วิวฒั นาการของสิง่ มีชวี ติ ตามยุคทางธรณี มหายุคพาลโี อโซอกิ (Paleozoic era) 1. นายกรี มนั ตาเละ รหัสนิสติ 641011097 รหสั นิสิต 641011100 2. นายซลู กอร์นยั หะยีสะนิ รหสั นสิ ิต 641011101 รหสั นิสติ 641011108 3. นางสาวณรี นชุ โสภิโต รหัสนสิ ติ 641011122 รหัสนสิ ติ 641011129 4. นางสาวนิรชา นม่ิ เปยี 5. นางสาวสจุ ติ รา ละใบง๊ะ 6. นางสาวอิษฎาอร สดุ แดง เสนอ ผศ.ดร.นิสากร กลา้ ณรงค์ รายงานฉบบั นเ้ี ป็นสว่ นหน่งึ ของการเรยี นวิชา 0116121 ภูมิศาสตรม์ นษุ ย์ สาขาภูมิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ วิทยาเขตสงขลา ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
ก คำนำ รายงานเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตตามยุคทางธรณี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 0116121 ภูมิศาสตร์มนุษย์ เพื่อให้ได้เป็นสื่อทางการศึกษาหาความรู้ในเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตตามยุค ทางธรณี และไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพือ่ เปน็ ประโยชนก์ ับบคุ คลทม่ี ีความสนใจในเรอ่ื งนี้ โดยในรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมเน้ือหาที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชวี ติ ตามยุคทางธรณี ในมหายุค พาลีโอโซอิก (Paleozoic era) ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาของแต่ละยุคสมัย การกำเนิดของสิ่งมีชีวิต การสูญพันธ์ ของสงิ่ มชี วี ิต รวมไปท้ังปัจจยั ทท่ี ำให้มกี ารกำเนิดของสงิ่ มชี ีวติ และการสญู พนั ธ์ของสิ่งมีชีวิต เปน็ ตน้ คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ ผศ.ดร.นิสากร กล้าณรงค์ อาจารย์ประจำรายวิชาที่ได้ให้คำปรึกษาใน เรื่องของการจัดทำรายงานฉบับนี้ และขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงานฉบับนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วย ด้วยดี และหวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นปะโยชน์ต่อผู้อ่าน ผู้ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ไม่มากก็น้อย หากมี ขอ้ เสนอแนะหรือขอ้ ผดิ พลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรบั ไวแ้ ละขออภัยมา ณ ทน่ี ี้ คณะผจู้ ัดทำ
ข สารบัญ คำนำ .............................................................................................................................................................. ก สารบัญ ........................................................................................................................................................... ข บทนำ.............................................................................................................................................................. 1 มหายุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic era) ............................................................................................................ 2 1.1 ยคุ แคมเบรยี น (Cambrian Period) .................................................................................................... 3 1.2 ยุคออรโ์ ดวิเชยี น (Ordovician Period)............................................................................................... 4 ช่วงเวลาของยคุ ออรโ์ ดวิเชยี น ................................................................................................................. 4 การกำเนิดของสิง่ มชี ีวติ (สัตว์ พชื มนุษย)์ ในยุคออร์โดวิเชียน................................................................... 4 ปจั จยั สง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ ป็นสาเหตุใหเ้ กดิ การกำเนิดและสญู พันธ์ .................................................................. 4 1.3 ยคุ ไซลูเรียน (Silurian)......................................................................................................................... 6 ชว่ งเวลาของยคุ ไซลเู รยี น ........................................................................................................................ 6 การกำเนิดและสูญพนั ธ์........................................................................................................................... 6 สภาพภูมิอากาศ...................................................................................................................................... 7 1.4 ยุคดโี วเนียน (Devonian Period)........................................................................................................ 7 ชว่ งเวลาของยคุ ดีโวเนียน........................................................................................................................ 7 การกำเนิดของส่งิ มชี ีวติ ........................................................................................................................... 8 ปจั จัยสง่ิ แวดล้อมท่เี ปน็ สาเหตุ ................................................................................................................ 9 1.5 ยุคคารบ์ อนิเฟอรสั (Carboniferous Period)...................................................................................... 9 การกำเนิดของส่งิ มีชีวติ ......................................................................................................................... 10 ปัจจยั การกำเนิดของส่ิงมีชวี ิตในยคุ คาร์บอนนิเฟอรสั ............................................................................ 11 การสูญพนั ธุ์ของสง่ิ มชี วี ิตในยุคคารบ์ อนเิ ฟอรัส ..................................................................................... 11 1.6 ยคุ เพอร์เมียน..................................................................................................................................... 12 การสูญพันธุ์ยคุ เพอรเ์ มียน-ยคุ ไทรแอสซิก............................................................................................. 12 บรรณานุกรม ................................................................................................................................................ 15
1 บทนำ มหายุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic era) ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ 545-245 ล้านปี คิดเป็นประมาณ 7% ของประวัติศาสตร์โลก สิ่งมีชีวิตในมหายุคพาลโี อโซอิกตอนต้นโดยส่วนใหญ่เป็นสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลังท่ี อาศยั จำกดั อยู่เฉพาะในทะเล เช่น ปะการงั ไครนอยด์ ไทรโลไบต์ สว่ นมหายคุ พาลโี อโซอิกตอนกลาง สิ่งมีชีวิต มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก แมลงและพืชเคลื่อนที่สู่แผ่นดิน เกิดพืช เช่น เฟิร์นและต้นไม้ที่ไม่มี เมล็ด ในขณะท่ีมหายุคพาลีโอโซอิกตอนปลาย สัตวค์ ร่ึงบกครึง่ น้ำและสตั ว์เลื้อยคลานเร่ิมมีวิวัฒนาการมากข้ึน (สนั ติ ภัยหลบล,้ี 2555) “ตลอดประวัตศิ าสตร์ของโลกมีส่งิ มีชวี ติ เกดิ ขนึ้ มาอย่างหลากหลาย และกม็ กี ารสญู พันธุ์ เกิดข้ึนหลาย คร้ัง ใหญบ่ ้าง เล็กบา้ ง ทงั้ น้ีนกั บรรพชีวนิ วทิ ยาใช้ฟอสซิลเป็นหลักฐานในการระบุช่วงเวลาท่ีส่ิงมีชีวิตบางอย่าง สญู หายไปวงการวชิ าการเห็นตรงกันว่า การสญู พนั ธุ์คร้งั ใหญ่เกิดขน้ึ มาแล้วอย่างน้อย 5 ครงั้ เรยี กวา่ The Big Five mass extinction events หรือเรียกสั้นๆ วา่ The Big Five extinctions กไ็ ด้ส่วนในปัจจบุ ัน สันนษิ ฐาน กันว่าการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่ 6 กำลังดำเนินอยู่ มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น The Sixth extinction, Holocene extinction และ Anthropocene extinction เปน็ ต้น” (ดร.บัญชา ธนบญุ สมบตั ิ, 2560)
2 มหายคุ พาลีโอโซอิก (Paleozoic era) มหายุคพาลีโอโซอิก (Paleozoic Era) เป็นช่วงของ 590 – 248 ล้านปีก่อน เริ่มมีสัตว์พวกที่ไม่มี กระดูกสันหลังซึ่งมีทั้งที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ไตรโลไบต์ (trilobite) แอมโมไนต์ (ammonite) หอย ปลา รวมทั้งแมลง สัตว์เลื้อยคลาน และสัตวค์ รึ่งบกครึง่ น้ำ เริ่มพบสาหร่าย เห็ดรา พืชบกชั้นต่ำ เริ่มจาก พืชไม่มเี นอื้ เย่ือลำเลยี ง เฟิร์น ไปจนถงึ พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียง มหายุคพาลโี อโซอิกสิน้ สุดลงเม่ือมีการสูญพันธ์ุครั้ง ใหญ่ ซึง่ อาจเกิดเนอ่ื งจากการเกิดยุคน้ำแข็งฉับพลนั หรอื เกิดภูเขาไฟระเบิด ทำให้มีการสูญพนั ธ์ขุ องสิ่งมีชีวิตทั้ง ในทะเลและบนพน้ื ดนิ จำนวนมาก โดยนกั วิทยาศาสตร์แบง่ ย่อยมหายคุ พาลโี อโซอกิ ออกเป็น 6 ยุค บรมยคุ มหายคุ ยคุ เวลา เหตุการณ์ (Aeon) (Era) (Period) (ล้านปกี ่อน) แคมเบรียน 590-505 สตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั อยใู่ นทะเล ออร์โดวเิ ชียน 505-438 หอยและปู ปลาไม่มีขากรรไกร ไซลเู รยี น 438-408 พชื บกใชส้ ปอร์ ปลามขี ากรรไกร ฟาเนอโรโซอิก พาลีโอโซอกิ 408-360 แมลง สัตว์ครึง่ บกคร่ึงน้ำ พืชมีทอ่ ดโี วเนยี น คาร์บอนิเฟอรัส 360-286 ปา่ ผืนใหญ่ เกิดสัตว์เลื้อยคลาน เพอรเ์ มยี น 286-248 เฟริ ์นและสน การสญู พนั ธค์ุ รั้งใหญ่ทีส่ ดุ ตารางที่ 1 แสดงเวลาทางธรณวี ทิ ยา (ทมี่ า : http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/geologic- time/fossil)
3 1.1 ยุคแคมเบรียน (Cambrian Period) เป็นธรณียุคแรกของมหายุคพาลีโอโซอกิ (Paleozoic Era) อยใู่ นช่วง 590 ล้านปี ถึง 505 ล้านปี มาแล้ว กอ่ นจะเข้าสู่ยคุ ออร์โดวเิ ชยี น คำว่าแคมเบรียนตั้งโดย อดมั ซดิ กว์ ิค (Adam Sedgwick) เป็นชอ่ื โรมนั ของเวลส์ซ่ึงเปน็ สถานที่ท่ีพบหินยุคแคมเบรียนดีทส่ี ดุ ของอังกฤษ ตารางท่ี 1.1.1 แสดงวิทยาการลำดับเวลา (ทีม่ า : https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยุคแคมเบรียน) ยุคแคมเบรียนเป็นช่วงสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของส่ิงมีชีวิตบนโลก ก่อนยุคแคมเบรียน สิ่งมีชีวิต นั้นมีขนาดเล็กและเรียบง่าย ก่อนจะค่อยๆเป็นองค์ประกอบซบั ซอ้ นในอีกล้านปีถัดมาก่อนหน้ายุคแคมเบรยี น รปู แบบของสง่ิ มีชวี ติ มคี วามหลากหลายและเกดิ ขึ้นอย่างรวดเรว็ เป็นการ ระเบิด” ทางชวี ภาพ ทจี่ ู่ ๆสิ่งมชี วี ิต ก็เกิดอุบัติมาพร้อมๆกันในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์ดังกล่าวเรียกว่า Cambrian explosion หรือ Biological Big Bang สิ่งมีชีวิตที่บังเกิดขึ้นมีหน้าตาก็ล้วนแปลกประหลาดอัศจรรย์ทั้งสิ้น เป็นสิ่งมีชีวิตไม่มี กระดูกสันหลังมีกระดองอาศัยอยู่ในทะเล เช่น ไทรโลไบต์ หอยสองฝา ฟองน้ำ เป็นต้น พืชส่วนใหญ่เป็น สาหรา่ ยสีเขียว ในยุคนีไ้ มพ่ บส่ิงมีชวี ิตบนพื้นดนิ
4 รูปภาพที่ 1.1.1 ฟอสซลิ ไทรโลไบตใ์ นยคุ แคมเบรียน (ทม่ี า : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic- era/) มีเกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเลพวก brachiopod, conodont และ trilobite มากมาย สาเหตุการสูญพันธ์ุ อาจเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เกิดยุคน้ำแข็งฉับพลัน ทำให้ปริมาณน้ำและ ออกซิเจนในนำ้ นอ้ ยลงจึงสง่ ผลอยา่ งมากต่อส่ิงมีชวี ติ ในน้ำ 1.2 ยคุ ออรโ์ ดวิเชียน (Ordovician Period) ช่วงเวลาของยคุ ออรโ์ ดวิเชียน มีช่วงเวลา 505-438 ล้านปีที่ผ่านมา เป็นธรณีกาลยุคที่2 ของมหายุคพาลีโซอิก อยู่ระหว่าง 505 ล้าน ปีมาแล้ว ถงึ 438 ล้านปมี าแล้ว และอย่รู ะหวา่ งยุคแคมเบรียนและยคุ ไซลูเรยี น การกำเนิดของส่ิงมีชีวติ (สตั ว์ พืช มนษุ ย์)ในยุคออร์โดวิเชียน ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สโตรมาโทไลต์ลดน้อยลง เกิดปะการัง ไบรโอซัว และปลาหมึก สัตว์ทะเลแพร่พันธ์ขึ้นสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดสัตว์มีกระดูสันหลังขึ้นเป็นครั้งแรก คือ ปลาไม่มี ขากรรไกร และเกดิ สปอร์ของพชื บนบกครั้งแรก ปจั จยั ส่งิ แวดล้อมทีเ่ ป็นสาเหตใุ หเ้ กดิ การกำเนิดและสญู พนั ธ์ของสิ่งมีชีวิตในยคุ ออร์โดวเิ ชียน การสูญพันธใ์ นครั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมท่ีเกิดขึ้นในเวลาน้ัน อุณหภูมิที่ลดลง ทำให้เกิดยุคน้ำแข็ง สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยอยู่ในทะเลจึงสูญพันธ์มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีชีวิตรอดจากธารน้ำแขง็ และอีกสาเหตุของการสูญพันธ์คือเกิดจากระดับน้ำทะเลที่ลดลง เนื่องจากสิ่งมชี ีวิตส่วนใหญ่อาศยั อยู่ทางทะเล จึงทำใหเ้ กิดการสญู พนั ธ์
5 รปู ภาพที่ 1.2.1 ปลาไม่มขี ากรรไกร (ที่มา : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/) รูปภาพท่ี 1.2.2 ตัวอยา่ งร่องรอยขัดสีบนหิน (glacial striation) ท่ีถูกขดั สจี ากเม็ดตะกอนเล็กๆ ที่อยู่ใต้ชน้ั ธาร น้ำแข็ง พบในอุทยานแห่งชาติเมาท์เรนเนียร์ รัฐวอชิงตนั สหรัฐอเมริกา ดเู หมือนกบั ว่าหินถกู ขดั ดว้ ยกระดาษ ทราย (ทม่ี า : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/)
6 1.3 ยคุ ไซลเู รยี น (Silurian) ช่วงเวลาของยุคไซลูเรียน ยุคไซลูเรียนกินเวลาประมาณ 25 ล้านปีโดยเริ่มตั้งแต่ประมาณ 438 ล้านปีก่อนจนถึงประมาณ 408 ลา้ นปที แี่ ล้ว ในชว่ งเวลานีเ้ ป็นเรอ่ื งปกติทม่ี นั จะอยใู่ นแหล่งน้ำตืน้ ๆ บนพนื้ ผวิ ของทวีปเน่ืองจากระดับน้ำทะเล ค่อนข้างสูง สำหรับนกั วิทยาศาสตรช์ ่วงเวลา Silurian ค่อนข้างนา่ สนใจเนอ่ื งจากมีการเปลยี่ นแปลงทงั้ ในระดับ ธรณวี ิทยาและระดับความหลากหลายทางชวี ภาพ นักธรณวี ทิ ยาได้ใช้การสูญพันธุ์คร้งั ใหญใ่ นยุคออร์โดวิเชียน- ไซลูเรียน เป็นตัวแบ่งยุคไซลูเรียนกับออร์โดวิเชียน ซึ่งจากการสูญพันธุ์นั้น ทำให้สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลกว่า 60 % หายไป การกำเนิดและสญู พนั ธ์ของสง่ิ มีชวี ติ ในยคุ ไซลูเรยี น ในยคุ นีพ้ ชื น้ำและสาหร่าย ไดป้ รับตวั เพอ่ื ไม่ให้เกิดการสูญพันธุ์ โดยวิวัฒนาการมาเป็นพชื บก แต่พืชบก นี้พบได้แค่ตามชายทะเลเท่านั้น ในปลายยุคไซลูเรียนมีสัตว์บกเป็นครัง้ แรก ซึ่งเป็นสัตว์ขาปล้องขนาดเล็ก แต่ มันก็ยังมีจำนวนไม่มากและยังไม่ได้ขึ้นมาอาศัยบนบกทั้งหมด จนกระทั่งถึงยุคดีโวเนียน \"ยูริพเทริดส์\" เป็น ส่วนหนึ่งของ \"อาร์โทรพ็อด\" หรือสัตว์ที่มีขาเป็นปล้อง ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับ พวกแมงมุม และปู เกือกม้าใน ปัจจุบัน \"ยูริพเทริดส์\" ในยุคบรรพกาลมีอยู่อย่างน้อย 20 ชนิด แต่ที่ค้นพบใหม่นี้เป็นชนิดที่ไม่เคยพบกันมา ก่อน ทีมวิจัยให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า \"เพนเทคอพเทรัส เดโคราเฮนซิส\" (Pentecopterus decorahensis) ซ่ึง เจา้ หน้าทสี่ ำรวจทางธรณีวทิ ยาแหง่ ไอโอวา ขุดค้นพบใน อพั เปอร์ ไอโอวา รเิ วอร์ ระหวา่ งการสำรวจเพ่ือจัดทำ แผนที่ ในเมือง เดโคราห์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไอโอวา สหรัฐอเมริกา ตัวฟอสซิลอยู่ในสภาพเกือบ สมบูรณ์อย่ทู ก่ี ้นหลมุ อกุ กาบาต ซ่งึ ตกสู่โลกเมื่อ 470 ลา้ นปีกอ่ น รปู ภาพที่ 1.3.1 รูปสัตว์ขาปล้องและรปู ยูริพเทริดส์ (ท่มี า: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441867746 )
7 สภาพภูมิอากาศในช่วง Silurian ตลอดช่วงเวลานี้สภาพอากาศของดาวเคราะห์มีเสถียรภาพ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของ สภาพอากาศในระดับโลกอีกต่อไป ส่วนใหญ่ Silurian หนง่ึ โดดเดน่ ในชว่ งทมี่ ีอากาศอบอุ่น ธารน้ำแข็งท่ีก่อตัว ขึ้นในช่วงออร์โดวิเชียนตั้งอยู่ทางขั้วใต้ของโลกและผลจากการละลายของพวกมัน ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น แม้ว่าโดยทั่วไปจะเป็นช่วงที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่ก็มีบันทึกฟอสซิลที่บ่งชี้ว่าเป็นช่วงที่มีพายุค่อนข้างน้อย ต่อจากนั้นอุณหภูมิของส่ิงแวดล้อมโลกดูเหมือนจะเริ่มลดลงทำให้สิ่งแวดล้อมเย็นลงเล็กนอ้ ย อุณหภูมิทีล่ ดลง นีไ้ ม่ไดท้ ำใหเ้ กดิ ยคุ นำ้ แข็ง. ในตอนทา้ ยของ Silurian และเข้าสู่ Devonian แล้วสภาพอากาศค่อนขา้ งชื้นและ อบอนุ่ ขึ้นพร้อมกบั การตกตะกอนจำนวนมาก ตารางที่ 1.3.1 แสดงเฉลยี่ สภาพอากาศ (ที่มา: wikipedia ) 1.4 ยคุ ดโี วเนยี น (Devonian Period) ชว่ งเวลาของยุคดีโวเนียน เปน็ ยคุ ที่สขี่ องมหายคุ พาลโี อโซอิก ยุคน้เี ริม่ นับตั้งแต่จุดสิ้นสุดของยุคไซลู เรียน เมื่อประมาณ 408 ล้านปีก่อน และสิ้นสุดลงเมื่อก่อนเริ่มยุคคาร์บอนิเฟอรัส ประมาณ 360 ล้านปีก่อน ยุคนี้ตง้ั ชือ่ ตามเดวอน ประเทศอังกฤษ ซ่งึ เป็นสถานทแ่ี หง่ แรกทม่ี ีการศึกษาหนิ ของยุคนี้
8 รูปภาพท่ี 1.4.1 แผนทโี่ ลกในชว่ งชว่ งอายเุ อมเชยี นตอนต้นของยุคดีโวเนียน (400 ลา้ นปีก่อน) (ทมี่ า : https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยคุ ดีโวเนียน ) การกำเนดิ ของส่ิงมีชีวิต ยุคดีโวเนียนนี้เปน็ ยคุ แรกท่ีมสี ่ิงมชี วี ิตบนบกและพชื บกเรมิ่ กระจายเข้าส่แู ผน่ ดินส่วนในให้เริ่มมีการก่อ ตัวเป็นป่าซึ่งจะค่อยๆปกคลมุ ทวีปช่วงกลางยุคดีโวเนียนพืชบางชนิดจะเริ่มววิ ัฒนาการเป็นพืชมใี บและมีรากที่ มั่นคงและยุคนี้มีปลาชุกชุมจึงถูกเรียกว่า ยุคแห่งปลา (Age of Fish)ปลาหลายชนิดได้เริ่มวิวัฒนาการขึ้นซ่ึง ภายหลังพวกมันเป็นต้นตระกูลของปลาขนาดใหญ่หลายชนิด ขณะที่ปลามีเกราะได้เริ่มลดจำนวนลงในแหล่ง น้ำทุกๆแห่ง และบรรพบุรุษของสัตว์สี่ขาได้เริ่มขึ้นมาเดินอยู่บนบก ครีบของพวกมันได้วิวัฒนาการมาเป็นขา ส่วนในทะเล ฉลามดึกดำบรรพ์มีจำนวนมากขึ้นกว่าที่มีในยุคไซลูเรียนและปลายยุคคออร์และปลายยุคดีโว เนียนไดเ้ กดิ การสูญพันธขุ์ ึ้น เมอื่ ประมาณ 375 ล้านปกี อ่ น รูปภาพที่ 1.4.2 แอมโมไนต์ (ที่มา : http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/geologic-time/fossil )
9 ปจั จัยสิ่งแวดลอ้ มท่ีเป็นสาเหตุให้เกดิ การกำเนดิ และสูญพนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวิต การสญู พันธใ์ุ นปลายยุคออร์โดวิเชียน เปน็ ผลจากยคุ น้ำแขง็ ที่ทำให้ระดบั น้ำทะเลลดลง ทำใหร้ ะบบนิเวศท่ี อยู่บริเวณน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งได้รับ ผลกระทบอย่างรุนแรง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สิ่งมีชีวิต ในทะเลสูญพันธ์ุไป ราว 85% (เมอ่ื นับจำนวนพันธ์ุ หรือสปีชีส์) เลยทีเดียว และหากนับเปน็ จำนวนสกุล ท่ีหายไป การสูญพันธ์ุครั้ง นจ้ี ะใหญ่เป็นอนั ดบั ทส่ี อง ตวั อยา่ งสิ่งมชี วี ิตท่ีไดร้ ับผลกระทบ ได้แก่ โคโนดอนต์ ไทรโลไบต์ และแกรปโทไลต รูปภาพท่ี 1.4.3 แกรปโทไลต์ สง่ิ มีชีวิตท่ีได้รบั ผลกระทบในปลายยุคออรโ์ ดวิเชยี น (แตส่ ญู พนั ธ์ุไปหมดในปลาย ยุคคารบ์ อนิเฟอรสั ) (ท่ีมา : https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/304_68.pdf ) 1.5 ยุคคาร์บอนเิ ฟอรสั (Carboniferous Period) ยุคคาร์บอนิเฟอรัสเป็นยุคช่วงที่ 5 ของมหายุคพาลีโอโซอิกสืบต่อจากยุคดีโวเนียนและก่อนยุคเพอร์ เมียน ในแง่ของเวลาสมั บูรณ์ยุคคาร์บอนิเฟอรัสเริม่ ขึน้ เม่ือประมาณ 358.9 ล้านปีก่อนและสิน้ สุดเม่ือ 298.9 ล้าน ปกี ่อน ระยะเวลาประมาณ 60 ลา้ นปที ีผ่ ่านมาทำให้มนั เป็นชว่ งเวลาทีย่ าวท่สี ุดของมหายุคพาลีโอโซอิก หินท่ีก่อ ตวั หรือทับถมในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นระบบคาร์บอนิเฟอรัส ช่ือคารบ์ อนเิ ฟอรสั หมายถงึ ชน้ั ที่มีถ่านหินซ่ึงแสดง ลักษณะส่วนบนของซกี โลก รปู ภาพที่ 1.5.1 ยุคคาร์บอนเิ ฟอรัส (Carboniferous) (ที่มา : https://delphipages.live/th/วทิ ยาศาสตร์/ วทิ ยาศาสตร์โลกธรณีวทิ ยาและฟอสซลิ /ฟอสชลิ และเวลาทางธรณี/carboniferous-period)
10 การกำเนิดของสิง่ มีชีวิต เกดิ ปา่ เฟินขนาดยักษ์ปกคลุมหว้ ย หนอง คลองบึง ซง่ึ กลายเป็นแหลง่ น้ำมนั ดบิ ท่สี ำคัญในปัจจุบนั มี การแพร่พันธข์ุ องแมลง และสัตวค์ รึง่ บกครง่ึ น้ำ เร่มิ มวี ิวฒั นาการของสตั ว์เลอื้ ยคลาน กำเนดิ ไม้ตระกูลสน ช่วงแรกเกิดตน้ ไมโ้ บราณขนาดใหญ่ และพืน้ ท่ีลุ่มชื้นบนแผ่นดนิ พบสัตวม์ กี ระดกู สันหลังบนแผ่นดนิ ชนิดแรก และสตั ว์คร่งึ บกครง่ึ นำ้ เกิดปลานำ้ จดื ขนาดใหญ่ทม่ี ีครีบพู่ (Rhizodontida) ในมหาสมุทรเกิดปลาฉลามยุคแรก และมหี ลากหลายชนดิ เกิดแมงป่องทะเล ไครนอยด์ ปะการัง โกเนยี ไทต-์ แอมโมนอยด์ และแบรคโิ อพอด พบ ไดท้ ว่ั ไป แต่ ไทรโลไบต์ และนอตลิ อยด์ พบชนิด และจำนวนนอ้ ยลง รูปภาพท่ี 1.5.2 ป่าเฟินขนาดยกั ษ์ ในยคุ คารบ์ อนเิ ฟอรสั (ท่ีมา : https://sites.google.com/site/maibinnaja/bth-thi-1-5-yukh-kharbxni-fe-xras) รูปภาพท่ี 1.5.3 แมลงปอ (ที่มา : http://www.nextsteptv.com/meganeura-แมลงปอยักษ)์
11 รปู ภาพท่ี 1.5.4 ปา่ ปัจจัุนทมี ีสภาพแวดลอ้ มคลา้ ยกบั ปา่ เฟิรน์ ท่ลี ุ่มต่ำช้นื แฉะในยคุ คารบ์ อนิเฟอรัส (ทม่ี า : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/) ปจั จัยการกำเนดิ ของสิง่ มชี วี ิตในยุคคาร์บอนนิเฟอรสั เกิดจากสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยเกือบทุกสายพันธุ์มีช่องว่างในการพัฒนา สภาพ แวด ล้อมที่ชื้นและอบอุ่นช่วยเพิ่มออกซิเจนในชั้นบรรยากาศทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ใน บรรดาสัตว์ตา่ งๆนนั้ และในยคุ คารบ์ อนเี ฟอรัสเปน็ ช่วงเวลาหนึง่ ท่รี องรบั การเปลย่ี นแปลงทส่ี ำคัญอย่างหน่ึงใน ระดับสัตว์และพืช ในช่วงเวลาน้ีมีประสบการณ์ทางธรณีวิทยาที่ยิ่งใหญ่ ในนั้นแผ่นเปลอื กโลกมีการเคลื่อนไหว ที่เกิดจากการล่องลอยของทวปี ท่ีทรงพลังมาก การเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำใหม้ วลแผ่นดินบางส่วนชนกนั และเกิด เทือกเขา การสูญพันธ์ุของสิ่งมชี ีวติ ในยุคคาร์บอนิเฟอรสั เกิดจากป่าดงดิบถล่ม ก่อนสิ้นสุดยุคคาร์บอนิเฟอรัสเหตุการณ์การสูญพันธุ์ได้เกิดขึ้น บนบก เหตุการณ์นี้เรียกว่าCarboniferous Rainforest Collapse (CRC) ป่าฝนเขตร้อนที่กว้างใหญ่ถล่มลงมาอย่าง กะทันหันเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนจากร้อนชื้นเป็นเย็นและแห้งแล้ง สาเหตุนี้น่าจะเกิดจากความเย็นจัดและ ระดบั นำ้ ทะเลทล่ี ดลง สภาพภมู ิอากาศใหม่ไม่เอ้ืออำนวยต่อการเติบโตของป่าฝนและสัตว์ในนั้น ป่าฝนหดตัวเป็นเกาะท่ีแยก จากกัน ลอ้ มรอบด้วยแหลง่ ท่ีอย่อู าศยั ทแ่ี ห้งแล้งตามฤดูกาล ป่าไลคอปซิดสูงตระหง่านที่มสี ่วนผสมของพืชพันธุ์ ต่างชนิดกันถูกแทนที่ด้วยพืชพันธุ์ที่มีต้นเฟิร์นซึ่งมีความหลากหลายน้อยกว่ามาก รวมถึงมีการเสนอข้อ สมมติฐานว่า การสูญพันธ์ุของพวกมันคงมีความเกี่ยวข้องกับจำนวนออกซิเจนที่ลดลง เนื่องจากออกซิเจนมี ความเกี่ยวข้องกับระบบการหายใจ เมื่อระดับความเข้มข้นของออกซิเจนลดลง พวกมันจึงค่อยๆสูญพันธุ์ไปใน ท่สี ุด
12 1.6 ยุคเพอรเ์ มยี น ยุคเพอร์เมียน (Permian Period) เป็นยุคสุดท้ายของมหายุคพาลีโอโซอิก ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ 286-248 ล้านปี แผ่นเปลือกโลกทวีปรวมตัวกันเป็นทวีปขนาดใหญ่ เรียกว่า มหาทวีปพันเจีย (Pangaea supercontinent) ในทะเลมีแนวประการังและไบโอซัวร์ บนบกเกิดการแพร่พันธุ์ของสัตว์เลื้อยคลานที่มี ลกั ษณะคลา้ ยกับสัตว์เลีย้ งลูกดว้ ยนม ฟอแรมมนิ ิเฟอร่า (ฟิวซลู ินิด) ถือเป็นฟอสซิลดัชนีทส่ี ำคัญในยุคน้ี ในช่วง ปลายยคุ เพอรเ์ มยี น เกิดการสูญพนั ธ์คุ ร้งั ใหญข่ ้นึ บนโลก ทำให้ 70% ของสายพันธุส์ ัตว์ท้ังหมดบนแผ่นดิน และ 90% ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตทางทะเล เสียชีวิตและสญู พันธ์ไุ ป ถือเป็นการปิดช่วงสุดท้ายของมหายุคพาลีโอโซ อกิ ลงอยา่ งสมบรู ณ์ การสูญพันธุย์ ุคเพอรเ์ มียน-ยุคไทรแอสซิก การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน-ยุคไทรแอสซิก (Permian-Triassic หรือ P-T Extinction) เกิดขึ้นในช่วง ประมาณ 250 ล้านปี ท่ผี ่านมา โดยนกั วทิ ยาศาสตร์พบวา่ 70-90% ของสัตวท์ ี่อาศยั อยู่บนบกและในทะเลนั้น ได้สูญพนั ธไ์ุ ป ในขณะที่มสี ตั วเ์ ลอ้ื ยคลานบางส่วนยงั อย่รู อด ซึ่งสาเหตุของการสญู พันธใุ์ นคร้งั น้ี นกั วทิ ยาศาสตร์ ตัง้ ข้อสนั นษิ ฐานไวห้ ลายสาเหตุ 1) ธรณีแปรสณั ฐาน นักวิทยาศาสตร์เช่ือว่า ทิศทางและอัตราการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา ซึ่งผลจากกระบวนการธรณีแปรสัณฐานส่งผลต่อสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตในรูปแบบต่างๆ เช่น การ เคลื่อนที่ออกจากกันของแผ่นเปลือกโลกในบริเวณ สันเขากลางมหาสมุทร (mid-oceanic ridge) ด้วย ความเร็วสูงทำให้สันเขามีขนาดใหญ่และพื้นมหาสมุทรสูง ระดับน้ำทะเลจึงสูงขึ้น ในขณะที่แผ่นเปลือกโลก เคล่ือนที่ออกจากกันด้วยความเร็วต่ำ สันเขามีขนาดเล็ก พื้นมหาสมุทรต่ำ และระดับน้ำทะเลลดลง ซึ่งในช่วง ปลายยคุ เพอร์เมียน นักวิทยาศาสตรเ์ ชื่อวา่ ระดับนำ้ ทะเลลดลงประมาณ 200 เมตร จากปัจจบุ นั มหาสมุทรต้ืน เขินท่วั โลก จึงเกิดการสูญพันธุข์ องสิง่ มชี วี ิตในทะเลเป็นสว่ นใหญ่ รูปภาพท่ี 1.6.1 แบบจำลองความสมั พันธ์ระหว่างอตั ราการแยกตัวของสันเขากลางมหาสมุทรและ ระดับนำ้ ทะเล (ที่มา : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/)
13 2) การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศ นอกจากนี้ในยุคเพอร์เมียนตอนปลาย-ยุคไทรแอสซิกตอนต้น (260-240 ล้านปี) เกิดการรวมกันของ แผ่นเปลือกโลกต่างๆ ที่เรียกว่า มหาทวีปพันเจีย (Pangaea Supercontinent) ทำให้พื้นที่โดยส่วนใหญ่ที่อยู่ ภายในแผ่นเปลือกโลกทวีปห่างไกลจากมหาสมุทรและมีความแห้งแล้งสูง ความหลากหลายของสายพันธ์ุ สิ่งมีชีวิตจึงลดลงโดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนบก แต่หลังจากนั้นเมื่อ 200 ล้านปี ที่ผ่านมา มหาทวีป พันเจียเริ่มแยกตัวออกจากกันทำให้มีการเพิ่มขึ้นของแนวชายฝั่ง และลดพื้นที่ภายในทวีปที่แห้งแล้ง ทำให้ จำนวนสายพนั ธ์ุของสิ่งมีชวี ติ เพ่ิมขน้ึ อย่างมาก รูปภาพที่ 1.6.2 ตัวอยา่ งในปัจจบุ นั ของทวปี ออสเตรเลยี ซ่ึงเป็นทวีปขนาดใหญ่ พืน้ ท่ีกลางทวปี จงึ ไม่ไดร้ ับ ความชืน้ จากมหาสมุทรและแห้งแล้ง (ท่มี า : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/) 3) การเปล่ียนแปลงองคป์ ระกอบของนำ้ ในมหาสมุทร เนื่องจากปลายยุคเพอร์เมียนเป็นช่วงการสิ้นสุดยุคน้ำแข็งที่ยาวนาน ทำให้ไม่มีความแตกต่างของ อุณหภูมิในแต่ละพื้นทีข่ องโลก น้ำบริเวณขั้วโลกมีการหมุนเวียนชา้ ลง โดยน้ำที่ขั้วโลกอบอุ่นเกินไปจึงจมตวั ลง มีการสลายตัวของอินทรียวัตถุที่พื้นมหาสมุทร ทำให้เกิดสภาวะปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าปกติบริเวณท้องน้ำ ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตในทะเลโดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกสูญพันธุ์ อีกทั้งเกิดการกลับตัวของชั้ นน้ำใน มหาสมุทร ทำใหส้ ่งิ มชี วี ิตทอี่ าศัยอยู่บริเวณผวิ นำ้ เสียชีวิตได้เชน่ กัน นอกจากน้ีการหลอมละลายของธารน้ำแข็ง ทำใหน้ ้ำทะเลปนกบั น้ำจดื ทำให้สง่ิ มีชีวิตในทะเลบางสว่ นสญู พนั ธไ์ุ ด้ รปู ภาพท่ี 1.6.3 แบบจำลองการหมนุ เวยี นของกระแสนำ้ พ้ืนผวิ ในมหาสมุทรในปจั จุบนั (ท่ีมา : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/)
14 4) กจิ กรรมภเู ขาไฟ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในอดีตเคยมีการปะทุของภูเขาไฟจำนวนมากและเกิดการไห ลหลากของมวล แมกมาบะซอลต์ปริมาณมหาศาลปกคลมุ โลกครอบคลมุ พื้นที่หลายล้านตารางกิโลเมตร เช่นลาวาไหลหลากใน ไซบีเรียจากการปะทุของภูเขาไฟ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3 ล้านตารางกิโลเมตร ภายในช่วงเวลา 1 ล้านปี ในช่วงปลายยุคเพอร์เมียน หรอื เมอ่ื ประมาณ 250 ลา้ นปี ทีผ่ ่านมา โดยมีการปลดปล่อยความรอ้ น ไอน้ำ มเี ทน และกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ ซงึ่ ทำใหเ้ กิด ปรากฏการณ์เรือนกระจก (greenhouse effect) เป็นเวลานาน ทำ ใหอ้ ณุ หภูมิของโลกสงู ขึน้ และเกิด ฝนกรด (acid rain) มหาสมทุ รมีสภาพเป็นกรด รปู ภาพที่ 1.6.4 ชัน้ หินบะซอลต์แสดงการไหลหลากของลาวาจำนวนมากในไซบีเรยี (ที่มา : http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/) ซ่งึ จากสาเหตตุ า่ งๆ เหล่านี้ ทำใหป้ รมิ าณสายพนั ธุข์ องส่งิ มชี วี ติ ในยุคเพอร์เมียนลดลงและสูญพันธ์ุเป็น จำนวนมาก และมีไดโนเสาร์ (dinosuar) ในมหายุคมโี ซโซอกิ เข้ามาแทนท่ี ถอื เป็นการปิดยุคเพอร์เมยี น ทเ่ี วลา 250 ล้านปกี อ่ น
15 บรรณานกุ รม BotKung. (2564). ยุคแคมเบรยี น. Wikipedia. https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยคุ แคมเบรยี น BotKung. (2564). ยคุ ดโี วเนยี น. Wikipedia. https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยุคดีโวเนียน BotKung. (2564). ยคุ ออรโ์ ดวิเชียน. Wikipedia. https://th.m.wikipedia.org/wiki/ยุคออรโ์ ดวิเชียน Chisholm, Hugh, ed. (2454). ระบบคารบ์ อนเิ ฟอรสั . Hmong. https://hmong.in.th/wiki/Carboniferous LESA. (2563). ยุคของส่ิงมชี ีวติ ดึกดำบรรพ์. Google Sites. http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/geologic-time/fossil Portillo ของเยอรมัน. (2559). ช่วง Silurian. อุตุนิยมวทิ ยาเครือข่าย. https://www.meteorologiaenred.com/th/ไซลเู รียน.html Portillo ของเยอรมัน. (2559). สัตวค์ ารบ์ อนเิ ฟอรัส. อตุ นุ ยิ มวทิ ยาเครือขา่ ย. https://www.meteorologiaenred.com/th/fauna-del-carbonifero.html Portillo ของเยอรมนั . (2559). สตั ว์ออรโ์ ดวิเชยี น. อตุ ุนยิ มวิทยาเครือขา่ ย. https://www.meteorologiaenred.com/th/fauna-del-ordovicico.html ดร.บญั ชา ธนบญุ สมบัติ. (2560). 5 สุดยอด กับการสญู พันธคุ์ รั้งใหญ่. E-MAGAZINE. https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/304_68.pdf นันทวัน นนั ทวนชิ , ดร.ศศิวมิ ล แสวงผล. (2552). การสญู พนั ธุ์ของส่ิงมชี ีวิต. mahidol. https://il.mahidol.ac.th/e-media/150charles-darwin/Less2_5.html นนั ทวนั นันทวนิช, ดร.ศศวิ ิมล แสวงผล. (2552). กำเนดิ ส่งิ มชี วี ิต. mahidol. https://il.mahidol.ac.th/e- media/150charles-darwin/Less2_5.html สันติ ภัยหลบล้ี. (2555, 1 ตลุ าคม). มหายคุ พาลีโอโซอิก – เม่ือสง่ิ มีชีวติ เริ่มรุกขึน้ บก. mitrearth. http://www.mitrearth.org/16-2-paleozoic-era/
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: