ศูนย์การเรียนรู้ค่ายสุรสีห์ตามแนวพระราช

ศนู ย์การเรยี นร้คู า่ ยสุรสีห์ตามแนวพระราชปรัชญา จังหวดั ทหารบกกาญจนบรุ ี ศูนย์การเรียนรูค้ า่ ยสุรสหี ์ ตามแนวพระราชปรชั ญา ต้ังอยู่ที่ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมือง จงั หวัด กาญจนบุรีซ่งึ เป็นพ้ืนท่ีภายในมณฑลทหารบกท่ี 17 จงั หวัดทหารบกกาญจนบุรี มีพืน้ ท่ีกวา่ 350 ไร่ โดยศนู ยก์ าร เรยี นร้แู หง่ นไ้ี ด้แบ่งพน้ื ที่ออกเปน็ 3ส่วน คือ พนื้ ท่ีทางทิศเหนือและพ้นื ทท่ี างทิศใต้เน้ือทร่ี วมกันประมาณ 220 ไร่ ถูกกนั ไว้เปน็ พน้ื ท่ีปา่ มีมาตรการปอู งกนั ไมใ่ ห้มีการตัดไม้ทาลายป่าในบรเิ วณดังกล่าว ส่วนพน้ื ที่ท่เี หลอื อกี ประมาณ 130 ไรถ่ กู จัดเปน็ พนื้ ที่ทางการเกษตร มีการขุดคคู ลองรับน้า ทาตล่ิง (ขนาดกวา้ ง 7 เมตรลกึ 3 เมตร) และสร้าง ฝายชะลอนา้ (ตน้ นา้ 1 ตวั และปลายนา 1 ตวั ) โดยผ้อู านวยการศูนยก์ ารเรยี นรู้คา่ ยสรุ สีห์คนแรก คือ พนั เอก เยย่ี มชัย บตุ รดาวงษ์ ศนู ยก์ ารเรียนรู้ค่ายสุรสหี ์เป็นแหล่งเรยี นรูท้ ส่ี าคัญใหก้ ับนักเรยี น นักศึกษา และ ประชาชนทั่วไป ในการศึกษาเรียนร้ตู ามแนวทางพระราชปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิ พลอดลุ ยเดช เพ่อื นาไปประยุกตใ์ ช้ใหเ้ กิดประโยชนท์ ัง้ ต่อตนเอง สงั คม และประเทศชาติโดยเปดิ ใหบ้ รกิ ารใน วนั จันทร์ - วันเสาร์ ในเวลาราชการ

การประมง ไดแ้ ก่ 1) การเลย้ี งปลาดกุ เป็นการเล้ยี งปลาดุกนาในบ่อดนิ โดยใช้ระยะเวลาเลย้ี ง 4 เดือน ซง่ึ การเล้ยี ง ปลาใน บ่อดนิ จะทาให้ปลาไมม่ ีกล่นิ คาว และนอกจากน้ียงั สามารถนาเลนในบอ่ ไปทาบ่ออนิ ทรีย์ได้

ปลูกปา่ ในใจคน ปลกู ป่าในใจคน พื้นที่ของศนู ยก์ ารเรยี นรู้แห่งนี้มพี นื้ ที่ป่าอยู่ 2 แหง่ คือ 1) ผนื ป่าฝ่ังทางตะวันตก เป็นป่าเบญจ พรรณ เน้อื ทปี่ ระมาณ 100 ไร่ โดยปล่อยให้คงสภาพป่าเดมิ ไวแ้ ละมกี ารก้ันขอบเขตไว้เพ่ือปูองกันการบุกรุกทา ลายป่า 2) ผืนป่าฝั่งทางตะวันออก เป็นป่าเบญจพรรณเนื้อท่ีประมาณ 120 ไร่ ถูกนามาจัดเป็นโซน “ปลูกป่า ในใจคน” เพ่ือให้คนได้เห็นถึงประโยชน์และความสาคัญของป่าไม้รวมถึงการรักษาผืนป่า ซ่ึงเม่ือคน ได้รับ ความรู้และความเขา้ ใจแลว้ คนก็จะสามารถอยู่รว่ มกับป่าได้ และช่วยรกั ษาผนื ป่าใหค้ งอย่ตู ลอดไป

พืชสมุนไพร จากการสารวจป่าเบญจพรรณในพื้นที่แห่งน้ี ทาให้พบว่ามีพืชสมุนไพรอยู่หลาย ชนิด จึงจัดเป็นโซน สาธิตข้ึนภายในพ้ืนที่ปลูกป่าในใจคน เพ่ือให้ความรู้เก่ียวกับพืชสมุนไพร อีกทั้ง ยังได้นาพืช สมุนไพรบางชนิด มาปลูกเพิ่มเตมิ ไวด้ ว้ ย เชน่ 1) ว่านหางจระเข้ นายางมาทาหนา้ จะทาให้หน้าขาวใส ส่วนวุ้นสามารถใช้ทาแผล ไฟไหม้ น้าร้อนลวก 2) ว่านงาช้าง รากนิยมนามาดองสุรา ทาให้น้าคาวปลาแห้งเร็ว 3) ล้ินมังกร ช่วยฟอก อากาศ 4) เถาวัลย์เปรียง แก้อาการปวดหลัง 5) วาสนาเลื้อย นามาต้มอาบ แก้อาการคัน 6) ดีปลีใช้เป็น เครอื่ งเทศ ชว่ ยขบั ลม ชว่ ยให้เจรญิ อาหาร 7) หนุมานประสานกาย รักษาโรคหอบหืด 8) ฟักข้าว มีสารต่อต้าน อนมุ ูลอสิ ระยอดสามารถนาไปจิม้ น้าพรกิ ไดส้ ว่ นลกู ออ่ นนยิ มนาไปทาแกงสม้ 9) หญ้าปักกิ่ง มีสารต่อต้านอนุมูล อสิ ระ และช่วยผ่อนคลาย 10) พลูคาว มีสารต้านมะเร็ง แต่ใบจะมีกลิ่นคาวเหมือนปลา 19 11) หูเสือ ปูองกัน มะเร็งตอ่ มลูกหมาก สว่ นใบใหน้ าไปย่างไฟอ่อน แลว้ คน้ั เอานา้ นามาเทใส่หู ช่วยแก้อาการปวดหู 12) ชะพลูใบ สด ใช้ทานช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร ช่วยให้เจริญอาหาร ส่วนรากเม่ือนาไปต้มด่ืม ช่วยแก้ความดัน 13) มะละกอกินใบ (ผักคะนา้ เมก็ ซกิ ัน ผักหวานญี่ปุ่น ผักไชยา ผงชูรส) รักษาโรคหืดหอบ 14) เสลดพังพอน นาใบ มาขยใี้ หล้ ะเอยี ดผสมกับสรุ าขาว ใช้ทาแก้งูสวัดเริม สาหรับเสลดพังพอน เพศเมีย ชาวเหนือนิยมเอาไปทาแกง แค 15) ผักชีลาวฝรั่ง ช่วยลดความดันโลหิตสูง บารุงหัวใจ แก้หอบหืด อาการปวดท้องแน่นท้อง ช่วยขยาย หลอดเลอื ด แกโ้ รคเบาหวาน 16) เหงือกปลาหมอแก้อาการคนั เปน็ ยาอายุวฒั นะช่วยบารงุ ประสาท รักษาระดูขาว แกล้ มพิษ

พลงั งานทดแทน พลังงานทดแทน มีการสร้างพลังงานเพื่อไว้ใช้เอง โดยศูนย์การเรียนรู้แห่งน้ีได้ศึกษาและ พัฒนา พลงั งานทดแทนข้นึ มา ไดแ้ ก่ 1) การผลิตก๊าซชีวภาพ เป็นการนาอุจจาระมาหมักไว้ในบ่อเกรอะ ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร เป็นเวลา 4 เดือน จนเกิดก๊าซมีเทน จากน้ันจึงนามาบรรจุไว้ในถังพลาสติกลักษณะคว่า หงายโดยมนี า้ หล่อถงั ไวใ้ ชเ้ ป็น เชอื้ เพลงิ ในการทาอาหารได้ ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์โดยการนาเอาของสดมาใส่ในตู้พอแดดส่องเข้ามาเกิดความร้อน ไอน้าจะ ระบายออกทางช่องทางท่ีทาเป็นหน้าต่างไว้ ซึ่งอุณหภูมิภายในตู้อบจะร้อนกว่าอุณหภูมิภายนอก 5 องศา เซลเซียส จักรยานตะบนั น้า จกั รยานตะบนั น้า เปน็ การปนั่ จกั รยานเพื่อสูบนา้ ขึน้ มาจากบอ่ แทนการใช้พลังงานทสี่ ้นิ เปลอื ง โดยจะติดตั้ง สปรงิ เกอร์ไว้ตามตน้ ไม้ตา่ ง ๆ เพือ่ ที่เวลาสบู นา้ ข้ึนมา น้าจะถกู ปลอ่ ยไปรดน้าต้นไมเ้ หลา่ น้ัน

เตาเผาถ่าน เตาเผาถา่ น ควนั ทีเ่ กิดจากการเผาถา่ นจะทาให้เกดิ น้าส้มควนั ไม้ โดยท้งิ ประมาณ 3 เดอื น จงึ จะนามาใช้ไดม้ ี ประโยชน์ในการปูองกันศัตรูพืช