- Present Perfect Simple - Present Perfect Progressive กิจกรรมการกิจเกรียรรนมรู้New Language1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครูแสดงรูปภาพเกี่ยวกับแฟชั่นการแต่งกายแบบต่าง ๆ เช่น การแต่งกายของวัยรุ่น การแต่งกายไป ทางาน การแต่งกายไปงานเล้ยี ง และชักชวนนกั เรยี นพดู คุยโดยอาจใช้แนวคาถามดังนี้ - What is this? / What are these? (a dress, a T- shirt, trousers, etc.) - Who would wear them? (teens, office workers, etc.) - Where would they wear them? (for parties, for weddings) - What kinds of clothes do you/people wear for …..?2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่าในหน่วยการเรียนรู้นน้ี กั เรียนจะได้อ่านข้อความส้ัน ๆ เก่ียวกับเสื้อผ้าและเครื่องแตง่ กาย นักเรียนจะได้ฝึกอ่านออกเสียงข้อความ อภิปรายแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับเสื้อผ้าและเคร่ืองแต่ง กาย และสรุปขอ้ มลู รายงานในชัน้ เรยี น3. อา่ นขอ้ ความ - ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 50 กิจกรรม New Language ให้นักเรียนดูภาพและถามนักเรยี น เกี่ยวกับเสื้อผ้าท่ีบุคคลในภาพสวมใส่ และเขียนคาศัพท์บนกระดานเพ่ือเป็นการนาเสนอคาศัพท์ใหม่ กรณที ี่นักเรยี นไมท่ ราบ โดยอาจใช้แนวคาถามดงั นี้ - What items of clothing are they wearing? (baseball cap, T-shirt, jeans, tennis shoes) - ครใู ห้ความรเู้ พิม่ เติมเก่ียวกบั Baseball caps CULTURE CORNER - Baseball caps เป็นสง่ิ ท่ีพลเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้สวมใสก่ ันอย่างแพร่หลายในคนหลากหลายอาชีพ ตงั้ แตผ่ ้กู ากบั ภาพยนตร์ เช่น สไปค ลี (Spike Lee) และสตเี วน สปีลเบริ ์ก (Steven Spielberg) จนถงึ คนงานใน โรงงาน (blue-collar worker) เช่น คนขบั รถบรรทกุ และแฟน ๆ ของกีฬาเบสบอล - ครูให้นักเรียนอ่านข้อความในกิจกรรม New Language ในหนังสือเรียน หน้า 50 แล้วให้นักเรียน ชว่ ยกนั ตอบคาถามใน Worksheet 1
Worksheet 1Directions: Read the passages on page 50 and fill in the table.Item of clothing Who wore it at first? When and where do you wear it?Baseball cap New York team - in general walking - walk in the sunshine - walk in the rain - show a fashion statementT-shirtJeansTennis shoesเฉลยคาตอบDirections: Read the passages on page 50 and fill in the table.Item of clothing Who wore it at first? When and where do you wear it?Baseball cap New York team - in general walking - walk in the sunshine - walk in the rain - show a fashion statementT-shirt It isn’t mentioned. - for sportingJeans It isn’t mentioned. - from rural farmers to urban executionsTennis shoes Athletes - hiking, going to the gym, or even to walk to the office
4. ประเมินการอา่ น - ให้นกั เรียนจับคูเ่ ปรียบเทียบคาตอบ ครูสมุ่ ถามนกั เรยี นบางคนและช่วยกนั เฉลยคาตอบ - ครูประเมนิ ความเขา้ ใจขอ้ ความท่อี า่ นจากจานวนคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งโดยใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 605. พฒั นาคาศัพท์ - ครเู ปิดซีดีบันทกึ เสยี ง CD 2 Track 2 กิจกรรม New Language ใหน้ กั เรียนออกเสยี งตาม และขดี เส้นใต้ คาศพั ท์ที่ นกั เรียนไม่ทราบความหมาย - ครสู ่มุ นกั เรียนบางคนออกมาเขยี นคาศพั ท์ทไ่ี มท่ ราบบนกระดาน - ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันเดาความหมายจากคาทีเ่ พือ่ นเขยี นจากบริบท ถา้ นักเรียนไมท่ ราบครูอธิบายเพ่มิ เติม6. พดู อภปิ ราย - ครูให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน อภิปรายพูดคุยในหัวขอ้ “What clothes are in style?” ให้แต่ ละกลุ่มนาเสนอ และให้กล่มุ อ่ืนแสดงความคดิ เห็นว่าเหน็ ดว้ ยหรือไม่ อย่างไร - ครใู หน้ กั เรียนกล่มุ เดมิ อภปิ รายพูดคุย และสรปุ บรรยายหวั ขอ้ “Our Favorite Outfits” - ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สรปุ และนาเสนอขอ้ มูลรายงานหน้าชัน้ เรียน และแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ - ครปู ระเมนิ การพดู นาเสนอขอ้ มูลโดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการพดู และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้7. เลน่ เกม - ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน เขียนชื่อเส้ือผ้าและเครื่องแต่งกายให้มากทสี่ ุดเท่าท่ีจะมากได้ภายใน เวลา 5 นาที กลุม่ ใดเขียนไดถ้ กู ตอ้ ง และไดจ้ านวนมากที่สุดจะเปน็ ฝ่ายชนะกจิ กรรม Practice1. พดู บทสนทนาเก่ียวกับช่วงเวลาหรือเวลาเร่มิ ต้นของการมีและการใส่เสื้อผา้ - ครูบอกนักเรียนว่าในบทเรียนน้ีและบทเรียนต่อไปเราจะฝึกการใช้ Present Perfect และ Present Perfect Progressive พรอ้ มทัง้ เขียนรูปของกริยาใน tense ดงั กล่าวให้นักเรยี นดูบนกระดานดาดงั น้ี - Present Perfect = have/has + Past Participle - Present Perfect Progressive = have/has + been + Present Participle - ครูกาหนดคากริยา เชน่ live, sit, sleep, study, etc. ใหน้ กั เรียนช่วยกันผนั ให้อยูใ่ นรูปของ tense ดังกลา่ ว - ครเู ปิดซดี บี นั ทึกเสียง CD 2 Track 3 ให้นกั เรยี นฟงั บทสนทนาและอา่ นออกเสียงบทสนทนาในกิจกรรม Practice ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 50 - ใหน้ กั เรยี นจับคู่พดู บทสนทนาโดยสลบั กนั เป็น A และ B ครเู ดนิ สงั เกตเพอ่ื ให้แน่ใจว่านักเรียนสามารถพดู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง - ครูให้นักเรียนจับคู่เขียนบทสนทนาของตนเองตามแนวบทสนทนาในกิจกรรม Practice ในหนังสือ เรียน หน้า 50 โดยให้นักเรียนเปล่ียนคานามท่ีเป็นเสื้อผ้าเอง หรือครูอาจกาหนดประโยคคาถามให้ดัง ตัวอยา่ ง - How long have you been wearing those old jeans? - Have you always had short hair?
- Have you been buying clothes online for a long time? etc. - ครูสุ่มนักเรยี นบางคู่พดู บทสนทนาใหเ้ พื่อนฟงั - ครปู ระเมินการพูดสนทนาโดยใชแ้ บบประเมนิ การสนทนากจิ กรรมคู่ และใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดับพอใช้กิจกรรม Pronunciation1. การออกเสยี ง th /θ/ ใน thing และ th /ð/ ใน the - ครูใหน้ ักเรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนังสอื เรยี น หน้า 51 ครูเปิดซีดีบนั ทกึ เสียง CD 2 Track 5 แลว้ ใหน้ กั เรียนชค้ี าทไี่ ด้ยินและออกเสียงตาม - ให้นักเรยี นฟงั ซีดบี ันทึกเสียงอกี ครั้ง และพดู ออกเสียงตาม ครเู ดินสังเกตเพือ่ ใหแ้ น่ใจว่านกั เรยี นสามารถ ออกเสยี งไดอ้ ย่างถกู ต้อง - ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ วา่ ท้ังสองเสียงคือ th /θ/ ใน thing และ th /ð/ ใน the ออกเสยี งดว้ ยการ ใชป้ ลายลนิ้ แตะทกี่ กฟันบนและมลี มออกมา แตเ่ สียง th /θ/ใน thing เปน็ เสยี งไม่ส่ัน (voiceless) สว่ น เสยี ง th /ð/ ใน the เปน็ เสยี งสั่น (voiced – vocal cords vibrating) - ครูให้นักเรยี นจับคอู่ า่ นออกเสียงประโยค ครูเดินสังเกตเพอื่ ใหแ้ นใ่ จวา่ นกั เรียนสามารถออกเสยี งไดอ้ ย่าง ถูกต้อง - ครูใหน้ กั เรยี นจบั คชู่ ว่ ยกันเขยี นประโยคท่ีมคี าท่อี อกเสียง th และใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งประโยค เช่น - I think there are three things in your bag. - They think the thin boy is a thief. - They thank me after I finish teaching them on Thursday. - ครปู ระเมินการอ่านออกเสยี งโดยใชแ้ บบประเมนิ การอา่ นออกเสยี ง และใช้เกณฑผ์ ่านระดับพอใช้กิจกรรมเสริมทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ทาสมุดภาพคาศัพท์เก่ียวกับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายพร้อม ภาพประกอบ ทง้ั นอ้ี าจจะแยกหัวขอ้ ยอ่ ยตามอายุของผสู้ วมใส่ หรอื โอกาสท่สี วมใส่ก็ได้ ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น New World 6 หน้า 50-51 2. ซดี ีบันทกึ เสียง 3. เครอื่ งเลน่ ซีดี 4. Worksheet 1 5. สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์ - http://en.wikipedia.org/wiki/Baseball_Cap
บันทกึ ผลหลังการสอนแผนท.่ี ......- ด้านความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปัญหา/ขอ้ สงั เกต/ข้อเสนอแนะการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วุฒิ นามเดช) ครูผูส้ อน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 In Style ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6เรือ่ งหลัก/หวั เร่อื ง Fashion เวลา 2 ชั่วโมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวัดผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรยี นรู้ ส่งิ ที่ต้องรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้ ผลงาน/ชน้ิ งาน การวัดผลและประเมินผล และตัวชีว้ ัด ออกเสยี งบทสนทนา การออกเสียงและ ประเมนิ การแสดงต 1.1 ม.4-6/2, ถูกต้องตามหลักการอ่าน แสดงบทบาทสมมติตาม บทบาทสมมติโดยใชแ้ บบต 2.1 ม.4-6/1 และเลอื กใชภ้ าษา บทสนทนาในกจิ กรรม ประเมินการแสดง น้าเสยี งและกริ ิยาทา่ ทาง Conversation บทบาทสมมติ และใช้ต 1.1 ม.4-6/4 เหมาะกบั ระดับของ เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้ บุคคล โอกาสและ คาตอบจากการระบุต 1.2 ม.4-6/4 สถานทีต่ ามมารยาท ข้อแนะนาเกย่ี วกับการ ประเมินการฟงั จาก สงั คมและวัฒนธรรมของ แต่งกายเพ่อื เขา้ รับการ จานวนคาตอบทีถ่ ูกตอ้ ง เจ้าของภาษา สัมภาษณ์ตามประเด็นใน โดยใช้เกณฑผ์ า่ นร้อยละ จับใจความสาคัญ แผนผงั กจิ กรรม 60 สรุปความจากการฟัง Listening ถอ้ ยคาพูดแสดงความ ประเมินการพูดแสดง พูดแสดงความคิดเหน็ คิดเหน็ เกย่ี วกับ ความคิดเหน็ โดยใช้ เกีย่ วกับเรอ่ื งท่ีฟงั ขอ้ แนะนาเก่ียวกับการ เกณฑ์การประเมนิ การ แตง่ กายเพ่อื เข้ารับการ พูด และใช้เกณฑ์ผา่ น สัมภาษณ์จากขอ้ สรปุ ระดบั พอใช้ ของกลมุ่ ทร่ี ายงานใน หอ้ งเรียนความรู้ a person who designs clothing (นักออกแบบเสอ้ื ผา้ ) - คาศัพท์ กจิ กรรม Conversation - fashion designer (n.):
- agro business (n.): farming business (ธรุ กจิ เกยี่ วกับการเพาะปลูก)- transition (n.): the process of changing from one situation, form, or state to another (การเปล่ียนแปลง)- talent (n.): a special ability that allows someone to do something well (ความสามารถพิเศษ)- switch (v.): to change (เปลย่ี น)- traditional clothing styles (n.): style of clothing that a group of people have traditionally worn (such as in the past) (เส้อื ผา้ ตามประเพณี นิยม)กิจกรรม Listening- conservative* (adj.): modest / not showing a lot of skin (ท่ีสภุ าพ, เรยี บรอ้ ย)- blunder* (n.): a foolish and careless mistake (ความสะเพร่า, ความผิดพลาด)- tip* (n.): a suggestion (ข้อแนะนา)- jangles* (v.): to give out metallic noise (ส่งเสยี งดังกรง๊ิ )- bracelet* (n.): a band / chain worn on armor wrist as an ornament (กาไล, สร้อยขอ้ มือ, สร้อยขอ้ เท้า)- hemline* (n.): a border or edge of cloth (ชายเสอ้ื , ชายกระโปรง)- inconspicuous* (adj.): not easily noticed (ซึง่ ไม่สะดุดตา)Note: * see in audioscript- สานวนภาษากิจกรรม Conversation- I believe (that) ใช้พดู แสดงความคดิ เหน็ อาจเป็นการคาดการณ์ไว้กอ่ น มคี วามหมายวา่ ฉันคิดว่า...- I take it (that) มีความหมายเหมอื น I assume (that) หมายถงึ ฉนั สันนษิ ฐานวา่ ... ซ่ึงเป็นการลงความเหน็ ไว้กอ่ นหรอื เป็นการคาดคะเนไว้ลว่ งหนา้- หนา้ ที่ภาษา- To talk about fashion- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์- Past Simple Tense- Past Continuous Tense- Present Perfect Tense กจิ กรรมการกิจเกรียรรนมรู้Conversation1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครูให้นักเรียนดูรปู ภาพกิจกรรม Conversation ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 51 ครูชกั ชวนนกั เรยี นพดู คุย เก่ยี วกบั ภาพดังน้ี
- What are the woman looking at? (a fashion book / a fashion picture / a fashion magazine) - What is her occupation?2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่าบุคคลในรปู ภาพกจิ กรรม Conversation คือ นกั ออกแบบเครอื่ งแต่งกาย (a fashion designer) กาลังถูกสมั ภาษณ์โดยผูส้ ื่อขา่ วนติ ยสาร (a magazine reporter) ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ี้นักเรยี น จะได้ฝึกการออกเสียงบทสนทนา ฟังบุคคลสองคนคุยกัน นักเรียนจะต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้องตาม หลักการอ่าน และสามารถตอบคาถามเก่ียวกับบทสนทนาได้3. นาเสนอ/ทบทวนคาศัพท์ - ครชู กั ชวนนักเรียนพดู คุยเกยี่ วกบั a fashion designer ครใู ช้คาถามนาและทบทวน นาเสนอคาศัพทใ์ น บทสนทนาโดยใชแ้ นวคาถามดงั น้ี - What does a fashion designer do? (designs clothing / creates style of clothing) - What allows a fashion designer to make good work? (talent/gift/study/major in) - What do we call a fashion designer’s work? (collection) - What is another word for change? (switch, transition)4. อา่ นบทสนทนา - ครเู ปิดซดี บี ันทกึ เสยี ง CD 2 Track 4 กิจกรรม Conversation ใหน้ กั เรียนฟงั โดยปิดหนังสอื เรียน แลว้ ให้ นักเรยี นชว่ ยกันฟงั และบอกว่าบทสนทนาเก่ียวกบั เรอ่ื งอะไร - ให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 51 และใหน้ กั เรียนจับคกู่ นั อ่านบทสนทนาเพอื่ หาคาตอบในกิจกรรม About the Conversation ในหนงั สอื เรียน หน้า 51 - ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ ครูอธบิ ายเพิ่มเติมในกรณที น่ี กั เรยี นยังตอบไม่ถกู ต้อง5. อ่านออกเสียง - ครเู ปดิ ซดี ีบันทกึ เสยี ง CD 2 Track 4 ให้นักเรยี นฟัง หยดุ ซีดบี นั ทึกเสียงเมือ่ จบคาพูดของบุคคลเพอื่ ให้ นกั เรียนพดู ออกเสียงตาม - ครูใหน้ ักเรียนจบั คกู่ ันฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สอื เรียน หน้า 51 ครอู าจสุ่มนกั เรียนบางค่อู า่ นในชั้นเรียน6. พฒั นา Conversation Strategy - ครูให้นกั เรียนดูกิจกรรม Conversation Strategy ในหนังสอื เรียน หนา้ 51 พร้อมให้นกั เรียนอา่ นคาใน แถบสีฟา้ ใหน้ กั เรียนช่วยกันดปู ระโยคกอ่ นหน้าและขอ้ ความต่อจากคาพดู เหล่านี้ ถามนกั เรียนวา่ คาพดู เหล่านใ้ี ชเ้ พอื่ อะไร ใช้เมอื่ ไร แลว้ ครูสรปุ ให้นักเรียนฟงั ว่าสานวนทงั้ สองสาคัญเพราะเปน็ การสอื่ สารให้ ผู้ฟังรวู้ ่าเราสนใจคู่สนทนาและพยายามทาความเข้าใจในสงิ่ ทค่ี ู่สนทนาพดู - ครูให้นักเรียนช่วยกันเดาความหมายคาศัพท์และสานวนอื่น ๆ จากบริบทเพ่ิมเติม เช่น agro business, talent, etc. (ดูขอ้ มลู ดา้ นคาศัพท)์7. แสดงบทบาทสมมติ - ครูใหน้ กั เรยี นจบั คพู่ ูดแสดงบทบาทสมมติโดยใชบ้ ทสนทนาในหนงั สือเรยี น หน้า 51
- ครูประเมินการแสดงบทบาทสมมตโิ ดยใช้แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมติ และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้กจิ กรรม Listening1. นาเข้าสูบ่ ทเรียน - ครชู ักชวนนกั เรยี นพดู คยุ ถึงการแตง่ ตวั เพ่ือเขา้ รับการสมั ภาษณ์เขา้ ทางานโดยใช้แนวคาถามดงั น้ี - Have you ever been interviewed? - How did you prepare for it?2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่าในหน่วยการเรียนรู้นน้ี ักเรียนจะได้ฟังบุคคลให้คาแนะนาเกี่ยวกับการแต่งกายเพ่ือเข้ารบั การสัมภาษณเ์ ข้าทางาน หลงั จากฟังแล้วนกั เรียนจะได้ฝึกสรุปใจความโดยการเตมิ ข้อความในแผนผังใน กจิ กรรม Listening และแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เรอื่ งทฟี่ งั3. กิจกรรมก่อนฟงั- ใหน้ กั เรียนสมมติตวั เองว่าจะไปเข้ารับการสมั ภาษณเ์ พื่อสมัครเขา้ ทางาน นักเรียนจะมปี ระเด็นการแตง่กายอะไรบ้างท่ีควรให้ความสาคญั ทั้งของชายและหญิง โดยให้นักเรยี นช่วยกนั เขียนเตมิ บนกระดานดังนี้Women - Wearing to an interview - nails - Jewelry - ……………… - ……………… - ……………… - ……………… - ………………Men - Wearing to an interview - hair - ……………… - ……………… - ……………… - ………………- ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเก่ียวการแต่งตัวในแต่ละประเด็นว่าควรจะเป็นอย่างไร หรืออะไรควรหลีกเลย่ี ง ครูและนักเรียนชว่ ยกนั หาคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษให้ตรงกบั ที่นักเรียนบอกและเขียนบนกระดานเชน่Shoes - What kind of shoes should we wear? - What kind should we avoid? - conservative - extremely high heels - low – heels - high – heels etc.
4. ฟังบทสนทนา - ให้นกั เรียนดูคาสง่ั และแผนผังในกิจกรรม Listening ในหนงั สอื เรยี น หน้า 51 - ครใู หน้ กั เรียนจับคู่ และครเู ปิดซดี บี ันทกึ เสยี ง CD 2 Track 6 กิจกรรม Listening ใหน้ ักเรยี นฟัง 2 รอบ และเติมข้อมูลในแผนผงั ในกจิ กรรม Listening - สมุ่ ถามขอ้ มูลที่นกั เรยี นเตมิ ในแผนผัง - ครเู ปดิ ซดี บี ันทึกเสยี งให้นักเรยี นฟงั อกี คร้ังเพือ่ ให้นักเรยี นแนใ่ จในคาตอบ5. ประเมินการฟงั - ครูประเมินการฟังเพื่อจับใจความสาคัญจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องในการเติมข้อมูลลงในแผนผังในการ ทากจิ กรรม Listening ในหนังสอื เรียน หนา้ 51 โดยใช้เกณฑก์ ารผา่ นร้อยละ 606. แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั เรอื่ งท่ีฟงั - ให้นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 4 คน อภปิ รายแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อแนะนา ในบทฟัง เพราะเหตใุ ด โดยใหป้ ระเดน็ คาถามดงั นี้ - What tip do you agree with? Why? - What tip do you disagree with? Why? - ให้ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอข้อสรปุ ความคดิ เหน็ ในชั้นเรยี น และสรปุ วา่ ขอ้ ใดทมี่ ีความคิดเห็นเหมือนกนั มาก ที่สดุ - ครปู ระเมนิ การพดู แสดงความคิดเหน็ โดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการพูด และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน New World 6 หนา้ 51 2. ซีดีบนั ทึกเสยี ง 3. เครอ่ื งเล่นซีดี
บนั ทกึ ผลหลงั การสอนแผนที่.......- ด้านความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปัญหา/ข้อสังเกต/ขอ้ เสนอแนะการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วฒุ ิ นามเดช) ครูผูส้ อน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 In Style ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6เรอ่ื งหลกั /หัวเรื่อง Fashion เวลา 2 ชว่ั โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรยี นรู้ สง่ิ ทต่ี อ้ งรู้และปฏิบัติได้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวดั ผลและประเมินผล และตัวชวี้ ดั สนทนาและเขยี นโตต้ อบ ถอ้ ยคาพดู ถาม-ตอบใน ประเมินการพูดถาม-ต 1.1 ม.4-6/1, ข้อมูลให้สัมพันธก์ บั ส่ือท่ี รปู Present Perfect ตอบโดยใช้เกณฑ์การต 3.1 ม.4-6/1 ไม่ใช่ความเรยี งรูปแบบ Simple และ Present ประเมินการพดู และใช้ ต่าง ๆ Perfect Continuous เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ tense และ ข้อเขยี นเกย่ี วกับภาพใน กิจกรรม Grammar Cความรู้ - คาศพั ท์ - - สานวนภาษา - - หนา้ ที่ภาษา - To talk about actions that have been completed - To talk about actions that started in the past and that are still taking place - โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - Present Perfect Simple - Present Perfect Progressive - Present Perfect Simple vs. Present Perfect Progressive กจิ กรรมการกจิ เรกียรรนมรู้Grammar1. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นว่าในหน่วยการเรยี นรู้นี้นักเรียนจะไดเ้ รียนรู้การ ใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive เพ่อื นาไปใชพ้ ดู และสือ่ สารเกี่ยวกบั การกระทาในอดตี แตม่ ีผลเกี่ยวเนือ่ งกบั ปจั จุบันและการกระทาท่ี ทาตอ่ เน่อื งตั้งแต่อดีตจนถงึ ปจั จบุ นั
2. นาเสนอการใช้ Present Perfect Simple - ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยวาดรูป (เชน่ รูปปลา) บนกระดาน ปดิ ประตูหอ้ ง ถามนักเรียนและเขียนประโยค บนกระดานดงั น้ี- ครวู าดรูปปลาWhat have I done? I have drawn a picture of fish on the board.- ครูเดินไปปิดประตูห้องWhat have I done? I have closed the door.- ครูถามนกั เรยี นถงึ รูปกริยาที่ขดี เส้นใต้ และการใช้โดยสังเกตจากประโยคข้างตน้- ครูให้นกั เรยี นอ่านกรอบ Grammar ในหนงั สือเรยี น หนา้ 52 ในส่วนแรกเพ่อื เฉลยคาตอบขา้ งตน้ ครสู ุ่มถามความเขา้ ใจและอธิบายเพิ่มเติมวา่ เราสามารถใช้ Present Perfect Simple (have/has + PastParticiple) กับการกระทาทีท่ าเสร็จแลว้ ในอดีตแต่มผี ลเกีย่ วเนือ่ งถึงปจั จบุ นั เช่น วาดรปู สุนัขบนกระดานแลว้ รูปยังอยู่ (ยงั ไมไ่ ดล้ บทิ้ง ถา้ ลบแล้วจะใช้เปน็ Past Simple Tense) หรอื ปิดประตูแลว้ ประตูยังปิดอยู่ (ยังไม่ได้เปิดถา้ เปดิ แลว้ จะใช้เปน็ Past Simple Tense)3. นาเสนอการใช้ Present Perfect Progressive- ครูนาเสนอประโยคในรปู Present Perfect Progressive โดยถามนกั เรียนเก่ียวกบั เหตุการณจ์ ริงของนกั เรยี น พรอ้ มทง้ั พูดและเขียนประโยคบนกระดาน (นักเรยี นอาจจะตอบครัง้ แรกไม่ถกู ตอ้ ง ครใู ชค้ าถามนาเพือ่ ให้ได้ประโยคดังกล่าว) แนวคาถามดังน้ี- What are you doing? (We are sitting.)- How long have you been sitting here? (We have been sitting here for twenty minutes.)- What is the name of your school?- How long have you been studying there?(We have been studying there for two years.)- ครูถามนักเรยี นถึงรูปกริยาท่ีขดี เสน้ ใต้ และการใช้โดยสังเกตจากประโยคข้างตน้- ครใู หน้ กั เรียนอ่านกรอบ Grammar ในหนังสอื เรยี น หนา้ 52 ในสว่ นทส่ี องเพ่อื เฉลยคาตอบขา้ งต้น ครูสุ่มถามความเข้าใจและอธิบายเพม่ิ เติมวา่ เราสามารถใช้ Present Perfect Progressive (have/has +been + Present Participle) กับการกระทาท่ีทาซ้า ๆ ต่อเน่ืองมาจนถึงปัจจบุ นั หรือการกระทาที่ทาตอ่ เน่ืองมาจนถงึ ปจั จบุ ัน เชน่ น่ังอยูใ่ นห้องนม้ี านาน 20 นาที หรอื เรยี นท่โี รงเรียนนมี้ าเปน็ เวลา 2 ปี4. เปรียบเทยี บการใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive- ครูแสดงภาพหรือวาดภาพให้นักเรียนดู ถามเหตุการณ์จากภาพ พูดและเขียนประโยคในแต่ละภาพดังแนวทางต่อไปน้ีat 1 p.m. at 3 p.m. thenTim has been running since 1 p.m. Tim has run for a long time. He is very tired now.at 7.00 at 7.20 then
Jo has been having breakfast. Jo has had breakfast. He is full now. thenat 9.00 at 9.15He has been cleaning a car. He has cleaned the car. It is clean now.- ครใู หน้ ักเรียนถามถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งการใช้ Present Perfect Simple และ Present PerfectProgressive Tense โดยการสงั เกตจากประโยคข้างต้น - ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นกรอบ Grammar ในหนังสือเรยี น หนา้ 52 ในสว่ นสดุ ท้ายเพ่ือเฉลยคาตอบขา้ งต้น ครู ส่มุ ถามความเขา้ ใจและอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ เราใช้ Present Perfect Progressive กบั เหตุการณ์หรือการ กระทาทีท่ าอยา่ งต่อเน่ืองในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และขณะท่พี ูดหรอื เอ่ยถงึ ก็ยงั คงกาลังทากรยิ าน้นั อยู่ เรา ใช้ Present Perfect Simple กับเหตุการณ์ท่ีไดท้ าเสร็จเรียบร้อยแลว้ และมกี ริยาบางตวั ท่ีไม่ใช้รปู Present Perfect Progressive จะใช้ Present Perfect Simple แทน เช่น กริยาทบ่ี อกสภาพหรือการ รบั รู้ เชน่ be, believe, belong, exist, have (แปลว่า ‘มี’) understand และ know เป็นตน้5. ฝกึ การใช้ - ครใู ห้นักเรยี นฝึกใช้ประโยคในรูป Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive โดย ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรม Grammar A และ B ในหนังสือเรียน หนา้ 52-53 ในแตล่ ะกิจกรรมดาเนินการ ดังนี้ กจิ กรรม Grammar A - ครูทบทวนการใช้ Present Perfect Simple (การกระทาที่ทาเสร็จแลว้ ในอดีตแตม่ ีผลเก่ียวเนอ่ื งถึง ปจั จุบัน) และให้นกั เรยี นดกู จิ กรรม Grammar A ในหนงั สือเรียน หน้า 52 - ให้นกั เรียนอ่านออกเสยี งประโยคในขอ้ 1 ครอู ธิบายยา้ นกั เรยี นอกี คร้งั วา่ จากขอ้ ความในประโยคว่า วนั น้ี เป็นวันเกิดของ Logan เขาไดอ้ อกไปงานเลีย้ งแล้ว จงึ ใช้ประโยคว่า Logan has gone out dancing. เพราะ เขาได้ออกไปแลว้ และยงั ไม่กลบั - ครูใหน้ ักเรยี นจับคกู่ นั ทาในข้อทเี่ หลือ - ครูสุ่มนักเรียนอ่านออกเสียงประโยคท่ีสมบรู ณ์ และใหน้ กั เรยี นช่วยกันเฉลยคาตอบ (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ครู ชว่ ยอธบิ ายและแกไ้ ขในกรณที เี่ หน็ ว่ายงั ไมถ่ ูกตอ้ ง กจิ กรรม Grammar B - ครใู หน้ กั เรียนดูกจิ กรรม Grammar B ในหนงั สือเรียน หนา้ 53 และอา่ นออกเสียงคาสั่ง - ครูทบทวนความแตกต่างของการใช้ Present Perfect Simple และ Present Perfect Progressive Tense - ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เติมกรยิ าในข้อ 1 โดยดูจากบรบิ ทว่าการกระทาได้ทาอย่างต่อเนื่อง (Present Perfect Progressive) และตอนนก้ี ย็ ังดาเนินอยู่หรือทาเสรจ็ แล้ว (Present Perfect Simple) ซ่งึ จะไดค้ าตอบ คือ have been fixing
- จากประโยคในขอ้ 1 ครถู ามนักเรยี นว่าถา้ เราจะใชก้ ริยาในรปู Present Perfect Simple เราจะเปลี่ยน บริบทเปน็ อยา่ งไร ตวั อย่าง The mechanic just called to say that they have fixed my car and it’s as good as new. - ครใู ห้นักเรียนจบั คูก่ นั ทาในขอ้ ท่ีเหลือ - ครสู ุ่มนกั เรียนอา่ นออกเสียงประโยคท่ีสมบูรณ์ และให้นกั เรียนชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) ครู ช่วยอธิบายและแก้ไขในกรณีที่เหน็ ว่ายังไม่ถูกต้อง - ครูอาจให้นักเรยี นฝกึ เพิ่มเติม โดยใหน้ ักเรยี นเปลี่ยนกริยาบางข้อเปน็ Present Perfect Simple หรือ Present Perfect Progressive (ทไี่ ม่ตรงกบั tense ท่ีครูและนกั เรียนชว่ ยกนั เฉลย) และเปล่ียนบริบทใน ประโยคใหส้ อดคลอ้ งกัน ดังตัวอย่าง ข้อ 4 เปลี่ยนเป็น He has been appearing on TV a lot recently.6. พูดถาม-ตอบเก่ยี วกับรปู ภาพ - ใหน้ ักเรยี นอ่านคาสัง่ และดรู ปู ภาพกิจกรรม Grammar C ในหนงั สือเรียน หนา้ 53 - ครูทบทวนความแตกต่างระหว่างการ ใช้ Present Perfect Progressive กับ Present Perfect Simple (Present Perfect Progressive ใช้ กบั เหตุการณห์ รอื การกระทาท่ีทาอยา่ งตอ่ เนื่องในชว่ งเวลาใดเวลาหน่ึงและขณะทพ่ี ดู หรอื เอ่ยถึงกย็ ังคง กาลงั ทากริยานนั้ อยู่ ส่วน Present Perfect Simple ใชก้ ับเหตุการณ์ท่ไี ด้ทาเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว) - ครใู ห้นกั เรยี นดรู ปู ภาพท่ี 1 ถามนักเรียนวา่ เหตุการณ์ใดทก่ี ระทาอย่างตอ่ เนื่องและเหตกุ ารณ์ใดได้ทา เสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ และใหน้ ักเรยี นอา่ นเสยี งบทสนทนาตัวอย่าง ใหน้ กั เรยี นดวู า่ tense ในบทสนทนา สอดคลอ้ งกบั คาตอบหรอื ไม่ ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกันอธบิ ายและบอกความแตกต่างระหว่างการกระทาของ tense ท้งั สอง - ครใู ห้นกั เรยี นจับคู่พูดบทสนทนาถาม-ตอบเกยี่ วกับรปู ภาพที่ 1 ถงึ 5 และแลกเปล่ยี นคาตอบซ่ึงกันและ กัน - ในภาพหนงึ่ ๆ ครอู าจสุม่ ให้นกั เรียน 2-3 คู่ พดู บทสนทนา ครชู ่วยอธบิ ายและแกไ้ ขในกรณีที่เห็นว่ายงั ไม่ ถูกต้อง - ครใู ห้นักเรียนเขียนบทสนทนาลงสมุดแบบฝึกหดั7. ประเมินการพดู ถาม-ตอบ - ครูประเมินการพูดถาม-ตอบโดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การพูด และใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา - ให้นักเรยี นจบั คู่กันวาดภาพหรือหาภาพในทานองเดียวกันกับภาพในกิจกรรม Grammar C และเขียนประโยค บรรยายภาพ - ให้นักเรียนเล่นเกม Detective Game อาจแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มใหญ่ท้ังห้องหรือกลุ่มเล็ก กลุ่มละ 4 คน แล้วแบ่งนักเรียนแต่ละกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่มย่อย โดยให้กลุ่มหน่ึงช่วยกันเขียนประโยคบอกเหตุการณ์ ผดิ ปกตอิ ย่างหน่งึ และให้อกี กลุ่มหนึง่ สรุปว่าได้เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าเหตุการณน์ ้ัน ๆ หรือมเี หตกุ ารณ์ใด ทีท่ าต่อเน่ืองจนถงึ ปัจจบุ ันแล้วสลบั หนา้ ทก่ี นั กล่มุ ใดสรปุ ไดถ้ กู ตอ้ ง (ตามเหตุผลและตาม tense) จะเปน็ ฝ่ายชนะ ดังตวั อยา่ ง กลมุ่ A : I walk into the room, and I can smell cigarette smoke. กลุ่ม B : Someone has been smoking in the room.
กลมุ่ B : I can’t find my purse after I go to the toilet. กลมุ่ A : Someone has stolen your purse. - ครูให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัด ขอ้ A-F ในหนงั สอื แบบฝึกหัด New World 6 หนา้ 33-35 (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม)ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้1. หนงั สอื เรียน New World 6 หนา้ 52-532. หนังสือแบบฝึกหดั New World 6 หนา้ 33-35
บันทกึ ผลหลังการสอนแผนท.่ี ......- ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ข้อสงั เกต/ข้อเสนอแนะการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณัฐวุฒิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 In Style ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6เรอ่ื งหลกั /หวั เรอ่ื ง Fashion เวลา 2 ชัว่ โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวัดผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรียนรู้ ส่ิงทต่ี ้องรู้และปฏบิ ัติได้ ผลงาน/ช้นิ งาน การวดั ผลและประเมินผล และตัวชวี้ ัด จบั ใจความสาคัญ คาตอบที่นกั เรียนไดจ้ าก ประเมินผลจากจานวนต 1.1 ม.4-6/4 วเิ คราะหค์ วาม สรปุ การทากจิ กรรม About คาตอบทีถ่ กู ตอ้ งจาก ความ ตีความบทความที่ the Reading คาตอบท่นี ักเรียนได้ทาต 1.1 ม.4-6/4 อ่าน ในกจิ กรรม About the คาตอบที่นักเรียนจับคใู่ น Reading โดยใชเ้ กณฑ์ต 2.1 ม.4-6/2, จับใจความสาคัญ Worksheet 2 ผา่ นรอ้ ยละ 60 วเิ คราะห์ความ สรุป ความ ตีความบทความท่ี ขอ้ เขยี นเก่ียวกบั ประเมนิ ผลจากจานวน อ่าน การศึกษาความเป็นมา คาตอบทถ่ี ูกต้องโดยใช้ วิเคราะห์/อธบิ าย/ เปรยี บเทยี บวัฒนธรรม เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60 อภปิ รายวิถีชีวติ การแตง่ กาย ความคิด ความเชื่อและ ประเมินขอ้ เขยี นเกีย่ วกบั ทม่ี า ความเหมือน ความ การศึกษาความเป็นมา แตกตา่ งของ วัฒนธรรม เปรยี บเทยี บวัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มและ การแตง่ กายโดยใชแ้ บบ ประเพณขี องเจ้าของ ประเมิน ภาษากบั ของไทย และ การเขียนเปรียบเทยี บ นาไปใชอ้ ย่างเหมาะสม และใชเ้ กณฑผ์ ่านระดับ พอใช้ความรู้ soldiers (ทหาร) containing a lot of water vapor or moisture in the air, damp - คาศพั ท์ (ชืน้ ) กจิ กรรม Reading - troops (n.): - humid (adj.):
- stifle (v.): to make someone feel that they cannot breathe (ทาให้หายใจ ลาบาก)- initially (adv.): of or at the beginning (ในตอนแรก)- exclusively (adv.): used for emphasizing that something is available to or limited to one specific person, thing, or group (พเิ ศษ)- skyrocket (v.): to increase suddenly (เพ่มิ ขึน้ ทันที)- contemporary (adj.): modern, up-to-date, fashionable (ร่วมสมัย, ทันสมัย)- stylish (adj.): showing good judgment about how to look attractive and fashionable (เก๋, เท,่ หรู, ทันสมยั )- come into one’s own (idm.):to show one’s true worth, or abilities, to gain a high degree or of popularity or success (ให้เหน็ ค่า, เห็นความสามารถ , แสดงให้เห็นตัวตน)- hot (adj.): popular, in great demand (ซง่ึ ได้รับความนยิ ม)- merchandise (n.): things that are sold, goods (สินค้า)- decade (n.): a period of ten years (ทศวรรษ)- variant (adj.): something that is slightly different from the usual form of something (ทีม่ ีรูปแบบแตกต่างออกไป)- tight (adj.): fitting the body very closely (คบั , แน่น)- establish (v.): to start a company or organization that will continue for a long time (ก่อต้งั )- สานวนภาษา-- หนา้ ท่ภี าษา- To talk about history of T-shirt- To talk about history of costumes- To compare the costumes of Thailand and other countries- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์- Past Simple Tense- Present Simple Tense- Present Perfect Tense กิจกรรมการกิจเกรียรรนมร้ ู Reading1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครใู หน้ กั เรียนพดู คยุ เกี่ยวกบั T-shirt ในกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน โดยครูเขียนคาถามบนกระดานดังนี้
- How many T-shirts do you own? - What do your T-shirts look like? Are they plain or patterned? Are they brightly colored? - Do you have T-shirts that show a name or a phase? What do they say? - Which is your favorite T-shirts and why? - What do you consider to be a reasonable price for a T-shirt? CULTURE CORNER - มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando, 1924-2004) เป็นดาราในช่วงทศวรรษ 1950 ภาพยนตร์ที่เขาแสดง ได้แก่ A Streetcar Named Desire (1951), The Wild One (1953) และ On the Waterfront (1954) เขาได้รับ รางวลั นักแสดงนาชายยอดเย่ียมจากเรื่อง On the Waterfront หลงั จากนัน้ ถัดมา 4 ปี อาชีพของเขาตกต่าลง แตใ่ นปี ค.ศ. 1972 เขากลบั มาแสดงเรื่อง The Godfather ซ่งึ ทาให้คนตะลงึ เพราะเขาได้รับรางวลั นกั แสดงนา ชายยอดเยี่ยมจากเร่ืองนีเ้ป็นครัง้ ที่ 2 - ข้อมลู จริงเก่ียวกบั T-shirts มีดงั นี ้ 1) มียอดขายปีละ 20 ล้านตวั 2) ผลติ ภณั ฑ์ T-shirts ที่นามาโปรโมทครัง้ แรกได้พมิ พ์ชื่อภาพยนตร์เรื่อง The Wizard of Oz บนตวั เสอื ้ 3) สถิตโิ ลกได้บนั ทกึ ไว้วา่ มคี นใส่ T-shirts พร้อมกนั ถึง 247 คน 4) ประมาณร้อยละ 62 ของคนอเมริกนั บอกวา่ มี T-shirts เป็นของตนเองมากกวา่ 10 ตวั2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรยี นรูน้ น้ี ักเรยี นจะได้อา่ นบทความประวัติความเป็นมาของ T-shirt เม่อื อ่านแลว้ นกั เรียนจะทราบประวัติความเป็นมาของ T-shirt และสามารถแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เร่ือง ที่อา่ นกจิ กรรมกอ่ นอา่ น1. ใหน้ ักเรยี นเขียนคาถามบนหัวเรอ่ื งบทอ่านในกจิ กรรม Reading บนกระดานดังนี้ - How do you think the T-shirt originated? - Where was it created?2. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั เดาคาตอบของคาถามในข้อ 1 และเดาว่าเร่อื งที่อ่านนา่ จะบอกข้อมูลอะไรบา้ ง3. ใหน้ กั เรยี นเปดิ หนังสือเรียน หนา้ 54 ดรู ูปภาพในกิจกรรม Reading และพูดคุยเกีย่ วกบั บคุ คลในรูปภาพกจิ กรรมระหวา่ งอ่าน1. อ่านบทความ - ครูให้นกั เรียนอ่านบทความในหนงั สือเรียน หน้า 53 ในกิจกรรม Reading ประมาณ 5 นาที และขดี เส้น ใต้คาศพั ทท์ ีน่ ักเรยี นไมท่ ราบความหมาย
- ให้นกั เรยี นเขียนคาศัพทท์ ี่ไม่ทราบความหมาย ช่วยกันเดาความหมายจากบรบิ ท และหาความหมายใน พจนานกุ รม - ใหน้ ักเรียนอ่านบทความอกี คร้งั และจับคู่เวลากับเหตุการณ์เกีย่ วกบั T-shirt ใน Worksheet 2 Worksheet 2 Directions: Match the events in column 2 to the time in column 1 Time Action about T-shirt _ _1. World War a. The T-shirt became fashionably cool to wear as an I outer garment. _ _2. By the b. There are various styles of T-shirts and they became hot 1920s (World merchandise. War II) _ _3. By the c. Americans began wearing T-shirts because they were 1950s suitable for hot weather. _ _4. By the d. The T-shirt is an outerwear and fashion item. 1960s _ _5. By the e. The T-shirt is a standard piece of underwear. 1980s –1990s to now. เฉลยคาตอบ 1. c 2. e 3.a 4. b 5. d - ครใู ห้นักเรียนจับค่แู ลกเปลีย่ นคาตอบท่จี ับคู่ใน Worksheet 2 - ครูส่มุ นักเรียนบอกคาตอบที่จบั คู่ใน Worksheet 2 - ให้นกั เรยี นฟงั ซีดีบนั ทกึ เสียง CD 2 Track 7 กจิ กรรม Reading และอา่ นในใจตาม แลว้ ให้นักเรียนตอบ คาถามในกจิ กรรม About the Reading ในหนังสือเรียน หน้า 54 - ครูและนกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งกิจกรรมหลงั อา่ น1. ตรวจสอบความเขา้ ใจบทอ่าน - ครูและนกั เรยี นช่วยกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบในกจิ กรรม About the Reading (ดเู ฉลยท้าย เลม่ )2. ประเมนิ การอา่ น - ครูประเมนิ ความเข้าใจบทอ่านจากจานวนคาตอบที่ถกู ตอ้ งในการทากิจกรรม About the Reading โดย ใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 และประเมินจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการจับคู่ใน Worksheet 2 โดยใช้ เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60
3. ตรวจสอบความเขา้ ใจคาศัพท์ - ครูใหน้ กั เรยี นทากิจกรรม Content Vocabulary และ Academic Vocabulary ในหนงั สือเรยี น หนา้ 55 และชว่ ยกันเฉลยคาตอบ (ดเู ฉลยทา้ ยเลม่ )4. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาวธิ กี ารเขียนบทความ - ครใู หน้ ักเรียนสงั เกตวิธีการเขยี นบทความ ซง่ึ เป็นการเขียนกอ่ นหลงั ตามลาดับของเวลา นกั เรยี นสามารถ ใชเ้ ปน็ แนวการเขียนบอกประวตั คิ วามเป็นมาของอย่างใดอย่างหนง่ึ ได้5. แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั เร่ืองทอี่ า่ น - ครใู ห้นกั เรยี นอภปิ รายว่าอะไรเป็นสง่ิ ทนี่ า่ สนใจท่ีสดุ หรือน่าประหลาดใจที่สุดในบทอา่ น - What is the most surprising or interesting in the Reading? - ครใู หน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับ T-shirt ตามประเด็นดงั น้ี - Do Thai people wear T-shirts? Why or why not? - Will people in the U.S.A and Thailand wear T-shirts in the future? Why or why not? - ครปู ระเมนิ การพดู แสดงความคิดเห็นโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพดู และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้6. ทาโครงงานศึกษาความเปน็ มาและเปรียบเทยี บวัฒนธรรมการแต่งกาย - ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ศึกษาความเป็นมา เปรียบเทียบความเหมอื น ความแตกต่างของ วัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยและคนท่ีเป็นเจ้าของภาษา เช่น คนอังกฤษ อเมริกัน หรือคนใน ประเทศออสเตรเลยี อย่างนอ้ ยประเทศละ 2 รายการ (two clothing items) เชน่ - คนไทย – T-shirts, a loincloth (ผา้ ขาวมา้ ), a simple skirt (ผ้าถุง, ผา้ นุง่ โจงกระเบน), cloth (ผ้า สไบ), a kind of farmer’s hat (งอบ), etc. - คนที่เป็นเจา้ ของภาษา – stockings (ถงุ เท้ายาว), gloves (ถงุ มือ), hat (หมวก), cowboy’s suits (ชุด คาวบอย), waistcoat (เสื้อก๊กั ), etc. - ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรายงานผลงานหน้าชั้นเรียน และช่วยกันคัดเลือกรายการเส้ือผ้าไทยท่ี น่าสนใจ ช่วยกันตรวจสอบการใช้ภาษาอังกฤษ และลงบทความเผยแพร่ในวารสารหรือเว็บไซต์ของ โรงเรยี น และทาเป็นแผ่นพับสาหรบั แจกในนทิ รรศการวชิ าการของโรงเรยี น - ครูประเมินข้อเขียนเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นมา เปรียบเทียบวัฒนธรรมการแต่งกายโดยใช้แบบ ประเมินการเขยี นเปรยี บเทยี บ และใชเ้ กณฑ์ผา่ นระดับพอใช้ - ครูประเมินการเขียนบทความเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของชิ้นส่วนเส้ือผ้าของไทยโดยใช้เกณฑ์การ ประเมินการเขียน และใชเ้ กณฑผ์ า่ นระดับพอใช้กจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา - ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละคนออกแบบ T-shirt ของตนเอง และวาดรูประบายสีให้สวยงาม ติดทีป่ ้ายนเิ ทศใน ห้องเรยี น - ให้นักเรยี นตง้ั คาถามเกย่ี วกบั บทอ่านคนละ 2-3 ขอ้ และถามเพือ่ นในชนั้ เรียน - ให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน แสดงบทบาทสมมติ radio phone ให้คนหน่งึ ในกลมุ่ เป็นคนตอบ คาถาม ส่วนคนอื่น ๆ เป็นผู้โทรศัพท์ไปปรกึ ษาเกีย่ วกับเส้ือผา้ ท่คี วรสวมใส่หรอื ไมค่ วรสวมใส่ในโอกาส ต่าง ๆ - ครูอาจจะให้นักเรียนทากิจกรรมเกี่ยวกับ Famous Designers โดยศึกษาประวัติและผลงานของนัก ออกแบบท่ีมชี ื่อเสยี งของไทยหรือตา่ งประเทศ
ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้1. หนังสือเรยี น New World 6 หนา้ 54-552. ซดี บี นั ทึกเสยี ง3. เคร่อื งเลน่ ซดี ี4. Worksheet 25. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ - http://en.wikipedia.org/wiki/Marlon_Brando - http://en.wikipedia.org/wiki/T-shirt
บนั ทึกผลหลงั การสอนแผนที่.......- ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ขอ้ สังเกต/ขอ้ เสนอแนะการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณัฐวุฒิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 In Style ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6เรื่องหลัก/หัวเรื่อง Fashion เวลา 2 ชว่ั โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรียนรู้ ส่ิงที่ตอ้ งรแู้ ละปฏบิ ตั ิได้ ผลงาน/ชิ้นงาน การวดั ผลและประเมินผล และตวั ชีว้ ัด พูดแสดงความคิดเหน็ - ถอ้ ยคาพดู อภปิ ราย - ประเมินการพดูต 1.2 ม.4-6/1 เกย่ี วกับเร่ือง/ประเดน็ / เกย่ี วกับ T-shirt อภิปราย โดยใชเ้ กณฑ์ ข่าว - ถ้อยคาพูดนาเสนอ การประเมินการต 3.1 ม.4-6/1 ขอ้ มูลเก่ียวกบั T-shirt อภปิ รายกลมุ่ และใช้ ใช้ภาษาต่างประเทศใน เกณฑผ์ า่ นระดับพอใช้ การคน้ คว้า/สืบค้น รายงานขอ้ มูลคาพดู ท่ี - ประเมินการพดู บนั ทึก สรปุ และแสดง ประทบั อย่บู นเส้อื ยดื นาเสนอข้อมลู โดยใช้ ความคิดเหน็ เก่ียวกับ เกณฑก์ ารประเมินการ ขอ้ มลู ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่ม พูด และใช้เกณฑ์ผา่ น สาระการเรียนรู้อนื่ จาก ระดบั พอใช้ แหล่งการเรียนรตู้ า่ ง ๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู ประเมนิ การค้นควา้ และ และเขยี น รายงานข้อมลู โดยใช้ เกณฑก์ ารประเมนิ การ เขยี น และใช้เกณฑผ์ ่าน ระดับพอใช้ความรู้ - คาศพั ท์ - - สานวนภาษา - - หนา้ ทภี่ าษา - To talk about fashion
- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - Present Simple Tense - Present Perfect Tense กจิ กรรมการกิจเรกียรรนมรู้ Speaking1. แจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนวา่ ในหน่วยการเรยี นรู้นนี้ ักเรยี นจะได้พูดอภปิ ราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสที่ นกั เรยี นใส่ T-shirt และไมใ่ ส่ T-shirt แลว้ นาเสนอหนา้ ชั้นเรียน2. พูดแสดงความคิดเหน็ และรายงาน - ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรม Speaking ในหนงั สือเรียน หนา้ 55 โดยแบ่งนกั เรยี นออกเป็นกล่มุ กลมุ่ ละ 4 คน - สมุ่ นักเรยี น 1 คนอา่ นออกเสียงประโยคคาสง่ั ในกิจกรรม Speaking ในหนงั สือเรียน หนา้ 55 - Discuss with your classmates on what occasions you wear a T-shirt and why. - ให้สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ตอบคาถามในกจิ กรรม Speaking - แตล่ ะกลมุ่ รวบรวมความคดิ เหน็ ของสมาชิกรายงานในชั้นเรยี น3. สารวจความคดิ เห็น - ให้แต่ละกลุ่มเขียนข้อสรุปโอกาสตา่ ง ๆ ทีน่ กั เรียนใส่ T-shirt - ให้นกั เรยี นยกมอื ในหวั ขอ้ โอกาสท่นี ักเรยี นใส่ T-shirt มากท่ีสุด4. อภปิ รายโอกาสท่ีนกั เรียนไมใ่ ส่ T-shirt - ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เขียนข้อสรปุ โอกาสตา่ ง ๆ ทน่ี กั เรียนไม่ใส่ T-shirt - แตล่ ะกล่มุ รวบรวมความคิดเห็นของสมาชกิ รายงานในหอ้ งเรยี น5. ประเมินการอภิปรายและการพูดนาเสนอข้อมลู - ครปู ระเมินการพดู อภปิ รายโดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ การอภปิ รายกล่มุ และใช้เกณฑผ์ ่านระดับพอใช้ - ครปู ระเมินการพูดนาเสนอขอ้ มลู โดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การพูด และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้กจิ กรรม Writing1. นาเขา้ สูบ่ ทเรียน - ครูชักชวนนักเรียนพูดคยุ เกยี่ วกับ new clothing styles โดยใชแ้ นวคาถามดังน้ี - What types of clothes are in fashion in your country nowadays? - What do you think about new clothing styles? - What do you think about new shoes styles? - What do you think about new dress styles? etc. - ครใู ห้นักเรยี นอา่ นออกเสียงคาสง่ั ในกิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หนา้ 55
2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรยี นว่าในหน่วยการเรียนรู้นน้ี ักเรยี นจะไดฝ้ กึ เขยี นขอ้ ความบรรยายแบบเสื้อผ้าทก่ี าลงั เปน็ ท่ี นยิ มกจิ กรรมกอ่ นเขยี น1. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกเก่ยี วกับเส้อื ผา้ ที่นกั เรยี นใส่ในโอกาสต่าง ๆ วา่ มอี ะไรบา้ ง ดังตัวอย่าง - Your birthday party – a dress, ... - Your friend’s birthday party – a skirt and a blouse, … - On holidays – a T-shirt and jeans, … - Going shopping - A ball (งานลีลาศ) etc.2. ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกถงึ เสอ้ื ผา้ ดงั กล่าววา่ กาลงั อยู่ในสมัยนิยมหรือแนวโน้มที่จะนยิ มเปน็ อยา่ งไร - What are some popular styles of dresses? (long or short, loose or fit, …) - What are some popular styles of footwear? (boots, shoes, slippers, canvas shoes, high- heeled or shoes) etc.กิจกรรมการเขยี น1. ใหน้ กั เรียนเขียนข้อความบรรยายเสอื้ ผา้ ในสมยั นิยมตามคาส่งั ในกิจกรรม Writing หนา้ 552. นกั เรยี นจับคูก่ บั เพ่อื นแลกกันอา่ นงานเขยี นของกนั และกนั และใหข้ อ้ เสนอแนะในการปรับปรุงตามที่ เห็นสมควร3. นกั เรียนปรบั ปรุงงานเขยี น และแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน รายงานงานเขยี นของตนในกลุ่มยอ่ ยกิจกรรมหลังเขยี น1. ประเมนิ การเขียนข้อความ - ครปู ระเมินการเขยี นของนกั เรยี นโดยใชเ้ กณฑ์การประเมินการเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้2. นาเสนองานเขียน - ครสู ่มุ นักเรยี น 2-3 คน อ่านงานเขียนของตนเองให้เพือ่ นฟัง - ครูให้นักเรียนติดงานเขียนของตนที่บอร์ดในห้องเรียนเพื่อให้เพ่ือนอ่าน และช่วยกันลงมติว่าผลงานหรือ คาแนะนาของใครทีน่ ่าสนใจบ้างกิจกรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หดั ขอ้ G-H ในหนังสอื แบบฝกึ หดั New World 6 หนา้ 36 (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม) ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน New World 6 หนา้ 55 2. หนังสอื แบบฝกึ หัด New World 6 หนา้ 36
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 Natural Resources and Energy ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 10 ช่วั โมงแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14-18เร่อื งหลกั /หวั เรือ่ ง Energyสาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด หนว่ ยการเรียนรู้นีม้ ีจดุ ม่งุ หมายให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกบั พลงั งานและนาโนเทคโนโลยีในบทอ่านและจากการศึกษา ค้นคว้าและนาเสนอในห้องเรียน นกั เรียนจะได้พดู แสดงบทบาทสมมติ การสนทนาเกี่ยวกบั พลงั งาน ฟังบคุ คลให้ข้อมลู เก่ียวกบั ข้อดแี ละข้อเสียของเชือ้ เพลิงชีวภาพ อา่ นออกเสยี งบทสนทนา เขียนบรรยายเกี่ยวกับปัญหาและการแก้ปัญหา พลังงานโลก และรายงานการศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับคาพดู ภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับพลังงานทางเลือก นอกจากนีย้ งั ได้เรียนรู้คาศพั ท์ที่เกี่ยวข้องกับเหตกุ ารณ์ดงั กลา่ ว รวมทงั้ หน้าท่ีภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ท่ีเป็น พนื ้ ฐานของกจิ กรรมฟัง พดู อ่าน เขียนในหน่วยการเรียนรู้นี ้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดสาระที่ 1 : ภาษาเพอ่ื การส่อื สารมาตรฐาน ต 1.2 ม.4-6/5สาระท่ี 2 : ภาษาและวัฒนธรรมมาตรฐาน ต 2.1 ม.4-6/3สาระที่ 3 : ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลมุ่ สาระการเรียนรอู้ นื่มาตรฐาน ต 3.1 ม.4-6/1สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ความสามารถในการส่อื สาร การคิด การแก้ปญั หา อยู่อย่างพอเพียง : ใชท้ รัพยากรต่าง ๆ อยา่ งคมุ้ ค่าการใช้ทักษะชีวิต การใช้เทคโนโลยีทกั ษะ/กระบวนการ ทกั ษะการคิด - การคดิ ทใี่ ชใ้ นการสอ่ื สาร ทักษะเฉพาะวชิ า - การคดิ วิเคราะห์ การฟัง : จบั ใจความสาคัญ - การพยากรณ์ การพูด : สนทนาโต้ตอบขอ้ มลู เกยี่ วกับตนเองและเร่ืองใกลต้ วั - การให้เหตุผล การอา่ น : อา่ นออกเสยี ง อ่านจบั ใจความสาคญั การเขยี น : เขียนบรรยาย และเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้าความเข้าใจทย่ี ่ังยืนนักเรยี นเขา้ ใจวา่ การฝกึ ใช้คาศพั ท์ สานวนเกยี่ วกบั พลังงานและนาโนเทคโนโลยี จะทาใหน้ ักเรียนสนทนา อ่านและเขียนได้ดียงิ่ ขน้ึความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อ่นืการงานอาชีพและเทคโนโลยี; วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 Natural Resources and Energy ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6เรื่องหลกั /หัวเรอื่ ง Energy เวลา 2 ช่ัวโมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรยี นรู้ สิ่งทีต่ อ้ งรู้และปฏิบตั ิได้ ผลงาน/ชนิ้ งาน การวดั ผลและประเมินผล และตัวชว้ี ดั อธบิ ายและเขยี นประโยค จับคขู่ ้อความท่เี ป็น ประเมินผลจากจานวนต 1.1 ม.4-6/5 ให้สัมพนั ธก์ บั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ ความหมายกับคาศพั ท์ คาตอบทีถ่ ูกต้องโดยใช้ต 3.1 ม.4-6/1 ความเรยี งรปู แบบตา่ ง ๆ ประกอบภาพในกิจกรรม เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60 New Language (Worksheet 1) สนทนาโตต้ อบขอ้ มูล ถอ้ ยคาพูดสนทนา ประเมนิ การพดู สนทนา เกย่ี วกบั ตนเองและเร่ือง เก่ียวกับ โดยใชแ้ บบประเมินการ ต่าง ๆ ใกล้ตวั ใน พลังงาน สนทนากจิ กรรมคู่ และ สถานการณจ์ าลองที่ ใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ เกิดขน้ึ ในห้องเรยี นความรู้- คาศพั ท์กิจกรรม New Language- natural resources (n.): naturally occurring materials such as coal, fertile land, trees, water, etc. (ทรัพยากรธรรมชาต)ิ- solar energy (n.): energy that uses the power of the sun’s light and heat to produce electricity (พลังงานดวงอาทิตย)์- nuclear power (n.): power, usually in the form of electricity, that is produced by nuclear energy (พลังงานนวิ เคลียร)์- petroleum (n.): a mineral oil obtained from below the surface of the earth, and use to produce petrol, paraffin, and various chemical substances (นา้ มนั ปิโตรเลยี ม)- dam (n.): wall built across a river, stream. etc. to hold the water (เข่อื น)- hydroelectric (adj.): using the power of water to produce electricity (เก่ียวกับไฟฟ้า พลงั น้า, ทผ่ี ลิตไฟฟา้ โดยใชพ้ ลังนา้ )- mineral deposits (n.): substances like coal, iron, copper found in the earth (แร่)
- renewable (adj.): describes a form of energy that can be produced as quickly as it is used (ซ่ึงทาใหม่ได,้ (พลงั งาน) ทไ่ี ม่มวี ันหมด)- timber (n.): wood (ไม,้ ท่อนไม)้- arable land (n.): land that can be farmed (พ้นื ทเ่ี หมาะสมแก่การเพาะปลูก)- สานวนภาษา-- หนา้ ท่ภี าษา- To talk about energy- To speculate about the future- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์- Future Progressive- Future Perfect กิจกรรมการกจิ เกรียรรนมรู้New Language1. นาเข้าส่บู ทเรยี น - ครูชักชวนนกั เรียนพูดคุยเก่ยี วกับพลังงานโดยใชแ้ นวคาถามดังน้ี - Do you know natural energy? - Is it important? Why? - In which ways do you use energy in your everyday lives? For example: gas for – cars, cooking electricity for – computers, TV, lights petrol for – cars, airplanes, ship etc.2. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนกั เรยี นว่าในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ีนักเรียนจะไดเ้ รยี นรู้ความหมายของคาศัพท์เกี่ยวกับพลังงานและ ทรพั ยากรธรรมชาติ นักเรยี นจะไดฝ้ ึกอ่านออกเสียงคาศัพท์ อภปิ ราย และแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั พลังงาน3. ทาความเข้าใจคาศัพทจ์ ากภาพ - ครูใหน้ กั เรียนเปดิ หนังสือเรียน หน้า 62 กจิ กรรม New Language ให้นกั เรยี นอา่ นออกเสียงชอ่ื หนว่ ย การเรียนรู้ Natural Resources and Energy และใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกความหมายและยกตัวอย่าง - ใหน้ ักเรยี นดูภาพประกอบกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 62 และถามนักเรียนว่าเหน็ อะไรบ้าง ใหน้ ักเรียน จบั คคู่ าศัพทก์ ับความหมายใน Worksheet 1
Worksheet 1Directions: Match the meaning in Column B to the word in column A.Column A Column B_____ 1. petroleum a. atomic energy_____ 2. nuclear b. wood_____ 3. dam c. substances like coal, iron, copper found in the earth_____ 4. timber d. a mineral oil obtained from below the surface of theearth_____ 5. arable land e. wall built across a river, stream. etc. to hold the water_____ 6. Hydroelectric f. land that can be farmed_____ 7. solar power g. of electricity produced by water – power_____ 8. mineral deposits h. energy of the sunเฉลยคาตอบ 1.d 2.a 3.e 4.b 5.f 6.g 7.h 8.c4. ประเมินความเขา้ ใจคาศพั ท์ - ครสู ุ่มถามนกั เรียนและให้นกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบ - ครูประเมนิ ความเขา้ ใจคาศพั ท์จากภาพจากจานวนคาตอบท่ถี ูกต้องโดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 605. อา่ นออกเสยี ง - ครูเปิดซดี ีบันทกึ เสียง CD 2 Track 14 กิจกรรม New Language ให้นักเรียนฟัง - ครูเปดิ ซีดีบนั ทกึ เสียงอกี ครั้งเพอ่ื ให้นักเรียนออกเสียงตาม - ใหน้ กั เรียนจับคูก่ นั อา่ นออกเสียงคาศพั ท์6. แสดงความคิดเห็นและพูดอภปิ ราย - ให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคาสงั่ ในกิจกรรม New Language - ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คนและตอบคาถาม - ครูสุ่มถามนักเรียนบางกลุ่ม - ให้นักเรียนกลุ่มเดิมอภปิ ราย แสดงความคดิ เห็นในหวั ข้อ ‘Sources of energy where we live’ และ เสนอข้อสรุป หนา้ ชัน้ เรยี นกิจกรรม Practice1. บทสนทนา - ครเู ปิดซดี บี นั ทกึ เสียง CD 2 Track 15 ให้นักเรยี นฟงั บทสนทนา และอ่านออกเสียงบทสนทนาใน กจิ กรรม Practice ในหนังสือเรยี น หน้า 62 - ครูซักถามนักเรยี นเกี่ยวกับบทสนทนาเพื่อให้แนใ่ จว่านักเรียนเข้าใจความหมายในบทสนทนาดงั น้ี - What are they talking about? (energy and TV in the future) - What is B’s opinion about energy and TV in the future?
- ให้นกั เรียนจับคพู่ ดู บทสนทนาโดยสลับกนั เปน็ A และ B ครูเดนิ สังเกตเพ่ือใหแ้ น่ใจว่านักเรยี นสามารถพดู ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง - ครูให้นกั เรยี นจับคู่เขียนบทสนทนาของตนเองตามแนวบทสนทนาในกจิ กรรม Practice ในหนงั สอื เรียน หนา้ 62 โดยครูอาจใหต้ วั อย่างประโยคในบทสนทนาดังนี้ - Will people be using a lot of solar energy in the future? - Will oil platform have disappeared in fifty years’ time? - ครสู มุ่ นักเรยี นบางคพู่ ูดบทสนทนาให้เพ่ือนฟัง - ครูประเมนิ การพดู บทสนทนาโดยใช้แบบประเมินการสนทนากจิ กรรมคู่ และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้2. ให้ความรู้ทางด้านภาษา - ครอู ธบิ ายความหมายของประโยคต่อไปนโ้ี ดยย่อ และบอกวา่ นักเรยี นจะได้เรียนเก่ยี วกบั เร่อื งนีอ้ กี ครงั้ ใน ช่ัวโมงถดั ไป - Cars will be running on hydrogen. - The world will have run out of low-cost oil by then.กิจกรรม Pronunciation1. การลงเสียงหนกั และไม่ลงเสียงหนักที่ that- ครใู หน้ กั เรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนงั สอื เรียน หนา้ 62 ครูเปดิ ซดี ีบันทึกเสียง CD 2 Track16 ครใู ห้นกั เรียนชี้คาทีไ่ ดย้ นิ และออกเสียงตาม- ให้นักเรียนฟังซีดีบันทึกเสียงอีกคร้ังและพูดออกเสียงตามหลาย ๆ คร้ัง ครูเดินสังเกตเพื่อให้แน่ใจว่านกั เรยี นสามารถออกเสยี งได้อยา่ งถูกต้อง- ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปว่า เราจะลงเสียงหนกั that /ðæt/ เม่ือทาหน้าท่เี ปน็ คาสรรพนาม และคาคุณศพั ท์ เราจะไม่ลงเสียงหนักท่ี that /ðət/ เม่ือทาหน้าท่ีเป็นคาสันธาน- ครใู ห้นักเรียนจบั คูอ่ า่ นออกเสยี งประโยค ครเู ดินสงั เกตเพอื่ ให้แนใ่ จว่านกั เรยี นสามารถออกเสยี งได้อย่างถกู ตอ้ ง- ครเู ขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดานใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสียง- We didn’t know that wind energy was so widespread.- We were surprised by the beauty of that wind farm.- ครูประเมินการอา่ นออกเสียงโดยใชแ้ บบประเมนิ การอ่านออกเสยี ง และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้กิจกรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา- ครูเขยี นหัวข้อ Non–renewable และ Renewable บนกระดาน ให้นกั เรียนเขียนรายการเทา่ ที่จาได้ โดยไมเ่ ปิดหนังสือเรยี น และหาวา่ ใครเขียนไดถ้ กู ต้อง ครบถว้ นมากท่สี ุด และรวดเรว็ ที่สุดส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 2. ซีดบี นั ทึกเสียง 4. Worksheet 11. หนังสอื เรียน New World 6 หนา้ 623. เครื่องเลน่ ซดี ี
บันทึกผลหลังการสอนแผนท่.ี ......- ด้านความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ขอ้ สงั เกต/ขอ้ เสนอแนะการจดั กิจกรรมการเรียนรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วฒุ ิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 Natural Resources and Energy ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6เร่ืองหลัก/หัวเร่ือง Energy เวลา 2 ชัว่ โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรยี นรู้ สิ่งท่ีตอ้ งรแู้ ละปฏบิ ัตไิ ด้ ผลงาน/ชนิ้ งาน การวัดผลและประเมินผล และตัวชว้ี ดั พูดและเขียนแสดงความ ถอ้ ยคาพูดแสดง ประเมนิ การพดู แสดงต 1.2 ม.4-6/5 คิดเหน็ ของตนเก่ยี วกับ ความคดิ เหน็ โดยให้ ความคิดเหน็ โดยใช้ เรอ่ื งต่าง ๆ อยา่ งมี เหตผุ ลประกอบการ เกณฑก์ ารประเมินการต 1.3 ม.4-6/1 เหตผุ ล ทานาย พูด และ เหตุการณใ์ นอนาคตใน ใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้ เขียนข้อมูลเกย่ี วกับ กิจกรรม Grammar A ตนเอง ประเมนิ การเขยี นโดยใช้ ข้อเขยี นบอกแผนการ เกณฑ์การประเมนิ การ ของตนเองในกจิ กรรม เขยี น และใช้เกณฑผ์ ่าน Grammar D ระดบั พอใช้ความรู้- คาศัพท์กิจกรรม Grammar- climate change (n.): a long–term change in the world’s climate, typically related to an increase in temperature (สภาพภมู ิอากาศทเี่ ปลีย่ นแปลง)- drought (n.): a long period of time when there is little or no rain and crops die (สภาพแห้งแลง้ )- refugee (n.): someone who has been forced to leave their country, such as result of war (ผูอ้ พยพ)- conservation (n.): protection of natural things like forests or animals (การอนรุ กั ษ)์- สานวนภาษา-- หนา้ ท่ภี าษา- To speculate about the future- To make predictions about one’s future- โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์- Future Progressive- Future Perfect
กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรม Grammar 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหน่วยการเรียนรนู้ นี้ กั เรียนจะได้เรียนร้กู ารใช้ Future Progressive และ Future Perfect เพือ่ นาไปใช้พดู และสือ่ สารเกี่ยวกับการกระทาหรอื เหตกุ ารณใ์ นอนาคต 2. นาเสนอการใช้ Future Progressive - ครนู าเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรยี นถงึ เหตุการณ์ทน่ี ักเรยี นกาลงั กระทาอยู่ในปัจจุบนั และจะกาลัง กระทาอย่ใู นอนาคตดงั นี้ - What are you doing now? - What will you be doing at this time tomorrow? - What will you be doing at 10 tonight? - ครูนาเสนอประโยค Future Progressive โดยครูพดู และเขยี นข้อความบนกระดานดังนี้ - Wipa is going to Mandalay tomorrow. The flight will depart Bangkok at 10.50 and arrive in Mandalay at 12.15. So she will be sitting in the plane at 12.00 tomorrow. - ครถู ามนกั เรียน - What will Wipa be doing at 12.00 tomorrow? (She will be sitting in the plane.) - ครูให้นักเรียนตอบคาถามเกยี่ วกบั ตัวเองดงั นี้ - What will you be doing at 12 tonight? - What will you be doing at 8 tomorrow? - What will you be doing at 9 next Sunday? - ครูถามนกั เรยี นว่าคาท่ีขีดเส้นใต้ คือ will + be + Present Participle เรยี กวา่ tense อะไร ใช้กบั เหตกุ ารณ์อย่างไร - ครใู ห้นักเรียนอ่านกรอบ Grammar ในหนังสือเรยี น หนา้ 64 ในสว่ นแรกเพอ่ื เฉลยคาตอบข้างตน้ ครูสมุ่ ถามความเข้าใจและอธบิ ายเพิม่ เติมว่า เราใช้ Future Progressive ซ่ึงมรี ปู กรยิ า will + be + Present Participle ใช้พูดเกยี่ วกบั เหตกุ ารณห์ รอื การกระทาทกี่ าลังดาเนนิ อย่ใู นเวลาท่แี น่นอนในอนาคต - ครูตรวจสอบความเข้าใจโดยใหน้ ักเรียนฝกึ พดู ประโยคในรปู Future Progressive โดยครูเขยี นประโยค คาถามบนกระดานใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนรายงานคาตอบในช้นั เรยี นดังนี้ - What will you be doing at 8 a.m. tomorrow morning? - What will you be doing at 8 p.m. Friday evening? - What will you be wearing to the next party? 3. นาเสนอการใช้ Future Perfect - ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรียนถึงเหตุการณ์ท่ีได้ทาเสร็จสมบรูณ์ในตอนน้ีและจะได้ทาเสร็จสมบูรณ์ ณ เวลาใดเวลาหนง่ึ ในอนาคต ดังน้ี - What have you just done? (I have just had breakfast.) - What will you have done by this time tomorrow? - What will you have done by 10 tonight? - ครูนาเสนอประโยค Future Perfect โดยครูพดู และเขียนขอ้ ความบนกระดานดงั น้ี
- Wipa is going to Mandalay tomorrow. The flight will depart Bangkok at 10.50 and arrivein Mandalay at 12.15. So she will have arrived at Mandalay Airport by 12.30 tomorrow.- ครูถามนักเรยี น- What time will Wipa have arrived at Mandalay Airport? (She will have arrived atMandalay Airport by12.30 tomorrow.)- ครูถามนกั เรยี นวา่ คาที่ขีดเสน้ ใต้ คอื will + have + Past Participle เรียกว่า tense อะไร ใช้กับเหตกุ ารณอ์ ยา่ งไร- ครูใหน้ กั เรียนอ่านกรอบ Grammar ในหนงั สือเรยี น หน้า 64 ในสว่ นท่ีสองเพอื่ เฉลยคาตอบข้างต้น ครูสมุ่ ถามความเข้าใจและอธิบายเพม่ิ เติมว่า เราใช้ Future Perfect ซง่ึ มีรปู กริยา will + have + Past Participle ใช้พดู เกยี่ วกบั เหตุการณห์ รือการกระทาจะเสร็จสมบูรณก์ อ่ นจุดเวลาใดเวลาหน่ึงในอนาคต โดยอาจจะเขยี น timeline ประกอบดังน้ี NOW (2014) Past Future Action completed by the time…. I will have completed college by 2020- ครตู รวจสอบความเข้าใจโดยให้นักเรยี นฝึกพูดประโยคในรปู Future Perfect โดยครูเขียนประโยคคาถาม บนกระดาน ให้นกั เรยี นเขียนคาตอบคนละ 2 ประโยคและอ่านให้เพอ่ื นฟังในชนั้ เรียนดงั นี้ - What will you have done by the beginning of the next year?- ครูให้นักเรียนดูประโยคในกรอบไวยากรณ์ท่ีอยู่ในรูป the passive voice form of the future perfect และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ โครงสร้างของ passive ในรปู ของ tense นีก้ ็เหมอื นกบั passive ทว่ั ไป กล่าวคือ เน้นที่การกระทามากกว่าผู้กระทาเพราะว่าไม่รู้ว่าใครทาหรือผู้ทาไม่ใช่สิ่งสาคัญ เช่น The bridge will have been built by the end of this year. เราไมส่ นใจว่าใครเป็นคนทาสะพาน (อาจจะ ทาโดยคนงาน) แตส่ นใจที่การสร้างมากกวา่
4. ฝกึ พูดและเขยี น - ครใู หน้ กั เรียนฝกึ ใชป้ ระโยคในรูป Future Progressive และ Future Perfect โดยให้นักเรียนทา กิจกรรมGrammar A ถงึ D ในหนังสือเรียน หน้า 64-65 ในแตล่ ะกิจกรรมดาเนนิ การดงั นี้กจิ กรรม Grammar A - ครูให้นักเรยี นดูกิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรยี น หน้า 64 อ่านออกเสียงคาสั่งและคาศพั ท์ท่ีอยู่ใน แบบฝึกหัด แล้วช่วยกันอธิบายความหมายของคาศัพท์บางคา เช่น climate change, drought, refugee,conservation (ดขู ้อมูลดา้ นคาศัพท์) - ใหน้ ักเรียนอา่ นออกเสยี งประโยคตัวอยา่ ง ครูใหน้ กั เรียนดรู ูปของกริยาในประโยคตวั อย่างซง่ึ ส่วนหน้า เปน็ the passive voice form of the future perfect สว่ นหลังอยู่ในรูป active ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะ คนเลือกใช้ส่วนหน้าหรอื ส่วนหลัง (การทานายเหตุการณ์ในอนาคตวา่ ปัญหาต่าง ๆ ตามทีก่ าหนดจะไดร้ บั การแกไ้ ขหรืออาจจะกลับมีมากขนึ้ ) กบั คาศัพทท์ ี่กาหนด ครสู ุ่มถามในหอ้ งเรยี น - ให้นกั เรียนจับคู่กนั พดู แสดงความคิดเหน็ โดยให้เหตุผลประกอบการทานายเหตกุ ารณ์ในอนาคตดงั ตัวอย่าง - Hunger - Hunger will have disappeared. People will be growing more crops, and they will be destroying them better. - ครูเดินสงั เกตการพดู แสดงความคิดเหน็ ของนกั เรียน และประเมินการพดู แสดงความคิดเห็นโดยใช้เกณฑ์ การประเมินการพดู และใชเ้ กณฑผ์ า่ นระดับพอใช้ - ครสู ุ่มนักเรยี นออกมาพดู เหตผุ ลประกอบคาทานายของตน - ครใู ห้นกั เรียนช่วยเลอื กคานายและเหตุผลประกอบท่นี ่าสนใจ และขอ้ ทีม่ เี หตผุ ลขัดแยง้ กนั มาอภปิ รายใน ชั้นเรียน กิจกรรม Grammar B - ครใู หน้ กั เรยี นอ่านคาสง่ั กจิ กรรม Grammar B ในหนังสือเรยี น หน้า 64 - ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยค และคาบอกเวลาทกี่ าหนดในขอ้ 1 ครูถามนกั เรยี นเพ่อื ให้นกั เรียนคดิ และทา ความเข้าใจซงึ่ จะทาใหน้ กั เรียนสามารถเลือกเติมประโยคในรูป Future Progressive หรือ Future Prefect ตาม สถานการณแ์ ละเวลาท่ีกาหนด - What time does the exam finish tomorrow? - At 12 o’clock, will I still be working on the exam? - ครใู ห้นักเรยี นจบั คกู่ นั ทาในข้อทเี่ หลอื - ครูสุ่มนกั เรียนอา่ นออกเสียงประโยคท่ีสมบรู ณ์ และให้นักเรียนชว่ ยกันเฉลยคาตอบ (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) ครู ชว่ ยอธิบายและแก้ไขในกรณีทเ่ี หน็ ว่ายังไมถ่ ูกต้อง กจิ กรรม Grammar C - ครูให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคาสัง่ กจิ กรรม Grammar C ในหนังสอื เรยี น หนา้ 65 - อ่านออกเสียงคาทีก่ าหนดในขอ้ 1 (dancing) ครถู ามนกั เรยี นและให้นักเรียนเขียนประโยคตามความจริง คาถามที่ใช้ถามนกั เรียนคอื - Who will be dancing this coming Saturday night? (I will be dancing.. / I won’t be dancing..)
- ครูใหน้ ักเรียนเขยี นประโยคเติมลงในขอ้ ทเ่ี หลือ จับคแู่ ลกเปลย่ี นข้อความของตนเอง - ครูสุ่มนักเรยี นบอกสิ่งทคี่ ขู่ องตนวางแผนจะทาในวันหยดุ สุดสัปดาห์ กจิ กรรม Grammar D - ครูใหน้ ักเรยี นดูกิจกรรม Grammar D ในหนังสือเรียน หนา้ 65 และอ่านออกเสียงคาส่ัง ครูบอกนกั เรียน วา่ ใน แบบฝกึ หัดน้ีเราจะใช้ Future Perfect เพอ่ื บอกเหตกุ ารณท์ ี่จะเสรจ็ สมบูรณ์ก่อนเวลาใดเวลาหนึง่ ในอนาคต - อา่ นออกเสียงคาทีก่ าหนดในข้อ 1 (graduate) ครูและนักเรียนชว่ ยกันเขียนประโยคตามทค่ี ิดวา่ จะเป็น ความจรงิ ดังน้ี Graduate – Ten years from now, I will have graduated from college. / Ten years from now, I won’t have graduated from college. - ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะคนเขียนตอบในข้อที่เหลอื - ครูสุ่มนักเรียนอ่านออกเสียงประโยคที่สมบูรณ์และให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคาตอบ ครูช่วยอธิบายและ แกไ้ ขในกรณีทเี่ หน็ ว่ายงั ไม่ถูกต้อง - ครูให้นกั เรยี นชว่ ยเลอื กคาตอบทนี่ า่ สนใจมาเปน็ หวั ข้อในการอภปิ ราย5. เขียนบอกเก่ยี วกับแผนการของตนเอง - ครูให้นักเรียนเขียนบอกเก่ียวกับแผนการของตนเองโดยให้นักเรียนเขียนส่ิงท่ีจะทาเสร็จหรือไม่เสร็จ สมบูรณ์ และให้นักเรียนคิดเหตุการณ์เอง เช่น visit the U.S./Paris, go skydiving, learn to design websites6. ประเมนิ งานเขียน - ครูประเมนิ ขอ้ เขยี นเกีย่ วกบั แผนการของนักเรียนโดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การเขยี น และใชเ้ กณฑ์ผ่าน ระดบั พอใช้กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูเขยี นสถานการณ์ตอ่ ไปนีบ้ นกระดาน ให้นกั เรียนเขยี นประโยคโดยเลอื กใช้ Future Progressive หรอื Future Perfect ดงั นี้ - in 60 years / we / use up / all the world’s oil - in 50 years / people / live / on Mars - in 100 years / people / drive cars run by gas - in 100 years / people / use / only alternative fuels - ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หดั ข้อ A-F ในหนังสอื แบบฝึกหดั New World 6 หนา้ 41-43 (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น New World 6 หน้า 64-65 2. หนงั สือแบบฝกึ หดั New World 6 หนา้ 41-43
บนั ทึกผลหลงั การสอนแผนท่.ี ......- ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ข้อสังเกต/ขอ้ เสนอแนะการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วฒุ ิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 16หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 Natural Resources and Energy ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6เรื่องหลกั /หวั เรอื่ ง Energy เวลา 2 ชัว่ โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรียนรู้ ส่งิ ท่ีต้องร้แู ละปฏิบตั ไิ ด้ ผลงาน/ชนิ้ งาน การวดั ผลและประเมนิ ผล และตวั ชี้วัด จบั ใจความสาคัญ คาตอบจากการทา ประเมนิ ผลจากจานวนต 2.1 ม.4-6/3 วเิ คราะหค์ วาม สรปุ กิจกรรม About the คาตอบทถี่ กู ตอ้ งโดยใช้ ความ Reading เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60 ตีความบทความทอ่ี ่านความรู้- คาศพั ท์กิจกรรม Reading- manipulation (n.): the process of skillfully handling, controlling, or using something (การควบคุมหรือการใช้)- matter (n.): the material that universe is made of (วตั ถุ, สสาร)- pathogen (n.): something that produce disease like bacteria (เชอื้ โรค)- filthy (adj.): very dirty (ทสี่ กปรก, ทีโ่ สโครก)- sterile (adj.): completely clean and not containing any bacteria (ปราศจาก เชอ้ื โรค)- contaminated (adj.): containing dangerous or poisonous substances (ทาให้เน่า, ทาให้มี เช้ือโรค)- foul-tasting (adj.): tasting bad (ทรี่ สชาติไมด่ ี)- distressed (adj.): upset (โศกเศรา้ เสยี ใจ)- prototype (n.): a model of an invention used to test its design before it is produced (ต้นแบบ, แบบฉบับ)- disposable (adj.): able to be thrown out (ทีใ่ ช้แลว้ ท้งิ , ท้งิ ได้เลย)- filter (n.): something that gas or a liquid is put through to remove unwanted substances (เครือ่ งกรอง)- สานวนภาษา-- หนา้ ท่ีภาษา- To talk about technology
- โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - The passive form of the future perfectกิจกรรมการกเริจียกนรรรมู้ Reading1. นาเข้าสู่บทเรยี น - ครูให้นักเรียนดูรูปภาพประกอบกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 66 ชักชวนนักเรียนพูดคุย เก่ียวกับรปู ภาพโดยใช้แนวคาถามดังน้ี - What can you see? - Are there water shortages in some areas?2. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครบู อกนักเรียนว่าในหนว่ ยการเรียนรู้นน้ี ักเรียนจะได้อา่ นบทความเก่ยี วกบั นาโนเทคโนโลยี (nanotechnology)เมอ่ื อ่านแลว้ นักเรียนจะทราบถึงวธิ ีการและประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยีและ สามารถแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับเรอื่ งที่อ่าน FACT FILE - บุคคลที่ได้รับยกย่องให้เป็นบิดาของนาโนเทคโนโลยี คือ ริชาร์ด ฟายน์แมน (Richard Feynaman) ซึ่งเป็นผู้ เปิดความคิดเก่ียวกบั ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ โดยเขาได้กล่าวไว้ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1959 วา่ “ใน อนาคตข้างหน้ามนษุ ย์จะสามารถสร้างสง่ิ ต่าง ๆ ได้ด้วยการจัดเรียงอะตอมได้ในระดบั ที่แม่นยา ซึ่ง ณ วนั นีย้ งั ไมม่ กี ฎฟิสกิ ส์ใด ๆ หรือรวมถงึ กฎแหง่ ความไมแ่ น่นอนใด ๆ มาขดั ขวางความเป็นไปได้นี”้ จากนนั้ จนถงึ ปัจจุบนั จึงมีการพฒั นาอยา่ งสบื เน่ืองเป็นลาดบักิจกรรมก่อนอ่าน1. ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาถามในกิจกรรม Reading และชว่ ยกันอภิปรายและตอบคาถามดงั นี้- Is safe drinking water easily available in your town or country?- What is done to preserve water?2. ครูนาเสนอคาศัพทโ์ ดยดาเนินกิจกรรมดังน้ี- ครใู หน้ กั เรยี นทางานเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน ใช้เวลา 5 นาที ระดมสมองคิดคาศพั ท์ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบัunclean waterและ safe drinking water ลงในตาราง โดย 2-3 คาแรกครูอาจจะชว่ ยเพอื่ ใหน้ กั เรียนเหน็ แนวทาง unclean water safe drinking water dirty / filthy / contaminated filtration bacteria sterile viruses parasites pathogens
- ครูให้นักเรียนที่เป็นตัวแทนแต่ละกลุ่มเติมคาในตาราง ครูช่วยเพิ่มเติมและอธิบายความหมายบาง คา เชน่ filthy, contaminated, pathogens, filtration, sterile (ดูข้อมูลดา้ นคาศพั ท์)กิจกรรมระหวา่ งอ่าน1. อ่านบทความ - ครใู หน้ ักเรียนกลมุ่ เดมิ ใช้เวลา 15 นาที อา่ นบทความและช่วยตอบคาถามทค่ี รูเขยี นบนกระดานต่อไปน้ี 1) Who created how to make safe drinking water? 2) What was the cause of his presentation? 3) What was the lifesaver bottle? 4) What is the nanotechnology used in the filtration system? - ครูสุ่มตัวแทนแต่ละกลุม่ อา่ นคาตอบ - ใหน้ ักเรียนฟงั ซีดีบนั ทกึ เสยี ง CD 2 Track 19 กจิ กรรม Reading อ่านตามและตอบคาถามในกิจกรรม About the Reading ในหนงั สอื เรียน หนา้ 67กิจกรรมหลงั อา่ น1. ตรวจสอบความเขา้ ใจบทอ่าน - ครแู ละนกั เรียนช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้องของคาตอบในกจิ กรรม About the Reading (ดูเฉลยทา้ ย เล่ม)2. ประเมนิ การอ่าน - ครูประเมินความเข้าใจบทอ่านจากจานวนคาตอบทถี่ กู ต้องในการทากิจกรรม About the Reading โดยใช้ เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 603. พฒั นาคาศัพท์ - ครใู ห้นักเรียนอ่านบทความอีกครั้ง ขีดเสน้ ใต้คาศัพทท์ ีน่ กั เรยี นไม่ทราบความหมาย และใหน้ กั เรยี นจบั คู่ กนั เขยี นคาหมายคาศัพทโ์ ดยดูจากบริบทที่อ่าน - ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกความหมายคาศพั ทท์ ี่เขียนคาศพั ท์ใดที่นกั เรียนเขยี นความหมายไม่ได้ครู อธบิ ายเพิ่มเตมิ หรอื ใหน้ กั เรยี นค้นหาจากพจนานุกรม4. ตรวจสอบความเขา้ ใจคาศพั ท์ - ครูให้นกั เรียนทากิจกรรม Content Vocabulary ในหนังสือเรยี น หน้า 67 และช่วยกนั เฉลยคาตอบ (ดู เฉลยท้ายเลม่ )5. แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเร่อื งทีอ่ ่าน - ครใู หน้ ักเรยี นอภปิ รายวา่ อะไรเปน็ สิง่ ท่ีน่าสนใจท่สี ดุ หรือนา่ ประหลาดใจท่ีสดุ ในบทอ่าน - What is the most surprising or interesting in the Reading?กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณ์ทางภาษา - ให้นกั เรยี นทางานกล่มุ โดยใหเ้ ขียนบทโฆษณา The Lifesaver bottle โดยมีข้อความและภาพประกอบ
ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน New World 6 หน้า 66-672.ซีดีบนั ทกึ เสยี ง 3. เคร่ืองเล่นซดี ี 4. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ - http://library.dip.go.th/Industrial%20Innovation/www/inno2-01.html - http://bigworakarn.blogspot.com/2013_02_01_archive.html - www.stom.rmutphysics.com/charud/oldnews/217/nanotech/nanotech.pdf - www.rmutphysics.com/charud/oldnews/67/index67.htm
บนั ทึกผลหลงั การสอนแผนท่.ี ......- ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ข้อสังเกต/ขอ้ เสนอแนะการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วฒุ ิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 17หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 Natural Resources and Energy ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6เรอ่ื งหลัก/หวั เรอ่ื ง Energy เวลา 2 ช่วั โมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวดั ผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรียนรู้ สงิ่ ทตี่ ้องรู้และปฏิบัติได้ ผลงาน/ชิน้ งาน การวดั ผลและประเมนิ ผล และตวั ชี้วดั พูดแสดงความคิดเห็น - ถ้อยคาพดู อภปิ ราย - ประเมนิ การพดูต 1.2 ม.4-6/5 เกย่ี วกับนา้ เชื้อเพลงิ อภิปรายเกี่ยวกับน้า เกยี่ วกบั เร่อื ง พลงั งาน และ เชื้อเพลงิ พลังงาน และต 1.3 ม.4-6/1 ต่าง ๆ อย่าง เทคโนโลยี เทคโนโลยีท่ีทันสมัย ทที่ นั สมัย โดยใชเ้ กณฑ์การ มีเหตุผล - ถอ้ ยคาพดู นาเสนอ ประเมนิ การอภปิ ราย ข้อมูลเก่ียวกบั นา้ กล่มุ และใชเ้ กณฑ์ผา่ น เช้ือเพลงิ พลงั งานและ ระดบั พอใช้ เทคโนโลยี - ประเมนิ การพูด ที่ทันสมัย นาเสนอขอ้ มูลเกยี่ วกบั น้า เชอ้ื เพลิง พลังงาน พูดและเขียนนาเสนอ ขอ้ เขียนบรรยายปญั หา และเทคโนโลยีที่ ขอ้ มูล เหตกุ ารณ์ เร่อื ง และการแก้ไขเกยี่ วกับ ทนั สมัยโดยใช้เกณฑ์ ตาม พลงั งานโลก การประเมินการพูด และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั ความสนใจของสงั คม พอใช้ ประเมินการเขียน บรรยายปัญหาและการ แก้ไขเกีย่ วกบั พลังงาน โลกโดยใช้เกณฑ์การ ประเมนิ การเขยี น และใช้ เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้ความรู้- คาศัพท์ -- สานวนภาษา -
- หน้าที่ภาษา - To talk about energy problem and solution - โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - Future Perfect Passiveกิจกรรมการกเิจรีกยรนรรมู้ Speaking1. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่าในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้พูดอภิปราย แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับน้า เช้อื เพลงิ พลังงาน และเทคโนโลยีทที่ ันสมัย2. พดู แสดงความคิดเห็นและรายงาน - ครูให้นักเรยี นทากิจกรรม Speaking ในหนงั สือเรยี น หน้า 67 โดยแบง่ นกั เรียนเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน - สมุ่ นักเรียน 1 คนอ่านออกเสียงประโยคคาถามในกจิ กรรม Speaking ในหนังสือเรยี น หนา้ 67 - ใหส้ มาชกิ ในแต่ละกล่มุ แสดงความคิดเหน็ อภปิ ราย และตอบคาถามในกิจกรรม Speaking บางขอ้ นกั เรยี นอาจตอ้ งค้นคว้าเพ่ิมเติม - แต่ละกล่มุ รวบรวมความคิดเหน็ ของสมาชิกรายงานในช้ันเรียน - นาหวั ข้อท่ีมคี าตอบไม่ตรงกันมาอภิปรายในช้ันเรียน3. ประเมนิ การอภปิ รายและการพูดนาเสนอข้อมลู - ครูประเมินการพูดอภิปรายโดยใช้เกณฑ์การประเมินการอภิปรายกลมุ่ และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้ - ครปู ระเมนิ การพดู นาเสนอข้อมลู โดยใช้เกณฑก์ ารประเมินการพูด และใชเ้ กณฑ์ผ่านระดับพอใช้กจิ กรรม Writing1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครใู หน้ ักเรียนอา่ นออกเสยี งคาสั่งในกจิ กรรม Writing ในหนงั สือเรยี น หนา้ 672. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครบู อกนักเรียนว่าในหน่วยการเรยี นรนู้ น้ี กั เรยี นจะไดฝ้ กึ เขยี นขอ้ ความบรรยายปัญหา และการแกไ้ ข ปญั หาเก่ียวกบั พลงั งานกจิ กรรมกอ่ นเขยี น1. ครูชกั ชวนนักเรยี นพดู คุยเกีย่ วกับปัญหาดา้ นพลังงานในระดับโลกวา่ มอี ะไรบ้าง พร้อมทง้ั เขียนรายการบน กระดาน เช่น - using up of oil / coal reserves - pollution from fossil fuels - nuclear waste - small number of wind farms or solar panels, gasoline car engines etc.กิจกรรมการเขยี น1. ใหน้ ักเรียนเลอื กหวั ข้อปญั หาขา้ งต้นมา 1 ข้อ หรือนกั เรยี นอาจจะคดิ หัวข้อปญั หาของนักเรียนเองกไ็ ด้
2. ให้นักเรียนหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไข และเขียนร่างข้อความบรรยายตามคาส่ั งใน กจิ กรรม Writing ในหนงั สือเรยี น หน้า 673. นักเรียนจับค่กู บั เพ่ือนแลกกันอ่านงานเขียนของกนั และกนั และใหข้ อ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ ตามท่ี เหน็ สมควร4. นักเรียนปรับปรุงงานเขียนกิจกรรมหลังเขยี น1. ประเมนิ การเขยี นข้อความ - ครูประเมินการเขียนบรรยายปัญหาและการแก้ไขเก่ียวกับพลังงานโลกโดยใช้เกณฑ์การประเมินการ เขยี น และใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้2. นาเสนองานเขยี น - ครสู ุม่ นักเรยี น 2-3 คน อ่านงานเขยี นของตนเองใหเ้ พอ่ื นในชนั้ เรียนฟงั - ครูใหน้ ักเรยี นติดงานเขยี นของตนท่ีบอรด์ ในหอ้ งเรียนเพอ่ื ให้เพอื่ นอ่านและชว่ ยกนั ลงมติวา่ ปัญหาใดท่ี เขยี นซา้ กนั มากที่สดุ3. อภปิ ราย - ใหน้ ักเรียนนาปัญหาที่เขียนซา้ กันมากทีส่ ุดมาประมวลผลเพื่อสรปุ แนวทางแกไ้ ขของชัน้ เรียนกจิ กรรมเสริมทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ใหน้ กั เรียนทางานกลุ่มเขยี นออกแบบและร่างโครงการเสนอ (Proposals) เกี่ยวกบั การใชพ้ ลงั งานท่ีนา กลับมาใช้ใหม่ ทีป่ ระหยดั และสะอาดสาหรับในบ้านเรอื นหรอื โรงเรยี น พรอ้ มทง้ั นาเสนอภาพ แผนภาพ (diagrams) และรูปแบบ การวดั (scale models) และอื่น ๆ ทจี่ าเป็น - ให้นักเรียนทางานกลุ่มกิจกรรม Saving Energy พร้อมทั้งรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกนั ประหยัดพลงั งานโดย แสดงให้เห็นถึงผลเสียของการใช้พลังงานเกนิ จาเป็นในปัจจบุ ันและเสนอแนะทางอนรุ ักษ์แหล่งธรรมชาติ และเขียนลงในโปสเตอร์ - ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด ขอ้ G-H ในหนังสือแบบฝกึ หัด New World 6 หน้า 44 (ดูเฉลยท้ายเล่ม) ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี น New World 6 หนา้ 67 2. หนังสอื แบบฝกึ หดั New World 6 หน้า 44
บนั ทึกผลหลงั การสอนแผนท่.ี ......- ดา้ นความรู้......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านทกั ษะ/กระบวนการ......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................- ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/ข้อสังเกต/ขอ้ เสนอแนะการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ....................................................... (นายณฐั วฒุ ิ นามเดช) ครูผสู้ อน
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 Natural Resources and Energy ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6เรอื่ งหลกั /หัวเรือ่ Energy เวลา 2 ชั่วโมงเป้าหมายการเรียนรู้/หลักฐานการเรียนรู้/การวัดผลและประเมนิ ผล มาตรฐานการเรยี นรู้ ส่ิงท่ตี ้องร้แู ละปฏบิ ตั ไิ ด้ ผลงาน/ชิ้นงาน การวัดผลและประเมินผล และตวั ช้ีวัด ใช้ภาษาตา่ งประเทศใน การค้นคว้าและรายงาน ประเมนิ การคน้ คว้าและต 3.1 ม.4-6/1 การ ขอ้ มูลพลังงานทางเลอื ก รายงานข้อมูลพลงั งาน ของกลุ่มประเทศอาเซียน ทางเลือกของกลุ่มต 2.1 ม.4-6/3 ค้นคว้า/สบื ค้น บนั ทกึ สรปุ และแสดงความ ประเทศอาเซียนโดยใช้ คิดเห็นเก่ียวกบั ข้อมูลที่ เกณฑก์ ารประเมนิ การ เกยี่ วข้องกับกลุ่มสาระ เขยี น และใช้เกณฑ์ผ่าน การเรียนรูอ้ ื่นจากแหลง่ ระดับพอใช้ การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ และ นาเสนอด้วยการพูดและ การดาเนนิ การจัดและ ประเมินการดาเนนิ การ เขยี น เขา้ รว่ มแข่งขัน ข้ันตอน จดั และเข้ารว่ มแขง่ ขนั อปุ กรณค์ าพูดของพิธีกร โดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ เข้ารว่ มและจัดกจิ กรรม จนถึงการประกาศผล การทางานกลุ่ม และใช้ ทาง การแข่งขนั เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ ภาษาอย่างเหมาะสมความรู้ - คาศัพท์ - - สานวนภาษา - - หน้าทภี่ าษา - To talk about type of alternative energy - โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - Present Simple Tense - Future Perfect Tense - Future Progressive Tense
กิจกรรมการเรียนรู้กจิ กรรม World Link 1. ค้นคว้าข้อมลู เกี่ยวกบั แหลง่ พลงั งานทางเลือกของประเทศกลมุ่ อาเซียน - ให้นกั เรียนอ่านคาสงั่ ในกจิ กรรม World Link ในหนงั สอื เรียน หน้า 67 - ให้นกั เรียนช่วยกนั เขยี นรายการแหลง่ พลงั งานหลกั ของประเทศกลมุ่ อาเซียน - ให้นักเรียนช่วยกนั เขียนรายการพลงั งานทางเลือก เช่น wind, solar, geothermal energy, hydroelectric power, hydrogen - ให้นกั เรียนทางานเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ค้นคว้าข้อมลู เกี่ยวกบั พลงั งานทางเลือกจากรายการข้างบน หรือทางเลือกอื่น ๆ ท่ีน่าสนใจของประเทศกลมุ่ อาเซียน 2. นาเสนอข้อมลู - ให้นกั เรียนแลกเปลยี่ นข้อมลู ที่ได้จากการค้นคว้าโดยรายงานหน้าชนั้ เรียน - ถ้ามกี รณีได้ตวั อย่างซา้ กนั ให้อภปิ รายถงึ ความแตกตา่ งในรายละเอียดของข้อมลู 3. ประเมนิ การค้นคว้า - ครูประเมนิ การค้นคว้าและรายงานข้อมลู ของนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การเขียน และใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้ 4. จดั กจิ กรรมแขง่ ขนั ตอบคาถามภาษาองั กฤษ (English Quiz) - ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 4 กลมุ่ ใหญ่ กลมุ่ ละ 10 คน ให้นกั เรียนจดั การแขง่ ขนั ตอบคาถามเก่ียวกับ ความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วทงั้ หมด (กิจกรรมนีค้ รูแบ่งหน้าท่ีและให้นักเรียนเตรียมตวั ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สปั ดาห์) โดยอาจจะให้นกั เรียนจบั ฉลาก A-D และทาหน้าที่ดงั นี ้ - กลมุ่ A เป็นกรรมการจดั การแขง่ ขนั โดยอาจจะตงั้ ช่ือเป็น Grammar Quiz หรือ Reading Quiz หรือ Vocabulary Quiz หรือ Miscellaneous Quiz กลุ่มนีจ้ ะดาเนินการตัง้ ช่ือการแข่งขัน ตัง้ คาถาม ทาฉลาก ตัง้ กติกาการแข่งขัน เตรียมพิธีกร รวมคะแนน ตัดสิน ทารางวัลหรือ เกียรตบิ ตั รให้แกผ่ ้ชู นะเลศิ - กลมุ่ B-D เป็นทีมท่ีเข้าตอบปัญหาชงิ รางวลั ให้ชว่ ยกนั เตรียมตวั ทบทวนความรู้ตามขอบข่ายที่ กรรมการกาหนด - ให้นกั เรียนจดั และเข้าร่วมการแขง่ ขนั ตามที่เตรียมการ - ครูประเมินการจดั และการเข้าร่วมการแขง่ ขนั จากความสนใจ ความกระตือรือร้น และความสาเร็จ ของการแขง่ ขนั โดยใช้เกณฑ์การประเมนิ การทางานกลมุ่ และใช้เกณฑ์ผา่ นระดบั พอใช้นักเรียนประเมนิ ตนเอง - นักเรียนทาแบบประเมิน Self-Evaluation เพื่อประเมินตนเองเกีย่ วกับเนือ้ หาทไี่ ดเ้ รยี นไปแลว้ (แบบ ประเมินUnit9 Self-Evaluation ท้ายคู่มอื คร/ู ท้ายหนงั สือแบบฝึกหัด)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103