อ. ไพฑูรย์ กำลังดีโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลจิสติกส์และการจัดการโซ่อุปทานคำว่า โลจิสติกส์ (logistics) มาจากภาษาฝรั่งเศษ คำว่า “logistique” ที่มีรากศัพท์คำว่า โลเชร์ (loger) ที่หมายถึงการเก็บ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการขนส่งสินค้าทางการทหาร ในการส่งกำลังบำรุง ทั้งเสบียง อาวุธ กำลังพล เพื่อสนับสนุนการรบ หรือ กิจกรรม
เป้าหมายของการจัดการโลจิสติกส์1) ความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้า (Speed Delivery)2) การไหลลื่นของสินค้า (Physical Flow)3) การไหลลื่นของข้อมูลข่าวสาร (Information Flow)4) การสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของตลาด (Market Demand)5) ลดต้นทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าและการดูแลและขนส่งสินค้า(Cargoes Handling & Carriage Cost)6) เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของการแข่งขัน (Core Competitiveness) 2
กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ (Logistics Activities) “กิจกรรมโลจิสติกส์” เป็นกิจกรรมสนับสนุนการทำงานภายใน เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับองค์กร เพื่อให้ทุกหน่วยงานภายในเชื่อมโยงเข้าหากัน รวมถึงการ ลูกค้า ซึ่งกิจกรรมนี้ครอบคลุมตั้งแต่การนำส่งสินค้าที่ถูกต้อง ถูกเชื่อมโยงภายนอกองค์กรทั้งด้านอุปสงค์ และอุปทาน โดยกิจกรรม จำนวน ถูกสถานที่ถูกเวลาตรง ตามเงื่อนไขทตี่ กลงกันไว้ ด้วยต้นทุนที่หลักด้านโลจิสติกส์ (Key Logistics Activities) สามารถแบ่งออกเป็น ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพในการให้บริการจะมาก13 กิจกรรม ดังนี้ หรือน้อยนั้น ต้องขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์อื่นประกอบด้วย 1. การติดต่อสื่อสารด้านโลจิสติกส์ เช่น กิจกรรมการขนส่งที่ช้าส่งผลให้ระดับความพึงพอใจของลูกค้าลด ลง (Logistics Communications) 3. กระบวนการสั่งซื้อ (Order processing) กระบวนการในการ ข้อมูลจากการติดต่อสื่อสารเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ จัดการคำสั่งซื้อ ครอบคลุมตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า การติดต่อกระบวนการทางธุรกิจ ทำให้เกิดกระบวนการทางโลจิสติกส์ การ สื่อสารกับลูกค้า การตรวจสอบยอดสินค้าคงคลัง รวมถึงรายละเอียดสื่อสารภายนอกองค์กร คือ การสื่อสารกับลูกค้าหรือกับผู้ขายเท่านั้นที่ เกี่ยวกับลูกค้า กิจกรรมนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างองค์กรกับลูกค้า ดังองค์กร ได้ให้ความสำคัญ และการสื่อสารระหว่างหน่วยงานภายใน นั้นมีผลต่อระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้ง่าย จึงควรใช้เวลาในองค์กรก็เพื่อให้มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานทางด้านโลจิสติกส์ กระบวนการนี้ให้สั้นและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดให้ได้มากที่สุดการสื่อสารเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดต้นทุนขึ้นได้ เช่น การรับข้อมูล 4. การคาดการณ์ความต้องการ (Demand forecasting)และส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้ฝ่ายผลิตหรือจัดส่งนำส่งสินค้าผิด เป็นการพยากรณ์ความต้องการในตัวสินค้าหรือบริการรายการหรือผิดจำนวน มีผลต่อระดับการให้บริการหรือความพึงพอใจ ของลูกค้า นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการสร้างผลกำไรหรือของลูกค้า ดังนั้นการติดต่อสื่อสารที่ดีส่งผลให้องค์กรเกิดความได้ ทำให้องค์กรขาดทุนได้ การคาดการณ์ความต้องการช่วยให้องค์กรเปรียบในการแข่งขัน เพราะทำให้เกิดการดำเนินงานที่ต่อเนื่อง เกิด สามารถกำหนดทิศทางในการดำเนินงาน กล่าวคือ สามารถวางแผนการเชื่อมโยงและการไหลของข้อมูล ส่งผลให้กระบวนการเคลื่อนไป ความต้องการใช้ทรัพยากรในแต่ละกระบวนการได้อย่างเหมาะสม ส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลให้ปริมาณการจัดเก็บสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2. การบริการลูกค้า (Customer Service) 3
5. การจัดซื้อ (Procurement$ การจัดซื้อเป็นกิจกรรมในการ วิธีการขนส่งประเภทต่างๆ ที่เหมาะสมกับตัวสินค้า รวมถึงเส้นทางในจัดหาแหล่งวัตถุดิบ เพื่อจัดซื้อสินค้าและวัตถุดิบนั้นๆ รวมไปถึงการ การขนส่งอีกด้วย เช่น ทางอากาศ ทางน้ำ ทางรถไฟ ทางท่อ ทางรถบริหารอุปทานโดยรวมตั้งแต่ การคัดเลือกผู้ขาย การเจรจาต่อรอง เป็นต้น เพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของภูมิภาคนั้นๆ และเป็นการราคาหรือเงื่อนไข ปริมาณในการสั่งซื้อ และการประเมินคณุ ภาพของผู้ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า องค์กรมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินขายสินค้าและวัตถุดิบนั้นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าองคก์ รได้รับสินค้าหรือ การจัดส่งให้ถูกสถานที่ ถูกเวลา ในสภาพที่สมบูรณ์ รวมถึงการวัตถุดิบที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการไปใช้ในการปฏิบัติงานของ ควบคุมต้นทุนที่จะเกิดขึ้นให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดองค์กรตามส่วนงานต่างๆ ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุด ทั้งในตัวสินค้า 8. การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ (Warehousing และหรือวัตถุดิบเอง และกระบวนการจัดซื้อ Storage) กิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ตั้งแต่กระบวนการใน$ 6. การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) การวางโครงสร้างคลังสินค้า การออกแบบและจัดวาง การจัดการ การบริหารสินค้าคงคลังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีผลกระทบต่อ พื้นที่ภายในคลังสินค้าระดับของสินค้าคงคลัง รวมถึงการดูแลรักษาประสิทธิภาพการทำงานของส่วนงานอื่น รวมถึงมีผลต่อกำไรขาดทุน อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นในการดำเนินกิจกรรมภายในคลังขององค์กร เช่น หากระดับสินค้าคงคลังสูงทำให้ต้นทุนในการจัดเก็บ สินค้าเพื่อให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดดูแลเพิ่มขึ้น หากสินค้าที่เก็บล้าสมัยก็ก่อให้เกิดต้นทุนเพิ่มมากขึ้นอีก ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมที่สุดในแง่ของผลกระทบต่อส่วนงานอื่น เช่น หากมีการจัดเก็บสินค้าคงคลัง $ 9. โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)ที่น้อย ต้นทุนในการจัดเก็บดูแลก็จะต่ำ แต่องค์กรอาจพบว่าต้นทุนใน กระบวนการจัดการสินค้าที่ถูกส่งกลับคืน ไม่ว่าจะด้วยการขนส่งเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้ เพราะปริมาณการจัดเก็บที่น้อย ทำให้ เหตุผลที่ว่า สินค้าเสียหาย หรือหมดอายุการใช้งาน เรียกได้ว่าองค์กรความถี่ในการขนส่งสูงขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องพิจารณาประกอบกันไปอยู่ มีความจำเป็นในการวางนโยบายที่จะรองรับสินค้าที่ถูกส่งคืน หรือเสม ขยะพวกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดต้นทุนน้อยที่สุด บางครั้ง สินค้าเหล่านี้อาจนำกลับมาสร้างประโยชน์โดยการนำผ่าน$ 7. การบริหารการขนส่ง (Transportation Management) กระบวนการ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของ การบริหารการขนส่ง หมายรวมถึง การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ ต้นทุนได้เป็นอย่างดี แต่ในกรณีที่เป็นสินค้าอันตราย มีผลต่อสภาพหรือสินค้าตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดที่มีการบริโภค หรือการส่งคืน แวดล้อม ปัจจุบันมีกฏระเบียบที่เคร่งครัดสำหรับเรื่องการทำลายสินค้าผิดปกติกลับมายังคลังสินค้า รวมถึงการขนย้ายสินค้าเพื่อนำไป สินค้าให้เหมาะสมทำให้องค์กรควรตระหนักถึงส่วนนี้ด้วยยังจุดที่จะทำลาย ทำให้องค์กรต้องคำนึงถึงรูปแบบลักษณะการเลือก 4
10. การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆ มีไว้เพื่อเป็นการบ่งบอกรายละเอียดของสินค้าและสร้างการรับรู้ในตัว(Parts และ Services Support) สินค้า แต่ในด้านโลจิสติกส์ บรรจุภณั ฑ์และหีบห่อนั้นมีไว้เพื่อปอ้ งกัน ส่วนหนึ่งของการบริการหลังการขาย โดยมีการจัดหาชิ้นส่วน ตัวสินค้าจากความเสียหาย และอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนอะไหล่ และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้ ย้ายและจัดเก็บ การออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อนั้นต้องมีความบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในกรณีที่สินค้าเกิดชำรุดไม่ว่าจะ เหมาะสมกับอุปกรณ์การขนย้ายและคลังสินค้า เพื่อช่วยในการลดเป็นเพราะจากความบกพร่องของกระบวนการผลิตหรือจากการใช้งาน ต้นทุนด้านวัตถุดิบของลูกค้าเองก็ตาม เพื่อเป็นการรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าไว้และรักษาลูกค้าให้คงอยู่กับองค์กรในระยะยาว ดังนั้นองค์กรมี 5ความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการในส่วนนี้ที่มีประสิทธิภาพ 11. การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า$ (Plant และ Warehouse Site Selection) กิจกรรรมการเลือกที่ตั้งของโรงงานและคลังสินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเข้าถึงและระยะทางการการขนส่งให้เพิ่มระดับสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 12. Material Handling กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย วัตถุดิบ สินค้าระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูปภายในโรงงานหรือคลังสินค้าโดยมีวัตถุประสงค์ในการลดระยะทางในการเคลื่อนย้าย จำนวนครั้งในการเคลื่อนย้ายรวมถึงปริมาณของวัตถุที่เคลื่อนย้าย เพื่อให้มีต้นทุนในการจัดการที่ต่ำที่สุด เพราะการเคลื่อนย้ายทุกครั้งก่อให้เกิดต้นทุนแก่องค์กรทั้งสิ้น 13. การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packaging และ Packing) วัตถุประสงค์ของบรรจุภัณฑ์และหีบห่อตามหลักการตลาด
ความหมายของการจัดการโซ่อุปทาน การจัดการโซ่อุปทาน คือการบรูณาการ และจัดการ ของโซ่ระหว่างองค์กร และกิจกรรมต่าง ๆ โดยการร่วม มือของแต่ละองค์กรซึ่งมีกระบวนการทางธุรกิจที่ใช้ร่วม กันอยู่ และมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกันใน ระดับที่มาก เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่มีคุณค่า อันจะ ทำ ใ ห้ ทุ ก อ ง ค์ ก ร ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง มี ค ว า ม ไ ด้ เ ป รี ย บ ใ น ก า ร แข่งขันแบบยั่งยืน (Handfield, et al., 1999) จากคำจำกัดความและความหมายที่เกี่ยวข้องกับการ จัดการโซ่อุปทานดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถสรุป ได้ว่า การจัดการโซ่อุปทานนั้นเป็นการนำกลยุทธ์ วิธีการ แนวปฏิบัติ หรือทฤษฎี มาประยุกต์ใช้ในการจัดการ การ ส่งต่อ วัตถุดิบ สินค้า หรือบริการจากหน่วยหนึ่งในโซ่ อุปทานไปยังอีกหน่วยหนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี ต้นทุนรวมในโซ่อุปทานต่ำที่สุด และได้รับวัตถุดิบ สินค้า หรือการบริการตามเวลาที่ต้องการ พร้อมกันนี้ ยังมีการ สร้างความร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูล ข่าวสาร ไม่ ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เพื่อให้ทราบถึงความต้องการ อันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการส่งต่อของวัตถุดิบ สินค้า หรือการบริการนี้ นำไปสู่การได้รับผลประโยชน์ ร่วมกันของทุกฝ่ายด้วย 6
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการโลจิสติกส์ และโซ่อุปทาน ระบบสารสนเทศ กค็ อื ระบบของการจัดเกบ็ ประมวลผลขอ้ มลูโดยอาศยั บคุ คลและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดําเนนิ การ เพอืDใหไ้ ดส้ ารสนเทศทเDี หมาะสมกบั งานหรอื ภารกจิ แตล่ ะอยา่ ง
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้งานด้านต่างๆ มากขึ้นซึ่งจะเห็นได้ว่าสารสนเทศ เพื่อการ จัดการมีประโยชน์ ดังนี้ 1. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ เนื่องจากข้อมูล ถูกจัดเก็บและบริหารอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้บริหารสามารถจะเข้าถึงข้อมูล ได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบที่เหมาะสม และสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้ทันต่อความต้องการ 2. ช่วยผู้ใช้ในการกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผนปฏิบัติการ โดยผู้บริหารจะสามารถนำข้อมูลที่ได้จาก ระบบสารสนเทศมาช่วยในการวางแผนและกำหนดเป้าหมายในการ ดำเนินงานเนื่องจากสารสนเทศถูกเก็บ รวบ รวม และจัดการอย่างเป็นระบบทำให้มีประวัติของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง สามารถที่จะบ่งชี้แนวโน้มของการดำเนิน งานว่าน่าจะเป็นไปในลักษณะใด 3. ช่วยให้ผู้ใช้ในการตรวจสอบผลการดำเนินงาน เมื่อแผนงานถูกนำไปปฏิบัติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผู้ควบคุมจะต้องตรวจสอบผลการดำเนินงานโดยนำข้อมูลบางส่วนมาประมวลผล เพื่อประกอบการประเมิน สารสนเทศที่ได้จะแสดงให้เห็นผลการดำเนินงานว่าสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการเพียงไร 8
4. ช่วยผู้ใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา ผู้ ระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานบริหารสามารถใช้ระบบสารสนเทศ ประกอบการ ศึกษา และการค้นหา โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ระบบสารสนเทศประกอบสาเหตุ หรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการดำเนินงาน ถ้าการดำเนินงาน ด้วยไม่เป็นไปตามแผนที่ วางเอาไว้ โดยอาจจะเรียกข้อมูลเพิ่มเติมออกมาจากระบบ เพื่อให้ทราบว่าความผิดพลาดในการ ปฏิบัติงานเกิดขึ้น 1. ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และจากสาเหตุใด หรือจัดรูปแบบสารสนเทศ ในการวิเคราะห์ปัญหาใหม่ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น คีย์บอร์ด (keyboard) เมาส์ (mouse) จอภาพ (monitor) จอภาพสัมผัส (touch screen) ปากกาแสง (light 5. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น pen) เครื่องอ่านรหัสแท่ง (barcode reader) เครื่องพิมพ์ (printer)เพื่อหาวิธีควบคุม ปรับปรุงและแก้ไขปัญหา สารสนเทศที่ได้จากการ ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเสื่อมโยงประมวลผลจะช่วยให้ผู้บริหารวิเคราะห์ว่าการ ดำเนินงานในแต่ละทาง คอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น โมเด็ม (modem) และสายเลือกจะช่วยแก้ไข หรือควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ธุรกิจต้องทำ สัญญาณอย่างไรเพื่อปรับเปลี่ยนหรือพัฒนา ให้การดำเนิน งานเป็น ไปตามแผนงานหรือเป้าหมาย 2. ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ( in- struction ) ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์และ 6. ช่วยลดค่าใช้จ่าย ระบบสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เพื่อให้ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ โดยทั่วไปธุรกิจลดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย ในการ ทำงาน ลง เนื่องจาก โปรแกรม หรือชุดคำสั่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือระบบสารสนเทศสามารถรับภาระงานที่ต้องใช้แรงงาน จำนวนมากตลอดจนช่วยลดขั้น ตอนในการทำงาน ส่งผลให้ธุรกิจสามารถลด 3. ข้อมูล(date) ข้อมูลจะถูกรวบรวมและป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องจำนวนคนและระยะเวลาในการประสานงานให้น้อยลง โดยผล งานที่ คอมพิวเตอร์ โดยผ่านอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า เช่น คีย์บอร์ด และออกมาอาจเท่าหรือดีกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม ประสิทธิภาพ และ สแกนเนอร์ (scanner) ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจ เพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ใน หน่วยความจำ (memory unit) ก่อนที่จะถูกย้ายไปเก็บที่หน่วยเก็บองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ข้อมูล (storage unit) เช่น ฮาร์ดดิสก์ และแผ่นซีดี (compact Disc : CD) การป้องกันข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ 4 บุคลากร (people) บุคลากรเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ของระบบสารสนเทศ ในที่นี้หมายถึงบุคคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบ 9
สารสนเทศ ดังรูปที่ 1.11 บุคคลากรที่เป็นผู้พัฒนาระบบสารสนเทศจะต้องมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพให้สามารถทำงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ง่ายและสะดวก ส่วนผู้ใช้ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการใช้งานระบบสารสนเทศและการสื่อสารต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจึงเกิดสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) ระบบสารสนเทศต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เป็นลำดับขั้นชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่ายและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการทำสำเนาข้อมูลขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย หรือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ เกิดการชำรุดเสียหาย ขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ควรได้รับการรวบรวมและจัดทำให้เป็นรูปเล่ม ของคู่มือการใช้งาน 10
การบริการลูกค้า “การบริการลูกค้า” หมายถึง การวัดผลการดำเนินการของระบบโลจิสติกส์ในอันที่จะสร้างอรรถประโยชน์ด้านเวลาและสถานที่สำหรับสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังรวมถึงกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สร้างประโยชน์ให้กั บ โ ซ่ อุ ป ท า น ด้ ว ย วิ ธี ที่ คุ้ ม ค่ า ต้ น ทุ น ม า ก ที่ สุ ดกระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขายและบุคคลที่สาม กระบวนการนั้นได้ให้ผลด้วยการ เพิ่มคุณค่าให้กับการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ มูลค่าที่เพิ่มขึ้นในการแลกเปลี่ยนนี้อาจจะอยู่ในระยะสั้น เช่น การทำธุรกรรมเพียง ครั้งเดียว หรืออยู่ในระยะยาว เช่นความสัมพันธ์ด้วยสัญญา มูลค่านี้จะเกิดขึ้นกับธุรกรรมต่าง ๆ หรือสัญญาและจะเกิดขึ้นเมื่อ ธุรกรรมเหล่านั้นได้เสร็จสิ้นลง ซึ่งวัดได้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนการเริ่มต้น
ระดับการให้บริการ LoremกาIรpกsําuหmนดDรoะlดoบัr การใหบ้ รกิ ารลกู คา้ สามารถแบง่ รปู แบบของการใหบ้ รกิ าร ออกไดเ้ ป็ น 3 ระยะ คอื Aenean iaculis laoreet arcu 1. การบรกิ ารลกู คา้ ททDี ํากอ่ นการขาย CurabitกuาrรvบuรlกิpาuรtใaนteระvยivะนerเKี rปa็ นpงeาdนeทเีD กยีD วขอ้ งกบั ผู ้ บรหิ าร เป็ นงานวางนโยบายและกําหนดแผนงานเพอืD เตNรยี uมllงaาnนuเกnยีDcวlกecบั tกuาsรpใหorบ้ tรtกิitาoรrลvกู iคtaา้ e Sed et2.laกcาuรsบqรuกิ iาsรeลnกู iคmา้ ทmทDี aําttรiะsหวา่ งการขาย การบรกิ ารในระยะนจีK ะเกยDี วกบั การปฏบิ ตั ทิ ถีD อื เปI็ นnหteนgา้eทrหีD faลcกั ilขisอisงกaาrcรบuรกิ ารลกู คา้ และลกู คา้ สามารถ รับทราบหรอื รับความรสู ้ กึ จากการบรกิ ารทไDี ดร้ ับโดยตรง ดงัNนuันK lกlaาrรuบtรrกิ uาmรลcกู oคmา้ ทmทDี oําdรoะหliวgา่uงlaการขาย ตอ้ งพยายาม ทําใหล้ กู คา้ เกดิ ความพงึ พอใจสงู สดุ เพราะจะมผี ลกระ ทSบeกdบั tกeาlรluขsายsuโsดcยipตiรtงin aliquam Nunc3u.tกlาeรcบtuรกsิ ารลกู คา้ ททDี ําหลงั การขาย ควCาuมrสaําbคitญั กuาrตรอ่vบeกรlาiกิ tราตeรดัsทtสทีD iนิ nําใtหจeลซrdงั อืK กuสาmนิรขคmาา้ ยeขtอเuปงs็ลนกูกคารา้ บเปร็ นกิ าอรยทา่ มDีง ี มลากูNกคuาซ้nไcงDึดลcร้ กูับoคnขาdอ้ ้ จiเmสะในeชอnพ้ กtจuิ าาmรรบณรกิ าารระหหลวา่งั งกกาารรขตาดั ยสทนิ นีD ใ่าจพซออKื ใจถาก้ ็ จบะรEทกิ tาําiaรใmจหรเ้งิกsตiดิtากaมาmขรอตe้ tเดั สeสนsนิ tอใจกซจ็ อKืะทสนําิ ใคหา้ เ้ กแดิลกะถารา้ ตลดักู สคนิา้ ไใจดซร้ ับอืK ซา้ํ แลDะoอnาeจcชกัqชuiวsนnผuทู ้ nเDี cกยีD วขอ้ งมาซอKื ดว้ ย Fusce ac leo Vivamus nec nunc 12
การจัดการคลังสินค้าความหมายของการจัดการคลังสินค้า(Introduction to Warehouse Manage-ment) “คลังสินค้า” (warehouse)หมายถึงพื้นที่ที่ได้วางแผนแล้วเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ สอยและการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัตถุดิบ โดยคลังสินค้าทำหน้าที่ ในการเก็บสินค้าระหว่างกระบวนการเคลื่อนย้าย เพื่อสนับสนุนการผลิตและการกระจายสินค้า
บทบาทหน้าที่ของคลังสินค้า บทบาทหน้าที่ของคลังสินค้า (WAREHOUSE) หมายถึง ของสินค้า รวมถึงการจัดเตรียม , เครื่องมือและเครื่องทุ่นแรงประเภทหน้าที่ในการรับสินค้า (Receiving) โดยการตรวจสอบจำนวน ต่างๆ เช่น รถยก , ชั้นหรือหิ้งสำหรับวางสินค้า , การควบคุมคุณลักษณะในการที่จะแยกแยะ จัดเก็บให้เป็นหมวดหมู่ โดยการ บรรยากาศ อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อมในคลังให้เหมาะสมกับสินค้าจัดการที่มีระบบการตรวจสอบและตรวจนับความถูกต้องที่เกี่ยวข้อง แ ต่ ล ะ ป ร ะ เ ภ ท ร ว ม ถึ ง อ า ศั ย ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร จั ด ก า ร เ ท ค โ น โ ล ยีกับปริมาณ ,จำนวน ,สภาพ และคุณภาพ โดยคลังสินค้าทุกประเภทจะ สารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Automated Robot System (ระบบหุ่นทำหน้าที่ในฐานะผู้ทรงสิทธิในความเป็นเจ้าของสินค้าชั่วคราว ซึ่ง ยนต์) ,ระบบ Bar Code หรือ RFID รวมถึงระบบการสื่อสารอิเล็กโทหมายถึง ความรับผิดชอบที่จะมีต่อตัวสินค้า หน้าที่ในการควบคุมและ รนิกส์ โดยกิจกรรมในการควบคุมสินค้านี้จะเกี่ยวข้องกับการคัดแยกรับผิดชอบต่อสินค้าที่จัดเก็บอยู่ในคลัง ซึ่งต้องอาศัยการบริหาร สินค้า , การบรรจุ , การแบ่งบรรจุ , การคัดเลือก , การติดป้าย และที่จัดการ ทั้งการใช้เทคนิค เทคโนโลยีในการเก็บเพื่อความคุมคุณภาพ สำคัญและเป็นหัวใจของคลังสินค้า คือ การควบคุมทางด้านเอกสาร 14
ทั้งที่เกี่ยวกับรายงาน (Status) การเคลื่อนไหว การรับและการเบิก-จ่าย วิธีการดำเนินงานในคลังสินค้าที่เรียกว่า Inventory Report และการควบคุมทางบัญชี หน้าที่ในการส่งมอบจ่ายแจกสินค้า เป็นการส่งมอบสินค้าให้กับฝ่ายผลิตหรือลูกค้า กิจกรรมในคลังสินค้า จะประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 2 กิจกรรมหรือผู้ที่มาเบิกหรือตามคำสั่งของผู้ฝากสินค้า ซึ่งจะต้องส่งมอบสินค้า คือ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย (Movement Activities) และให้ตรงกับความต้องการของผู้รับ ทั้งจำนวน , สภาพ , สถานที่และเวลา กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเก็บรักษา (Storage Activities) ในกิจกรรมที่(The right thing at the right place in the right time) ซึ่งจะต้องมี เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายจะเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญมาก และได้มีกระบวนการคัดเลือกสินค้าและระบบการจัดส่งให้กับลูกค้า ด้วยหน้าที่ การแบ่งแยกงานย่อยงานออกเป็นงานต่าง ๆ เช่น การรับสินค้า การนี้ทำให้คลังสินค้า เก็บสินค้า การคัดแยกหรือแปลงหน่วย การจ่ายสินค้าหรือการจัดส่ง สินค้า รวมทั้งการตรวจนับสินค้า ซึ่งในแต่ละกิจกรรมจะมีการแยกราย ละเอียดที่มีความเฉพาะสำหรับแต่ละงานแต่ต้องมีการประสานงา 15
อย่างเป็นระบบตามขั้นตอนหรือกระบวนการดำเนินงานในคลังสินค้า การเว้นระยะห่างระหว่างชั้นวางสินค้า กับตัวอาคาร ฝ้า เพดาน ต้องซึ่งจะต้องศึกษาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อนำมาใช้ในการจัดการ เหมาะสมมีช่องว่างระหว่างชั้นวาง และสินค้าตามมาตรฐาน เช่น ถ้างานในคลังสินค้าให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากที่สุด วิธี สินค้าไวไฟ ต้องเว้นช่องว่างระหว่างสินค้าตั้งแต่ 90 ซ.ม ขึ้นไป แต่โดยการดำเนินงานในคลังสินค้า มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การดำเนิน มาตรฐานสินค้าทั่วไป จะมีช่องว่างระหว่างสินค้า 45 ซ.ม. ในส่วนความงานเกิดความเหมาะสมโดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้ สามารถในการรับน้ำหนักของพื้นที่คลังสินค้าต้องพิจารณาประเภท 1. การพิจารณาพื้นที่ใช้งานในคลังสินค้า (Space Saving) ของสินค้าที่จะนำมาใช้ในการจัดเก็บ สินค้าที่มีน้ำหนักมากจะต้องมีแนวคิดในการสร้างคลังสินค้าปัจจุบันให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ การกำหนดพื้นที่เฉพาะที่ใช้ในการจัดเก็บ สินค้าที่มีน้ำหนักเบาในแนวตั้งมากขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่ดินมีราคาสูง การใช้พื้นที่อย่าง สามารถใช้พื้นที่ความสูงได้มาก เหมาะสมไม่เกิดความสูญเปล่าหรือใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่ากลายเป็นต้น 1.2 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนอาคาร อุปกรณ์อำนวยทุนในการประกอบธุรกิจ อีกทั้งยังไม่สามารถนำพื้นที่มาหารายได้ และ ความสะดวกต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นแก่การดำเนินงาน ต้องจัดเตรียมกำไรให้เพิ่มขึ้นได้ ในคลังสินค้าการใช้พื้นที่อย่างประหยัดมีความ ให้พร้อม โดยเรียงลำดับความสำคัญของเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆสำคัญอย่างยิ่ง การใช้พื้นที่เก็บอย่างอิสระ (Free Location) คือทาง ตามความเหมาะสม เช่น ระบบฉีดน้ำอัตโนมัติ อุปกรณ์ไฟฟ้า น้ำเลือกที่กิจการคลังสินค้าต้องถือเป็นข้อปฏิบัติประการแรกส่วนการ ประปา ระบบระบายอากาศ เป็นต้นกำหนดพื้นที่เก็บแบบกำหนดตายตัว (Fixed Location) ควรมีให้น้อย 1.3 เครื่องมือและอุปกรณ์ในการยกขนสินค้าคลังสินค้าอาจที่สุด การใช้พื้นที่ในการจัดวางจะต้องเน้นด้านแนวตั้งหรือความสูง ประกอบด้วยคลังสินค้าแบบดั้งเดิม หรือ Manual ใช้แรงงานคนแทบและความแน่นมากที่สุด โดยมีการออกแบบชั้นวางสินค้า (Rack) ให้ ทั้งหมด หรือแบบกึ่งอัตโนมัติที่มีการประยุกต์เครื่องมืออุปกรณ์ยกขนเหมาะสมกับพื้นที่ หีบห่อที่ได้มาตรฐาน มีการจัดหา และใช้เครื่องมือ และคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการจัดการ หรือเป็นคลังสินค้าแบบอุปกรณ์ ที่ตรงกับความต้องการในการใช้งาน อีกทั้งยังต้องมีการ อัตโนมัติ ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมการทำงานทั้งระบบฝึกฝนพนักงานให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความชำนาญในการปฏิบัติ โดยใช้คนน้อยที่สุด การจัดการในคลังสินค้าจะเป็นระบบใดก็ตามงานใช้เครื่องมืออุปกรณ์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ดูแลรักษาเครื่องมือ เครื่องมือยกขนสินค้าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้งานสามารถและอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ตามระบบงานมาตรฐานที่ได้มีการกำหนด ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการยกขนที่มีไว้อย่างชัดเจน การจะใช้พื้นที่ในคลังสินค้าได้เต็มศักยภาพนั้นมีข้อ ประสิทธิภาพมากเท่าใดลักษณะการไหลของงานจะรวดเร็วยิ่งขึ้นควรพิจารณา ดังนี้ ตัวอย่างเครื่องมือและอุปกรณ์ยกขนที่เป็นที่นิยมใช้ คือ รถ Fork lift 1.1 โครงสร้างของอาคารและพื้นที่ในคลังสินค้า การ truck ซึ่งอาจแบ่งเป็นแบบ Walkie การใช้คล้าย ๆ คนลากรถ แต่และออกแบบโครงสร้างของอาคารตามมาตรฐานการก่อสร้างที่กำหนด ยืนขับมักเรียกเป็นทางการว่า Hand Truck หรือ Hand Lift และแบบ 16
เป็นรถขับ มักเรียกว่า Stacker โดยมีพนักงานขับรถยกสินค้าจากจุด 4. ระเบียบในการจัดเก็บสินค้าหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งนอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ในการยกขนอีกประเภท 4.1 การกำหนดแถวกองสินค้า แนวคิดการจัดแถวหนึ่งคือ ใช้รางเลื่อน หรือสายพานลำเลียง (conveyor) รูปแบบต่าง ๆ กองสินค้าที่สำคัญคือ การกองสินค้าเป็นแถวสั้น ๆ หลาย ๆ แถว แยกเป็นอุปกรณ์หลักในคลังสินค้า เป็นหมวดหมู่เฉพาะ ซึ่งจะทำให้การนำจ่ายออกหรือจัดส่งเป็นไปอย่าง รวดเร็ว ลดการผิดพลาด 2. ความรวดเร็วในการขนถ่ายสินค้า หลักการสำคัญของคลัง 4.2 การวางซ้อนสินค้า ควรมีการกำหนดสินค้าอย่างหนึ่งหากมีการนำสินค้าออกสถานที่ในการจัดเก็บได้ มาตรฐานความสูงการวางซ้อนสินค้า โดยให้มีความสูงมากที่สุดจนถึงรวดเร็ว ก็สามารถนำสินค้าใหม่เข้ามาเก็บทดแทน เป็นการใช้พื้นที่ให้ จุดสูงสุด จึงค่อยจัดวางสินค้ากองใหม่ต่อไปเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดอันส่งผลต่อกำไรของกิจการ ข้อควรพิจารณาที่จะทำให้เกิดความรวดเร็วในการขนถ่ายสินค้า คือต้องวางแผน $$$ 4.3 การจัดวางสินค้าบนกระบะ หรือพาเลท การกำหนดการใช้พื้นที่และการไหลของสินค้าอย่างมีระบบ ดังนี้ 2.1 การจัดทางเดิน ต้องไม่แออัด มีทางเดินมากพอ มี วางสินค้าบนกระบะช่วยให้การทำงานมีความสะดวกรวดเร็วในการความกว้างที่เหมาะสม ไม่เกิดปัญหาคอขวด หรือทางตันภายในอาคาร และต้องเป็นเส้นทางตรงเท่านั้น ยกขน หลักการวางที่ดีคือต้องไม่ให้มีช่องว่างในการจัดวาง การวาง 2.2 การจัดตำแหน่งวางสินค้า ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าเป็นหลัก สินค้าที่มีการหมุนเวียนสูง เข้าออกบ่อย ต้องจัดวางอยู่ สินค้าบนกระบะจะต้องมีการจัดวางให้เต็มพื้นที่บนกระบะเพื่อง่ายต่อในตำแหน่งที่เข้าออกได้สะดวก ใช้ระยะทางจากสถานที่รับไปยังสถาน การยกขนที่จัดเก็บ และจากสถานที่จัดเก็บไปยังบริเวณจัดส่งสินค้า ต้องสั้นที่สุด 3. ความมั่นคงแข็งแรงในการเก็บรักษาสินค้า คลังสินค้าต้อง $ $$ 4.4 การขนสินค้าออกจากกอง หลักการยกขนจะอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน มีความแข็งแรง เครื่องมือและอุปกรณ์การยกขนสิ่งอำนวยความสะดวก ชั้นวางสินค้าต้องมีการบำรุงรักษา ต้องยกขนแบบเรียงแถวให้หมดทีละแถวแล้วเริ่มขนในแถวต่อไป เพื่อตรวจสอบสภาพโดยมีการกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบสภาพของปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวกำหนดไว้อย่างชัดเจนเป็นมาตรฐานของการ ให้สามารถรองรับสินค้าใหม่ที่จะเข้ามาได้ทันทีทันทีปฏิบัติงาน 17
กิจกรรมหรือกระบวนการทำงานในคลังสินค้าไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมในคลังสินค้าคลังประเภทไหน สามารถจำแนกเป็นกิจกรรมหลัก ๆ ได้4 อย่าง คือ 1. การรับของ (Receiving) เริ่มตั้งแต่การรับของเข้าคลังจากรถขนส่ง จากนั้นก็จะต้องมีการพักสินค้าเพื่อทำการจำแนก คัดแยก ตรวจนับ ตรวจสอบคุณภาพและการคืนของ สำหรับสินค้าที่ผ่านการตรวจแล้ว ต้องให้รหัสพร้อมทั้งกำหนด location ในการจัดเก็บ 2. การจัดเก็บ (Storing) ใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายประเภทต่าง ๆ ในการขนย้ายนำเข้าไปจัดเก็บตามชั้นวางหรือพื้นที่ที่กำหนดไว้ให้ถูกต้องตาม lo-cation ในขั้นตอนนี้ จะต้องอาศัยการวางแผนการจัดเก็บที่ดี โดยต้องคำนึงถึงเวลาที่จะทำการเบิกจ่ายในภายหลังว่าจะต้องค้นหาได้รวดเร็ว และเลือกหยิบได้แม่นยำ คลังสินค้าบางแห่ง มีงานย่อยเพิ่มเติมในขั้นตอนนี้ เช่น การแตกห่อย่อย (breakbulk) ก่อนการเบิกจ่าย การย้ายจาก บริเวณ bulk storage มาสู่ชั้นวางที่คอยเติมเต็มสำหรับการเบิกจ่ายแบบอัตโนมัติ (replenishing) 3. การเบิกจ่าย หรือการเลือกหยิบ (Picking) ขั้นตอนนี้จะเป็นช่วงที่กินเวลาส่วนใหญ่ที่สุดของการทำงานในคลังสินค้า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระบบจัดเก็บในขั้นที่สองว่าจัดไว้ดีเพียงใด และจำนวนรายการ จำนวนออร์เดอร์ในการเบิกจ่ายต่อวัน มีความถี่และปริมาณมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีความถี่สูง ก็จะต้องเลือกใช้อุปกรณ์ที่เป็นแบบอัตโนมัติต่าง ๆ ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ความมีประสิทธิภาพของขั้นตอนนี้ จะเป็นตัวบอกถึงผลิตภาพโดยรวม (productivity) ของคลังสินค้าแต่ละแห่ง ว่าสามารถออกของได้เร็ว และแม่นยำขนาดไหน 18
ประโยชน์ของคลังสินค้า1. ทำให้ต้นทุนของสินค้าลดลง2. เป็นการป้องกันการขาดมือของสินค้าที่จะขาย3. ช่วยลดปัญหาอันจะเกิดขึ้นเนื่องจากการขนส่ง4. สามารถผลิตได้ในปริมาณเกินกว่าความต้องการตามฤดูกาล5. ช่วยให้ได้ใช้สินค้านั้นๆ ได้ทันเวลาตามต้องการ6. ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค7. ช่วยให้การผลิตดำเนินไปได้โดยปกติ8. ช่วยให้เครดิตแก่อุตสาหกรรมหรือพ่อค้าที่มีทุนน้อย9. ช่วยให้ราคาสินค้ามีเสถียรภาพ10. ช่วยเก็บพักสินค้าชั่วคราวที่จะต้องส่งออกไปต่างประเทศอีกต่อหนึ่งในลักษณะของ Re-export 19
การจำแนกประเภทคลังสินค้า (TYPE WAREHOUSE) $ $ • ให้ผู้ฝากกู้ยืมเงินโดยเอาสินค้าที่ฝากนั้นจำนำไว้เป็น ประกันแก่ผู้ประกอบกิจการคลังสินค้า โดยผู้ประกอบการคลังสินค้าได้ สามารถจำแนกตามลักษณะของจุดมุ่งหมายในการประกอบ รับดอกเบี้ย หรือประโยชน์อื่นใดเป็นค่าตอบแทนกิจการนี้ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ $ $ • ให้บริการด้านความเย็นในการเก็บรักษาสินค้า รับอบ$ $ • กลุ่มคลังสินค้าสาธารณะ พืชลดความชื้น กะเทาะ คัดผสม หรือด้วยกรรมวิธีอย่างอื่น เพื่อ ประโยชน์ของผู้ฝาก โดยผู้ประกอบกิจการคลังสินค้าได้รับ$ $ • กลุ่มคลังสินค้าส่วนบุคคล ค่าตอบแทน หรือประโยชน์อย่างอื่นอย่างใด$ $ • กลุ่มคลังเก็บพัสดุ $ $ • กระทำการใด ๆ ตามแบบวิธีเกี่ยวกับ การศุลกากร การนำเข้า การส่งออก การขนส่งสินค้า และอาจจะจัดให้มีการประกันกลุ่มคลังสินค้าสาธารณะ ภัยซึ่งสินค้าซี่งตนพึงกระทำตามสัญญาเก็บของในคลังสินค้า เป็นต้น กลุ่มคลังสินค้าสาธารณะเป็นกิจการทางธุรกิจที่เป็นเอกเทศของตนเอง โดยจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการเก็บรักษาสินค้า $ $ “การจัดตั้งบริษัทจำกัดที่ประกอบกิจการคลังสินค้าและรับทำการเก็บรักษาสินค้า รวมทั้งให้บริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้า สาธารณะและการดำเนินงานทางธุรการของกิจการคลังสินค้าอยู่ภายนั้น การประกอบกิจการคลังสินค้าสาธารณะ เป็นการค้าขายประเภทที่ ใต้ข้อบังคับของกฏหมายว่าด้วยกิจการค้าขายที่มีผลกระทบต่อถือว่ามีผลกระทบต่อความปลอดภัย และความผาสุกของสาธารณะชน ความปลอดภัยและผาสุกของสาธารณชน และเงื่อนไขควบคุมคลังคลังสินค้ากลุ่มนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ สินค้าของกระทรวงพาณิชย์”$ 1. คลังสินค้าสาธารณะของบริษัทเอกชน $ 2 . ค ลั ง สิ น ค้ า ส า ธ า ร ณ ะ ข อ ง อ ง ค์ ก า ร รั ฐ บ า ล $ เป็นธุรกิจการค้าของภาคเอกชนที่จัดขึ้นในรูปของบริษัท $ $ องค์การของรัฐบาลที่ประกอบธุรกิจทางการค้า จะจัดตั้งขึ้น ในรูปของรัฐวิสาหกิจ หรือรัฐพาณิชย์รูปอื่น จุดมุ่งหมายหรือนโยบายจำกัด หรือบริษัทมหาชนแล้วแต่กรณี กิจการสำคัญที่คลังสินค้า หลักในการประกอบกิจการขององค์การเหล่านี้ เพื่อสนองนโยบายสาธารณะของบริษัทเอกชนดำเนินงานได้แก่ ข อ ง รั ฐ บ า ล$ $ • รับฝากสินค้าโดยผู้ประกอบการคลังสินค้าได้รับเงินค่า 20ตอบแทน หรือประโยชน์อื่นใด
ในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ คลังสินค้าสาธารณะขององค์การรัฐบาลที่จัด เป็นการช่วยเหลือสมาชิกภายในกลุ่ม และเมื่อเกิดผลกำไรจากการตั้งขึ้นในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนองนโยบายของ ประกอบกิจการคลังสินค้า ผลกำไรนั้นก็แบ่งสรรปันผลกลับคืนให้แก่รั ฐ บ า ล ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ เ ช่ น อ ง ค์ ก า ร อุ ต ส า ห ก ร ร ม ห้ อ ง เ ย็ น สมาชิกคลังสินค้าสาธารณะของสหกรณ์จัดตั้งขึ้นโดยกฏหมายองค์การคลังสินค้า เป็นต้น สหกรณ์ กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งและดำเนินงานโดยเฉพาะ$ การดำเนินธุรกิจคลังสินค้าสาธารณะขององค์การรัฐบาล จะประกอบกิจการเช่นเดียวกับคลังสินค้าสาธารณะของบริษัทเอกชน คือ 21การรับทำการเก็บรักษาสินค้า และให้บริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าที่รับฝากเก็บรักษานั้นเป็นการค้าปกติ และเป็นการให้บริการแก่บุคคลทั่วไป “องค์การคลังสินค้ามีวัตถุประสงค์์ทำกิจกรรมทั้งปวงเกี่ยวกับข้าว พืชผล และสินค้าต่าง ๆ เพื่อให้จำนวนผลิต คุณภาพ ราคา เหมาะสม และเพียงพอกับความต้องการของรัฐบาลและประชาชนทั่วไป”$ 3. คลังสินค้าสาธารณะของสหกรณ์$ $ สหกรณ์เป็นองค์การของเอกชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมและโดยการสนับสนุนของรัฐบาล จัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ของกฏหมายสหกรณ์ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มผลประโยชน์ที่มีเป้าหมายในการดำเนินกิจการร่วมกัน ช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ เช่น สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การประมงเป็นต้น$ คลังสินค้าสาธารณะของสหกรณ์ เป็นของสหกรณ์ที่ประกอบกิจการคลังสินค้าในลักษณะคลังสินค้าสาธารณะ คือ รับทำการเก็บรักษาสินค้าและให้บริการเกี่ยวกับสินค้าเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้า ปกติสินค้าที่รับทำการเก็บรักษาเป็นสินค้าของสมาชิก และเป็นสินค้าเฉพาะอย่างอันเป็นผลผลิตตามอาชีพของสมาชิกของสหกรณ์นั้น ๆ ทั้งนี้
Chapter 5การขนส่ง$ “การขนส่ง” คือการเคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และ อื่นๆ สามารถพิจารณาการขนส่งได้จากหลายมุมมองโดยคร่าว ๆ โครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายการขนส่งที่ใช้ เช่น ถนน ทางรถไฟ เส้นทางการบิน คลอง หรือ ท่อส่ง รวมไปถึงสถานีการขนส่งเช่น ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ ท่ารถ และ ท่าเรือ ในขณะที่ ยานพาหนะ คือสิ่งที่เคลื่อนที่ไปบนโครงข่ายนั้น เช่นรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ
ประเภทของการขนส่ง $ การขนส่งมีความเจริญก้าวหน้าและ พัฒนาการมากยิ่งขึ้น มีวิธีการขนส่งให้ผู้ ประกอบธุรกิจเลือกหลายวิธี ผู้ประกอบ ธุรกิจจึงต้องเลือกวิธีการขนส่งให้เหมาะสม กับธุรกิจของตน ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้ 1. การขนส่งทางน้ำ (Transportation) 2. การขนส่งทางบก (Road or Motor Transportation) 3. การขนส่งทางอากาศ (Air Tiansporta- tion) 4. การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transporta- tion) 23
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: