การสัมมนาเครือขา่ ยนกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา ครั้งท่ี 17 สาส์นจากคณะกรรมการดาเนนิ โครงการ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ เครือข่ายนักศึกษาระดบั บัณฑิตศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา ได้เกดิ ขน้ึ คร้ังแรกเม่ือ ปี พ.ศ. 2544 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นเวทีสาหรับการนาเสนอผลงานทางวิชาการ แลกเปล่ียนประสบการณ์ในการทาวิจัยของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก รวมท้ังแสวงหาแนวทางพัฒนา ความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายมหาวิทยาลัยและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสังคมวิทยาและ มานษุ ยวิทยาอย่างต่อเน่ืองยั่งยืน หลังจากนั้นมามหาวิทยาลยั ในเครอื ข่ายได้ผลัดเปล่ียนกันเปน็ เจ้าภาพ พร้อม ท้งั ไดพ้ ัฒนาเครือข่ายมาอย่างต่อเน่ือง คร้ังท่ี 2 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครง้ั ท่ี 3 มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ครง้ั ท่ี 4 มหาวิทยาลยั วลัยลกั ษณ์ คร้งั ท่ี 5 จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครง้ั ท่ี 6 มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ครงั้ ท่ี 7 มหาวิทยาลัยนเรศวร ครง้ั ที่ 8 มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี คร้งั ท่ี 9 มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ครัง้ ท่ี 10 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครั้งที่ 11 มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ ครั้งที่ 12 มหาวิทยาลยั มหิดล คร้งั ท่ี 13 มหาวทิ ยาลัยวลยั ลักษณ์ ครง้ั ท่ี 14 จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ครงั้ ที่ 15 มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ คร้ังท่ี 16 มหาวิทยาลยั นเรศวร และในคร้ังท่ี 17 น้ี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษย-ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้รับเกียรติจากสมาชิกเครอื ข่ายให้ทาหน้าท่ีเป็นเจ้าภาพการจัดสัมมนา อีกครั้งหนึ่ง ซ่ึงถือเป็นคร้ังท่ี 3 จึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งสาหรับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตระหนักถึงความสาคัญของการสัมมนา เครือข่ายบัณฑิตศึกษาฯ ในครั้งน้ี เน่ืองจากผลจากการสัมมนา นอกเหนือจากจะทาให้นักศึกษาระดับปริญญา โทและเอก รวมท้ังคณาจารย์ในเครือข่ายและนอกเครือข่ายสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาท่ัวประเทศได้มา พบปะแลกเปล่ียนความรู้ ความเหน็ และประสบการณ์ระหว่างกันแล้ว ยังชว่ ยกระชบั ความสัมพันธ์อนั ดีระหวา่ ง นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา นักศึกษากับคณาจารย์ และระหว่างคณาจารย์ท่ีเข้าร่วมสัมมนา ซ่ึงจะเป็น ประโยชน์อย่างย่ิงต่อความเข้มแข็งของเครือข่าย และการพัฒนาองค์ความรู้ทางสังคมวิทยาของนักศึกษาและ คณาจารย์ในระยะต่อไป คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอขอบคุณศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องคก์ ารมหาชน) ท่ใี หก้ ารสนับสนนุ งบประมาณหลักสาหรบั จดั การสมั มนาคร้งั น้ี ขอขอบคุณผทู้ รงคุณวุฒทิ ่ใี ห้ ก
การสมั มนาเครือข่ายนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานุษยวทิ ยา ครั้งที่ 17 เกียรติมาเปน็ ผู้ร่วมเสวนา รวมท้งั คณาจารย์ท่ีทาหน้าท่ีให้ข้อคดิ เห็นแกบ่ ทความของนกั ศึกษา ตลอดจนเข้าร่วม การสัมมนาคร้ังน้ี ขอขอบคุณคณะนักศึกษาในเครือข่ายและนอกเครือข่ายทุกมหาวิทยาลัยท้ังที่นาเสนอ บทความและเข้าร่วมการสัมมนา ตลอดจนผู้สนใจทุกท่าน รวมท้ังขอบคุณคณะกรรมการจัดการประชุมทาง วิชาการฯ ประกอบดว้ ยคณาจารย์ เจา้ หน้าที่ และนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี โท เอกสาขาวิชาสงั คมวทิ ยาและ มานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ีเป็นกาลังสาคัญในการจัดสัมมนา คร้ังน้ี จนทาให้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ สมาชิกในเครอื ขา่ ยบัณฑิตศกึ ษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยา และผเู้ ข้ารว่ มสมั มนาทุกทา่ น คณะกรรมการดาเนินโครงการ ข
การสมั มนาเครือขา่ ยนักศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสังคมวทิ ยาและมานุษยวทิ ยา คร้ังท่ี 17 สารบัญ หน้า ก สาสน์ จากคณะกรรมการดาเนินโครงการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ค โครงการสมั มนาเครอื ข่ายฯ ช กาหนดการ ฌ การนาเสนอผลงาน 1 Panel A1 Public Space : กกั ขงั ฉนั เถิด กังขังไป 2 1. ผหู้ ญงิ พลัดถิ่นกับประสบการณค์ วามรุนแรงทางเพศ \"ข่มขืน” ในพื้นที่ชายแดนไทย-พมา่ 17 เนตรดาว ยัง่ ยบุ ล 30 2. ปฏิบัติการจอ้ งมองพนื้ ท่ีสาธารณะด้วยกล้องโทรทัศนว์ งจรปดิ ในพื้นทส่ี นามหลวงหลังการ ปรับภมู ทิ ศั น์ พ.ศ. 2553 44 อนั ธกิ า ธาดาเกตุโกศล 55 3. คุณค่าของอิสรภาพ: ประสบการณ์ดา้ นอารมณ์ความรู้สึกของแรงงานก่อสร้างถนนกีบหมู 56 ณฐั ธนนท์ ศุขถงุ ทอง 71 4. แนวทางการป้องกันและเฝ้าระวังการค้ามนุษย์ กรณศี ึกษา ศนู ยพ์ ฒั นาการศึกษาเพือ่ ลูก หญงิ และชุมชน อาเภอแมส่ าย จงั หวดั เชยี งราย 87 ปภสั สร เปย้ี ปลกู 102 Panel A2 Farm and Firm in Agriculture : เกษตรกร พลวัต และการปรับตัว 5. ทาไร่อ้อยใชส้ ารเคมี มีสุขดีจริงหรอื ! 118 วัชระ เกษทองมา 6. ระบบโควตาอ้อยและความสัมพนั ธเ์ ชิงอานาจ ญดา สวา่ งแผ้ว 7. ทุนทางสังคม ปัจจยั ทเี่ อือ้ ให้เกิดการก้ยู มื หนีน้ อกระบบที่เป็นธรรม อคั รนยั ขวญั อยู่ 8. พลวัตการทานา และการปรบั ตัวของครวั เรือนชาวนาจังหวดั พทั ลงุ กรณศี ึกษา ชมุ ชนบา้ นระหวา่ งควน ตาบลพนมวงั ก์ อาเภอควนขนุน จงั หวดั พทั ลุง จนั ทร์สดุ า ยอดราช 9. กระบวนการสร้างนักศึกษาให้เปน็ เกษตรกรของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแห่งหนึ่งใน ภาคตะวนั ออก รักษ์ศริ ิ สวุ รรณประทปี ถ
การสมั มนาเครือขา่ ยนกั ศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยา ครั้งที่ 17 45. “ความเปน็ ชายสมยั ใหม่”: การประกอบสร้างความหมายของความเปน็ ชายในสังคมไทย 558 ผ่านปรากฏการณ์การทาศลั ยกรรมความงามของผู้ชาย ปิยวัช ชานาญกจิ 571 46. กะเทยลาว : การข้ามเพศภาวะ ขา้ มเพศวถิ ี ขา้ มพรมแดน และความเส่ียงต่อสขุ ภาวะ 581 ทางเพศ 593 อลงกรณ์ จนั ทร์เทียน 609 610 47. เพศภาวะ เพศวิถี ประสบการณ์ชีวติ ของกะเทยในคุก จารุวรรณ คงยศ 619 48. เพศภาวะ ฮาบทิ ัสและการออกกาลงั กายดว้ ยมวยไทยของผหู้ ญงิ 632 สภุ าวดี ผุงเพม่ิ ตระกูล 646 661 Panel B2 Resource Management : ความรทู้ ้องถนิ่ ทรพั ยากร และการจดั การ 662 49. นิเวศวทิ ยาและความหลากหลายของพืชและสตั วป์ ่าชายเลนลุ่มน้าสงคราม : มติ ิ ประวตั ิศาสตร์ชุมชน และมานุษยวิทยาศาสนา 679 พระครูพศิ ิษฎ์ประชานาถ 695 50. คุณภาพการจดั การแหลง่ ท่องเทยี่ วลุ่มนา้ แควอ้อมโดยใช้วดั เป็นศนู ยก์ ลางเพ่ือเพม่ิ มลู ค่า ทางสงั คม 709 พระเอกลักษณ์ อชโิ ต 51. ไฟป่า: ความรแู้ ละการจดั การในเขตเทือกเขาภูแลนคา ธนากร พันธุระ 52. การบรโิ ภคปลาในบรบิ ทการเปล่ยี นแปลงของชมุ ชนในลาน้าสาขาของแม่น้ามลู ศิระศักด์ิ คชสวสั ด์ิ Panel B3 Literacy : เรื่องเล่า ความจริง หรือมายาคติ 53. การวเิ คราะห์การจดั วางตาแหน่งแหง่ ท่ีของแรงงานกะเหรี่ยงในสภาวะขา้ มแดน ผา่ นเร่อื งเล่าความเทิดทนู ที่มีตอ่ ในหลวงรชั กาลท่ี 9 สริ ภิ ทั ร นาคนาม 54. อนุภาคของวรรณกรรมพุทธทานายในบริบทสงั คมไทย ตลุ าภรณ์ แสนปรน 55. “เรื่องเล่า” เจา้ พ่อประตผู า: ปฏบิ ตั กิ ารสร้างพ้ืนท่ีทางสังคม ของชมุ ชนบา้ นร่องต้า อาเภองาว จงั หวดั ลาปาง ชิดชนก ถนิ่ ทพิ ย์ 56. การศกึ ษาวิเคราะหอ์ าชญนยิ ายในประเทศไทย ธัญจรชั ญ์ เตม็ นา บ
การสมั มนาเครอื ข่ายนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา ครั้งที่ 17 อนุภาคของวรรณกรรมพุทธทานายในบริบทสงั คมไทย Motifs of Buddha’s Prediction Literature in Thai Society ตลุ าภรณ์ แสนปรน1 ปฐม หงษ์สุวรรณ2 บทคัดย่อ บทความนี้มุ่งศึกษาอนุภาคของวรรณกรรมทานายตลอดจนศึกษาวรรณกรรมทานายท่ีมีอิทธิพล ต่อสังคมไทยผลการศึกษาพบว่า วรรณกรรมทานายในบริบท เป็นวรรณกรรมท่ีเกิดข้ึนในช่วงปลายพุทธ ศตวรรษท่ี ๒๕ ก่ึงพุทธกาล มีต้นเค้ามากจากเรื่องมหาสุบินชาดกในพระไตรปิฎกเล่มที่๒๗ข้อท่ี๗๗ซึ่งเป็น เร่ืองพุทธพยากรณ์เป็นวรรณกรรมที่มีการผูกเรื่องขึ้นมาเพ่ือสอดคล้องกับคติความเชื่อเก่ียวกับเร่ืองอายุ พระพทุ ธศาสนา และเป็นวรรณกรรมทที่ ีเน้ือหาแทรกอยูใ่ นวรรณกรรมท้องถ่ิน มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ให้ผู้อา่ น ตระหนักถึงภัยท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตเพราะคนขาดศีลธรรมเร่ืองราวของวรรณกรรมทานายท่ีไ ด้กล่าวถึง มากท่ีสุดคือเป็นคาพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าหรือ พระอินทร์ อายุของพระพุทธศาสนาและการปรากฏ ของพระศรีอรยิ เมตไตรยในอนาคต การศึกษาอนุภาควรรณกรรมพุทธทานายในบริบทสังคมไทย มีอนุภาคที่น่าสนใจ กล่าวคือ อนุภาคเกี่ยวกับผู้ทานาย อนุภาคเก่ียวกับการเกิดกลียุคอนุภาคเก่ียวกับการปรากฏตัวของผู้ช่วยเหลือ อนภุ าคเกีย่ วกบั การปอ้ งกนั และหาทางรอด อนภุ าคเกย่ี วกับโลกของพระศรีอาริยเมตไตรย คาสาคญั : อนภุ าค วรรณกรรมพทุ ธทานาย บริบทสังคมไทย Abstract This article aimed at studying the motifs of Buddha’s Prediction Literature including the influence of prediction literature on Thai society. The finding found that the prediction literature was a literature written in the late Buddhist Century 25th originated from Mahasubin in Tripitaka volume 27, item 77 which was the title of Buddha’s Prediction. It was a literature plotting for supporting the belief on the age of Buddha and its content was inserted in the local literatures. The purpose of these local literatures 1 นิสิตปรชั ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาไทย มหาวิทยาลยั มหาสารคาม E-mail: [email protected] 2 รองศาสตราจารย์ประจาภาควชิ าภาษาไทยและภาษาตะวนั ออก คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม และผู้อานวยการสถาบนั วิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอสี าน มหาวิทยาลยั มหาสารคาม E-mail: [email protected] 679
การสมั มนาเครอื ขา่ ยนกั ศกึ ษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสังคมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา คร้ังที่ 17 were supposed to warn the readers to realize the danger might be occurred in the future because of moral deficiency. The most cited story of prediction literature belonged to Buddha’s, Indra, Buddha Ages, and the presence of Metteyya in the future. The study of motifs in Buddha prediction literature in Thai society context had the interesting motifs that were the motifs of predictor, Dark Age, helper, protection and survival, and Metteyya’s world. Keywords: Motifs, Buddha’s Prediction Literature, Thai Society Context บทนา “วรรณกรรมพุทธทานาย” เป็นวรรณกรรมพุทธศาสนา แนวคิดเร่ืองการทานายเหตุการณ์ใน อนาคตเป็นแนวคิดพ้ืนฐานของมนุษยชาติเนื่องจากมีคาทานายเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตของโลก ปรากฏอยู่ในความเชื่อของชนทุกเผ่าพันธ์ุและศาสนิกชนทุกศาสนามีความเช่ือเรื่องการอวสานของมนุษย์ ว่าเป็นเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้นจริงหลังจากศีลธรรมและความดีต่างๆเสื่อมลงเพราะมนุษย์มีกิเลสตัณหามี ความหลงผิดละเลยการทาความดีคาพยากรณ์ของแต่ละศาสนาก็มีความแตกต่างกันไปบ้างในด้าน เหตุการณ์และรายละเอียดแต่สิ่งที่เหมือนกันคือการกล่าวถึงความประพฤติผิดทานองคลองธรรมของคน ทั่วไปซึ่งเป็นสาเหตุให้โลกต้องพบกับความพินาศและยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่คล้ายกันคือโลกจะถึง กาลอวสานหรอื การสิน้ สดุ ของโลก นักวิชาการชาวตะวันตกอย่าง Hansen (2008: 58) กล่าวถึง วรรณกรรมทานาย ว่าเป็นงานที่มี เนือ้ หากลา่ วถงึ กลยี คุ สภาพสังคมที่ไรร้ ะเบยี บ ธรรมชาติทวี่ ิปรติ แปรปรวน และการปรากฏกายของผูม้ ีบุญ หรือ พระบาทธรรมิก ผู้ที่จะมาช่วยบาบัดทุกข์ บารุงสุขและสร้างสังคมใหม่ในอุดมคติข้ึน จากบทความ เร่ือง วรรณกรรมทานายในกมั พูชา ของ ชาญชัย คงเพียรธรรม (๒๕๕๗ : ๔๗-๗๔) ได้กล่าวถึงวรรณกรรม ในกลุ่มนี้ เช่น คัมภีร์พระพุทธทานาย คัมภีร์เกี่ยวกับพระบาทธรรมิก คัมภีร์อินททานาย คัมภีร์ปุถุชน คมั ภีรพ์ ารศุกร์ และคมั ภีรม์ กฎุ แกว้ เป็นตน้ พุทธสุภาษิตในคัมภีร์พระไตรปิฎกเล่มที่๒๗ข้อ๗๗เร่ืองมหาสุบินชาดก พุทธทานาย (ทานายปัต เถวน) หรือพุทธทานายความฝนั ของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีเนื้อหากล่าวถึงในสมัยพุทธกาลพระเจา้ ปเสนทิ โกศลได้ทรงสุบินนิมิตฝันประหลาด๑๖ประการทรงเกรงว่าอันตรายจะเกิดกับพระองค์จึงทรงให้พราหมณ์ ปุโรหิตทานายซ่ึงพราหมณ์ปุโรหิตแนะนาให้ฆ่าสัตว์บูชายัญสะเดาะเคราะห์ส่วนพระนางมัลลิกาเทวีมเหสี ได้แนะนาให้ไปทูลถามพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าได้ทรงพุทธฎีกาทานายว่าผลของพระสุบินนิมิตจะไม่ เกิดแกพ่ ระเจ้าปเสนทโิ กศลแตจ่ ะเกดิ ข้นึ กับโลกในอนาคตกาล อน่ึง อุษณีย์ธงไชย (๒๕๔๐ : ๑๓๕) กล่าวถึงพุทธทานายว่าการที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังดินแดน ตา่ งๆและทานายว่าในอนาคตผู้ท่จี ะมาตั้งเมืองอยู่ในดินแดนน้ันจะเปน็ ผู้ย่ิงใหญ่เปน็ จักรพรรดิราชและพุทธ 680
การสัมมนาเครอื ขา่ ยนักศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวทิ ยาและมานุษยวทิ ยา ครั้งที่ 17 ศาสนาจะมคี วามเจริญร่งุ เรอื งมากในเมอื งนนั้ การเสด็จของพระพุทธเจ้าไปยังเมอื งต่างๆนน้ั มคี วามหมายว่า เมืองต่างๆเหล่าน้ันเป็นเมืองที่มีความใกล้ชิดกันอยู่ในโลกเดียวกันคือโลกพุทธศาสนาของพระสมณโคดม น่ันเองและพทุ ธทานายยังเป็นสัญลักษณ์ท่ีสาคัญทีแ่ สดงความชอบธรรมในการตั้งเมืองตา่ งๆและสรา้ งความ ศักดิ์สทิ ธ์ใิ หก้ บั ส่งิ ทเ่ี ปน็ ส่งิ เคารพทางศาสนา นอกจากน้ีวิลักษณ์ศรีป่าซาง (๒๕๔๑ : ๖๕) ได้อธิบายว่า พุทธทานายว่าเป็นเรื่องราวที่ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวพยากรณ์ไว้ว่าจะต้องเกิดข้ึนอย่างแน่นอนในอนาคตเร่ืองราวตามพุทธทานายน้ัน เกิดขึ้นหลังพุทธปรินิพพานแล้วและต้องเกี่ยวข้องกับสถานท่ีที่ได้มีการประทานเส้นพระเกศาและที่บรรจุ เสน้ พระเกศาหรอื ที่ไวร้ อยพระพุทธบาทประจักษ์พยานที่เกิดขึ้นด่ังคาทานายถือเป็นการสถาปนาความเชื่อ ความศรทั ธาตอ่ สถานทีแ่ หง่ นน้ั เร่ืองราวของวรรณกรรมทานายที่ได้กล่าวถึงมากท่ีสุดคือเป็นคาพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าหรือ พระอินทร์ อายุของพระพุทธศาสนาและการปรากฏของพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคตบทความวิจัยน้ีมุ่ง ศกึ ษาอนภุ าคของวรรณกรรมพทุ ธทานายท่มี ีอิทธพิ ลต่อสังคมไทย ที่มาของเนอื้ หาท่ปี รากฏในวรรณกรรมทานาย ท่ีมาของเนื้อหาท่ีนามาประกอบสร้างเป็นวรรณกรรมทานายนั้น สามารถแบ่งได้เป็น ๓ กลุ่ม ใหญๆ่ กล่าวคอื ๑) วรรณกรรมพุทธทานายที่มีต้นเค้ามาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก เร่ือง มหาสุบินชาดกข้อความใน พระไตรปิฎกภาษาบาลีส่วนใหญ่ตรงกับมหาสุบินชาดกภาษาไทยฉบับของมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิ ทยาลัย (๒๕๓๙: ๓๒) ความว่า ๗. มหาสุปนิ ชาดก (๗๗) ว่าดว้ ยมหาสุบนิ (พระเจ้าพรหมทัตตรสั เลา่ พระสบุ นิ ใหด้ าบสโพธสิ ัตวฟ์ งั ตามที่ได้ทรงสุบินว่า) (๗๗) พญาโคอุสภะหมไู่ มแ้ มโ่ คโคผู้ มา้ ถาดทองคาสุนขั จิ้งจอกหม้อนา้ สระโบกขรณีขา้ วไมส่ กุ แกน่ จันทน์ นา้ เต้าจมน้าหินลอยนา้ กบกลืนกินงเู ห่า หงสท์ องทั้งหลายแวดล้อมกา เสือเหลอื งกลวั แพะ ความฝันเป็นไปโดยวิปริต แต่ความฝนั นั้นยงั ไมเ่ ป็นจรงิ ในยุคนี้ มหาสปุ ินชาดกที่๗จบ 681
การสัมมนาเครอื ขา่ ยนกั ศึกษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา คร้ังที่ 17 อน่ึง เน้ือหาของมหาสุบินชาดก เต็มไปด้วยการตีความอุปมาอุปไมย ซ่ึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นศิลปะ อย่างหนึ่ง แต่มีความหมายไปอีกอยา่ งหน่ึง พร้อมทั้งตีความไปสู่ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยา่ งนา่ สนใจ ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาเช่นมหาสุบินชาดกท่ีมีเนื้อหาเป็นคาทานายผู้วิจัยคาดว่าน่าจะมี อิทธิพลต่อวรรณกรรมในยุคหลังดงั จะเห็นว่าได้มีการเขียนวรรณกรรมคล้ายพุทธทานายจานวนมากโดยมุ่ง ทานายโลกและชวี ิตของมนุษย์เช่น “ความฝันของพระเจ้าปตั ถเวน” เป็นการนาเน้ือความพุทธทานายมา แต่งเป็นร้อยกรองโดยเนื้อหาโดยรวมเป็นไปตามเค้าเดิมในพระไตรปิฎกแต่การตีความนั้นเป็นไปตาม สถานการณข์ องบา้ นเมืองในยคุ นั้นๆ (ตลุ าภรณ์ แสนปรน, ๒๕๕๐ : ๘) ๒) วรรณกรรมพุทธทานายที่มีเน้ือหาเป็นการผูกเรื่องข้ึนมาเพ่ือให้สอดคล้องกับคติความเช่ือ เก่ียวกับเรื่องอายุพระพุทธศาสนาวรรณกรรมทานายบางเรื่องไม่ได้กล่าวถึงการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า วรรณกรรมทานายเหล่าน้ีส่วนมากจะเป็นวรรณกรรมท้องถ่ินท่ีมีการผูกเรื่องขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับคติ ความเช่ือเกี่ยวกับเร่ืองอายุพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าโคตมะว่าจะต้ังอยู่ได้ ๕,๐๐๐ปีโดยแต่ละ ๑,๐๐๐ปีบ้านเมืองจะเกิดความเส่ือมถอยด้านต่างๆเมื่อครบ๕,๐๐๐ปีพระพุทธศาสนาจะสูญส้ินไปแล้ว บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองอีกคร้ังในสมัยพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรยแต่เม่ือใดที่บ้านเมืองเส่ือมถอยระดับ หน่ึงแล้วจะปรากฏ “ตนบุญ” หรือ “ผู้มีบุญ” และ “พระญาธัมมิกราช” หรอื “พระยาจักรพรรดิราช”มา เกิดเพ่ือช่วยเหลือผู้ท่ีเล่ือมใสพระพุทธศาสนาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยากทาให้เกิดแนวความคิดเร่ือง “ตนบุญ” และ “พระญาธัมมิกราช” มาโปรดชาวบ้านชาวเมืองในลักษณะต่างๆเช่น ตานานท้าวทังสี่ ตานานพระญาธัมมท์ านแตงสล่ี ูก ของลา้ นนา นอกจากนี้ วรรณกรรมทานายบางเรื่อง เช่น สังฮอมธาตุ ของอีสาน กล่าวถึง เทวดาเข้าเฝ้า พระพทุ ธเจ้าและทูลถามเรือ่ งพระพุทธศาสนาในอนาคต พระพุทธเจ้าตรัสว่าเม่ือพุทธศาสนาลว่ งไป๕๐๐ปี ภิกษุณีจะหมดไปพุทธศาสนาล่วงไป๑,๐๐๐ปีพระอรหันต์จะหมดไปพุทธศาสนาล่วงไป๒,๐๐๐ปีจะหา บุ ค ค ล ท รงจ าพ ระไต รปิ ฎ ก ไม่ ได้ พุ ท ธศ าส น าล่ วงไป ๓ ,๐ ๐ ๐ ปี จ ะห าภิ ก ษุ ท าสั งฆ กรรม อุ โบ สถ ไม่ ได้ พระพุทธศาสนาล่วงไปได้๕,๐๐๐ปีจะหานักบวชผู้ทรงไตรจีวรไม่ได้ภายหลังหมดส้ินพระสงฆ์แล้วพระอัฐิ ธาตุของพระพุทธเจ้าจะเสด็จออกมาจากท่ีต่างๆมาประชุมกันณรัตนบัลลังก์ใต้ต้นศรีมหาโพธ์ิมีพระอินทร์ พระพรหมยมครุฑมนุษยก์ ุมภัณฑ์คนธรรพย์ ักษ์เทวดาเขา้ เฝ้าพระพุทธปฏิมาแสดงธรรม๗วนั ในวนั ที่๗ พระ พทุ ธปฏมิ าบังเกดิ เปน็ ไฟลุกไหมเ้ รียกว่าธาตุนพิ พานซง่ึ ถือว่าหมดสน้ิ พุทธศาสนา ๓) วรรณกรรมพุทธทานายที่มีเนื้อหาแทรกอยู่ในวรรณกรรมท้องถิ่นเชน่ วรรณกรรมเร่อื งพระเจ้า ห้าพระองค์ หรืออาจจะเรียกช่ือเต็มว่า “พระพุทธเจ้าห้าพระองค์” เป็นวรรณกรรมท่ีเก่ียวเนื่องกับ พระพุทธศาสนาสะท้อนให้เห็นความเชื่อในเร่ืองพระพุทธเจ้าว่า มีพระพุทธเจ้าท้ังในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต รวมทั้งส้ินห้าพระองค์ท่ีได้ตรัสรู้มาแล้วได้แก่ พระกุกกสันโธ พระโคนาดม พระกัสสโป พระศรี ศากยมุนีโคดม และองคท์ ่ีมาตรสั รู้ในอนาคตคอื พระศรีอาริยเมตไตร 682
การสมั มนาเครือขา่ ยนักศึกษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวทิ ยาและมานุษยวิทยา ครั้งท่ี 17 วรรณกรรมทานาย : ว่าดว้ ยการศกึ ษาอนภุ าค อนภุ าค (Motif) หมายถึง องค์ประกอบเล็กๆ ทมี่ ีลักษณะเดน่ เป็นพเิ ศษซ่ึงทาให้เกิดการจดจาและ เล่าสืบทอดต่อๆ กันมาองค์ประกอบท่ีจัดเป็นอนุภาคมี ๓ ประเภท3 คือตัวละคร วัตถุส่ิงของ และ เหตกุ ารณ์หรือพฤตกิ รรม งานวิจัยท่เี ปน็ แนวทางการศกึ ษาอนุภาคทสี่ าคญั ได้แก่ ผลงานของสตธิ ธอมปส์ ัน (Stith Thompson) ซงึ่ ได้รวบรวมนิทานจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกมาจาแนกอนุภาคและจัดหมวดหมู่ และ จัดพิมพ์หนังสือชุด ดัชนีอนุภาคนิทานพื้นบ้าน (Motif-Index of Folk Literature) นับเป็นหนังสือท่ีมี ประโยชน์อย่างยิง่ ในการศึกษาอนุภาคในนิทานพ้ืนบ้าน จากการศึกษาเบ้ืองต้น พบว่าวรรณกรรมพุทธทานายในบริบทสังคมไทย มีอนุภาคท่ีน่าสนใจ ซ่ึง ผู้วิจัยสรุปได้เป็นประเด็นดังต่อไปน้ี ๑) อนุภาคเกี่ยวกับผู้ทานาย๒) อนุภาคเก่ียวกับการเกิดกลียุค๓) อนุภาคเก่ียวกับการปรากฏตัวของผู้ช่วยเหลือ๔) อนุภาคเก่ียวกับการป้องกันและหาทางรอด๕) อนุภาค เกย่ี วกบั โลกของพระศรอี ารยิ เมตไตรย ๑) อนภุ าคเกี่ยวกับผูท้ านาย พระพุทธเจ้า และพระอินทร์ ในฐานะผู้พยากรณ์ ซึ่งเป็นผู้ทานายท่มี ีบทบาทสาคัญในวรรณกรรม เป็นผู้ที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือและสร้างความน่าเชื่อถือมีอานาจบารมีมีความรู้เพื่อสร้างความ ม่ันใจให้แก่ประชาชนและทาให้ประชาชนต่ืนตัวพร้อมที่จะแก้ไขเหตุการณ์ในอนาคตส่ิงท่ีสาคัญและสร้าง ความนา่ เช่ือไดช้ ดั เจนท่ีสดุ คอื การกลา่ วอา้ งว่าเปน็ คากล่าวที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจา้ จากการศึกษาเบื้องต้น วรรณกรรมทานายที่มีพระพุทธเจ้า เป็นผู้ทานาย จะมีลักษณะของการ ทานายที่แตกต่างกัน กล่าวคือ เม่ือพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานท่ีแห่งหน่ึงหรือทรงพบเหตุการณ์อย่าง ใดอย่างหน่ึงก่อนที่จะมีการประทานพระเกศาธาตุหรือมีพุทธทานาย อีกบทบาทหนึ่ง คือ พระพุทธเจ้า ปรารภเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับบคุ คลใดบุคคลหน่ึง หรือ พระพุทธเจ้าจะปรารภเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนกับบคุ คล ใดบุคคลหน่งึ เม่ือมผี ู้ทลู ถามเปน็ ต้น นอกจากน้ี ยงั พบว่ามวี รรณกรรมทานายที่อ้างถึงพระพุทธเจา้ เปน็ ผ้พู ยากรณ์ ทม่ี กี ารระบุจานวน ของพระพทุ ธเจา้ คือพระพทุ ธเจา้ ๕พระองค์และพระพทุ ธเจ้า๒พระองค์ซึ่งพบในตานานพระเจ้าไห้4ดังนี้ ...ทนี ้ีจกั กลา่ วด้วยตานานธรรมแห่งพระพุทธเจ้าทัง๕พระองคด์ ้วยทานายไวแ้ ตก่ ่อน... 3ปฐม หงษ์สุวรรณ. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ๐๑๐๖๔๔๔ คติชนวิทยา (Folklore). ภาควิชาภาษาไทยและภาษา ตะวันออก คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.หน้า ๑๒๙-๑๓๐. 4ตลุ าภรณ์ แสนปรน . ๒๕๕๐. การศึกษาวรรณกรรมทานายของลา้ นนา. วิทยานพิ นธป์ ริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาภาษาและวรรณกรรมล้านนา มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. 683
การสัมมนาเครือขา่ ยนกั ศึกษาระดับบณั ฑติ ศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยา ครั้งท่ี 17 พระพุทธเจ้า๕พระองค์คือพระกกุสันโธพระโกนาคมโนพระกัสสัปโปพระโคตโม คือพระตถาคต องค์ปัจจุบันและพระอริยเมตไตรยโยอันจักมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในภายหลังเม่ือล่วงพ้นไป ๕,๐๐๐ ปแี ล้ว ...หากเปนธมั มค์ าสอนแห่งพระพุทธเจา้ สองพระองค์คือว่าศรีอาริยเมตไตรยเจ้าแลพระโคตมะแหง่ เราหากทานายทวายไว้กับโลกเพ่ือสอนฅนทังหลาย... พระพุทธเจ้า๒พระองค์คือพระโคตมะและพระศรีอริยเมตไตรยซ่ึงหมายถึง พระพุทธเจ้าองค์ ปจั จบุ ันและองคท์ ีจ่ ะมาตรัสรตู้ ่อไป ส่วนวรรณกรรมพุทธทานายท่ีอ้างถึงพระอินทร์เป็นผู้ทานาย ได้แก่ ตานานพระญาอินทา ของ ล้านนา ตานานพญาอินทร์โปรดโลก หนังสือพญาอินท์ ของอีสาน ซึ่ง ปรมินท์จารุวร (๒๕๔๙) กล่าวว่า พระอินทร์ในตานานปรัมปราไทยเป็นเทพผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าอีกทั้งเป็นผู้คุ้มครองพุทธศาสนาและ คุ้มครองผู้ประพฤติธรรมจึงมีบทบาทสาคัญในการช่วยเหลือให้พุทธศาสนาประดิษฐานยังดินแดนไทย -ไท และทาให้ผู้คนในดินแดนแถบนั้นยดึ ม่นั ในคุณความดีตามหลักพทุ ธศาสนา ในวรรณกรรมพุทธทานาย เรื่อง “ตานานพระญาอินทา” ของล้านนา กล่าวว่าพระอินทร์ได้ เล็งเห็นผู้คนหมกมุ่นด้วยบาปสมณพราหมณ์ท้ังหลายก็พากันผิดศีลธรรมจึงใช้ให้วิสสุกรรมเทวบุตรนา หนังสือตานานโอวาทอินทาธิราชเพ่ือให้คนรักษาศีลฟังธรรมแสดงให้เห็นถึงบทบาทของผู้ทานายท่ีเลง็ เห็น เหตกุ ารณใ์ นอนาคตดังตวั อย่างขอ้ ความต่อไปนี้ ...คูอินทาธิราชคห็ นั ฅนแลชาวเจา้ สมณพราหมณท์ ังหลายผิดจากสกิ ขาบทสีลธมั ม์ ไพแท้แลเหตนุ ้ันคูอนิ ทาธริ าชค็ใช้วิสสกุ มั ม์เทวบตุ ต์เอาหนงั สอื ตานานอันนี้มาเตนิ ปา่ ว ทังชาวเจ้าแลฅนชายยิงทังหลายห้ือรกั สาสีลสกิ ขาเมตตาภาวนาฟังธัมม์กะทาบุญ ใสบ่ าตรอยาดนา้ อยา่ หื้อได้ขาดอย่าไดป้ ระหมาทชาวเจา้ แลผ้เู ถ้าผู้แก่พ่อแมป่ ูย่ า่ ตายาย แลสามกิ าพีย่ งิ พช่ี ายฅนทกุ ขไ์ รเ้ ขนใจค็อยา่ ได้ประหมาทแท้เทิอะ... ในตานานฟ้าสมิงฅาหลวงก็เล่าว่าพระอินทรส์ งสารคนท้ังหลายท่ีจะประสบภัยอุบาทว์มากมายจึง เขียนหนังสือแล้วหย่อนหนังสือลงมาที่ธาตุทะโค่ง (เจดีย์ชเวดากอง) เพ่ือสอนให้คนรักษาศีลและจาเริญ คาถาฟ้าสมิงฅาหลวงจะได้พ้นจากภัยพิบัติต่างๆ (ปรมินท์จารุวร, ๒๕๔๙ : ๒๕๗) จะเห็นได้ว่าเน้ือความที่ กล่าวมาข้างต้นน้ันสะท้อนให้เห็นว่าพระอินทร์เป็นผู้ที่มีบทบาทในการสอนให้คนทาความดีโดยมุ่งเน้นใน เรอื่ งการรกั ษาศลี เป็นสาคัญ 684
การสมั มนาเครือข่ายนกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสังคมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา คร้ังที่ 17 ส่วนใน “หนงั สอื พญาอนิ ท์” ของอีสาน กล่าวว่า “เดือนอ้ายถึงเดือน๕อุปัทวเหตุต่างๆจะเกิดขึ้นให้รักษาศีลภาวนาเคารพยาเกรงผู้ เฒ่าผู้แก่พระอินทร์จะมาเมืองมนุษย์เห็นหนังสืออยู่บ้านใครจะมีลาภสักการะคนไม่เช่ือจักตาย เป็นล้านเป็นแสนถ้าใครไม่มีหนังสือไว้ในเรือนจักรากเลือดตายถ้ามีไว้ในเรือนจักมีอายุยืนให้พา กนั รกั ษาศีลภาวนาถ้าใคร อยากเห็นหน้าผู้มีบุญให้เขียนตาราน้ีไว้กับบ้านตนเม่ือเดือน๕ขึ้น๕ ค่าพระอินทร์จะมาตรวจดูโลกหากไม่เห็นตารานี้พระอินทร์จะทาให้รากเลือดหากใครได้อ่าน ได้ ฟงั ให้บอกต่อๆกันไป...” จะเห็นได้ว่า การกล่าวอ้างถึงบคุ คลสาคัญ คือ พระพุทธเจา้ และพระอนิ ทร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคล ศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทย กล่าวคือ พระพุทธเจ้า ถือเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ และเป็นศาสนาประจาชาติ ของคนในสังคมไทย ท่ีนบั ถอื ศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ในสงั คมไทย มีอทิ ธพิ ลต่อระบบความคิดและวิถีชีวิต ของคนในสังคม ในขณะท่ี พระอินทร์ เป็นเทวดาที่อยู่บนสวรรค์ ซึ่งมีบทบาทสาคัญและดารงตาแหน่ง สูงสุดอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สุภณิดา เช้ืออินต๊ะ (๒๕๔๔) กล่าวถึง บทบาทพระอินทร์ที่ปรากฏอยู่ใน นิทานชาดก จานวน ๓๔ เรื่อง ในลักษณะท่ีช่วยสนับสนุนแนวคิดของคนล้านนาท่ีมีต่อเร่ืองพระอินทร์ “เป็นเทวดาผู้พิทักษ์รักษาคนดี” โดยผู้แต่งได้นาเสนอผ่านพฤติกรรมของพระอินทร์ อาทิ การให้ความ ช่วยเหลือแก่พระโพธิสัตว์ หรือผู้ทาความดี ละเว้นจากการทาความชั่ว และทาหน้าท่ีในการดูแลสังคมให้ เกิดความสงบสุข ร่มเย็นไว้อย่างชัดเจน และแนวคิดเร่ืองพระอินทร์ส่งผลต่อการประพฤติปฏิบัตขิ องคนใน สังคมทีเ่ นน้ เรอื่ งการประกอบกกุศลกรรมเพ่ืออานิสงส์ผลบุญแก่ชวี ิตต่อไปในภายภาคหน้าตามคติความเชื่อ ทางพทุ ธศาสนา ๒) อนุภาคเกี่ยวกับการเกดิ กลยี ุค วรรณกรรมพุทธทานาย มักกล่าวถึงการทานายเหตุการณ์ในอนาคตถือเป็นความเช่ือของมนุษย์ เก่ียวกับการอวสานของโลกว่าเป็นเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นจริงหลังจากที่ศีลธรรมความดีต่างๆเส่ือมลงซ่ึงมี สาเหตุมาจากการท่ีมนุษย์ประพฤติผิดหลักศีลธรรมมีกิเลส ตัณหาละเลยการทาความดี และยังกล่าวถึง สภาพธรรมชาติทว่ี ปิ ริตแปรปรวน ฝนฟา้ ไมต่ กต้องตามฤดูกาล สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปมีส่วนอย่างสาคัญ ท่ีทาให้ศาสนาเสื่อมโทรม การท่ีผู้แต่งได้นาเอา เร่ืองสุบินนิมิตประหลาด ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศลมาแต่งเป็นวรรณกรรมโดยเน้นให้เห็นว่า สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงมีส่วนสาคัญท่ีทาให้ศาสนาเส่ือมโทรม ลักษณะเช่นนี้นับได้ว่าเป็นกลวิธีในการ แต่งท่ีแยบคายท่ีชี้ให้เห็นถึงการทาลายพระพุทธศาสนาในรูปแบบต่าง ๆ และยังเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วย สืบสานศาสนาใหค้ งอยไู่ ด้อีกด้วย ทั้งนีเ้ พราะการกล่าวถงึ ผู้คนและสงั คมด้วยการขยายความในลักษณะของ การช้ีแนะของพระพุทธองค์ ที่ตีความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศลแต่ละข้อนั้น หรือแม้แต่วรรณกรรมที่มี 685
การสมั มนาเครอื ขา่ ยนักศกึ ษาระดับบณั ฑติ ศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานษุ ยวิทยา คร้ังที่ 17 เน้อื หาเกีย่ วกบั การทานายในสงั คมไทยก็ เป็นการช้ีให้เห็นสาเหตทุ างสังคมอนั นาไปสู่ความเสอ่ื มโทรม ของ ศาสนาท่ีชดั เจน เช่น ในตานานพระเจา้ ไห้ กลา่ วว่า ...ปลีกาบสะง้านั้นพายหน้าค็จกั ข้าเขอื กคาห้อวา่ จิกกาคาไทยว่าแผ่นดนิ ไหวแล สลอกห้วยดอยทังหลายคจ็ กั โอยดจักพงั ไพมากนกั ฟ้าฝนจกั รา้ ยนักฟ้าผ่าฅนแลสตั ต์ ทังหลายตายมากนัก...ปลีไค้นา้ ค็จกั ท่วมเมอื ง... ในตานานพระญาธมั ม์ทานแตงสีล่ กู กลา่ วว่า ...ดูราอานนทอ์ นั ว่าหินบ่ห่อนย้ายคย็ า้ ยสุทธาอันว่าแผน่ ดินค็หว่ันไหวไพมา... จะเห็นได้ว่าเม่ือใดท่ีมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเส่ือมจะทาให้เกิดภัยธรรมชาติซ่ึงใน ปัจจุบันภยั ธรรมชาติตา่ งๆทเ่ี กิดขนึ้ มกั จะรุนแรงและสรา้ งความสูญเสยี ตอ่ มนุษยม์ ากย่งิ ขนึ้ นอกจากนี้ ในวรรณกรรมพทุ ธทานายของอสี าน ยังพบว่าความเส่ือม หรอื กลียุคทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในชว่ ง “จอต่อกนุ ” ปีจอคาบเกี่ยวมาถงึ ปีกนุ จะเกิดความโกลาหลเป็นอย่างมากซ่ึงความโกลาหลน้ีจะเริ่มขึ้นต้ังแต่ พุทธศาสนาล่วงไปได้๒,๐๐๐ปีเป็นต้นไปปีจอต่อปีกุนน้ีเป็นลักษณะสากลคือไม่บอกศักราชท่ีจะเกิด เหตุการณค์ วามโกลาหลขึน้ สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทุกปจี อตอ่ ปีกุนดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี “...ลูกจะพลัดแม่แม่จะพลัดลูกผัวจะพลัดเมียเมียจะผลัดผัวแลปีวอกปี ระกาปีจอต่ อ กุนจะมืดมิเห็นเดือนเห็นตะวันเลยเทวดาให้ผีเสิกและยักษ์ให้มากินคนใจบาปหมดสิ้นแลคนที่ ศีล๕ศลี ๘มิได้แลก็จะตายหมดแล...” ปีจอต่อกุนไม่ใช่เรื่องเฉพาะที่ปรากฏในวรรณกรรมพุทธทานายเท่านั้นแนวคิดดังกล่าวนี้ยัง แพร่กระจายอยู่ตามวรรณกรรมทานาย (ทานายสถานที่) เช่นตานานเมืองชายฟองกล่าวว่า“ปีระกาปีจอ จักบังเกดิ เปน็ เสกิ คนโจรผิดเถียงกนั ” จากนนั้ “ในปีระกาปีจอต่อกันนัน้ ทา่ นผ้มู ีบุญจักมาโผดสตั ว์ทงั้ หลาย บอ่ ย่าชะแล”5แสดงใหเ้ หน็ ว่าเรอื่ งปจี อตอ่ ปีกนุ น้เี ปน็ เร่ืองทีแ่ พรห่ ลายมากในวรรณกรรมอีสานโดยทั่วไป ทั้งนีใ้ นวรรณกรรมคาสอนก็ปรากฏเร่อื งดังกลา่ ว6เชน่ “...ศิษย์บย่ ้าน ยาแหง่ ครูบา สังขารมา อาจารย์ย้อไว้ ฝนและลม เดอื นแปดสองหน ฝนและลม ปนกันพอฮอ้ ย 5บุญชู ภศู รี . ๒๕๕๔. วรรณกรรมทานายภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม. 6พระอรยิ านวุ ตั ร (อารีเขมจาร)ี , กาพย์พระมนุ ี, (มหาสารคาม : อภิชาตการพิมพ,์ ๒๕๓๓), ๗-๘. 686
การสัมมนาเครอื ข่ายนกั ศึกษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานุษยวิทยา คร้ังที่ 17 นาคบน่ ้อย ให้น้าเจ็ดหัว เจ้าหวั -จัว เถรยายพกิ าศ เจ้าโอวาส ทะรงศาสนา ปีระกา จอกุนตอ่ ไว้ ผลหมากไม้ บังเกิดเปน็ แมง...” ในเรอ่ื งปจี อตอ่ ปีกุนนัน้ นา่ จะเก่ียวขอ้ งกบั เหตกุ ารณ์ทางพุทธศาสนาเป็นหลักทั้งนีเ้ พราะสังคมไทย รับรู้เรอ่ื งความหายนะของปตี ่างๆแล้วในจารึกนครชมุ 7 ซง่ึ กลา่ วว่า “...อันหนึง่ โสดนบั แตป่ ีสถาปนาพระมหาธาตุนไี้ ปเมอื หน้าได้เก้าสบิ เก้าปเี ถงิ ในปกี นุ อัน ว่าพระไตรปิฎกไตรนีจ้ ักหายแลหาคนจักรแู้ ท้แลมิได้เลยยงั มีคนรคู้ ันสเล็กสน้อยไซร้.....เม่ือจัก ส้ินศาสนาพระพุทธเปน็ เจา้ ท่ีสุดทงั้ หลายอ้นั ปชี วดเดอื นหกบูรณมวี นั เสไทยวันระวายสันวนั ไพสาขฤกษ์...” นอกจากน้ี ปีกุนที่ปรากฏในศิลาจารึกคือปีท่ีพระไตรปิฎกจะหายไปและเมื่อศาสนาจะส้ินลง ศาสนาจะสิ้นลงในเดือนหกปีชวดดังน้ันจึงเป็นไปได้ว่าแนวคิดเรื่องปีกุนนั้นเป็นปีที่มีความโกลาหลอย่าง มากและศาสนาจะสิ้นสุดในปีชวดซึ่งหลักฐานที่ปรากฏในศิลาจารึกนครชุมก็ยังไม่ชัดเจนว่าส่งอิทธิพล ถึง อาณาจักรใกล้เคียงหรือไม่อย่างไรและมีการพบหลักฐานเพิ่มเติมใน “ปัญจพุทธศักราชวรรณา” ใน ปัญญาสชาดกซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากปีพ.ศ. ๒,๐๐๐เป็นต้นไปจะเกิดความโกลาหลในสังคมเร่ิม ต้งั แตป่ ชี วดเปน็ ตน้ ไปถึงปกี นุ และในปกี ุนจะปรากฏผมู้ ีบญุ มาปรากฏตวั 8ดังต่อไปนี้ “...สมเด็จพระผมู้ พี ระภาคเจ้าได้ทรงแสดงธรรมะแกภ่ ิกษุท้ังหลายว่าดูกรภิกษทุ ้งั หลายเม่ือ พระตถาคตปรินิพพานในปมี ะเส็งข้นึ ๑๕ค่าเดือน๖ศาสนาจักดารงอยู่ถว้ น๕,๐๐๐ พรรษาเมื่อศาสนาลว่ งไปได้๕๐๐ปภี ิกษุณีกห็ มดเมื่อศาสนาล่วงไปได้๑,๐๐๐ปพี ระ ศาสนาหมดเมื่อศาสนาลว่ งไปได้๒,๐๐๐ปจี ะมพี ระราชาผ้ปู ราศจากธรรมทาลายล้างพระ ศาสนาของพระตถาคตกระทากลุ ยี คุ ใหเ้ กดิ ขึน้ เปน็ การใหญ่มหาอุปัทวต่างๆก็จะบงั เกดิ ขึ้น แกป่ ระชาชนชาวโลกจกั ปรากฏดงั พยากรณน์ ี้คร้ันล่วงไปบุคคลผู้ทรงธรรมก็จะละทิ้งธรรม เสียในปีฉลูนน้ั ปจั จามติ รจะกระทาไมตรจี ติ ทอดสนทิ คิดฆา่ มิตรของตนเสยี บุคคลผ้เู ปน็ บณั ฑติ จะกลบั กลายเปน็ คนอันธพาลดุจคนใบแ้ ละเป็นคนลามกประกอบแต่อกุศลกรรมถือ อาวธุ คอยแต่จะประหัตประหารซงึ่ กนั แลกันยังมหาชนทุกแหล่งใหถ้ งึ ซึ่งความพนิ าศเม่ือถึงปี 7บญุ ชู ภศู รี . ๒๕๕๔. วรรณกรรมทานายภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ. กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม. 8บุญชู ภูศรี . ๒๕๕๔. วรรณกรรมทานายภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื . กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม. 687
การสมั มนาเครือข่ายนักศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวิทยา ครั้งที่ 17 เถาะพวกอันธทมฬิ จักกระทาอันตรายแกพ่ ระศาสนาแลยา่ ยพี ระศาสนามหาชนจักถือเอาแต่ ข้างมิจฉาทิฐติ ามพวกอันธทมิฬไปหมดถึงปีมะโรงหมอกแห่งความตายจักปรากฏแก่มหาชน เปน็ อนั มากถึงปีมะเสง็ พวกอันธทมฬิ จกั ไดร้ บั ความสุขคนซ่ึงเป็นบัณฑติ ตามชนบทตา่ งๆจัก ถึงซงึ่ ความเปน็ คนยากจนเข็ญใจถงึ ปีมะเมียพวกประชาชนพลเมอื งจกั พากนั ทิ้งเหย้าเรือน เคหสถานเขา้ หาป่าเป็นที่อยู่บ้านจะกลายเป็นปา่ ปา่ จะกลายเป็นบา้ นจะปรากฏในกาล ขา้ งหนา้ ถงึ ปีมะแมประชาชนตา่ งจะได้รับมหันตทุกขต์ ้องจากบุตรภรรยาสัญจรไปในต่างทศิ ถงึ ปีวอกสมณะพราหมณาจารยจ์ กั พากันทิ้งอาวาสสถานพากนั ไปเรน้ อยตู่ ามอรัญประเทศ ถงึ ปรี ะกาชาวโลกท้งั ปวงจักเร่าร้อนดจุ ไฟไหม้ถงึ ปีจอบุตรจักฆา่ บดิ าและรบราฆา่ ฟนั กันเอง ถึงปกี ุนพระราชาแลมหาอามาตย์ทา้ วพญาทั้งปวงจะตอ้ งเคารพนบนอบตอ่ คนอนาถา บา้ นเมืองจักเจรญิ ข้นึ ในปกี นุ นัน้ จักได้เห็นผู้มบี ุญเม่ือศาสนาล่วงไปได้๒,๒๕๐ปเี อกศกนั้น ประชาชนจักไดเ้ หน็ ผ้มู บี ุญญาธิการแล้วผูม้ บี ุญญาธิการก็หมดไปเบอ้ื งหนา้ แต่นน้ั เมือ่ ศาสนาล่วงไปได๓้ ,๐๐๐ปีการประชุมแหง่ อุโบสถของอนาคาริกบุคคลจักสน้ิ ไป...” เร่ืองปีจอต่อกุนในปัจจุบันยังเป็นเรื่องร้ายที่ประชาชนชาวอีสานยังหวาดกลัวกันอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะอธิบายไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดแต่ประชาชนผู้สูงอายุในภาคอีสานจะกลัวปีจอต่อปีกุนในทุกๆ รอบเม่อื เป็นเช่นน้ีการกล่าวถึงสภาพสังคมดังกล่าวจึงเป็นการเตือนสติในการดาเนินการแก้ไขเพื่อที่จะช่วย ใหศ้ าสนาอย่รู อดได้ เนือ้ หาสาระทีก่ ล่าวถึงจึงมคี ณุ คา่ อยา่ งย่งิ ตอ่ การจรรโลงศาสนาและสังคม ๓) อนภุ าคเก่ยี วกบั การปรากฏตวั ของผ้ชู ่วยเหลือ เม่ือโลกเกิดความเสื่อมเกิดศึกสงครามประชาชนเกิดความเดือดร้อนผู้ท่ีมาคล่ีคลายเหตุการณ์ ต่างๆ คือ “ตนบุญ” หรือ “พระญาธัมมิกราช” แนวความคิดเร่ืองตนบุญปรากฏในวรรณกรรมทานาย เพราะเป็นแนวคิดท่ีสัมพันธ์กับความเช่ือในพระพุทธศาสนาคือเม่ือมีผู้เดือดร้อนจะปรากฏผู้มีบุญมา ชว่ ยเหลือดังตัวอยา่ งข้อความท่ปี รากฏในวรรณกรรมเร่อื ง ตานานพระญาธมั มท์ านแตงส่ีลูก9 วา่ ...เรียงน้ันพระญาตนช่อื วา่ สุวัณณราชะจักมาปรากฏเปนพระญาธัมมราชามหี ัน้ ชะแลพระญาอินทาจิง่ มาอสุ สาราชภเิ สกดว้ ยเครือ่ งทิพพ์ทงั มวลพรอ้ มทกุ อันเสยี้ งแลว้ ยามนน้ั สุปปพุทธเทวบตุ ต์จ่ิงเอาลกู หมากมว่ งทิพพ์อนั ๑ชือ่ วา่ โลจนั ทิมาหือ้ ฅนทงั หลาย ฝงู พาลากนิ คอื เถา้ แกก่ นิ ค็มวี ณั ณะเน้ือตนเลางามอายคุ ็หมั้นยืนเลาเสมอิ กนั มหี ั้นชะแล... โสภาชานะมูล (๒๕๓๔ : ๒) กล่าวว่า “ตนบุญ” อันมีความหมายในเชิงยกย่องว่าเป็นนักบวชท่ีมี คุณสมบัติพิเศษใช้ได้บุคคลที่เป็นพระและฆราวาส “ตนบุญ” ในส่วนของฆราวาสแบ่งได้สองกลุ่มกลุ่มแรก 9ตลุ าภรณ์ แสนปรน . ๒๕๕๐. การศกึ ษาวรรณกรรมทานายของลา้ นนา. วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาและวรรณกรรมล้านนา มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. 688
การสัมมนาเครือข่ายนักศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา ครั้งท่ี 17 มักจะยกย่องในกลุ่มผู้ปกครองได้แก่กษัตริย์ของล้านนาเองถือเป็นฐานะชนก็อาจได้รับยกย่องให้เป็น “ตน บุญ” ได้ในยามท่บี า้ นเมอื งเกิดความไม่สงบเช่นเกิดศึกสงคราม เป็นต้น ส่วน “ตนบุญ” ในทางศาสนาเกิดจากความเชื่อว่าพระพุทธศาสนาจะเส่ือมลงในรอบ ๕,๐๐๐ปี ดังน้ันในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะปรากฏ “ตนบุญ” ขึ้นเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา“ตนบุญ” ในท่ีน้ีจึง หมายถึงพระสงฆ์ที่มีบุคลิกลักษณะพิเศษเช่นเป็นบรรพชิตที่เคร่งครดั ในศีล จริยวัตรก็ให้เกิดความเล่ือมใส ศรทั ธาแก่สาธุชนทั้งหลายฉะนน้ั จะพบวา่ จารตี ความเชื่อเหลา่ น้ยี งั คงสืบเนือ่ งอย่ใู นสังคมลา้ นนา นอกจากน้ี บุญชู ภูศรี (๒๕๕๔) กล่าวว่า พญาธรรมิกราชหรือผู้มีบุญคือพระมหากษัตริย์ที่ทรง ทศพิธราชธรรมในวรรณกรรมพุทธทานายผู้มีบุญจะปรากฏตัวท่ามกลางเหตุการณ์ร้ายต่างๆกาลังจะผ่าน พ้นไปหลังจากการปรากฏตัวของผู้มีบุญแล้วศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองข้ึนอีกคร้ังวันที่พญา ธรรมิกราชจะมา ปรากฏตวั น้นั ในพทุ ธทานายกล่าวไมต่ รงกนั ทุกฉบับบางฉบับกลา่ ววา่ “...ถ้าผู้ใดพบแล้วให้บอกเล่าสืบๆไปก็จะได้เห็นผู้มีบุญในวันประหัสขึ้นค่าหนึ่ง ปีกุนน้ัน แล...”ในชั้นหลังอย่างกลอนลามหาสิลาวีระวงส์บอกว่า“เร่ิมแต่เค้าเดือนสี่ปีกุนใผมีบุญจั่งสิ เห็นหนอ่ พระธรรมเนอปา้ ” เรื่องการปรากฏตัวของผู้มีบุญน้ีปรากฏในปัญจพุทธศักราชวรรณาในปัญญาสชาดกกล่าวถึงผู้มี บุญจะบังเกิดหลังพ.ศ. ๒๒๕๐แต่หลังจากการปรากฏตัวและผู้มีบุญได้ส้ินบุญไปพุทธศาสนาก็จะเข้าสู่ สภาวะท่เี ลวรา้ ยหรือจะเริ่มเสอ่ื มสูญไปอีกครั้งดังนี้ “...เม่ือศาสนาล่วงไปได้๒,๒๕๐ปีเอกศกนั้นประชาชนจักได้เห็นผู้มีบุญญาธิการแล้ว ผูม้ บี ุญญาธกิ ารก็หมดไปเบอื้ งหนา้ แต่นั้นเมื่อศาสนาล่วงไปได้๓,๐๐๐ปีการประชุมแหง่ อุ โ บ ส ถ ของอนาคารกิ บคุ คลจักส้ินไป...” ในพุทธทานายฉบับวัดชุมพู ผู้มีบุญหรอื พญาธรรมิกราชเป็นชายกาพร้าฆ่าไม่ตายมาจากเมืองล้าน ช้างหรือบางฉบับบอกว่าผู้มีบุญจะมาแต่วันออกซ่ึงก็คืออาณาจักรล้านช้างนั่นเองนอกจากนี้พุทธทานาย ฉบับวัดชมพู (จงั หวัดร้อยเอด็ ) ได้กล่าววา่ ผมู้ ีบญุ คอื พระศรอี รยิ เมตไตย “...หนังสืออันน้ีมาแต่สวรรค์เทวโลกเป็นเที่ยงแท้นาถ้าผู้ใดรู้หนังสือสมเด็จพระชินสีห์ให้ รวู้ ่าพระเมตไตยแบ่งภาคลงมาเกิดในเมืองศรอี ยุธยิ าล่วงมาแตเ่ มืองลา้ นช้างเป็นกาพรา้ ฆ่าไมต่ าย” “...ทา่ นผู้มบี ุญจะมาแต่เมอื งลา้ นช้างแลว้ พระองคช์ มเช่อื อืน่ ไกลคือว่าแม่นพญาธรรมิก ราชกลบั ชาติลงมาแต่เมืองสวรรค์เทวโลกคือพระศรอี รยิ เมตไตยแบง่ ภาคลงมาเกดิ เมอื งคน” 689
การสัมมนาเครือข่ายนักศกึ ษาระดับบณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา ครั้งท่ี 17 การกลา่ วอ้างว่าผู้มีบุญ คือ พระศรีอาริยเมตไตยแบ่งภาคลงมาเกิดเป็นการเพิ่มความน่าเช่ือถือให้ ผู้มีบุญว่าจะมีความสามารถปกป้องและคุ้มครองภยันตรายจากยักษ์หรืออุปัทวเหตุได้ เพราะแนวคิดท่ี ปรากฏทั่วไปเรื่องโลกพระศรีอารยิ ์นั้นเปน็ โลกท่ีสมบูรณ์ทุกอย่างประชาชนภาคอสี านจึงเชื่อศรทั ธาและทา ตามทหี่ นังสอื พุทธทานายบอกเพือ่ จะพบพระศรีอารยิ ์กลบั ชาตมิ าเกิด พระญาธัมมิกราช/ตนบุญถือเป็นบุคลพิเศษท่ีมีบุญบารมีมากอาจทาให้เร่อื งเลวร้ายต่างๆสงบลงได้ หรือปราบยุคเข็ญสามารถตอบสนองและเป็นผู้นาต่อความต้องการของมนุษย์ในด้านจริยธรรมได้หรือถือ เปน็ ผ้คู ล่คี ลายเหตุการณ์เมื่อเกิดเหตกุ ารณ์รา้ ยแรงหรือเกิดกลียุคจะปรากฏผู้มาชว่ ยเหลอื วรรณกรรมพุทธทานายเป็นการทานายถึงความตกต่าของศีลธรรมของมนุษยใ์ นลักษณะต่างๆโดย เริ่มปรากฏชัดเจนต้ังแต่กึ่งพุทธกาลหรือ๒๕๐๐เป็นต้นไปซ่ึงเราจะพบเห็นมนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรมทุจริต คอรัปชั่นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลอากาศของโลกวิปริตเกิดภัย ธรรมชาติเช่นแผ่นดนิ ไหวภเู ขาไฟระเบิดน้าท่วมเปน็ ต้น ๔) อนภุ าคเก่ียวกับการป้องกันและการหาทางรอด การป้องกันและหาทางรอดดังกล่าวเช่น การสร้างหนังสือ การปฏิบัติธรรม การถือศีล การทา ความดีหนังสือในที่น้ีคือหนังสือท่ีเล่าเรื่องเก่ียวกับการทานายเรื่องน้ันจากการศึกษาเบื้องต้ นพบว่ามี วรรณกรรมเรื่อง วัตถหุ ินแตกและพุทธทานายตานานพญาอนิ ทรอ์ ยา่ งเรือ่ งพุทธทานายน้ีพระอินทรเ์ ล็งเห็น ว่าผู้มีบุญจะมาแก้ไขกลียุคท่ีเกิดขึ้นและก่อนที่ผู้มีบุญจะมาจะมียักษ์มาก่อนผู้มีบุญและกินคนไม่มีคาถาไม่ รู้จักศีลธรรมประพฤติผิดจากหลักคาสอนของพระพุทธเจ้าพระอินทร์กลัวว่าคนในโลกมนุษย์จะไม่ทราบ ข่าวจงึ ลงมาโปรดมนษุ ย์ด้วยการเขียนหนังสือไว้ให้มนุษยอ์ ่านและในหนังสือน้ันมีการบอกคาถาเพ่ือป้องกัน ผียักษ์ผีมารพร้อมกับกล่าวโทษของการไม่เชื่อคือจะตายด้วยรากเลือดและให้เขียนเร่ืองนี้ไว้กับบ้านกับ เรือนป้องกันผียักษ์และถ้าใครรู้หนังสือพญาอินทร์หรือพุทธทานายดังกล่าวจะได้เห็นหน้าผู้มีบุญอานิสงส์ การสร้างหนงั สือใบลานในแบบแผนท่ปี รากฏในวรรณกรรมอานิสงส์ประเภทอานสิ งสก์ ารเขียนหนังสือน้นั มี การบอกอานสิ งส์ค่อนข้างที่จะชัดเจนในเรือ่ งของอนาคตหรือเป็นเรืองของชาติหน้าและผูกพันกับหลักพุทธ ศาสนาเปน็ หลักคอื ไดร้ ับอานิสงสเ์ ปน็ สวรรค์ทพิ ยสมบตั ิและนพิ พาน นอกจากน้ีในวรรณกรรมทานายของล้านนา เร่ือง ตานานพระญาอินทา ก็มีการกล่าวถึงศาสนา ของพระพุทธเจ้าโคตมะ๕,๐๐๐ปีพระศรีอริยเมตไตรยจะมาเกิดกี่ครั้งก่ีคราก็ยังไม่ปรากฏเน่ืองจากผู้คนมี แต่บาปพระญาอินทาธิราชก็เล็งเห็นผู้คนมีแต่บาปผิดศีลธรรมจึงให้วิสุกรรมเทวบุตรนาหนังสือตานานคา สอนมายังโลกมนุษย์โดยเขียนไว้เหนือก้อนหินตนี ดอยคาเมืองต่วนเพอื่ ให้มนษุ ย์นาไปศึกษาและปฏิบัติตาม โดยเน้นหลักธรรมคาสอนของพุทธศาสนาให้รกั ษาศีล๕ศีล๘มีเมตตาธรรมทาบญุ ใส่บาตรหากผู้ใดประพฤติ ปฏิบัติตามจะทาให้พ้นจากทุกข์ภัยอันตรายต่างๆประสบแตค่ วามสุขความเจริญมีทรัพย์สมบัติอายุยืนและ ทส่ี าคัญไดพ้ บกับพระศรีอริยเมตไตรยส่วนผู้ที่ไม่ประพฤติปฏบิ ัติตามก็จะเกิดทกุ ข์ภัยความวบิ ัติในชีวิตและ อายุส้ันโดยให้นาเอาหนังสือไว้สักการบูชาและกล่าวว่าหากเป็นผู้ชายให้รับด้วยมือข้างซ้ายแ ละหากเป็น 690
การสมั มนาเครือขา่ ยนักศกึ ษาระดับบณั ฑติ ศึกษาสาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คร้ังที่ 17 ผู้หญิงให้รับด้วยมือข้างขวาและนาไปขมวดไว้เหนือศีรษะเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือส่ังสอนคนให้ปฏิบัติตามคา สอนของพระพุทธเจ้า จากนัน้ กล่าวถงึ เร่อื งของผู้มบี ญุ ทีจ่ ะลงมาเกิดในโลกมนุษย์ นอกจากการสร้างหนังสือแล้ว การให้ทานการรักษาศีลการเจริญสมาธิภาวนาการทาความดี ตลอดจนการเคารพในพระรัตนตรยั การเคารพบิดามารดาก็เปน็ การหาทางรอดให้กบั ตนเองดว้ ยเช่นกนั ๕) อนุภาคเกยี่ วกับโลกของพระศรอี าริย์ โลกของพระศรีอาริย์ เป็นโลกในอุดมคติ มีความสมบูรณ์ทุกอย่าง ซึ่งทุกคนปรารถนาท่ีจะไปเกิด ในยุคน้ี แนวความคิดเกี่ยวกับโลกพระศรีอริยเมตไตรยเป็นแนวความคิดที่สืบเน่ืองมาจากแนวความคิด เก่ียวกับอายุของพระพุทธศาสนาว่าพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าโคตมะจะมีอายุเพียง ๕๐๐๐ ปี หลังจากนั้นจะถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตรยซึ่งเช่ือกันว่าเป็นยุคสมัยท่ีอุดมสมบูรณ์ต้นกัลปพฤกษ์เกิดข้ึน ทุกสี่มุมเมืองใครปรารถนาส่ิงใดก็จะสมดังปรารถนาคนจะมีอายุยืนยาวรูปร่างสวยงามและหากผู้ใด ปรารถนาทจี่ ะได้มาเกิดในยุคน้ีก็ให้พากันทาบญุ ถือศีลสร้างแต่ความดีละเวน้ ความช่ัวและส่ิงที่ชาวพุทธเช่ือ อีกอย่างคือการได้ฟังเทศน์มหาชาติตั้งแต่ต้นจนจบครบ๑๓กัณฑ์ก็สามารถปรารถนาพระนิพพานหรือไป เกดิ ในสมัยพระศรอี รยิ เมตไตรยไดเ้ ชน่ กัน จากการศึกษาของอภิลักษณ์เกษมผลกูล (๒๕๕๒ : ๓๒๐-๓๓๐) กล่าวถึง โลกอุดมคติสมัยพระศรี อารยิ ์โดยให้รายละเอียดของยุคสมัยแห่งอดุ มคติได้๕ประเด็นคือมนุษย์อดุ มคติสังคมอุดมคติธรรมชาติอุดม คติผู้นาอุดมคตแิ ละศาสนาอดุ มคติ โลกพระศรีอริยเมตไตรยถือเป็นสังคมในอุดมคติของคนในสังคมไทยเพราะเช่ือว่ายุคสมัยของพระ ศรีอริยเมตไตรยนั้นเป็นยุคท่ีมีความสงบสุขมีความยตุ ิธรรมและมีความเท่าเทียมกันซ่ึงผู้ท่ีจะไปเกิดในยุคนี้ นั้นจะต้องประกอบคุณงามความดีเพื่อให้ผลกรรมดีที่ทาไว้ในชาติน้ีส่งผลให้ได้ไปเกิดในยุคของพระศรีอริย เมตไตรยซ่ึงจะเกิดขึ้นเมื่ออายขุ องพระพุทธศาสนาส้ินหา้ พันปีแล้วมนุษยเ์ ชื่อวา่ ถึงแมโ้ ลกจะเส่ือมถอยลงแต่ มนุษย์ยังมีความคาดหวังว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ลงมาโปรดสัตว์คือพระศรีอริยเมตไตรยโดยมนุษย์มี ความเชอ่ื วา่ ถา้ หากฟังเทศนม์ หาชาตคิ รบ๑๓กัณฑจ์ ะส่งผลทาให้ไดเ้ กิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย จากแนวความคิดความเชื่อในเร่ืองพระศรีอริยเมตไตรยที่ปรากฏในวรรณกรรมสะท้อนให้เห็นถึง ความต้องการหรือความคาดหวังที่อยากจะให้สังคมสงบสุขไม่เบียดเบียนกันมีความเสมอภาคและสมบูรณ์ พูนสุขความเชื่อดังกล่าวอาจเป็นการแสดงถึงความดิ้นรนท่ีจะหลุดพ้นจากความขมข่ืนและความกดดันท่ีมี อยู่ในระบบเศรษฐกิจความวุ่นวายในสังคมเพ่ือรอคอยยุคสมัยที่เป็นอุดมคติของตนเองความเช่ือนี้นับว่ามี ส่วนในการควบคุมสังคมให้สงบสุขเพราะผู้ที่จะไปเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรยได้นั้นจะต้องประกอบคุณ งามความดีละเว้นการทาความชั่วหรือการทาบาปเมื่อทุกคนมุ่งหวังท่ีจะเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรยมุ่ง ทาแต่ความดคี วามสงบสขุ ก็จะเกิดขน้ึ ในสังคม อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า พบว่าวรรณกรรมพุทธทานายในสังคมไทย มีอนุภาคที่น่าสนใจแตกต่าง ทางด้านเน้ือหา กล่าวคอื “วรรณกรรมพุทธทานาย” ซ่ึงมีต้นเค้ามาจากมหาสุบินชาดกท้ังส้ิน แก่นเร่ืองจึง 691
การสมั มนาเครอื ขา่ ยนกั ศึกษาระดับบณั ฑิตศึกษาสาขาสงั คมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา ครั้งที่ 17 ตรงกันคือกล่าวถึง สุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล และกล่าวถึงพุทธทานายสุบินนิมิตนั้นทุกสานวน ล้วนแสดงความวิปริต เมื่อล่วงกึ่งพุทธกาลแล้ว ชาวโลกจะห่างธรรมย่ิงๆข้ึน เห็นอานาจเป็นธรรม เห็นผิด เป็นชอบ คือ เอาความสาเร็จทางวัตถุสาคัญกว่าคุณธรรม ซ่ึงเป็นเหตุให้สังคมเกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ต้ังแต่ชนชั้นสูงจนถึงสามัญชนทั่วไป การแต่งพุทธทานายนอกจากเป็นการกล่าวตามความในพระไตรปิฎก แลว้ จึงยงั เปน็ การเสรมิ ความโดยนาเหตกุ ารณ์ท่พี บเห็นในสังคมผนวกเข้าไปดว้ ยเพ่ือเป็นเครื่องเตือนสติให้ เห็นผิดชอบช่ัวดียังสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมน่ันเอง วรรณกรรมพุทธทานายทุกสานวนจึงมีคุณค่าใน การศึกษาเชิงสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะได้เห็นทรรศนะของผู้แต่งซ่ึงถือเป็นตัวแทนของคนส่วนหนึ่งใน สังคมที่มีตอ่ สภาพการเปล่ียนแปลงของสงั คมด้วย เน้อื หาของวรรณกรรมพทุ ธทานาย เป็นคาพยากรณข์ องพระพุทธเจา้ หรือ พระอนิ ทร์ การกล่าวถึง อายุของพระพุทธศาสนาความเสือ่ มของสังคมหากไร้ซ่ึงศลี ธรรม การประพฤตผิ ิด และการปรากฏของพระ ศรีอริยเมตไตรยในอนาคตปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึนในวรรณกรรมทานายท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถจดั ประเภทได้ ๔ ประเภท คอื ๑. ปัญหาเรอ่ื งสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ ทก่ี ล่าวถึงธรรมชาติจะแปรปรวน พืชพันธ์ุธญั ญาหาร จะไมส่ มบรู ณ์ เกิดขา้ วยากหมากแพง ๒. ปัญหาทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ กล่าวคือ ผู้ปกครองจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม ผู้วินิจฉัยคดีจะ รับสินบน คนดีไม่ได้รับการยอมรับหรือเล่ือนตาแหน่ง ส่วนคนท่ีประพฤติไม่ดี ไม่ชอบจะกลับได้รับการ ยอมรบั ได้รับคณุ งามความดี รัฐบาลไม่ต้ังอยูใ่ นศลี ในธรรม ไมม่ คี วามเมตตาต่อประชาชน ๓. ปัญหาเรอื่ งศีลธรรม จรยิ ธรรม ทีก่ ล่าวถงึ จรยิ ธรรมสว่ นบคุ คล เดก็ จะมีราคะเร็วกวา่ ปกติ หรือ สตรีจะโลเลในบุรษุ มีการคบชู้ ทาตวั เป็นขเ้ี หล้าเมายา ไม่สนใจในการบา้ นการเรอื น ยกั ยอกทรัพย์จากสามี ไปซือ้ สุราหรอื เลี้ยงชายชู้ ขาดความกตัญญู หรอื การเคาระยาเกรงในบดิ ามารดา ไมเ่ ลย้ี งดเู ม่อื ถงึ เวลาอนั ควร ๔. ปัญหาเกี่ยวกับพระสงฆ์ กล่าวคือ พวกภกิ ษุอลชั ชีพากันเบยี ดเบยี นพวกภิกษุมศี ีลตามอาเภอใจ พวกภิกษุที่มศี ีลกพ็ ากนั หนีหลบซ่อนไปอยใู่ นป่า นอกจากนี้ วรรณกรรมพุทธทานาย ยังสอดแทรกคาสอน การอยู่ร่วมกันในสังคมต้องมีแบบแผน ของพฤติกรรมทเี่ ป็นมาตรฐาน ตอ้ งอาศัยคา่ นิยม อุดมการณ์ คุณธรรม และบรรทัดฐานทางสังคมเป็นแนว ปฏิบัติ โดยมีสถาบันทางสังคมเป็นแบบแผนของพฤติกรรมที่เป็นมาตรฐานในสังคม ซ่ึงมีองค์ประกอบท่ี สาคัญได้แก่ ตาแหน่งทางสังคม หน้าที่แบบแผนพฤติกรรม และองค์ประกอบทางวัตถุ เมื่อไรก็ตามท่ีการ จัดระเบียบของคนท่ีมาอยู่ร่วมกันและองค์ประกอบภายในของสถาบันทางสังคมมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะ ส่งผลให้ระบบความสมั พันธ์ในสังคมเปลีย่ นแปลงไปด้วย ในเร่ืองพุทธทานายจะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ที่นิมิต เห็นจากความฝันน้ันล้วนแต่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ เม่ือถึงการทานายฝันก็มีการระบุเป็นเหตุแห่งปัจจัย เบ้ืองตน้ ว่า เหตุการณน์ ี้จะไมเ่ กดิ ในสมยั ของพระพุทธองคย์ ังทรงมีพระชนมช์ พี อยู่ แตจ่ ะเกดิ หลงั จากที่พระ พุทธองคป์ รนิ ิพพานแล้ว 692
การสัมมนาเครอื ขา่ ยนักศกึ ษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา ครั้งที่ 17 บทสรุป วรรณกรรมพุทธทานายในบริบทสังคมไทย เป็นวรรณกรรมท่ีเกิดข้ึนในช่วงปลายพุทธศตวรรษท่ี ๒๕ ก่ึงพุทธกาล ท่ีมาของเน้ือหาที่ปรากฏในวรรณกรรมทานาย กล่าวคือ ประการแรก มีต้นเค้ามากจาก เร่ืองมหาสุบินชาดกในพระไตรปิฎกเล่มที่๒๗ข้อที่๗๗ซ่ึงเป็นเร่ืองพุทธพยากรณ์ประการที่สอง เป็น วรรณกรรมที่มีการผูกเร่ืองขึ้นมาเพ่ือสอดคล้องกับคติความเช่ือเกี่ยวกับเรื่องอายุพระพุทธศาสนา และ ประการที่สาม เป็นวรรณกรรมท่ีทีเน้ือหาแทรกอยู่ในวรรณกรรมท้องถิ่น ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดเนื้อ เร่ืองท่ีแตกต่างกันแต่กม็ ีวัตถุประสงค์เหมือนกันคือเพือ่ ให้ผ้อู ่านตระหนกั ถึงภัยท่ีจะเกดิ ข้ึนในอนาคตเพราะ คนขาดศีลธรรมเรือ่ งราวของวรรณกรรมทานายท่ีได้กล่าวถึงมากที่สุดคือเป็นคาพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า หรอื พระอินทร์ อายุของพระพุทธศาสนาและการปรากฏของพระศรีอริยเมตไตรยในอนาคต นอกจากนี้ การศกึ ษาอนภุ าควรรณกรรมพุทธทานายในบรบิ ทสังคมไทย กล่าวคือ อนุภาคเกี่ยวกับ ผู้พยากรณ์ อนุภาคเกี่ยวกับการเกิดกลียุคอนุภาคเกี่ยวกับการปรากฏตัวของผู้ช่วยเหลือ อนุภาคเกี่ยวกับ การป้องกันและหาทางรอด และอนภุ าคเกย่ี วกบั โลกของพระศรอี ารยิ เมตไตรย ข้อเสนอแนะ ๑. เพ่ือให้การศึกษาวรรณกรรมพุทธทานายมีความสมบูรณ์มากขึ้นควรมีการศึกษาวรรณกรรม พทุ ธทานาย ในด้านการสรา้ งสรรคข์ องวรรณกรรม การรบั รู้และความแพร่หลายของวรรณกรรม ตลอดจน การสบื ทอดวรรณกรรมพทุ ธทานายในบริบทสังคมไทย ๒. ศึกษาเปรยี บเทยี บวรรณกรรมพุทธทานายกบั กลุ่มชาตพิ นั ธ์ุตา่ งๆ เอกสารอ้างองิ คณะกรรมการกองตารามหามกฎุ ราชวิทยาลัย. ๒๕๒๕. พระสตู รและอรรถกถาแปลขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์มหามกฎุ ราชวิทยาลยั . ชาญชยั คงเพียรธรรม. “วรรณกรรมทานายในกมั พูชา” วารสารศิลปศาสตร์ฉบบั ท๑ี่ ปีที่๑๐, มกราคม - มถิ นุ ายน ๒๕๕๗, ๔๗-๗๔. ตุลาภรณ์ แสนปรน. ๒๕๕๐. การศกึ ษาวรรณกรรมทานายของล้านนา. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศลิ ปศาสตร มหาบณั ฑิต (ภาษาและวรรณกรรมล้านนา) มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ บุญชู ภศู รี .๒๕๕๔. วรรณกรรมทานายภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ. กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม. กระทรวงวฒั นธรรม ปฐม หงษ์สวุ รรณ. เอกสารประกอบการสอนวชิ า ๐๑๐๖๔๔๔ คติชนวทิ ยา (Folklore). ภาควิชาภาษาไทย และภาษาตะวนั ออก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. 693
การสัมมนาเครอื ข่ายนักศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศึกษาสาขาสังคมวทิ ยาและมานุษยวทิ ยา คร้ังท่ี 17 ปรมนิ ท์จารวุ ร. ๒๕๔๙. ความขดั แย้งและการประนปี ระนอมในตานานปรมั ปราไทย. กรงุ เทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวทิ ยาลยั . ๒๕๓๖. พระสูตรและอรรถกถาแปลขทุ ทกนกิ ายเอกนบิ าตเลม่ ๓ ภาค๒. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวิทยาลยั . วลิ กั ษณศ์ รปี ่าซาง. ๒๕๔๑. วรรณกรรมตานานล้านนา: การศึกษาวธิ ีการสรา้ ง. วทิ ยานิพนธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. สุภณดิ าเช้อื อนิ ต๊ะ. ๒๕๔๔. การศึกษาวิเคราะห์บทบาทของพระอินทรใ์ นปญั ญาสชาดกฉบับลา้ นนา. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑติ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. โสภาชานะมลู . ๒๕๓๔. ครูบาศรีวิชยั “ตนบญุ ” แหง่ ลา้ นนา (พ.ศ. ๒๔๒๑-๒๔๘๑). วิทยานิพนธ์ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิตมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. อรรถกถาพระสตุ ตนั ตปิฎกเล่ม๒๑. องั คุตรนิกายจตุกกนิบาต. ๒๔๖๑. อภิลักษณ์เกษมผลกลู .๒๕๕๒. ตานานพระศรีอารยิ ์ในสงั คมไทย : การสรา้ งสรรค์และบทบาท. วิทยานพิ นธ์อกั ษรศาสตรดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาภาษาไทย คณะอกั ษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. อุษณีย์ธงไชย. ๒๕๔๐. จารึกและตานานหลักฐานท่ีสร้างขึ้นภายใต้อิทธิพลของพุทธศาสนาลังกาวงศ์. เชียงใหม่: ภาควิชาประวตั ิศาสตร์คณะมนุษยศาสตรม์ หาวิทยาลยั เชยี งใหม่. Hansen, Ruth Anne. How to Behave : Buddhism and Modernity in Colonial Combodia 1860-1930. Chiang Mai : Silkworm Book, 2008. 694
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: