เรียนรศู้ ิลปะ เรอื่ ง รปู ร่าง รปู ทรง ทเี่ กดิ จำกธรรมชำติ และสงิ่ แวดลอ้ ม จดั ทำโดย นำงขจจี ติ สมมำศ ตำแหน่งครโู รงเรยี นเมอื งสมทุ รสงครำม โรงเรยี นเมืองสมทุ รสงคราม อาเภอเมืองสมทุ รสงคราม จงั หวดั สมทุ รสงคราม สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม สงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
เรือ่ งรูปรำ่ งรปู ทรง ก นำงขจีจติ สมมำศ คำนำ กำรศึกษำนวัตกรรม กำรฝึกทักษะ ศิลปะโดยใช้ฐำนกำรเรียนรู้เรื่องรูปร่ำง รูปทรงนี้ ได้จัดทำขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมำยเพ่ือ ใช้เป็นแบบฝึกทักษะทำงด้ำนศลิ ปะและเป็น กำรเพ่ิมพูนควำมรู้และประสบกำรณ์ต่ำงๆ ให้แก่ผู้เรียนนอกจำกน้ี ยังมีกำรสอดแทรก คุณธรรม จริยธรรมและค่ำนิยมที่ดีงำม ให้กับนักเรียนในกำรทำแบบฝึกทักษะแต่ละ ชุด เพ่ือปลูกฝังให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข ผู้จัดทำ หวงั เปน็ อย่ำงยิง่ ว่ำ นวัตกรรมแบบฝึกทักษะ ทำงด้ำนศิลปะ คงเป็นประโยชน์ต่อครู นักเรียน ตลอดจนที่สนใจต่อไป นำงขจจี ิต สมมำศ
สำรบญั ข เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง นำงขจจี ติ สมมำศ เร่ือง หนำ้ คำนำ ก สำรบญั ข ควำมเปน็ มำของนวตั กรรม ๑ วตั ถุประสงคข์ องกำรใช้นวัตกรรม ๒ ตวั ชวี้ ัด ๓ วัสดอุ ุปกรณ์ 4 วิธีกำรใช้สอ่ื และนวตั กรรม 6 ควำมหมำยและควำมสำคัญ ของรปู ร่ำงรปู ทรง ๗ รูปร่ำงและรูปทรงประเภทต่ำงๆ ๘ รปู ทรงในธรรมชำติและสงิ่ แวดล้อม ๙ รปู รำ่ งและรูปทรงธรรมชำติ 1๐ รปู ร่ำงและรปู ทรงเรขำคณิต ๑๑ ๑๒ ขัน้ ตอนและวธิ ีทำรปู ร่ำงรปู ทรง ๑๗ ๒๐ แบบฝึกทักษะ ภำคผนวก
๑ เร่อื งรูปรำ่ งรูปทรง นำงขจีจิต สมมำศ ควำมเป็นมำของนวัตกรรม กำรทำแบบฝึกทักษะศิลปะ เร่ือง รูปร่ำง รูปทรง ท่ีเกิดจำกธรรมชำติ และส่ิงแวดล้อม เป็นสื่อในกำรวำด ภำพข้ึนมำนี้ เพ่ือใช้เป็นแบบฝึกทักษะสำหรับนักเรียน ของโรงเรียนเมืองสมุทรสงครำมโดยมุ่งเน้นให้นักเรียนเกิด ทักษะ กระบวนกำรคิด จินตนำกำร ในกำรสร้ำงสรรค์ ผลงำนทำงศิลปะให้มีคุณค่ำและเกิดควำมสวยงำม และ เป็นกำรพัฒนำผู้เรียนในทุกๆด้ำน ไม่ว่ำจะเป็นด้ำนพุทธิ พิ สั ย ( Cognitive Domain) เ จ ต พิ สั ย ( Affective Domain) และทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนได้เรียนรู้ในสงิ่ ตำ่ งๆ ตลอดจนเรยี นรเู้ ก่ียวกับ ตนเอง และผู้อ่นื อยำ่ งมคี วำมสขุ ดงั นน้ั วธิ ีกำรประเมินผล ผู้เรียนอำจจะประเมินจำกกำร สังเกตกำรณ์พัฒนำทั้ง3 ด้ำนของผู้เรียน โดยท่ีผู้ประเมินจำเป็นต้องสังเกต พฤติกรรม กำรเรียนรู้และกำรร่วมกิจกรรมของผู้เรียน ตลอดจนทำกำรทดสอบ โดยใช้แบบฝึกทักษะ ในด้ำน ต่ำงๆ ควบคู่ไปกบั กำรเรียนกำรสอน
๒ เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง นำงขจีจิต สมมำศ วัตถุประสงค์ของกำรใช้นวัตกรรม ๑. เพ่อื นำนวัตกรรมมำใช้แกป้ ญั หำในเรื่องกำร เรยี นกำรสอน ๒. เพ่อื นำนวัตกรรมไปใช้ในกำรพัฒนำกำรเรียน กำรสอน ใหม้ ปี ระสิทธภิ ำพและเปน็ ประโยชน์ ต่อกำรศึกษำ ๓. เพอื่ แกป้ ัญหำกำรเรียนรู้ทีเ่ กดิ ขึน้ ๔. เพอ่ื ทำใหก้ ำรเรียนรู้บรรลเุ ปำ้ หมำยทำง กำรศกึ ษำ ๕. เพอื่ ใหก้ ำรจดั กำรศึกษำ มปี ระสิทธิภำพบรรลุ เปำ้ หมำยไดด้ ขี ึน้
เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง ๓ นำงขจีจิต สมมำศ ตัวชว้ี ัด ศ 1.1 ป.3/1 บรรยำยรูปรำ่ ง รูปทรงในธรรมชำติ สงิ่ แวดลอ้ ม และงำนทศั นศิลป์
๔ เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง นำงขจีจิต สมมำศ วัสดุและอปุ กรณ์ ๑. กระดำษหรอื สมุดวำดภำพ ๒. ดินสอ ยำงลบ ๓. สี เช่น ดินสอสี และสเี มจิก ๔. กระดำนรองวำด ๕. กระดำษทชิ ชู ผ้ำเชด็ มือ และผ้ำกนั เป้ือน
เร่ืองรปู ร่ำงรูปทรง ๕ นำงขจจี ติ สมมำศ วัสดุอปุ กรณ์
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๖ นำงขจีจติ สมมำศ วธิ กี ำรใชส้ ื่อ และนวตั กรรม วิธีกำรนำไปใช้ในกำรฝกึ ช่วงเวลำเรียน โดยใช้แบบฝึกท่ี ครูกำหนดแล ะ มี กำ ร วั ด ผ ล ฝึกทักษะตำมแบบฝึกท่ีกำหนด ไว้ และมีกำรตรวจผลงำน
เรอ่ื งรูปร่ำงรปู ทรง ๗ นำงขจีจติ สมมำศ ควำมหมำยและควำมสำคัญ ของรูปร่ำงรูปทรง รูปรำ่ ง (Shape) หมำยถึง เสน้ รอบ นอกทำงกำยภำพของวัตถุ สิง่ ของ เคร่อื งใช้ คน สตั ว์ และ พชื มลี กั ษณะ เป็น 2 มิติ มีควำมกวำ้ งและควำมยำว รูปทรง (Form) หมำยถึง โครงสรำ้ ง ท้งั หมดของวตั ถทุ ีป่ รำกฏแกส่ ำยตำใน ลักษณะ 3 มติ ิ คอื มที ั้งส่วนกวำ้ ง สว่ น ยำว ส่วนหนำ หรอื ลกึ คือ จะให้ ควำมรสู้ กึ เปน็ แทง่ มีเนอื้ ทีภ่ ำยใน มี ปรมิ ำตร และมีนำ้ หนกั
เรอื่ งรูปร่ำงรปู ทรง ๘ นำงขจีจิต สมมำศ รปู ร่ำงและรปู ทรงประเภทตำ่ งๆ รูปร่ำง รปู ทรง รปู รำ่ งในธรรมชำติและสง่ิ แวดล้อม ธรรมชำตแิ ละสิ่งแวดล้อมทเ่ี รำมองเห็นได้รอบๆตัว เรำมีรูปร่ำงแตกตำ่ งกนั ไป รูปร่ำงเป็นลักษณะระนำบ แบน 2 มิติ มคี วำมกว้ำงกับควำมยำว เกิดจำกเสน้ รอบนอกทีแ่ สดงพื้นท่ขี อบเขต โดยแบ่ง ออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื 1. รปู ร่ำงเรขำคณติ เป็นรูปร่ำงทม่ี โี ครงสรำ้ งแนน่ อน เกิดจำกกำรสร้ำงของมนษุ ย์สำมำรถระบุช่ือเรียกได้ ซง่ึ พบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น รปู รำ่ งสำมเหลีย่ ม รปู รำ่ งส่ีเหลย่ี ม รูปร่ำงวงกลม เป็นต้น 2. รูปรำ่ งอสิ ระ เปน็ รูปร่ำงที่ไมม่ ีโครงสรำ้ งแนน่ อน เปล่ียนแปลงไปตำมกำรเคล่อื นไหวของธรรมชำติ และสิง่ แวดลอ้ ม ไม่สำมำรถระบชุ อ่ื เรียกได้ชัดเจน เช่น รปู รำ่ งของใบไม้ ก้อนเมฆ ถงุ เทำ้ เป็นตน้
๙ เร่อื งรูปร่ำงรปู ทรง นำงขจีจิต สมมำศ รูปทรงในธรรมชำติและสง่ิ แวดล้อม รปู รำ่ งท่ีเรำมองเหน็ ในธรรมชำติและ สง่ิ แวดล้อม มลี กั ษณะตำ่ งกนั ไป โดยรูปร่ำงมี ลักษณะเป็น 3 มติ ิ นอกจำกแสดงควำมกว้ำง ควำมยำวแล้ว ยงั มีควำมลึก หรอื ควำมหนำทำ ใหร้ ูปทรงมีลักษณะสวยงำม และสมจริง มำกกวำ่ รปู ร่ำง รปู ทรงแบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ 1.รูปทรงเรขำคณติ เปน็ รปู ทรงทีม่ โี ครงสร้ำง แนน่ อนสำมำรถระบุชื่อเรียกได้ เชน่ ทรง ส่ีเหล่ยี มมมุ ฉำก ทรงกระบอก ทรงกลม พีระมิด กรวย 2.รูปทรงอิสระ เปน็ รปู ทรงที่มโี ครงสร้ำงไม่ แน่นนอน มีทั้งเกิดขึ้นตำมธรรมชำติและเกดิ ขึน้ จำกมนษุ ย์สรำ้ งขนึ้ เชน่ รปู ทรงของสัตวต์ ่ำงๆ รูปทรงก้อนหิน รูปทรงรองเท้ำ
เร่อื งรูปร่ำงรูปทรง ๑๐ นำงขจจี ิต สมมำศ รูปรำ่ งและรูปทรงธรรมชำติ รปู รำ่ งธรรมชำติ (Natural Shape) หมำยถึง รูปรำ่ ง ทีเ่ กิดข้ึนเองตำมธรรมชำตทิ ี่ เรำได้พบเหน็ กันอยู่ทุกวนั เชน่ คน สัตว์ พชื เป็นตน้ รปู ทรงจำกธรรมชำติ ( Natural Form) หมำยถึง รปู ทรงทเี่ กิดจำกสง่ิ มีชวี ิตใน ธรรมชำตเิ ชน่ คน สตั ว์ พชื โดยกำรนำมำ ถำ่ ยทอดเป็นงำนศลิ ปะในลักษณะ 3 มติ ิ รูปทรงประเภทน้จี ะใหค้ วำมรสู้ ึกมีชีวติ - รูปรำ่ งและรูปทรงอิสระ รปู ร่ำงอิสระ ( Free Shape ) หรอื เรยี กอีก อยำ่ งหนง่ึ ว่ำ Abstract shape หมำยถึง รูปรำ่ งทีถ่ ูก เปล่ยี นแปลงใหง้ ำ่ ยขนึ้ หรอื ตดั ตอนให้ผดิ เพี้ยนไปจำกควำมจริงอำจจะขยำย ขน้ึ ตัดทอน ดัดแปลงเพือ่ ให้เกดิ ควำมแปลก ใหม่
๑๑ เรอื่ งรูปร่ำงรูปทรง นำงขจจี ิต สมมำศ รูปทรงอิสระ ( Free form ) หมำยถึง รูปทรงท่ี เกิดขึ้นเองตำมธรรมชำติ หรือมนุษย์สร้ำงข้ึนไม่มี โครงสร้ำงเป็นมำตรฐำนแน่นอนเหมือนรูปทรง เรขำคณิตหรือรูปทรงจำกส่ิงมีชีวิต ได้แก่ รูปทรง ของก้อนหิน ก้อนกรวด ดิน หยดน้ำ ก้อนเมฆ เปลวไฟ คล่ืนน้ำ คลื่นทรำย รูปป้ันภำพเขียนเป็น ต้น รูปรำ่ งและรปู ทรงเรขำคณติ รปู รำ่ งเรขำคณติ ( Geometrical Shape ) หมำยถงึ รูปร่ำงท่ีมนุษย์สร้ำงข้นึ มีโครงสรำ้ ง แนน่ อน เช่นวงกลม สำมเหลย่ี ม สเี่ หล่ยี ม เป็นต้น รูปทรงเรขำคณติ (Geometrical Form ) หมำยถึง รูปทรงท่ีมนุษย์สร้ำงข้ึนด้วยเคร่ืองมือ ได้แก่ รูปทรงสำมเหล่ยี ม รูปทรงสี่เหลย่ี ม รูปทรง กลม เป็นต้น รูปทรงเหล่ำน้ีจะแสดง ควำม กว้ำง ควำมยำวและควำมหนำหรือควำมลึก มคี วำมเปน็ มวลหรือมีปริมำตร
เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง ๑๒ นำงขจจี ติ สมมำศ ขนั้ ตอนและวธิ ที ำ รูปรำ่ งรปู ทรง ๑. กำหนดเรือ่ งรำวที่ตอ้ งกำรวำด แล้วรำ่ งภำพด้วยดินสอเป็น ลำยเส้นบำงๆ
เร่ืองรปู ร่ำงรูปทรง ๑๓ นำงขจจี ติ สมมำศ ขั้นตอนและวิธที ำ รปู ร่ำงรปู ทรง ๒. ลงลำยเสน้ ใหเ้ หน็ ภำพชดั เจน แลว้ ลบเส้นท่ไี ม่ตอ้ งกำร
๑๔ เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง นำงขจีจิต สมมำศ ขนั้ ตอนและวิธที ำ รปู ร่ำงรปู ทรง ๓. ระบำยสีลงภำพรูปทรงทเ่ี ตรียมไว้ให้ สวยงำมเพื่อถ่ำยทอดควำมคิดและ ควำมรูส้ ึกตำมท่ีตอ้ งกำร และตกแต่ง ภำพให้สวยงำม (ส่วนรปู ร่ำง ไมต่ ้อง ระบำยสีคะ่ )
เรอ่ื งรปู ร่ำงรปู ทรง ๑๕ นำงขจีจิต สมมำศ ขัน้ ตอนและวิธที ำ รูปร่ำงรูปทรง ๔. ตกแตง่ ภำพรปู รำ่ งและรูปทรง ให้สวยงำมด้วยดินสอเน้อื ละเอยี ด
๑๖ เรอ่ื งรูปร่ำงรปู ทรง นำงขจีจติ สมมำศ ข้นั ตอนและวธิ ที ำ รูปร่ำงรูปทรง ๕. ภำพสำเร็จ
๑๗ เร่ืองรปู รำ่ งรูปทรง นำงขจจี ิต สมมำศ แบบฝกึ ทักษะ รูปรำ่ ง รูปทรงในธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นวำดภำพรปู ร่ำงและรูปทรงของสิ่งของดังกล่ำวลงในกรอบท่ีกำหนด พรอ้ มกับสรปุ ลักษณะของรปู ร่ำงและรปู ทรง รูปร่ำงรปู ทรงของส่งิ ทอี่ ยใู่ นธรรมชำติ รปู ร่ำงมลี กั ษณะเปน็ ....................................................................................... รปู ทรงมีลกั ษณะเปน็ ....................................................................................... ชือ่ ....................................................................เลขที่..................ชั้น..................
๑๘ เร่อื งรปู รำ่ งรูปทรง นำงขจจี ิต สมมำศ แบบฝกึ ทกั ษะ รูปรำ่ ง รปู ทรงในธรรมชำตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนวำดภำพรปู ร่ำงและรูปทรงของส่งิ ของดังกล่ำวลงในกรอบท่ีกำหนด พรอ้ มกับสรปุ ลักษณะของรูปรำ่ งและรปู ทรง รูปรำ่ งรูปทรงของสิง่ ทม่ี นุษยส์ ร้ำงขน้ึ รูปรำ่ งมีลกั ษณะเปน็ ....................................................................................... รปู ทรงมลี กั ษณะเปน็ ....................................................................................... ช่ือ....................................................................เลขที่..................ช้ัน..................
๑๙ เรอ่ื งรูปร่ำงรปู ทรง นำงขจีจติ สมมำศ อำ่ นคำชแี้ จงใหเ้ ขำ้ ใจ แล้วลองมำทำกนั ดูนะคะ
๒๐ เรอ่ื งรปู รำ่ งรปู ทรง นำงขจจี ิต สมมำศ ภำคผนวก
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๑ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๒ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๓ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๔ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๕ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๖ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๗ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๘ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๒๙ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๐ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๑ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๒ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๓ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๔ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๕ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๖ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๗ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๘ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๓๙ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๐ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๑ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๒ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๓ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๔ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง ๔๕ นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
๔๖ เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
๔๗ เรอ่ื งรูปร่ำงรูปทรง นำงขจีจติ สมมำศ ผลงำนนักเรียน
Search