อัตลักษณ์ฮังผ้งึ ของสิมอีสน เพอื่ กนรออกแบบเคร่ืองประดับร่วมสมยั By SUTIDA DONGSANSUK
อัตลักษณ์ “ฮังผ้งึ ” ของสิมอีสน FIRSTUP CONSULTANTS 2
ความหมาย “ฮังผง้ึ ” คำวำ่ “ฮังผึ้ง” เปน็ ช่อื เรียกในวัฒนธรรมลำวชำวอีสำน ซ่ึงตรงกับคำทำงภำคกลำงที่เรียกว่ำ “รวงผึ้ง” และทำงภำคเหนือ FIRSTUP เรยี ก “โกง่ คิ้ว” ซึ่งใชเ่ รียกได้หมดไม่กำหนดจะเปน็ เฉพำะอำคำร หำกมีลักษณะคลำ้ ยๆ กัน ก็เรยี ก โกง่ ค้วิ ท้ังสิ้น CONSULTANTS 3 ฮังผ้ึง หรือ รวงผึ้ง คือ แผงกันแดดฝนท่ีใช้ตกแต่งบริเวณโถงด้ำนหน้ำและด้ำนหลังที่อยู่ใต้สีหน้ำหรือหน้ำบันมีท้ังแบบท่ี เป็นไมแ้ ละเปน็ คอนกรตี เสริมเหล็ก โดยแบ่งเปน็ 2 ลักษณะ ดงั น้ี 1.ฮังผ้งึ เอก (อย่ใู ตส้ ว่ นหนำ้ จัว่ ใหญ่ถำ้ เปน็ อำคำรขนำดเล็กและเตย้ี นยิ มแบ่งเป็น 3จังหวะตำมชว่ งเสำ) 2.ฮงั ผึ้งโท (อยใู่ ตส้ ่วนหน้ำอดุ ปกี นก) ฮงั ผ้ึง หรอื รวงผ้งึ เป็นสว่ นประกอบอีกสว่ นหนงึ่ ของสถำปัตยกรรมพ้ืนถ่ินที่แสดงควำมงดงำมทำงด้ำนศิลปกรรมของงำน ช่ำงฝมี อื อสี ำน เป็นสว่ นประดบั ทอี่ ยู่ด้ำนหนำ้ หรอื มุขหนำ้ ตดิ อยูร่ ะหวำ่ งเสำซง่ึ มักจะทำเปน็ 3 ตอน ตอนกลำงกว้ำง ด้ำนข้ำง ทัง้ สองแคบกว่ำ มีกำรแกะสลกั ลวดลำยบนเนอ้ื ไม้ บำงแห่งมีกำรประดับแผ่นแก้วหรอื กระจกอย่ำงสวยงำม ช่ำงจะทำให้ควำม สงู พน้ ศรี ษะของผทู้ ่ีจะเดินผำ่ นเขำ้ ไปไมม่ ำกนกั เน่ืองจำกกำรเดินผ่ำนเข้ำนนั้ ผู้ทเ่ี ดินผ่ำนต้องมีควำมสำรวมทั้งกำยและใจ เพ่ือ เป็นกำรเครำรพตอ่ พระพทุ ธภำยในสิมแห่งนนั้ • ฮงั ผึ้ง สำมำรถแยกออกเปน็ 2 ชนดิ คือ • 1.ฮังผ้งึ ชนดิ 1 ช่วงเสำ • 2.ฮังผง้ึ ชนดิ 3 ชว่ งเสำ
ความหมาย “ฮงั ผ้ึง” นักวิชาการได้ใหค้ วามหมายเก่ยี วกบั เร่อื ง “ฮงั ผงึ้ ” ไว้ดงั นี้ รศ.วิโรฒ ศรีสุโร(สิมอีสาน.2536) ฮังผ้ึง หรือ “รวงผ้ึง” ของทำงภำคกลำง หรือ “โก่งคิ้ว” ของทำง ภำคเหนือ มลี กั ษณะเด่นมำกของงำนตกแต่งด้ำนหน้ำของ “สิมอีสำน” ซึ่งมักจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ช่วง เสำ 4 ตน้ ชว่ งเสำกลำงเปน็ หนำ้ บนั ของจว่ั ใหญ่ ตรงกบั บนั ไดทำงข้ึน ฮังผ้ึงจะอยู่สูงกว่ำปกติ ส่วนในเสำช่วงอีก 2 ข้ำงนั้นเป็นบันปีกนกจะมีฮังผ้ึงต่ำลงมำ มีกำรแกะสลักลวดลำยวิจิตรประณีต ทำให้สิมอีสำนดูอลังกำรข้ึน มำกเปน็ พิเศษ บำงหลงั ดำ้ นหน้ำมเี พิ่งชว่ งเสำเดียว ตัวฮังผ้งึ จะยำวตลอดและยังคงทำเลียนแบบคลำ้ ยอย่ำงแรก เช่นกนั ดร.ติ๊ก แสนบุญ(ศิลปวัฒนธรรม.2553) ฮวงเผิ้ง ฮังผึ้ง โก่งค้ิว เป็นชื่อเรียกทำงภำษำช่ำงตำมสมมุติ อยำ่ งหนึง่ ท่ีใชเ้ รยี กองค์ประกอบส่วนประดับตกแต่งทำงสถำปัตยกรรมและงำนนฤมิตศิลป์ท่ีสำคัญ อันมีคุณค่ำ ดำ้ นประโยชน์ใช้สอยควำมงำมทำงสุนทรยี ะ และสัญญะควำมหมำยทำงสงั คมวัฒนธรรมควำมเช่อื โดยเฉพำะท่ี ปรำกฏอยู่ในงำนช่ำงพุทธศิลป์ประเภทต่ำงๆ มีท้ังประเภทงำนไม้และงำนปูน ถือเป็นฉันทลักษณ์อันสำคัญที่ แสดงถึงลกั ษณะรว่ มอยำ่ งหนง่ึ ในเชงิ ชำ่ งของกลุ่มชนที่อยใู่ นวฒั นธรรมไทยลำวตำมแถบลุ่มแม่น้ำโข่ง ไม่ว่ำเป็น ลำวล้ำนช้ำง ลำวล้ำนนำ หรือว่ำ ลำวอีสำน โดย คำว่ำ ฮังผึ้ง เป็นช่ือเรียกในบริบทวัฒนธรรมธรรมลำวชำว อีสำน ท่ีอ้ำงองิ เทียบเคยี งมำจำกลักษณะทำงกำยภำพของ รังผึ้งทม่ี ีอยตู่ ำมธรรมชำติ FIRSTUP CONSULTANTS 4
ความสาคญั ของฮังผงึ้ บนสิมอสี าน ฮังผึ้งบนสมิ อสี าน • ฮงั ผ้งึ หรือ รวงผ้งึ น้นั คือ แผงกนั แดดฝนท่ีใชต้ กแตง่ บริเวณโถงดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ที่อยใู่ ตส้ ี หนา้ หรือหนา้ บนั มีท้งั แบบที่เป็นไมแ้ ละเป็นคอนกรีตเสริมเหลก็ โดยแบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี • 1.ฮงั ผ้งึ เอก (อยใู่ ตส้ ่วนหนา้ จว่ั ใหญ่ถา้ เป็นอาคารขนาดเลก็ และเต้ียนิยมแบ่งเป็น 2 จงั หวะ ตามช่วงเสา ) • 2.ฮงั ผ้งึ โท (อยใู่ ตส้ ่วนหนา้ อุดปี กนก) • คาวา่ “ฮงั ผ้งึ ”เป็นชื่อเรียกในวฒั นธรรมลาวชาวอีสาน ซ่ึงตรงกบั คาทางภาคกลางท่ีเรียกวา่ “รวงผ้งึ ” และทางภาคเหนือเรียก “โก่งคิว้ ” ซ่ึงใช่เรียกไดห้ มดไม่กาหนดจะเป็นเฉพาะอาคาร หากมี ลกั ษณะคลา้ ยๆ กนั กเ็ รียก โก่งคิว้ ท้งั สิ้น • ดา้ นประโยชนใ์ นการใชส้ อย ช่วยรับน้าหนกั ในเชิงโครงสร้างอาคารบริเวณสีหนา้ หรือหนา้ บนั และช่วยยดึ ปลายหวั เสาในส่วนโครงสร้างของหลงั คาลกั ษณะก่ึงคานหรือกาแพงผนงั รับน้าหนกั ตาม หลกั การถ่ายแรง ท่ีสะทอ้ นผา่ นรูปทรงสณั ฐานอีกท้งั ช่วยป้องกนั แดดฝนไม่ใหแ้ สดเขา้ สู่พ้ืนที่ภายใน อาคาร โดยมีลกั ษณะก่ึงเป็นก่ึงปิ ดของพ้นื ที่ บริเวณโถงทางข้ึนลงโดยเฉพาะอาคารที่มีรูปทรงหลงั มุข โถงจวั่ เปิ ดซ่ึงพบมากตามสิมและวหิ ารเป็นหลกั โดยจะพบการทาฮงั ผ้งึ เป็นส่วนใหญ่ยง่ิ อาคารที่มีการ ทาเคร่ืองมุงดว้ ยไม้ ส่วนสีหนา้ และฮงั ผ้งึ เป็นส่วนท่ีเก่ียวเน่ืองสมั พนั ธ์กนั อยา่ งแยกไม่ออกท้งั ในแง่ สจั จะโครงสร้างและความงาม FIRSTUP CONSULTANTS 5
ดา้ นประโยชน์ในการใชส้ อย • ด้านประโยชน์ในการใช้สอย ชว่ ยรบั นำ้ หนักในเชงิ โครงสร้ำงอำคำรบริเวณสี หน้ำหรือหน้ำบันและช่วยยึดปลำยหัวเสำใน ส่วนโครงสร้ำงของหลังคำลักษณะก่ึงคำนหรือ กำแพงผนังรับน้ำหนักตำมหลักกำรถ่ำยแรง ท่ี สะท้อนผ่ำนรูปทรงสัณฐำนอีกทั้งช่วยป้องกัน แดดฝนไม่ให้แสดเข้ำสู่พื้นที่ภำยในอำคำร โดย มีลักษณะกึ่งเป็นกึ่งปิดของพ้ืนที่ บริเวณโถง ทำงข้ึนลงโดยเฉพำะอำคำรที่มีรูปทรงหลังมุข โถงจวั่ เปิดซง่ึ พบมำกตำมสิมและวหิ ำรเป็นหลัก โดยจะพบกำรทำฮงั ผ้งึ เปน็ สว่ นใหญ่ยิง่ อำคำรที่ มีกำรทำเครื่องมงุ ดว้ ยไม้ สว่ นสีหนำ้ และฮงั ผง้ึ เป็นส่วนที่เก่ียวเน่ืองสัมพันธ์กันอย่าง แยกไม่ออกทั้งในแง่สัจจะโครงสร้าง และความงาม FIRSTUP CONSULTANTS 6
งานวจิ ัยทเี่ กย่ี วข้องกบั “ฮังผงึ้ ” อตั ลษั ณ์บนสิมอสี าน • สิมพ้ืนถ่ินในเขตอีสำนตอนบน:วสันต์ ยอดอ่ิม.ประวัติศำสตร์สถำปัตยกรรม มหำวิทยำลยั ศลิ ปำกร (2545) • สิมพื้นถิ่นอีสำนตอนกลำง:สุวิทย์ จิระมณี.ศิลปะสถำปัยตยกรรมพ้ืนถิ่นในวัฒนธรรม ไทย-ลำว (2533) • สกุลช่ำงพื้นบ้ำนสิมอสี ำนในเขต จ.ร้อยเอ็ด .นงนชุ สวุ ำณี (2556) • อัตลักษณ์ในส่วนตกแต่งองค์ประกอบสถำปัตยกรรมศำสนำคำรพ้ืนถิ่นไทยอีสำน กับ สปป ลำว.ติ๊ก แสนบุญ.ศิลปประยุกต์และกำรออกแบบ มหำวิทยำลัยอุบลรำชธำนี (2553) • สิมพ้นื บ้ำนภำคอสี ำน จ.อบุ ลรำชธำนี : พรรณิพำ สวุ รรณี (2556) FIRSTUP CONSULTANTS 7
รปู แบบ “ฮวงผ้งึ / ฮังผง้ึ ” ในประเทศลาว วดั องคต์ ้ือ ณ นครเวยี งจนั ทร์ วดั ศรีเมือง ณ นครเวยี งจนั ทร์ วดั ใหม่สุวนั นะพูมา ณ หลวงพระบาง วดั เชียงทอง ณ หลวงพระบาง FIRSTUP CONSULTANTS 8
รปู แบบ “โกง่ คว้ิ / ฮงั ผง้ึ ” ในประเทศพมา่ FIRSTUP CONSULTANTS 9
รูปแบบ “โกง่ คว้ิ ” ทางภาคเหนือ FIRSTUP CONSULTANTS 10
รปู แบบ “ฮวงผ้ึง / ฮงั ผึ้ง” ทางภาคอสี าน FIRSTUP CONSULTANTS 11
รปู แบบ “รวงผ้งึ /สาหรา่ ยรวงผ้ึง” ทางภาคกลาง FIRSTUP CONSULTANTS 12
รปู แบบ “โกง่ ค้วิ / ฮงั ผง้ึ ” ทางภาคใต้ FIRSTUP CONSULTANTS 13
รปู แบบ “โก่งคิว้ / ฮงั ผ้งึ /รวงผ้งึ /สาหร่ายรวงผึง้ ” รว่ มสมยั FIRSTUP CONSULTANTS 14
แนวทางในการศึกษา FIRSTUP CONSULTANTS 15 อัตลกั ษณ์ “ฮงั ผึง้ ” ช่วงเวลา พศ.2500 ลงไป รปู แบบลวดลาย คตคิ วามเช่อื วสั ดุ เทคนิค
THANK YOU 16
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: