Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบฟอร์มรายงานการวิจัย ครูณัฏฐ์

แบบฟอร์มรายงานการวิจัย ครูณัฏฐ์

Published by Supakorn Sukjeen, 2022-01-13 13:56:43

Description: แบบฟอร์มรายงานการวิจัย ครูณัฏฐ์

Search

Read the Text Version

การพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โดยการสอนแบบการสืบเสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ทจ่ี ดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานรว่ มกบั แอปพลเิ คชนั่ ตา่ งๆ ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความจาเป็นและเพ่ิมความสาคัญเป็นลาดับมากขึ้นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ แมว้ ่าการพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยจี ะเออ้ื อานวยในด้านชวี ิตความเป็นอยูท่ ส่ี ะดวกสบายและอายุยนื ยาวมากข้ึน หากการนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ โดยมิได้พจิ ารณาอย่างสุขุมรอบคอบและกวา้ งไกลแลว้ ย่อมเกิดผลเสยี ต่อ สภาพแวดล้อมและสมดุลทางธรรมชาติอย่างมหันต์ เมื่อมองไปข้างหน้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควรช่วยเตรียมให้ มนุษย์มีความพร้อมที่จะเผชิญกับปัจจัยพ้ืนฐานในการดารงชีวิต และปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับมนุษย์และส่ิงแ วดล้อม ข้อท่ีพึงตระหนัก คือ การดารงชีวิตของมนุษย์มิใช่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากธรรมชาติหรือการทาตนอยู่เหนือ ธรรมชาติ หากแต่มนุษย์ต้องเรียนรู้ธรรมชาตทิ จ่ี ะดารงชีวติ อย่างสันตริ ่วมกับผูอ้ ืน่ กบั สงั คมวัฒนธรรม และกับธรรมชาติ ดังนั้นในชีวิตประจาวันของมนุษย์ทุกคน จะต้องเก่ียวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา เก่ียวข้องกับ วิวัฒนาการทางด้านความรู้ ทาให้มีการเปล่ียนแปลงหลาย ๆ ด้าน จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะทาให้บุคคลในสังคม รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มีวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่มีระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญาซ่ึงวิธีการ คิดน้ันเป็นวธิ ีเดียวกันกับทใี่ ช้อยู่ในกระบวนการแสวงหาความรูท้ างวิทยาศาสตร์ (สปิ ปนนท์ เกตทุ ัตม, 2555 : 541-561) ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 4 แนวการจัดการศึกษามาตรา 22 การจัดการ ศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาตอ้ งส่งเสริมให้ผเู้ รียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ มาตรา 24 การจัด กระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้องดาเนินการ ดังต่อไปนี้ (1) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้ สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรยี น โดยคานึงถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล (2) ฝึกทักษะ กระบวนการ คิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหา (3) จัดกิจกรรมให้ ผ้เู รียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รอู้ ย่างต่อเน่ือง (4) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา (5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียนและอานวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้ การวจิ ัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ ทัง้ น้ี ผู้สอนและผูเ้ รียนอาจเรยี นรไู้ ปพรอ้ มกันจากส่ือการเรียนการสอนและ แหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ (6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ี มีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา ผูป้ กครองและบคุ คลในชมุ ชนทกุ ฝ่ายเพอ่ื ร่วมกันพฒั นาผู้เรียนตามศักยภาพ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2553 : 17) นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกูล หนา้ 1

ผู้วิจัยตระหนัก ถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้ศึกษาค้นคว้า วิธีสอนแบบต่าง ๆ ตลอดทั้งศึกษางานวิจัยท่ี เกยี่ วกบั วิธีสอนแบบต่างๆ เพื่อแก้ไขท้ังผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ ซง่ึ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (2546, น.219 - 220) ได้นาเสนอขน้ั ตอนการจัดการเรียนรู้ด้วยการสอนแบบการสืบเสาะหาความรแู้ บบ 5Es ประกอบด้วย 5 ข้ันตอน ได้แก่ 1) ขั้นสร้างความสนใจ 2) ข้ันสารวจและค้นหา 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป 4) ขั้น ขยายความรู้ และ 5) ขั้นประเมิน ซึ่งการสอนแบบการสืบเสาะหาความร้แู บบ 5Es นั้นได้เน้นให้ผเู้ รยี น สร้างองคค์ วามรู้ ด้วยตนเอง ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติท่ีมีการสืบค้น เสาะหา สารวจตรวจสอบ และค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ แล้ว เชื่อมโยงเข้ากับประสบการณ์ของผู้เรียนเอง เป็นการช่วยสร้างกิจกรรม ให้ผู้เรียนพยายามสร้างความรู้ใหม่ โดยอาศัย ฐานความรู้เดิมเป็นการฝกึ ให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่ง จะทาให้ผูเ้ รยี นเห็นความสาคัญและเข้าใจในสาระที่ได้เรียนรู้ นอกจากน้ีได้ค้นพบใน งานวิจัยของปิยะฉัตร์ ชัยมาลา (2550, บทคัดย่อ) เพ็ญสุดา แข็งกลาง (2550, บทคัดย่อ) และ ศิริลักษณ์ นาไชย (2553, บทคัดย่อ) ท่ีศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิทยาศาสตร์ พบว่า การสอนแบบการสืบเสาะหา ความรู้ แบบ 5Es ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์หลังการเรียนของผู้เรียนท่ีได้รับการสอนแบบ การ สบื เสาะหาความรแู้ บบ 5 Es สงู กว่าผู้เรยี นที่ได้รบั การสอนตามปกตอิ ยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ดังน้ัน วธิ ีสอน แบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5Es ซ่ึงเป็นยุทธวิธีในการจัดการเรียนการสอนท่ี เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนสามารถ สรา้ งองค์ความร้ดู ้วยตนเอง ได้เรยี นรู้ร่วมกัน และสามารถประเมิน ผลการเรียนด้วยตนเองเป็นการสอนที่เน้นให้ผู้เรียน คิดและลงมือปฏิบัติเอง พัฒนาทักษะกระบวนการคิด การแก้ปัญหา โดยท้ังนี้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (สสวท.) ในฐานะหน่วยงาน ที่รับผิดชอบหลักสูตรและการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้ ความสาคัญต่อการพัฒนา และสง่ เสริมการจัดกระบวนการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Approach) ท่ีบูรณา การเช่ือมโยง ระหว่างเนื้อหาสาระการเรียนวิทยาศาสตร์กับการพัฒนากระบวนการคิด การสารวจตรวจสอบเพื่อการ ค้นพบ และการแก้ปัญหาซ่ึงเปน็ การปลูกฝังคุณลกั ษณะของนักวิทยาศาสตร์ ให้เกิดข้ึนในตัวเดก็ ท่ีสาคัญท่ีสุด ก็คือ การ พัฒนาปลูกฝังให้ “เด็กคิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น” โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ข้นั ตอน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้กล้าคิด กล้าทา กล้าซักถาม กล้าโต้แย้ง กล้า แสดงออก รู้จักคิดวิเคราะห์ มีความคิด หลากหลาย มีจิตวิทยาศาสตร์ บรรยากาศการเรียนการสอนดี เป็นบรรยากาศการเรียนรู้อย่างอิสระและสร้างสรรค์ ซ่ึง เป็นปัจจัยหน่ึงที่สาคัญในการจัดกระบวนการ เรียนรู้ท่ีเอ้ือให้ผู้เรียน กล้าคิด กล้าทา กล้าแสดงออก และพัฒนา กระบวนการคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้เรียนได้ทาการทดลอง และมีการอภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ สามารถโต้แย้งกันได้ (สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2548) จากสภาพปญั หาการจดั การเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรใ์ นปจั จุบันผู้เรียน ไมค่ ่อย มพี ัฒนาการด้านทักษะกระบวนการคิด โดยเฉพาะทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ซงึ่ เป็นทักษะท่ีมีความสาคัญต่อการ พัฒนาด้านสติปัญญาของเด็ก เป็นคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของเด็กไทยและเป็นเป้าหมายสาคัญของการจัดการศึกษา ประกอบกับการศึกษาข้อมูลจากสภาพปัญหาในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนปทุมานุกูลเป็น โรงเรียนที่มีการเน้นนักเรียนในด้านวิชาการของศูนย์เครือข่ายท่าศาลา 2 สานักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 4 มีเอกลักษณ์ด้านวิชาของโรงเรียน คือ ผู้นาทางวิชาการ ซึ่งด้านวิชาการเป็นเป้าหมายหลักของ นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล หนา้ 2

โรงเรียน พบวา่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเร่ือง เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ดังกล่าว (แบบ บนั ทกึ ผลการเรียนประจารายวิชา (ปพ.5) ปทมุ านกุ ูล,2563:3) ผู้วิจัยได้ศกึ ษาข้อมลู จากผู้เรยี นเป็นรายบุคคล และนาผล มาวเิ คราะห์ได้ขอ้ สรุปของปัญหาดังนี้ คือ 1) ผู้เรียนมีปัญหาในการเรยี นวิทยาศาสตร์ด้านการคดิ เช่น ขาดทักษะ การคิด วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างสร้างสรรค์และคิดอย่างเป็นระบบ 2) ผู้เรียนมีปัญหาด้านทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ เช่น การตั้งปัญหา การต้ังสมติฐาน การออกแบบการทดลอง และการสรุปผลการทดลอง 3) ผู้เรยี นไม่ได้ ค้นควา้ และเรยี นร้ดู ้วยตนเอง 4) สือ่ การสอนไม่ทันสมยั ไมช่ ่วยกระตุ้นสง่ เสรมิ การพัฒนาการคดิ วิเคราะห์ คิดแก้ปัญหาท่ี มีความซับซ้อน จากปัญหาดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ยังไม่บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาให้ ผู้เรยี นคิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น จึงเป็นสิ่งจาเป็นอย่างยิ่งหากผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบมีข้ันตอนที่ ถูกต้อง ท้ังนี้ปัญหาดังกลา่ วเป็นเพราะเม่ือผู้เรียนพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ ในระหวา่ งที่เรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ ผู้เรียนยัง ไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เน่ืองจากผู้เรียนไม่มีความรู้ความเข้าใจการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอ ทาให้ผู้เรียนมีพฤติกรรมทางการเรียนวิทยาศาสตร์ท่ีไม่พึงประสงค์ จึงทาให้ส่งผล กระทบต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ในชว่ งสภานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัส COVID - 19 ในจงั หวดั นครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่สีแดง มาตั้งแต่ระลอกที่ 2 ทาให้การจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนเริ่มมีการเปล่ียนแปลง จัดให้มีการเรียนการสอนใน รปู แบบOn-Air , On-Line , On-demand, On- hand และ on-site โดยโรงเรยี นปทุมานุกูล จัวหวัดนครศรธี รรมราช น้ันมีการจัดการเรียนในรูปแบบ On-Line และOn hand จึงมีความเส่ียงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้ง่าย ผปู้ กครอง ครู และบุคลากรทางการศึกษาจึงมีความห่วงใยผู้เรียน และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดประชุม เตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรยี น ปีการศึกษา 2564 โดยโรงเรียนปทุมานุกูล จังหวัดนครศรีธรรมราช นนั้ ได้ประชุม วางแผนในจัดการเรียนการสอนแบบ On-Lineและ On hand และมีการเตรียมความพร้อมจัดอบรมครูให้ความรู้ด้าน เทคโนโลยี ที่จะนาไปใช้จัดการเรียนการสอน ผ่านหลายช่องทาง ตามความถนัดและธรรมชาติวิชาของครูผู้สอนแต่ ละ วชิ า จากปัญหาท่ีเกิดขึ้นดังกล่าวมานั้น ข้าพเจ้าได้ศึกษา การจัดการเรียนการสอนผ่านOn line อีกท้ังพยายาม พัฒนาตนเองเรียนรู้โดยการอบรมออนไลน์ในการพัฒนาตนเองด้านเทคโนโลยี ศึกษาความรู้เพ่ิมเติมจาก you tube และได้อบรมการใช้แพลตฟอร์มทางการศึกษา ข้าพเจ้าจึงตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาความสามารถการเรียนรู้กลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์เร่ือง เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการสอนแบบการสืบ เสาะหาความรู้แบบ 5 Es ที่จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคชั่นต่างๆทาให้ครูมีเวลาชี้แนะผู้เรียน และชว่ ยผู้เรยี นสรา้ งสรรค์แนวคิดตา่ งๆ ได้ มากขนึ้ มีการจดั ระบบการจัดการเรียนการสอนของครบู นระบบแพลตฟอร์ม ดังน้ันผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษาการพัฒนาความสามารถการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้การสอนแบบการสืบ เสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ท่ีจดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคชั่นต่างๆเพื่อพฒั นาความสามารถการ เรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และทาให้ผลสัมฤทธ์ิในการพัฒนาความสามารถการเรียนรู้กลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์เรื่อง เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการสอนแบบการสืบ นายณัฏฐ์พรี พล มีบญุ มาก โรงเรียนปทมุ านุกูล หน้า 3

เสาะหาความรู้แบบ 5 Es ที่จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น และยั่งยืน ตลอดไป วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรก์ ่อนเรยี นและหลังเรยี นดว้ ยวธิ กี าร สอนโดยใช้การสอนแบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es ท่จี ดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกบั แอปพลเิ คชั่น ตา่ งๆ สมมติฐานของการศึกษา ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนด้วยวิธีการสอนโดยใช้การ สอนแบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่างๆ สูงกว่าก่อน เรียน เนือ้ หา เน้ือหาที่ใช้ในการศึกษา เป็นเนื้อหาสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของกระทรวงศึกษาธิการและหลักสูตรโรงเรียนปทุมานุกูลฉบับ ปรับปรงุ 2564 เร่ือง เงา อุปราคา และเทคโนโลยอี วกาศ ซ่งึ มีเนื้อหายอ่ ยตามหัวข้อตอ่ ไปน้ี หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ตรงกับ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของ พลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ ง สสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่เี กย่ี วข้องกับเสียง แสง และ คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์์ ตัวชีว้ ดั ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกดิ เงามืด งามวั จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.3 ป.6/8 เขียนแผนภาพรงั สขี องแสง แสดงการเกิดเงามืดเงามวั ว 2.3 ป.6/1 สรา้ งแบบจาลองทอ่ี ธิบายการเกดิ และเปรยี บเทียบปรากฏการณ์สุริยปุ ราคาและ จนั ทรปุ ราคา ว 2.3 ป.6/2 อธิบายพฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศและยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใช้ นายณัฏฐ์พีรพล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หนา้ 4

ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอวกาศ 1.1 เงาและอุปราคา จานวน 1 ชว่ั โมง ชว่ั โมง 1.2 การเกดิ เงา จานวน 1 ชว่ั โมง ชว่ั โมง 1.3 เงาเกิดข้ึนได้อย่างไรและ มีลักษณะอย่างไร จานวน 1 ชว่ั โมง ชั่วโมง 1.4 การเกดิ สุริยุปราคาและจันทรปุ ราคา จานวน 1 1.5 รู้จกั เทคโนโลยอี วกาศ จานวน 1 1.6 เทคโนโลยีอวกาศมปี ระโยชน์อยา่ งไร จานวน 1 ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา ระยะเวลาทใี่ ช้ในการศึกษา ผู้วจิ ยั ทาการสอนดว้ ยวธิ ีการสอนโดยใช้การสอนแบบการสบื เสาะหาความรู้ แบบ 5 Es ทจ่ี ดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลเิ คชั่นต่างๆ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จานวน 6 ช่ัวโมง นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ เพือ่ ใหเ้ ขา้ ใจความหมายเฉพาะของคาที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ีตรงกัน จึงไดน้ ยิ าม ความหมายไวด้ งั น้ี 1. การพัฒนาความสามารถการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ หมายถึง การท่ีนักเรียนสามารถเรียนรู้โดยใช้การสอน แบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es ซ่ึงมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น จากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอวกาศ 2. วิธีการสอนแบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es หมายถึง รูปแบบการสอนที่ใช้ ในการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เร่ือง ชีวิตกับส่ิงแวดล้อมโดยยึดแนวคิดของ (สถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี, 2548) ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนค้นหาความรู้ใหม่ด้วยตนเอง โดยผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติ และใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย 5 ข้ันตอน ดังน้ี 2.1 ขั้นสร้างความสนใจ ครูกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจ สงสัย อยากรู้ อยากเห็นต้อง การศึกษาค้นคว้าทดลองหรือ แก้ปญั หาด้วยตนเองในเรือ่ งชวี ิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม 2.2 ขั้นสารวจและค้นหา ผู้เรียนวางแผนก าหนดแนวทางในการสารวจตรวจสอบ ค้นหาปัญหาหรือประเด็นท่ี ผเู้ รยี นสนใจในเร่ืองชีวิตกบั ส่ิงแวดล้อม 2.3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป ผู้เรียนน าความรู้ในเรื่องชีวิตกับส่ิงแวดล้อม จาก การสารวจ ตรวจสอบ ค้นหา มาอภปิ รายรว่ มกนั แล้ววิเคราะห์ แปลผล สรปุ ผล 2.4 ข้ันขยายความรู้ ผู้เรียนนาความรู้ท่ีสร้างขึ้นใหม่ มาเช่ือมโยงกับความรู้เพื่อ เพิ่มเติมความรู้ ความเข้าใจใน องคค์ วามรู้ เรื่องชวี ิตกบั ส่งิ แวดลอ้ มได้อยา่ งกวา้ งขวางและลกึ ซงึ้ ย่งิ ข้ึน นายณัฏฐ์พีรพล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 5

2.5 ข้ันประเมิน ผู้เรียนได้ประเมินความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการเรียนรู้ ความสามารถของตนเองและครู ประเมินนักเรยี นในเรื่องชีวติ กบั ส่งิ แวดล้อม 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์หมายถึงความสามารถทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนในเร่ือง เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ประกอบด้วย ด้านความรู้ ความคิด วัดได้จากแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน เรื่อง เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ซ่ึงเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกท่ีผู้วิจัย สร้างขึ้น ตาม ตารางการวิเคราะห์หลักสูตรซ่ึงครอบคลุมพฤติกรรมด้าน ความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ วิเคราะห์ จานวน 20 ข้อ 4. การจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่าง หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีผสมผสาน เทคนคิ วิธี กระบวนการจัดการเรียนรูท้ ีห่ ลากหลายมาใช้ใหเ้ ข้ากบั บริบทนน้ั ๆ รว่ มกบั แอปพลิเคช่นั ต่าง เช่น you tube/ livework sheets/ blooket/ PowerPoint/google from ใชป้ ระกอบในการสอน ประโยชนข์ องการวจิ ยั 1.วิธสี อนแบบการใช้การสอนแบบการสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ทจี่ ดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน รว่ มกับแอปพลเิ คชั่นตา่ งๆ ทาให้นักเรยี นสามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองและมกี ารชว่ ยเหลือกนั ภายในกลุ่ม และทาให้มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึน้ 2. นักเรยี นมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 3. นักเรียนสามารถนาความรู้ท่ีได้ศึกษาค้นคว้านาไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหา พัฒนาตนเอง และใช้ใน ชวี ิตประจาวันได้ 4.ผู้สอนกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรส์ ามารถนาแนวทางการเรียนรู้จากการเรียนรดู้ ว้ ยวธิ สี อนโดยใช้การ สอนแบบการสบื เสาะหาความรู้แบบ 5 Es ทจี่ ัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานรว่ มกับแอปพลิเคชัน่ ตา่ งๆ ไปใช้กับนักเรยี นในระดบั อ่นื ได้ นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกลู หน้า 6

นิยามศัพทเ์ ฉพาะตวั แปรทศี่ กึ ษา 1. ตวั แปรต้น (Independent Variable) ไดแ้ ก่ วิธีการสอนโดยใช้การสอนแบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es ที่จัดการเรียนการสอนแบบ ผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ัน ต่างๆกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่อง เงา อุปราคา และเทคโนโลยี อวกาศ สาหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 2. ตัวแปรตาม (Dependent Variable) ได้แก่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 วธิ ีดาเนินการวิจัย 1. กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6/3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนปทุมานุกูล อาเภอทา่ ศาลา จงั หวัดนครศรธี รรมราช จานวน 30 คน 2. เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวิจยั 1. แผนการจดั การเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์แบบ5 Es ทผ่ี สมผสานร่วมกบั แอปพลเิ คช่ันตา่ งๆ หน่วยการ เรยี นรู้ที่ 5 เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอวกาศ จานวน 6 แผน เวลา 6 ชั่วโมง 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์ซึ่งเปน็ แบบปรนัยชนิดเลือก ตอบ 4 ตวั เลอื ก จานวน 20 ขอ้ โดยแบ่งการวัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ของนักเรยี น ดา้ น ความรู้ ความจา ความเขา้ ใจ การนาไปใช้ วเิ คราะห์ กาหนดเกณฑ์การให้คะแนน ดังน้ี ข้อท่ีถูกให้คะแนนเปน็ 1 คะแนน ข้อทต่ี อบ ผิด ไมไ่ ดต้ อบ หรอื ตอบเกิน 1 ขอ้ ให้ 0 คะแนน 3. วธิ ดี าเนินการแกป้ ญั หา/เก็บรวบรวมขอ้ มลู 1. ผวู้ จิ ัยนาแผนการจัดการเรียนรู้ ทป่ี รบั ปรุงแก้ไข สมบูรณ์แล้วไปใชจ้ ดั กจิ กรรม การเรียนการสอน กับกลุ่มตวั อย่างซ่งึ เปน็ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6/3 โรงเรยี นปทมุ านุกลู ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 30 คน ใช้ระยะเวลาในการทดลอง ทั้งสิน้ 4 สปั ดาห์ รวม 6 ช่วั โมง โดยดาเนนิ การดงั น้ี 2. ชี้แจงใหผ้ ้เู รยี นเข้าใจถึงวิธีการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ของแผนการจัดการเรียนรู้ 3. ทดสอบก่อนเรียน 4. ดาเนนิ การจัดกิจกรรมโดยใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ที่ไดจ้ ดั เตรยี มไว้ จานวน 6 แผนโดยใช้เวลา 6 ชวั่ โมง 5. ดาเนนิ การทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกลู หนา้ 7

ผลการวจิ ัย การวิจัย เรอื่ ง การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวิทยาศาสตรข์ องนักเรียน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยการสอนแบบการสืบเสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ท่จี ดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่นั ต่างๆ การดา เนนิ งาน วิจยั ครั้งนี้เป็นการวิจัยเชงิ กง่ึ ทดลอง (Quasi-Experimental Design) ดาเนินการทดลองตามแบบ แผนการวิจยั แบบกล่มุ เดยี วก่อนหลงั (One-Group Pretest – Posttest Design) ผวู้ จิ ัยนาเสนอผล การวิจัยตามลาดบั ดังต่อไปน้ี 1. การนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลเปรยี บเทียบก่อนเรียนและหลังเรยี น การวเิ คราะหข์ อ้ มูล/วเิ คราะหผ์ ลการแกป้ ญั หา ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนกั เรียนชน้ั ประถม ศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง กอ่ นกับหลังการสอนแบบการสืบเสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ทจี่ ดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานรว่ มกับแอปพลิเคชั่น ตา่ งๆ ลาดบั ท่ี กอ่ นเรียน ร้อยละ หลังเรยี น รอ้ ยละ ผลการพฒั นา รอ้ ยละ (20 คะแนน) (20 คะแนน) 1 10 50.00 14 70.00 +4 20.00 2 12 60.00 15 75.00 +3 15.00 3 12 60.00 14 70.00 +2 10.00 4 16 80.00 17 85.00 +1 5.00 5 13 65.00 15 75.00 +2 10.00 6 15 75.00 19 95.00 +4 20.00 7 8 40.00 12 60.00 +4 20.00 8 8 40.00 12 60.00 +4 20.00 9 8 40.00 13 65.00 +5 25.00 นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หนา้ 8

10 16 80.00 18 90.00 +2 10.00 11 18 90.00 19 95.00 +1 5.00 12 14 70.00 20 100.00 +6 30.00 13 18 90.00 20 100.00 +6 10.00 14 15 75.00 17 85.00 +2 10.00 15 12 60.00 13 65.00 +1 5.00 16 8 40.00 12 60.00 +4 20.00 17 12 60.00 15 75.00 +3 15.00 18 8 40.00 13 65.00 +5 25.00 19 9 45.00 14 70.00 +4 25.00 20 16 80.00 18 90.00 +2 10.00 21 13 65.00 19 95.00 +6 30.00 22 13 65.00 18 90.00 +5 25.00 23 18 90.00 20 100.00 +2 10.00 24 8 40.00 12 60.00 +4 20.00 25 13 65.00 18 90.00 +5 25.00 26 13 65.00 18 90.00 +5 25.00 27 17 85.00 20 100.00 +3 15.00 28 17 85.00 20 100.00 +3 15.00 29 8 40.00 13 65.00 +5 25.00 30 13 65.00 18 90.00 +5 25.00 คะแนนเฉลย่ี 13 65.00 16 80.00 จากตารางที่ 1 พบวา่ เมื่อเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยการสอนแบบ การสืบเสาะหาความรแู้ บบ 5 Es ทจี่ ัดการเรยี นการสอนแบบผสมผสานร่วมกบั แอปพลเิ คช่ันต่างๆภาพรวมมีการ พฒั นาขึ้นทุกคนคะแนนเฉลี่ยกอ่ นเรียนร้อยละ 65.00 หลงั เรยี นร้อยละ 80.00 คะแนนเพิม่ ข้นึ ร้อยละ 15.00 สรปุ ผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ หนา้ 9 นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล

การวิจัย เร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยการสอนแบบกา รสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es ผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่างๆ ครั้งนี้ มี วตั ถุประสงค์ เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ก่อนและหลังสอนแบบการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5 Es ผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคชั่นต่างๆ ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนปทุมานุกลู รวมประชากรทงั้ สิ้น 30 คน โดย กลุ่มตวั อยา่ งเปน็ นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6/3 ภาคเรยี น ท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ของโรงเรียนปทุมานุกูล จานวน 1 ห้องเรียน จานวน 30 คน ได้มาจากการใช้วิธีการสุ่มแบบ กลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครอื่ งมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวิทยาศาสตร์ ของ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โดย การสอนแบบการสบื เสาะหาความรู้แบบ 5 Esผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคชั่นตา่ งๆ 2) แผนการจัดการเรียนรู้สอนแบบการสืบเสาะหา ความรู้แบบ 5 Es ผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่างๆ ผสมผสาน ร่วมกับแอปพลิเคช่ันต่างๆ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละของนักเรียนท่ีเรียนเป็นรายคน ผู้วิจัยได้ สรุปผลการศกึ ษา อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ดังตอ่ ไปนี้ สรปุ ผลการวจิ ัย ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โดยการสอน แบบการสบื เสาะหา ความรูแ้ บบ 5 Es ผสมผสานร่วมกับแอปพลิเคชั่นตา่ งๆ หลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนของนักเรียนทกุ คน นายณัฏฐพ์ รี พล มีบุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกลู หนา้ 10

อภปิ รายผล จากการวิจัยการพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนและเจตคติตอ่ การเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยการสอนแบบการสบื เสาะหาความรู้แบบ 5 Es ผสมผสานรว่ มกบั แอปพลเิ คช่ันต่างๆ ในครั้งนี้ ผ้วู จิ ัย อภปิ รายผลได้ดังน้ี 1. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยการสอน แบบ การสบื เสาะหาความร้แู บบ 5 Es ผสมผสานรว่ มกบั แอปพลิเคช่ันต่างๆ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรยี นของนักเรยี นทุกคน ผลการวิจยั พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวทิ ยาศาสตร์ ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนการสอนแบบ การสบื เสาะหาความรู้แบบ 5 Es ผสมผสานรว่ มกบั แอปพลิเคชั่นต่างๆ นักเรยี น มคี ะแนนไม่มาก และคะแนนผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นวิทยาศาสตร์ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี6หลงั การสอนแบบการสบื เสาะหาความรูแ้ บบ5Es ผสมผสาน รว่ มกับแอปพลิเคชั่นตา่ งๆนักเรียนมคี ะแนนเพิ่มขึ้นทุกคนในภาพรวม ซึง่ สอดคลอ้ งกบั สมมตฐิ าน รวมทั้งสอดคล้องกับ งานวจิ ัย อับดลุ เลาะ อูมาร์ (2560, น.98) ได้ศกึ ษาผลของการจัดการเรียนรู้ แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es) เร่ือง สมดลุ เคมี ทมี่ ีต่อแบบจาลองทางความคิด ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน และความพึงพอใจ ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล จังหวัดปัตตานี ผลการวจิ ัย พบวา่ นกั เรยี นที่ได้รับการจดั การเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เคมหี ลังเรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิท่รี ะดบั .01 สอดคล้องกับ งานวจิ ยั ของสุเมธ เนาว์รุ่งโรจน์ (2561, น. 25) ไดท้ าการศึกษา เรื่อง การศึกษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เรอื่ ง การ ถ่ายทอด ลักษณะทางพันธกุ รรม ทจ่ี ัดการเรียนร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ (5E) ของนักเรยี นระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นหว้ ยยอด จังหวัดตรงั ผลการวจิ ัย พบว่า ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นก่อนเรยี นเฉลี่ย คือ 12.04 คะแนน (S.D. = 2.75) และเมื่อนักเรยี นท่เี ป็นประชากรใน การวจิ ัยคร้ังนี้ ผ่านกระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ผสมผสานรว่ มกบั แอปพลิเคชั่นตา่ งๆ พบวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน หลงั เรยี นเฉลยี่ สูงกวา่ ก่อนเรยี นทุกคน สอดคลอ้ ง กบั งานวิจยั ของเสาวลักษณ์ หล้าสิงห.์ (2558). ที่ศึกษาผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ โดยใชก้ ระบวนการ สืบเสาะหาความร้แู บบวัฏจักรการเรยี นรู้ 5 ขน้ั การศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนและเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ โดยใช้ การ สอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E) ดว้ ยสอื่ ประสม เรอ่ื ง ระบบประสาทและอวยั วะรับ ความรู้สึก สาหรบั นักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5. มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน หลังเรียนสูงกว่ากอ่ นเรยี น อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั .01 และ นรศิ รา จันทะนาม (2553, บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรข์ องผู้เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี1 เร่ือง สารในชวี ติ ประจาวนั โดยใช้วัฏจักรการสบื เสาะหาความรู้(Inquiry Cycle) พบว่า การศกึ ษา การคดิ วิเคราะห์ ของผูเ้ รียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ทีเ่ รียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่อื ง สาร ในชีวติ ประจาวัน โดยใช้ วัฏจกั รการสบื เสาะหาความรมู้ ีผู้เรยี น จานวน 27 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 79.41 จาก จานวนผเู้ รยี นทั้งหมด 34คน ซง่ึ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 2 การศกึ ษาผลสัมฤทธิท์ าง การเรยี นของผเู้ รยี น ท่ีเรยี นกลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์เรอื่ ง สารในชวี ติ ประจาวนั โดยใช้วฏั จักรการสบื เสาะ หาความรู้มผี ูเ้ รยี นจานวน 29 คนคิด เป็นรอ้ ยละ 85.29 จากจานวนผู้เรยี นท้ังหมด 34 คน ซึ่งผา่ น เกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเตม็ นายณัฏฐพ์ รี พล มีบุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หนา้ 11

ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะในการนาไปใช้ 1.1 ครผู สู้ อนรายวิชาวทิ ยาศาสตร์สามารถนาผลการวจิ ยั คร้งั นไ้ี ปใชเ้ ปน็ แนวทาง ในการพฒั นาการสอนแบบ การสบื เสาะหาความรูแ้ บบ 5 Es ทตี่ อ้ งการให้เกดิ ขนึ้ แกผ่ ู้เรียนในระดบั ช้ัน ตา่ งๆ ได้ 1.2 ครคู วรใหก้ าลังใจ ยกยอ่ งชมเชยแกน่ กั เรียน เพ่ือเปน็ การสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียน เกิดความมุมานะในการเรยี น วชิ าคณิตศาสตรแ์ ละมโี อกาสท่ีจะมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสงู ข้ึน 1.3 ครูควรกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนได้ทดลองดว้ ยตนเองก่อน โดยครทู าหนา้ ท่เี ป็นเพียง ผู้ชแ้ี นะหรือให้คาปรกึ ษา เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรยี นรู้อยา่ งเต็มท่ี 1.4 ควรมีการรว่ มมือกนั ศึกษา และพฒั นาการสอนแบบการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es ในกลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระหว่างโรงเรยี น กลมุ่ โรงเรียน โดยทาเป็นเครือข่ายร่วมกัน พฒั นา 2. ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป 2.1 ควรนาแผนการจัดการเรยี นร้กู ารสอนแบบการสืบเสาะหาความร้แู บบ 5 Es ทีผ่ วู้ จิ ัยจัดทาขนึ้ ไปใช้กบั นักเรยี นโรงเรยี นอ่นื เพื่อศึกษาเชงิ เปรียบเทยี บถึงบริบทที่แตกต่างกบั การศึกษา ในครั้งน้ี เชน่ ขนาดของโรงเรยี น จานวนนกั เรยี นในช้ันเรยี น เปน็ ต้น 2.2 ควรศึกษาถึงตัวแปรต่างๆ ที่มผี ลต่อการเรียนของนกั เรยี นหลังจากเรยี นแบบ การสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 Es เช่น ความคงทนในการเรียนรู้ แรงจูงใจ ปัญหาและอุปสรรค เป็นต้น 2.3 ควรทาวิจยั เกย่ี วกบั การสอนแบบการสืบเสาะหาความรูแ้ บบ 5 Esกบั รายวชิ า อ่ืนหรอื ระดบั ช้ันอื่น เพื่อ ศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นและเจตคตติ ่อการเรยี นของนักเรยี นายณัฏฐ์พีรพล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกลู หนา้ 12

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2553). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรง พมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. นรศิ รา จนั ทะนาม. (2553). การคิดวเิ คราะห์และผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ของนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เรือ่ ง สารในชวี ิตประจ าวนั โดยใช้วัฏจกั ร การสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle). วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแกน่ . ปิยะฉัตร ชัยมาลา. (2550). ความสามารถในการคิดแกป้ ญั หาและผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวชิ าฟสิ กิ ส์ ของนักเรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร(ู้ 5Es). วทิ ยานพิ นธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลกั สูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, ขอนแก่น. เพ็ญสุดา แข็งกลาง. (2550). การพัฒนาผลการเรยี นรู้รายวิชาฟสิ กิ ส์ เรื่อง คล่นื กล โดยใช้กระบวนการ เรยี นรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 5 E ของนกั เรียนช้ันเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ ปริญญาคุรุ ศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าวจิ ยั และการประเมินผลการศกึ ษา บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี, อบุ ลราชธานี โรงเรียนปทุมานกุ ูล (2564). หลกั สตู รกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์โรงเรยี นปทุมานุกลู ฉบับปรับปรุง ศิริลักษณ์ นาไชย. (2553). การพฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวชิ าพิสิกส์ และความสามารถในการ แกป้ ัญหาทาง วิทยาศาสตรข์ องนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยใช้กระบวนการสืบ เสาะหาความรู้. วทิ ยานิพนธ์การศึกษา มหาบณั ฑติ สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแกน่ . สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). (2546). การจัดสาระการเรียนร้กู ลุ่ม วิทยาศาสตร์ หลักสูตรการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน. กรงุ เทพฯ: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี. นายณัฏฐพ์ รี พล มีบุญมาก โรงเรียนปทุมานุกลู หน้า 13

. (2548). การพฒั นาศักยภาพการเรียนรู้รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Cycle หรอื 5Es): เพือ่ พฒั นาความคิดระดับสูง สาหรบั ครูผู้สอนสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา. ม.ป.ท.: ม.ป.พ. สปิ ปนนท์ เกตุทตั ม. (2555). “ ยุทธศาสตร์การคดิ แก้ปัญหา” . กรุงเทพฯ สุเมธ เนาวร์ งุ่ โรจน์. (2560). การศกึ ษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง พนั ธุกรรม ท่จี ดั การ เรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และความพึงพอใจในการจัดการ เรยี นรูข้ องนกั เรยี นระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษา ปที ่ี 6 โรงเรยี นหว้ ยยอด จังหวัดตรงั . วารสาร นวัตกรรมการเรียนรู้, 4 (1), 23-34. เสาวลักษณ์ หลา้ สงิ ห.์ (2558). การศึกษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนและเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ โดยใช้ การสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ (5E) ด้วยสอ่ื ประสม เร่ือง ระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรสู้ กึ สาหรบั นักเรียนชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี 5. วิทยานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา, ชลบรุ ี. อับดุลเลาะ อูมาร.์ (2560). ผลของการจัดการเรียนรูแ้ บบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรอ่ื ง สมดุลเคมที ่ีมี ต่อแบบจาลอง ทางความคดิ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน และความพึงพอใจของนักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนเดชะปัต ตนยานุกลู จงั หวดั ปตั ตาน.ี วิทยานพิ นธ์ศึกษาศาสตร มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละ คณติ ศาสตร์มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์, สงขลา. นายณัฏฐ์พีรพล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกลู หน้า 14

ภาคผนวก นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกูล หน้า 15

เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย 1. แผนการจัดการเรยี นรู้ 2. แบบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 รหัสวิชา ว16101 หนา้ 16 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ นายณัฏฐพ์ ีรพล มีบญุ มาก โรงเรียนปทมุ านุกลู

ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอาวกาศ ครผู ู้สอน นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก เรื่อง เงาและอุปราคา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ ง สสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณ์ทเ่ี กีย่ วข้องกับเสยี ง แสง และ คลื่น แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกิดเงามดื งามัวจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.3 ป.6/8 เขียนแผนภาพรังสีของแสง แสดงการเกดิ เงามืดเงามัว 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนมีความรู้ ความเข้าใจอธบิ ายการเกดิ เงามืดและเงามัว (K) 2. นักเรียนสามารถเขยี นแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิด เงามืดและเงามวั ได้ (P) 3. นักเรียนมีเจตคติท่ีดตี ่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - เรอ่ื งที่ 1 การเกดิ เงา - เรอื่ งท่ี 2 การเกดิ สุริยุปราคาและจนั ทรปุ ราคา 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เมือ่ นาวัตถุทบึ แสงมากั้นทางเดินของแสง จะเกดิ เงาบนฉาก ปรากฏการณ์สุริยปุ ราคาและจันทรุปราคา เกิดขึ้น จากการท่โี ลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์โคจรมา อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โลกหรือดวงจันทรซ์ งึ่ เปน็ วตั ถุ ทบึ แสงกจ็ ะ มากนั้ ทางเดนิ ของแสงจากดวงอาทิตยท์ าให้ เกดิ เงาเช่นกัน 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ่ ประสงค์ 1. ซอ่ื สตั ย์สุจรติ 2. มวี นิ ยั 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 17

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. แบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 62-91 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 9.1. ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานและตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน โดยชักชวนนักเรียนให้ร่วมกันสังเกตรูปนา หน่วยในหนงั สือเรียน หนา้ 72-73 จากนนั้ ครูใช้คาถามดงั น้ี 1.1 ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลกเคล่ือนที่สัมพันธ์กันอย่างไร (โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ พร้อมกับที่ ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลก) 1.2 นักเรยี นสังเกตเห็นรปู 1.3 นักเรียนเคยเห็นปรากฏการณ์เช่นในรูปหรือไม่ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าอะไร (นักเรียนตอบตาม ประสบการณ์ของตนเอง ซงึ่ อาจมที ้งั เคยเหน็ และไมเ่ คยเหน็ เชน่ เคยเหน็ โดยปรากฏการณน์ ้ีเรยี กวา่ สรุ ิยปุ ราคา) 1.4 นกั เรียนคดิ วา่ ส่ิงทน่ี กั เรียนเห็นในรปู เกี่ยวข้องกับเงาหรอื ไม่ อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ เชน่ สิ่งท่ีเห็นในรูป เกีย่ วข้องกับเงา โดยดวงจนั ทร์บังดวงอาทิตย์ ทาให้เกิดเงา มาถึงบนโลก) 1.5 จากรูปนักเรียนคิดว่ามีส่ิงใดที่เก่ียวข้องกับเทคโนโลยีอวกาศบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง เช่น กล้องท่ีใชถ้ ่ายรูปเป็นเทคโนโลยอี วกาศ) 2. ครนู กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ผ่านเวบ็ ไซต์ https://forms.gle/nSTeH9v3vWwKb6Hq8 ขั้นสอน 9.2. ขนั้ สารวจคน้ หา (Explore) นายณัฏฐพ์ ีรพล มีบญุ มาก โรงเรียนปทมุ านุกูล หน้า 18

1. ครูชักชวนนกั เรียนศึกษาเร่ือง เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอวกาศ โดยใหอ้ ่านชอ่ื หน่วย และอา่ น คาถาม สาคัญประจาหนว่ ยที่ 5 ดงั น้ี 2.1 เงาเกดิ ข้ึนได้อย่างไร 2.2 สุริยุปราคาและจันทรปุ ราคาเกิดขึ้นได้อย่างไร 2.3 เทคโนโลยีอวกาศมปี ระโยชน์กบั ชวี ิตอย่างไร นักเรยี นตอบคาถาม โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ และเม่ือ เรียนจบหนว่ ยนแ้ี ลว้ ครจู ะถามคาถามน้ีอีกครั้งเพ่ือตรวจสอบ ความเขา้ ใจของนักเรยี น 2. นักเรยี นอา่ น ชื่อบท และจุดประสงค์การเรยี นรปู้ ระจาบท ในหนังสอื เรียนหน้า 73 จากน้นั ครูใชค้ าถามเพอ่ื ตรวจสอบความ เขา้ ใจดังน้ี 2.1 บทนนี้ ักเรยี นจะได้เรียนเร่อื งอะไร (เรื่องเงาและอปุ ราคา) 2.2 จากจดุ ประสงค์การเรยี นรเู้ มอื่ เรียนจบบทนี้แลว้ นกั เรยี น สามารถทาอะไรไดบ้ ้าง (อธบิ ายการเกิด เงามืดและเงามัว เขยี นแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงามดื และเงามัว สร้างแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิดและ เปรียบเทยี บ ปรากฏการณส์ ุริยุปราคาและจนั ทรุปราคา) 3. นักเรียนอ่านชอื่ บทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสอื เรียนหน้า 74 จากนั้นครูใช้คาถามดงั นี้ จากการอ่านแนวคดิ สาคัญ นักเรียนคิดวา่ จะได้เรยี นเกย่ี วกับเรื่องอะไรบา้ ง (การเกดิ เงาซึ่งเกดิ จากมี วัตถุทบึ แสงก้นั แสง การเกิดสุรยิ ปุ ราคาและจันทรุปราคา ซงึ่ เกิดจากโลก ดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจันทร์อยูใ่ นแนวเสน้ ตรงเดียวกัน โดยโลก หรือดวงจันทร์ก้ันทางเดินของแสงจากดวงอาทติ ยท์ าให้ เกิดเงา) ขนั้ สรปุ 9.3. ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Explain) ครชู ักชวนใหน้ ักเรียนสังเกตรูป โดยใชค้ าถามดังนี้ หนา้ 19 1. จากรูปเงาปรากฏอยทู่ ี่ใด (เงาอยู่บนพ้นื ) นายณัฏฐ์พีรพล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกลู

2. เงาเกิดในเวลาใดได้บ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น เกดิ เวลากลางวนั หรอื เวลา กลางคนื ) 3. ในเวลากลางคนื ที่ไม่มีแสงใด ๆ จะเกิดเงาไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น ไมเ่ กดิ เพราะไมม่ ีแสงท่ีจะทาให้เกิดเงาได้) 9.4. ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูชกั ชวนนกั เรียนตอบคาถามเก่ยี วกับเงาและอุปราคาในสารวจความร้กู ่อนเรียน 2. นกั เรียนทาสารวจความรูก้ ่อนเรียน ในแบบบันทกึ กิจกรรมเร่ือง เงาและอปุ ราคา ผ่านเว็บไซต์ https://www.liveworksheets.com/np2721824oq 9.5. ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate) ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพ่ือตรวจสอบว่านักเรียนมี แนวคิดเก่ียวกับเงาและอุปราคาอย่างไรโดย อาจส่มุ ใหน้ กั เรียน 2-3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ครยู ังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะใหน้ กั เรียนยอ้ นกลบั มาตรวจสอบ อีกคร้ังหลังจากเรียนจบบทนี้ แล้ว ทั้งนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดท่ี น่าสนใจของนักเรียน เพื่อ นามาใช้ออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อ แก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้ถูกต้องและต่อยอดแนวคิดที่ น่าสนใจของนักเรียน ตอ่ ไป 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ นายณัฏฐ์พรี พล มีบุญมาก โรงเรียนปทุมานุกลู หนา้ 20

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ 1. นกั เรยี นมีความรู้ -ตรวจแบบทดสอบ - แบบประเมนิ - รอ้ ยละ 60 ผา่ น ความเขา้ ใจอธิบายการเกดิ ก่อนเรยี น กิจกรรมเรื่อง เงา และ เกณฑ์ เงามดื และเงามวั (K) - ตรวจใบกจิ กรรม อปุ ราคา เรื่อง เงา และอปุ ราคา 2. นักเรยี นสามารถเขียน - ตรวจใบกจิ กรรม - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่าน แผนภาพรงั สขี องแสง เร่อื ง เงา และอปุ ราคา กิจกรรมเร่ือง เงา และ เกณฑ์ แสดงการเกิด เงามดื และ อุปราคา เงามวั ได้ (P) 3. นกั เรยี นมีเจตคติทดี่ ีตอ่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่าน วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล เกณฑ์ สามารถนาไปใช้ใน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ชีวิตประจาวันได้ (A) การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่น คุณลกั ษณะ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ 11. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น ป. 6 เล่ม 2 2. แบบบนั ทึกกิจกรรมเร่ือง เงา อปุ ราคา ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://www.liveworksheets.com/np2721824oq 3. แบบทดสอบก่อนเรียน ผ่านเว็บไซต์ https://forms.gle/nSTeH9v3vWwKb6Hq8 4. พาวเวอร์พ้อย เรื่อง เงา อปุ ราคา เเละเทคโนโลยอี าวกาศ นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล หน้า 21

12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์  ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ปี ัญหาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข นายณัฏฐ์พรี พล มบี ุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล ลงชอ่ื ..................................................ครูผสู้ อน (นายณฏั ฐพ์ ีรพล มบี ญุ มาก) วันที.่ ..........เดือน....................................พ.ศ............... หน้า 22

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว16101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยีอวกาศ เวลา 1 ช่ัวโมง เรอ่ื ง การเกิดเงา ครผู สู้ อน นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่าง สสารและพลงั งาน พลังงานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วข้องกับเสยี ง แสง และ คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกดิ เงามดื เงามวั จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจอธิบายการเกดิ เงามดื และเงามวั (K) 2. นักเรยี นสามารถเขยี นแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกดิ เงามืดและเงามวั ได้ (P) 3. นกั เรยี นมีเจตคติท่ีดตี อ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์ และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ ในเรื่องนีน้ ักเรยี นจะไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั การเกิดเงา และ ลักษณะของเงามืดและเงามวั รวมทัง้ การเขียนแผนภาพ รังสขี อง แสงแสดงตาแหน่งการเกดิ เงาของวัตถุบนฉากได้ 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หนา้ 23

เม่อื นาวัตถุทึบแสงมากั้นทางเดินของแสง จะเกิด เงาบนฉาก ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา เกิดข้ึน จากการท่ีโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์โคจรมา อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โลกหรือดวงจนั ทรซ์ ่งึ เป็นวตั ถุ ทบึ แสงกจ็ ะ มากัน้ ทางเดนิ ของแสงจากดวงอาทิตยท์ าให้ เกดิ เงาเช่นกัน 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ่ ประสงค์ 1. ซื่อสัตยส์ ุจรติ 2. มวี ินัย 3. ใฝเ่ รียนรู้ 4. มุ่งมัน่ ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. แบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 65-71 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 9.1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเก่ียวกับแสง และการมองเห็นซึ่ง นักเรียนได้เรียนมาแล้วในช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 4 โดยใช้คาถาม ดังน้ี 1.1 วัตถุใดบ้างที่สามารถให้แสงได้และเรียกวัตถุที่ให้แสงว่าอะไร (วัตถุที่ให้แสงได้ เช่น ดวงอาทิตย์ หลอดไฟฟ้า โคมไฟ และเรยี กวัตถุทใี่ ห้แสงว่าแหล่งกาเนิดแสง) 1.2 แสงเคล่ือนท่ีจากแหล่งกาเนิดแสงอย่างไร (แสงเคลอ่ื นท่ีออกจาก แหล่งกาเนิดเป็นแนวตรง ในทุก ทิศทาง) 1.3 เราสามารถเขียนเส้นรังสีของแสงแสดงการเคล่ือนท่ีของแสงจาก แหล่งกาเนิดแสงได้อย่างไร (ครู อาจให้ตัวแทนนักเรียนออกมาวาดภาพ บนกระดาน โดยวาดเส้นรังสีของแสงเป็นลูกศรเส้นตรง พุ่งออกจาก แหล่งกาเนดิ แสงทกุ ทิศทาง) นายณัฏฐ์พรี พล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกูล หน้า 24

1.4 สิ่งที่นามากั้นทางเดินของแสงแบ่งได้เป็นกี่ประเภท แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร (แบ่งได้ 3 ประเภท คือ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลาง โปร่งแสง และวัตถุทึบแสง เมื่อนาตัวกลางโปร่งใสมาก้ันทางเดินของ แสงจะ สามารถมองเห็นแสงได้อย่างชัดเจน แต่ถ้านาตัวกลางโปร่งแสงมาก้ันทางเดินของแสงจะสามารถมองเห็นแสงได้แต่ไม่ ชัดเจน และเมอ่ื นาวตั ถทุ ึบแสงมากน้ั ทางเดินของแสงจะไมส่ ามารถมองเหน็ แสงได้เลย) 2. ครูเชื่อมโยงความรูข้ องนักเรยี นเข้าสูก่ ารเรยี นเร่ือง การเกิดเงาโดยใชค้ าถาม ดงั นี้ เงาเกิดข้ึนได้อยา่ งไร และ เกี่ยวขอ้ งกบั แสงหรือไม่ อยา่ งไร ขนั้ สอน 9.2. ขนั้ สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครอู ธิบายเรื่อง การเกดิ เงา 2. ครูอาจให้นักเรยี นสังเกตรูปดวงจนั ทร์บนท้องฟ้า และมีภาพสะท้อนในน้า หรือรูปตึกหรืออาคารท่ีมภี าพ สะทอ้ นในน้าเพื่อให้นักเรยี นเห็นภาพตวั อย่าง ในชีวติ ประจาวันมากข้ึน 3. ครใู ห้นักเรียนวาดภาพที่การสะท้อนลงในสมุดประจาวิชาวิทยาศาสตร์ 4. ครูใหน้ กั เรียนดนู ิทานเรื่อง สุนัขกบั เงา ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=k5IqNXl6fOw ขัน้ สรปุ 9.3. ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Explain) ครูตรวจสอบความเขา้ ใจจากการดนู ิทางเร่ือง สุนัขกบั เงา โดยใช้คาถามดังน้ี 1. สุนัขขโมยสง่ิ ใด และขโมยมาจากท่ีใด (สุนัขขโมยชิ้นเน้อื มาจากตลาด) 2. ขณะทีส่ ุนัขยนื อยบู่ นสะพานและมองลงไปในน้า สนุ ัขมองเห็นอะไร (มนั มองเห็นสนุ ัขอกี ตัวหนึ่ง กาลงั คาบ ชิน้ เนื้อท่ีมีขนาดใหญ่กว่าชิ้นเนื้อของ ตน) 3. ขอ้ คดิ ของนิทานเร่ืองนต้ี รงกบั สานวนไทยวา่ อะไร เพราะเหตุใด (ข้อคิด ของนิทานเรื่องนตี้ รงกับ สานวน “โลภมาก ลาภหาย” ซึง่ มคี วามหมาย ว่ายิง่ ละโมบอยากได้ไม่รจู้ ักพอ สุดท้ายกจ็ ะไม่ได้อะไรเลย เช่นเดียวกบั สนุ ขั ท่ีโลภ อยากได้ช้นิ เนื้อกอ้ นโตกว่าทีม่ ันเห็นสนุ ขั อกี ตวั คาบในนา้ สดุ ท้ายชน้ิ เนือ้ ที่คาบมากต็ ก นา้ หายไป) 4. สง่ิ ท่สี นุ ขั บนสะพานมองเห็นเป็นสุนัขอีกตวั หน่ึงในลาธารคอื อะไร (คือภาพของตวั เองที่เกิดจากการ สะท้อน ของแสง) 5. ตวั อยา่ งภาพที่เกิดจากการสะทอ้ นของแสงมีอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบ ตามความเข้าใจ เช่น การ มองเหน็ สง่ิ ต่าง ๆ ในกระจกเงา การมองเหน็ ภาพสะท้อนของดวงจันทรใ์ นน้า) 9.4. ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. นักเรียนรว่ มกันสรุปเรือ่ งท่ีอ่านซงึ่ ควรสรุปได้วา่ จากนิทานสนุ ขั กับเงา สิ่งที่สนุ ัขบนสะพานมองเห็นเป็นสนุ ขั อกี ตวั หน่ึงในลาธาร คือ ภาพท่ีเกดิ จากการ สะทอ้ นของแสง แตไ่ ม่ใช่เงาของสุนขั บนสะพาน 9.5. ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate) นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรียนปทุมานุกลู หน้า 25

1. นักเรยี นตอบคาถามในรู้หรอื ยัง ในแบบบันทึกกจิ กรรมเร่ืองการเกิดเงา https://forms.gle/dQr9xMHJf8kgaWM79 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน รู้หรือยัง กับคาตอบที่เคยตอบและ บนั ทึกไวใ้ นคดิ กอ่ นอ่าน 3. นกั เรยี นอา่ นคาถามท้ายเรือ่ งทอ่ี า่ นและลองตอบคาถาม ดังน้ี 3.1 เงามลี ักษณะอย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 3.2 เงาเกิดข้นึ ได้อยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ครยู ังไม่เฉลยคาตอบแต่ ชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบจากการทากจิ กรรม 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2 1. นกั เรยี นมคี วามรู้ - ตรวจใบกจิ กรรม - แบบประเมนิ กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ ความเขา้ ใจอธบิ ายการเกิด เร่ือง การเกิดเงา เรือ่ ง การเกดิ เงา - ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ เงามดื และเงามัว (K) 2. นักเรียนมีเจตคติทด่ี ตี อ่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล สามารถนาไปใชใ้ น - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ชีวิตประจาวนั ได้ (A) การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมิน ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน คุณลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 11. สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ หน้า 26 1. หนังสอื เรยี น ป. 6 เล่ม 2 หนา้ 78-89 2. แบบบันทึกกิจกรรมเรอ่ื ง การเกิดเงา https://forms.gle/dQr9xMHJf8kgaWM79 นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกูล

3. พาวเวอร์พ้อย เรอื่ ง การเกดิ เงา 12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน  ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์  ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแก้ไข ลงชือ่ ..................................................ครูผสู้ อน (นายณฏั ฐ์พรี พล มบี ุญมาก) วันท.่ี ..........เดอื น....................................พ.ศ............... นายณัฏฐ์พีรพล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หนา้ 27

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว16101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยอี าวกาศ เวลา 1 ชัว่ โมง เร่ือง กิจกรรมท่ี 1 เงาเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไรและ มลี กั ษณะอย่างไร ครูผ้สู อน นายณฏั ฐพ์ ีรพล มีบญุ มาก 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่าง สสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ียวข้องกับเสียง แสง และ คลื่น แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี ว 2.3 ป.6/7 อธิบายการเกิดเงามืด เงามวั จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.3 ป.6/8 เขยี นแผนภาพรงั สขี องแสง แสดงการเกดิ เงามืดเงามวั 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจอธบิ ายการเกิดเงามดื และเงามัว (K) 2. นกั เรียนสามารถเขียนแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกิด เงามดื และเงามัวได้ (P) 3. นักเรียนมีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อวิชาวิทยาศาสตร์ และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมนน้ี ักเรียนจะไดส้ ังเกตและอธิบายการเกิด เงา และลักษณะของเงาที่มที ้ังเงามืดและเงามวั รวมทั้งได้ เรียนร้กู ารเขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงาของวตั ถุ 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เมอ่ื นาวัตถุทบึ แสงมาก้นั ทางเดนิ ของแสง จะเกิด เงาบนฉาก ปรากฏการณ์สรุ ิยุปราคาและจันทรุปราคา เกดิ ขึ้น จากการทโ่ี ลก ดวงจันทร์ และดวงอาทติ ย์โคจรมา อยู่ในแนวเส้นตรงเดยี วกัน โลกหรอื ดวงจันทรซ์ ่งึ เป็นวตั ถุ ทบึ แสงก็จะ มากนั้ ทางเดินของแสงจากดวงอาทติ ย์ทาให้ เกิดเงาเชน่ กนั 6. คณุ ลกั ษณะอนั พง่ึ ประสงค์ 1. ซือ่ สตั ย์สจุ ริต 2. มวี ินัย 3. ใฝ่เรยี นรู้ นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หนา้ 28

4. มุ่งม่นั ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะการใชท้ กั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. แบบบันทกึ กจิ กรรมเร่ือง เงาเกิดขึน้ ได้อย่างไรและ มีลักษณะอย่างไร 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 9.1. ขน้ั กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครใู หน้ กั เรียนเล่นเกมส์ทดสอบความร้เู ดิมและกระตนุ้ นกั เรยี น ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.blooket.com/dashboard 2. ครตู รวจสอบความร้เู ดิมเกี่ยวกบั การเกดิ เงา โดยใหน้ ักเรียนชมวีดทิ ศั นก์ ารแสดงละครเงา โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย ไดแ้ ก่ มือ นิ้ว และแขน ประกอบดนตรี จาก ผ่านเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=BF_YAJf4slk จากน้ันนกั เรียนและครรู ่วมกันอภิปรายตามแนวคาถามดงั น้ี 2.1 จากวีดิทัศน์ นักเรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามท่ีสังเกตได้ เช่น เห็นเงารูปร่างต่าง ๆ เงามีสีดา) 2.2 เงาเกดิ ได้อย่างไร และมีลักษณะอย่างไร (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ ของตนเอง เช่น เกิดจากมี วัตถุวางด้านหลังของแหล่งกาเนิดแสง มีสีดา) ครูยังไม่เฉลยคาตอบ แต่ชักชวนให้นักเรียนค้นพบคาตอบจากการทา กิจกรรม ข้นั สอน 9.2. ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูนาหนังตะลงุ มาใหน้ ักเรยี นดู จาก https://www.youtube.com/watch?v=MKtdgfvpLuM จากนน้ั นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายตามแนวคาถามดงั น้ี 1.1 เงาที่เกดิ ข้นึ มีลักษณะอยา่ งไร 1.2 ลักษณะของเงาเปน็ อยา่ งไร นายณัฏฐ์พรี พล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หน้า 29

2. ครูอธบิ ายเรอ่ื ง การเกิดเงา ลักษณะของเงา แผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกิดเงา ผ่านโปรแกรม PowerPoint 3. ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรมที่ 1 เร่ือง เงาเกิดขึ้นได้อย่างไรและ มลี ักษณะอย่างไร ข้นั สรปุ 9.3. ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Explain ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปราย ผลการทากจิ กรรม จากข้อมูลในตารางโดยอาจใช้คาถามดงั นี้ 1. เมอ่ื เล่อื นดนิ นา้ มันเข้าใกล้ไฟฉาย และเล่ือนดินน้ามนั เขา้ ใกล้ฉาก ลักษณะเงาของดินน้ามนั แตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร (แตกตา่ งกัน โดย เม่ือเลอ่ื นดินนา้ มนั เข้าใกล้ไฟฉาย เงาทีเ่ กิดขนึ้ จะมีวงสีดาอยตู่ รงกลาง แลว้ มีเงาวงสี เทาขนาดใหญ่ล้อมรอบ แต่ถ้าเลอ่ื นดินนา้ มนั เข้าใกล้ฉาก ทั้งเงาวงสดี าตรงกลางและเงาวงสีเทาท่ลี ้อมรอบจะมีขนาดเล็ก ลง) 2. เม่ือเปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงลกั ษณะของเงาของกระปอ๋ งแตล่ ะ ดา้ น เม่ือเล่ือนกระปอ๋ งเขา้ ใกล้ไฟฉาย และเลอ่ื นเขา้ ใกล้ฉากเหมอื น หรือแตกต่างกบั การเปลีย่ นแปลงลกั ษณะของเงาของดินน้ามันเม่อื เลื่อนดินนา้ มนั หรือไม่ อย่างไร (การเปล่ียนแปลงลักษณะเงาของ กระป๋องเม่ือเลือ่ นกระป๋องเขา้ ใกล้ไฟฉาย และเม่อื เลือ่ นกระป๋องเขา้ ใกลฉ้ าก จะเหมอื นกบั การเปลี่ยนแปลงลกั ษณะของเงาของดินนา้ มัน โดยเม่อื เล่ือนกระป๋องเข้าใกล้ไฟฉาย เงาที่เกดิ ขนึ้ จะมวี งสดี า อยู่ตรง กลาง แล้วมเี งาวงสเี ทาขนาดใหญ่ล้อมรอบ แตถ่ ้าเล่ือนกระป๋องเข้าใกล้ ฉาก ทั้งเงาวงสดี าตรงกลางและเงาวงสี เทาทลี่ ้อมรอบจะมีขนาดเล็กลง) 9.4. ขนั้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรียนซกั ถามในส่ิงท่ีอยากรเู้ พ่ิมเติมเกย่ี วกับการเกิดเงา และลกั ษณะของเงา จากน้นั รว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรปุ ว่าเงาเกิดจาก วตั ถทุ ึบแสงกั้นทางเดนิ ของแสง เงามีลกั ษณะคล้ายกับวตั ถสุ ่วนทมี่ ากน้ั แสง เงาแบ่งเปน็ เงามดื และเงามวั เราสามารถวาดตาแหน่งเงาของวตั ถบุ น ฉากได้โดยการเขยี นแผนภาพรังสขี องแสง 9.5. ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนทาแบบฝึกหัดท่ี 2 เร่ือง เงาเกิดขึ้นได้อย่างไรและ มีลักษณะอย่างไร ผ่านเว็บไซต์ https://docs.google.com/forms 2. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอ่าน ส่ิงท่ีได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบ กบั ขอ้ สรปุ ของตนเอง 10. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล หน้า 30

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ 1. นักเรยี นมคี วามรู้ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว - ร้อยละ 60 ผ่าน ความเขา้ ใจอธิบายการเกดิ เกณฑ์ เงามดื และเงามวั (K) - ตรวจใบกิจกรรม - แบบประเมิน เรือ่ ง เงาเกิดข้ึนได้ กิจกรรมเร่ือง เงา - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน 2. นักเรยี นสามารถเขยี น อย่างไรและ มีลักษณะ เกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไรและ เกณฑ์ แผนภาพรังสีของแสง อยา่ งไร มลี ักษณะอยา่ งไร แสดงการเกิด เงามดื และ เงามวั ได้ (P) 3. นกั เรยี นมเี จตคติท่ดี ีต่อ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน วชิ าวิทยาศาสตร์ และ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล เกณฑ์ สามารถนาไปใชใ้ น - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ชีวติ ประจาวันได้ (A) การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มนั่ คณุ ลักษณะ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ 11. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ หน้า 31 1. หนังสอื เรยี น ป. 6 เล่ม 2 2. แบบบันทึกกิจกรรมเรือ่ ง 3. เวบ็ ไซต์ https://www.blooket.com/dashboar 4. เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=BF_YAJf4slk 5. เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=MKtdgfvpLuM 6. เวบ็ ไซต์ https://docs.google.com/forms นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกลู

12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น  ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมที่มีปัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงช่ือ..................................................ครูผสู้ อน (นายณัฏฐ์พีรพล มีบุญมาก) วนั ที.่ ..........เดือน....................................พ.ศ............... กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 รหสั วชิ า ว16101 รายวชิ า วิทยาศาสตร์ นายณัฏฐพ์ รี พล มีบุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หนา้ 32

ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยอี าวกาศ ครูผ้สู อน นายณัฏฐ์พีรพล มีบญุ มาก เรอ่ื ง การเกิดสุรยิ ุปราคาและจนั ทรปุ ราคา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ียวข้องกบั เสียง แสง และ คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี ว 2.3 ป.6/1 สร้างแบบจาลองทีอ่ ธิบายการเกดิ และเปรียบเทยี บปรากฏการณส์ ุรยิ ุปราคาและจนั ทรุปราคา 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจสรา้ งแบบจาลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ ระหว่างการมองเห็นขนาดของดวง จนั ทรแ์ ละดวง อาทติ ย์กับระยะทางได้ (K 2. นกั เรียนมคี วามสามรถ ความเขา้ ใจสรา้ งแบบจาลองและอธบิ ายการมองเหน็ การบัง กันของดวงจนั ทร์และ ดวงอาทิตย์ได้ (P) 3. นักเรยี นมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อวิชาวิทยาศาสตร์ และสามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ ในเรื่องน้ีนักเรียนจะไดเ้ รยี นร้เู กย่ี วกบั การสรา้ ง แบบจาลองการเกิดสรุ ิยุปราคาและจนั ทรุปราคาและ อธบิ าย การบังกนั ของดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์และโลก การเกิดปรากฏการณส์ รุ ยิ ปุ ราคาและจนั ทรุปราคา 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เม่ือนาวัตถุทบึ แสงมาก้ันทางเดนิ ของแสง จะเกิดเงาบนฉาก ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรปุ ราคา เกิดข้ึน จากการท่ีโลก ดวงจนั ทร์ และดวงอาทติ ย์โคจรมา อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โลกหรือดวงจันทร์ซ่ึงเปน็ วตั ถุ ทึบแสงกจ็ ะ มากัน้ ทางเดนิ ของแสงจากดวงอาทิตย์ทาให้ เกิดเงาเช่นกนั 6. คณุ ลักษณะอนั พง่ึ ประสงค์ 1. ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ 2. มวี ินยั 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. ม่งุ ม่นั ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ นายณัฏฐ์พรี พล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 33

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. แบบบนั ทกึ กจิ กรรมเร่ือง การเกดิ สรุ ยิ ปุ ราคาและจันทรุปราคา 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 9.1. ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1.ครใู หน้ ักเรยี นเล่นเกมส์ทดสอบความรู้เดมิ และกระตนุ้ นักเรยี น ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.blooket.com/dashboard 2. ครูให้นักเรียนเรียงภาพจากนิทานราหูจากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเรียงลาดับ เหตุการณ์ตามบัตรภาพ ผา่ น 123 45 6 78 9 นายณัฏฐ์พรี พล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 34

10 3. ครใู ชค้ าถามเพื่อกระตุ้นความสนใจ เกีย่ วกบั เหตุการณใ์ นบัตรภาพ ดังน้ี - จากบตั รภาพ นักเรียนคิดวา่ เปน็ เหตุการณเ์ กยี่ วกบั เร่ืองอะไร เพราะเหตุใดจงึ คดิ วา่ เปน็ เหตุการณ์น(ี้ นักเรียนตอบตาม ความคิดของตนเอง) 4. ครใู ห้นักเรียนดูวีดิทศั น์ เร่ือง นิทานราหู ผา่ นเวบ็ ไซต์ http://ipst.me/10931 ข้ันสอน 9.2. ขั้นสารวจคน้ หา (Explore) 1.ครูให้นักเรยี นดูวีดิทัศน์เร่ือง การเกิดสรุ ยิ ุปราคาและจันทรุปราคา ผา่ นเว็บไซต์ http://ipst.me/10933 2. ครอู ธบิ ายเรอื่ ง การเกิดสรุ ยิ ุปราคาและจนั ทรปุ ราคา ผ่านโปรแกรม PowerPoint 3. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัดท่ี 4 เร่อื ง การเกิดสุริยุปราคาและจันทรปุ ราคา ผ่านเวบ็ ไซต์ https://docs.google.com/forms ข้ันสรปุ 9.3. ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain 1. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ียว การเกดิ ปรากฏการณส์ ุรยิ ุปราคาและปรากฏการณ์จันทรปุ ราคา เหมือน และแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ผ่าน ความเหมอื นและความแตกตา่ ง ปรากฏการณส์ รุ ยิ ปุ ราคา ปรากฏการณจ์ ันทรปุ ราคา การเรียงตวั ของดาว อย่ใู นแนวเสน้ ตรงเดียวกัน อย่ใู นแนวเส้นตรงเดียวกัน เวลาทเ่ี กดิ การเกดิ เหมอื นกนั โดยดวงจนั ทรจ์ ะอยู่ เหมอื นกนั โดยโลกจะอยูต่ รง ตรงกลาง ระหว่างดวงอาทติ ย์และ กลางระหว่างดวงอาทติ ย์และ ดวง โลก จนั ทร์ กลางวนั กลางคืน เงาของดวงจนั ทร์ทอดไปยงั โลก ดวงจนั ทรเ์ คล่ือนทผี่ ่านเข้าไป ใน นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 35

การมองเห็น คนทีอ่ ยู่ในบริเวณเงาของดวง เงาของโลก จนั ทร์ สามารถเห็นปรากฏการณ์ คนบนโลกท่ีอยู่ในเวลากลางคืน สรุ ยิ ุปราคาได้ เห็นปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา ได้ พร้อมกนั 9.4. ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามในส่งิ ที่อยากรเู้ พมิ่ เติมเกี่ยวกบั การเกิดปรากฏการณ์สุริยปุ ราคาและ ปรากฏการณจ์ ันทรุปราคา 9.5. ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเน้ือเร่ืองดังนี้ การสังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคา และจันทรุปราคา ให้ปลอดภัยและ ชัดเจนยิ่งข้ึนอาจต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยสังเกต เช่น กล้องโทรทรรศน์ รู้หรือไม่ว่า กล้องโทรทรรศน์ เป็นเทคโนโลยีอวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร โดยให้นักเรียนร่วมกัน อภปิ รายและตอบคาถาม 10. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทมุ านุกูล หน้า 36

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ - แบบฝกึ หัดผา่ นเวบ็ ไซต์ - ร้อยละ 60 ผา่ น 1. นกั เรียนมคี วามรู้ - ตรวจแบบฝึกหัด https://docs.google.com/forms เกณฑ์ ความเขา้ ใจอธิบายการเกิด - แบบประเมนิ กิจกรรมเรื่อง การเกดิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 สรุ ยิ ุปราคาและจนั ทรปุ ราคา ผ่านเกณฑ์ เงามืดและเงามัว (K) 2. นกั เรยี นสามารถเขียน - ตรวจใบกิจกรรม แผนภาพรังสีของแสง เร่อื ง การเกิด แสดงการเกิด เงามืดและ สรุ ิยปุ ราคาและ เงามัวได้ (P) จนั ทรุปราคา 3. นักเรยี นมีเจตคติทดี่ ตี อ่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 วิชาวิทยาศาสตร์ และ การทางาน การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ สามารถนาไปใชใ้ น รายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ชีวิตประจาวันได้ (A) - สงั เกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - แบบประเมนิ - สงั เกตความมีวนิ ยั คุณลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ มุ่งม่นั ในการทางาน 11. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. เวบ็ ไซต์ https://www.blooket.com/dashboard 2. ผ่านเว็บไซต์ http://ipst.me/10931 3. เวบ็ ไซต์ http://ipst.me/10933 4. โปรแกรม PowerPoint เรอ่ื ง การเกิดสรุ ยิ ปุ ราคาและจนั ทรุปราคา 5. เวบ็ ไซต์ https://docs.google.com/forms 12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน หนา้ 37 นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรียนปทุมานุกลู

 ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมที่มปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงช่อื ..................................................ครผู สู้ อน (นายณัฏฐ์พีรพล มีบญุ มาก) วันท่ี...........เดอื น....................................พ.ศ............... นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกูล หน้า 38

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว16101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เงา อุปราคา และเทคโนโลยอี วกาศ เวลา 1 ชวั่ โมง เรื่อง ร้จู ักเทคโนโลยีอวกาศ ครูผสู้ อน นายณัฏฐพ์ ีรพล มีบญุ มาก 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ ง สสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เกย่ี วข้องกับเสยี ง แสง และ คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชน้ั ปี ว 2.3 ป.6/2 อธบิ ายพัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศและยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยอี วกาศมาใชป้ ระโยชน์ ในชีวิตประจาวัน จากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจอธบิ ายความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศจากอดตี จน ถึงปัจจบุ ันได(้ K) 2. นกั เรียนสามารถยกตัวอย่างประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศทมี่ ตี ่อมนุษย์ได้ (P) 3. นักเรยี นมีเจตคติทด่ี ีต่อวชิ าวิทยาศาสตร์ และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ ในเรือ่ งนน้ี ักเรียนจะไดเ้ รียนรเู้ กย่ี วกับ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยอี วกาศ ประโยชนข์ อง เทคโนโลยีอวกาศ รวมท้งั การพฒั นาตอ่ ยอดจาก เทคโนโลยอี วกาศมาเป็นเทคโนโลยีท่ใี ชบ้ นโลก 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด หนา้ 39 นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทมุ านุกลู

เทคโนโลยีอวกาศมพี ฒั นาการมาจากการสังเกต ท้องฟ้าด้วยตาเปล่าของมนุษย์ ตอ่ มามีการใชก้ ล้อง โทรทรรศน์ แบบต่าง ๆ ทั้งท่ีอยู่บนโลกและในอวกาศ จนกระท่ังการใช้ยานอวกาศแบบต่าง ๆ ในการสารวจ อวกาศเพ่ือปฏิบัติ ภารกิจมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยี อวกาศยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งนี้ เพ่อื ใหม้ นุษยไ์ ด้ใช้ประโยชนเ์ พ่อื การ ดารงชวี ติ ในปัจจบุ ัน 6. คณุ ลักษณะอนั พง่ึ ประสงค์ 1. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ 2. มีวินยั 3. ใฝเ่ รียนรู้ 4. มุง่ มน่ั ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1. แบบบันทึกกิจกรรมเรื่อง รู้จักเทคโนโลยีอวกาศ 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 9.1. ขนั้ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครใู หน้ ักเรยี นเลน่ เกมส์ทายภาพ ผา่ นโปรแกรม PowerPoint 2. ครูตรวจสอบความร้เู ดมิ เก่ียวกับการเกดิ เงา โดยใหน้ กั เรียนชมวีดิทัศน์เร่อื ง zooming out from Earth 4k จาก https://www.youtube.com 3. ครูให้นกั เรยี นตอบคาถามชวนคิด ดงั น้ี นายณัฏฐ์พีรพล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทมุ านุกลู หนา้ 40

3.1 จากวีดิทัศน์ นกั เรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง (นักเรียนตอบสิ่งที่เห็นใน วีดทิ ัศน์ เช่น พ้ืนโลก เมฆ โลกท้ัง ใบ อวกาศ ดาวต่าง ๆ) 3.2 จากวดี ทิ ัศน์ สิ่งใดบ้างทเี่ ปน็ วตั ถทุ อ้ งฟ้า (ดาวตา่ งๆ ) 3.3 นักเรียนรูจ้ กั วตั ถุทอ้ งฟา้ ใดอีกบ้าง (อุกกาบาต) 3.4 วัตถุท้องฟ้าอยู่บริเวณใด (อวกาศ) 3.5 อวกาศ คือ บริเวณใด มีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น อวกาศ คือ บริเวณท่ีอยู่ เหนือพ้ืนโลกขึ้นไปมากกว่า 100 กิโลเมตร เป็นบรเิ วณทไ่ี มม่ ีอากาศอยเู่ ลย ในอวกาศจะมีวตั ถุท้องฟา้ ) ขน้ั สอน 9.2. ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครเู ชอื่ มโยงความรเู้ ดิมของนักเรียนสกู่ ารเรยี นเรอ่ื งรจู้ ักเทคโนโลยีอวกาศ โดยใช้คาถามดงั น้นี ักเรียนอยากรู้ หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด นักบนิ อวกาศจึงตอ้ งสวมชุดอวกาศ และนักบินอวกาศต้องทาอยา่ งไร บ้างจึงจะสามารถออกไปสู่ อวกาศได้ 2. ครอู ธิบายเร่ือง รูจ้ ักเทคโนโลยีอวกาศ ผ่านโปรแกรม PowerPoint 3. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหัดท่ี 4 เรื่อง รจู้ กั เทคโนโลยอี วกาศ ผา่ นเว็บไซต์ https://docs.google.com 9.3. ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ียว การพฒั นาของเทคโนโลยอี วกาศ ขัน้ สรปุ 9.4. ขนั้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามในสิง่ ที่อยากรเู้ พ่ิมเติมเก่ียวกบั เทคโนโลยอี วกาศ (เทคโนโลยีอวกาศ เป็นการ นาความรู้ดา้ นต่าง ๆ มาประยุกต์เพื่อใชใ้ นการสารวจอวกาศ โดยการสารวจอวกาศจะต้องอาศัยนกั บินอวกาศท่ีผ่านการ ฝึกฝนใน ด้านต่าง ๆ และเพ่ือให้สามารถดารงชีวติ อยใู่ นยานอวกาศได้จึงต้อง มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาหารสาหรับ นักบินอวกาศ) 9.5. ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูใหน้ กั เรยี นร่วมกันอภปิ รายคาถามดังนี้ 1.1 นอกจากเทคโนโลยดี ้านอาหารแลว้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี ด้านอน่ื ๆ ที่เก่ียวขอ้ งกับ เทคโนโลยีอวกาศอีกหรอื ไม่ (นกั เรียน ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 1.2 เทคโนโลยีอวกาศที่ใช้ในอวกาศมปี ระโยชน์ต่อมนุษยบ์ นโลก อย่างไร (นักเรยี นตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หนา้ 41

10. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ - แบบประเมินกิจกรรม - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1. นกั เรยี นมคี วามรู้ ความ - ตรวจใบกิจกรรม เรื่อง ร้จู กั เทคโนโลยี อวกาศ - ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เขา้ ใจอธิบายการเกิดเงามืด เร่ือง รู้จักเทคโนโลยี เกณฑ์ - แบบประเมินกจิ กรรม และเงามัว (K) อวกาศ เรอื่ ง รู้จักเทคโนโลยี - ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่าน อวกาศ เกณฑ์ 2. นกั เรยี นสามารถเขยี น - ตรวจใบกิจกรรม แผนภาพรังสขี องแสงแสดง เร่ือง ร้จู กั เทคโนโลยี - แบบสงั เกตพฤติกรรม การเกิด เงามืดและเงามวั อวกาศ การทางานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ได้ (P) การทางานกลุ่ม - แบบประเมนิ 3. นักเรียนมีเจตคติท่ดี ตี อ่ - สังเกตพฤติกรรม คณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ วิชาวทิ ยาศาสตร์ และ การทางานรายบุคคล สามารถนาไปใชใ้ น - สงั เกตพฤติกรรม ชวี ิตประจาวนั ได้ (A) การทางานกลุ่ม - สงั เกตความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มั่น ในการทางาน 11. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน ป.6 เลม่ 2 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรมเรอ่ื ง รู้จกั เทคโนโลยอี วกาศ เวบ็ ไซต์ https://docs.google.com 3. เกมส์ทายภาพ ผ่านโปรแกรม PowerPoint 4. วีดิทศั น์เร่ือง zooming out from Earth 4k จาก https://www.youtube.com 12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ด้านความรู้ นายณัฏฐพ์ ีรพล มีบญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกูล หน้า 42

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ..................................................ครูผสู้ อน (นายณฏั ฐพ์ รี พล มีบญุ มาก) วนั ท.ี่ ..........เดือน....................................พ.ศ............... แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว16101 ปีการศกึ ษา 2564 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 1 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยอี วกาศ นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู หน้า 43

เรอ่ื ง เทคโนโลยอี วกาศมีประโยชนอ์ ยา่ งไร ครผู สู้ อน นายณัฏฐพ์ รี พล มีบุญมาก 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ ง สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกบั เสียง แสง และ คล่ืน แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์์ 2. ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี ว 2.3 ป.6/2 อธิบายพฒั นาการของเทคโนโลยีอวกาศและยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจาวนั จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจอธบิ ายความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศจากอดตี จน ถงึ ปัจจบุ ันได(้ K) 2. นักเรียนสามารถยกตวั อย่างประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศท่ีมตี ่อมนุษย์ได้ (P) 3. นักเรียนมีเจตคติท่ดี ตี อ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมน้นี ักเรียนจะได้รวบรวมขอ้ มลู เทคโนโลยีอวกาศต่าง ๆ ทมี่ ีการพฒั นาขน้ึ และอธบิ าย ประโยชนข์ อง เทคโนโลยีอวกาศที่มีต่อมนุษย์ 5. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยีอวกาศมีพฒั นาการมาจากการสังเกต ท้องฟ้าดว้ ยตาเปลา่ ของมนุษย์ ตอ่ มามกี ารใชก้ ล้อง โทรทรรศน์ แบบต่าง ๆ ท้ังท่ีอยู่บนโลกและในอวกาศ จนกระทั่งการใช้ยานอวกาศแบบต่าง ๆ ในการสารวจ อวกาศเพื่อปฏิบัติ ภารกิจมากมาย ยิ่งไปกว่าน้ันเทคโนโลยี อวกาศยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีอยู่รอบตัวเรา ทั้งน้ี เพ่อื ใหม้ นษุ ยไ์ ด้ใช้ประโยชนเ์ พอ่ื การ ดารงชีวติ ในปัจจุบัน 6. คณุ ลักษณะอนั พง่ึ ประสงค์ หนา้ 44 1. ซอื่ สัตย์สุจริต 2. มีวินัย 3. ใฝเ่ รียนรู้ นายณัฏฐพ์ ีรพล มบี ุญมาก โรงเรียนปทมุ านุกูล

4. มุ่งม่นั ในการทางาน 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. แบบบันทึกกิจกรรม 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นา 9.1. ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูใหน้ ักเรยี นเลน่ เกมส์กระต้นุ นกั เรียน ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.blooket.com/dashboard 2. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศ และตรวจสอบ ความรู้เดิมเกี่ยวกับประโยชน์ของ เทคโนโลยีอวกาศ โดยใชค้ าถาม ดงั นี้ 2.1 เพราะเหตใุ ดจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ (เพื่อตอบสนองความ อยากรู้อยากเห็นเรอ่ื งอวกาศของ มนษุ ย์) 2.2 เทคโนโลยีอวกาศท่ีเรียนมาแล้วมีอะไรบ้าง (ส่ิงท่ีเป็นเทคโนโลยี อวกาศที่เรียนมาแล้วมีหลายอย่าง เชน่ อาหารของนักบนิ อวกาศ กลอ้ งโทรทรรศน์ จรวด ยานอวกาศ ยานขนส่งอวกาศ) 2.3 เทคโนโลยีอวกาศแต่ละอย่างมีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบตาม ข้อมูลที่ได้เรียนมาและจากความ เขา้ ใจของตนเอง เช่น กลอ้ ง โทรทรรศนใ์ ช้สาหรับถา่ ยภาพวตั ถทุ ้องฟ้าตา่ ง ๆ จรวดใชส้ าหรับส่ง สงิ่ ต่าง ๆ ออกสู่อวกาศ อาหารของนักบินอวกาศเป็นอาหารท่ีจัดทา ขึ้นสาหรับให้นักบินอวกาศสามารถรับประทานได้สะดวกและมี ประโยชน์ ครบถว้ น) ขัน้ สอน 9.2. ขนั้ สารวจค้นหา (Explore) 1. ครอู ธิบายเรอ่ื ง ประโยชน์ของอวกาศ ผา่ นโปรแกรม PowerPoint 2. ครใู หน้ ักเรยี นทากจิ กรรมเรื่อง ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศด้านใดนามาใช้ทาเทคโนโลยีบนโลก 9.3. ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. หลังจากทากจิ กรรมแลว้ นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายผลการทากจิ กรรม โดย ใชแ้ นวคาถามดงั นี้ นายณัฏฐ์พรี พล มบี ญุ มาก โรงเรียนปทุมานุกลู หน้า 45

1.1 เทคโนโลยอี วกาศมปี ระโยชนเ์ ฉพาะการสารวจอวกาศใช่หรอื ไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ใช่ เพราะเทคโนโลยี อวกาศนอกจากมปี ระโยชน์ใน การศึกษาอวกาศแลว้ ยงั มีประโยชนใ์ นการนาข้อมลู ท่ีได้จาก ดาวเทยี มมาใช้บนโลก นอกจากนยี้ งั มีการตอ่ ยอดพัฒนาเทคโนโลยี อวกาศตา่ ง ๆ มาเป็นเทคโนโลยีทใี่ ชบ้ นโลกอีกดว้ ย) 1.2 เทคโนโลยอี วกาศมีประโยชน์ทางการแพทยห์ รือไม่ อย่างไร (เทคโนโลยอี วกาศบางอย่างมีประโยชน์ ทางการแพทย์ เช่น การ ประยุกต์ระบบจ่ายเช้ือเพลงิ ของยานอวกาศมาใช้เป็นแนวคิดใน การสรา้ งเครอื่ งปม๊ั หวั ใจเทยี ม สาหรบั คนทเ่ี ป็นโรคหัวใจ) ขั้นสรปุ 9.4. ขนั้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งท่ีอยากรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับประโยชน์ ของเทคโนโลยีอวกาศ จากนั้นร่วมกัน อภิปรายและลงข้อสรุปว่า เทคโนโลยีอวกาศมีประโยชน์ท้ังในการศึกษาอวกาศ และมีประโยชน์ต่อ มนุษย์ท่ีอยู่บนโลก ทั้งที่เป็นประโยชน์โดยตรงจากการใช้ข้อมูลที่ได้จาก เทคโนโลยีอวกาศท่ีส่งไปนอกโลก เช่น ข้อมูลจากดาวเทียม กล้องโทรทัศน์ รวมท้ังประโยชน์ทางอ้อมจากการพัฒนาต่อยอด เทคโนโลยีอวกาศมาเป็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีสามารถ นามาใชใ้ น ชวี ิตประจาวัน เช่น อาหารของทารกทม่ี สี ารอาหารสูงซ่ึงพัฒนามาจาก อาหารของนักบินอวกาศ 9.5. ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสิง่ ที่ได้เรยี นรู้ในเรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง เงา อุปราคา และเทคโนโลยอี วกาศ ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://docs.google.com/forms 10. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก โรงเรียนปทุมานุกูล หน้า 46

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ - แบบประเมนิ - ร้อยละ 60 ผ่าน 1. นกั เรยี นมีความรู้ - ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบหลังเรยี น เกณฑ์ ความเขา้ ใจอธิบายการเกิด หลงั เรยี น - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน กจิ กรรมเร่ือง เกณฑ์ เงามดื และเงามัว (K) ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี อวกาศด้านใดนามาใช้ 2. นักเรยี นสามารถเขียน - ตรวจใบกจิ กรรม ทาเทคโนโลยบี นโลก แผนภาพรงั สีของแสง เร่อื ง ประยุกต์ใช้ แสดงการเกิด เงามดื และ เทคโนโลยีอวกาศด้าน เงามัวได้ (P) ใดนามาใชท้ า เทคโนโลยีบนโลก 3. นกั เรียนมีเจตคติทด่ี ตี อ่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ น วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และ การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล เกณฑ์ สามารถนาไปใช้ใน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ชีวิตประจาวันได้ (A) การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมิน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั คณุ ลกั ษณะ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ 11. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ หน้า 47 1. หนังสอื เรียน ป.6 เล่ม 2 2. แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยีอวกาศ ผ่านเว็บไซต์ https://docs.google.com/forms 3. PowerPoint เรื่อง ประโยชน์ของอวกาศ 4. เกมส์ เว็บไซต์ https://www.blooket.com/dashboard 12. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ด้านความรู้ นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกูล

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข ลงชือ่ ..................................................ครูผสู้ อน (นายณฏั ฐพ์ รี พล มีบุญมาก) วนั ที่...........เดอื น....................................พ.ศ............... แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน้า 48 หนว่ ยที่ 5 เร่ือง เงา อปุ ราคา และเทคโนโลยอี วกาศ คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว 1. เม่ือวางวัตถุแสงระหว่างเทียนไขท่จี ุดแล้วกับฉากจะเกิดขึ้นอยา่ งไร นายณัฏฐ์พรี พล มบี ญุ มาก โรงเรยี นปทมุ านุกลู

ก. เงามดื ข. เงามวั ค. การสะทอ้ นแสง ง. เงามืดและเงามัว 2. ขอ้ ใดเปน็ สมบัติของแสงท่ีใช้อธิบายว่าทาไมจงึ เกดิ เงาและเกดิ จันทรุปราคา ก. แสงเปน็ พลงั งานรปู หนึ่ง ข. แสงเดนิ ทางเปน็ เส้นตรง ค. แสงสามารถสะท้อนได้ ง. แสงเดินทางด้วยความเร็วสูง 3. ข้อคือปจั จยั ทีท่ าให้ขนาดของเงาเปล่ยี นแปลง ก. ระยะห่างระหว่างเงากบั ผู้สังเกต ข. ระยะหา่ งระหว่างฉากกับผสู้ งั เกต ค. ระยะห่างระหวา่ งวัตถุกับแหลง่ กาเนิด ง. ระยะหา่ งระหวา่ งแหลง่ กาเนิดกบั ฉาก 4. อปุ กรณ์ในขอ้ ใดท่ใี ช้กัน้ แสงแล้วไมท่ าให้เกดิ เงามดื ก. มอื ข. กระดานดา ค. ขวดพลาสตกิ ใส ง. กลอ่ งดินสอ 5. สรุ ยิ ุปราคาเกดิ ขนึ้ เวลาใด ก. เชา้ ข. กลางวนั ค. กลางคนื ง. เชา้ และเย็น 6. เมื่อดวงจันทรโ์ คจรมาอยู่ในเงามดื ของโลกจะเกดิ ปรากฏการณใ์ ด ก. สุริยุปราคา ข. จนั ทรุปราคา ค. ดวงจนั ทรว์ ันเพญ็ ง. ไมเ่ ห็นดวงจันทร์ตลอดท้ังคืน 7. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลจากท่ีดวงจันทรโ์ คจรรอบโลก ก. สุริยปุ ราคา ข. จันทรุปราคา ค. ฤดกู าล ง. ข้างข้ึน ขา้ งแรม 8. ถ้าเงามดื ของดวงจนั ทร์มาตกลงบนพน้ื โลกจะเกิดปรากฏการณ์ใด ก. สรุ ิยุปราคา ข. จนั ทรุปราคา ค. ดวงจันทรว์ นั เพ็ญ ง. ดวงจันทรม์ ืดหมดท้ังดวง 9. คนบนโลกมองเหน็ ดวงจนั ทร์ได้เพราะอะไร ก. ดวงจนั ทร์อย่ใู กลโ้ ลก ข. โลกหมุนรอบดวงจันทร์ ค. ดวงจนั ทร์เป็นบรวิ ารของโลก ง. ดวงจันทร์สะทอ้ นแสงดวงอาทิตย์มายงั โลก 10. คนท่ีอยูบ่ รเิ วณใดของโลกจงึ จะเห็นสรุ ิยุปราคาเต็มดวง ก. ใตเ้ งามดื ของดวงจนั ทร์ ข. ใตเ้ งามัวของดวงจันทร์ ค. ใต้เงามืดของดวงจันทร์ดวง ง. ใต้เงามืดของดวงจันทร์เพยี งบางสว่ น 11. จันทรุปราคาเกิดจากการเรียงลาดับการโคจรในลกั ษณะใด ก. ดวงจันทร์ โลก ดวงอาทติ ย์ ข. ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ นายณัฏฐพ์ รี พล มีบญุ มาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หน้า 49

ค. โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ ง. ดวงอาทติ ย์ ดวงจันทร์ โลก 12. การดสู ุริยปุ ราคาเปน็ อันตรายต่อสายตา เพราะเหตุใด ก. เงามดื ทาใหส้ ายตาพลรา่ มัวได้ ข. เงามวั ทาให้สายตาพลรา่ มวั ได้ ค. แสงอาทิตยจ์ ้ามากอาจทาใหต้ าบอดได้ ง. แสงอาทิตย์ส่งมาสสู่ ายตาไม่สม่าเสมอ ทาให้แสบลูกตาได้ 13. ขอ้ ใดไม่ใช่การคน้ พบจากการใช้กล้องโทรทรรศน์ของกาลเิ ลโอ ก. พบบรวิ ารของดาวพฤหสั 4 ดวง ข. เหน็ จุดดาบนดวงอาทติ ย์ ค. เหน็ ดาวหาง ง. เห็นดวงจันทร์มีพนื้ ผวิ ขรุขระ 14. จรวดและยานขนส่งอวกาศเหมือนกันและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ก. ใชข้ นส่งยานอวกาศเหมือนกนั แต่จรวดใช้ไดค้ ร้ังเดยี วสว่ นยานขนสง่ อวกาศนามาใช้ใหม่ได้ ข. ใชข้ นสง่ ยานอวกาศเหมือนกนั แตจ่ รวดนามาใชใ้ หมไ่ ด้สว่ นยานขนส่งอวกาศใชไ้ ด้ครัง้ เดยี ว ค. ต้องใชม้ นุษย์ขึ้นไปบงั คับเหมือนกัน แต่จรวดใชไ้ ดค้ รง้ั เดียวส่วนยานขนสง่ อวกาศนามาใช้ใหมไ่ ด้ ง. ตอ้ งใช้มนุษย์ข้นึ ไปบังคบั เหมือนกัน แตจ่ รวดนามาใชใ้ หม่ได้ส่วนยานขนส่งอวกาศใช้ได้คร้งั เดียว 15. การพยากรณส์ ภาพอากาศในแตล่ ะวนั ใชป้ ระโยชน์จากดาวเทยี มประเภทใด ก. ดาวเทยี วสอ่ื สาร ข. ดาวเทยี มอตุ นุ ยิ มวิทยา ค. ดาวเทียมสารวจทรัพยากร ง. ดาวเทยี มเพื่อการวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ 16. การสืบค้นหาความรูจ้ ากข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เป็นการใช้ประโยชนจ์ ากดาวเทียมชนดิ ก. ดาวเทยี มส่ือสาร ข. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา ค. ดาวเทียมสารวจทรัพยากร ง. ดาวเทียมเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 17. ข้อใดคือการเรยี งลาดับของดวงดาวในการเกิดสรุ ิยุปราคาและจันทรุปราคา ตามลาดบั ก. ดวงอาทิตย์ - ดวงจนั ทร์ - โลก ข. ดวงอาทติ ย์ - โลก - ดวงจนั ทร์ ค. ดวงจนั ทร์ - ดวงอาทติ ย์ - โลก (ว 3.1 ป.6/1) ก. ข้อ ก และ ข ข. ข้อ ก และ ค ค. ข้อ ข และ ค ง. ขอ้ ข และ ก 18. ดาวเทยี มดวงแรกท่สี หภาพโซเวยี ดสง่ ขึน้ ไปโคจรรอบโลกได้สาเรจ็ คืออะไร ก. สปตุ นกิ 1 ข. แลนด์แซต ค. ไพโอเนยี ร์ 10 ง. วอยเอจเยอร์ 1 19. การทาใหจ้ วดเคล่ือนท่ีไปขา้ งหน้าจนสามารถหลุดพ้นแรงโนม้ ถ่วงของโลกไดน้ ้นั ทาได้โดยวิธีใด นายณัฏฐ์พรี พล มบี ุญมาก โรงเรยี นปทุมานุกลู หนา้ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook