รูปจำหลักทมี่ ีชีวิต ส่กู ารแสดงระบำสุโขทัย โดย นายธนวฒั น์ มศี รี นกั ศกึ ษาชนั้ ปีท่ี 1 รนุ่ 11 สาขาวฒั นธรรม ศลิ ปกรรม และการออกแบบ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ระบำสุโขทัย เป็นระบำชดุ ท่ี ๕ นบั เป็น สมยั ตำ่ ง ๆ โดยอำศยั ภำพปั้นหลอ่ ยคุ สมยั ท่ีชนชำตไิ ทย เร่มิ สรำ้ งสรรคศ์ ลิ ปะดำ้ น จำหลกั ตำมแตล่ ะยคุ สมยั แลว้ เปรียบเทียบกบั นำฏศลิ ป์ และดนตรีในเป็นสมบตั ปิ ระจำชำติ ภำพและเอกสำร โดยอำศยั หลกั ฐำนอำ้ งอิงท่ีกลำ่ วไวใ้ นเอกสำร และหลกั ศลิ ำจำรกึ ประกอบศลิ ปกรรมอ่ืน ๆ กำร ทำงศลิ ปกรรมและโบรำณดีจำกประเทศ แตง่ ทำนอง กระบวนทำ่ รำ และเคร่อื งแตง่ กำย ใกลเ้ คียง แลว้ วำงแนวสรำ้ งระบำประจำสมยั ของ ประดษิ ฐ์ขนึ้ ใหม้ ีลกั ษณะท่ีออ่ นชอ้ ยงดงำม ตำม ศลิ ปโบรำณวตั ถแุ ตล่ ะชดุ ขนึ้ เรยี กรวมเป็นท่ี แบบอยำ่ งของศลิ ปะสมยั สโุ ขทยั หมำยรูว้ ำ่ ระบำชดุ โบรำณคดี ระบำชดุ สโุ ขทยั จดั แสดงครงั้ แรกเม่ือวนั ท่ี (ธนิต อยโู่ พธิ์, 2510) ๒๕ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๑๐ และภำยหลงั ไดน้ ำ ออกแสดง ในโรงละครแหง่ ชำติ และท่ีอ่ืนๆ เพ่ือใหป้ ระชำชนชม ระบำโบรำณคดี ถือกำเนิดมำจำก สุนทรียภำพด้ำนกระบวนทำ่ รำ แนวคิดของอดีตอธิบดีกรมศิลปำกร นำยธนิต อยโู่ พธิ์ ท่ีมีควำมประสงคจ์ ะเผยแพรค่ วำมรู้ ระบำโบรำณคดีมีกระบวนท่ำรำท่ีไดม้ ำ ทำงดำ้ นศลิ ปะโบรำณวตั ถทุ ่ีพบบนผืนแผน่ ดนิ จำกภำพจำหลกั ปนู ปั้นทำงศิลปกรรมโบรำณมำ ไทยใหส้ ำมำรถเคล่ือนไหวไดใ้ นรูปแบบของระบำ เป็นตน้ แบบในกำรประดษิ ฐ์ทำ่ รำ ภำพจำหลกั ซง่ึ จะชว่ ยจงู ใจใหผ้ ชู้ มปรำรถนำท่ีจะเดนิ ทำงไป ปนู ปั้นในแตล่ ะยคุ สมยั ลว้ นแลว้ มีท่ีมำจำกฝีมือ ศกึ ษำหำควำมรูต้ ำมแหลง่ โบรำณวตั ถตุ ำ่ ง ๆ ชำ่ งสกลุ ตำ่ ง ๆ ท่ีป่ันแตง่ ใหม้ ีทำ่ ทำงท่ีจดั วำง ยงั สถำนท่ีจรงิ ใหแ้ พรห่ ลำยออกไป ทำ่ นจงึ ได้ อยำ่ งมีมิติ มีควำมกลมกลืน แลว้ ผสมผสำนกบั คน้ ควำ้ ศลิ ปะโบรำณวตั ถุ ทำ่ เช่ือมและทำ่ ตำมจนิ ตนำกำรของผอู้ อกแบบท่ รำจนครบกระบวนทำ่ โดยท่ำตน้ แบบจำกรูป จำหลกั สว่ นใหญ่มีควำมกลมกลืนดว้ ยลำยเสน้
(Line harmony) และกลมกลืนดว้ ยรูปรำ่ ง ระบำลพบรุ ี ผรู้ ำสำมำรถปฏิบตั ทิ ำ่ รำไดด้ ว้ ยกำร (Shape form harmony) ซง่ึ ผรู้ ำสำมำรถเสียน หำจดุ สมดลุ ของกำรยกขำ มีกำรย่อเขำ่ เล็กนอ้ ย แบบทท่ ำงท่ีแสดงลำยเสน้ และเนน้ ใหเ้ ห็นสรีระ เพ่ือใหท้ รงตวั ไดอ้ ยำ่ งสง่ำงำม รูปรำ่ งท่ีงดงำมไดใ้ นดำ้ นของภำวะแนบนยั หรือคงเสน้ คงวำ (ควำมประสำนกลมกลืน ควำม เม่ือวิเครำะหด์ ำ้ นพลงั ตงึ ดดู (จดุ ท่ีสรำ้ ง สอดคลอ้ งและสมดลุ ขององคป์ ระกอบ) เม่ือ ควำมสนใจและมีเอกลกั ษณเ์ ฉพำะ) พบวำ่ ทำ่ รำ วเิ ครำะหท์ ่ำรำของระบำโบรำณคดี พบว่ำ มี ในระบำโบรำณคดีมีควำมแปลกตำจำกทำ่ รำใน โครงสรำ้ งทำ่ รำท่ีเน่นั ภำพตน้ แบบ ผแู้ สดงปฏิบตั ิ นำฎยศลิ ป์ ไทยท่วั ไป เน่ืองจำกเป็นท่ำทำงท่ีมำ เป็นกลมุ่ โดยพรอ้ มเพรียงกนั มีควำมสอดคลอ้ ง จำกศลิ บโบรำณวตั ถุ จงึ สรำ้ งพลงั ตงึ ดดู ใหผ้ ชู้ มท่ี กนั ทงั้ ในคแู่ ละหมรู่ ำบำงชดุ กำรแสดงท่ีมีตวั เอก ชมทำ่ ทำงเหลำ่ นนั้ รูส้ กึ เสมือนกบั กำลงั ชม และตวั รองจะมีควำมสอดคลอ้ งกนั ดว้ ย อำทิ ใน ระบำลพบรุ ี ตวั เอกทำทำ่ เชิญโดยหงำยมือเรียก \"รูปจำหลักทม่ี ชี ีวิต\" และดว้ ยกำรเรียง ใหต้ วั รองลกุ ขนึ้ เป็นคู่ หรือในระบำสโุ ขทยั ท่ีตวั รอ้ ยทำ่ กำรเช่ือมทำ่ ท่ีมีควำมสอดคลอ้ งกนั ทำให้ เอกรำ่ ยรำในทำ่ ชะนี (กำจร สนุ พงษศ์ รี. 2555) เกิดควำมงำมตอ่ เน่ืองและเม่ือรำ่ ยรำในจงั หวะ ดนตรีท่ีสรำ้ งบรรยำกำศแบบยคุ โบรำณ จงึ สะกด รำ่ ยไมอ้ ยใู่ นวงลอ้ มของตวั รองท่ีปฏิบตั ิ ใหผ้ ชู้ มเกิดควำมรูส้ กึ รว่ มไปเสมือนอยใู่ นยคุ สมยั ทำ่ เดยี วกนั แสดงใหเ้ หน็ ถึงควำมสอดคลอ้ ง นนั้ ๆ ตลอดชว่ งเวลำท่ีชมกำรแสดงในดำ้ นกำร ตอ้ งกนั ตำมหลกั ทศั นศลิ ป์ ในดำ้ นของดลุ ยภำพ เนน้ ทำ่ รำในระบำโบรำณคดีอยภู่ ำยใตแ้ บบแผน ทำ่ รำในระบำโบรำณคดีสว่ นใหญ่มีกำรสรำ้ งทำ่ ของกำรแสดงระบำ จงึ มีกำรเนน้ ในรูปแบบกำร โดยคำนงึ กำรทรงตวั และควำมสมดลุ ของกำรจดั ทำซำ้ (Repetition) โดยสว่ นใหญ่จะทำท่ำซำ้ วำงองคป์ ระกอบของรำ่ งกำย ดงั ภำพตวั อยำ่ งรูป 6 - 12 จงั หวะ โดยใชจ้ งั หวะใหญ่ เพ่ือวำดสีลำ โยคินีหลอ่ สำรดิ ศลิ ปะสมยั ลพบรุ ใี น ทำ่ รำใหช้ ดั เจนในทำ่ สำคญั ซ่งึ นบั เป็นกำรให้ พพิ ิธภณั ฑสถำนแหง่ ชำติ พระนคร นำ้ หนกั เนน้ ยำ้ ทว่ งทำ่ ใหผ้ ชู้ มสำมำรถติดตำมได้ (กรมศลิ ปำกร. 2513) ทนั และเสพควำมงำมจำกกำรชมกระบนท่ำ ตำ่ ง ๆ ไดต้ ำมหลกั กำรของระบำ แสดงทว่ งทำ่ โดยใชก้ ำรยกแขนซำ้ ยสงู มือขวำจีบหงำยระดบั อก ในขณะท่ีสว่ นขำยืนงอ เขำ่ ดว้ ยเทำ้ ขวำเทำ้ ซำ้ ยยกแนบตน้ ขำขวำดำ้ นใน แสดงลำยเสน้ ท่ีใหค้ วำมสมดลุ ระหวำ่ งรำ่ งกำย ชว่ งบนและชว่ งลำ่ ง เม่ือนำมำใสเ่ ป็นทำ่ รำใน
นอกจำกนี้ ในดำ้ นสไตลห์ รือกระบวน ๒.ท่ำปำงลีลำ เป็นทำ่ ออก โดยมือซำ้ ยจีบแบบ แบบ เม่ือใชว้ ิเครำะหร์ ะบำโบรำณคดี พบวำ่ หงั สสั ยะหสั ต์ มือขวำแบสง่ ไปหลงั หงำยทอ้ งแขน ระบำโบรำณคดที งั้ 5 สมยั ตำ่ งสรำ้ งสไตลท์ ่ีแสดง ขนึ้ เอียงศีรษะดำ้ นซำ้ ย กำ้ วเทำ้ ขวำมำขำ้ งหนำ้ ลกั ษณะพิเศษของแตล่ ะยคุ ไดอ้ ยำ่ งชดั เจนไดแ้ ก่ เทำ้ ซำ้ ยเปิดสน้ เทำ้ ระบำทวำรวดีแสดงเอกลกั ษณข์ องชำวทวำรวดี (ชำวมอญ) ระบำศรวี ิชยั แสดงทว่ งทำ่ ลีลำตำม ๓.ท่ำดอกบัว คดิ จำกกำรเคำรพบชู ำกรำบ เอกลกั ษณข์ องชำวอำณำจกั รศรวี ชิ ยั (ชวำ ระบำ ไหว้ มือทำเป็นรูปดอกบวั อย่รู ะหวำ่ งอกเป็นดอก ลพบรุ ีแสดงกระบวนทำตำมแบบรูปจำหลกั สำท บวั ตมู ชมู ือขนึ้ แลว้ คอ่ ยๆบำนปลำยนิว้ ออกเป็น ขอม (เขมร) ระบำเชียงแสนเลียนแบบทำ่ ฟ้อน บวั บำน และกิรยิ ำท่ำทำงท่ีอ่อนชอ้ ยน่มิ นวลกั ษณะของ ชนพืน้ เมืองภำคเหนือ รวมทงั้ ระบำสโุ ขทยั ท่ีได้ ๔.ทำ่ พระนำรยณ์ แทนองคพ์ ระ อทิ ธิพลทำ่ รำจำกพระพทุ ธรูปปำงลีลำในสมยั นำรำยณ์ พระอิศวร ทำ่ จีบแบบหงั สสั ยะหสั ต์ ตงั้ สโุ ขทยั เป็นตน้ วงกลำงขำ้ งลำตวั กระดกเทำ้ ซำ้ ย นำฎยศัพทท์ ใี่ ช้ประกอบกำรรำ ๕.ทำ่ ยูงฟ้อนหำง คดิ จำกทำ่ นำฎศลิ ป์ แบ มือ แขนทงั้ สองตงึ สง่ หลงั หงำยทอ้ งแขนขนึ้ (วชิ ชุตา วธุ าทิตย.์ 2539) ๑.จบี หงั สัสยะหสั ต์ โดยกำรนำนวิ้ หวั แมม่ ือจรด ขอ้ สดุ ทำ้ ยของนิว้ ชี้ หกั ขอ้ นวิ้ ชีล้ งมำ นวิ้ ท่ีเหลือ กรดี ดงึ ออกไป
๖.ทำ่ บัวชูฝัก คิดจำกกำรขอพร อีกมือ ครูผสู้ รำ้ งสรรคใ์ นมีกำรแสดงควำมรูท้ ำงดำ้ น หน่งึ ไวข้ ำ้ งสะโพก มือจีบคว่ำแลว้ สอดมือขนึ้ เป็น นำฏศลิ ป์ ทำ่ สอดสงู เหนือศีรษะ สนุ ทรียภำพระบำสโุ ขทยั ของงำน ๗.ท่ำชะนีร่ำยไม้ คดิ จำกมนษุ ยโ์ ลกตอ้ งกำร นำฎยศลิ ป์ ไทยนนั้ นบั วำ่ ยงั มีอยเู่ ป็นจำนวนนอ้ ย ดำรงชีวิต หมนุ เวียนเปล่ียนไป โดยหมนุ เป็น และควรแสวงหำหลกั ปรชั ญำหรือทฤษฎีทำงดำ้ น วงกลมแทนกำรเวียน วำ่ ย ตำย เกิด มือขำ้ งหนง่ึ สนุ ทรยี ศำสตรแ์ ละทศั นศลิ ป์ เขำ้ มำเป็นเคร่อื งมือ ตงั้ วงสงู มืออีกขำ้ งหน่งึ หงำยทอ้ งแขน ลำแขนตงึ ในกำรวิเครำะห์ เพ่ือใหไ้ ดม้ ำซง่ึ สนุ ทรยี ภำพท่ี แบมือและชีป้ ลำยนิว้ ลง มองมือสงู ตงั้ อยบู่ นพืน้ ฐำนของหลกั กำรคดิ ท่ีเป็นระบบ มี ควำมเป็นจรงิ สำมำรถพิสจู นไ์ ด้ เพ่ือเป็นกำร บทสรุป ขยำยองคค์ วำมรูท้ ำงดำ้ นนำฎยศลิ ป์ ใหม้ ี มำตรฐำนและอยรู่ ว่ มกบั สหศำสตรต์ ำ่ ง ๆ ระบำสโุ ขทยั เป็นชดุ ระบำท่ีสำคญั ย่งิ ท่ี แพรห่ ลำยมำกวำ่ 50 ปี อนั มีท่ีมำจำก กำร ร่องรอยปูนปั้น รูปปั้นหลอ่ ผสมผสำนศลิ ปะโบรำณวตั ถใุ หส้ ำมำรถส่ือสำร เร่อื งรำว บรรยำกำศ และเอกลกั ษณข์ อง อำณำจกั รตำ่ ง ๆ ในยคุ โบรำณผำ่ นทว่ งทีลีลำ ทำงดำ้ นนำฎยศลิ ปั จดั วำ่ เป็นกำรบรู ณำกำร ศำสตร์ และศลิ ป์ ทำงดำ้ นทศั นศลิ ป์ ดรุ ยิ ำงคศลิ ป์ และนำฎยศลิ ป์ เขำ้ ดว้ ยกนั อยำ่ งลงตวั กำรศกึ ษำวิเครำะหใ์ นเร่ืองท่ำรำท่ีแสดง ในชดุ ระบำสโุ ขทยั ท่ีมีทำ่ รำปรำกฏขนึ้ มีอยู่ 7 ทำ่ แตจ่ ำกลงพืน้ ท่ีเก็บขอ้ มลู เบอื้ งตน้ พบว่ำ มี ทำ่ ทำงท่ีเหมือนรูปปั้นหลอ่ จำหลกั และรอ่ งรอย ปนู ปั้น อยู่ 1 ทำ่ และกำรใชล้ กั ษณข์ องมือท่ีมี เอกลกั ษณแ์ ละมองเห็นไดช้ ดั เจนคือทำ่ พระปำง ลีลำในรอ่ งรอยปนู ปั้น และลกั ษณก์ ำรใชม้ ือท่ีจะ เรยี กวำ่ จีบหงั สสั ยะหสั ต์ จำกหลกั ฐำนท่ีพบเหน็ อำจสรุปไดว้ ำ่ ระบำสโุ ขทยั ไดแ้ นวคิดทำ่ รำมำจำก
เอกสำรอำ้ งอิง กรมศลิ ปำกร. (2513). สมดุ ภำพแสดงเครอ่ื งแตง่ กำย ตำมสมยั ประวตั ศิ ำสตรแ์ ละโบรำณคด.ี (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3). พระนคร: หำ้ งหนุ้ สว่ นจำกดั ควิ พร. กำจร สนุ พงษศ์ ร.ี (2555).สนุ ทรยี ศำสตร:์ หลกั ปรชั ญำศลิ ปะ ทฤษฎีทศั นศลิ ปั ศลิ ปวจิ ำรณ.์ กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พแ์ หง่ จฬุ ำลงกรณม์ หำวิทยำลยั . ธนิตอยโู่ พธิ์. (2510). ระบำชดุ โบรำณคด.ี พระนคร: หำ้ งหนุ้ สว่ นจำกดั ศวิ พร. วชิ ชตุ ำ วธุ ำทิตย.์ (2539). ระบำโบรำณคดชี ดุ ทวำรวดี ศรวี ิชยั ลพบรุ ี และเชยี งแสน ผลงำน ประดิษฐท์ ำ่ รำโดย อำจำรย์ เฉลย สขุ ะวณิช. (รำยงำนวจิ ยั ) กรุงเทพฯ: บณั ฑิต วทิ ยำลยั จฬุ ำลงกรณม์ หำวิทยำลยั .
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: