42 อีสานไปประมาณนี้เป็นแบบอย่าง แต่ว่าจะมาสนบั สนุนมีโครงการอันน้ียังไม่มีต่อไปอาจจะมี ก็ไม่รู้ถ้าเขาเล็งเห็นนะ ที่สนับสนุนจริง ๆ คือคนเป่าเยอะจนได้จัดเวทีการประกวดอย่างการ ประกวดแคนในงานไหมก็ของรัฐฯจัดไม่จัดก็ไม่ได้ของแก่นก็เป็นเมืองดอกคูณเสียงแคนเป็น เมืองเสียงแคนถ้าไม่มกี ็ยังไงอยูใ่ นแต่ก่อนมนั ไม่คอ่ ยเฟื่องฟูเท่าไหร่แต่ตอนนี้ก็เริ่มมาแล้วเด็ก วยั รนุ่ ที่สนใจต้องชื่นชมครูบาอาจารยน์ ะ แต่กอ่ นสมัยผมไมม่ ีคนสอนเลยนะไปหาเรียนกับคน เฒา่ คนแกข่ นาดไปเรยี นวิทยานาฏศิลป์กาฬสนิ ธุ์กต็ ้องเรียนกับรนุ่ พี่ แต่ถ้าครูดีดพิณตีโปงลาง นี่เยอะแต่ว่าครูสอนแคนไม่ค่อยมนี ้อยนะและเดี๋ยวคนที่จบจากที่นั่นก็ไปเป็นครกู ็ไปสอนเด็ก ตามโรงเรียนเลก็ ๆ ก็เป่าแคนเปน็ เด็ก ๆ ที่ขึ้นมาใหม่เป่าแคนเกง่ หมดแตก่ อ่ นผมก็เป็นครูนะ สอนอยู่น่ีสามปีก็ออกไปเล่นดนตรีและตอนเป็นครูก็ไปเป็นวิทยากรที่โรงเรียนในอุดรแต่พอ ได้มาทำแคนก็เลยชอบมันไม่ได้คุยกับคนไม่หนวกหูวุ่นวายทำอยู่บ้านสบายดี อ่า....ตอนไป เรียนกับครูบาอาจารย์น่ะมันมี ๆ ขันธ์ห้ามีคายด้วยนะไหว้ครูเพื่อเปน็ ลกู ศิษย์แต่จะเป็นแคน เลยนั้นก็อยู่ที่ตัวเองว่าจะเรียนได้แค่ไหน เอาอย่างนี้สมมตินะเราไปตีลิ้นเราก็ต้องดีให้มัน เนียนให้มันตรงก็จนกว่าเราจะทำได้นู่นแหละก็คือจบหลักสูตรของการตีลิ้น และอีกอย่างนะ มันไม่มีใครมาสนบั สนนุ ตรงนี้คือมนั ไม่ไดเ้ ปน็ กลุม่ กลมุ่ แม่บ้านอยา่ งนี้ กลมุ่ ทอเสื่อถ้ากลุ่มท่ีทำ กนั เยอะ ๆ กจ็ ะสนับสนุนอยูแ่ ตอ่ นั นม้ี ันสว่ นบคุ คล แตจ่ ะทำยงั ไงให้คนรูจ้ ักและถ่ายทอดยังไง นี่ก็ ไอ่..ทำได้จริง ๆ ก็คอื เราก็ต้องทำแคนของเราให้มคี ุณภาพทสี่ ุดก่อนถา้ มันดีแล้วเขาไปเป่า ก็ดี เอ้อเขาก็ว่าดีมันทนมันอะไรเขาสนใจถ้าเขาอยากเรียนเขาก็มาเรียนได้คือเราต้องทำให้ดี ที่สุดซะก่อน ทีนี้เอาไปอัดเพลงก็ดีเอาไปเป่าใส่หมอลำเสียงก็ดีถ้าเจอแคนไม่ดีใครอยากจะ เป่าเสียงไม่ดีเป่ายาก คือก็สืบสานไปน่ะมีเด็กมาเรียนด้วยเราก็ถ่ายทอดวิชาความรู้ที่เรามีให้ เขาโดยสอนเขาแนะนำเขาบางครั้งก็พาไปหาครูบาอาจารย์ใครอยากทำผมกแ็ นะนำ ๆ ตลอด แต่ว่าถ้าไปเรียนกับครูบาอาจารย์นะมีค่าครูอย่างผมไปเรียนนี่สามหมื่นนะ สามหมื่นนี่คือไป อยู่กินกับครูบาอาจารยเ์ ลยนะแต่พอทำแคนเป็นแล้วขายสามพนั ถึงสีพ่ ัน แคนตัวหนึง่ นะส่ถี ึง ห้าตวั กไ็ ด้คืนแลว้ แต่ครูก็ไมไ่ ด้อะไรก็อยากถ่ายทอดเฉย ๆ คอื เงนิ นีท่ ่ีครเู ขาเรียกมาเยอะๆนั้น คล้าย ๆ ว่าที่ร้องมาราคานี้ใจจะเอาไหมจะหามาได้ไหมแค่อยากดูคนเฉยๆว่าจะเอาจริงไหม แรกๆกเ็ รียกเงนิ แพงน่ันแหละแต่พอหลัง ๆ เห็นเราตง้ั ใจกไ็ มเ่ อาเงินดว้ ย แตผ่ มดใี จและภูมิใจ นะที่ได้สบื สานไวภ้ ูมใิ จมาก ผมก็อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่นะว่าลองมาทำลองมาศึกษาดเู พราะ กลัวมันสูญหายถึงแม้ไม่ถือเปน็ อาชพี ก็ขอให้รู้จักก็ยังดี คนรุ่นใหม่ไม่ใช่จะเป่าอย่างเดยี วกไ็ ม่ ถกู แตถ่ ้ามนั หมดคนทำแคนก็จะไม่ไดเ้ ป่านะทีน้ตี ่อไปนะก็ประมาณนี้ล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นช่าง บัว ชา่ งสุดชา่ งนครพนมไปฝึกไวด้ ว้ ยกด็ ีชา่ งทุกคนทำเกง่ ทุกๆคนแหละครบั ผม\" (ช่างแคนเบล ลา่ , สมั ภาษณ์ 23 มกราคม 2566)
43 ผู้ใหข้ ้อมูลในการสัมภาษณ์ทา่ นที่สองคือ ช่างแคนบาส ทไี่ ด้เล่าถงึ แนวทางอนุรักษส์ บื สานเคร่ืองดนตรี พ้นื บ้านแคนใหแ้ กผ่ ู้วจิ ยั ฟังว่า \"อืม..ไม้นี่นะก็จะใช้ไม้ไผ่ไม้ไผ่ชนิดเขาเรียกไม้ไผ่เฮี่ย ไม้ไผ่เฮี่ยก็คือใช้งานไม่ได้เอาไปทำอะไร อย่างอื่นไม่ได้ทำอะไรไม่ได้อยา่ งอ่ืน นอกจากเอามาทำแคนถ้าเป็นไม้ไผ่ปกติมันกเ็ ป็นธรรมดา ที่เราเห็นก่อไผ่ใช้งานได้แขง็ ๆ แต่พวกนี้เป็นไม้ไผ่ทีเ่ กิดอยู่ปา่ แล้วกใ็ ช้งานไมไ่ ด้และขนาดมัน เลก็ ด้วยแตว่ ่าขนาดใหญ่กว่านี้กม็ ีเหมือนกันแต่มันบางนะมันใช้งานไม่ได้ขนาดน้นั และไม้เนี่ย ก็เอามาจากตามปา่ ตามเขาประเทศลาวนีแ่ หละ เอ่ออีกอันก็อยู่เขาวงภเู ขาวงมันมีอยู่หลายท่ี อยู่ที่มันเกิดข้ึนมาแล้วคนไม่ได้ใช้งาน ที่เอามาใช้งานกับแคนก็ส่วนมากเอามาจากฝั่งลาวกส็ ่ัง กันมามัดหนึ่งก็มีหนึ่งร้อยอัน มัดละสามร้อยถึงสี่ร้อยล่าสุดไม่ใช่ห้าร้อยละ่ เหรอเพราะมันหา ยากแล้วก็กว่าจะมาถึงไทยกว่าจะมาถึงไทยนี่ไม้นะต้องตัดก่อนประมาณ หนึ่งเดือนและส่ง ประมาณหนึ่งสัปดาห์ไม้สร่ี ้อยมดั นแิ ละไมน้ ี่ก็มันปลูกได้ทุกฤดูนะก็จะมีวิธีการปลูกของมันอยู่ ส่วนวิธีการทำเอ่อ..ตีลิ้นแคนก่อนเริ่มแรกมันจะเป็นก้อนๆก่อนพอตีได้ทรงแบนๆแผ่นบางๆ แล้วก็เอามาสับให้เป็นช้ินอันเล็ก ส่วนไม้เราต้องเลือกไม้ที่ไม่ใช่บาง ๆ นะมันใช้ไม่ได้เลือกไม้ เสร็จแล้วก็นำไม้มาดดั ให้ตรงแล้วก็ตัดจากนั้นเอาลิ้นแคนมาใสอ่ ีกอย่างก็คือกระบวนการการ เกิดเสียงถ้าไม่มีลิ้นแคนก็จะไม่มีเสียง เอ่อ..ลิ้นแคนนี่ทำมาจากพวกเหรียญเป็นพวกเหรียญ สมัยเก่าสามารถหาซ้ือตามร้านค้าออนไลนไ์ ด้ ถัดมาก็เปน็ เต้าแคนเคา้ แคนนี่ทำมาจากรากไม้ ประตู่หรือไม้ประดู่ก็ได้ ไม้น้ำเกลี้ยงก็ได้หรือไม้ที่ไม่แข็งเกินไปอ่อนเกินไป เมื่อได้ไม้มาแล้วก็ นำมาเหลาให้ได้รูปทรงก็ใช้มีดในการเหลาเลย ถัดมาขี้สูดถ้าปกตินะก็ไปหาที่ตามโคกตาม ทอ้ งไรท่ ้องนาแต่วา่ มนั จะอยู่ลกึ หน่อยหรือวา่ จะไปหาซ้อื เองก็ไดส้ ั่งซ้ือออนไลน์กไ็ ด้ถ้าซื้อมันก็ จะกิโลละห้าร้อยถึงหกร้อย เพราะมันหายาก เมื่อเสร็จแล้วก็นำมาประกอบกันในขั้นตอน ต่อไป เมื่อประกอบเสร็จสมบูณร์แล้วก็สามารถขายได้เลยนะแคนอันนึงราคาจะอยู่ที่เริ่มต้น สองพนั ของผมนะ คนอืน่ ก็เรม่ิ ต้นชา่ งคนอืน่ ถ้ามชี ่อื เสียงก็สามพนั ได้สามพันหา้ ร้อย สี่พัน เจ็ด พัน เพราะกระบวนการทำมันละเอียดและยากด้วย มาทีนี้มาที่วิธีการซ่อมแคนเอ่อ..ถ้ามัน แตกเรากใ็ ช้กาวติดจะพันเอาก็ไดห้ รือว่าถา้ มันแตกเยอะเรากเ็ ปล่ียน ส่วนถ้าล้นิ แคนมันพังเรา กส็ ามารถตที ำใหมห่ รือเปลย่ี นเลยก็ได้เราก็ดูขนาดของมันถ้ามันเทา่ กนั ก็ได้เลย แต่ถ้าเป่าแล้ว มนั ไมอ่ อกเหมอื นมีอะไรอยู่ข้างในเราก็ใชไ้ มแ้ หยร่ ูมนั ออกเลย สว่ นค่าใชจ้ า่ ยค่าซอ่ มแคนเอ่อ.. มันก็ประมาณห้าร้อยก็รวม ๆ เลย ส่วนวิธีการเก็บรักษาก็เก็บใส่กระเป๋าไว้ใส่กล่องไว้เก็บ รักษาไว้ในที่ไม่ร้อนหรือจะเอาผ้ามาห่อก็ได้เพื่อกันแสงกันความร้อนร้อนมากก็ไม่ดีและกัน พวกแมลงเข้ามาอีกดว้ ยแต่ถ้าโดนอากาศเย็นมาก ๆ ก็ไม่ดีเพราะเสียงจะเปล่ียนได้มันจะมีไอ น้ำอยขู่ า้ งในน่ะ ทีนี้การถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังนะอืม...กส็ ่วนใหญ่เด๋ยี วนใี้ ชโ้ ลกโซเชียลเฟซบุ๊ก ก็ไลฟ์สดบ้างและทำเพลงลงบา้ งให้คนดูมแี นะนำบ้างให้คนที่ดไู ด้ปฏิบัติตามด้วยทัง้ หมดน้ฟี รี
44 ไมม่ ีค่าใช้จ่ายนะ แต่ถา้ สอนสว่ นตวั มีค่าใชจ้ ่ายอยู่นะมีบา้ งนิดหน่อยและอาชีพนี้เป็นทั้งอาชีพ เสริมหรืออาชีพหลักก็ว่าได้ ควบคู่กันไปกันไปหมดเลยคือเป็นหมอแคนด้วย ช่างแคนด้วย เป็นศิลปินไปด้วยแตบ่ างคร้ังก็ไปกับคณะหมอลำดว้ ยส่วนใหญ่จะเปน็ หมอลำกลอนประมาณ น้ตี อนนี้งานกม็ าเรื่อย ๆ ดกี ว่าแตก่ ่อนเพราะโควิดนี่แหละ อา่ ..ลมื คอื แคนเนี่ยไม่ได้มีเพียงแค่ ในภาคอีสานนะ เอ่อ..ในเอเชียมีหมดไล่มาตั้งแต่จีนตอนใต้ลงมาถึงประเทศเรานี่แหละ เพียงแต่จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปแต่แคนจริง ๆ ก็เป็นเครื่องดนตรีของลาวประมาณน้ัน ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งเขา้ มาส่งเสรมิ ตอนนีน้ ะถอื ว่าน้อยอยู่แต่ก็มี เอ่อ..หนว่ ยงานรัฐฯก็มี สำนักวัฒนธรรมขอนแก่นแต่เฉพาะที่มีงานนะอย่างอื่นก็ไม่ได้มาหรือเขาไม่ทันได้เห็นก็ไม่ แน่ใจ และมีนายกอบตกบั เทศบาลตำบลบ้านค้อที่ส่งเสริม และทางเทศบาลตำบลบ้านค้อเขา ก็มอบรางวัลปราชญ์ชุมชนให้นะครับใหเ้ ป็นปราชญ์ชุมชนคนหนึ่งอยู่ในเขตตำบลบ้านค้อ คือ เขาก็มองเหน็ วา่ เราทำอย่างน้เี ราทำแคนคือมันไม่มีคนทำอยนู่ ่ีไม่มีคนทำก็มีแต่เราทำนะ ก็ทำ แคนมาแล้วส่ีปี เอ่อ..แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำแคนนะแต่ทำปี่จากนั้นก็ค่อย ๆ มาทำแคนโดยพ่ี เบลเป็นคนสอนทำพี่เบลก็เป็นช่างแคนเหมือนกันแต่พี่เขามีความชำนาญกว่าแต่กว่าจะเป็น แคนได้ใช้เวลาพอสมควรประมาณส่ีปีเลยนะเริ่มแรกก็เริ่มต้นเรียนรู้เองจากนั้นก็ไปหาครู อาจารย์ทา่ นก็เลยแนะนำมชี ่องทางให้ทำอย่างน้ี ๆ แล้วมันจะเป็นอยา่ งน้นี ะก็ใชเ้ งินประมาณ สองหมื่นนี่แหละแต่ว่าไม่ได้จ่ายครั้งเดียวนะคือท่านให้ผ่อนจ่ายก็เรียนจนเป็นเลยนะ ทีน้ี นอกจากหน่วยงานรัฐฯที่เข้ามาส่งเสริมแล้วก็มีเอกชนอยู่เป็นชมรมนะคือชมรมหมอแค นนะ อยู่ในเฟซบุ้คหมอแคนจัดตั้งกันเอง ก็เป็นการสนับสนุนหมอแคนนำเสนอหมอแคนรุ่นใหม่มี หมอแคนรุ่นใหม่ใครบ้างนอกจากพวกผมนอกจากคนเฒ่าคนแกร่ ุน่ ใหม่ขึน้ มาใหม่กส็ นับสนนุ ก็คือสนับสนุนกันเองช่วยเหลือกันเอง แต่ว่ามีการขอผู้สนับสนุนนะถ้ามีการจัดงานจัดกันเอง ทุกครั้งที่จะไปขอผู้สนับสนุนก็จะมเี อกสารไปดว้ ยก็จะประมาณนี้ สุดท้ายนี้ก็อยากฝากถงึ คน รุ่นใหม่ว่าตอนนี้ก็เห็นคนรุ่นใหม่หลายคนที่มาเป่าก็ดีใจ แต่ก็ฝากไว้ให้รักษาให้ศึกษาถึงแก่น แท้ของมันจริงๆและเอามาใช้งานให้มันถูกต้องและให้มนั สวยงามทำอะไรก็ให้มันสวยงามมัน ถงึ จะดี\" (ชา่ งแคนบาส, สมั ภาษณ์ 23 มกราคม 2566) ผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ คือ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ได้เล่าถึง แนวทางอนรุ กั ษส์ ืบสานเครือ่ งดนตรพี น้ื บ้านแคนใหแ้ กผ่ วู้ จิ ยั ฟงั ว่า \"แคนถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีของอีสานอย่างหนึ่งที่ทรงคุณค่าซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องแคนแล้วก็ จะต้องประกอบคู่กับหมอลำแลว้ ก็ดนตรีพ้ืนเมืองพ้นื บ้านอีสานซึ่งก็มีมาต้ังแต่สมัยบรรพบุรุษ ของเราแล้วแหละนะครับ สำหรับในส่วนของแคนนั้นผมคิดว่ามันมีอ่า..เสน่ห์นะครับใน บทบาทของเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ ณ ปัจจุบันนี้นะครับจะหาผู้ที่จะสืบทอดในส่วนของการ
45 อนุรักษ์ในเรื่องของการเป่าแคนมีจำนวนที่น้อย ในส่วนตัวผมผมมองว่าอยากจะมีกิจกรรม หรือมีแนวทางในการส่งเสริมนะครับ อาจจะให้มีการถ่ายทอดในส่วนของดนตรีพื้นบ้าน ประเภทแคนเนี่ยให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังหรือคนรุ่นใหม่ได้ ๆ นำเอาแคนเนี่ยนะครับมาฝึก แล้วก็มาเรียนรู้แล้วก็เพื่อให้เกิดกระบวนการถ่ายทอดในเรื่องของดนตรีและอนุรักษ์ส่งเสริม เครื่องดนตรีพื้นบา้ นอีสานชิ้นน้ีเอาไว้ใหก้ ับลูกหลานของเรา เพราะฉะนั้นก็เลยอยากส่งเสรมิ ในส่วนของกิจกรรมนีแ้ หละ ในสว่ นของการส่งเสริมในการอนุรักษ์แคนในสว่ นของเราเนี่ยเรา ก็มีกิจกรรมการจัดประกวดวงดนตรีพื้นบ้าน ในช่วงของงานเทศกาลลอยกระทงหรือสีฐาน เฟสติวัลนะครบั เราก็มีการส่งเสริมอยู่ต่อเน่ือง แล้วก็มกี ารประกวดอ่า..ฟ้อนรำแคนแล้วก็มีใน สว่ นของการประกวดนนั้ เรากจ็ ะมีในการประกวดเด่ยี วเครื่องดนตรนี ะครับ และหนงึ่ ในเคร่ือง ดนตรีที่เดี่ยวนั้นที่ได้รับรางวัลแล้วก็มีการกำหนดให้รางวัลชนะเลิศการเป่าแคนนะครับใน ส่วนนี้ เป่าแคนดีเด่นอะไรอย่างนี้ครับในส่วนของศูนย์ศิลปวัฒนธรรมที่เราทำอยู่ในตอนนี้นะ ครับ ซึ่งอ่า..จัดมาครั้งที่12ครั้งแล้ว และนอกจากนั้นแล้วศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเราเองก็ได้มี โอกาสไปร่วมจดั การประกวดการเปา่ แคนในงานเทศกาลไหมและงานประเพณผี ูกเส่ยี วเราทำ มาน่าจะ3-4ปีแล้ว ในส่วนของการเป่าแคนและศาลาผกู เสี่ยวเนื่องในเทศกาลไหมนะครับ ซึ่ง เราก็มีทั้งประกวดในระดับประชาชนและในระดับเยาวชน นอกจากนี้ทุก ๆ สิ้นเดือนที่ศูนย์ ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะมีการจดั กิจกรรม คือ งานสุขีมั่นสู่ขวญั วันเกิด เพื่อ เป็นการอนุรักษ์ศิลปการแสดงพื้นบ้านซ่ึงในส่วนนี้เราก็ได้มีการมอบรางวัลให้กับศลิ ปินมรดก อีสานของเรานะครับ เราก็ได้ถือโอกาสนี้ได้เรียนเชิญท่านได้มามีส่วนร่วมกับศูนย์ ศิลปวัฒนธรรมโดยให้จัดการแสดงมารว่ มนะครับ แล้วก็เราก็เชญิ มาท้ังที่เปน็ หมอลำประเภท ต่าง ๆ นะครับที่มาได้เนี่ยเราก็เอาศิลปินที่อยู่ในพื้นที่นะครับที่สามารถเดินทางสะดวกอะไร อย่างเนีย่ มาร่วมกับเราได้ แลว้ กใ็ นการแสดงกจ็ ะมีอ่า..แสดงหมอลำกลอนแล้วก็มีเสียงแคนมี หมอแคนมาร่วมในการบรรเลงในการประกอบการแสดงในแต่ละคร้ังดว้ ย ไม่เพียงแต่อนุรักษ์ สืบสานส่งเสรมิ ดนตรีพื้นบ้านเครือ่ งดนตรีพื้นบ้านเท่านัน้ แต่ยังทำให้ตัวศิลปินมีพื้นที่ในการ แสดงมากยิ่งขึ้นเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ตัวศิลปินมีพื้นที่ในสังคมได้อีก ด้วย\" (ผู้อำนวยการศนู ยศ์ ลิ ปวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , สมั ภาษณ์ 2 มีนาคม 2566)
46 4.4 อภิปรายผลการวจิ ัย จากการศึกษาการส่งเสริมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน (แคน) ในจังหวัดขอนแก่น พบว่า ประวัติ ความเป็นมา วิวัฒนาการเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลทั้งหมอแคนและช่าง แคนส่วนใหญใ่ ห้ข้อมูลที่คลา้ ยคลึงกันโดยแคนนัน้ เป็นเคร่ืองดนตรีทมี่ ีความเก่าแก่และมีมานานกว่าพัน ปี นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญของภาคอีสานเพราะสามารถให้คุณค่าในหลาย ๆ ด้าน สอดคลอ้ งกบั เอกสารงานวิจัยของ เจรญิ ชัย ชนไพโรจน์ (2526) และสจุ ิตต์ วงษเ์ ทศ (2549) กล่าวว่า แคนเป็นเครื่องดนตรีที่สําคัญที่สุดของภาคอีสาน เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมที่สุดของชาวอีสานมาตั้งแต่ สมยั โบราณ เปน็ เครอ่ื งมือศักด์สิ ิทธิ์ของราชสํานักทุกแหง่ ในสุวรรณภูมิ ซึ่งหลักฐานปรากฏลวดลายรูป คนเป่าแคนบนกลองมโหระทึกมีอายปุ ระมาณสามพนั ปี และสอดคล้องงานวิจยั ของ ทรงคณุ จันทจร (2540) กล่าวว่าแคนเป็นเอกลักษณ์ที่มีคุณค่าที่สร้างความเพลิดเพลินบันเทิงใจและมีคุณค่าด้าน พิธีกรรมของกลุ่มชน และผู้ให้ข้อมูลหมอแคนและช่างแคนส่วนใหญ่ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาที่มี ความคล้ายคลึงกันเกี่ยวกับนิยายปรัมปราของแคน นิยายปรัมปรานี้เป็นการเล่าต่อ ๆ กันมาของคน สมัยก่อน และถูกเล่าต่อ ๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ อดินันท์ แกว้ นลิ (2550) ไดก้ ล่าวถงึ ประวตั แิ คนวา่ แคน เปน็ ชอ่ื เครอ่ื งดนตรพี ืน้ เมอื งภาคอสี านท่ีเก่าแก่มีมาแต่ โบราณ แคนเปน็ เครื่องดนตรีทใ่ี ช้ปากเป่าให้เป็นเพลง ใครเป็นผู้คดิ ประดษิ ฐ์เครื่องดนตรีท่เี รียกว่าแคน เป็นคนแรกและทําไมจึงเรียกว่าแคนนั้น ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนยืนยันได้ แต่ก็มีประวัติที่เล่าเป็น นิยายปรัมปราเกี่ยวกับเสียงของนกการเวกซึ่งได้เล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ และสอดคล้องกับ งานวจิ ยั ของ ชยั สทิ ธ์ิ ดาํ รงวงศ์เจรญิ (2561) กลา่ ววา่ ชาวบ้านหนองตาไก้เชื่อว่าเสียงแคนมีผลทำให้ส่ิง ลึกลับหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติพึงพอใจและดลบันดาลให้ชีวิตประสบพบเจอแต่ความสุขความเจริญ และปลอดภัยในชีวติ ดังนั้นพิธีกรรมหลายอย่างที่เกีย่ วของกับชีวิตของชาวบ้านหนองตาไก้จึงใช้เสียง แคนเป็นเคร่ืองดนตรีประกอบหลัก นอกจากนใี้ นประวัติความเป็นมา ววิ ัฒนาการเคร่อื งดนตรีพื้นบ้าน แคนสามารถแยกให้เหน็ ถึงประวตั ิความเปน็ มา ววิ ฒั นาการเครอื่ งดนตรีพ้นื บ้านแคนได้ดงั นี้ นกการเวกเป็นนกในตำนานนิยายปรัมปราเชื่อว่าเป็นนกชนิดเดียวกับนกวายุภักษ์ในป่าหิม พานต์ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากบนเขากรวิกซ่ึงล้อมรอบเข้าพระสุเมรุชั้นที่3 บินได้สูงเหนือเมฆมีเสยี ง ร้องที่ไพเราะจับใจสัตว์หรือมนุษย์ที่ได้ยินจะเกิดอาการงงงวยลืมกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ไป จนหมด ต่อมามีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีโดยนายพรานและหญิงหม้าย เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าท่ี ประดิษฐ์เพราะว่านายพรานและหญิงหม้ายเคยได้ยินเสียงของนกการเวกเสียงไพเราะมากก็เลย ประดิษฐ์เครื่องดนตรีนี้ขึ้นจากนั้นก็ได้ไปมอบให้แก่พระราชา พระราชาก็เลยตั้งชื่อให้ว่าแคนเพ ราะ เสียงที่เป่าออกมาคล้ายกับเสียงของนกการเวก ต่อมาเมื่อเปลี่ยนยุคสมัยไปก็เริ่มมีการปรับมาใช้โน๊ต ตามสากล คือ โดเรมีฟาซอลลาทีโด ซึ่งสันนิษฐานว่าเริ่มเปลี่ยนในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยแต่ก่อนจะ
47 เรยี กว่า เชน่ ลกู โปซ้ ้าย ลูกสะแนน ลกู เซ เป็นตน้ สาเหตขุ องการเปล่ียนเพราะอาจฟงั ยากและคนส่วน ใหญ่เข้าใจโน๊ตตามสากลมากกว่า ต่อมาแคนก็เริ่มมีการนำโลหะหรือหลาบโลหะมาใช้ในส่วนของลิ้น แคนเพราะว่าจากแต่ก่อนแคนในยุคแรก ๆ ทำมาจากสำริดและไม้ ซึ่งแคนที่ทำด้วยสำริดไม่สามารถ เปา่ ได้ สว่ นแคนทท่ี ำดว้ ยไม้ถึงแม้จะเป่าได้แต่ก็ไม่ได้ไพเราะเทา่ ท่ีควรกเ็ ลยใช้โลหะหรือหลาบโลหะมา ทำลิ้นแคนซึ่งทำให้เสียงแคนเพราะมากขึ้นและเสียงชัดขึ้น ต่อมาหลังจากนี้แคนก็ได้มีหลายขนาดไม่ เพียงมีแต่ขนาดเดยี ว เช่น มีแคนสอง สาม สี่ ไปจนถึงแคนสิบสอง โดยขนาดแคนจะใช้แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วย เช่น ในปัจจุบันใช้แคนในการแสดงควบคู่กับดนตรีสากลและเครื่องดนตรี สากลเป็นการผสมผสานศลิ ปวัฒนธรรมของแตล่ ะวัฒนธรรมที่สามารถเล่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และ ยังมกี ารใช้แคนไปแสดงตามเวทีคอนเสิร์ตทั้งทเ่ี ปน็ การแสดงเกี่ยวกบั ความเป็นไทย เชน่ โปงลาง และ การแสดงที่ผสมผสานกับความเปน็ สากล เช่น วงออเคสตร้า ในการที่แคนมีการแสดงร่วมกับวงดนตรี สากลนั้นยังเป็นการปรับตัวหรือปรับให้เข้ากับยุคสมัย การปรับตัวแบบนี้ยังทำให้แคนเป็นที่รู้จักของ คนทั่วโลก ทำให้แคนมีพืน้ ทใี่ นสังคมมากยิ่งข้ึน เกดิ การจา้ งงานสร้างรายได้และทำให้แคนไม่ถูกลืมแม้ จะเปน็ ศิลปวัฒนธรรมพื้นบา้ นจากภูมิปัญญาอนั ด้งั เดมิ กต็ าม นอกจากนี้แคนยังปรากฏให้เหน็ อยู่ทั่วภมู ิภาคเอเชยี ทีม่ ีการนำแคนไปใช้ในการแสดง ใช้แคนใน พิธีกรรม ใช้แคนในการรักษาโรคภัยต่าง ๆ ใช้แคนในการละเล่นสังสรรค์ เป็นต้น เช่น ภาคอีสานใน ประเทศไทยมีการใช้แคนเพื่อความบันเทิงความความรื่นเริงไปจนถึงการทำงาน เช่น การเกี่ยวข้าว ชาวอีสานเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวชาวบ้านทุก ๆ คน จะรวมตัวกันเพื่อไปเกี่ยวข้าวทุก ๆ คนที่ไปเกี่ยวข้าว นั้นไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความสัมพันธว์ ่าจะเป็นใคร ญาติพี่น้องของใคร แต่จะช่วยเหลือกันและกัน หรือ เรียกว่า ทุก ๆ คน อยู่กันแบบฉันพี่น้อง หากมีปัญหาหรือมีเรื่องต่าง ๆ ก็จะช่วยเหลือกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเป็นอย่างดี แต่หลังจากเสร็จสิ้นการทำงานชาวอีสานจะใช้แคนมาเป่าเพื่อให้เกิด ความผ่อนคลายและความความสนุกสนานร่วมกันเสียงของแคนจะทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายมาก ยิ่งขึ้นและยังเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้ทุก ๆ คนรักใคร่สามัคคีกันดีถึงแม้จะรักใคร่กันอยู่แล้วก็ ตามแต่ก็จะยิ่งทำให้รักใคร่ปรองดองกันมากยิ่งขึ้นไปอีก แคนกับชาวอีสานถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความ ผูกพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การใช้ชีวิต การทำงาน การทำพิธีกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงการรักษา โรคภัยไข้เจ็บ ความผูกพันธ์ถูกผนวกกับความเชื่อตามประเพณีวฒั นธรรมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรษุ จนมาถงึ รุ่นลูกรุน่ หลาน ซึง่ ความเช่ือในที่น้ีคอื เสยี งของแคนท่ีทำให้ปัญหาทุก ๆ อยา่ งคล่ีคลายลงจนดี ขึ้น อย่างที่กล่าวมาข้างต้นตั้งแต่การใช้ชีวิต การทำงาน การทำพิธีกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงการรักษา โรคภัยไข้เจ็บ เสียงของแคนจะบรรเทาความทุกข์ ความเหนื่อยล้าหรือปญั หาอื่น ๆ ได้ ซึ่งในอดีตจน
48 มาถึงปจั จุบันแคนไมเ่ พียงแตใ่ ช้เพ่ือความบันเทิงแต่ยังใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ เชน่ ปวดตามเน้ือตาม ตวั ทำพธิ กี รรมต่าง ๆ เช่น เลย้ี งผปี ู่ตา ส่วนการใช้แคนมารกั ษาโรคภัยน้นั ชาวอีสานเชอื่ วา่ การเจ็บปว่ ย ตา่ ง ๆ เกิดจากผีเป็นผทู้ ำ คือ ผีบรรพบรุ ษุ เพราะวา่ คนในครอบครัวอาจไปลบหลดู่ ูหม่ินหรือกระทำส่ิง ที่ไม่ดีต่อผีบรรพบุรุษไว้ผีบรรพบุรุษจึงทำให้เจ็บป่วยขึ้นมา จากนั้นจึงต้องใช้แคนเป่าเพื่อรักษาโดย แคนมีเสียงที่ไพเราะทำให้รู้สึกสนุกสนานและทำให้ผู้ที่เจ็บป่วยยังรู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการทำพิธีเพื่อขอขมาผีบรรพบุรุษไปด้วยควบคู่กับการเป่าแคน และในการรักษาผู้ที่ เจ็บปว่ ยดว้ ยเสยี งแคนยังเป็นกุศโลบายในการรักษา หากผู้ปว่ ยรูส้ กึ สนุกสนานอารมณ์ดีส่ิงเหล่าน้ีย่อม ส่งผลดีต่อกับร่างกายร่างกายก็จะกลบั มาปกตแิ ข็งแรงเช่นเดิม ส่วนการใชแ้ คนในด้านพิธีกรรมตา่ ง ๆ เช่น พิธีเลี้ยงผีปู่ตาจะใช้แคนเป็นตัวสื่อสารกับผีปู่ตา หมอแคนหรือหมอม้าที่แต่ละพื้นที่จะเรียก แตกต่างกันไปซึ่งเป็นผู้เชื่อมโยงสื่อสารกับผีปู่ตา การสื่อสารจะเป็นการสื่อสารเรื่องโชคลาภ สภาพ ภมู อิ ากาศ ผลผลิตการเกษตร เร่อื งสุขภาพ เป็นตน้ และการเล้ียงผีปตู่ ามีความเชื่อที่ว่าหากเลี้ยงผีปู่ตา ผีปู่ตาจะดลบันดาลให้ชีวิตประสบแต่ความสุข เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ข้าวกล้าในนาจะอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตการเกษตรจะได้ผลผลิตที่ดี แต่ถ้าหากไม่เลี้ยงผีปู่ตาอาจเกิดเภทภัยต่าง ๆ ขึ้นมาได้ เช่น ข้าว กล้าในนาไม่อุดมสมบูรณ์ และในปัจจุบันชาวอีสานใช้แคนในการถ่ายทอดความเป็นอีสานผ่านการ แสดงเพื่อบ่งบอกว่านี่คือ อีสานโดยแท้จริง เช่น การแสดงการเป่าแคน การแสดงหมอลำที่ควบคู่กับ หมอแคน เปน็ ต้น หากผู้ใดทไ่ี ดย้ นิ เสียงแคนหรอื ได้เห็นการแสดงเก่ียวกับแคนก็จะรไู้ ด้ทันที ซง่ึ แตก่ ่อน การถ่ายทอดถึงความเป็นอีสานมีเพียงการเป่าแคนเพื่อความจรรโลงใจแค่ตัวบุคคลกับภายในกลุ่ม ส่วนน้อยที่จะได้เห็นการถ่ายทอดความเป็นอีสานผ่านการแสดงต่าง ๆ และเสียงของแคนมีความสนกุ ความเศร้า ความไพเราะจับใจ เสียงของแคนที่บรรเลงออกมาเป็นเสียงที่บ่งบอกถึง เรื่องราวต่าง ๆ ของชาวอีสาน เสียงของความเศร้า หมายถึง ความทุกข์ยากในชีวิต เสียงของความสนุก หมายถึง ความสุขในชีวิตที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จ แม้จะเป็นเสียงใดก็ตามทั้งหมดนี้ก็ยังคงมีความไพเพราะอยู่ เชน่ เดิม จากการศึกษาการส่งเสริมเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคนในจังหวัดขอนแก่น พบว่า แนวทาง อนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน จากการสัมภาษณ์ผู้ใหข้ ้อมูลทั้ง 8 ท่าน ส่วนใหญ่ให้ข้อมลู ท่ี คล้ายคลึงกัน ทั้ง 8 ท่าน ได้เล่าถึงแนวทางอนุรักษ์สืบสาน มีความคล้ายคลึงกัน โดยสอดคล้องกับ งานวิจัยของ ฉัตรวลี ทองคํา (2557) ได้ศึกษาดนตรีพื้นบ้านกับการเป็นแหล่งเรียนรู้ของจังหวัดน่าน ซึ่งแนวทางการอนุรักษ์และเผยแพร่ดนตรีพื้นบ้านจังหวัดน่าน โดยเชิญครูศิลปินพื้นบ้านจากแหล่ง เรียนรู้ดนตรีพื้นบ้านจังหวัดน่านจํานวน 7 แห่ง รวมทั้งสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่านร่วมแสดง ความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว โดยสรุปดังต่อไปน้ี 1. ด้านการแสดงดนตรีพื้นบ้านน้ัน มีการจัดการ
49 แสดงและมกี ารสนบั สนนุ จากสำนกั วฒั นธรรมในส่วนของการจัดการแสดงและกิจกรรมอื่น ๆ เชน่ การ ประกวดแข่งขันดนตรีพื้นบ้าน เป็นต้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีแรงกระตุ้นในการพัฒนาทักษะ ทางดา้ นน้ีอยา่ งจรงิ จัง และควรมีการสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเน่ือง 2. การส่งเสริมด้าน การจัดการเรียนการสอนเนื่องจากในหลักสูตรของการศึกษาในระดับขั้นพื้นฐานหรือใน ระดับอดุ มศึกษาไม่มีการสง่ เสริมในเร่ืองของดนตรีพนื้ บา้ นดังนั้นส่งิ เหล่าน้จี ึงส่งผลทำให้ขาดผู้สืบทอด แต่สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดก็ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญจึงมีการจัดตั้งชมรมดนตรีพื้นบ้าน เพื่อให้นักเรียนและผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ โดยเชิญครูศิลปินท่ีมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมา สอน 3. ด้านการจัดเอกสารเพื่อเผยแพร่ ควรมีการรวบรวมองค์ความรู้ดนตรีพื้นบ้านจากแหล่งการ เรียนรู้ในจังหวัดน่าน เพื่อจัดทําสารานุกรมดนตรีพื้นบ้านของน่าน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ประวัติศาสตร์ของดนตรีพื้นบ้านน่าน นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับแนวคิดภูมิปัญญาของ สามารถ จันทรสูรย์ (2536) และคณะ ภูมิปัญญาคือสิ่งที่ถ่ายทอดจากชนรุ่นหนึ่งไปยังอีกชนรุ่นหนึ่งโดยยังคง ความเป็นเอกลกั ษณ์ อตั ลกั ษณข์ องความเปน็ ตวั ตน ผา่ นขั้นตอนวิธกี ารทำออกมาเป็นผลงานที่มีความ โดดเด่นและผ่านการทำด้วยมือท้ังสิ้นโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ ซึ่งหากมองไปตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจบุ ัน คนไทยมีวิถีชีวิตที่มีความผูกพันกับภูมิปัญญาท้องถิ่นมานานแล้ว เพราะสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นงาน ภูมิปญั ญาจะเห็นได้จากวิถชี ีวิตทเี่ รียบงา่ ยและการพ่งึ ตนเอง การนำเอาวัสดุจากธรรมชาติมาดัดแปลง หรือการลดขั้นตอนการใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงในการทำงานซึ่งสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่มาจาก ความคิดของคนเราทั้งนั้นไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมไปถึงการใช้ฝีมือในการทำทั้งสิ้น นอกจากนี้ในแนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคนสามารถแยกให้เห็นได้ดังนี้ ซึ่งได้มีการ สัมภาษณห์ มอแคน 5 คน ช่างแคน 2 คน และผูอ้ ำนวยการศูนย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น โดยหมอแคนได้ให้ข้อมูลแนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน คือ จะใช้วิธีการสอนแคน แบบตัวต่อตวั กับผูท้ ีม่ าเรียนรู้ดว้ ยและมีการสอนเก่ียวกบั แคนในโซเชียลมเี ดีย เช่น ยูทูป เฟซบุ๊ก เป็น ต้น นอกจากนี้ยังได้มีการไปร่วมแสดงตามงานต่าง ๆ เช่น งานสุขีมั่นสู่ขวัญวันเกิด เทศกาลงานไหม นานาชาติ การแสดงหมอลำมีท้ังแบบการจ้างงาน และการทำการแสดงท่ีไม่ไดว้ ่าจ้าง ส่วนช่างแคนใน แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคนจะใช้วิธีเหมือนกับหมอแคนแต่จะเน้นไปในทาง เทคนิควิธีการทำมากกว่าเพราะว่าการทำแคนค่อนข้างจะละเอียดอ่อนและก็ต้องใจเย็น และ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่นในแนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรี พื้นบ้านแคน ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดกิจกรรม เช่น จะเป็นการจัดกิจกรรมการจัดประกวดวงดนตรี พน้ื บา้ นในชว่ งเทศกาลวันลอยกระทง มีการประกวดฟอ้ นรำ มีการประกวดเดยี่ วแคน และงานสขุ ีมั่นสู่ ขวัญวันเกิดที่จะเชิญหมอลำและหมอแคนมาให้ความบันเทิงความรื่นเริงภายในงานซึ่งงานสุขีมั่นสู่ ขวัญวันเกิดจะจดั ทุก ๆ สิ้นเดือนที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นการอนุรักษส์ ืบ สานและเผยแพรศ่ ิลปวฒั นธรรมพ้ืนบา้ นอีสานใหค้ งอย่ตู อ่ ไปและเป็นท่รี จู้ ักแก่คนทั่วไปมากย่งิ ข้นึ
50 4.5 สรุปท้ายบท จากผลการวิจัย พบว่า การส่งเสริมเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน ในจังหวัดขอนแก่น ได้ศึกษา ทั้งหมด 2 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน 2. เพื่อศึกษาแนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน โดยวัตถุประสงค์ข้อที่ 1. ประวัติความ เป็นมา ววิ ัฒนาการเครือ่ งดนตรีพนื้ บา้ นแคน ผูใ้ ห้ข้อมูล คอื หมอแคน 5 คน และชา่ งแคน 2 คน รวม ทั้งหมด 7 ท่าน ส่วนใหญ่ได้กล่าวถึงเสียงของแคนที่มีความคล้ายคลึงเหมือนกับเสียงของนกการเวก ตอ่ มามีการประดิษฐเ์ ครื่องดนตรีโดยนายพรานกับหญงิ หม้าย เปน็ เคร่อื งดนตรีประเภทเป่าที่ประดิษฐ์ เพราะว่านายพรานและหญิงหม้ายเคยได้ยนิ เสยี งของนกการเวกเสยี งไพเราะมากก็เลยประดิษฐ์เคร่ือง ดนตรีนี้ขึ้นจากนั้นก็ได้ไปมอบใหแ้ กพ่ ระราชา พระราชาก็เลยตั้งช่ือให้ว่าแคนเพราะเสียงที่เป่าออกมา คล้ายกับเสียงของนกการเวก ส่วนวิวัฒนาการของแคนต่อมาเมื่อเปลี่ยนยุคสมัยไปก็เร่ิมมีการปรับมา ใช้โน๊ตตามสากล คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ซึ่งสันนิษฐานวา่ เร่ิมเปลีย่ นในสมัยรชั กาลท่ี 5 โดยแต่ กอ่ นจะเรยี กวา่ ลูกโป้ซ้าย ลกู สะแนน ลูกเซ เป็นต้น สาเหตขุ องการเปลย่ี นเสียงโน๊ตเพราะอาจฟังยาก และคนส่วนใหญ่เข้าใจโน๊ตตามสากลมากกว่า ต่อมาแคนก็เริ่มมีการนำโลหะหรือหลาบโลหะมาใช้ใน ส่วนของลิ้นแคนเพราะว่าจากแต่กอ่ นแคนในยคุ แรก ๆ ทำมาจากสำริดและไม้ ซึ่งแคนที่ทำด้วยสำริด ไม่สามารถเป่าได้ ส่วนแคนที่ทำด้วยไม้ถึงแม้จะเป่าได้แต่ก็ไม่ได้ไพเราะเท่าที่ควรก็เลยใช้โลหะหรือ หลาบโลหะมาทำลิ้นแคนซึ่งทำให้เสียงแคนเพราะมากขึ้นและเสียงของแคนมีความชัดขึ้น ต่อมา หลังจากนี้แคนก็ได้มีหลายขนาดไม่เพียงมีแต่ขนาดเดียว เช่น มีแคนสอง แคนสาม แคนสี่ ไปจนถึง แคนสิบสอง โดยขนาดแคนจะใช้แตกต่างกันไปทั้งนี้ก็ข้ึนอยูก่ ับผู้ใชด้ ้วย เช่น ในปัจจุบนั ใช้แคนในการ แสดงควบคู่กับดนตรีสากลและเครื่องดนตรีสากลเป็นการผสมผสานศิลปวัฒนธรรมของแต่ละ วฒั นธรรมทีส่ ามารถเล่นเขา้ ดว้ ยกันอย่างลงตวั และยังมีการใช้แคนไปแสดงตามเวทีคอนเสริ ต์ ทั้งที่เป็น การแสดงเกี่ยวกับความเป็นไทย เช่น โปงลาง และการแสดงที่ผสมผสานกับความเป็นสากล เช่น วง ออเคสตร้า ในการที่แคนมีการแสดงร่วมกับวงดนตรสี ากลนั้นยังเปน็ การปรับตวั หรือปรับใหเ้ ขา้ กับยุค สมัย การปรับตัวแบบนี้ยังทำให้แคนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและทำให้แคนไม่ถูกลืมแม้จะเป็น ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านจากภูมปิ ัญญาอนั ดัง้ เดิมก็ตาม แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน โดยวัตถุประสงค์ข้อที่ 2. ผู้ให้ข้อมูล คือ หมอแคน ช่างแคน และผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งหมด 8 ท่าน ส่วนใหญไ่ ดใ้ ห้ข้อมูลที่คลา้ ยคลงึ กันซ่งึ ลักษณะของคำตอบจะพูดคล้ายกนั นอกจากนีห้ มอแคนและช่าง แคนส่วนใหญ่ใช้วิธีการสอนการเรียนรู้เกี่ยวกับแคนเหมือกัน โดยสอนแบบตัวต่อตัว มีการสอน เกี่ยวกับแคนในโซเชียลมีเดีย เช่น ยูทูป เฟซบุ๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการไปร่วมแสดงตามงาน
51 ต่าง ๆ เชน่ งานสุขมี ่ันส่ขู วัญวันเกดิ เทศกาลงานไหมนานาชาติ การแสดงหมอลำมที ้ังแบบการจ้างงาน และการทำการแสดงที่ไม่ได้ว่าจ้าง แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ ช่างแคนจะเน้นในเทคนิควิธีการทำแคน มากกว่าเพราะการทำแคนค่อนข้างจะละเอียดและต้องใจเย็น และผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ใชว้ ิธีการจดั กิจกรรมการประกวดการแข่งขันเป็นส่วนใหญ่ เช่น การจดั กจิ กรรม การจัดประกวดวงดนตรีพื้นบ้านในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง มีการประกวดฟ้อนรำ มีการประกวด เดี่ยวแคน และงานสุขีมั่นสู่ขวัญวันเกิดที่จะเชิญหมอลำและหมอแคนมาให้ความบันเทิงความรื่นเริง ภายในงานซง่ึ งานสขุ มี ั่นสขู่ วญั วนั เกิดจะจัดทกุ ๆ สิน้ เดอื นทศ่ี ูนย์ศลิ ปวัฒนธรรมมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น เพ่อื เปน็ การอนรุ ักษ์สืบสานและเผยแพร่ศิลปวฒั นธรรมพืน้ บ้านอสี านให้คงอยู่ต่อไปและเป็นที่รู้จักแก่ คนทว่ั ไปมากยง่ิ ข้นึ
52 บทที่ 5 สรปุ ผลการวิจยั และข้อเสนอแนะ งานวิจัยเร่ือง การศึกษาเรื่อง การส่งเสริมเคร่ืองดนตรีพื้นบ้าน (แคน) ในจังหวัดขอนแก่น มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคนและเพื่อศึกษา แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธี การ สัมภาษณเ์ ชิงลึก การสมั ภาษณ์แบบกง่ึ โครงสร้าง ซ่งึ การวิจัยคร้ังนี้มีผูใ้ ห้ข้อมูลท้ังหมด 8 คน จากการ เลือกแบบเจาะจง คือ หมอแคน 5 คน ช่างแคน 2 คนและผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ผ้วู ิจัยสามารถสรปุ ผลการวิจยั และข้อเสนอแนะได้ดงั นี้ 5.1 สรปุ ผลการวิจยั 5.1.1 ประวตั ิความเป็นมา วิวัฒนาการเครือ่ งดนตรีพ้นื บา้ นแคน ประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน ผู้ให้ข้อมูล คือ หมอแคน 5 คน และช่างแคน 2 คน รวมทั้งหมด 7 คน ส่วนใหญ่ได้กล่าวถึงประวตั ิความเป็นมาเกี่ยวกับเสียงของ แคนที่มีความคล้ายคลึงเหมือนกับเสยี งนกการเวก ต่อมามีการประดิษฐ์เครื่องดนตรโี ดยนายพรานกบั หญิงหม้ายซึ่งเป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่าที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพราะว่านายพรานและหญิงหม้ายเคยได้ ยินเสียงของนกการเวกเสียงไพเราะมากก็เลยประดิษฐ์เครื่องดนตรีนี้ขึ้นจากนั้นก็ได้ไปมอบให้แก่ พระราชา พระราชาก็เลยตั้งชื่อให้ว่าแคนเพราะเสียงที่เป่าออกมาคล้ายกับเสียงของนกการเวก ส่วน วิวัฒนาการของแคนต่อมาเมื่อเปลี่ยนยุคสมัยไปก็เริ่มมีการปรับมาใช้โน๊ตตามสากล คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ซึ่งสันนิษฐานว่าเริ่มเปลี่ยนในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยแต่ก่อนจะเรียกว่า ลูกโป้ซ้าย ลูก สะแนน ลูกเซ เป็นต้น สาเหตุของการเปลี่ยนเสียงโน๊ตเพราะอาจฟังยากและคนส่วนใหญ่เข้าใจโน๊ต ตามสากลมากกว่า ต่อมาแคนก็เริ่มมีการนำโลหะหรือหลาบโลหะมาใช้ในส่วนของลิ้นแคนเพราะว่า จากแตก่ ่อนแคนในยคุ แรก ๆ ทำมาจากสำรดิ และไม้ ซ่งึ แคนท่ที ำดว้ ยสำรดิ ไม่สามารถเป่าได้ สว่ นแคน ทีท่ ำดว้ ยไม้ถงึ แมจ้ ะเป่าได้แต่ก็ไม่ไดไ้ พเราะเท่าท่ีควรก็เลยใช้โลหะหรือหลาบโลหะมาทำล้ินแคนซ่ึงทำ ให้เสียงแคนเพราะมากขึ้นและเสียงของแคนมีความชัดขึ้น ต่อมาหลังจากนี้แคนก็ได้มีหลายขนาดไม่ เพียงมีแต่ขนาดเดียว เช่น มีแคนสอง แคนสาม แคนสี่ ไปจนถึงแคนสิบสอง โดยขนาดแคนจะใช้ แตกต่างกนั ไปท้ังนก้ี ข็ ้นึ อยู่กบั ผู้ใช้ดว้ ย แมข้ นาดจะแตกต่างกนั แตเ่ สียงยงั คงไพเราะคงเดิม
53 เช่น ในปัจจุบันใช้แคนในการแสดงควบคู่กับดนตรีสากลและเครื่องดนตรีสากลเป็นการผสมผสาน ศิลปวัฒนธรรมของแตล่ ะวัฒนธรรมที่สามารถเล่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และยังมีการใช้แคนไปแสดง ตามเวทีคอนเสิร์ตทั้งที่เป็นการแสดงเกี่ยวกับความเป็นไทย เช่น โปงลาง และการแสดงที่ผสมผสาน กับความเป็นสากล เช่น วงออเคสตร้า ในการที่แคนมีการแสดงร่วมกับวงดนตรีสากลนั้นยังเป็นการ ปรับตัวหรือปรับให้เข้ากับยุคสมัย การปรับตัวแบบนี้ยังทำให้แคนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและทำให้ แคนไม่ถกู ลมื แมจ้ ะเปน็ ศลิ ปวัฒนธรรมพื้นบ้านจากภมู ปิ ญั ญาอันด้ังเดมิ กต็ าม 5.1.2 แนวทางอนุรักษ์สบื สานเคร่อื งดนตรีพ้นื บา้ นแคน แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคนหมอแคน 5 คน ช่างแคน 2 คน และผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งหมด 8 คน ส่วนใหญ่ได้ใหข้ ้อมูล ที่คล้ายคลึงกันลักษณะของคำตอบจะพูดคล้ายกัน ซึ่งหมอแคนและช่างแคนส่วนใหญ่ใช้วิธีการ เหมอื นกัน คอื สอนการเรยี นรเู้ กยี่ วกบั แคนแบบตวั ต่อตวั ในโซเชยี ลมเี ดียและมีการแสดงเกี่ยวกับแคน แต่ช่างแคนจะเน้นในเทคนิควิธีการทำมากกว่าเพราะการทำแคนค่อนข้างละเอียดและต้องใจเย็น นอกจากนย้ี งั มีการแสดงเก่ียวกบั การเป่าแคนท่ีเป็นการอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพ้ืนบ้านแคนเอาไว้ เช่น งานสุขีมั่นสู่ขวัญวันเกิด เทศกาลงานไหมนานาชาติ การแสดงหมอลำมีทั้งแบบการจ้างงาน และ การทำการแสดงที่ไม่ได้ว่าจ้าง และการแสดงของคณะหมอลำสังเกตได้ว่าจะมีหมอแคนประจำคณะ หมอลำทกุ คณะ เพราะวา่ แคนเปน็ เคร่อื งดนตรีท่เี กา่ แกแ่ ละมเี สยี งอันไพเราะสามารถบรรเลงกบั เคร่ือง ดนตรอี น่ื ๆ ไดแ้ ละท่ีสำคัญแคนยงั เป็นภูมิปัญญาด้ังเดมิ ซึ่งควรค่าในการอนรุ ักษส์ บื สานเอาไว้ และอีก ตัวอย่าง เช่น การประกวดเดี่ยวแคน ซึ่งจัดโดยฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์และศูนย์ ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จัดการ ประกวดเดี่ยวแคน ในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และ งานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 7 - 9 ธันวาคม 2565 ณ ศาลาผูกเสี่ยว ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นที่ผ่านมา และการจัดการประกวดเดี่ยวแคนนี้ยังเป็นการอนุรักษ์ สืบสาน ส่งเสริม และเผยแพร่ เพื่อให้แคนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและเพื่อไม่ให้ถูกลืมแม้จะเปลี่ยนยุคสมัยก็ ตาม นอกจากนี้ในส่วนของผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่นใช้วิธีการจัด กิจกรรมการประกวดการแข่งขันเป็นส่วนใหญ่ เช่น การจัดกิจกรรมการจัดประกวดวงดนตรีพื้นบ้าน ในชว่ งเทศกาลวนั ลอยกระทง มีการประกวดฟอ้ นรำ มีการประกวดเด่ยี วแคน และงานสขุ ีม่ันสขู่ วัญวัน เกิดท่จี ะเชิญหมอลำและหมอแคนมาใหค้ วามบนั เทิงความรื่นเริงภายในงานซง่ึ งานสขุ ีม่ันสู่ขวัญวันเกิด จะจัดทุก ๆ สิ้นเดือนที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานและ เผยแพรศ่ ิลปวฒั นธรรมพ้ืนบา้ นอสี านใหค้ งอยูต่ ่อไปและเปน็ ทรี่ จู้ ักแก่คนท่วั ไปมากย่งิ ขึ้น
54 5.2 ขอ้ เสนอแนะ 5.2.1 ขอ้ เสนอแนะเชงิ พฒั นา ทางผู้วิจัยเสนอแนะควรให้มีการจัดการแสดงและประกวดการแข่งขันเกี่ยวกับเครื่อง ดนตรีพื้นบ้านแคนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้มีการสัมภาษณ์ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยผู้อำนวยการได้มีการเสนอแนะว่า ควรให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่คน ท่วั ไปผ่านกจิ กรรมท่ีจัดขน้ึ เช่น เปิดหลกั สตู รการอบรมหรือการถ่ายทอดเทคนิคหรือแนวทางท่ีจะเป็น หมอแคนและช่างแคนให้แก่คนรุ่นหลังได้สืบทอดมรดกอีสานและเผยแพร่วัฒนธรรมภูมิปัญญาอัน เก่าแกน่ ้ีไวใ้ หค้ งอยตู่ อ่ ไป 5.2.2 ข้อเสนอแนะในการวจิ ยั ครง้ั ต่อไป ในการวิจัยครัง้ ตอ่ ไปควรศกึ ษาและเปรยี บเทียบกับเครอ่ื งดนตรีพื้นบ้านชนิดอ่นื
55 บรรณานกุ รม ชัยสิทธิ์ ดำรงวงศ์เจรญิ . (2553). ความสำคญั ของแคนในประเพณแี ละพิธกี รรมของชาวบ้านหนอง ตาไก้ ตำบลสแี ก้ว อำเภอเมืองรอ้ ยเอด็ จังหวัดรอ้ ยเอ็ด. คน้ เมอ่ื 15 ธันวาคม 2565, จาก file:///C:/Users/ASUS/Downloads/ne190%20(2).pdf รัฐศาสตร์ เวียงสมทุ ร. (2564). การสอนเปา่ แคนของอาจารยค์ ำเสน พิลาวง. แกน่ ดนตรแี ละการ แสดงมหาวิทยาลยั ขอนแก่น, 116. โยธนิ พลเขต. (2560). ศลิ ปะการเปา่ แคนประกอบลำทางส้ัน. วารสารพฒั นศิลปว์ ชิ าการ, 2, 144. อำนาจ ถามะพันธ์ และคณะ. (2555). การศึกษาแนวทางพัฒนาเคร่ืองดนตรีพ้นื บา้ นอสี าน. วารสาร ศลิ ปะและวัฒนธรรม ลุ่มแม่นำ้ มูลบทความวิจัย, 7(1). ค้นเมอ่ื 15 ธนั วาคม 2565, จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/acj/article/view/258/227 อารยา เกียรติกอ้ ง. (2563). ภูมิปัญญา ภูมิสารสนเทศและการบริหารจดั การเพื่อสง่ เสรมิ การ ทอ่ งเที่ยวเส้นทางแม่นำ้ เจ้าพระยาสายเก่า. [ม.ป.ท. : ม.ป.พ.]. นพรัตน์ สจั จะวสิ ยั . (2558). การจัดการความร้เู กีย่ วกับภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ด้านหตั ถกรรมของ เทศบาลเมอื งต้นเปา อำเภอสนั กำแพง จังหวัดเชยี งใหม่. เชยี งใหม่ : บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. Media Learning of Public Administration. (2558). แนวคดิ เรื่องภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน (Local Wisdom Approach). ค้นเมื่อ 17 ธันวาคม 2565, จาก http://learningofpublic.blogspot.com/2015/09/local-wisdom- approach.html ภวู ไนย ดิเรกศิลป์ และคณะ. (2562). แนวคิดและกระบวนการสรา้ งสรรคล์ ายดนตรพี น้ื บ้านอสี าน. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 12(2). ค้นเม่อื 18 ธันวาคม 2565, จาก https://so02.tci-thaijo.org/index.php/fakku/article/view/226762/166661 Incredible wine store. ดนตรีพน้ื บา้ น เอกลกั ษณไ์ ทยท่ีควรสง่ เสริม. ค้นเมอ่ื 19 ธนั วาคม 2565, จาก https://incrediblewinestore.com/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0% สัญญา สมประสงค์. (2555). การศกึ ษาการทำเครื่องดนตรพี ้ืนบ้านอสี าน กรณศี กึ ษาหมูบ่ ้านทา่ เรือ ตำบลทา่ เรอื อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม. ปรญิ ญานิพนธ์ ศป.ม. (มานษุ ยวิทยดรุ ิยางค วิทยา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ.
56 จุฑาศริ ิ ยอดวเิ ศษ. (2554). การอนุรกั ษ์และพฒั นาดนตรี ในศลิ ปะการแสดงพืน้ บ้านไทยมุสลิม กรงุ เทพมหานคร. วารสารปารชิ าต มหาวทิ ยาลัยทักษณิ , 23(2), 57. ค้นเม่ือ 20 ธนั วาคม 2565, จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/parichartjournal/article/view/70091/56942 วีรยทุ ธ สีคุณหล่วิ . (2560). การอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมดนตรีพนื้ บา้ นอสี าน กรณีศึกษาวัดพรหมคุณาราม เมืองฟีนิกซ์ มลรฐั แอริโซนา สหรัฐอเมรกิ า. วารสารมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 36(4), 137-138. ค้นเม่ือ 20 ธันวาคม 2565, จาก https://hujmsu.msu.ac.th/Eng/pdfsplitE.php?p=MTU5OTAxNDA3OS5wZGZ8MT QyLTE1MA== ฉัตรวลี ทองคํา. (2557). ดนตรีพ้นื บา้ นกับการเปน็ แหล่งเรยี นรู้ของจังหวัดนา่ น. วารสารวิจยั เพ่อื การ พฒั นาเชิงพ้นื ที่, 6(4). คน้ เม่ือ 20 ธนั วาคม 2565, จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/abcjournal/article/view/96935/75552 ภิภพ ป่ินแก้ว. (2565). การจัดตัง้ วงเครื่องสายอีสาน. วารสารวิจิตรศลิ ป์, 13(1), 172. ค้นเม่อื 23 ธนั วาคม 2565, จาก https://so02.tci- thaijo.org/index.php/fineartsJournal/article/view/243563/172335 ไพศาล แก้วรากมุก. (2557). การจดั การความรุ้ในการอนรุ ักษห์ ัตถกรรมเครอ่ื งเงนิ ชุมชนวัดศรี สพุ รรณ ถนนวัวลาย ตำบลหายยา อำเภอเมอื งเชยี งใหม่. เชยี งใหม่ : บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. สราวุฒิ ศรหี าโคตร. (2557). การศกึ ษากระบวนการถา่ ยทอดการบรรเลงแคนลายแมบ่ ทของครู สมบัติ สิมหลา้ . ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดนตรศี กึ ษา ภาควชิ าศิลปะ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ศึกษา คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
57 ภาคผนวก
58 ภาคผนวก ก ข้อมูลของหน่วยงานทีป่ ฏิบตั ิสหกิจศกึ ษา ศูนยศ์ ลิ ปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
59 ขอ้ มูลของหน่วยงานที่ปฏิบตั ิสหกจิ ศึกษา ศนู ยศ์ ิลปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ 1. วิสยั ทศั น์ “ศนู ยก์ ลางศลิ ปวฒั นธรรมลมุ่ น้ำโขง เชอื่ มโยงเครือข่ายสสู่ ากล” 2. สมรรถนะหลกั ศนู ยศ์ ลิ ปวัฒนธรรมเป็นศนู ย์ขอ้ มูล แหล่งเรยี นรู้ และจัดกิจกรรม ทางด้านศลิ ปวัฒนธรรม อีสาน 3. คา่ นยิ ม MUAN KKU M = Management มกี ารบริหารจัดการองค์กรทีด่ ี U = Unigue การสรา้ งสรรคง์ านดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมอย่างเป็นเอกลกั ษณ์ A = Attitude มที ศั นคตทิ ี่ดีในการทำงาน N = Network การสรา้ งเครือขา่ ยทีด่ กี บั ชมุ ชน K = Know ledge มกี ารเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านศิลปวฒั นธรรม K = Know how มีความเช่ยี วชาญเฉพาะด้าน U = Unity การทำงานเปน็ ทมี 4. พนั ธกิจ 1. อนุรักษ์ สืบสานและแผยแพร่ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม สู่เครือข่ายชุมชนภายในและ ภายนอกมหาวิทยาลัยและอนุภูมิภาคลมุ่ น้ำโขง 2. บูรณาการงานดา้ นศลิ ปวัฒนธรรมกบั กจิ กรรมของเครือข่ายด้านศิลปวัฒนธรรม 3. สร้างความร่วมมือเครือข่ายชุมชนภายในและภายนอกเพื่อให้บริการวิชาการและ ถา่ ยทอดองคค์ วามรดู้ ้านศิลปวฒั นธรรม 4. สร้างสรรคผ์ ลติ ภัณฑ์ และงานบริการให้เกดิ มูลคา่ ทางเศรษฐกจิ โดยเชือ่ มโยงนวตั กรรม เชิงสรา้ งสรรค์สเู่ ครือขา่ ยชมุ ชนทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
60 โครงสร้างการบริหาร ศนู ย์ศลิ ปวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ รศ.ดร.นยิ ม วงศ์พงษ์คำ รองอธิการบดีฝา่ ยศิลปวัฒนธรรม และเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ นางสาวนนั ทิดา เสือปู่ อ.ดร.กิตติสนั ต์ ศรรี ักษา ผศ. ดร.หอมหวล บัวระภา รองผู้อำนวยการศนู ย์ศิลปวฒั นธรรม ผ้ชู ว่ ยอธิการบดีฝ่ายศลิ ปวฒั นธรรม ที่ปรกึ ษาศูนยศ์ ิลปวฒั นธรรม งานวิชาการและสื่อสาร และเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ นายฐัพไทย ถาวร ศิลปวฒั นธรรม ผจู้ ัดการหอศิลป์ นายวรศกั ด์ิ วรยศ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น – การเงนิ และบัญชี ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปวฒั นธรรม – พัสดุ – ดูแล ควบคุม กำกบั กิจกรรมที่ – แผนและประกนั คณุ ภาพ อ.อภิญญา อาษาราช เก่ยี วขอ้ งกบั หอศลิ ป์ – บุคคล รองผอู้ ำนวยการศนู ยศ์ ลิ ปวฒั นธรรม – ดแู ลกจิ กรรมท่เี กีย่ วข้องกบั – ธรุ การ พิพิธภัณฑ์ทางศิลปและวัฒนธรรม – อาคารสถานท่ี งานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ – ดูแลด้านประชาสัมพันธแ์ ละ – โสตทศั นศกึ ษา สอ่ื สารองค์กร – ยานพาหนะ – สง่ เสรมิ หลกั สตู รฝึกอบรมและ โครงการด้านเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ – สร้างความร่วมมอื กบั ชมุ ชนและ พัฒนาเครือข่ายด้านเศรษฐกิจ สรา้ งสรรค์ – ตดิ ตามและประเมนิ ผลหลักสตู ร ฝึกอบรมโครงการดา้ นเศรษฐกิจ สรา้ งสรรค์ – นวตั กรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศเพ่ือการพัฒนาเศรษฐกจิ สร้างสรรค์
61 โครงสร้างองค์กร/สว่ นงาน
62 ภาคผนวก ข เครอื่ งมอื วจิ ัย
63 เคร่อื งมือวจิ ัย หวั ข้อภาคนพิ นธ์ “การสง่ เสริมเครือ่ งดนตรีพ้นื บา้ น(แคน) ในจังหวดั ขอนแกน่ ” วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั 1. เพื่อศกึ ษาประวตั ิความเป็นมา ววิ ฒั นาการเครอ่ื งดนตรพี ้นื บ้านแคน 2. เพือ่ ศึกษาแนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพนื้ บ้านแคน 1) การสัมภาษณ์ 1.1) แนวทางการสัมภาษณ์ชุดท่ี 1 ใชใ้ นการสัมภาษณก์ ลุ่มหมอแคน ไดแ้ ก่ - ประวัติความเปน็ มา ววิ ัฒนาการเครื่องดนตรีพน้ื บา้ นแคน - แนวทางอนุรักษ์สบื สานเครอื่ งดนตรีพื้นบา้ นแคน 1.2) แนวทางการสัมภาษณ์ชดุ ที่ 2 ใชใ้ นการสมั ภาษณก์ ลมุ่ ชา่ งแคน ได้แก่ - ประวัติความเปน็ มา ววิ ัฒนาการเครอ่ื งดนตรีพ้ืนบ้านแคน - แนวทางอนรุ ักษส์ บื สานเครื่องดนตรีพนื้ บ้านแคน 1.3) แนวทางการสัมภาษณ์ชุดที่ 2 ใชใ้ นการสมั ภาษณผ์ ู้อำนวยการศูนยศ์ ลิ ปวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น - แนวทางอนรุ กั ษส์ ืบสานเครอื่ งดนตรพี ้นื บา้ นแคน 2) การสัมภาษณแ์ บบกึ่งโครงสรา้ ง 2.1) แนวทางการสัมภาษณแ์ บบกง่ึ โครงสรา้ ง ชดุ ท่ี 1 สำหรับกลมุ่ หมอแคน ข้อมูลใน ประเด็น - ประวตั คิ วามเปน็ มา วิวัฒนาการเครอื่ งดนตรีพนื้ บ้านแคน - แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพนื้ บ้านแคน 2.2) แนวทางการสัมภาษณแ์ บบก่งึ โครงสรา้ ง ชดุ ท่ี 2 สำหรบั กลุ่มช่างแคน ข้อมูลใน ประเด็น - ประวัติความเปน็ มา ววิ ฒั นาการเครื่องดนตรีพื้นบ้านแคน - แนวทางอนุรักษ์สืบสานเครื่องดนตรีพน้ื บ้านแคน 2.3) แนวทางการสัมภาษณ์แบบก่ึงโครงสร้าง ชดุ ท่ี 3 สำหรับผูอ้ ำนวยการศูนย์ ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ข้อมลู ในประเด็น - แนวทางอนุรักษส์ บื สานเครื่องดนตรีพืน้ บ้านแคน
64 3) การบนั ทกึ ขอ้ มลู ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลระหวา่ งการสัมภาษณ์เชงิ ลึกกับผ้ใู ห้ข้อมูล ผ้วู จิ ยั ไดม้ กี ารบันทึก ข้อมูลโดยการบันทึกข้อมูลในสมาร์ทโฟนในการบันทึกเสียงพร้อมทั้งบันทึกภาพในการสัมภาษณ์ ซ่ึง ก่อนการสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลทางผู้วิจัยได้มีการขออนุญาตกับผู้ให้ข้อ มูลในการบันทึกเสียงลงใน สมาร์ทโฟนและบนั ทกึ ภาพลงในสมาร์ทโฟน
65 ภาคผนวก ค แบบบนั ทกึ การปฏิบัตสิ หกิจศึกษา
66
67
68
69
70 ภาคผนวก ง ภาพกิจกรรมขณะปฏิบัตสิ หกิจศึกษา
71 ภาพปฏบิ ัตงิ าน ศนู ยศ์ ลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ภาพการทำธงุ เพอ่ื ไวใ้ ช้ในกิจกรรมต่าง ๆ
72 ภาพการตัดกระดาษทำธง เพือ่ ไวใ้ ช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ภาพกิจกรรมการจัดนทิ รรศการท่หี อศลิ ป์ ฝา่ ยลงทะเบยี น
73 ภาพปฏบิ ตั ิงาน ศนู ย์ศลิ ปวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ภาพกิจกรรมบุญข้าวจีว่ าเลนไทน์ ฝา่ ยลงทะเบียนและเปน็ พิธีกรซ้มุ ขา้ วจแ่ี ฟนซี ศูนยศ์ ลิ ปวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
74 ภาพกิจกรรมสุขีมั่นสู่ขวัญวนั เกดิ ฝา่ ยแจกของท่รี ะลึกและอำนวยความสะดวก ศนู ย์ศลิ ปวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ขอนแก่น ภาพกิจกรรมอำนวยความสะดวกแก่ผ้ทู ่เี ขา้ มาชมนิทรรศการทหี่ อศลิ ป์ และมอบของท่รี ะลึกสำหรับ โรงเรยี นหรือหนว่ ยงานทม่ี ีหนังสอื แจง้ ที่จะมาชมนิทรรศการ
75 ภาพกิจกรรมวันปีใหม่ 2566 ภาพกจิ กรรม อำนวยความสะดวกแกญ่ าติ พ่ี น้องของพ่ีบัณฑิต
76 ภาพกิจกรรมดนตรรี ิมน้ำ ศนู ย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ภาพกิจกรรม อำนวยความสะดวกแกค่ นทว่ั ไปและทำบุญตักบาตร ในวนั สถาปนามหาวิทยาลยั ขอนแก่น
77 ภาพปฏิบตั ิงานที่หอศิลป์ เฝ้าเวรประจำที่หอศิลป์ วันจันทร์-วันศกุ ร์ ภาพกจิ กรรมจัดซมุ้ ถ่ายรปู และแสดงความยินดีแก่พบี่ ัณฑิต
78 ภาพการทำความสะอาดท่ีอาคารจตุรมุข เพื่อเปน็ สถานทร่ี องรบั แกญ่ าติ พี่ น้องของพบี่ ัณฑิต ภาพปฏบิ ัตงิ าน การเคลอ่ื นย้ายและเกบ็ นิทรรศการท่หี อศิลป์
79 ภาคผนวก จ หนังสือรับรองการปฏบิ ตั สิ หกิจศกึ ษา
80
81 ภาคผนวก ช ผลการตรวจสอบการคดั ลอกผลงานวิชาการ (Turnitin)
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
Search