หนงั สอื เรยี น รายวชิ าภาษาไทย ชนั มธั ยมศึกษาปที ๑ โคลงโลกนติ ิ นางสาวมารติ า สดุ าเดช รหสั นกั ศึกษา ๖๒๐๔๐๑๑๑๑๑๖ คณะครศุ าสตร์ สาขาวทิ ยาศาสตรท์ ัวไปและชวี วทิ ยา
โคลงโลกนติ ิ สมเด็จ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร หรอื พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระเดชาดศิ ร เป็นพระเจา้ ลูกยาเธอลาดับที่ ๑๕ ใน พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย กบั เจ้าจอมมารดาน่ิม ประสูตเิ มื่อ วนั พฤหัสบดที ี่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๓๓๖ ณ พระนเิ วศนเ์ ดมิ ฝง่ั ธนบุรี สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ทรงไดร้ ับความไว้วางพระราชหฤทยั ใหส้ นองพระเดช พระคณุ กาดบั ราชการกรมอาลักษณ์ ตง้ั แต่ ในรัชกาลที่ ๒ รชั กาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ สบื เนือ่ งกนั โดยตลอดจน ส้นิ พระชนม์ งานราชการกรมอาลักษณ์ ซึ่งรวมทั้งงานราชเลขานกุ ารและงานดูแลรักษาหนังสือหอหลวงไว้ด้วยนนั้ ทาใหท้ รงมีโอกาสไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ หนังสอื และสรรพตาราต่างๆจนชานาญรอบรูใ้ น หลกั ราชการและเป็นประโยชน์ ต่อการนิพนธ์วรรณกรรมเร่ืองต่างๆ คุณคา่ ของโคลงโลกนติ ิ คณุ ค่าของโคลงโลกนติ มิ ีอยู่หลายดา้ นทเี ดียว ซ่ึงคนรุ่นหลังควรจะศึกษาและรกั ษามนั เอาไว้ คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ กวมี ีความฉลาดและแยบคายในการประพนั ธ์ใหผ้ ้อู า่ นเหน็ ภาพ และเกิดความซาบซึง้ ในโวหารเปรยี บเทียบ มีการเลือกสรรถ้อยคาที่ใช้อย่างประณตี บรรจง ใช้คาสน้ั แต่มีความหมายลึกซึง้ ไพเราะทัง้ เสียง ท้งั จงั หวะ และเมอ่ื อ่านออกเสียงเปน็ ทานองเสนาะกย็ ่ิงจะไดร้ บั รสของคาประพนั ธม์ ากยิ่ง ขึ้น ดังตวั อยา่ งคาประพันธ์ต่อไปน้ี “ปลาร้าพันหอ่ ด้วย ใบคา ใบกเ็ หม็นคาวปลา คละคลงุ้ คอื คนหมไู่ ปหา คบเพอ่ื น พาลนา ไดแ้ ตร่ ายร้ายฟุ้ง เฟ่อื งใหเ้ สียพงศ์” จากคาประพนั ธข์ ้างตน้ เป็นการใช้สัมผัสอกั ษรเล่นคาที่ทาใหเ้ สียงไพเราะ มีจังหวะ ใช้คาง่ายๆ คมคาย ทาให้ผู้อา่ น เกดิ จินตภาพอย่างแจ่มชดั และจดจาคากลอนได้ง่าย
การใช้โวหารภาพพจน์ โคลงโลกนติ ิมีการใชโ้ วหารภาพพจนล์ กั ษณะต่างๆ ที่ทาผู้อ่านไดเ้ ข้าถงึ สาระของบทกวีดยี ิง่ ข้ึน เชน่ ภาพพจน์อปุ มา คือ การเปรียบส่ิงหนงึ่ กบั ส่งิ หนึ่งเพ่ืออธบิ ายส่ิงน้นั ใหช้ ดั เจนขึน้ เช่น “นาคีมีพษิ เพ้ยี ง สุริโย เลอื้ ยบ่ทาเดโช แช่มช้า พิษนอ้ ยหยิ่งยโส แมลงปอ่ ง ชูแตห่ างเองอา้ อวดอ้างฤทธี” คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา โคลงโลกนติ ิเปน็ วรรณคดปี ระเภทคากลอน เป็นโคลงสุภาษติ เพื่อสอนใหเ้ ปน็ คนดีปฏบิ ตั ิตนให้ถกู ต้องใน สงั คม เป็นโคลงท่ีเขา้ ใจแก่นแทแ้ ละธรรมชาติของมนุษยท์ ้งั ทางโลก และทางธรรม เช่น การใช้ทรพั ย์ สอนให้รจู้ กั ใชท้ รพั ยอ์ ยา่ งถูกวิธี ใหจ้ ัดสรรปนั ส่วนในการใชจ้ า่ ย เชน่ “ทรพั ย์มีสสี่ ่วนไซร้ ปูนปัน ภาคหนึง่ พงึ เกียดกนั เกบ็ ไว้ สองสว่ นเบ็ดเสร็จสรรพ์ การกิจ ใชน้ า ยงั อีกส่วนควรให้ จ่ายเลยี้ งตัวตน” ลักษณะของคนดี สอนให้ร้วู า่ คนดคี วรมีลักษณะอยา่ งไร เช่น “ให้ท่านทา่ นจักให้ ตอบสนอง นบท่านทา่ นจักปอง นอบไหว้ รักท่านท่านควรครอง ความรักเรานา สามส่ิงนง่ิ นเ้ี วน้ ไว้ แต่ผทู้ รชน”
คุณคา่ ดา้ นสงั คม โคลงโลกนติ เิ ปน็ โคลงท่ีมีคณุ ค่าต่อสังคมมาก เพราะเปรียบเสมือนเปน็ กระจกส่องใหเ้ ห็นถึงพฤตกิ รรมของ ความเปน็ มนุษย์ท่ีมผี ล ต่อสงั คม โคลงโลกนติ จิ ึงเปรียบเปน็ คมู่ อื ในการใชค้ รองเรือนใหม้ ีความสุข ดารงตนเป็นคนดี อยู่ในสงั คมอยา่ งถูกทานองคลองธรรม เน้ือหาจากวรรณคดีเรือ่ งนจี้ งึ มีผลอย่างมากตอ่ ผู้อา่ นทจ่ี ะทาให้เขา้ ใจ ถงึ ความรู้สกึ นึกคดิ หรือสารที่ผ้แู ตง่ ต้องการสอื่ ออกมา อนั จะสง่ ผลใหเ้ กิดการปรบั เปลย่ี นพฤติกรรม ของคนในสังคมใหด้ ีขน้ึ การนาไปประยกุ ต์ในชวี ติ ประจาวนั โคลงโลกนิติเป็นวรรณคดีคาสอนซึ่งแสดงให้เหน็ วิธกี ารใช้ชวี ิตใหเ้ ป็นสุข และสามารถปฏบิ ัติตน ใหอ้ ย่ใู นกรอบที่ดีของสังคม สาระที่ปรากฏอย่ใู นโคลงผู้อ่านสามารถนาไปประยุกต์ใชก้ บั ชีวติ ได้ เชน่ การใฝ่ศึกษาหาความรู้ ไมว่ ่าในยุคสมัยใดการเรียนถือเปน็ สิง่ สาคัญ ดงั นั้นจงึ ควรขยนั หม่ันเพยี ร เพราะความรู้ไม่มี ใครสามารถขโมยไปได้และยงั สามารถใช้เลี้ยงชีพของตนได้อกี ดว้ ย ดังโคลงบทน้ี “ความรดู้ ยู ิ่งล้า สนิ ทรัพย์ คิดค่าควรเมืองนับ ย่ิงไซร้ เพราะเหตจุ กั อยกู่ ับ กายอาต-มานา โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรเู้ รียนเอา” การเลอื กคบคน การดารงอยู่ในสงั คมยอ่ มพบเจอกับผคู้ นมากมาย ยากทีจ่ ะรู้ว่าใครดีหรอื รา้ ย จากการตดั สนิ แค่ภายนอกเท่านนั้ ดังนน้ั เราจึงควรพจิ ารณาใหถ้ อ่ งแท้ก่อนจะตดั สนิ ว่าเป็นคนเชน่ ไร ดังโคลงบทน้ี “ผลเดื่อเมอื่ สุกไซร้ มีพรรณ ภายนอกแดงดฉู ัน ชาดบา้ ย ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบอ่ น ดุจดังคนใจรา้ ย นอกนนั้ ดงู าม”
คาสอนในโคลงโลกนติ ิ คาสอนในโคลงโลกนติ ินั้นส่วนใหญ่จะเน้นสุภาษิตเข้ามาจะสอนในเรอ่ื งทาดตี ่างๆละเวน้ ความชวั่ สอนใหท้ า ความดี โคลงโลกนิตสิ อนใหร้ ู้จักความดคี วามช่วั การท่เี ราไดร้ ับผลอยา่ งไรย่อมมีเหตจุ ากการกระทาของเราท้ังส้ิน ผ้ทู าดยี ่อมไดร้ บั ผลดีตอบแทน สว่ นผู้ทาช่ัว ผลท่เี กดิ จากการทาชัว่ น้นั ย่อมกดั กรอ่ นใจซง่ึ เปรยี บไดก้ ับสนิมกดั กร่อนเนื้อเหล็กให้ผุพังไป ดังทวี่ า่ สนมิ เหล็กเกดิ แต่เน้อื ในตน กนิ กัดเนือ้ เหลก็ จน กรอ่ นขรา้ บาปเกิดแต่ตนคน เปน็ บาป บาปยอ่ มทาโทษซ้า ใส่ผ้บู าปเอง สอนใหร้ จู้ กั ประมาณตน โคลงโลกนติ ิสอนให้รูจ้ กั ประเมนิ ความสามารถและประมาณกาลงั ของตน นับเป็นคาสอนท่ีสอดคล้องกับแนว พระราชดารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวฯ เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดงั คาสอนที่ใชแ้ นวเทยี บกับนกตัวน้อยท่ี หากินตามกาลังของตนและทารงั แต่พอตัว นกน้อยขนนอ้ ยแต่ พอตัว รงั แต่งจเุ มียผัว อยไู่ ด้ มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด ทาแต่พอตวั ไซร้ อย่าใหค้ นหยัน สอนใหร้ ู้จักพจิ ารณาคนและรู้จักคบเพ่ือน โคลงโลกนติ สิ อนใหร้ จู้ กั พิจารณาเลอื กคบคน โดยกล่าวเปรยี บเทยี บวา่ กา้ นบวั สามารถบอกความตน้ื ลึกของนา้ ได้ฉนั ใด กริ ยิ ามารยาทของคนกส็ ามารถบ่งบอกถงึ การอบรมเล้ียงดูได้ฉันน้ัน คาพูดก็สามารถบง่ บอกใหร้ ู้วา่ คนน้ัน พูดฉลาดหรือพูดโง่ เช่นเดยี วกับหย่อมหญา้ ทเี่ หยี่ วแห้งย่อมบอกใหร้ ู้วา่ ดนิ ในบริเวณน้ันไม่ดี ดังที่วา่
ก้านบวั บอกลึกตนื้ ชลธาร มารยาทส่อสนั ดาน ชาตเิ ชื้อ โฉดฉลาดเพราะคาขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเห่ียวแห้งเรือ้ บอกรา้ นแสลงดิน สอนไมใ่ หท้ าตามอยา่ งผู้อน่ื เมือ่ เหน็ ผูอ้ ืน่ มง่ั มีกวา่ ก็ไม่ควรโลภ ไมค่ วรอยากมีอยากได้ตามคนอื่น แม้จะยากจนกใ็ ห้หมน่ั ทามาหากนิ อยา่ เกียจครา้ นและท้อแท้ ให้รจู้ ักใชช้ ีวิตอย่างพอเพยี ง ดังทวี่ ่า เห็นท่านมอี ย่าเคลิ้ม ใจตาม เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน อตุ สาห์พยายาม การกิจ เอาเยย่ี งอย่างเพ่ือนบ้าน อยา่ ท้อทากิน สอนใหม้ คี วามกตัญญู โคลงโลกนิตสิ อนใหร้ ะลกึ ถึงพระคุณบิดามารดาและครู โดยกลา่ วเปรียบว่าพระคุณของมารดาน้ันยิ่งใหญ่ เปรียบได้กับแผน่ ดนิ พระคุณของบิดาเล่าก็กว้างขวางเปรียบได้กับอากาศ พระคุณของพี่นนั้ สงู เท่ากับยอดเขาพระ สเุ มรุ และพระคุณของครูบาอาจารยก์ ล็ ้าลึกเปรียบไดก้ ับนา้ ในแมน่ า้ ทั้งหลาย ดังที่ว่า คุณแมห่ นักหนาเพี้ยง พสุธา คณุ บิดรดจุ อา- กาศกว้าง คณุ พ่ีพ่างศขิ รา เมรุมาศ คุณพระอาจารยอ์ ้าง อาจสู้สาคร
สอนให้เปน็ คนมวี าจาอ่อนหวาน คนที่พูดจาสภุ าพไพเราะยอ่ มมีเพอ่ื นมาก เปรยี บไดก้ ับดวงจนั ทร์ทีม่ ดี าวจานวนมากรายล้อมประดับ ต่างกับ คนพูดจากระด้างหยาบคาย ทาให้มีไม่ใครปรารถนาจะคบหรือสมาคมด้วย เปรยี บได้กบั ดวงอาทิตยแ์ สงร้อนแรงท่ี บดบงั แสงของดาวดวงอ่นื ดงั ทว่ี า่ อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลอื หลาย หยาบบม่ เี กลอกราย เกล่ือนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดบั นา สุริยาส่องดาราไร้ เพ่ือรอ้ นแรงแสง
ผลเดอื เมอื สุกไซร้ มพี รรณ ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน ดุจดงั คนใจร้าย นอกนันดูงาม
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: