณ วันนา, พระครูสริ ปิ ริยัตยานศุ าสก์ และ วิโรจน์ วิชยั ปัจจยั การด�ำรงอยขู่ องพธิ กี รรมแหง่ ชวี ติ ชาวไทลอ้ื จังหวัดพะเยา เปรมวทิ ย์ วิวัฒนเศรษฐ์ ความสำ� คัญของน�ำ้ ในประเพณหี ลวง : กรณีศึกษาจากพระราชพธิ ีสบิ สองเดอื น ภาณวุ ฒั น์ สกลุ สบื และ อรอุษา สุวรรณประเทศ
สารบญั (ตอ่ ) ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซ้ืออลูมิเนียมส�ำเร็จรูป Lynn 149 ผ่านช่องทางโมเดริ ์นเทรดในพ้นื ทีจ่ งั หวัดเชยี งใหม่ 159 อรรถพล ฟูไฟ และ กมลทพิ ย์ ค�ำใจ 173 193 บทความวชิ าการ ความม่ันคงของมนุษยต์ ามแนวพระพทุ ธศาสนา พลสรรค์ สริ ิเดชนนท์ และ พนู ชยั ปันธยิ ะ ข้อจ�ำกัดในการจัดการแหล่งท่องเท่ียวเชิงนิเวศน์โดยชุมชนมีส่วนร่วมพิจารณา จากบริบทของกฎหมาย ธนั วา เบญจวรรณ และ ชตุ ิพงศ์ สมทรพั ย์ หน้าทีข่ องปวงชนชาวไทยในรฐั ธรรมนูญ: สถานะและความผกู พันทางกฎหมาย กษมา เดชรักษา และ ชุติพงศ์ สมทรพั ย์
ความส�ำคญั ของน�้ำในประเพณหี ลวง : กรณีศึกษาจากพระราชพธิ สี ิบสองเดอื น* THE IMPORTANCE OF WATER IN THE ROYAL TRADITION: A CASE STUDY OF THE TWELVE-MONTHS ROYAL CEREMONIES ภาณวุ ฒั น์ สกุลสบื 1 และ อรอุษา สุวรรณประเทศ2 Panuwat Sakulsueb1 and Onusa Suwanpratest2 มหาวทิ ยาลยั นเรศวร 99 ม.9 ต.ท่าโพธ์ิ อ.เมือง จ.พษิ ณโุ ลก 650002,3 Naresuan University, 99 Moo 9, Tha Pho Sub-district, Muang District, Phitsanulok Province 650002,3 *Corresponding author E-mail: [email protected] บทคัดยอ่ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความส�ำคัญของน้�ำในประเพณีหลวงตามมุมมอง ทางคติชนวิทยา ขอบเขตของการศึกษาใช้ข้อมูลจากพระราชพิธีต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนังสือ เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการวิเคราะห์ข้อมูลอาศัยกรอบแนวคิดเรื่องพิธีกรรมคือการเชื่อมโยงอันเป็นส่วนหน่ึง ของการศึกษาคตชิ นวิทยาตามแนวทฤษฎคี ตชิ นวิทยา 3 มิติของก่งิ แก้ว อตั ถากร ผลการศึกษาพบว่า พระราชพิธีต่าง ๆ ท่ีปรากฏในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน มีพระราชพิธีท่ีมีน้�ำปรากฏอยู่ทั้งสิ้น 31 พระราชพิธี จากท้ังหมด 57 พระราชพิธี โดยสามารถ แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ พระราชพิธีท่ีเก่ียวข้องกับน�้ำโดยตรง และพระราชพิธีท่ีมีน้�ำเป็นองค์ ประกอบในพระราชพธิ ี ทงั้ นพ้ี บว่านำ�้ มคี วามสำ� คญั ต่อการประกอบพระราชพธิ เี ปน็ อย่างมากและมี ความหมายในเชิงอุปลักษณ์ ในฐานะ “ส่ือ” หรือ “พาหะ” ท่ีช่วยเช่ือมโยงปัจเจกบุคคลกับสิ่งต่าง ๆ ได้แก่ 1) น�้ำในฐานะส่ือแห่งความบริสุทธิ์ ช่วยช�ำระล้างมลทิน สิ่งสกปรก และช่วยให้เกิด ความเป็นสิริมงคล 2) น�้ำในฐานะพาหะที่เช่ือมโยงบุคคลกับเทพเทวาและความศักดิ์สิทธ์ิ และ 3) นำ�้ ในฐานะส่ือในกระบวนการส่อื สารข้ามมิติ ค�ำสำ� คัญ : นำ�้ , ประเพณีหลวง, พระราชพิธสี บิ สองเดอื น, คตชิ นวทิ ยา 3 มิต,ิ ก่งิ แก้ว อตั ถากร * บทความน้เี ป็นส่วนหนึ่งของดุษฎนี พิ นธ์เรอื่ ง “น้�ำ” ในระบอบประเพณแี ละพธิ ีกรรมไทย 1 นสิ ติ หลักสตู รปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑิต สาขาวชิ าคติชนวทิ ยา คณะมนษุ ยศาสตร์ 2 อาจารย์ ดร. ภาควิชาคตชิ นวทิ ยา ปรัชญาและศาสนา คณะมนษุ ยศาสตร์
134 พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ABSTRACT An objective of this article was to study an importance of water in royal ceremony by folklore viewpoint. A scope of the study came from the royal ceremonies in a book titled Twelve-Months Royal Ceremonies written by King Rama V. ‘A rite was a linkage’ was a concept of folklore methodology in 3 dimensions of Kingkeo Attagara. The result found that the royal ceremonies appeared 31 from 57 in the Twelve-month Royal Ceremonies and divided into 2 types; the royal ceremony about water and the royal ceremony used water as a part of rite. Water was so important to the royal ceremony and had a meaning in metaphor as a medium or vehicle to link an individual to the other things that were; 1) the water as medium to clean a flaw for fortune; 2) the water as a vehicle of linkage between an individual and the deity; and 3) the water as cross-dimension medium. KEYWORDS: Water, The Great Tradition, The Twelve-Months Royal Ceremonies, Folklore Methodology in 3 Dimensions, Kingkeo Attagara บทนำ� 4. นำ้� สามารถรกั ษาพน้ื ผวิ หน้าให้ราบ เรียบไม่ว่าจะอยู่ในห้วงใด การประกอบพิธีกรรมในประเพณี 5. น�้ำเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่อาจ ต่าง ๆ ของไทยโดยเฉพาะพระราชพิธีในพระ ตัดขาดจากกนั ได้ ราชส�ำนักน้ัน ส่ิงหน่ึงที่มักจะปรากฏให้เห็นได้ 6. น้�ำในธรรมชาติ ปกติมีอุณหภูมิ ในพิธีกรรม ก็คือ “น�้ำ” ในวัฒนธรรมไทยมีคติ เป็นกลางไม่ร้อนไม่เย็น ความเชื่อเก่ียวกับคุณลักษณะอันเป็นมงคล 7. น�้ำเป็นของเหลวที่สามารถช�ำแรก ของนำ�้ มาแตโ่ บราณ ดงั ทจี่ ลุ ทศั น์ พยาฆรานนท์ เข้าถงึ ที่ลึกได้ดยี ิง่ (2550, น. 23-24) อธิบายไว้ว่ามี 10 ประการ 8. น�้ำมีคุณสมบัติในการช�ำระส่ิง ดังน้ี สกปรกและมลทนิ ให้หมดจดได้ดยี ิง่ 1. นำ�้ เปน็ สง่ิ บรสิ ทุ ธติ์ ามธรรมชาตดิ ว้ ย 9. น�้ำในธรรมชาติย่อมไหลจากท่ีสูง เปน็ ของเหลวใส ไม่มสี ี ไม่มีกล่นิ และไม่มรี ส ลงสู่ที่ต่ำ� เสมอและจะไม่ไหลกลบั สู่ต้นนำ�้ 2. น้�ำเป็นของเหลวท่ีคงสภาพอย่าง 10. น�้ำเป็นปัจจัยส�ำหรับหล่อเล้ียง ถาวร แม้จะกลายเป็นไอหรือจับตัวเป็นก้อน ทุกชีวติ ท่สี ดุ กจ็ ะกลบั เปน็ นำ้� ดงั เดิม ดว้ ยคณุ สมบตั อิ นั เปน็ มงคลนี้ จงึ ทำ� ให้ 3. น้�ำสามารถปรับตัวและเปลี่ยน “นำ้� บรสิ ทุ ธิ์ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทท่ี กุ พระราชพธิ ไี ด้ รูปร่างได้อย่างเหมาะสมเข้ากับภาชนะท่ีขังน�้ำ นำ� มาใช”้ (จลุ ทศั น์ พยาฆรานนท,์ 2550, น. 23) ไว้ทุกโอกาส
พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 135 ในมุมมองทางคติชนวิทยา “พิธีกรรม หนังสือดี 1 ใน 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน จาก เป็นอุปกรณ์ส�ำคัญในการช่วยให้บุคคลมีความ โครงการวิจัยเพ่ือคัดเลือกและแนะน�ำหนังสือดี เชื่อมโยงกับสังคม และสามารถเช่ือมโยงตน ในรอบศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ. 2542 อีกด้วย และสงั คมกบั โลกธรรมชาตแิ ละระบบจกั รวาล” (กิ่งแก้ว อัตถากร, 2552, น. 1) ผู้วิจัยจึงมี วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ความสนใจท่ีจะศึกษาเพ่ือขยายผลในประเด็น ที่ว่า “น้�ำ” ซึ่งปรากฏในพระราชพิธีต่าง ๆ น้ัน เพื่อศึกษาความส�ำคัญของน้�ำใน มีบทบาทและความส�ำคัญอย่างไรในการเชื่อม พระราชพิธีหลวงท่ีปรากฏในหนังสือ “พระราช โยงบุคคลกับโลกและมิติเหนือโลก โดยเลือก พิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ในพระบาท กรณีศึกษาจากพระราชพิธีท่ีปรากฏในหนังสือ สมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั “พระราชพิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่ง วิธกี ารดำ� เนนิ การวจิ ยั นับเป็นแหล่งความรู้ส�ำคัญที่ให้ข้อมูลเก่ียวกับ พระราชพิธีในราชส�ำนักโดยละเอียดและถูก การศึกษาเร่ือง “ความส�ำคัญของน�้ำ ตอ้ งตรงตามความเปน็ จรงิ มากทสี่ ดุ ทงั้ นเ้ี พราะ ในประเพณีหลวง : กรณีศึกษาจากพระราชพิธี ทรงพระราชนิพนธ์จากพระประสบการณ์ที่ได้ สบิ สองเดอื น” ผวู้ จิ ยั มวี ธิ กี ารดำ� เนนิ การวจิ ยั ดงั เสด็จเข้าร่วมในการพระราชพิธีต่าง ๆ และยัง ต่อไปน้ี ได้ทรงตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและ 1. เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการวิจยั ท่ีมาจากผู้ประกอบพิธี เช่น พราหมณ์ หรือ ใช้กรอบแนวคิดเรื่องพิธีกรรมคือ ผู้จัดเตรียมพิธี เช่น มหาดเล็ก ด้วยพระองค์ การเช่ือมโยงอันเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา เอง จึงอาจกล่าวได้ว่าหนังสือ “พระราชพิธี คติชนวิทยาตามแนวทฤษฎีคติชนวิทยา 3 มิติ สิบสองเดือน” คือ คลังความรู้ด้านประเพณี ของกิ่งแก้ว อัตถากร โดยแนวคิดเรื่องมุมมอง หลวงทน่ี า่ เชอื่ ถอื ทง้ั ยงั เปน็ บนั ทกึ ประวตั ศิ าสตร์ คติชนวิทยาสามมิติน้ันเป็นการน�ำเอาค�ำว่า ความทรงจ�ำเก่ียวกับพระราชพิธีต่าง ๆ ในสมัย มิติ (Dimension) มาใช้อธิบายขอบเขต (Scope) รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของการศึกษาค้นคว้าในเชิงคติชนวิทยา ถงึ รชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เป็นการจัดเนื้อหาของคติชนเข้ากรอบใหม่ เจ้าอยู่หัวได้เช่นกัน และจากคุณค่าของข้อมูล ท่ี ค ร อ บ ค ลุ ม ก า ร ศึ ก ษ า ทั้ ง ป ั จ เ จ ก บุ ค ค ล ความรู้นานัปการท่ีปรากฏในพระราชนิพนธ์ โลกยวิสัย และการแทงทะลุสู่วิสัยเหนือโลก ฉบับน้ี ท�ำให้ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” ได้รับ (อรอุษา สุวรรณประเทศ, 2555, น. 27) ท้ังน้ี การยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอด สามารถขยายความได้ว่า คติชนวิทยา 3 มิตินั้น ความเรียงอธิบาย และยังได้รับเลือกให้เป็น ประกอบไปด้วย 1. มติ แิ หง่ ปจั เจกบคุ คล เปน็ การศกึ ษา ข้อมูลคติชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจมนุษย์ท้ัง ในด้านกายภาพและในด้านจติ วทิ ยา
136 พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 2. มิติแห่งสังคมและวัฒนธรรม เป็น 2. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การศึกษาข้อมูลคติชนเพ่ือให้เกิดความเข้าใจ เก็บข้อมูลจากระราชพิธีต่าง ๆ ที่ ถึงบทบาทของข้อมูลคติชนท่ีมีส่วนในการ ปรากฏในหนังสือพระราชนิพนธ์ของพระบาท หล่อหลอมให้บุคคลเป็นไปตามความคาดหวัง สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง หรือปฏบิ ัตติ นไปในทศิ ทางเดยี วกับสังคม “พระราชพิธีสิบสองเดือน” อย่างไรก็ดี 3. มิ ติ แ ห ่ ง เ ท พ ป ก ร ณั ม ห รื อ มิ ติ ผู้วิจัยจะศึกษาความส�ำคัญของน้�ำจากการ เหนือโลก3 เป็นการศึกษาข้อมูลคติชนเพ่ือ ปรากฏบทบาทท่ีได้รับการบันทึกไว้เท่านั้น ท�ำความเข้าใจการเชื่อมโยงไปสู่ความลึกลับ บ า ง พ ร ะ ร า ช พิ ธี ที่ ไ ม ่ ไ ด ้ มี ก า ร ก ล ่ า ว ถึ ง ทางจิตซึ่งอยู่เหนือขอบเขตความนึกคิดหรือ แม้ในความเป็นจริงจะได้มีการใช้น้�ำร่วม การอธบิ ายผ่านวัตถหุ รอื กายภาพ ในพิธีด้วยก็ตาม แต่ผู้วิจัยจะไม่บันทึกว่ามี ส�ำหรับแนวคิดเรื่อง “พิธีกรรมคือ บทบาทของน้�ำในพิธีกรรมนั้น เช่น พระราชพิธี การเชื่อมโยง” ก่ิงแก้ว อัตถากร (2552, น. 1) จองเปรียญท่ีมีพิธีกรรมทางพุทธศาสนาเข้ามา ได้กล่าวไว้ว่า “พิธีกรรมที่ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของ ร่วมด้วยคือ การนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ เทพปกรณัมซ่ึงสังคมจัดหาไว้เพอื่ ช่วยให้บุคคล ในเวลาเย็นและถวายฉันในเวลาเช้าซึ่งทุกคร้ัง เจริญวัยด้วยความสุขุม คัมภีรภาพตั้งแต่เกิด จะมกี ารหลง่ั นำ้� หลงั จากพระฉนั ภตั ตาหารเสรจ็ จนถงึ วาระสดุ ทา้ ยนนั้ จะชว่ ยเชอ่ื มโยงบคุ คลเขา้ แต่ในเน้ือหาตอนน้ีไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ กับสังคมกับโลกธรรมชาติและระบบจักรวาล กจ็ ะไมบ่ นั ทกึ วา่ ปรากฏบทบาทของนำ้� นอกจาก ดงั นน้ั จงึ มคี วามจำ� เปน็ ต้องตคี วามเทพปกรณมั น้ีคือ ผู้วิจัยจะไม่เว้นล�ำดับพระราชพิธีท่ีมี ในเชงิ อปุ ลกั ษณ์ และแลว้ พธิ กี รรมยอ่ มทำ� หนา้ ที่ ก า ร ป รั บ เ ป ลี่ ย น ช ่ ว ง เ ดื อ น ท่ี เ ค ย มี ก า ร เป็นพาหะพาคนเราให้สัมผัสสัมพันธ์กับ ประกอบพระราชพิธีมาก่อนหรือได้มีการ ความหมายด้านในของสัญลกั ษณ์” ยกเลิกไปในเวลาต่อมา แต่จะยึดตามการ การวิเคราะห์ความส�ำคัญของ “น้�ำ” ปรากฏบทบาทของน้�ำในพระราชพิธีต่าง ๆ ที่ปรากฏในพระราชพิธีในการศึกษาคร้ังน้ี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ได้ จึ ง เ ป ็ น ก า ร ค ้ น ห า ค ว า ม ห ม า ย ใ น เ ชิ ง ทรงพระราชนพิ นธ์ไว้ในแต่ละเดอื น อุปลักษณ์ของน�้ำท่ีปรากฏในพระราชพิธีต่าง ๆ 3. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ซงึ่ จะนำ� พาไปสคู่ วามเขา้ ใจบทบาทของพธิ กี รรม วิเคราะห์บทบาทของน�้ำท่ีปรากฏใน เพ่ือเชื่อมโยงกับการศึกษาคติชนให้ถึงพร้อม พระราชพธิ ตี ่าง ๆ ด้วยทฤษฎคี ตชิ นวทิ ยา 3 มติ ิ ด้วยมมุ มอง 3 มติ ิ ของก่ิงแก้ว อัตถากร แล้วอธิบายข้อมูลด้วยวิธี พรรณนาวเิ คราะห์ 3 หมายถึง มิติในแดนของเทพเบื้องบนท่ีสถิตอยู่เหนือกาลเทศะนี้ เป็นมิติของความเป็นทิพย์ซ่ึงจะเข้าถึงได้ก็ด้วย การ “แทงทะลุ” (transcend) โลกภูมิ โดยอาศัยการปฏิบัติทางจิตให้ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ และปัญญา ไม่ว่าจะ เป็นพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาใด ๆ เม่อื พจิ ารณาให้ทะลถุ งึ แก่นแท้แล้วกจ็ ะมสี ารสาระทํานองเดยี วกัน (กง่ิ แก้ว อตั ถากร, 2552, น. 2)
พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 137 ผลการวิจัย ท่ีเกี่ยวข้องกับน�้ำโดยตรง และพระราชพิธี ทมี่ นี ำ้� เปน็ องคป์ ระกอบหนง่ึ ในพธิ กี รรม สำ� หรบั จากการศกึ ษาวเิ คราะหพ์ ระราชพธิ ี พระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับ “น�้ำ” โดยตรง ตา่ งๆในบทพระราชนพิ นธพ์ ระราชพธิ สี บิ สองเดอื น มที ง้ั สน้ิ 11 พระราชพธิ ี สว่ นใหญเ่ ปน็ พระราชพธิ ี พบว่า มีพระราชพิธีที่มีน�้ำปรากฏอยู่ ท้ังสิ้น ในทางศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู และศาสนาพุทธ 31 พระราชพิธี จากทั้งส้ิน 57 พระราชพิธี โดย ดังแสดงไว้ในตารางท่ี 1 ดงั น้ี สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ พระราชพิธี ตารางท่ี 1 พระราชพธิ ีท่ีเกีย่ วข้องกับน�้ำโดยตรง พระราชพิธี บริบทที่ปรากฏบทบาทของน้�ำ 1. การลอยพระประทปี พระมหากษัตริย์ทรงลอยพระประทีปลงในแม่น้�ำ ในราชประเพณีการประพาสทางชลมารค ต่อมามีการ (เดอื นสบิ สอง) ประกวดกระทงใหญ่และกระทงเลก็ ในล�ำนำ้� ด้วย 2. พระราชพธิ ีไล่เรอื (เดือนอ้าย) พระมหากษัตริย์หรือผู้แทนพระองค์ทรงเรือ ไป พร้อมกระบวนเรือแห่พระปฏิมาและพระสงฆ์ขึ้นไปท่ี 3. พระราชพธิ ีบษุ ยาภิเษก (เดอื นย่)ี ปากน้�ำ ราชบัณฑิตอ่านค�ำประกาศขอให้น้�ำลดตาม 4. พิธีรดเจตร (เดือนส)่ี พระราชประสงค์ พระมหากษตั รยิ ์ทรงสรงมุรธาภเิ ษกในมณฑปดอกไม้สด 5. พระราชพธิ ศี รสี จั จปานกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี (เดอื นห้า) พระราชวินิจฉัยว่าพระราชพิธีนี้เดิมเป็นการปลูกโรง หรือปลูกแพไว้ส�ำหรับใช้เป็นที่สรงน�้ำของเชื้อพระวงศ์ 6. พระราชพธิ ีคเชนทรศั วสนาน ขา้ ราชบรพิ าร และพระสงฆท์ มี่ ารว่ มในพระราชพธิ ี ตอ่ มา (เดือนห้า) กลายเป็นการสร้างโรงไว้ส�ำหรับพระสงฆ์ใช้สรงน้�ำ ในการพระราชพธิ สี ัมพัจฉรฉนิ ท์ 7. คเชนทรัศวสนาน (เดือนห้า) 1. พราหมณอ์ า่ นโองการแชง่ นำ�้ และชบุ นำ้� ดว้ ยพระแสงตา่ ง ๆ 2. ผู้ถือนำ้� พิพัฒน์สจั จาดม่ื น้�ำและน�ำนำ�้ มารดท่ศี ีรษะ พราหมณ์ใช้น�ำ้ มนต์รดทช่ี ้างและม้า 1. พระสงฆ์สวดพระปรติ รทำ� น�้ำมนต์ 2. พระสงฆ์ขึ้นไปบนเกยฝั่งถนนด้านทิศตะวันออกแล้ว รดน้�ำพระพทุ ธมนต์ 3. ขา้ ราชบรพิ ารทเ่ี ขา้ รว่ มพระราชพธิ ดี มื่ นำ้� ชำ� ระพระขนั ธ์ 4. พราหมณ์ข้ึนไปบนเกยฝั่งถนนด้านทิศตะวันตกแล้ว รดนำ้� สังข์
138 พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ตารางที่ 1 (ต่อ) บริบททปี่ รากฏบทบาทของนำ้� พระราชพิธี 8. การพระราชกุศลในนักขัตฤกษ์ 1. พระมหากษัตริย์ทรงสรงน้�ำพระพุทธรูป, ทรงสรงน�้ำ สงกรานต์ (เดือนห้า) พระสงฆ์, ทรงสรงน�้ำพระทราย, ทรงสุหร่ายน�้ำอบแด่ พระสงฆ์ 2. พระมหากษตั รยิ ท์ รงสรงมรุ ธาภเิ ษก (ใชน้ ำ�้ จากสระแกว้ สระเกศ สระคา สระยมนา) 3. นอกเหนือจากพระราชพิธีทางศาสนาแล้วพระมหา กษัตริย์ยังทรงน�้ำหอมสรงพระบรมอัฐิและทรงรดน้�ำ พระบรมวงศานวุ งศ์ชนั้ ผู้ใหญ่ด้วย 9. พระราชพิธีทูลน�้ำล้างพระบาท พ ร ะ บ ร ม ว ง ศ า นุ ว ง ศ ์ ถ ว า ย น�้ ำ ส ร ง มุ ร ธ า ภิ เ ษ ก (เดือนเจ็ด) (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชวินิจฉัยว่าเป็นแต่ค�ำยกย่องให้สมควรแก่ พระเจา้ แผน่ ดนิ ในลกั ษณะเดยี วกบั ทลู ละอองธลุ พี ระบาท) 10. การพระราชพธิ ีพรณุ ศาสตร์ 1. พระมหากษัตริย์ต้องสรงนำ้� ช�ำระพระวรกายให้สะอาด (เดือนเก้า) ก่อนเสด็จออกไปทรงตงั้ สตั ยาธิษฐานขอฝน 2. พระสงฆ์และผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องช�ำระร่างกายให้ สะอาดก่อนเข้าร่วมพธิ ี 3. ช่างปั้นรูปเปลือย (ชาย-หญิง) ส�ำหรับใช้ในพิธี พราหมณจ์ ะตอ้ งชำ� ระกายใหห้ มดจดกอ่ นจะเขา้ รว่ มพธิ ี 4. รดน�้ำพระวิมนรัตนกิรินี (ช้างเผือกใน รัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ) เพอ่ื ให้ฝนตก 11. พิธแี ข่งเรอื (เดอื นสิบเอด็ ) พิธีเสี่ยงทายความอุดมสมบูรณ์ และความสุขส�ำราญ ของประชาชนจากการแข่งเรือพระท่ีน่ังสมรรถไชย และเรือไกรสรมขุ ในแม่นำ้� จากบริบทที่ปรากฏบทบาทของน�้ำ 2) น้�ำในฐานะองค์ประกอบส�ำคัญท่ีใช้ในการ ที่เก่ียวข้องกับพระราชพิธีโดยตรงท้ัง 11 ประกอบพระราชพิธี โดยสามารถแยกได้เป็น พระราชพิธีนั้น พบว่า “น้�ำ” มีส่วนเก่ียวข้อง สี่ลักษณะ คือ 2.1) น้�ำส�ำหรับทรงสรง โดยตรงในสองลักษณะ คือ 1) น้�ำในฐานะ มูรธาภิเษกปรากฏในพระราชพิธีบุษยาภิเษก เป็นแหล่งหรือสถานที่ประกอบพิธี ปรากฏใน การพระราชกุศลในนักขัตฤกษ์สงกรานต์ พระราชพิธีลอยประทีป พระราชพิธีไล่เรือ และพระราชพิธีทูลน้�ำล้างพระบาท 2.2) น�้ำ พระราชพิธีรดเจตร และพระราชพิธีแข่งเรือ ส�ำหรับรดให้กับพระราชพาหนะหรือสัตว์ท่ี
พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 139 ใช้ในการสงคราม คือ ช้างและม้า ปรากฏใน แผน่ ดนิ เชน่ การพระราชพธิ พี รณุ ศาสตร์ เปน็ ตน้ พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน 2.3) น้�ำส�ำหรับ อย่างไรก็ดี นอกจากพระราชพิธี การสาบานตนของข้าราชบริพาร ปรากฏใน ที่มีความเกี่ยวข้องกับน�้ำโดยตรงดังกล่าว พระราชพธิ ศี รสี จั จปานกาล (ถอื น้�ำพระพพิ ฒั น์ ข้างต้นแล้ว ในพระราชพิธีสิบสองเดือนยัง สัจจา) 2.4) น้�ำส�ำหรับช�ำระความสะอาดแก่ ปรากฏบทบาทของน้�ำที่เป็นส่วนประกอบหนึ่ง ผู้ประกอบพิธีและผู้เข้าร่วมพิธีก่อนท่ีจะเริ่ม ในพิธีกรรมอีกด้วย รวมทั้งส้ิน 20 พระราชพิธี พระราชพิธีเก่ียวกับความอุดมสมบูรณ์ของ ซึง่ แสดงไว้ในตารางท่ี 2 ดงั น้ี ตารางที่ 2 แสดงพระราชพธิ ีท่มี นี ้�ำเป็นส่วนประกอบในพธิ ีกรรม พระราชพธิ ี บริบทที่ปรากฏบทบาทของนำ้� 1. พระราชพธิ ีจองเปรยี ญ 1. พราหมณ์ถวายนำ้� พระมหาสงั ข์ (เดอื นสบิ สอง) 2. พระมหากษตั รยิ ์ทรงรดน้�ำสงั ข์ท่เี สาโคม 2. พระราชพธิ ีกะตเิ กยา 1. พระมหากษตั รยิ ์ทรงรดน�้ำสังข์ท่ไี ม้เทพทณั ฑ์ (เดือนสบิ สอง) 2. พราหมณ์รดนำ�้ สังข์ดับกองเพลงิ 3. การพระราชกศุ ลฉลองไตรปี พระมหากษัตรยิ ์ทรงหล่งั นำ้� จากพระเต้าษโิ ณทกหลงั จาก (เดอื นสบิ สอง) พระสงฆ์ฉนั แล้ว 4. พระราชกศุ ลกาลานกุ าล พระมหากษัตรยิ ์หลัง่ น�้ำจากพระเต้าษโิ ณทก (เดือนสบิ สอง) 5. การพระราชกุศลแจกเบ้ยี หวดั 1. พระมหากษตั รยิ ์ทรงหลง่ั น้�ำจากพระเต้าษโิ ณทก (เดือนสบิ สอง) 2. พระมหากษตั รยิ ์ทรงรดน้�ำมหาสังข์ 3. พราหมณ์รดนำ�้ สงั ข์ 6. พระราชพธิ ฉี ัตรมงคล 1. คณะสงฆถ์ วายน�้ำพระปรติ รสำ� หรบั ทรงสรงในเวลาเยน็ (เดอื นสบิ สอง) 2. พระมหากษัตริย์ทรงรดน�้ำสังข์ที่พระมหาเศวตฉัตร เคร่ืองราชกกธุ ภัณฑ์ และพระแสง 7. พระราชพธิ ตี รยี ัมพวาย ตรปี วาย 1. พระยารดนำ้� สงั ข์ที่กระดานชงิ ช้า (เดือนย)่ี 2. พราหมณ์ร�ำเสนงพ่นนำ�้ หรอื สาดนำ้� ถวาย 3. พราหมณ์สรงนำ�้ เทวรปู พระพฆิ เนศ 4. พระมหากษัตรยิ ์ทรงพรมสหุ ร่ายเทวรปู พระนารายณ์ 8. การพระราชกศุ ล พระมหากษตั รยิ ์ทรงหลั่งน้�ำจากพระเต้าษโิ ณทก ถวายผ้าจำ� พรรษา (เดอื นย่)ี
140 พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ตารางที่ 2 (ต่อ) บริบทท่ีปรากฏบทบาทของนำ้� พระราชพธิ ี 1. พราหมณต์ งั้ เสาสเ่ี สาแลว้ โยงเชอื กทค่ี อหมอ้ ทเ่ี จาะรไู ว้ 9. พธิ ีศวิ าราตรี (เดอื นสาม) ตรงกลางส�ำหรับให้น�้ำหยดลงมายังศิวลึงค์ท่ีอยู่ ด้านล่าง 10. การพระราชกศุ ล 2. พราหมณ์อาบน้�ำในคลองและสระผมด้วยน้�ำท่ีรองมา เลยี้ งพระตรุษจนี (เดือนสาม) จากพธิ บี ชู าศวิ ลงึ ค์ 3. พราหมณเ์ กบ็ เสน้ ผมทร่ี ว่ งเวลาสระผมแลว้ ลอยไปตามนำ้� 11. พระราชพธิ ีสัมพจั ฉรฉนิ ท์ (ถอื เปน็ การลอยบาป) (เดอื นส)่ี พระมหากษัตริย์ทรงหลั่งน้�ำจากพระเต้าษิโณทกแล้วให้ 12. พธิ ที อดเชอื ก ดามเชอื ก พระเจ้าลกู เธอนำ� ไปรดทเี่ รอื ปลาก่อนจะตกั ปลาไปปล่อย (เดือนห้า) 1. พระสงฆ์เจรญิ พระปรติ รทำ� น้�ำมนต์ 13. พระราชพธิ ีพชื มงคล 2. พระสงฆ์ประพรมน้�ำมนต์ในพระบรมมหาราชวังและ และจรดพระนังคลั (เดอื นหก) นอกพระบรมมหาราชวัง 3. พนักงานพระสุคนธ์ท�ำน้�ำอบส�ำหรับทูลเกล้าฯ ถวาย พระมหากษตั รยิ ท์ รงสรงพระพทุ ธรปู และตน้ ศรมี หาโพธิ์ 4. พราหมณ์ท�ำน�้ำมนต์ 9 หม้อส�ำหรับน�ำไปแจกเจ้ากรม ต่าง ๆ จ�ำนวน 8 หม้อ ส�ำหรับไปประพรมหรือใช้ในพิธี และหม้อหน่งึ พราหมณ์เก็บไว้ใช้ในพธิ ที รงเครอ่ื งใหญ่ 5. พราหมณ์รดนำ�้ สังข์ดบั กองกณุ ฑ์ 6. พระมหากษัตริย์พระราชทานน�้ำสังข์ในการโสกันต์ และเกศากันต์ 7. เชื้อพระวงศ์ผู้โสกันต์สรงน�ำ้ ทีเ่ ขาไกรลาสจำ� ลอง 8. พระมหากษตั รยิ ์พระราชทานน้�ำมหาสังข์พระแสงปืน 1. พราหมณ์รดนำ้� สังข์ผู้เข้าร่วมพธิ ี 2. พราหมณ์อ่านเวทพรมน�้ำเชือกบาศ 1. ราชบัณฑิตประพรมน�้ำมนต์ที่แผ่นดิน เดินน�ำหน้า พระยาแรกนา 2. พระมหากษตั รยิ พ์ ระราชทานนำ�้ สงั ขพ์ ระยาแรกนาและ นางเทพที ง้ั สี่
พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 141 ตารางที่ 2 (ต่อ) พระราชพิธี บริบทท่ีปรากฏบทบาทของนำ้� 14. การทรงผนวชในการพระราชพธิ ี 1. พระองคเ์ จา้ หรอื หมอ่ มเจา้ ทผ่ี นวชทรงสรงนำ�้ ทพี่ ระแทน่ เข้าพรรษา (เดอื นแปด) 2. พระมหากษัตริย์พระราชทานน�้ำพระมหาสังข์แด่ นาคหลวง และทรงพระเต้าษโิ ณทก 3. เช้อื พระวงศ์ท่ที รงผนวชกรวดน้�ำ 15. การพระราชกศุ ล พระมหากษัตริย์ทรงพระสุหร่ายประพรมเทียนพรรษา ฉลองเทยี นพรรษา (เดอื นแปด) ทุกเล่ม 16. การเสด็จพระราชดำ� เนนิ 1. พระมหากษตั ริย์ทรงสรงน้�ำพระแก้ว ทรงน�ำพระสุคนธ์ ถวายพานพุ่ม (เดือนแปด) ทเี่ หลอื ในพระสงั ขท์ กั ษณิ าวรรตรดพระเศยี รแลว้ จงึ ทรง รนิ ลงในผ้าส�ำหรบั ซบั พระพกั ตร์ 2. พระมหากษัตริย์ทรงรินพระสุคนธ์ในพระสังข์ใส่ หมอ้ แกว้ หม้อถมสำ� หรบั พระราชทานแจกและสหุ รา่ ย รดพระบรมวงศานุวงศ์ท่มี าเฝ้า 17. การพระราชกุศลในวนั ประสูติ พระมหากษัตริย์ทรงประเคนถ้วยน�้ำแด่พระสงฆ์ส�ำหรับ และสวรรคตสมเดจ็ พระบรุ พการี น�ำไปลูบหน้าหรอื รินลงในขนั (เดอื นเก้า) 18. พธิ ภี ทั รบท (เดอื นสิบ) พราหมณ์ใช้น�้ำสรงน้�ำเทวรูปท้ัง 16 ปาง เพื่อเป็นการ ล้างบาปแก่ตน 19. พระราชพธิ ีสารท (เดือนสบิ ) พระมหากษัตริย์พระราชทานน้�ำพระมหาสังข์แก่ หญงิ พรหมจรรย์ท่ที �ำหน้าที่กวนข้าวทพิ ย์ 20. พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระสงฆ์สวดชยันโตในเวลาสรงมรุ ธาภเิ ษก (เดือนสบิ ) บทบาทของน้�ำท่ีเป็นส่วนประกอบ ...อนึ่ง จะต้องเตือนอย่างจืด ๆ ในพระราชพิธีดังแสดงไว้ในตารางท่ี 2 ข้างต้น อีกอย่างหน่ึงว่า ถ้าเวลาพระสงฆ์ มขี ้อสังเกตจากการศกึ ษาว่า แม้จะไม่มบี ทบาท ฉันแล้วจ�ำจะต้องยถา จ�ำจะต้องทรง ในพระราชพิธีโดยตรงแต่ก็ไม่สามารถละเลย พระเต้าษิโณทก ไม่มีเหตุการณ์อันใด หรืองดเว้นการใช้น้�ำในการพระราชพิธีไปได้ ที่จะยกเว้นพระเต้าษิโณทกได้เลยใน ดังความตอนหน่ึงที่พระบาทสมเด็จพระ เวลาพระสงฆ์ฉันแล้ว... (พระบาท จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงต�ำหนิมหาดเล็กท่ี สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ไม่ได้เตรียมพระเต้าษิโณทกไว้ทูลเกล้าฯ ถวาย 2555, น. 10) ในยามที่พระสงฆ์ฉันภตั ตาหารเสร็จแล้ว ว่า
142 พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 และอีกตอนหน่ึงที่ทรงกล่าวต�ำหนิ ผา้ จำ� พรรษา การพระราชกศุ ลเลยี้ งพระตรษุ จนี มหาดเลก็ ในลักษณะเดยี วกนั ว่า การพระราชกศุ ลแจกเบย้ี หวดั การพระราชกศุ ล ...เวน้ ไวแ้ ตโ่ รคของมหาดเลก็ ในวันประสูติและสวรรคตสมเด็จพระบุรพการี ซ่ึงเป็นโรครักษาไม่หายเหมือนโรค เป็นต้น มีข้อสังเกตประการหนึ่งเก่ียวกับ กระสาย คือ พระเต้าษิโณทก คงจะ การหลั่งน้�ำหรือการใช้พระเต้าษิโณทกน้ี นั่งพูดพล่ามหรือน่ังหลับตาเสียต้อง จ ะ ป ร า ก ฏ ใ น พ ร ะ ร า ช พิ ธี ที่ เ กี่ ย ว เ นื่ อ ง ใ น เรียกเอะอะอยู่เนืองๆ... (พระบาท พุทธศาสนามากที่สุด นอกจากนี้ยังปรากฏ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ว่าในการพระราชทานสิ่งของให้แก่พระบรม 2555, น. 27) วงศานุวงศ์พระมหากษัตริย์ก็ทรงหล่ังน�้ำ ส� ำ ห รั บ ก า ร ใ ช ้ น้� ำ ใ น ฐ า น ะ เ ป ็ น ให้ก่อนจะพระราชทานเช่นกัน ดังเห็นได้ใน องคป์ ระกอบหนง่ึ ในพธิ กี รรมน้ี พบวา่ มกี ารใชน้ ำ้� ตอนท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า ใน 5 ลกั ษณะ คือ 1) การใช้น้�ำส�ำหรับประพรม อยู่หัวทรงรับสั่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่พระบาท สิ่งของ ปรากฏในพระราชพิธีจองเปรียญ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 4 พระราชพิธีกะติเกยา พระราชพิธีตรียัมพวาย ได้พระราชทานพระพิฆเนศแก่พระองค์ โดยมี ตรีปวาย พระราชพิธีฉัตรมงคล พิธีทอดเชือก ข้ันตอนคือจะทรงหลั่งน�้ำสังข์และทรงเจิมก่อน ดามเชือก และการพระราชกุศลฉลองเทียน แลว้ จงึ พระราชทานให้ เปน็ ต้น 5) น�้ำทใ่ี ช้ในการ พรรษา 2) การใช้น�้ำส�ำหรับประพรมสถานท่ี ล้างบาปให้แก่พราหมณ์ ปรากฏในพระราชพิธี ปรากฏในพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ 3) การใช้ ศวิ าราตรี และพธิ ีภัทรบท น�้ำส�ำหรับประพรมหรือรดให้แก่บุคคล ปรากฏ เมื่อพิจารณาบทบาทของน้�ำท้ังท่ี ในพระราชพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัล เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีโดยตรงและเป็น การพระราชกศุ ลแจกเบยี้ หวดั พระราชพธิ สี ารท ส่วนประกอบหน่ึงในพระราชพิธีจะพบว่า การทรงผนวชในการพระราชพิธีเข้าพรรษา มีการใช้น้�ำส�ำหรับบุคคลหลายฝ่าย ซ่ึงมี ก า ร เ ส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ด� ำ เ นิ น ถ ว า ย พ า น พุ ่ ม ความสอดคล้องกันกับการศึกษาของจุลทัศน์ การพระราชกุศลในวันประสูติและสวรรคต พยาฆรานนท์ (2550, น. 24) ท่ีพบว่าการ สมเดจ็ พระบุรพการี หรอื ในอกี ลักษณะหน่ึงคอื พระราชพิธีในราชส�ำนักซึ่งเนื่องด้วยน้�ำมีอยู่ นำ้� สำ� หรบั ใชใ้ นการทรงอาบหรอื ชำ� ระพระองคเ์ อง ด้วยกนั 5 ลักษณะ คือ เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธี 1. พระราชพิธีเนื่องด้วยน้�ำส�ำหรับ เฉลมิ พระชนมพรรษา การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรม ถวายพานพุ่ม เป็นต้น 4) น�้ำส�ำหรับหลั่งเพื่อ วงศานวุ งศ์ อุทิศให้ปรากฏในการพระราชกุศลฉลองไตรปี 2. พระราชพิธีเน่ืองด้วยน้�ำส�ำหรับ พระราชกศุ ลกาลานกุ าล การพระราชกศุ ลถวาย ความมน่ั คงของบ้านเมอื ง
พิฆเนศวร์สาร ปีที่ 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 143 3. พระราชพิธีเน่ืองด้วยน�้ำส�ำหรับ 1. น�้ำในฐานะสื่อแห่งความบริสุทธิ์ ความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่บ้านเมือง ช่วยช�ำระล้างมลทิน สิ่งสกปรก และช่วยให้ และประชาชน เกดิ ความเป็นสริ มิ งคล 4. พระราชพิธีเน่ืองด้วยน้�ำส�ำหรับ ในพระราชนิพนธ์เร่ืองพระราชพิธี อุดหนุนความบริบูรณ์แห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร สิบสองเดือน น�้ำมีบทบาทส�ำคัญในการช�ำระ ผลาหาร เปน็ ต้น ล้างมลทนิ สง่ิ สกปรก และช่วยให้เกดิ ความเปน็ 5. พระราชพิธีเนื่องด้วยน้�ำส�ำหรับ สิริมงคลต่อผู้เข้าร่วมพระราชพิธีเป็นอย่างมาก ส� ำ แ ด ง แ ล ะ ด� ำ ร ง ค ว า ม บ ริ สุ ท ธ์ิ เ ท่ี ย ง ต ร ง ดงั ปรากฏวา่ ในพระราชพธิ ที ม่ี กี ารใชน้ ำ�้ ทงั้ หมด ในกระบวนยุติธรรม อันต้ังอยู่บนพื้นฐานแห่ง 31 พระราชพิธี มีถึง 23 พระราชพิธีท่ีใช้น้�ำเพ่ือ พระธรรมศาสตร์และพระราชศาสตร์ในการ การชำ� ระล้างและชว่ ยใหเ้ กดิ ความเปน็ สริ มิ งคล พพิ ากษาคดคี วาม เม่ือพิจารณาในมิติของปัจเจกบุคคล การใช้น�้ำ อยา่ งไรกด็ ี การศกึ ษาขา้ งตน้ เปน็ เพยี ง ในพระราชพิธีย่อมช่วยเสริมสร้างก�ำลังใจและ การแจกแจงให้เห็นถึงการใช้น�้ำในพระราช ความม่ันใจในการด�ำเนินชีวิตของผู้เข้าร่วม พิธีต่าง ๆ เท่าน้ัน ยังขาดการเช่ือมโยงถึง พระราชพิธีให้เป็นไปอย่างปกติสุข และไม่เพียง ความหมายหรือสารสาระต่าง ๆ ผ่านการใช้ แต่ช�ำระล้างทางกายภาพด้านนอกเท่านั้น แต่ “น้�ำ” ในพระราชพิธี ผู้วิจัยจึงได้น�ำแนวคิดเร่ือง ยังหมายรวมถึงการช�ำระล้างมลทินภายใน คติชนสามมิติมาใช้ในการวิเคราะห์ซึ่งจะได้น�ำ จิตใจ ให้เกิดความเป็นมงคล หรืออีกนัยหนึ่ง เสนอในหัวข้อต่อไป คือการพัฒนาจิตใจให้บริสุทธิ์เพื่อน�ำไปสู่ ความสำ� คญั ของนำ�้ ในพระราชพธิ ี ความประเสริฐสูงสุด โดยแทงทะลุมิติแห่ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้กรอบ โลกยวิสัยไปสู่มิติเหนือโลก (Transparent to แนวคิดเรื่องพิธีกรรมคือการเชื่อมโยงและ Transcendence) มมุ มองคตชิ น 3 มติ ิ พบว่า “นำ้� ” มคี วามส�ำคัญ นอกจากนี้ในมิติของสังคมวัฒนธรรม ในพระราชพิธีเป็นอย่างมาก และมีความหมาย น้�ำยังช่วยให้เกิดความสบายใจหรือคลายข้อ เชิงอุปลักษณ์ท่ีสามารถตีความเพ่ือให้เข้าใจ คับข้องใจของประชาชนได้ด้วย เช่น การพรม ความหมายด้านในของสัญลักษณ์ ในฐานะที่ น้�ำมนต์ในสถานท่ีต่าง ๆ ในพระราชพิธี “นำ้� ” เปน็ สญั ลกั ษณส์ ำ� คญั ทปี่ รากฏในพระราช สัมพัจฉรฉินท์ช่วยให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ พิธี ท้ังนี้พบว่า “น�้ำ” เป็นสัญลักษณ์ ในฐานะ ได้ว่าพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่จะไม่มีวิญญาณร้าย “ส่ือ” หรือ “พาหะ” ท่ีช่วยเชื่อมโยงปัจเจก มาหลอกรังควานอีกต่อไป ส�ำหรับพิธีท่ีมี บุคคลกับมิติต่าง ๆ ซึ่งสามารถขยายความได้ น้�ำมนต์ไว้ประพรมให้เกิดความเป็นมงคลต่อ ดังนี้ สัตว์ท่ีมาเข้าร่วมในพิธีก็สามารถเสริมสร้าง
144 พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ก� ำ ลั ง ใ จ ใ ห ้ กั บ ป ร ะ ช า ช น ไ ด ้ เ ช ่ น เ ดี ย ว กั น เช่นเดียวกันเพราะสังข์ที่ใช้หลั่งน�้ำสามารถ ดังปรากฏในการพระราชพิธีพรุณศาสตร์ ก็ได้ เช่ือมโยงกับเทพปกรณัมเก่ียวกับหอยสังข์ นำ� ช้างเผอื กในรชั กาลที่ 4 คอื พระวมิ นรตั นกริ นิ ี ซ่ึงอยู่ในการรับรู้ของคนทั่วไปว่าครั้งหน่ึง มารดนำ้� เพอ่ื ใหฝ้ นตก เปน็ ตน้ หรอื ในพระราชพธิ ี พ ร ะ เ ว ท ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ข อ ง พ ร ะ พ ร ห ม ไ ด ้ เ ค ย ศรีสัจจปานกาลในเดือนห้าหรือพิธีถือน้�ำ เข้าไปอยู่ในตัวหอยสังข์มาก่อน ฉะน้ันบุคคล พิพัฒน์ในเดือนอื่น ๆ ก็ช่วยสร้างความม่ันใจให้ ท่ีได้รับพระราชทานน้�ำสังข์จึงเท่ากับได้รับ กับประชาชนได้ว่าจะไม่เกิดสงครามกลางเมือง อ�ำนาจศักด์ิสิทธิ์จากเบ้ืองบนตามไปด้วย ข้นึ อย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากมุมมองในมิติ 2. น�้ำในฐานะพาหะที่เช่ือมโยง ปัจเจกบุคคลผู้ที่ได้รับหน้าที่ผ่านการรดน�้ำสังข์ บุคคลกับเทพเทวาและความศักด์สิ ิทธ์ิ นี้ย่อมเกิดความรู้สึกมั่นใจและย่อมเกิดความ จากการศึกษาบทบาทของน�้ำใน มุ ่ ง มั่ น ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น ้ า ที่ อั น ศั ก ด์ิ สิ ท ธ์ิ น้ี พระราชพิธีสิบสองเดือนพบว่าน้�ำมีบทบาท ให้ส�ำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนสถานะใน ส�ำคัญในการเปลี่ยนสถานะของบุคคลหรือ อีกลักษณะหนึ่งผ่านการประทานน้�ำสังข์เช่น ส่ิงของที่ได้รับการประพรมจากน้�ำท่ีผ่านการ เดยี วกนั คอื การเปลย่ี นผา่ นชว่ งวยั ดงั ปรากฏใน ประกอบพิธีคือ น้�ำพระพุทธมนต์ และน�้ำจาก พิธีโสกันต์ พิธีเกศากันต์ และพิธีผนวช ซ่ึงหลัง พระมหาสังข์ ดังปรากฏในพิธีพระราชทาน จากไดร้ บั พระราชทานนำ�้ สงั ขแ์ ละผา่ นพธิ กี รรม น้�ำสังข์ให้แก่ผู้ที่ต้องท�ำหน้าที่บางอย่างตาม ไปจนเสร็จสิ้นแล้วย่อมหมายถึงการเปล่ียน พระราชประสงค์ เช่น ในพระราชพิธีพืชมงคล ผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่หรือการเปลี่ยนสถานภาพ จรดพระนังคัล ทรงพระราชทานน�้ำสังข์แก่ จากเพศฆราวาสกลายมาเป็นสมณเพศ ผู้ผ่าน พระยาแรกนาและนางเทพี ก่อนจะเร่ิมพิธี พิธีต้องปรับเปล่ียนบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับ จรดพระนังคัล หรือในพระราชพิธีสารทที่ สถานะใหม่อกี ด้วย มีการพระราชทานน�้ำพระมหาสังข์แก่สาว ส�ำหรับน�้ำกับการเปล่ียนสถานะ พรหมจรรย์ซ่ึงท�ำหน้าท่ีกวนข้าวทิพย์ก่อน ของบุคคลดังกล่าว สอดคล้องกับแนวคิด เร่ิมพิธีเช่นกัน ในมุมมองของมิติท่ีสามคือ ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ (2557, น. 121-126) ที่ มิติเหนือโลก การรับพระราชทานดังกล่าว ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและ เปรียบได้กับการเปล่ียนสถานะให้บุคคล พ้ืนที่ไว้ว่า เน่ืองจากพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็น ธรรมดากลายเป็นบุคคลศักด์ิสิทธิ์ที่ได้รับ ส่วน ๆ แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด การ ภ า ร กิ จ ศั ก ดิ์ สิ ท ธ์ิ จ า ก พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ ที่คนจากพ้ืนท่ีหน่ึงจะเข้าไปสู่พื้นท่ีอื่นโดยไม่ ซ่ึงถือเป็นสมมุติเทพ อีกท้ัง “น้�ำ” ที่รินไหล เปลี่ยนสถานะหรือสภาพอาจท�ำให้มีภัยถึงแก่ ออกมาจากสังข์ก็เทียบได้กับน้�ำศักดิ์สิทธ์ิ ชวี ติ ได้ ฉะนนั้ การเขา้ สพู่ น้ื หนง่ึ ๆ จะตอ้ งเปลย่ี น
พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 145 ตวั เอง4 ไปตามกฎของพน้ื ทเี่ สยี กอ่ น หากเปรยี บ กาลานุกาล การพระราชกุศลแจกเบ้ียหวัด ท่ีนาในพระราชพิธีจรดพระนังคัลเป็นพ้ืนท่ี การพระราชกุศลถวายผ้าจ�ำพรรษา และการ ศักด์ิสิทธ์ิส�ำหรับใช้เพาะหว่านต้นข้าวเป็นนา พระราชกุศลเล้ียงพระตรุษ คือ การหลั่งน�้ำ แรกของปี ทงั้ ยงั ใช้พระโคซงึ่ ถอื เปน็ เทพพาหนะ จากพระเต้าษิโณทก ซึ่งเป็นการอุทิศพระราช ของพระศิวะในการลากคันไถ ท�ำให้ผู้ประกอบ กุศลให้แก่เทวดา และดวงวิญญาณในภพภูมิ พธิ เี ชน่ พระยาแรกนา หรอื เทพซี งึ่ ทำ� หนา้ ทห่ี าบ อื่น ๆ เม่ือพิจารณาในมิติเหนือโลกอาจอธิบาย เมล็ดพันธุ์ ไม่สามารถเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ได้จากการเช่ือมโยงกับเทพปกรณัมเกี่ยวกับ ได้ การปรับเปล่ียนสถานะของตนเองผ่านการ แม่น�้ำคงคาท่ีสามารถช�ำระล้างดวงวิญญาณ รับพระราชทานน้�ำสังข์จึงเป็นสิ่งจ�ำเป็น เพราะ ให้ไปสู่สวรรค์ได้ หรือหากมองผ่านคติจักรวาล อย่างน้อยในมิติของสังคม ประชาชนย่อม วิทยาในพุทธศาสนาซ่ึงได้รับอิทธิพลจาก คาดหวังและเชื่อมั่นว่าผู้ท่ีได้รับการแต่งตั้งจาก วรรณคดเี รอื่ งไตรภมู กิ ถาทเ่ี ชอื่ วา่ ใตพ้ น้ื แผน่ ดนิ พระมหากษัตริย์ย่อมมีโอกาสประกอบพิธีอัน ทเ่ี ราอาศยั อยนู่ ยี้ งั มแี ดนของสตั วน์ รกและบนฟา้ ศกั ดส์ิ ทิ ธไ์ิ ดส้ ำ� เรจ็ มากกวา่ บคุ คลธรรมดาทว่ั ไป เหนอื ขนึ้ ไปนน้ั เปน็ ทอ่ี าศยั ของเทวดาและนางฟา้ นอกจากน้ีน้�ำยังสามารถเปลี่ยนสถานะของ เป็นต้น เม่ือน�ำมารวมกับเรื่องราวในทศชาติ ส่ิ ง ข อ ง ธ ร ร ม ด า ใ ห ้ ก ล า ย ส ถ า น ะ เ ป ็ น ข อ ง เช่น พระเวสสันดรชาดกที่กล่าวถึงการหลั่งน�้ำ ศักด์ิสิทธิ์ได้อีกด้วย ดังปรากฏในพระราชพิธี เพ่ือมอบส่ิงต่าง ๆ ของพระองค์ให้กับบุคคลอื่น เดือนห้า คือ พิธีทอดเชือก ดามเชือก ซ่ึง เปน็ การบำ� เพญ็ ทานบารมี ทำ� ใหเ้ กดิ คตกิ ารหลงั่ พราหมณ์จะอ่านเวทและพรมน้�ำท่ีเชือกบาศ นำ้� เพอื่ อทุ ศิ สง่ิ ตา่ ง ๆ ทแ่ี มจ้ ะเปน็ “กศุ ลผลบญุ ” น้ัน โดยเช่ือว่าเชือกที่ผ่านพิธีดังกล่าวจะมี ที่ไม่สามารถจับต้องได้ก็ตาม ดัง การอธิบาย ความศักด์ิสิทธิ์สามารถบังคับหรือควบคุมช้าง เกี่ยวกับภูมิวัฒนธรรมของศรีศักร วัลลิโภดม ซง่ึ เปน็ สตั ว์ใหญ่ได้ เปน็ ต้น (2554) ท่ีกล่าวถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับ 3. น�้ำในฐานะสื่อในกระบวนการ อ�ำนาจเหนือธรรมชาติว่าเป็นสิ่งท่ีสะท้อนให้ ส่อื สารข้ามมติ ิ เหน็ ภมู จิ กั รวาลทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหลงั ของภมู วิ ฒั นธรรม บทบาทของน�้ำในพระราชพิธีสิบสอง และเป็นสัญลักษณ์ของส่ิงศักดิ์สิทธ์ิในสังคมซ่ึง เดือนท่ีปรากฏบ่อยครั้งในพิธีทางพุทธศาสนา จะช่วยเช่ือมโยงและเกาะเก่ียวให้คนในท้องถิ่น เช่น พระราชพิธีฉลองไตรปี การพระราชกุศล ที่ต่างชุมชนและต่างเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันใน 4 สรุปไว้ดงั น้ี (นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์. 2557, น. 121-126) 1. เปลย่ี นรปู โฉม เชน่ การแตง่ กายเมอื่ เขา้ สพู่ น้ื ทอี่ น่ื ทงั้ ในแนวระนาบและแนวดง่ิ ในกรณที จ่ี ะเขา้ สพู่ นื้ ทซี่ ง่ึ ต่างจากพ้นื ท่ปี กติ เช่น ปรภพ อาจต้องเปลย่ี นมากกว่าการแต่งกาย คือ ต้องตายหรอื กลายเป็นวญิ ญาณ เปน็ ต้น 2. เปล่ียนพฤติกรรม เช่น การส�ำรวมระวังรักษามารยาท หรือการปฏิบัติตนจนสามารถส�ำเร็จมรรคผล ตามลำ� ดบั ของพระอรยิ บุคคล เป็นต้น 3. เปลี่ยนตัวเองโดยอาศัยพิธีกรรม เช่น การบวชเพื่อให้เข้าถึงพ้ืนท่ีซึ่งฆราวาสไปไม่ถึง หรือการเข้าร่วม พธิ ปี ลกุ เสกให้อยู่ยงคงกระพันซ่งึ เป็นการเตรยี มตัวเข้าสู่พน้ื ท่พี ิเศษเช่นกนั 4. เปลย่ี นตวั เองโดยอาศยั อทิ ธฤิ ทธ์ิ เชน่ นกั สทิ ธทิ์ ส่ี ามารถเข้าไปในป่าหมิ พานต์ซงึ่ เปน็ พน้ื ทที่ ค่ี นธรรมดา เข้าถึงได้ยาก เป็นต้น
146 พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 บ้านเมืองเดียวกันได้อย่างราบรน่ื งดงามของผลึกน้�ำยังแปรไปตามเสียง ถ้อยค�ำ ส�ำหรับความส�ำคัญของน้�ำในฐานะ หรอื การอธษิ ฐานนน้ั ๆ อกี ดว้ ย กลา่ วคอื หากใช้ การเป็นส่ือข้ามมิติน้ี อาจไม่ได้หมายถึงการ เพลง นำ้� มนั หอม หรอื การใช้ถ้อยคำ� ทดี่ สี ่งไปยงั สอ่ื สารจากผปู้ ระกอบพธิ สี ง่ ไปยงั มติ อิ นื่ ๆ เพยี ง นำ�้ จะทำ� ใหผ้ ลกึ ของนำ้� ออกมาสวยงามเชน่ เดยี ว อย่างเดียว หากแต่อาจหมายถึงสารจากมิติ กบั ผลกึ นำ้� ทไ่ี ดม้ าจากแหลง่ นำ้� ทสี่ ะอาดอกี ดว้ ย เหนือโลกหรือมิติแห่งเทพปกรณัมได้ส่ือมายัง ผู้ประกอบพิธีผ่านการท�ำน�้ำมนต์ทั้งในพิธีพุทธ สรุปผลการวจิ ัย และพิธีพราหมณ์อีกด้วย กล่าวคือ ในการท�ำ น้�ำมนต์ในแต่ละคร้ังนั้นจะมีการอัญเชิญเทวดา ผลการศกึ ษาพบวา่ พระราชพธิ ตี า่ ง ๆ หรือเทวะผู้เป็นใหญ่ให้ลงมาช่วยเสกน�้ำให้ ที่ปรากฏในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ฉะน้ันน�้ำท่ีผ่านพิธีกรรม มี พ ร ะ ร า ช พิ ธี ที่ มี น้� ำ ป ร า ก ฏ อ ยู ่ ทั้ ง ส้ิ น เหล่านี้จึงต้องมีคุณลักษณะที่แตกต่างจาก 31 พระราชพิธี จากทั้งหมด 57 พระราชพิธี น�้ำธรรมดาโดยท่ัวไป และเม่ือพราหมณ์ หรือ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ พระสงฆ์ได้ถวายน้�ำมนต์เหล่านี้แด่พระมหา พระราชพิธีท่ีเกี่ยวข้องกับน�้ำโดยตรง และ กษัตริย์ ส�ำหรับทรงใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ ก็ พระราชพธิ ที มี่ นี ำ�้ เปน็ องคป์ ระกอบในพระราชพธิ ี ย่อมท�ำให้เกิดความเป็นสิริมงคลขึ้นแก่การ ทั้งนี้พบว่าน�้ำมีความส�ำคัญต่อการประกอบ พระราชพิธีอย่างแน่นอน ดังผลการศึกษาเกี่ยว พระราชพิธีเป็นอย่างมากและมีความหมาย กับลักษณะของผลึกน�้ำโดยนักวิทยาศาสตร์ ในเชิงอุปลักษณ์ ในฐานะ “ส่ือ” หรือ “พาหะ” ชาวญ่ีปุ่นที่ช่ือว่า มาซารุ เอโมโตะ (2553, ที่ช่วยเช่ือมโยงปัจเจกบุคคลกับสิ่งต่าง ๆ ได้แก่ น. 128-138) ที่ใช้ความพยายามกว่า 11 ปี 1) น้�ำในฐานะสื่อแห่งความบริสุทธ์ิ ช่วยช�ำระ ในการศึกษาคุณภาพของน�้ำท่ัวโลกผ่านการ ล้างมลทนิ สง่ิ สกปรก และช่วยให้เกดิ ความเปน็ วเิ คราะหร์ ปู รา่ งของผลกึ นำ้� ผลการศกึ ษาพบวา่ สิริมงคล 2) น�้ำในฐานะพาหะที่เช่ือมโยงบุคคล ผลึกน้�ำที่ออกมาสวยงามมักมาจากน�้ำท่ีใส กับเทพเทวาและความศักด์ิสิทธิ์ และ 3) น้�ำใน สะอาดมีคุณภาพและอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ี ฐานะส่ือในกระบวนการสอ่ื สารข้ามมติ ิ ดีด้วย นอกจากน้ีวิธีการท่ีเขาศึกษายังน�ำไปสู่ ทฤษฎีท่ีว่าน้�ำมีความสามารถในการเก็บรักษา การอภปิ รายผล ข้อมูลได้เป็นอย่างดีอีกด้วย กล่าวคือ เอโมโตะ นอกจากจะไดท้ ดลองเกบ็ นำ้� มาจากแหลง่ ตา่ ง ๆ การศึกษาเร่ือง “ความส�ำคัญของน�้ำ แล้ว ยังใช้วิธีการส่ือสารกับน้�ำ เช่น การเปิด ในประเพณีหลวง : กรณีศึกษาจากพระราชพิธี เพลง การกล่าวถ้อยค�ำ การแสดงตัวอักษรให้ สิบสองเดือน” ในครั้งนี้นอกจากจะสะท้อน น�้ำดู หรือแม้แต่การอธิษฐานจิตไปยังน�้ำที่ใช้ ให้เห็นบทบาทและความส�ำคัญของน�้ำที่มีต่อ อีกด้วย ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความ พระราชพิธีในพระราชส�ำนักของไทยแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการเช่ือมโยงไปโลกแห่ง ความศกั ดส์ิ ทิ ธหิ์ รอื มติ แิ หง่ เทพปกรณมั อกี ดว้ ย
พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 147 โดยผลการศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับทัศนะ นิมมานเหมินท์ (2550) ท่ีได้กล่าวถึงน�้ำกับ ว่าด้วยเรื่องของน�้ำและความศักด์ิสิทธ์ิท่ี ประเพณพี ธิ กี รรมพน้ื บา้ นไทยไวว้ า่ นำ้� มบี ทบาท องค์การการศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรม ส�ำคัญต่อประเพณีพิธีกรรมพื้นบ้านของไทย แหง่ สหประชาชาติ (United Nations Educational, ทั้งในประเพณีชีวิต ประเพณีการท�ำนา และ Scientific and Cultural Organization) หรือ ประเพณีตามเทศกาล โดยในส่วนของประเพณี ยูเนสโก (UNESCO) ได้กล่าวถงึ ไว้ว่า ชีวิตที่เนื่องด้วยกับการเกิด การแต่งงาน น�้ำมีบทบาทส�ำคัญในหลายศาสนา การตาย การโกนจุกและการบวชนั้น น�้ำจะ และความเช่ือท่ัวโลก เป็นท้ังแหล่งก�ำเนิดชีวิต ถูกใช้ให้เป็นสัญลักษณ์ของการท�ำให้เกิดความ และเปน็ ตวั แทนของการกำ� เนดิ ใหม่ น�้ำชว่ ยชำ� ระ สะอาดบริสุทธิ์ก่อนที่จะได้ใช้ชีวิตในภาวะใหม่ ร่างกายและสร้างความบริสุทธิ์ ท้ังยังมี ซงึ่ อาจเรยี กประเพณใี นลกั ษณะนวี้ า่ “ประเพณี คุณสมบัติหลักในการเป็นสัญลักษณ์ข้ันสูงใน ของการเปล่ียนผ่าน” (The Rites of Passage) 2 ประการ คือ ความศักด์ิสิทธ์ิ และสถานะของ อย่างไรก็ดี หากมีการศึกษาความสัมพันธ์ของ น�้ำ ท�ำให้น้�ำกลายเป็นส่วนประกอบส�ำคัญใน การใชน้ ำ�้ ในประเพณหี ลวงและประเพณรี าษฎร์ พิธีการและพิธีกรรมทางศาสนา ในการรับรู้ ก็จะท�ำให้ได้ทราบถึงแนวคิดสากลของน้�ำ โดยทั่วไป น�้ำเป็นตัวแทนขององค์เทพ เทพเทวี ในระบอบประเพณีและพิธีกรรมได้สมบูรณ์ หรือตัวแทนอันศักดิ์สิทธิ์ในศาสนา แม่น�้ำ, ฝน, มากยง่ิ ข้ึน บ่อน�้ำ, บึงน�้ำ, น้�ำแข็ง, ลูกเห็บ หรือ หิมะ ล้วนเป็นรูปแบบหน่ึงของน้�ำท่ีน�ำมาตีความ ข้อเสนอแนะ ร ่ ว ม กั บ วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ พ้ื น ท่ี ท า ง ศ า ส น า น้�ำในทางศาสนาจึงไม่เคยเป็นกลางและอยู่น่ิง ขอ้ เสนอแนะในการนำ� ผลการวจิ ยั ไปใช้ เพราะมันถูกมองว่ามีพลังอ�ำนาจและสามารถ ผลการศึกษาความส�ำคัญ “น้�ำ” เปล่ียนแปลงโลก ล้างบาป และสร้างความ ท่ีปรากฏในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ นำ้� ชำ� ระมลพษิ และสรา้ งความบรสิ ทุ ธิ์ ในคร้ังนี้ จะเป็นองค์ความรู้ส�ำคัญในการน�ำ ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงสัญลักษณ์ น�้ำจึง น้�ำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นสิ่งมีชีวิตและจิตวิญญาณ ท�ำหน้าท่ีเสมือน ในสงั คมไทย หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเทย่ี ว ตัวกลางระหว่างมนุษย์และพระผู้เป็นเจ้า และ และผู้จัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมสามารถน�ำ หลายครั้งน้�ำยังเป็นพรมแดนระหว่างโลกนี้กับ ผลการศกึ ษาไปใชใ้ นการอธบิ ายใหช้ าวตา่ งชาติ โลกอ่ืน ๆ (UNESCO, 2005) หรือนักท่องเที่ยวได้เข้าใจถึงบทบาทของน้�ำที่มี นอกจากน้ีบทบาทของน้�ำในฐานะ ต่อวัฒนธรรมประเพณขี องไทยได้อย่างถกู ต้อง สื่อแห่งความบริสุทธิ์ ช่วยช�ำระล้างมลทิน ข้อเสนอแนะการวจิ ยั คร้ังต่อไป สิ่งสกปรก และช่วยให้เกิดความเป็นสิริมงคล การวิเคราะห์ความส�ำคัญของน�้ำ ยังสอดคล้องกับผลการศึกษาของประคอง ในประเพณีและพิธีกรรมของไทยจะมีความ สมบรู ณม์ ากยงิ่ ขนึ้ หากมกี ารศกึ ษาบทบาทและ
148 พิฆเนศวร์สาร ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 2 เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2561 ความหมายของน�้ำในประเพณีราษฎร์ เพราะ ยังอาจท�ำให้ทราบถึงอิทธิพลของวัฒนธรรม นอกจากจะช่วยให้เห็นภาพรวมของบทบาท หลวงและวัฒนธรรมย่อยท่ีมีต่อกันได้ชัดเจน คุณค่า และความหมายของน้�ำในประเพณี ยิ่งขึน้ และพิธีกรรมของคนไทยได้อย่างครบถ้วนแล้ว เอกสารอา้ งองิ ก่ิงแก้ว อัตถากร. (2552). พิธีกรรมคือการเชื่อมโยง. วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 6(1), 1-9. จลุ ทศั น์ พยาฆรานนท.์ (2550). นำ�้ กบั การพระราชพธิ ใี นราชสำ� นกั สยาม. ใน ประคอง นมิ มานเหมนิ ท์ (บรรณาธกิ าร), น้ำ� คอื ชีวิต (น. 22-31). กรุงเทพฯ: ราชบณั ฑติ ยสถาน. นธิ ิ เอยี วศรวี งศ.์ (2557). ผา้ ขาวมา้ , ผา้ ซน่ิ , กางเกงใน และ ฯลฯ วา่ ดว้ ยประเพณ,ี ความเปลย่ี นแปลง และเรอื่ งสรรพสาระ. (พมิ พ์คร้งั ท่ี 2). กรุงเทพฯ: มตชิ น. ประคอง นมิ มานเหมนิ ท์. (2550). นำ้� กบั ประเพณพี ธิ กี รรมพน้ื บ้านไทย. ใน ประคอง นมิ มานเหมนิ ท์ (บรรณาธกิ าร), น�ำ้ คือชวี ิต (น. 32-47). กรงุ เทพฯ: ราชบณั ฑติ ยสถาน. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. (2555). พระราชพิธีสิบสองเดือน. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ 1991. มาซารุ เอโมโตะ. (2553). สาส์นจากวาร.ี (พมิ พ์ครงั้ ที่ 3). (ศศธิ ร-ศศวิ มิ ล รัชน,ี ผู้แปล). กรุงเทพฯ: บรษิ ทั แปลนพร้นิ ท์ต้ิง จำ� กัด. ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม. (1 มนี าคม, 2554). การศกึ ษาสงั คมไทยผา่ น “ภมู วิ ฒั นธรรม”. สบื คน้ จาก http:// www.lek-prapai.org/home/view.php?id=84 อรอุษา สุวรรณประเทศ. (2555). กว้างกว่าโลก เหนือจักรวาล ขอบข่ายอันไพศาลของวิชาคติชน วิทยา. วทิ ยาจารย์, 111(3), 25-28. UNESCO. (2005). Water, Religions and Beliefs. Unesco Water e-Newsletter, 122. Retrieved from http://www.unesco.org/water/news/newsletter/122.shtml#know
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: