ความเชอื ทางพทุ ธศาสนาในรามยณะของอนิ เดีย ทปี รากฏในภาพแกะสลกั ในปราสาทหนิ พมิ าย อาํ เภอพมิ าย จงั หวัดนครราชสีมา BELIEF WAY RELIGION RAMAYANA SCENES ALSO INDICATED IN SCULPTURE OF PRASAT HIN PHIMAI, PHIMAI DISTRICT,NAKHON RATCHASIMA PROVINCE กฤษฎ์เตชินห์ เสกฐานโชตจิ ินดา MR.GRITTAYCHIN SEKTHANACHOTCHINDA บทคดั ย่อ บทความนี ผู้เขียนได้มีการกําหนดวตั ถปุ ระสงค์ในการศกึ ษาเรือง ความเชือทางพทุ ธศาสนา ในภาพ แกะสลกั เรืองรามยณะ ซงึ ปรากฏอย่ใู นปราสาทหินพมิ ายเท่านนั รวมถงึ เรือง ความหมายของภาพ แนวความคิดของภาพ ความเชือของภาพ อีกทังความสําคญั หน้าทีบทบาทและประเภทของรูปแบบของภาพแกะสลกั ทีปรากฏในปราสาท หินพมิ าย เรืองรามยณะ ซงึ ปรากฏอยใู่ นปราสาทหินพมิ าย จงั หวดั นครราชสมี า ผลการศกึ ษา พบว่า ภาพแกะสลกั เรืองรามยณะทปี รากฏในปราสาทหินพิมายมที งั หมด 6 ภาพ คือ 1. ภาพการส้รู บระหว่างกองทัพของพระรามและทศกัณฐ์สอื ถึงการส้รู บของฝ่ ายธรรมะและ อธรรม 2. ภาพแกะสลกั หน้าบันและทับหลงั ประดับประตูมุขทิศตะวันตกของมณฑปแสดงภาพ พระรามและพระลกั ษมณ์ถกู ศรนาคบาศ 3. หน้าบนั มขุ ทศิ ตะวนั ตกของวิมานแป็ นภาพรามายณะ 4. ทบั หลงั ประดบั เป็ นตอนพระรามจองถนน 5. หน้าบนั มขุ ทศิ ตะวนั ออกของวิมาน สลกั ภาพเรืองรามายณะตอนเท้ามาลวี ราชว่าความ 6. ทบั หลงั ประดบั เป็ นตอนพระรามฆา่ ยกั ษ์วธิ าร รามายณะหรือรามเกียรติ มอี ิทธิพลอยา่ งมาก ทงั ในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และศาสนาจงึ มีอิทธิพลต่อ การแสดงนาฏศลิ ป์ ของไทย ความเชือในการสร้างปราสาทหินพิมายเป็ นการจําลองจักรวาลมาไว้บนโลกมนษุ ย์ ความเชือ ในภาพแกะสลกั สว่ นใหญ่เป็ นภาพทไี ม่คอ่ ยมคี วามสําคญั และไม่เกียวข้องกับคติความเชือทางศาสนา ปราสาทหินพิมาย ยงั มคี วามหมายในเชิงสญั ลกั ษณ์ ซงึ เป็ นเครืองหมายการเป็ นอิสระจากศนู ย์กลางและใช้เป็ นอุบายทีนําราษฏรไปสปู่ ัญญา เพอื ให้เกิดพทุ ธภาวะหรือการหลดุ พ้นจากสงั สารวฎั คําสาํ คัญ: ความเชอื , รามยะณะ,ภาพแกะสลกั , ปราสาทหนิ พิมาย
2 บทนํา จากจารึกปราสาทหินพิมาย ใน อําเภอพิมาย จังหวดั นครราชสีมา มีการกล่าวถึง มหา ศกั ราช เทียบได้กบั พ.ศ. 1579(ค.ศ.1036) “ศรีสรู ยวรมันะ” ซึงหมายถึงพระเจ้าสรุ ยะวรมนั ที 1 ทําให้ นักวิชาการมีความเห็นวา่ ปราสาทหินพิมายจะสร้างขนึ ในรัชสมยั นี โดยปามงั ติเอร์(H.Parmentier) ให้ ความเห็นวา่ รูปแบบศลิ ปะของซ้มุ และมขุ หน้าปราสาทประธานน่าจะเป็นฝี มอื ในชา่ งในสมยั พระเจ้าสรู ยวร มนั ที 1 ซงึ เทียบได้กบั ศิลปะทีปราสาทวดั เอกและวดั บาเสต ในเมืองพระตะบองซึงสร้างขนึ ในรัชกาลนี แต่ จารึกหลกั นีมปี ัญหาทีวา่ ไมไ่ ด้เป็นจารึกทีอยตู่ ดิ กบั ตวั ปราสาทหินพิมาย จึงไมอ่ าจสรุปลงไปได้อยา่ งชดั เจน วา่ ปราสาทหินพิมายสร้างขนึ ในรัชสมยั พระเจ้าสรู ยวรมนั ที 1(พิริยะ ไกรฤกษ์,2544) สนั นิฐานได้วา่ ปราสาทหินพิมาย สร้างขนึ ก่อนปี พ.ศ. 1651(ค.ศ. 1108) ซึงกรอสลิเย่ (Beranrd Philippe Groslier) กลา่ ววา่ คงเริมสร้างในสมยั พระเจ้าชยั วรมนั ที 6 (พ.ศ. 1623 – 1650/ ค.ศ. 1080 – 1107) เนืองจากเมืองพิมายเป็ นราชธานีของพระองค์มาก่อน โดยพระองค์โปรดให้สร้างปราสาท หินพิมายเพืออทุ ิศถวายแดบ่ รรพบรุ ุษในราชวงศ์มหิธรปรุ ะ (Cluade Jacques,1997) ปราสาทหินพิมาย ผ้สู ร้างปราสาทได้เลือกทําเลทีตงั ของเมืองและปราสาททีอาศัยภมู ิ ประเทศตามธรรมชาตเิ ป็นสว่ นของการสร้างเมอื งตามระบบจกั รวาลในพระพุทธศาสนา ระบบแผนผงั ของ ปราสาททีเป็ นโครงสร้างของปราสาททีมีระเบียงคตล้อมรอบปราสาทประธาน โดยมีศูนย์กลางผงั อยู่ที ปราสาทประธาน และมกี ารออกแบบทียึดแนวภาพของมณฑลในศาสนาพราหมณ์เป็นแผนผงั ของปราสาท อีกทงั ยงั มีการออกแบบและการวางตําแหนง่ อาคารตา่ งๆ ภายในแผนผงั ทีสะท้อนให้เหน็ ถึงแบบจําลองของ จักรวาล ระบบการใช้แกนโลกเป็ นแกนประธานของแผนผังซึงมีความสมั พันธ์กับวิถีการโคจรของดวง อาทิตย์ การออกแบบแผนผงั ของภาพแกะสลกั หน้าบัน ทับหลงั ประดบั ประตู และกลีบขนนุ ทีปราสาท ประธาน ให้มคี วามสอดคล้องกบั แผนผงั ของปราสาทและตวั อาคาร โดยมีการแบ่งเนือหาออกเป็นห้วง และ ให้มีความสมั พันธ์กบั ระบบแนวแกนประธานและตําแหน่งของเทพเจ้าประจําทิศต่างๆ (ศศิธร จันทร์ใบ ,2545) ปราสาทหินพิมายมีการจัดผงั ของปราสาททีสมดุลรวมทงั การออกแบบของตวั อาคารมี ความลงตวั ตามคตขิ องการออกแบบได้จดั วางตําแหน่งของภาพแกะสลกั ทีปราสาทประธานให้สอดคล้อง ไปตามมติ ิของการออกแบบด้วย ซงึ ภาพแกะสลกั สามารถแบง่ ได้ออกเป็น 3 สว่ น คือ 1. ทบั หลงั ประดบั ประตภู ายในปราสาท 2. หน้าบนั และทบั หลงั ประดบั ประตรู อบนอกปราสาท 3. ภาพแกะสลกั ทีสว่ นยอดของวมิ าน ปราสาทหินพิมายหนั หน้าปราสาทไปทางทิศใต้ และเกณฑ์กําหนดงานสถาปัตยกรรม เขมรจะลําดบั ขนั ตอนแบบทกั ษิณาวรรต(อนุวิทย์ เจริญศภุ กุล,2541) เอเดรียน สนออกราส กล่าวว่า
3 สงิ ก่อสร้างมีหน้าทีอยู่ 2 ประการ คือมีหน้าทีด้านประโยชน์ใช้สอยทีสองความต้องการทางกายภาพและ จิตใจ และหน้าทีเพือรบั ใช้มนษุ ย์ทางปัญญา ดงั นนั สงิ กอ่ สร้างย่อมมคี วามหมายของตวั มนั เอง คือ แสดงถึง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งโลกทีเราสมั ผสั ได้และสมั ผสั ไมไ่ ด้ และยงั แสดงถึงบทบาทหน้าทีเป็ นสญั ลกั ษณ์ตาม ความเชือของผ้เู ป็นเจ้าของ ในปราสาทหินพิมายยงั พบภาพปะตมิ ากรรมแกะสลกั ทีเป็ นเรืองเล่าในมหากาพย์อินเดีย เรือง รามยณะ เป็นสว่ นหนึงของนาฏกรรม ทีมสี ว่ นคล้ายกบั การแสดงนาฏศลิ ป์ ของไทยในปัจจบุ ัน อนั เป็ น วฒั นธรรมทีมีความสําคญั ในสงั คม ทําหน้าทีถ่ายทอดความรู้สกึ นกึ คดิ คา่ นิยมของคนในสงั คม สนองความ เชือ ปรากฏออกมาในพิธีกรรรมอนั ศกั ดิ สทิ ธิ มคี วามสมั พนั ธ์กบั ปรากฎการณ์อืนๆรอบข้าง แสดงให้เห็นถึง คา่ นิยมและความเชือของผ้สู ร้าง อนั เป็นลกั ษณะทวั ไปของวฒั นธรรม จากทีกล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าปราสาทหินพิมายเป็ นรูปแบบศิลปะลักษณะทาง สถาปัตยกรรมและคตคิ วามความคดิ อย่เู บืองหลงั การสร้างปราสาทเพียงเลก็ น้อยเท่านนั ผ้เู ขียนสนใจทีจะ ศกึ ษาถึงความเชือทางพทุ ธศาสนา ทีอยใู่ นภาพแกะสลกั เรืองรามยณะ ซึงปรากฏอย่ใู นปราสาทหินพิมาย เนืองจากพบประติมากรรมทีเกียวข้องกบั การแสดงนาฏศิลป์ ของไทย อย่เู ป็ นจํานวนมาก ทังทีเป็ นรูปที แสดงให้เห็นถึงการเล่าเรือง รามเกียรติ อย่างชัดเจน และเป็ นการศึกษาเรือง ความหมายของภาพ แนวความคิดของภาพ อกี ทงั ความสําคญั หน้าทีบทบาทและประเภทของรูปแบบของภาพแกะสลกั ผ้เู ขียน หวงั วา่ บทความฉบบั นีจะเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้ศู กึ ษาในโอกาสตอ่ ไป เนือเรือง บทความนี ผู้เขียนได้มีการกําหนดวัตถปุ ระสงค์ในการศึกษาเรือง ความเชือทางพุทธ ศาสนา ในภาพแกะสลกั เรืองรามยณะ ซงึ ปรากฏอย่ใู นปราสาทหินพิมายเท่านนั รวมถึง เรือง ความหมาย ของภาพ แนวความคิดของภาพ ความเชือของภาพ อีกทังความสําคญั หน้าทีบทบาทและประเภทของ รูปแบบของภาพแกะสลกั ทีปรากฏในปราสาทหินพิมาย เรืองรามายณะ ซึงปรากฏอย่ใู นปราสาทหินพิมาย จงั หวดั นครราชสีมา โดยผ้เู ขยี นได้ศกึ ษาจากเอกสาร ตาํ รา งามวจิ ยั เอกสารทีเกียวข้องกบั ความเชือทาง พทุ ธศาสนาในรามายณะของอนิ เดยี ทีปรากฏในภาพแกะสลกั ในปราสาทหินพิมาย อําเภอพิมาย จงั หวดั นครราชสีมา ได้ดงั นี
4 1. ภาพการสู้รบระหว่างกองทัพของพระรามและทศกัณฐ์สือถึงการสู้รบของฝ่ าย ธรรมะและอธรรม ภาพที 1 ภาพการสู้รบระหว่างกองทพั ของพระรามและทศกัณฐ์สือถงึ การสู้รบของฝ่ าย ธรรมะและอธรรม ทมี า : ศศิธร จันทร์ใบ (2545) 2. ภาพแกะสลักหน้าบันและทับหลังประดับประตูมุขทิศตะวันตกของมณฑป แสดงภาพพระรามและพระลักษมณ์ถูกศรนาคบาศ ภาพแกะสลกั ทีเป็นเรืองราว คือ รามยะณะ ตอนพระรามพระลกั ษณ์ถกู ศรนาคบาศ ซงึ มกั ไมค่ อ่ ยปรากฏในศิลปะเขมร โดยทบั หลงั สลกั ภาพเป็นพระรามและพระลกั ษมณ์ถกู พญานาคซึงแปลงเป็ น ศรสดั พระวรกาย มีนางสดี ากําลงั ซ้อนพระเศียร ทีมมุ ด้านขวามรี ูปอินทรชิตกําลงั แผลงศร และด้านซ้ายเป็น รูปนางตรีชฎาและบริวาร ตอนลา่ งสลกั เป็นรูปกองทพั ลิง และทีหน้าบนั ด้านบนสลกั รูปพญาครุฑกําลงั บิน ลงมาชว่ ยพระรามและพระลกั ษมณ์จากศรนาคบาศ (uraisi Varasarin,2529) ภาพที 2 ภาพแกะสลักหน้าบันและทบั หลังประดับประตูมุขทศิ ตะวันตกของมณฑปแสดง ภาพพระรามและพระลักษมณ์ถกู ศรนาคบาศ ทมี า : ศศธิ ร จันทร์ใบ (2545)
5 3. หน้าบันมุขทศิ ตะวนั ตกของวมิ านแป็ นภาพรามายณะ หน้าบนั มขุ ทิศตะวนั ตกของวมิ านแป็นภาพเลา่ เรืองรามยณะ ไมท่ ราบแน่ชดั วา่ เป็นตอนใด แตเ่ ป็นการยกทพั รบกนั (uraisi Varasarin,2529) ภาพที 3 หน้าบันมุขทศิ ตะวันตกของวมิ านแป็ นภาพรามายณะ ทีมา : ศศิธร จันทร์ใบ (2545) 4. ทบั หลังประดับเป็ นตอนพระรามจองถนน ทับหลงั ประดบั ตอนพระรามจองถนน โดยมีนิลนลเป็ นผู้ควบคุม ด้านซ้ายของทับหลงั แสดงภาพกองทพั ของพระราม สว่ นด้านขวาตอนลา่ วเป็นรูปสตั ว์ในทะเล อนั เป็ นสญั ลกั ษณ์แทนพืนทีของ มหาสมทุ ร ตอนบนของมหาสมทุ รเป็นกองทพั ลงิ กําลงั แบกหินไปถมทะเล (uraisi Varasarin,2529) ภาพที 4 ทับหลังประดบั เป็ นตอนพระรามจองถนน ทมี า : ศศิธร จันทร์ใบ (2545)
6 5. หน้าบันมุขทศิ ตะวนั ออกของวมิ าน สลักภาพเรืองรามายณะตอนเท้ามาลีวราช ว่าความ ภาพที 5 หน้าบันมุขทศิ ตะวนั ออกของวมิ าน สลักภาพเรืองรามายณะ ตอนเท้ามาลีวราชว่าความ ทมี า : ศศิธร จนั ทร์ใบ (2545) 6. ทบั หลังประดับเป็ นตอนพระรามฆ่ายักษ์วธิ าร ทบั หลงั ประดบั เป็นตอนพระรามฆ่ายักษ์วิธาร โดยสลกั เป็ นภาพขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ทบั หลงั ด้านหลงั ตวั ละครมตี ้นไม้แสดงวา่ อย่ใู นป่ า สว่ นด้านซ้ายเป็นรูปผ้หู ญิงนงั อย่บู นตกั ผ้ชู าย นา่ จะเป็น พระรามและนางสีดา ซึงในรามายณะฉบับของวาลมิกิ ถือว่าเหตกุ ารณ์นีเป็ นจุดเริมต้นของเรืองราวรา มายณะทงั หมด (uraisi Varasarin,2529) ภาพที 6 ทบั หลังประดบั เป็ นตอนพระรามฆ่ายกั ษ์วธิ าร ทมี า : ศศธิ ร จันทร์ใบ (2545) เรืองรามายณะทีปรากฏอย่หู น้าบนั และทบั หลงั ปราสาทนี ซึงตําแหน่งของการจัดวางหน้า บนั และทบั หลงั ประดบั ภายนอกไม่ได้มีระเบียบทีเคร่งครัดแบบเดียวกนั กับทับหลงั ประดบั ภายในซึงเป็ น แกนสําคญั ของโครงสร้างตามคติสญั ลกั ษณ์ หน้าบนั และทบั หลงั ประดบั ภายนอกนียังมีความสําคญั และ
7 บทบาทในเชิงสญั ลกั ษณ์อยู่ เนืองจากเป็นตวั ชว่ ยทีเสริมให้ปราสาทหินพิมายบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของผ้สู ร้าง ทีจะนําพามนษุ ย์ไปสคู่ วามหลดุ พ้นจากวฏั สงสาร ลกั ษณะการวางโครงเรืองรามายณะทีปราสาทหินพิมายนี จะเริมต้นทีทับหลงั ประดบั มขุ ด้านทิศตะวนั ออกของวิมาน (พระรามฆา่ ยกั ษ์วธิ าร) แล้วเวียนซ้ายไปยงั ทบั หลงั ประดบั มขุ ทิศตะวนั ตกของ วมิ าน(พระรามจองถนน) ตอ่ ไปยงั หน้าบนั และทบั หลงั ประดบั มขุ ทิศตะวนั ตกของมณฑป (ตอนนาคบาศ) เข้าไปสภู่ ายในมณฑป (ศกึ ยทุ ธภณั ฑ์) โดยการจดั วางลาํ ดบั ภาพในระบบนีจะใช้เฉพาะตอนหรือเหตกุ ารณ์ ทีสําคญั เท่านนั เนือหาภายนอกทีเป็ นเรืองรามายณะซึงเป็ นเนือเรืองเกียวกับกษัตริย์ทีดีสอดคล้องกับ แนวความคิดของผ้สู ร้างปราสาทหินพิมายมีความประสงค์ทีจะสร้างศาสนสถานแห่งนีเพือทีจะช่วยเหลือ มนษุ ย์ให้หลดุ พ้นจากสงั สารวฎั ดงั ปรากฏในศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ของพระเจ้าชยั วรมนั ที 7 ผ้ทู รง เลือมใสในพระพุทธศาสนาลทั ธิวัชรยาน ความว่า พระองค์ทรงปรารถนาทีจะเป็ นพระจักรพรรดิทีมี คณุ ลกั ษณะอนั ไมม่ ีทีติ มคี วามดีงามแบบพรหม ทีพร้อมด้วยความรัก ความภกั ดีและเดชานภุ าพ (ประชมุ ศิลาจารึก ภาคที 4) โดยทรงเปรียบพระองค์กบั พระราม ซงึ ทรงมีความภกั ดีตอ่ พระบิดา และทรงได้ชัยชนะ เหนือศตั รู โดยพระรามทรงสร้างถนนด้วยหินข้ามสมทุ รไปได้ ส่วนพระเจ้าชยั วรมนั ที 7 ทรงสร้างถนนด้วย ทองเพือให้มนษุ ย์ข้ามห้วงมหรรณพแห่งสงั สารวฎั ไปได้ การสลกั ภาพในเรืองรามยณะจึงเป็ นสิงสะท้อนให้ เห็นถึงบทบาทหน้าทีของผ้สู ร้างปราสาทหินพิมาย มหากาพย์รามายณะนนั แพร่หลายไปในหลายประเทศ เนือเรืองของแต่ละแห่งก็มีเปลียน แปรไปบ้างตามแตผ่ ้ถู า่ ยทอด ทําให้แม้จะเป็นเรืองเดียวกนั แตก่ ็แตกตา่ งกนั ไปตามภมู ิภาคและวฒั นธรรม ดงั เดมิ ของผ้ทู ีรับการถา่ ยทอดวรรณคดเี รืองนีไป ในอนิ เดยี เองกม็ ผี ้รู ู้บางท่านวิเคราะห์กันวา่ เรืองนีน่าจะมี เค้าโครงมาจากเรืองจริง ในยคุ ทีชนเผ่าอารยนั ซึงเคยอย่ทู างตอนใต้ของรัสเซียอพยพเข้ามายงั อินเดีย แน่นอนว่าย่อมหมายถึงฝ่ ายของพระราม-พระลกั ษมณ์ ส่วนทศกัณฐ์และประชาชนยักษ์ก็คือชาวทมิฬ หรือทราวฑิ ชนพืนเมอื งดงั เดมิ แตก่ ็มีผ้คู ดั ค้านแนวคิดนีอย่ไู มน่ ้อยเชน่ กนั
8 สรุปผล การศึกษาความเชือทางศาสนา ทีสร้างขึนเพือเป็ นสญั ลกั ษณ์ในภาพแกะสลักในเรือง รามยณะ ซึงปรากฏอยู่ในปราสาทหินพิมาย ทีมีส่วนคล้ายกับการแสดงนาฏศิลป์ ของไทย ในปัจจุบัน ความหมายของภาพ แนวความคิดของภาพ อกี ทงั ความสาํ คญั หน้าทีบทบาทและประเภทของรูปแบบของ ภาพแกะสลกั สรุปได้ดงั นี ภาพแกะสลกั เรืองรามยณะทีปรากฏในปราสาทหินพิมายมีดงั นี 1. ภาพการส้รู บระหวา่ งกองทัพของพระรามและทศกัณฐ์สือถึงการส้รู บของฝ่ าย ธรรมะและอธรรม 2. ภาพแกะสลกั หน้าบันและทบั หลังประดับประตูมุขทิศตะวนั ตกของมณฑป แสดงภาพพระรามและพระลกั ษมณ์ถกู ศรนาคบาศ 3. หน้าบนั มขุ ทิศตะวนั ตกของวิมานแป็นภาพรามายณะ 4. ทบั หลงั ประดบั เป็นตอนพระรามจองถนน 5. หน้าบนั มขุ ทิศตะวนั ออกของวิมาน สลกั ภาพเรืองรามายณะตอนเท้ามาลีวราช วา่ ความ 6. ทบั หลงั ประดบั เป็นตอนพระรามฆา่ ยกั ษ์วิธาร ในการแสดงนาฏศิลป์ โขนของไทยซึงได้เค้าโครงเรืองมาจากรามายณะของอินเดีย เชน่ เดียวกนั ซึงมีการแพร่กระจายทางวฒั นธรรม เข้ามาสปู่ ระเทศไทย รามายณะหรือรามเกียรติ มีอิทธิพล อย่างมาก ทงั ในด้านศลิ ปะ วฒั นธรรม และศาสนา ยกตวั อย่าง เช่น พระนามของพระมหากษัตริย์หลาย พระองคก์ ็มีคาํ วา่ “ราม” ซงึ กม็ าจากพระรามผ้เู ป็นองค์อวตารของพระวษิ ณหุ รือพระนารายณ์ ผ้คู อยอวตาร มาปราบอสรู ร้ายและชว่ ยเหลือมนษุ ย์อยเู่ สมอ ความเชอื เป็นการสร้างตามคติพราหมณ์และพระพทุ ธศาสนาวชั รยาน เพือเป็นการอทุ ิศให้กับบรรพ บรุ ุษ โดยยดึ แบบเขาพระสเุ มรุเป็นศนู ย์กลางของจกั รวาล มีแมน่ ําล้อมรอบเปรียบดงั มหาสมทุ ร ตงั อย่บู น พืนทีราบ เพือถวายแด่พระนารายณ์พระโพธิสตั ว์ทีมีหน้าทีดูแลและค้มุ ครองโลก ด้านประติมากรรม ประดบั ตกแตง่ ด้วยลกั ษณะประติมากรรมลอยตวั ประตมิ ากรรมนนู ตําประติมากรรมนนู สงู โดยเป็นรูปของ บคุ คลสําคญั รูปสตั ว์ และพระโพธิสตั ว์ประจ้าทิศของประตหู น้าบนั และทบั หลงั ออกมาเป็ นศิลปะการร่าย รําในท่าตา่ ง ๆ ตลอดทงั สลกั ภาพเป็ นรูปของพระโพธิสตั ว์จากเรือง ราวของมหากาพย์ตามความเชือของ พระพทุ ธศาสนาวชั รยาน ศาสนา ภาพเล่าเรืองจาก รามยณะของอินเดีย ซึงมักจะปรากฏอยู่ในบริเวณทับหลัง (Lintel) หน้าบัน (Pediment) กลีบขนุนปรางค์ (Antefixe) เสาติดกบั ผนัง (Pilaster) และ เสาประดบั กรอบประตู (Colonnette) ประติมากรรมนูนตํา (Bas-relief) ภาพแกะสลกั นูนตําที ปรากฏที
9 ปราสาทพิมาย ส่วนใหญ่เป็ นภาพทีไม่ค่อยมีความสําคญั และไม่เกียวข้องกับคติความเชือทางศาสนา เหมือนกบั ภาพเทวดา เทพดาธิดาหรือรูปเคารพอนื ๆ หากแตภ่ าพสลกั นนู ตาํ ถกู นํามาใช้ประกอบในการจัด องคป์ ระกอบของภาพให้เกิดความสมจริงกบั เหตกุ ารณ์นนั ๆ และก่อให้เกิดความสวยงามยิงขนึ ความหมาย ภาพแกะสลกั เรืองรามายณะ กล่าวถึงรามาวตาร อวตารลงมาเป็ นราม จนั ทร์ คือเป็นพระรามในมหากาพย์รามายณะ เพือปราบท้าวราพณ์หรือทศกณั ฐ์ เป็ นสิงสะท้อนให้เห็นถึง บทบาทหน้าทีของผ้สู ร้างปราสาทหินพิมาย ทีมีแนวความคิดสร้างปราสาทหินพิมายเพือทีจะสร้างศาสน สถานแหง่ นีเพือทีจะช่วยเหลือมนษุ ย์ให้หลดุ พ้นจากสงั สารวฎั ปราสาทหินพิมายยงั มีความหมายในเชิงสญั ลกั ษณ์ ซงึ เป็นปราสาททีราชวงศม์ หิธรปรุ ะใช้ เป็นทงั เครืองหมายการเป็นอิสระจากศนู ย์กลางและใช้เป็ นอบุ ายทีนําราษฏรไปสปู่ ัญญา เพือให้เกิดพุทธ ภาวะหรือการหลดุ พ้นจากสงั สารวฎั ในการเลือกทําเลทีตงั ของปราสาทสะท้อนให้เห็นจักรวาลในพุทธ ศาสนา ทีเหมาะแกก่ ารเนรมิตจักวาลขึนบนโลกมนษุ ย์ สิงเหล่านีล้วนเป็ นเครืองยําให้เห็นถึงจดุ ประสงค์ ของการสร้างปราสาทหินพิมายเพือเป็ นสญั ลกั ษณ์ของจกั รวาล ใช้แนวคิดทางศาสนาและคติความเชือ สร้างสญั ลกั ษณ์ นําเอาเรืองรามยณะ ทีกลา่ วถึงพระราม ทีเป็ นวีรบรุ ุษ ซึงเป็ นสิงแทนตวั พระมหากษัตริย์ ผ้สู ร้างปราสาท
10 เอกสารอ้างองิ ในประเทศ พิริยะ ไกรฤกษ์(2544).ข้อคิดเหน็ เกยี วกบั แบบศลิ ปในประเทศไทย คดั เลอื กจากพพิ ิธภณั ฑสถาน แ ห่ ง ช า ติ สาขาส่วนภูมิภาค.กรุงเทพ : อมั รินทร์การพมิ พ์,2520. ลกั ษณ์ บญุ เรือง. (2547).ศกึ ษาท่ารําและนาฏลักษณ์ทีปรากฎในประติมากรรม ณ ปราสาทหิน พิมาย .วิทยานิพนธ์หลกั สตู รปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัย ศลิ ปากร. ศศิธร จนั ทร์ใบ.(2545).การศกึ ษาคติการออกแบบปราสาทหินพิมาย อําเภอพิมาย จงั หวัด น ค ร ร า ช สี ม า . วทิ ยานิพนธ์หลกั สตู รปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชา ประวัติศาสตร์ สถาปั ตยกรรม มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. อนวุ ิทย์ เจริญศภุ กลุ .(2541). ปราสาทเมืองตาํ การศกึ ษาทางประวัตศิ าสตร์สถาปัตยกรรม. กรุงเทพมหานคร : คณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ต่างประเทศ Uraisi Varasarin.(2529). “The Ramayana Story from Phnom Rung and Phimai Temples,Thailand”, หนังสือระลกึ การประชุมรามายณะนานาชาติ ครังที 2, 33-42.ลลั แลนปราสาด วียาส และคณะ,บรรณาธิการ,กรุงเทพมหานคร : ไทย-พระราชคลั เจอราลลอด,2529. Cluade Jacques(1997).Angkor : Cities and Temple, Bangkok : Asia Books,1997. ประวตั ิผ้เู ขยี น นายกฤษฎ์เตชินห์ เสกฐานโชตจิ ินดา การศกึ ษา พ.ศ. 2551 ศกึ ษาศาสตรบณั ฑิต วชิ าเอกนาฏศลิ ป์ ไทย (โขนพระ) วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปลพบรุ ี สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศลิ ป์ กระทรวงวฒั นธรรม พ.ศ. 2560 ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขา ศิลปะการแสดง แขนงวชิ า นาฏศิลป์ ไทย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา พ.ศ. 2561 ปริญญาปรชั ญาดุษฎีบณั ฑติ (ปร.ด.) สาขาวชิ า วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม และการออกแบบ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ตาํ แหน่งงานปัจจบุ ัน พ.ศ. 2561 หวั หน้าภาควชิ า นาฏศลิ ป์ วทิ ยาลยั นาฏศิลปนครราชสมี า
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: