บทความวิชาการ นายรัตนบตุ ร เหมะ 637220002-7 เร่ือง การเปลยี่ นแปลงทางวัฒนธรรมเรอื แข่งจังหวัดนา่ น แมน่ า้ นา่ นเป็นแม่น้าสายหลักของชาวจังหวัดน่าน ที่ต้นน้าเกิดจากเทือกเขาหลวงพระบาง อยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือของอ้าเภอปัว จังหวัดน่าน ล้าน้าไหลผ่านอ้าเภอบ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งช้าง เชียง กลาง ปัว ท่าวังผา เมือง เวียงสา นาน้อยและไหลผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร ไปบรรจบกับแม่น้า เจ้าพระยาท่ีปากน้าโพ จังหวัดนครสวรรค์ นับเป็นแม่น้า 1 ใน 4 สาย ที่ส้าคัญของภาคเหนือ คือ ปิง วัง ยม น่านเรือจึงเป็นพาหนะที่ชาวน่านและเจ้าผู้ครองนครในอดีตใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปมาหาสู่กัน และ เชื่อมความสมั พันธไมตรีกับหวั เมอื งต่างๆ เรือจังหวัดน่านเริ่มปรากฏหลักฐานในประวัติศาสตร์เมืองน่าน เม่ือ พ.ศ. 1902 พระยาการเมือง เจ้า เมือง วรนคร (เมืองปัว) ได้ใช้เรืออพยพขนย้ายผู้คนล่องมาตามล้าน้าน่าน เพื่อสร้างเมืองใหม่ที่เมืองภูเพียงแช่ แห้ง (บรเิ วณวัดพระธาตุแช่แหง้ อ้าเภอภูเพียง ในปัจจุบัน) ส่วนประวัติการแข่งเรือในครังแรกจะเกิดขึนเม่ือใด ไม่พบวา่ มหี ลักฐานระบไุ ว้ แตเ่ ชอื่ กันว่า เพราะชาวเมืองน่านมีความผูกพันกับพญานาค โดยเชื่อว่าพญานาคจะ ปกป้องคุ้มครองสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ทิ เ่ี คารพสกั การะ สงั เกตได้จากวดั วาอารามที่อยู่ในบริเวณจังหวัดน่านที่มีอัตลักษณ์ ลักษณะ ความสวยงาม ตกแต่ง พญานาคให้มีความส้าคัญกับชาวเมืองน่านจากนัน จึงมีการขุดเรือยาวและ ตกแต่งลา้ เรอื ให้มีลักษณะคลา้ ยกบั พญานาค ซึง่ ร่องรอยจากซากเรือแข่งท่ีช้ารุด มีอายุร่วมกว่า 200 ปี และยัง มีสภาพดสี ามารถน้าลงแข่งขันได้ เชน่ เรอื เสือเฒ่าทา่ ลอ้ บ้านท่าล้อ อ้าเภอภูเพียง ขุดเมื่อปี 2359 เรือเสือเฒ่า บุญเรือง บา้ นบุญเรือง อ้าเภอเวียงสา ขดุ เมอ่ื ปี 2380 และ เรอื คา้ แดงเทวี (นางดงู่ าม) บ้านนาเตา อ้าเภอท่าวัง ผา ขุดเม่ือปี 2390 กลายเป็นหลักฐานส้าคญั ทแี่ สดงให้เห็นวา่ เรือแข่งจังหวัดน่านมีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ที่ยาวนาน พร้อมๆ กับการก่อตังเมืองน่านในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ราวๆ ปี 1825 (คณะกรรมการฝ่าย ประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอ้านวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยูห่ ัวฯ, 2544) มีเร่ืองเล่าต้านานสืบทอดกันมาเกี่ยวกับการสร้างเรือแข่งต้นแบบของเมืองน่าน คือ เรือท้ายหล้า เรือ ตาตอง หมายถึง เรือท่ีท้ายเรือท่ียังท้าไม่เสร็จ ตาตอง หมายถึง เรือที่มีตาท้าด้วยทองเหลือง หรืออีก
ความหมายหนึ่ง คือมีตาของไม้ท่ีน้ามาขุดเรือเป็นสีทองเหลือง จากเอกสารอ้างอิงประวัติศาสตร์ท่ีได้กล่าวถึง “นครน่าน” ผู้ครองนครน่านเป็นราชวงศ์สุดท้าย ไม่เป็นที่ปรากฏแน่ชัดว่าเจ้าผู้ครองนครน่านพระองค์ใดที่มี รับสั่งให้บรรดาเสนาอามาตย์ทหารข้าราชบริพารไปตัดต้นตะเคียนทองที่ป่าขุนสมุน (ป่าต้นน้าที่อยู่ห่างจาก อา้ เภอเมืองน่านในปัจจบุ นั ไปทางทศิ ตะวันตกเฉียงเหนอื ประมาณ 30 กม.) ซึ่งเป็นต้นไม้ตะเคียนท่ีมีขนาดใหญ่ มาก แล้วให้ทหารลากออกมาที่ริมแม่น่านรอยลากท้าให้เกิดแม่น้าสมุน (แม่น้าสาขาของแม่น้า) และให้น้าไม้ ตะเคยี นมาขดุ ตกแต่งเป็นเรอื แขง่ เมืองน่าน 2 ล้าตงั ชอ่ื วา่ “เรือทา้ ยหล้า เรือตาตอง” จากการสัมภาษณ์ช่างท้า เรือ (ณรงค์ สมศกั ดิ์ : สมั ภาษณ์ , 21 พฤศจกิ ายน 2563 ) เล่าว่าในต้านานเรือท้ายหล้ากับเรือตาตอง วันดีคืน ดีจะปรากฏตัวให้ผู้คนรู้เห็น บางทีวันโกนวันพระชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดแม่น้าน่าน ก็จะได้ยินเสียงฆ้อง กอง ปาน (พับพาง) ดังแว่วมาแต่ไกล ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าเป็นการออกเล่นของเรือท้ายหล้า เรือตาตอง ปรากฏตัว เพื่อขอเคร่อื งสังเวย เซ่นไหวจ้ ากชาวบา้ นจนเป็นทีเ่ ลือ่ งลอื ซง่ึ สรา้ งความเดือดร้อนใหแ้ ก่ชาวบา้ น การแข่งเรือในอดีตจะจัดการแข่งขันในงานประเพณี “ตานก๋วยสลาก” (ถวายทานสลากภัต) หมู่บ้าน ใด วัดใด จัดให้มีการตานก๋วยสลาก ก็ให้เชิญหมู่บ้านและวัดใกล้เคียงให้น้าเรือมาแข่งขันกัน เพื่อความ สนุกสนานสามัคคี การแข่งเรือประเพณีจังหวัดน่าน พบหลักฐานมาตังแต่ ปี 2460 เมื่อกรมสมเด็จเจ้าฟ้าพระ นครสวรรค์วรพินจิ ฯ เสดจ็ ตรวจราชการเมอื งน่าน เจ้าผูค้ รองนครนา่ น พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้านายฝ่าย เหนือ และข้าราชการประจ้าเมือง ได้จัดให้มีการแข่งขัดเรือประเพณีให้ทอดพระเนตร (ราเชนทร์ กาบค้า, มปป. อ้างถงึ ใน กวินธร เสถยี ร และพชั รนิ ทร์ สิรสุนทร, 2557) ปี 2467 พระยาวรวิชัย วุฒิกร (เลื่อน สนธิรัตน์) ปลัดมณฑลประจ้าจังหวัดน่าน ได้ริเริ่มให้มีการ ทอดกฐนิ สามคั คีขนึ อย่างเป็นทางการ นับเป็นครังแรกของจังหวัดน่าน ในงานนีได้จัดให้มีการแข่งเรือประเพณี เพ่อื เปน็ การเฉลิมฉลองกลายเปน็ ประเพณีสืบตอ่ กันมาทุกปีจนถึงปจั จบุ ัน ปี 2474 มีการลดฐานะเจ้าผคู้ รองนครทั่วประเทศ แต่การแข่งเรือระดับหมู่บ้านก็ยังด้าเนินอยู่เร่ือยมา จนถงึ ประมาณปี 2479 พระเกษตรสรรพกิจ (นุ่น วรรณโกมล) ข้าหลวงประจ้าจังหวัดน่าน ได้จัดให้มีกฎกติกา การแข่งขันเรือขึนเป็นครังแรก เป็นกติกาง่ายๆ เช่น มีจุดปล่อย และเส้นชัย ส่วนรางวัลก็มีธง (ช่อ) ปักหัวเรือ มอบใหเ้ รอื ท่ีไดร้ ับรางวลั ท่ี 1 เทา่ นัน ปี 2497 จังหวัดน่านเริ่มมีการแข่งเรือแบบประกบคู่จับสลากและแบ่งสายน้ามาจนถึงทุกวันนี พร้อม กบั ทังมกี ารปรบั ปรงุ วธิ กี ารแขง่ ขนั กฎ กติกา การแขง่ ขันสลับสายน้า การจัดแบ่งประเภทเรือซึ่งมีเรือใหญ่ เรือ กลาง และเรือเลก็ การก้าหนดจ้านวนฝีพายของเรอื แตล่ ะประเภท รวมทังมีการประกวดเรือสวยงามและมีถ้วย รางวัลโดยคณะศรทั ธาบ้านบุญยืนเปน็ เจา้ ภาพแข่งขันมาโดยตลอด
ปี 2503 หลวงอนุมัติราชกิจ (อ๋ัน อนุมัติราชกิจ) ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ขอพระราชทานผ้ากฐิน พระราชทาน (กฐินหลวง) น้าไปทอด ณ วัดช้างค้าวรวิหาร การแข่งเรือในประเพณีในปีนันจึงเป็นการแข่งขัน เรอื กฐนิ พระราชทาน ปี 2522 พท.นพ.อุดม เพชรศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ก้าหนดให้มีการแข่งขันเรือประเพณีนัดเปิด สนามในงานประเพณีตานก๋วยสลากของวัดพระธาตุช้างค้าวรวิหาร (ขึน 16 ค้่า 12 น่าน ) ประมาณเดือน กันยายน และใหม้ กี ารแขง่ เรอื ประเพณีนัดปดิ สนามในงานทอดกฐิน พระราชทาน ซ่ึงก้าหนดในวันเสาร์อาทิตย์ หลงั ออกพรรษาประมาณ 1-2 สปั ดาห์ (เดอื นตลุ าคม-พฤศจิกายน) ปี 2526 นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานถ้วยราง วาลประเภทเรือใหญ่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพ่ือพระราชทานให้กับเรือแข่งขันที่ชนะเลิศในปี 2526 เรือขุนน่าน บ้านศรีบุญเรือง อ้าเภอภูเพียง ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลเป็นปีแรก เป็นจุดเริ่มต้นของ การแข่งขนั เรือเพื่อการชงิ ถ้วยรางวัลพระราชทาน วัดบุญยืน เป็นวัดแรกที่จัดให้มีการแข่งเรือในวันออกพรรษามาเป็นเวลาช้านานตังแต่สมัยเจ้า ฟา้ อัตถวรปัญโญ จนวัดอ่นื ๆ ในจังหวัดน่านพร้อมใจกนั ให้วัดบุญยืนจดั ประเพณีตานก๋วยสลากและแข่งเรือออก พรรษาเป็นนัดปิดสนามตังแต่นันเป็นต้นมา ต่อมาจ้านวนเรือเพิ่มมากขึน งบประมาณในการด้าเนินการสูงขึน ทา้ ใหเ้ กดิ ปัญหาการด้าเนินการท่ีใช้เงินเป็นหลักแสน จึงมอบหมายให้เทศบาลต้าบล เวียงสา เป็นผู้จัด ตังแต่ปี 2543 ไดร้ บั การสนับสนุนจากอา้ เภอเวยี งสา องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น คณะสงฆ์ พ่อค้า ประชาชนและคณะ ศรัทธาบา้ นบญุ ยนื ร่วมมือกนั เพอ่ื อนรุ ักษ์ประเพณีของบรรพบรุ ษุ สบื ทอดไปถึงลูกหลานได้ช่วยกันรักษาและด้า อยู่ตลอดไป และคณะศรัทธาของวัดต่างๆในจังหวัดน่าน ได้พร้อมใจกันมาแต่โบราณกาลให้วัดบุญยืน (พระ อารามหลวง) จดั งานตานกว๋ ยสลากในวนั ออกพรรษาและแข่งเรอื เพยี งแหง่ เดยี วในจงั หวดั น่าน ซง่ึ ปจั จุบันได้น้าเรือแข่งมาจัดแสดงตามบริเวณวัดในเมืองน่าน เพื่อให้ผู้คนเมืองน่านได้ใช้เป็นรูปแบบ ในการขุดเรือเพื่อใช้ในการแข่งขันเรือให้เป็นประเพณีเพ่ือบ่มเพราะความรัก ความสามัคคีเสริมสร้างจิตใจให้ ม่นั คง รู้แพ้ ร้ชู นะ รอู้ ภัย ให้กบั ลูกหลานเมืองนา่ น จากการสัมภาษณ์เณรที่วัดพระธาตุช้างค้าวรวิหาร (อีธาน : สัมภาษณ์ , 19 พฤศจกิ ายน 2563) กลา่ ววา่ ปจั จุบนั มีการจดั การแข่งขนั เรอื ในชว่ งเดอื น กนั ยายน-ตุลาคม ของ ทุกปี โดยใช้ชื่อโครงการว่า “โครงการประเพณีแข่งเรือวันออก พรรษา ตานก๋วยสลาก วัดบุญยืน(พระอาราม หลวง) อ้าเภอเวยี งสา เพ่ือชงิ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ปรากฏการณ์ ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทฤษฎีนิเวศวิทยาวัฒนธรรม (Cultural Ecology) เป็นแนวคิดทางมานุษยวิทยา
แนวหน่ึงท่ีสนใจศึกษาการเปล่ียนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม โดยเน้นถึงอิทธิพลของส่ิงแวดล้อมว่าเป็น ตัวก้าหนดกระบวนการวิวัฒนาการทางสังคมวัฒนธรรม จูเลียน สจ๊วต (Julian Steward) นักมานุษยวิทยา อเมริกัน ได้อธิบายแนวความคิดแบบนิเวศวิทยาวัฒนธรรมว่า เป็นการศึกษากระบวนการปรับตัวของสังคม ภายใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการศึกษาวิวัฒนาการหรือการเปล่ียนแปลงอันเกิดจากการปรับตัว (Adaptation) ของสังคมแนวความคิดนีมองสังคมในลักษณะเป็นพลวัตหรือเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การ เปลี่ยนแปลงเป็นผลมาจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยมีพืนฐานส้าคัญคือ เทคโนโลยีการผลิต โครงสร้างสังคมและลักษณะของสภาพแวดล้อมธรรมชาติเป็นเง่ือนไขหลักก้าหนดกระบวนการเปล่ียนแปลง และปรับตวั ของสังคมวัฒนธรรม จากการเรียบเรียงข้อมูลของผู้เขียนสามารถวิเคราะห์และสรุปได้ว่าใ นจุดเริ่มต้นของการก้าเนิดเรื อ จังหวัดน่าน ราวปี 1902 พระยาการเมือง เจ้าเมือง วรนคร (เมืองปัว) ได้ใช้เรืออพยพขนย้ายผู้คนล่องมาตาม ลา้ น้าน่าน เพื่อสรา้ งเมอื งใหม่ทีเ่ มืองภเู พียงแช่แหง้ แต่ยังไม่พบหลักฐานเรือแข่งว่ามีประวัติอย่างไรในช่วงเวลา ดังกล่าว แต่พบร่องรอยจากซากเรือแข่งที่ช้ารุด มีอายุร่วมกว่า 200 ปี เรือเสือเฒ่าท่าล้อ บ้านท่าล้อ อ้าเภอภู เพยี ง ขดุ เมื่อปี 2359 ผูเ้ ขียนจึงสนั นษิ ฐานไดว้ ่าก้าเนิดเรอื แข่งเมืองน่าน เกิดเมื่อ ปี 2539 ราว 200 ปี การแข่ง เรอื ในอดตี จะจดั การแขง่ ขนั ในงานประเพณี “ตานก๋วยสลาก” (ถวายทานสลากภัต) ในปี 2460 การแข่งเรือจึง เริ่มต้นการจากการแข่งในงานบุญเพ่ือสร้างความสามัคคีในชุมชน ต่อมาได้ริเริ่มให้มีการทอดกฐินสามัคคีขึน อยา่ งเป็นทางการ นับเป็นครังแรกของจังหวัดน่าน ในปี 2467 จนถึงประมาณปี 2479 ข้าหลวงประจ้าจังหวัด น่าน ได้จัดให้มีกฎกติกาการแข่งขันเรือขึนเป็นครังแรก เป็นกติกาง่ายๆ เช่น มีจุดปล่อย และเส้นชัย ส่วน รางวัลกม็ ีธง (ช่อ) ปักหัวเรือ มอบให้เรือที่ได้รับรางวัลที่ 1 เท่านัน เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งเรือแบบมี กติกา มีจุดปล่อย มีเส้นชัย เพื่อการชิงรางวัล (ช่อ) ปักหัวเรือเหมือนเป็นเกียรติยศของฝีพาย ในช่วงปี 2503 ผู้ว่า ราชการจังหวัดนา่ น ได้ขอพระราชทานผ้ากฐินพระราชทาน (กฐินหลวง) น้าไปทอด ณ วัดช้างค้าวรวิหาร การ แข่งเรือในประเพณีในปีนันจึงเป็นการแข่งขันเรือเพ่ือกฐินพระราชทาน ต่อมาในปี 2526 ผู้ว่าราชการจังหวัด น่าน ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานถ้วยรางวาลประเภทเรือใหญ่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อ พระราชทานให้กับเรือแข่งขันท่ีชนะเลิศในปี 2526 เรือขุนน่าน บ้านศรีบุญเรือง อ้าเภอภูเพียง ได้รับ พระราชทานถ้วยรางวัลเป็นปีแรก เป็นจุดเร่ิมต้นของการแข่งขันเรือเพ่ือการชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจน ด้าเนินมาถึงปจั จบุ ัน การเปล่ียนแปลงวฒั นธรรมการแขง่ เรือผู้เขียนสันนิษฐานว่าเป็นการด้ารงอยู่ของประเพณี การแข่งเรือจังหวัดน่านเพื่อไม่ให้จางหายไปโดยการน้ากิจกรรมต่างๆให้มีความน่าสนใจมากขึนตามยุคสมัยท่ี เปล่ยี นไป เช่น การนา้ เรอื มาจ้าลองไว้ทว่ี ดั ใหว้ ดั กลายเป็นพพิ ธิ ภัณฑ์เรือไปในตัวด้วยอย่างเช่นท่ีปรากฏอยู่ท่ีวัด ศรีพันต้น และวัดอ่ืนๆอีก ซ่ึงจากการสัมภาษณ์ช่างท้าเรือ (ณรงค์ สมศักด์ิ : สัมภาษณ์ , 21 พฤศจิกายน
2563) ช่างท้าเรือกล่าวว่าการท่ีน้าเรือมาจัดแสดงท่ีบริเวณวัดเป็นเรือท่ีได้รับรางวัลพระราชทาน และเป็น ต้นแบบเรือให้กับคนรุ่นหลังได้ศึกษารูปแบบลักษณะต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือแข่งจังหวัดน่าน อีกทังยัง กล่าวว่าการน้าเรือมาแสดงท่ีวัดเพ่ือเป็นการเตือนใจให้คนเมืองน่านค้านึงถึงการสามัคคีเปรียบเสมือนการ ร่วมมือของฝีพาย อีกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของการแข่งเรือเมืองน่านคือการจัดประเพณีการแข่งเรือท่ี ปราศจากแอลกอฮอล์ เหมือนกับการน่ังกินบนขันโตกบริเวณลานหน้าวัดภูมินทร์เป็นการสร้างสัญลักษณ์อีก อย่างหนึง่ ของเมอื งนา่ นทโี่ ดดเด่นและรบั รไู้ ดถ้ งึ ความสามคั คขี องคนเมืองน่าน บรรณานุกรม กวินธร เสถยี ร และ พชั รินทร์ สริ สนุ ทร. (2557). รายงานวิจยั เรือ่ ง โครงการพฒั นานวัตกรรมทางสังคมเพื่อ สง่ เสริมสขุ ภาพเชงิ สรา้ งสรรค์ใประเพณกี ารแข่งเรือ อ้าเภอเวยี งสา จงั หวดั น่าน. สนับสนนุ โดยงบประมาณ แผน่ ดนิ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. ประวัติมหาดไทยสว่ นภูมิ. (2530) ภาคจงั หวดั นา่ น. อา่ งทอง : วรศลิ ป์ การพิมพ์ ปวีณา ผาแสง และคณะ (มปป.) เรือเอกลกั ษณ์นา่ นจ้าลอง. ส้านักงานบริหารและพฒั นาองค์ความรู้ : กรงเทพ ราเชนทร์ กาบค้า และคณะ (มปป.) ตา้ นานเรอื แข่งเมอื งน่าน : องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นา่ น วรานิษฐ์ ลา้ ไย . (2560). รูปแบบการแข่งเรอื ปลอดเหล้าในจังหวดั นา่ น. ได้รบั ทนุ สนับสนุนจากศนู ยว์ ิจยั ปญั หา สุรา (ศวส). สัมภาษณ์ อธี าน : สมั ภาษณ์ , 19 พฤศจิกายน 2563 ณรงค์ สมศักด์ิ : สัมภาษณ์ , 21 พฤศจิกายน 2563
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: