Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความระฆังไม้

บทความระฆังไม้

Published by aum-zxx, 2022-12-06 06:25:22

Description: บทความระฆังไม้

Keywords: บทความ,ระฆัง,ไม้

Search

Read the Text Version

รูปแบบและความเชอื่ ของระฆงั ไม้หรอื โปง ................................................... บทนำ ประเทศไทยเมือ่ กล่าวถึงเรือ่ งของความเชื่อแลว้ จะเห็นได้ว่าความเชื่อของแต่ละกลุ่มคนในสังคมนนั้ ล้วนต่างมีความหลากหลายและการกระจายตัวอยู่เป็นกลุ่มก่อนตามพ้ืนที่และบริบทในสังคมที่แตกต่างกันไป ความเชอ่ื ของผู้คนในสังคมล้วนแต่ถกู ปลกู ฝงั มาจากบรรพบุรุษของแต่ละคน แต่ละเชอ้ื ชาติ และแต่ละศาสนา ซงึ่ โดยความหมายแลว้ จะมคี วามตา่ งในเรอื่ งของการปฏิบัติและการนบั ถือ การใหค้ วามเคารพและความศรัทธา ที่ต่างกันไป ระบบความเชื่อและศาสนาเป็นระบบที่มีความเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ ในสังคม เช่น ระบบ การเมือง ระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ความต่างของระบบความเชื่อในเมืองและในชนบท จะมีความตา่ ง ในเรอ่ื งของความลื่นไหลและการเปล่ียนแปลงความเชื่อไปตามกระแสความนยิ ม ระบบความเช่ือและศาสนาจึง ตอ้ งมีการปรบั ตวั ตามไปดว้ ยแต่ความหมายของระบบความเช่ือและศาสนาไมไ่ ดม้ ีการเปล่ียนแปลงตามไปด้วย ซง่ึ จะสามารถแบง่ ออกได้ 3 ประการ คอื ประการท่ีหนึง่ กลา่ ววา่ ศาสนาเป็นความเชือ่ ในเรื่องส่ิงเหนือธรรมชาติ ประการที่สองศาสนาประกอบด้วยความเชื่อและพิธีกรรม และประการสุดท้ายศาสนาให้คำอธิบายเกี่ยวกับ ความเชอื่ และระเบียบของสังคม (ดนยั ไชยโยธาลทั ธิ, 2538) เร่ืองของความเช่ือของคนไทยทถ่ี ูกแบง่ ออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ นน้ั ไดแ้ ก่ ความเช่ือเร่ืองศาสนา และความเชื่อเร่อื งผีสาง เทวดา ซ่ึงอีกนัยยะหนึง่ คอื ความเชอ่ื แบบพราหมณ์ โดยภายใตค้ วามเชื่อเรื่องศาสนา และเรอ่ื งผีมักจะมคี วามเช่ือมโยงและความสอดคลอ้ งกันเป็นอย่างมาก ดังเชน่ ศาสนาพทุ ธทค่ี นไทยทงั้ ประเทศ ส่วนใหญ่ให้การนับถือและถอื ว่าเป็นศาสนาประจำชาติไทย โดยหลักการของศาสนาพุทธแล้วจะให้ความเชอื่ เรื่องของผลบุญและกรรม การมีเหตุมีผลในการดำเนินชีวิต โดยจะกำหนดให้ผู้คนที่นับถือศาสนาต้องปฏิบัติ ภายใต้กฎระเบียบของศาสนา โดยใช้การควบคุมทางสังคมจาก ศีลธรรม จริยธรรม และการควบคุมโดย โครงสรา้ งทางสังคมของวดั และพระสงฆ์ ซง่ึ ถือว่าเปน็ ผู้ปฏิบตั ติ นอย่างเคร่งทางศาสนา เป็นตัวแทนคําสอนของ พระพุทธเจ้า แต่กระนั้นแล้ว ภายใต้ระบบความเชื่อศาสนาพุทธนี้ ยังผสมผสานความเชื่อเรื่องผีเข้ามา สอดแทรกให้กับผู้คนในสังคมที่นับถือศาสนาเป็นในส่วนของการทำพิธกี รรมต่าง ๆ ที่จะเอาผีเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีบทบาทหน้าที่ในสังคม ในการควบคุมและการให้ความเคารพศรัทธาของคนที่มีความเชื่อ ดังเช่น ใน พิธีกรรมการทำบุญตักบาตร ความหมายโดยตรงของการทำบุญตักบาตร คือ การให้ทานแก่พระสงฆ์ เพื่อให้ พระสงฆ์ได้ปฏิบัติธรรมและเผยแพร่ศาสนาให้แก่ผู้ที่ศรัทธา ส่วนความหมายโดยอ้อมคือการทำบุญตักบาตร เปน็ การนาํ อาหารให้แก่ผทู้ ่ีล่วงลับไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญาติ พ่ีน้อง หรอื ผบี รรพบุรุษกต็ าม (ธีระพงษ์ ทศวัฒน์, 2555) ความศรัทธา ความเชอื่ ถือว่าเป็นสภาพจติ ทย่ี ึดเหนี่ยวกับส่งิ ใดสง่ิ หนง่ึ อยา่ งเหนยี วแนน่ ดว้ ยความมั่นใจ ว่า เม่ือมสี ่งิ น้นั อยู่ในชีวติ แลว้ ความสำเร็จหรือความสุขจะเกิดข้ึนใน ชีวติ ของคนแตล่ ะคนจึงต้องมีศรัทธาต่อสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะมีศรัทธาต่อหลาย ๆ สิ่งเพื่อสร้างพลังใจอันเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนชีวิต ไปสู่ ความสำเร็จในหน้าที่การงานหรืออุดมคติอย่างใดอย่างหน่ึง มนุษย์นั้นมีความศรัทธาได้หลายรูปแบบ เช่น มี

2 ศรัทธาในองคศ์ าสดาพยากรณ์ของแต่ละศาสนา มศี รัทธาในผูป้ ระกาศศาสนา มศี รัทธาในองค์กรของศาสนา มี ศรัทธาในพธิ กี รรม หรอื มศี รทั ธาในส่งิ สูงสุดของศาสนาน้นั ๆ ว่าสามารถปกป้องคุ้มครอง จากทุกข์โศกโรคภัย ได้หรือส่งเสริมให้ตนเองได้รับสิ่งที่ปรารถนา หรือ ช่วยให้หน้าที่การงานที่ตนกระทำอยู่ประสบความสำเร็จ (พระมหาจรรยา สุทธิญาโน, 2559) พุทธศาสนายังมุ่งเน้นความเชื่อศรัทธาในหลักธรรมคำสอน อธิบาย เรอื่ งราวเกีย่ วกับชวี ิต ความเปน็ มาความเป็นอยู่ และความเป็นไป อดตี ปัจจบุ ัน และอนาคต บอกสาเหตุของ ปญั หาตา่ ง ๆ ทำใหเ้ กดิ ความสงบ และความหวังในชีวิต พธิ ีกรรมคอื การแสดงออกถึงความเช่ือเหล่าน้ี ตั้งแต่ คนเกิดจนถึงตาย มีพิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิตพิธีกรรมตามฤดูกาล ตามเทศกาลหรือวันสำคัญที่ศาสดา และ ประเพณไี ดก้ ำหนด และกระทำสืบตอ่ กันมาพิธกี รรมเหลา่ นี้ นอกจากจะให้ความหมายเกีย่ วกับชีวติ แล้ว ยงั เป็น การกระชับความเชื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ด้วยกัน และ ระหว่างมนษุ ยก์ บั ส่ิงแวดล้อม ทำให้หลักธรรม คำสอน และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของศาสนา ไดร้ บั การเคารพนบั ถือ และปฏบิ ตั ิตาม ความเชื่อในศาสนาแสดงออกในการดำเนนิ ชวี ิตประจำวันของผูน้ ับถือศาสนานนั้ ๆ ซ่งึ มกี ฎ หรือบัญญัติ ที่เรียกชื่อต่าง ๆ กันเป็นแนวทาง เช่น พุทธศาสนามีศีลห้า และหลักศีลธรรม จริยธรรม หลาย ประการในพระไตรปฎิ ก กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (2563) กล่าวว่าการปฏิบัติพิธีกรรมของพุทธศาสนิกชน ควร ปฏิบัติตนและเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังนี้ ตอนเช้าท าบุญตักบาตรที่วัด รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และเจริญจิตภาวนาตอนค่ำประชาชนมาร่วมพิธีเวียนเทียนโดยมาพร้อมกันที่หน้าพระ อุโบสถ ในขณะที่เวียนเทียนให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากวันสำคัญทาง พระพุทธศาสนา แล้วยังมวี ันธรรมสวนะหรือเรียกอีกอยา่ งหนึ่งว่า “วันพระ” เป็นวันขึ้น 8 ค่ำ แรม 8 ค่ำ วัน ขนึ้ 15 ค่ำ แรม 15 ค่ำ หรอื 14 ค่ำ ของทกุ เดือน เปน็ วันทช่ี าวพทุ ธมาบำเพญ็ กุศลใหก้ ับตนเอง วันธรรมสวนะ นี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาลถือเป็นวันบำเพ็ญกศุ ลของชาวพุทธทั่วไป การปฏิบัติตนวันธรรมสวนะ หรือวันพระคือ ชาวพทุ ธท่ไี ปทำบญุ ทีว่ ัดในวันพระ คือ เม่อื ถงึ วันพระ ชาวพุทธกไ็ ปทำบุญท่ีวดั เตรยี มอาหารคาว หวาน จัดใส่ ป่นิ โต พร้อมนำดอกไม้ ธูป เทียนบชู าพระประธานท่ีวัด ชาวพุทธไปรกั ษาศีลอุโบสถ รักษาศีลห้า ศีลแปดและ จะนอนค้างที่วัด ชาวพุทธจะไปรักษาศีลอุโบสถ นิยมสวมชุดสีขาว เพื่อระวังจิตใจของตนเองให้ขาวสะอาด บริสุทธิ์ เหมือนผา้ สีขาวท่ใี ส่หรอื สวมชุดสุภาพเรียบรอ้ ย ในขณะที่ กลอง ฆ้อง ระฆัง เป็นสิ่งเคียงคู่พระพุทธศาสนา มานานถือเป็นเครื่องมือแจ้งสัญญาณให้ พุทธศาสนิกชนทราบว่าถึงวันพระแล้วให้พร้อมกันทำบุญทำทานรักษาศีลดำรงตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี นอกจากนี้เสียงของมันยงั ช่วยใหผ้ ูฟ้ ังสบายใจ และอ่ิมบญุ ชาวพทุ ธเชอื่ วา่ การตกี ลอง ฆ้อง ระฆัง หรอื จดั สร้าง ถวายวัดจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายไปไกล ซ้ำมีน้ำเสียงไพเราะก้องกังวาน (Daily News, 2017) ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (2560) เพิ่มเติมว่าสมัยสุโขทัยระฆังมีบทบาทต่อการปกครองของไทยพ่อขุน รามคำแหงมหาราชได้ทรงตง้ั ระฆงั ใบใหญ่ไว้ท่ีหนา้ วงั เพอื่ ใหไ้ พร่ฟา้ ประชาชน ทเี่ ดือดร้อนและไม่สามารถร้อง ขอความช่วยเหลือ หรอื ความเป็นธรรมได้มาตี เพื่อให้พระองคม์ าชว่ ยเหลอื สงั คมชนบทท่ีมีการเลี้ยงวัว ควาย ไว้ใช้งาน เราก็จะสังเกตเห็นลูกกระพรวน หรอื กระด่ิงทีห่ ้อยคอสัตว์เหล่านัน้ ไว้ เป็นการห้อยไวใ้ ห้เกดิ เสียงดัง เมื่อมันเดิน เพื่อใหเ้ จา้ ของได้ยินกันวัวหายหรือถกู ลักขโมยไป เสียงลูกกระดิ่งจากฝงู วัวขณะตอ้ นฝูงววั ออกหา

3 กินตอนเช้า และขณะตอ้ นฝูงวัวกลับบ้านตอนเย็น ยังเป็นสง่ิ บอกเวลาให้กับคนในชุมชนด้วยว่าได้เวลาออกทำ มาหากิน และเวลาพักผอ่ นแลว้ เมื่อเราเขา้ วดั เราจะไดย้ นิ เสยี งกระด่ิงดังบนช่อฟ้า หลังคาวัดมีกระดงิ่ แขวน นน่ั ก็เป็นเพราะความเชื่อของคนไทยที่เชื่อว่า กาทำบุญด้วยกระดิ่งจะได้บุญ เพราะเสียงของกระดิ่งจะเป็นการ เรียกเงิน เรียกทอง และชือ่ เสยี งให้กับตนจริง ๆ แลว้ การทำบญุ ดว้ ยกระดิง่ น่าจะจำลองมาจากการทำบุญด้วย ระฆัง ซึ่งแม้ว่าการทำบุญด้วยระฆังจะได้บุญมากก็ตาม แต่เนื่องจากระฆังนัน้ ใบใหญ่ น้ำหนักมาก มีราคาแพง จึงเปลี่ยนมาเป็นกระดิ่งแทน ส่วนวัดในชนบทของอีสานนิยมใช้ \"โปง\" ตีบอกเวลาในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกบั พระพุทธศาสนา เป็นการสื่อสารระหว่างพระกับชาวบ้าน โปง ซึ่งทำด้วยไมเ้ นื้อแขง็ ให้เสียงทุ้มนุ่มนวลและได้ ยินไปไกล โปงจะผูกไว้ใต้ถุนกุฏิหรือหอแจก จึงไม่จำเป็นต้องทำโรงเรือน ต่อมาเมื่อวัดในอีสานไดร้ ับอิทธิพล จากเมืองหลวงในการใช้ระฆงั หรือกลองเป็นสัญญาณเสียง ประกอบกับไม้ทำโปงเริ่มหายาก และโปงเก่าเมื่อ กระทุ้งบอ่ ยๆ กจ็ ะสกึ และชำรุดจนทำให้เสยี งเสียไป วัดจึงได้สร้างหอสูง 3 ชัน้ ขนึ้ โดยรวมทัง้ ระฆงั กลอง และ โปง ให้อยู่ในหอเดียวกัน ลักกษณะเด่นเชิงรูปธรรม รูปทรงโปร่ง มี 3 ชั้นสูงในแนวตั้ง หลังคาจตุรมุขซอ้ นช้ัน ยอดแหลม มีการแกะสลักไม้เป็นลายนาค ลายก้านขด ลายเครือวัลย์ ส่วนลักษณะเด่นเชิงนามธรรม เป็น สัญญาณการสอื่ สารทเี่ กยี่ วเนือ่ งกับกิจกรรมทางพทุ ธศาสนา สรา้ งความสัมพนั ธ์ระหว่างพระกบั ชาวบา้ นในสมัย โบราณ การบอกเวลาในโมงยามต่าง ๆ จะใชก้ ารตีเกราะ เคาะไม้เพ่ือบอกเวลา หรือแจง้ ข่าวสาร ประชุมคนใน ชุมชน ต่อมามีการตีโปง กลอง หรือระฆัง เพื่อใช้บอกเวลาในการกระทำการที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น บอกเวลาทำวัตรเช้า เย็น บอกเวลาบิณฑบาตรของพระเณร บอกเวลาฉันเพล เป็นต้น เราจึงพบว่า ในวัดวา อารามมีการสรา้ งตวั อาคารสำหรับใช้แขวนโปง กลองและระฆงั เหล่าน้ี ในการเป็นศูนย์กลางของการบอกเวลา ท่ีเรียกว่า หอระฆังและหอกลอง คำว่า \"โปง\" หมายถึง ระฆงั ใหญ่ ทำดว้ ยไม้ ใช้กระทงุ้ ใหเ้ กิดเสียง โปง หรอื กะ ปงุ เปน็ เครือ่ งตีบอกอาณัตสิ ญั ญาณของพระสงฆ์ในวดั แทนการตีระฆัง หรอื กลอง เพราะเสียงโปงจะดงั กงั วาน กวา่ ระฆงั หรอื กลอง โปงทำดว้ ยไม้เน้อื แขง็ เชน่ ไม้ตะเคยี นทอ่ นใหญต่ ดั หวั ท้าย แล้วนำมาขดุ ใหเ้ ปน็ โพรงกลวง ข้างใน คว่ำด้านที่ขุดเป็นโพรงลงดา้ นล่าง เจาะด้านข้างเป็นรูทั้งสองข้างเพือ่ เป็นรูเสียง หรือรูแพ แล้วเจาะรู ด้านบนสำหรบั สอดไมค้ ้ำโปงกบั เสาแขวนไวใ้ ต้หอระฆัง เวลาตีใช้ไม้ท่อนใหญๆ่ ลักษณะคล้ายสากกระทุ้งโปง เพ่ือใหเ้ กดิ เสียง กรยิ ากระทุง้ โปงภาษาท้องถ่นิ อสี านเรียก \"ทัง่ โปง\" กระทุ้งโปงตามกาลเวลา คอื เวลาเช้า ก่อน พระบิณฆบาต เพ่ือใหญ้ าตโิ ยมเตรียมตวั ตักบาตร เวลาเย็น เพ่อื ประโยชน์ให้คนทหี่ ลงปา่ กลับมาถกู ทิศ เวลาย่ำ ค่ำ ในช่วงเข้าพรรษาเพื่อให้พระลงทำวัตรเย็น และเวลายามวิกาล แสดงว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นในวัด และแจ้ง ข่าวสารให้ชาวบ้านได้ทราบว่าทางวัดขอความช่วยเหลือ เช่น โปงไม้ที่วัดสุปัฏนารามวรวิหารนี้ ทำด้วยไม้ ตะเคียน (ไม้แคน) สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2467 พระบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) มอบหมายให้ พระครู วิโรจน์รตั โนบล (รอด นนตโร หรือหลวงพ่อดีโลด) เป็นนายชา่ งสร้างโปงใบนี้ ปัจจุบันแขวนอยู่ใต้หอระฆัง แต่ เลิกใช้งานแล้ว เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ (ช่างท้องถิ่น) โดยมีขนาด ความสูง 357 เซนติเมตร เส้นผา่ ศูนย์กลาง 102.3 เซนตเิ มตร ดงั ภาพที่ 1

4 ภาพท่ี 1 ระฆงั ไม้ หรอื โปงไมข้ องภาคอีสาน สรปุ รูปแบบและความเชื่อของระฆังไม้หรือทางอีสานเรียกว่า โปง ใช้เป็นเหมือนระฆังตีบอกเวลาใน กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา เป็นการสื่อสารระหว่างพระกับชาวบ้าน ใช้เป็นการบอกเวลาในโมง ยามต่าง ๆ หรือแจ้งข่าวสาร ประชุมคนในชุมชน และตีระฆังไม้หรือโปงเพือ่ ใช้บอกเวลาในการกระทำการท่ี เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น บอกเวลาทำวัตรเช้า เย็น บอกเวลาบิณฑบาตรของพระเณร บอกเวลาฉันเพล เพื่อให้ญาติโยมเตรียมตัวตักบาตร เวลาเย็น เพื่อประโยชน์ให้คนที่หลงป่ากลับมาถูกทิศ เวลาย่ำค่ำ ในช่วง เข้าพรรษาเพื่อให้พระลงทำวัตรเย็น และเวลายามวิกาล ใช้แจ้งการเกิดเหตุร้ายขึ้นในวัด และแจ้งข่าวสารให้ ชาวบ้านได้ทราบว่าทางวัดขอความช่วยเหลือ ซึ่งมีความเชื่อว่าการตีระฆังไม้หรือโปงที่ไม่ใช่เวลาที่กำหนด แสดงว่าเป็นการแจ้งข่าวสารร้าย ๆ เก่ียวกับวัด หรอื ชมุ ชน

5 เอกสารอ้างองิ กรมการศาสนา (2563). ศาสนพีและมารยาทไทย. พมิ พ์ครั้งที่ 4 กระทรวงวฒั นธรรม โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. พระมหาจรรยา สุทธิญาโน (2559). พทุ ธปญั ญากบั การศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: สถาบันปัญญานันทะ. ดนัย ไชยโยธาลทั ธิ (2538). ศาสนา และระบบความเช่ือกบั ประเพณีนิยมในทอ้ งถิน่ . กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ โอเดียนสโตร์ ธีระพงษ์ ทศวัฒน์ (2555). ระบบความเชอ่ื เรื่องปรางค์ก่:ู กรณศี กึ ษา บ้านปรางค์กู่ ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จงั หวัดรอ้ ยเอด็ . เอกสารวชิ าการเสนอผลงานวจิ ัยระดับบณั ฑติ ศกึ ษา ครัง้ ท่ี 13 ขอนแก่น: โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . ศริ ิพจน์ เหล่ามานะเจรญิ (2560). \"ระฆงั \" สมัยพ่อขุนรามคำแหง. เขา้ ถงึ ขอ้ มูล 2565, 20 กนั ยายน จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_78551 Thai Youth Encyclopedia (2012). Dailynews. (2017). ตฆี ้องระฆงั เสริมมงคล. เข้าถงึ ข้อมลู 2565, ตลุ าคม 18, from https:// www.dailynews.co.th/article/208215.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook