Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ilovepdf_merged (1)

ilovepdf_merged (1)

Published by tawachai utsasan, 2021-02-01 03:46:07

Description: ilovepdf_merged (1)

Search

Read the Text Version

ค่มู ือหลักสตู รสถานศกึ ษาการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน สาหรับผูเ้ รยี นพิการ ศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาหรบั ความบกพรอ่ งทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้นาไปสู่การปฏิรูปการศึกษาให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันทางสังคม ต่าง ๆ มีสิทธิและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ทาให้การศึกษามีความหลากหลาย ผู้เรียนมีโอกาส และมีทางเลือกมากย่ิงข้ึน สาหรับรูปแบบและวิธีการในการจัดการศึกษานั้น พระราชบัญญัติ การศกึ ษาแห่งชาตไิ ดเ้ ปดิ โอกาสใหจ้ ัดการศกึ ษาไดห้ ลายรูปแบบ ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้มีความยืดหยุ่น สนองต่อเจตนารมณ์ ความแตกต่าง และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยการจัดการศึกษาแต่ละรูปแบบสามารถเทียบโอนผล การเรียนระหว่างกันได้ เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ซ่ึงได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เปา้ หมายของคณุ ภาพผู้เรียน ครอบคลมุ การจดั การศกึ ษาทกุ รปู แบบ ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อเป็นหลักประกันว่า ผู้เรียนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ทุกคนมีโอกาสในการได้รับการศึกษาท่ีมีคุณภาพเท่าเทียมกัน แต่ให้มีความยืดหยุ่นในทางปฏิบัติ โดยเปิดโอกาสให้การจัดการศึกษากลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถปรับใช้หลักสูตรแกนกลาง ฯ ใหส้ อดคล้องเหมาะสมกบั สภาพและบริบทนน้ั ๆ ด้วยเหตุท่ีการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมีหลากหลายรูปแบบ และมีความแตกต่างกันในหลายมิติ ท้ังเป้าหมาย วัตถุประสงค์การจัดการศึกษา จุดเน้นหรือ ความต้องการเฉพาะ ปรัชญาความเช่ือ วิธีการบริหารจัดการ สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ได้มีการพัฒนาหลักสูตรการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเร่ิม และโปรแกรมการพัฒนาทักษะ การดารงชวี ิตสาหรบั เดก็ พกิ ารมาอยา่ งต่อเนื่อง ท้ังน้ีเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ คือ เด็กพิการ ได้รับ การพัฒนาอย่างรอบด้าน แต่ยังพบว่า ขอบข่าย เนื้อหา พัฒนาการที่คาดหวัง และแนวทางใน การจัดกจิ กรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ยังไม่ครอบคลุมกับความต้องการจาเป็นพิเศษของผู้เรียน อยา่ งแทจ้ ริง และแนวโน้มของชุมชน สังคมของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมแห่งเทคโนโลยี สารสนเทศท่ที ันสมยั มากข้ึน ดังน้ัน เพื่อให้การจัดการศึกษาสาหรับเด็กพิการมีความสอดคล้องกับความต้องการจาเป็น พิเศษ และสอดคลอ้ งกับสภาวการณใ์ นปัจจบุ ัน เออ้ื ประโยชน์ต่อเด็กพิการ ท่ีรับบริการด้านการศึกษา จากหน่วยงานที่เก่ียวข้องในรูปแบบท่ีแตกต่างกัน รวมถึงการนาเทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก มาประยุกต์ใช้และปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ตามประเภท ระดับความพิการ และศักยภาพ ที่มุ่งให้เด็กพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึน สานักงาน

คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงได้จัดทาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ข้ันพื้นฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ข้ึน เพื่อให้สถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มีความเข้าใจที่ชัดเจนตรงกันเก่ียวกับการจัดการศึกษาของเด็กพิการ บทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และสามารถนาข้อกาหนดแนวทางที่นาเสนอในเอกสารไปพิจารณาในการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษาสาหรับสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาสาหรับเด็กพิการ ทั้งในส่วนของเป้าหมาย โครงสร้าง ของหลกั สูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ตลอดจนการเทียบโอนผลการเรียน ได้อย่างเหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนพิการ ตามเจตนารมณ์ของการปฏริ ูปการศกึ ษาตอ่ ไป ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปางเป็นศูนย์นาร่องทดลองใช้หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ จึงได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สาหรับผู้เรียนพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ โดยกาหนด เป้าหมาย โครงสร้างของหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตลอดจน การเทียบโอนผลการเรียนให้เหมาะสมตามศักยภาพและความต้องการจาเป็นพิเศษของผู้เรียนแต่ละ บุคคล เป็นการเปิดโอกาสและทางเลอื กให้กับผ้เู รยี นทีไ่ มส่ ามารถเรยี นรวมในระบบการศกึ ษาท่ัวไปได้ การจดั การศึกษาสาหรบั ผเู้ รียนทม่ี ีความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ เพ่ือให้เกิดความ เหมาะสมและสอดคล้องกับประเภทความพกิ าร ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวัดลาปาง จึงไดจ้ ัดทา คู่มือหลักสูตรสถานศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานสาหรับผู้เรียนพิการ ศูนย์การศึกษา พเิ ศษประจาจงั หวดั ลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาหรบั ความบกพรอ่ งทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ เพ่ือ เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาหรับผู้เรียนท่ีมีความบกพร่อง ทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ โดยเพิ่มเติมทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ประกอบดว้ ย สามารถจัดการกบั อารมณ์ของตนเองได้ ควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้อย่างเหมาะสม ปรับตวั ในการอยู่ร่วมกับสังคม และสามารถใช้เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก ท้ังน้ี ศูนย์การศึกษา พเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง หวังเป็นอยา่ งย่งิ วา่ คมู่ อื ฉบบั นี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนใช้เป็นคู่มือใน การดาเนินงานจดั การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานสาหรบั ผูเ้ รยี นท่ีมีความบกพร่องทาง พฤตกิ รรมหรอื อารมณ์ ให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพอยา่ งสงู สดุ (นางสุรัญจิต วรรณนวล) ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวัดลาปาง

สารบัญ หนา้ คานา สารบญั บทที่ ๑ หลกั สตู รสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน สาหรับผู้เรยี นพกิ าร ศนู ยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจังหวดั ลาปาง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓ สาหรับความบกพร่องทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ หลักการ จุดหมาย กลุ่มเป้าหมาย โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขนั้ พ้ืนฐาน สาหรับผ้เู รยี นพกิ าร ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ การจดั ทาหลักสูตร สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียน เกณฑ์การจบหลักสตู ร เอกสารหลกั ฐานการศึกษา การเทียบโอนผลการเรยี น การบรหิ ารหลกั สตู ร บทท่ี ๒ แนวทางการนาหลกั สตู รไปใช้ ขน้ั ตอนการนาหลักสตู รไปใช้ การจัดการเรยี นรู้โดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั การประสานงานเครือข่ายทเ่ี ก่ียวข้อง บทบาทหนา้ ที่ของผู้ทเ่ี กีย่ วข้อง การนเิ ทศ ติดตาม และการประเมนิ ผล

สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ บทท่ี ๓ แนวทางการวัดและประเมนิ ผล บทนา หลักการ กรอบการวดั และประเมนิ ผลการเรียน เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรียน เกณฑ์การจบหลักสูตร การบรหิ ารการวัดและประเมินผล บทท่ี ๔ การบรหิ ารงานธรุ การ การประชาสัมพันธ์ การแนะแนว การย้ายสถานศึกษาของผูเ้ รยี น การรายงานข้อมูลผเู้ รียน บทท่ี ๕ การบริหารงานทะเบยี นและการตรวจสอบวฒุ ิการศึกษา งานทะเบียนนักเรยี น หลักฐานการศกึ ษา การตรวจสอบวฒุ ิการศึกษา การจดั เกบ็ เอกสารและหลักฐานการศึกษา ภาคผนวก แบบฟอร์มตา่ ง ๆ ใบสมัครเขา้ รับบริการ คณะผ้จู ดั ทา

บทที่ ๑ หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐานสาหรับผู้เรยี นพิการ ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ สาหรับความบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรอื อารมณ์ พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา 8 กาหนดให้สถานศึกษา ในทุกสงั กัดและศูนย์การเรยี นเฉพาะความพิการอาจจัดการศึกษาสาหรับคนพิการ ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งการเรียนร่วม การจัดการศึกษาเฉพาะความพิการ รวมถึง การให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพ การพัฒนาศักยภาพในการดารงชีวิตอิสระ การพัฒนาทักษะพ้ืนฐานที่ จาเป็น การฝึกอาชีพ หรือการบริการอ่ืนใด ซ่ึงหมายถึงคนพิการตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศ กาหนดประเภท และหลักเกณฑ์ ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. 2552 ไว้ 9 ประเภท ได้แก่ 1) บุคคลท่ีมีความบกพร องทางการเห็น 2) บุคคลท่ีมีความบกพร องทางการได้ยิน 3) บุคคลที่มี ความบกพรองทางสติปัญญา 4) บุคคลที่มีความบกพรองทางร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว หรือสุขภาพ 5) บุคคลที่มีความบกพร องทางการเรียนรู 6) บุคคลท่ีมีความบกพร องทางการพูดและภาษา 7) บุคคลทม่ี คี วามบกพรองทางพฤตกิ รรมหรืออารมณ์ 8) บคุ คลออทิสตกิ และ 9) บุคคลพิการซอ้ น สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จึงเห็นสมควรพัฒนาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สาหรับเด็กพิการ พุทธศักราช 2563 ขึ้น โดยนาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มาเป็นกรอบแนวทางและกาหนดทิศทางเพ่ือส่งเสริมทักษะชีวิตของเด็กพิการ เพ่ือให้ เด็กพิการได้รับการช่วยเหลือและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่จาเป็นสาหรับการดารงชีวิตในปัจจุบัน รวมท้ัง ไดร้ ับการเตรียมความพร้อมเปลยี่ นผ่านไปสู่ช่วงชวี ิตใหม่ภายใต้การวางแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล และแผนการเปลี่ยนผ่านเฉพาะบุคคล ท้ังนี้ เพื่อให้เด็กพิการสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมท่ีมี การเปล่ียนแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคานึงถึงธรรมชาติ การเรียนรู้ของเด็กพิการที่อยู่นอกระบบท่ีสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ความเจรญิ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการส่อื สาร

หลกั การ หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สาหรับผู้เรียนพิการ ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ มีหลักการท่สี าคญั ดงั นี้ ๑. เปน็ หลักสูตรการศึกษาที่ตอบสนองสิทธิและโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้เรียนพิการท่ีตกหล่น จากระบบการศึกษา ให้ได้รับส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ และบริการอ่ืนใดทางการศึกษาท่ีตรงตาม ความต้องการจาเปน็ พิเศษ ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมุ่งส่งเสริมผู้เรียนพิการให้ได้รับการพั ฒนาตามธรรมชาติ เต็มศักยภาพโดยมีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายการพัฒนาให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม ภายใต้ความร่วมมอื ของทกุ ภาคสว่ น ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โครงสร้างมีความยืดหยุ่นทั้งด้านสาระ การเรียนรู้ เวลา และการจัดการเรียนรู้ที่ให้ความสาคัญกับความต้องการจาเป็นพิเศษแบบองค์รวม ในระบบนิเวศวิทยาที่สมั พนั ธก์ ับชีวติ และครอบครัว ๔. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบทคี่ รอบคลมุ ทุกประเภทความพิการทางการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สาหรับผู้เรียนพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความสุข มีปัญญา มีศักยภาพในการดารงชีวิต ศึกษาต่อ ทางาน และประกอบอาชีพ จึงได้กาหนดเป็นจุดหมาย ใหเ้ กิดกบั ผู้เรียนเม่ือจบการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ดงั นี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสือ่ สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชวี ติ ๓. มีสขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ทด่ี ี มีสุขนิสัย และรกั การออกกาลังกาย

๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิต และ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มจี ิตสาธารณะทมี่ งุ่ ทาประโยชน์และสรา้ งสิง่ ทดี่ งี ามในสังคม และอยู่รว่ มกนั ในสังคม อยา่ งมคี วามสขุ กล่มุ เปา้ หมาย ผเู้ รียนพกิ ารท่ีไม่ไดอ้ ย่ใู นระบบโรงเรยี น ได้แก่ บคุ คลท่ีมคี วามบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ โดยมีรายละเอียดตาม ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กาหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการ ทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๒ (๒๕๕๒) ดังนี้ บุคคลที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ได้แก่ บุคคลท่ีมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจาก ปกติเป็นอย่างมาก และปัญหาทางพฤติกรรมน้ันเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงเป็นผลจากความบกพร่อง หรือ ความผิดปกติทางจิตใจหรือสมองในส่วนของการรับรู้ อารมณ์หรือความคิด เช่น โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า โรคสมองเสอ่ื ม เปน็ ตน้

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษาการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน สาหรับผู้เรยี นพิการ ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ ผู้เรียนต้องเรียนทุกสาระ ใช้เวลาเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับ ไม่น้อยกว่า ๔ ปี และ ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ใช้เวลาเรียนท่ีต่อจากการศึกษาภาคบังคับ ไม่น้อยกว่า ๒ ปีการศึกษาหรือ ๔ ภาคเรยี น สาหรับปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามหลักสูตร ใหส้ ถานศกึ ษาจดั สรรเวลาให้ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรม ดงั น้ี ระดบั การศกึ ษา ภาคบังคับ (๔ ป)ี ขัน้ พื้นฐาน (๒ ป)ี มัธยมศึกษาตอนปลาย สาระการ ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนตน้ วชิ าบังคับ วิชาเลือก เรียนรู้ วชิ าบังคับ วิชาเลือก วชิ าบังคบั วิชาเลอื ก มาตรฐาน ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ัตวชี้วัด มาตรฐาน ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ตัวชี้วัด มาตรฐาน ตัวชี้วัด มาตรฐาน ตัวช้ีวัด ๑. สาระการ ๔ ๕๑ ๔ ๕๙ ๔ ๕๘ ดารง ชีวติ ประจาวั ๖ ๕๙ ๖ ๕๙ นและการ ๓ ๓๓ ๓ ๓๓ จัดการ ตนเอง ๒. สาระการ ๖ ๖๒ เรียนรูแ้ ละ ความรู้ พื้นฐาน ๓. สาระการ ๓ ๓๐ เรียนรู้ทาง สังคมและ

การเปน็ ระดบั การศกึ ษา พลเมอื งที่ เขม้ แข็ง ภาคบังคบั (๔ ป)ี ขน้ั พ้นื ฐาน (๒ ป)ี มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สาระการ ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น วชิ าบังคบั วิชาเลอื ก เรยี นรู้ วิชาบังคบั วิชาเลอื ก วิชาบงั คับ วิชาเลอื ก มาตรฐาน ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ัตวชี้วัด มาตรฐาน ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ตัวชี้วัด มาตรฐาน ตัวชี้วัด มาตรฐาน ตัวช้ีวัด ๔. สาระการ ๕ ๔๘ ๕ ๔๘ ๕ ๔๗ ๒๐ งานพนื้ ฐาน ๒๐ อาชพี ๘ ๒๐ ๘ ๒๐ ๘ ๕. ทักษะ ๒๐ ๑๘ ๒๐ ๑๘ จาเป็นเฉพาะ ๑๙๑ ๘ ๑๙๙ ๘ ๑๙๗ ๘ ความพิการ* ๔๐ ชวั่ โมง ๔๐ ชั่วโมง ๔๐ ช่ัวโมง รวม ๑๘ กจิ กรรม พฒั นาผู้เรยี น โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สาหรับผู้เรียนพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ สาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทาง พฤติกรรมหรืออารมณ์ประกอบด้วย ๑. สาระการเรียนรู้ ๔ สาระ และทักษะจาเป็นเฉพาะความพิการ ได้แก่ สาระการดารง ชีวิตประจาวันและการจัดการตนเอง สาระการเรียนรู้และความรู้พ้ืนฐาน สาระการเรียนรู้ทางสังคมและ การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง สาระการงานพื้นฐานอาชีพ และทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทาง พฤตกิ รรมหรอื อารมณ์ ๒. จานวนมาตรฐานและตัวชี้วัดของสาระการเรยี นรู้ ๔ สาระ แบง่ ออกเปน็

ระดบั การศกึ ษาภาคบงั คับ ๑) ระดบั ประถมศึกษา มีทง้ั หมด ๑๘ มาตรฐาน ๑๙๑ ตัวชวี้ ดั ทกั ษะจาเป็นเฉพาะความ พิการ ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตัวช้วี ัด จานวนตวั ชี้วัดใหย้ ืดหยนุ่ ตามความต้องการจาเปน็ ของแต่ละบุคคล ๒) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น มที ั้งหมด ๑๘ มาตรฐาน ๑๙๙ ตวั ชี้วดั ทักษะจาเป็นเฉพาะ ความพิการ ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ชว้ี ดั จานวนตัวชี้วัดให้ยืดหยุ่นตามความต้องการจาเป็นของแต่ละบคุ คล ระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มที ั้งหมด ๑๘ มาตรฐาน ๑๙๗ ตวั ช้ีวัด ทกั ษะจาเปน็ เฉพาะความ พกิ าร ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตัวชว้ี ดั จานวนตวั ช้วี ัดใหย้ ดื หยนุ่ ตามความต้องการจาเปน็ ของแต่ละบุคคล ๓. ผเู้ รียนตอ้ งทากิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๓.๑) ระดับการศึกษาภาคบังคบั เวลาทากิจกรรมไม่น้อยกว่า ๔๐ ช่ัวโมง ๓.๒) ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานต่อจากการศึกษาภาคบังคับ เวลาทากิจกรรมไม่น้อยกว่า ๔๐ ชัว่ โมง





บทท่ี ๒ แนวทางการนาหลกั สตู รไปใช้ ข้ันตอนการนาหลักสูตรไปใช้ ๑. วิเคราะห์ผ้เู รียน ๒. วิเคราะหห์ ลักสตู ร ๓. ประชมุ จดั ทา IEP ๔. พฒั นาศักยภาพ เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมายตาม IEP ๖. ทบทวนแผน ๕. วดั และประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ๗. สรุปผลการเรยี น ๑. วเิ คราะห์ผู้เรยี น ๑.๑ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับผ้เู รียน ได้แก่ ประวัติครอบครัว ประวัติทางการแพทย์ ประเภทความพิการ รวมถึง การสงั เกต การสมั ภาษณ์ การซกั ประวตั ิ สังคมมิติ และการเยีย่ มบา้ น เป็นต้น ๑.๒ ข้อมลู ผลการเรยี นรูเ้ ดมิ ทีม่ ี ๑.๓ ใชแ้ บบประเมนิ ความสามารถพน้ื ฐานตามพฒั นาการ ๑.๔ ใชแ้ บบประเมินเฉพาะของแต่ละสหวิชาชพี ฯลฯ ๑.๕ ข้อมลู เพิ่มเติมอ่ืน ๆ เช่น สอ่ื เทคโนโลยี และส่ิงอานวยความสะดวก

๒. วเิ คราะห์หลักสูตร พิจารณาโครงสร้างของหลักสูตร สาระ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และสมรรถนะให้ตรงกับระดับ การศึกษาของผเู้ รยี น ๓. ประชมุ จดั ทา IEP ๓.๑ การจัดทาแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทา แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบคุ คล และตรวจสอบหรือประเมินพัฒนาการ ๓.๒ การจัดทาแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคุ คล (IEP) มอี งคป์ ระกอบ ดังน้ี ๓.๒.๑ ข้อมูลท่ัวไป ๓.๒.๒ ขอ้ มูลดา้ นการแพทย์หรอื ดา้ นสขุ ภาพ ๓.๒.๓ ขอ้ มลู ดา้ นการศกึ ษา ๓.๒.๔ ข้อมลู อืน่ ๆ ทีจ่ าเป็น ๓.๒.๕ การกาหนดแนวทางการศกึ ษาและการวางแผนการจัดการศึกษาพเิ ศษ ๓.๒.๖ ความต้องการด้านสิ่งอานวยความสะดวก เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ บรกิ าร และความช่วยเหลอื อืน่ ใดทางการศึกษา ๓.๒.๗ คณะกรรมการจัดทาแผน ๓.๒.๘ ความเหน็ ของบิดา มารดา ผปู้ กครอง หรือผเู้ รยี น ๔. พฒั นาศักยภาพ เพ่อื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตาม IEP ๔.๑ จัดทาแผนการสอนเฉพาะบุคคล (IIP) โดยนาจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม (เป้าหมายระยะส้ัน) ที่กาหนดในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล มาดาเนินการจัดทาแผนการสอนเฉพาะบุคคล โดยการวิเคราะห์งานหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยการเรียงลาดับกิจกรรมที่ง่ายไปสู่กิจกรรมที่ยากขึ้น หรือกิจกรรมท่ีเป็นรูปธรรมไปสู่กิจกรรมท่ีเป็นนามธรรม ให้เหมาะสมกับความต้องการจาเป็นพิเศษของ ผู้เรยี นแตล่ ะบุคคล ๔.๒ ในการจัดกิจกรรมให้คานึงถึงแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ของผู้เรียนแต่ละคน เพ่อื ให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการจาเป็นตามที่วางแผนไว้

๔.๓ ในบางทักษะที่จาเป็นเฉพาะความพิการหรือบางทักษะที่เป็นปัญหาของผู้เรียน อาจต้อง จดั การเรยี นการสอนเปน็ รายบุคคล ๕. วดั และประเมินผลตามสภาพจริง ประเมินตามแผนการสอนเฉพาะบคุ คล (IIP) การประเมินผลหลังพัฒนาเปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีระบุไว้ ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือแผนให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว ซ่ึงมี ๕ ระดับ เป็น ระบบตวั เลข คือ ๔, ๓, ๒, ๑, ๐ ๖. ทบทวนแผน ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนหรือให้บริการ ต้องมีการประเมินผลการจัดกิจกรรม โดยใช้ เกณฑ์ที่กาหนดสาหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษแต่ละบุคคล วิธีการประเมินขึ้นอยู่กับ ขอ้ กาหนดของกิจกรรม เช่น หากกิจกรรมกาหนดใหเ้ ด็กปฏิบัติ แสดงวา่ การประเมินจะเน้นการปฏิบัติของ ผู้เรียนซึ่งผู้สอนจะใช้การสังเกตหรือการทดสอบก็ได้ ในการประเมินแต่ละครั้งจะต้องมีการเก็บรวบรวม ข้อมูล เพ่ือนามาสรุปความก้าวหน้าของผู้เรียนและการใช้แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ตลอดจน มีการรายงานความก้าวหน้าโดยมีพ่อแม่หรือผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินผล และร่วม ตัดสินใจในการทบทวนและปรับแผนให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการจาเป็นพิเศษ ของผเู้ รียนเฉพาะบคุ คล ซึ่งควรประเมินเพือ่ ทบทวนและปรับแผนอย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 คร้งั 7. สรุปผลการเรยี น 7.1 สรุปผลการประเมินเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) และรายงานผูบ้ รหิ าร และผู้ปกครอง 7.2 สรุปผลการประเมินท้ัง 4 สาระการเรียนรู้ และทักษะจาเป็นสาหรับความบกพร่องทาง พฤติกรรมหรืออารมณ์ ตามมาตรฐาน ตัวบ่งช้ี และสภาพที่พึงประสงค์ในชว่ งอายุของผูเ้ รยี นทุกมาตรฐาน และรายงานผู้บริหาร และผู้ปกครอง

การจัดการเรียนรู้โดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั การจัดการเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีบทบาทสาคัญในกระบวนการเรียนรู้ ซ่ึงบทบาท ของครูจะเปล่ยี นแปลงจากเปน็ ผูช้ ี้นา หรอื ผถู้ า่ ยทอดความรู้ เป็นผู้ชว่ ยเหลอื อานวยความสะดวก สง่ เสรมิ สนับสนุนผู้เรียนในการแสวงหาความรู้ ลงมือปฏิบัติ และสร้างสรรค์ความรู้ โดยใ ช้วิธีการต่าง ๆ ทห่ี ลากหลาย ทง้ั นี้ โดยคานงึ ถงึ ความถนดั ความสนใจ และความต้องการจาเป็นพเิ ศษของแตล่ ะบคุ คล การประสานงานเครอื ข่ายทีเ่ กย่ี วข้อง สาหรับการดาเนินงานการจัดการศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ของภาคีเครือข่ายให้ทาความตกลงร่วมกัน ในการจัดการศกึ ษานอกระบบ ดงั นี้ ๑. หน่วยงานรัฐให้สถานศึกษา จัดทาข้อตกลงร่วมกันในการดาเนินงานจัดการศึกษานอกระบบ หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาช้ันพ้ืนฐานสาหรับผเู้ รียนพิการ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓ ๓. หน่วยงานเอกชน ประเภทสถานประกอบการ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงาน บริษัท อ่ืน ๆ ใหส้ ถานศึกษา จดั ทาขอ้ ตกลงร่วมในการดาเนินงานจดั การศึกษานอกระบบ หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาช้ันพื้นฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็น รายบคุ คลภายในหน่วยงานน้ัน ๆ ๓. กรณีโรงเรยี นเอกชน ใหส้ ถานศกึ ษา จัดทาข้อตกลงร่วมภายใตเ้ ง่ือนไขดังตอ่ ไปน้ี ๓.๑ มใี บอนุญาตขอจดั ต้งั โรงเรียน ๓.๒ จัดทาขอ้ ตกลงรว่ มกันในการดาเนินงานจัดการศึกษานอกระบบ หลกั สูตรการศกึ ษา นอกระบบระดับการศึกษาชนั้ พน้ื ฐานสาหรบั ผเู้ รยี นพกิ าร พุทธศักราช ๒๕๖๓ บทบาทหน้าทข่ี องผเู้ ก่ยี วข้อง ประกอบด้วย 1. ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา 2. ครแู ละบุคลากรท่ีเกย่ี วข้อง 3. ผู้เรียน 4. คณะกรรมการสถานศกึ ษา 5. ชมุ ชน/ภาคเี ครือขา่ ย

บทบาทหน้าที่ของผบู้ ริหารสถานศึกษา 1. จัดให้มีแผนส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานสาหรับผเู้ รยี นพกิ าร พทุ ธศักราช 2563 ไปใชใ้ นการจัดทาหลักสูตรสถานศกึ ษา 2. ประชุมชี้แจงให้ครูและบุคลากรที่เก่ียวข้องเข้าใจกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานสาหรบั ผเู้ รียนพิการ พทุ ธศกั ราช 2563 3. แต่งต้ังคณะกรรมการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐานสาหรับผูเ้ รียนพิการ พุทธศกั ราช 2563 4. อนมุ ตั ผิ ลการจัดการเรยี นรู้ 5. อนุมัติผลกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 6. อนุมัตผิ ลการเทยี บโอน 7. อนมุ ตั ิการจบหลักสูตร 8. กากับ ดแู ล นิเทศ ตดิ ตามผลการดาเนินงานการวดั และประเมินผลการเรียนของสถานศกึ ษา บทบาทหนา้ ทข่ี องครู นักสหวิชาชพี และบุคลากรท่เี กี่ยวข้อง 1. ประเมินความสามารถและวิเคราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบคุ คล นามาวางแผนการจัดการเรียนรู้ใน แผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบคุ คล 2. กาหนดเป้าหมายทีต่ ้องการให้เกิดข้นึ กบั ผู้เรียนอย่างรอบดา้ นครอบคลุมหลกั สตู ร 3. ออกแบบการเรยี นรู้และจัดการเรียนรู้ทีต่ อบสนองความแตกตา่ งของผเู้ รยี น 4. จดั บรรยากาศ และดแู ลช่วยเหลอื ผเู้ รียน 5. จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีที่ เหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน 6. ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสม และดูพัฒนาการของ ผูเ้ รียนนาผลมาใชป้ รบั ปรุงการสอน ทบทวนแผนฯ อย่างน้อย ภาคเรยี นละ 1 7. ประเมนิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ผลการเรียนรเู้ ม่ือครบกาหนดตามแผนฯ บทบาทหน้าทขี่ องผู้เรยี น 1. กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรยี นรู้ของตนเองตามศักยภาพ 2. แสวงหาความรู้ แหล่งเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหาคาตอบหรือ แนวทางแกป้ ญั หาด้วยวิธีการต่าง ๆตามศักยภาพ 3. ลงมือปฏบิ ัติจรงิ สรุปส่งิ ทเ่ี รยี นรู้ ประยกุ ต์ใชค้ วามร้ตู ามศกั ยภาพ 4. มีปฏิสมั พันธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกับกลุ่มและครูตามศักยภาพ 5. ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอยา่ งต่อเน่ืองตามศักยภาพ

บทบาทหนา้ ท่ีคณะกรรมการสถานศกึ ษา มีหน้าท่ีให้คาปรึกษาและพิจารณาให้ข้อเสนอแนะแผนพัฒนา แผนปฏิบัติการการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และให้ความเห็นชอบหลักสูตรของสถานศึกษา พร้อมท้ังติดตามและ เสนอแนะผลการดาเนนิ งานการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยของสถานศึกษา บทบาทหน้าทีช่ ุมชน/ภาคเี ครอื ข่าย ส่งเสริมสนับสนนุ การจัดการเรยี นรู้ และแหล่งเรียนรู้ ตามศกั ยภาพของชุมชนและภาคีเครือข่าย การนเิ ทศ ตดิ ตาม และการประเมินผล การนิเทศ กากับ ติดตามและประเมินผล เม่ือมีการนาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ไปใช้พัฒนาผู้เรียน จาเป็นต้องมีการนิเทศ เพื่อร่วมคิดร่วมทาแก้ปัญหาและปรับวิธีการ กิจกรรมที่จะทาให้ผู้เรียนได้รับบริการและกากับติดตามโดย ใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การแนะ การสอนงาน การสังเกตและสะท้อนคิด การให้คาปรึกษา เป็นต้น เพื่อ ตรวจสอบ การดาเนินงานพร้อมท้ังประเมินผลการดาเนินงานทั้งในด้านหลักสูตรฯ การจัดทาเอกสาร ประกอบหลักสูตร ฯ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผลสัมฤทธ์ิ ของผู้เรียนเพ่ือนาผลไปปรับปรงุ แก้ไข ในด้านตา่ ง ๆ

บทที่ ๓ แนวทางการวัดและประเมนิ ผล บทนา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานสาหรับคนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นแนวทางการจัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเปห้ มายประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียน เพื่อพัฒนา ให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวให้ทันกับกระแสความเปล่ียนแปลงอย่งรวดเร็วท้ังด้านสังคม เศรษฐกิจและ การเมืองในยุคโลกภิวัตน์ รวมท้ังการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ท่ีสบูรณ์ เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามบทบาทหน้าท่ีท้ังในระดับครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ มีศักยภาพใน การประกอบอาชีพการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาท่ียั่งยืนและการอยู่ร่วมกัน อย่างเป็นสุข อันจะนาพาประเทศก้าวไปในทิศทางเดียวกันอย่างมั่นคงการวัดและประเมินผลการเรียน เป็นภารกิจท่ีสาคัญประการหนึ่งของสถานศึกษา ท่ีจะช่วยให้สถานศึกษาทราบความก้าวหนของผู้เรียน ท้ังในด้านความ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งต้องดาเนินการด้วยวิธีการท่ีหลากหลายเน้น การปฏิบัติจริงที่เหมาะสมกับลักษณะธรรมชาติของรายวิชา และผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังในแต่ละสาระ การเรียนรู้ ตลอดจนสอดคล้องกับระดับการศึกษา โดยจะต้องดาเนินการอย่างต่อเน่ืองควบคู่ไปกับ การจัดกิจกรรมการเรยี นรขู้ องผู้เรียน หลกั การ ๑. สถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้รับผิดชอบในการวัดและประเมินผลการเรียนของ นักเรยี น ๒. เปดิ โกาสใหผ้ ู้เกี่ยวขอ้ งมสี ่วนร่วมในการวดั และประเมินผลการเรยี น ๓. ใหม้ ีการประเมินผลการเรยี นเปน็ รายวชิ าตามโครงสร้างหลกั สตู ร ๔. การวัดและประเมินผลการเรียนให้ดาเนินการควบคู่ไปกับกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยต้องดาเนินการด้วยวิธีการและเคร่ืองมือที่หลากหลายให้สอดคล้องกับระดับการศึกษา และธรรมชาติ รายวชิ า ๕. สถานศึกษาต้องเปิดโอกาสให้มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบ การศึกษาต่าง ๆ

๖. การวัดและประเมนิ ผลจะต้องได้มาตรฐานและมีคุณภาพตามท่ีหนว่ ยงานต้นสังกัดกาหนดใหก้ ับ ผเู้ รียน กรอบการวัดและประเมนิ ผลการเรียน การวัดและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สาหรับผูเ้ รยี นพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ มดี งั น้ี ๑. การวัดและประเมินผลการเรียนรายสาระ เป็นการประเมินผลการเรียนรายสาระท่ีสถานศึกษา ต้องดาเนินการควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เพ่ือให้ทราบความก้าวหน้าทางการเรียน ของผเู้ รียนท้ังด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ คณุ ธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงค์ซ่ึงเป็นผลจากการจัดกจิ กรรม การเรียนรู้ และมีการประเมินผลรวมเพื่อทราบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในการบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ ดังนั้นการวัดและประเมินผลการเรียนแก่ผู้เรียนพิการสถานศึกษาจึงต้องมีเครื่องมือหลากหลาย และใช้ เครื่องมือรวมทั้งวิธีการท่ีหลากหลายท่ีสอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังและเง่ือนไขการช่วยเหลือในวิธีการวัดประเมินผลตามความต้องการจาเป็นของผู้เรียนตามที่กาหนดไว้ ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ๒. การประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินสิ่งที่ผู้เรียนเข้าร่วมและปฏิบัติเพื่อ การพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยการพิจารณาเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม ผลการปฏิบัติ กรรมตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ซึ่งในการร่วมและการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนสถานศึกษาควร เอื้ออานวยให้มีวิธีการประเมินท่ีหลากหลาย ยืดหยุ่น เหมาะสมกับสภาพและความต้องการจาเป็นของ ผู้เรยี น ครอบครวั และชมุ ชน ๓. การประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินสิ่งทห่ี ลกั สูตรได้กาหนดคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ได้ปลูกฝังแก่ผู้เรียนในกระบวนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและการจัด กิจกรรมเสริมหลักสูตรอื่น ๆ โดยการประเมินจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งด้านการพัฒนาตน การปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น การทางาน การมีส่วนร่วมและบริการสังคม ซ่ึงสถานศึกษาจะต้องประเมินควบคู่การจัดกจิ กรรม โดยใช้เครอ่ื งมือและวธิ ีการทยี่ ดื หยนุ่ หลากหลาย เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียน ๑. การตดั สนิ ผลการเรยี น การให้ระดบั และการรายงานผลการเรียน ๑.๑) การตดั สนิ ผลการเรยี น ในการตัดสนิ ผลการเรยี นตามสาระการเรยี นรู้ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรม พัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคน ตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ใน แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอ และต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อมเสริมผเู้ รียนให้พัฒนาจนเตม็ ตามศักยภาพ

ระดับการศึกษาภาคบงั คับ (๑) ผเู้ รยี นต้องเรียนและไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ สาระ (๒) ผ้เู รียนตอ้ งผ่านการประเมนิ ตามเป้าหมายท่ีระบุในแผนการจดั การศกึ ษา เฉพาะบุคคล ไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๘๐ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนดในคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น (๓) ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตามหลักสูตร ไม่น้อยกว่า ๔ ปีการศึกษา และมี อายจุ รงิ ไม่นอ้ ยกว่า ๑๕ ปี ระดบั การศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน (๑) ผเู้ รียนต้องเรยี นและได้รบั การตัดสินผลการเรยี นทุกสาระ (๒) ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินตามเป้าหมายที่ระบุในแผนการจัดการศึกษา เฉพาะบุคคล ไม่ต่ากว่าร้อยละ ๘๐ และผ่านการประเมินผ่านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรม พัฒนาผู้เรยี น (๓) ผู้เรียนต้องมเี วลาเรยี นภายหลังจบการศึกษาตามหลกั สตู รภาคบงั คบั แล้ว ไม่ นอ้ ยกวา่ ๒ ปีการศกึ ษา และมอี ายจุ รงิ ไม่น้อยกว่า ๑๘ ปี การพิจารณาผลการเรียนรู้ตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลทั้ง ๒ ระดับ ถ้าผู้เรียนไม่ผ่าน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดและมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย หากสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถ พฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ใหอ้ ย่ใู นดลุ พินิจของสถานศกึ ษาท่จี ะผอ่ นผนั ให้ผา่ นเกณฑ์ได้ ๑.๒) การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การตัดสินผลการเรียน ในแต่ละสาระ เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีระบุไว้ในแผนการจัด การศึกษาเฉพาะบุคคล หรือแผนให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว ซึ่งมี ๕ ระดับ เป็นระบบตัวเลข คือ ๔, ๓, ๒, ๑, ๐ ดงั น้ี การให้ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบ ร้อยละ และระบบท่ใี ชค้ าสาคัญสะทอ้ นมาตรฐาน ระบบตัวเลข ระบบร้อยละ ระดับคุณภาพ ๔ ๘๐-๑๐๐ ดีเยี่ยม ๓.๕ ๗๕-๗๙ ดี ๓ ๗๐-๗๔ ๒.๕ ๖๕-๖๙ พอใช้ ๒ ๖๐-๖๔ ๑.๕ ๕๕-๕๙ ผา่ น

๑ ๕๐-๕๔ ๐ ๐-๔๙ ไม่ผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็น ผ่านหรือไมผ่ า่ น การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มีเกณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี ๐ หมายถงึ ไมผ่ ่าน ๑ หมายถงึ ผา่ น ๒ หมายถงึ ดี ๓ หมายถึง ดเี ย่ยี ม การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จะต้องพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของผลการประเมินจาก ผู้ปกครองและครใู นแต่ละภาคเรียน บันทกึ คะแนนเฉล่ียและแปลความหมายระดับคุณภาพตามเกณฑ์ เกณฑ์การแปลความหมายระดับคะแนนและระดับคณุ ภาพ มดี ังนี้ คะแนน ๐.๐๐ – ๐.๙๙ หมายถงึ ไม่ผา่ น คะแนน ๑.๐๐ – ๑.๔๙ หมายถงึ ผา่ น คะแนน ๑.๕๐ – ๒.๔๙ หมายถงึ ดี คะแนน ๒.๕๐ – ๓.๐๐ หมายถงึ ดีเย่ียม ๑.๓) การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ของผู้เรียน ซ่ึงสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครอง ทราบเปน็ ระยะ ๆ หรอื อย่างน้อยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่ สะท้อนมาตรฐานการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรู้ เกณฑ์การจบหลกั สูตร ผู้เรียนพิการที่ได้เรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานสาหรับ ผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ จะจบหลักสูตรในแต่ละระดับได้นั้น สถานศึกษาจะต้องแต่งต้ัง คณะกรรมการประเมินคุณภาพผู้เรียนสาหรับการจบหลักสูตรที่ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ฝ่ายวิชาการ ผู้แทนครู (งานทะเบียนนักเรียนและวัดผล) ตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่กาหนดตามเกณฑ์ การจบหลกั สตู ร รวมทั้งเงือ่ นไขระยะเวลาในการเรียนและอายุของผเู้ รียน ดังน้ี

ระดบั การศกึ ษาภาคบงั คบั ๑. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินผลการเรยี นรายสาระในแต่ละระดบั ตามโครงสรา้ งหลักสตู ร คือ ๑.๑ มีผลการเรียนแสดงการบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ตามแผนการจัดการศึกษา เฉพาะบคุ คลเฉลย่ี ไมน่ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๘๐ ๑.๒ มเี วลาเรียนในสถานศึกษาไมน่ ้อยกวา่ ๔ ปี ๒. ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ๓. ผา่ นการประเมนิ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ในระดบั ผา่ นขึ้นไป ๔. มอี ายจุ รงิ ไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี ระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ๑. ผา่ นเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรายสาระในแตล่ ะระดบั ตามโครงสร้างหลกั สตู ร คือ ๑.๑ มีผลการเรียนแสดงการบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะ บคุ คลเฉลยี่ ไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ ๑.๒ มีเวลาเรยี นในสถานศกึ ษาไมน่ ้อยกวา่ ๖ ปี ๒. ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ๓. ผา่ นการประเมินคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ในระดบั ผ่านข้ึนไป ๔. มอี ายจุ ริงไม่น้อยกว่า ๑๘ ปี กรณีผู้เรียนท่ีเรียนท่ีบ้านหากประสงค์จะรับวุฒิบัตรการจบการศึกษาในแต่ละระดับ ให้สถานศึกษาเสนอช่ือคณะกรรมการ ๓ คน ประกอบ ประธานกลุ่มเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพ การจัดการศึกษาศูนย์การศึกษาพิเศษเครือข่ายท่ี ๘ เป็นประธานกรรมการ และกรรมการ ๒ คน มาจาก ผู้แทนสถานศึกษาในกลุ่มเครือข่ายฯ ซึ่งไม่ใช่บุคลากรในสถานศึกษาที่ขอรับ ให้หน่วยงานต้นสังกัด สถานศึกษาแต่งต้ังเพ่อื ดาเนินการตรวจสอบตามเกณฑก์ ารจบหลักสูตร การบรหิ ารการวดั และประเมินผล การจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน สาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความสุข มีปัญญา มีศักยภาพในการดารงชีวิต ศึกษาต่อ ทางาน และประกอบอาชีพได้น้ัน ดังนั้น การวัดและประเมินผลการเรียนจะต้องให้สอดคลอ้ งกับจุดหมาย ดังกล่าว ซึ่งเป็นภารกิจท่ีสาคัญและจาเป็นของสถานศึกษา สถานศึกษษจึงได้จัดทาแนวทางการวัดและ ประเมนิ ผล เพอ่ื เป็นแนวทางการดาเนินงานใหเ้ หมาะสมกับบรบิ ทของสถานศึกษา ดังนี้

๑. ภารกจิ ของสถานศึกษาในการวดั และประเมินผลการเรยี น สถานศกึ ษามีภารกิจในการวัดและประเมินผลการเรยี น ดังน้ี ๑.๑ การจัดทาระเบียบและแนวปฏิบตั ิในการวัดและประเมินผลการเรียน สถานศึกษาต้องจัดทาระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสาหรับ ให้ผู้เก่ียวข้องรับรู้และถือปฏิบัติเป็นแนวเดียวกัน เพื่อให้การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา มคี วามถกู ตอ้ ง ยตุ ธิ รรม และมีผลการดาเนินงานทน่ี ่าเชือ่ ถือ เป็นทยี่ อมรบั ของสังคม ๑.๒ การเทยี บโอนผลการเรียน สถานศึกษาจะต้องจัดทาระเบียบหรือแนวปฏิบัติในการเทยี บโอนผลการเรียน ใหเ้ ป็นสว่ น หน่ึงของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓ ตามที่สานกั บริหารงานการศกึ ษาพิเศษ กาหนด ๑.๓ การวดั และประเมนิ ผลผ้เู รียน สถานศกึ ษาต้องดาเนินการวัดและประเมินผลผเู้ รียน ดงั น้ี ๑.๓.๑ การวดั และประเมนิ ผลเปน็ รายสาระ ประกอบดว้ ย ๑) การวัดและประเมนิ ผลก่อนเรยี น ๒) การวัดและประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น ๑.๓.๒ การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ๑.๓.๓ การประเมนิ ผลคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑.๔ การประเมนิ ซอ่ ม สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนที่ไม่ผ่านการประเมินรายสาระ เข้ารับการประเมินซ่อม ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การทดสอบ หรือการมอบหมายให้ทารายงานเพิ่มเติม หรือการจัดทา แฟ้มสะสมงาน หรือการเขา้ ร่วมกจิ กรรม หรอื อนื่ ๆ ตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด โดยให้ค่าระดับผลการเรียน ไมเ่ กิน ๑ ทัง้ นี้ จะต้องดาเนินการให้แลว้ เสร็จ กอ่ นเปิดภาคเรยี นถดั ไป ๑.๕ การรายงานการประเมินผลการเรยี น สถานศึกษาจะต้องจัดทารายงานการประเมินผลการเรียนของผู้เรียน เป็นรายบุคคล รายกลุ่ม เพ่ือให้ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเอง ครูใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สถานศึกษาและผู้เก่ียวข้องใช้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผลตามจดุ หมายของหลักสตู ร

๑.๖ การอนุมัตกิ ารจบหลกั สูตร สถานศึกษาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑ์การจบหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาช้ันพื้นฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ และอนุมัติ การจบหลักสูตร ๑.๗ การจัดทาเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา สถานศกึ ษาจะตอ้ งจัดทาเอกสารแสดงข้อมลู และสถานภาพทางการศึกษาของผเู้ รยี นเพ่ือ ใช้สาหรับตรวจสอบ สื่อสาร ส่งต่อ และรับรองผลการเรียนของผู้เรียน หลักฐานการศึกษาท่ีสถานศึกษา จะตอ้ งจัดทาแบ่งเปน็ ๒ ลักษณะ คือ ๑.๗.๑ เอกสารหลกั ฐานการศึกษาควบคมุ และบงั คับแบบ ประกอบดว้ ย ๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน ๒) ประกาศนียบัตร ๓) แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา ๑.๗.๒ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศึกษาดาเนินการเอง เช่น แบบบันทึกผล การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน แบบอนุมัติผลการจบหลักสูตร แบบรายงานแสดงผลการเรียนเฉลี่ย GPA ของ ผเู้ รยี นระดบั การศึกษาภาคบงั คบั และระดบั การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน และอ่นื ๆ ๑.๘ การกากบั ติดตามและประเมินผลการเรยี น สถานศึกษาจะต้องมีการวางแผน กากับ ติดตามและตรวจสอบการดาเนินการประเมินผล การเรียน เพ่ือให้การดาเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องที่ เกดิ ข้นึ ไดท้ ันเหตุการณ์ โดยให้มีผู้รับผดิ ชอบดาเนินการกากบั ตดิ ตามในเร่อื งต่าง ๆ เช่น ๑.๘.๑ มีการประเมินผลการเรียนให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวังในแต่ละราย สาระ ๑.๘.๒ มีการประเมินผลการเรียนรู้ และบันทึกผลหลังการเรียนที่จบเน้ือหาในแต่ละ เรื่องทกุ ครง้ั แล้วนาผลการประเมนิ มาปรบั ปรงุ พัฒนาผเู้ รยี นให้เป็นปัจจุบนั ๑.๘.๓ มีการตรวจผลงานผู้เรียน พร้อมให้ข้อเสนอแนะ เพ่ือการปรับปรุงผลงาน ผ้เู รยี น

๒. บทบาทหน้าที่ของผเู้ ก่ียวขอ้ งในการวัดและประเมนิ ผล การวัดและประเมินผลการเรียนของผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องเปิดโอกาสให้บุคคล ท่ีเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา ท้ังผู้เรียน ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับผู้สอนและบุคลากรฝ่ายต่าง ๆ ของสถานศึกษา เพื่อให้การดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาเป็นไปตามระเบียบ หรือแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลของสถานศึกษา จึงควรกาหนดภารกิจการวัดและประเมินผลการ เรียนใหบ้ คุ ลากรฝา่ ยตา่ ง ๆ ของสถานศึกษารับผิดชอบ ดงั นี้ ผู้ปฏบิ ัติ บทบาทหน้าท่ี ท่เี ก่ียวข้องกับการวดั และประเมินผล ๑. คณะกรรมการสถานศึกษา ๑.๑ ให้ความเห็นชอบระเบยี บการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ระเบยี บ ๒. คณะกรรมการบรหิ าร แนวปฏบิ ตั ิของสถานศึกษา หลักสตู รและวิชาการของ ๑.๒ ใหค้ วามเห็นชอบพฤติกรรมบ่งชกี้ ารประเมนิ คุณธรรมเบือ้ งตน้ ที่ สถานศึกษา สถานศึกษากาหนดขึน้ เพอ่ื พัฒนาผู้เรียน ๓. คณะกรรมการการวัดและ ๑.๓ ให้ความเหน็ และข้อสนอแนะเกยี่ วกบั การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา ๒.๑ กาหนดแนวปฏบิ ัติการวัดและประเมนิ ผลรายวิชา ๒.๒ กาหนดพฤติกรรมบง่ ชีแ้ ละแนวปฏิบตั กิ ารประเมินคุณลกั ษณะอันพึง ๔. ครู ประสงค์ ๓.๑ จดั ทาเคร่อื งมือประเมินผลก่อนเรียน ประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี นและ ประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น ๓.๒ ตรวจสอบผลการประเมนิ และจัดทารายงานการประเมินผลการเรยี นรู้ รายสาระ ๓.๓ ประเมินผลกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๓.๔ สรปุ ผลการประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๕ ใหค้ าแนะนากบั ครแู ละผู้เกีย่ วขอ้ งในการจดั ทาเครื่องมือ การประเมินผลกอ่ นเรยี น และระหว่างภาคเรยี น ๓.๖ สนบั สนุนสง่ เสริมการดาเนินงานการวัดและประเมินผลให้เปน็ ไป ตามแนวทางทสี่ ถานศึกษากาหนด ๔.๑ วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๒ จัดทาเครอ่ื งมือดาเนินการวัดและประเมนิ ผลการเรียนกอ่ นเรยี น ระหว่างเรียน

ผปู้ ฏบิ ตั ิ บทบาทหนา้ ที่ ทเ่ี กี่ยวข้องกับการวัดและประเมนิ ผล ๕. เจา้ หนา้ ท่ที ะเบียน ๔.๓ ประเมนิ ผลกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔.๔ ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๖. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ๕.๑ ตรวจสอบ เอกสารหลักฐานเกยี่ วกบั การลงทะเบียนเรยี นรายวิชาการ เทียบโอนผลการเรียน กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น และอ่ืน ๆ พร้อมผล การประเมนิ ดังกล่าวใหเ้ รียบรอ้ ยก่อนบันทึกข้อมูล ๕.๒ รวบรวม ตรวจสอบบนั ทกึ และประมวลผลขอ้ มูลการประเมนิ ผล การเรียนของผู้เรยี นแต่ละคน ๕.๓ จัดทารายงานการประเนผลการเรียนเสนอผบู้ ริหารสถานศึกษา เพื่อขออนมุ ัติ และแจง้ ผเู้ กย่ี วขอ้ งทราบ ๕.๔ ตรวจสอบและสรุปขอ้ มูลผลการเรียนของผู้เรยี น เม่ือย้ายสถานศึกษา หรอื จบหลักสูตร และเสนอให้ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาลงนามรบั รองหรือ อนุมตั ิการจบหลักสตู ร ๕.๕ จัดทาเอกสารหลักฐานการศกึ ษาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๖.๑ กากับ ดแู ล นเิ ทศ ตดิ ตามผลการดาเนินงานการวดั และประเมินผล การเรียนของสถานศึกษา ๖.๒ อนุมตั กิ จิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๖.๓ อนุมัตผิ ลการเทียบโอน ๖.๓ อนุมัตผิ ลการเรยี นรายสาระ ๖.๔ อนุมตั ิผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๖.๕ อนมุ ตั กิ ารจบหลักสตู ร หมายเหตุ ครูในทนี่ ี้หมายถงึ ผูท้ ไี่ ด้รับมอบหมายให้ทาหนา้ ท่ใี นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ตามหลักสูตร การศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาชัน้ พืน้ ฐานสาหรับผู้เรียนพิการ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓

บทที่ ๔ การบรหิ ารงานธุรการ การบรหิ ารงานธุรการถอื เป็นหวั ใจสาคัญของการบรหิ ารจดั การ ประกอบด้วย การประชาสมั พันธ์ การแนะแนว แนวทาการรับสมัครผู้เรียน และลงทะเบียนเรียน การวัดและประเมินผล การย้าย สถานศึกษาของผู้เรียน และการรายงานข้อมูลผู้เรียน ซึ่งเป็นข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน สถานศกึ ษา /ภาคีเครือขา่ ย และผเู้ กีย่ วข้องในการจัดการศกึ ษาอย่างมีคุณภาพ โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้ 1. การประชาสัมพนั ธ์ สถานศกึ ษาและภาคีเครือขา่ ยจัดให้มีผู้รบั ผดิ ชอบในการประชาสมั พันธเ์ พือ่ เผยแพรข่ ่าวสารขอ้ มูล ให้สาธารณชนได้รบั ทราบอย่างต่อเน่ืองเสมอ โดยใช้สอื่ ตามความเหมาะสมท้งั สอ่ื เอกสารส่ือบคุ คลและอื่น ๆ ท้ังน้ี การประชาสัมพันธ์การขึ้นทะเบียนผู้เรียนสามารถดาเนินการได้ตลอดปีโดยก่อนเปิดภาคเรียนให้ เน้นการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางและทั่วถึง ซึ่งสถานศึกษาและภาคีเครือข่ายสามารถดาเนินการ ไดเ้ องโดยมขี ้นั ตอนการประชาสัมพันธ์ ดังนี้ 1.1 แต่งตั้งผ้รู ับผดิ ชอบ สถานศกึ ษาแต่งตงั้ ผรู้ บั ผิดชอบการประชาสัมพนั ธ์ 1.2 การเตรยี มการประชาสัมพันธ์ 1.2.1 สื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ ให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เช่น โปสเตอร์ แผ่นพับ แผ่นปลิว จุลสาร จดหมายข่าว เสียงตามสาย ป้ายนิเทศ รายการวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ 1.2.2 เนอ้ื หาท่จี ะใชใ้ นการประชาสมั พนั ธ์ ประกอบดว้ ย 1) ระยะเวลาในการรับสมัคร กาหนดระยะเวลาก่อนวันเปิดภาคเรียนตามความเหมาะสม โดยจดั ทาเป็นประกาศของสถานศึกษา 2) การเปดิ - ปดิ ภาคเรียน ภาคเรยี นที่ 1 วันเปดิ ภาคเรยี น 16 พฤษภาคม วันปิดภาคเรยี น ๓๐ กนั ยายน ภาคเรยี นที่ 2 วันเปิดภาคเรยี น 1 ตลุ าคม วันปดิ ภาคเรยี น ๓1 มีนาคม 3) คณุ สมบตั ิของผ้สู มัคร (1) เป็นผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานใน การรบั นกั เรยี น เขา้ เรียนในสถานศกึ ษา พ ศ. 2548 (2) เปน็ ประชาชนท่วั ไปท่ีไม่ไดอ้ ยู่ในระบบโรงเรยี น (3) มพี ืน้ ความรใู้ นแตล่ ะระดับดังนี้

ก. ระดบั ประถมศึกษา ข. ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1.2.3 หลักฐานการสมคั ร สถานศกึ ษาจะต้องตรวจสอบหลกั ฐานการสมัครเขา้ เป็นนกั เรียน ให้ถูกต้องครบถว้ นดังน้ี 1) ใบสมัคร 2) รูปถ่าย ๑ นิ้ว จานวน ๔ รูป หน้าตรงไม่สวมแวน่ ตาดา และไมส่ วมหมวก สวมเสื้อ สขี าวมีปกหรอื ชุดสภุ าพ (ถ่ายไมเ่ กิน 6 เดือน โดยไมใ่ ชร้ ปู ถ่ายประเภทโพลาลอยด์) เพ่ือใชต้ ิดใบสมัคร 1 รปู ตดิ บัตรประจาตัว 1 รปู ตดิ สมดุ ประจาตวั นกั เรยี น 1 รูป และสาหรบั กิจกรรมอน่ื ๆ ทจ่ี าเปน็ 1 รปู 3) สาเนาทะเบียนบา้ นตนเองทม่ี ชี ือ่ บิดา มารดา พร้อมฉบับจรงิ ไปแสดง 4) สาเนาบตั รประชาชนตนเอง พร้อมฉบบั จริงมาแสดง 5) สาเนาหนังสอื สาคญั แสดงวุฒิการศกึ ษา จานวน 2 ฉบับ เช่น ประกาศนยี บัตร ระเบียนแสดงผลการเรยี น พร้อมฉบบั จรงิ ไปแสดง (ถา้ มี) 6) สาเนาเอกสารที่เกีย่ วข้อง พร้อมฉบับจรงิ ไปแสดง เช่น ใบเปลีย่ นชื่อ ชอ่ื สกุล ใบทะเบยี นสมรส ใบหย่า ฯลฯ 7) สาเนารับรองความพิการ/สาเนาบตั รผพู้ ิการ 1.2.4 ระดบั การศึกษา แบ่งเปน็ 2 ระดับ 1) ระดับการศึกษาภาคบงั คับ 2) ระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน 1.2.5 สถานทใ่ี นการรับสมัคร 1) ศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจงั หวัดลาปาง 2) หนว่ ยบรกิ ารประจาอาเภอ 1.3 แนวทางการดาเนนิ งานประชาสัมพนั ธ์ ประกอบดว้ ย 1.3.1 มอบหมาย / แต่งตัง้ กรรมการคณะทางาน 1.3.2 กาหนดปฏทิ นิ ปฏิบตั งิ าน 1.3.3 จัดทาประกาศการรบั สมัคร 1.3.4 จัดทาสอ่ื ประชาสมั พนั ธ์ 1.3.5 เว็บไซต์ / ส่ือโซเชยี ลมเิ ดีย / ตดิ ประกาศ ฯลฯ

2. การแนะแนว ให้สถานศึกษาจัดให้การแนะแนวเพื่อเป็นการแนะนา การช้ีช่องทางให้ผู้ไม่รู้ ไม่แน่ใจได้รับรู้ เขา้ ใจและมั่นใจท่จี ะดาเนินการใหถ้ ูกต้อง สถานศึกษาสามารถดาเนินการจัดตั้งศูนย์ให้คาปรึกษาแนะนา (Advice Center) เพื่อเป็น แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ และใหค้ าปรกึ ษากบั ผเู้ รยี น ดังนี้ 2.1 แนะแนวการศึกษา ดาเนินการได้ทุกเวลาเม่ือมีผู้ขอรับบริการโดยปกติจะมีการแนะแนว ดงั น้ี 2.1.1 การแนะแนวก่อนสมัครเรียน เป็นการแนะแนวให้ผู้สนใจ ผู้ปกครอง หรือผู้เรียนได้ เข้าใจถึงวิธีเรียนการสมัครเรียน กระบวนการจัดเรียนการสอน การเทียบโอนผลการเรียน ตลอดจน เง่อื นไขต่าง ๆ ในการเรียน 2.1.2 การแนะแนวระหว่างภาคเรียน เป็นการแนะแนวให้ผู้เรียนในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับ การเรียนการสอน และการทากิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ตลอดจนปญั หาอนื่ ๆ 2.1.3 การแนะแนวเม่ือจบการศึกษา เป็นการแนะแนวให้ผู้เรียนได้ทราบเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพ หรือการศึกษาต่อในระดับสูงข้ึน เพื่อให้มีทางเลือกตามความรู้ ความสามารถ ตามศกั ยภาพของตนเอง 2.2 เจ้าหน้าท่ีแนะแนว ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ครูการศึกษาพิเศษ นกั สังคมสงเคราะห์ นักสหวชิ าชีพ พนักงานราชการ ข้าราชการ และผูบ้ รหิ าร 2.3 ข้นั ตอนการแนะแนว 2.3.1 การวางแผนแนะแนว 1) จดั ทาสือ่ แต่งตัง้ บุคลากร 2) ผู้ไดร้ ับมอบหมาย เตรยี มสถานที่ พร้อมจัดเตรยี มเอกสารแนะแนว 3) จัดนิทรรศการ ทาแผนภูมิ ข้นั ตอนการรับสมัคร การเทียบโอน เปน็ ตน้ 2.3.2 สอื่ ประกอบการแนะแนว 1) ระเบยี บ / คาสัง่ / ประกาศ / เอกสารท่เี กย่ี วข้องกบั การบริหารการศึกษานอกระบบ 2) คมู่ ือครู / ดมู่ ือนักเรยี น 3) แผนภมู โิ ครงสรา้ งหลกั สตู ร 4) ป้ายแสดงรายละเอยี ด คุณสมบตั ิ และหลักฐานการศึกษาของผสู้ มคั รเรียน 5) นทิ รรศการ / แผน่ พับ / แผน่ ปลิว / เอกสารปฐมนิทศ ปจั ฉิมนิเทศ 6) รายชอ่ื แหลง่ วิทยาการ / ภูมิปัญญาท้องถน่ิ สถานประกอบการ ฯลฯ 7) แผนผงั แสดงแหล่งความรู้

2.3.3 การดาเนนิ การแนะแนว 1) ประชมุ คณะกรรมการ แบ่งหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบ กาหนดวนั เวลา สถานที่ 2) จัดสถานท่ี เตรยี มเอกสาร จดั นทิ รรศการ 3) ประสานงานกบั หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้อง 4) ดาเนินการแนะแนวตามแผน 2.3.4 ลักษณะของการแนะแนว 1) การแนะแนวเปน็ รายบคุ คล 2) การแนะแนวเป็นกลมุ่ 3) การแนะแนวโดยใชส้ ื่อตา่ ง ๆ เชน่ ศกึ ษาจากเอกสาร คู่มือนักเรยี น นทิ รรศการเสยี ง ตามสาย วทิ ยุ โทรทศั น์ เวบ็ ไซต์ ส่อื โซเชียลมีเดีย ฯลฯ 3. การยา้ ยสถานศกึ ษาของนกั เรยี น การย้ายสถานศึกษาสามารถทาได้ใน 2 ลักษณะ คือ 1. การยา้ ยสถานศกึ ษาโดยการลาออก มแี นวปฏบิ ัติดงั น้ี 1.1 ใหผ้ ้เู รียนย่นื คารอ้ งต่อสถานศึกษาดว้ ยตนเองและเตรียมหลกั ฐานเอกสารทต่ี ้องใชด้ ังนี้ 1.1.1 ใบคารอ้ งขอลาออกจากสถานศึกษา 1.1.2 รูปถ่ายหน้ตรงขนาด 4x5 เซนติเมตร จานวน 2 รูปหน้าตรง (ไม่สวมหมวก) ไมส่ วมแว่นตาดา ถา่ ยไว้ไม่เกิน 6 เดอื น ไม่ใชร้ ปู ถ่ายประเภทโพลาลอยด์ 1.2 สถานศึกษาจะตอ้ งตรวจสอบหลกั ฐานผลการเรียนให้ถูกตอ้ ง และออกหลกั ฐานแสดงผล การเรียนให้แกผ่ เู้ รียนอย่างช้าไม่เกนิ 5 วันทาการ เว้นแตจ่ ะมเี หตุสดุ วสิ ัย 1.3 กรณีท่ผี ูเ้ รียนไม่สมารถนคาร้องได้ดว้ ยตนเองใหท้ าหนังสอื มอบอานาจให้ผอู้ ่นื ดาเนินการ เเทนได้ 1.4 ให้สถานศึกษาระบุเหตุผลทอ่ี อกในหลกั ฐานการศึกษาวา่ \"ลาออกเพอื่ ไปศึกษาต่อท่ีอนื่ \" 2. การย้ายสถานศึกษาระหว่างภาคเรียน สามารถดาเนินการได้ เมื่อผู้เรียนมีความจาเป็นต้อง ยา้ ยสถานท่เี รียนจากท่เี ดิในระหว่างภาคเรยี นและยงั คงสถานภาพการเป็นผู้เรยี นของสถานศกึ ษาเดิมโดยมี แนวปฏบิ ัติดังนี้ 2.1 ให้ผเู้ รยี นยืน่ คาร้องต่อสถานศึกษาเดมิ เพ่ือขอย้ายสถานทีเ่ รียน 2.2 สถานศึกษาเดิมพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ย้ายได้ โดยจะต้องทาหนังสือส่งตัวผู้เรียน พร้อมเอกสารสรุปการประเมินผลระหว่างภาคและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งผลการเรียนอื่น ๆ ใน ภาคเรียนน้ันไปยังสถานศึกษาแห่งใหม่ตามแบบที่สถานศึกษากาหนด ท้ังน้ีอย่างช้าไม่เกิน 7 วันทาการ นับตั้งแตว่ นั ทผ่ี เู้ รยี นย่ืนคารอ้ ง 2.3 สถานศกึ ษาแหง่ ใหมร่ บั ตัวผูเ้ รียนไว้ และแจ้งผลการรับผู้เรยี นใหส้ ถานศึกษาเดิมทราบ 2.4 สถานศึกษาแห่งใหมจ่ ัดใหผ้ ู้เรียนได้รบั การศึกษาท่ีต่อเนื่องจากสถานศึกษาเดิม 2.5 สง่ ผลการเรยี นกลับมาที่สถานศกึ ษาเดมิ เมอ่ื สน้ิ สุดภาคเรียนนนั้

2.6 สถานศกึ ษาเดมิ ไดร้ บั ผลการเรียนแล้วจดั เก็บเอกสารหลักฐานและบันทึกผลการเรยี นไว้ เป็นหลกั ฐาน 4. การรายงานขอ้ มูลผเู้ รยี น สถานศึกษาตอ้ งรายงานขอ้ มูลผเู้ รียนใหต้ ันสงั กดั ทราบตามลาดับ ดงั น้ี 1. รายงานผู้สมคั รเรยี น เพื่อขอรับเงนิ อดุ หนนุ รายหัว ภายในระยะเวลาที่สานักงานบริหารงาน การศึกษาพเิ ศษ กาหนด 2. รายงานผู้จบหลักสูตรในแต่ละภาคเรียนให้ดาเนินการหลังจากการอนุมัติผลการจบหลักสูตร ภายใน 30 วัน และควรจดั ทาสาเนาไฟลข์ ้อมลู ส่งให้สานกั งานบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ เพอ่ื เกบ็ ไวเ้ ป็นขอ้ มลู อกี ทางหนึ่ง 3. รายงานข้อมลู สารสนเทศทเ่ี ก่ียวข้องกับการจดั การศกึ ษา

บทที่ ๕ การบรหิ ารงานทะเบยี นและการตรวจสอบวฒุ ิการศึกษา งานทะเบียนนกั เรียนเป็นงานสาคัญท่ีสถานศึกษาต้องดาเนินการบันทึกจัดเก็บตรวจสอบข้อมูลท่ี เกี่ยวข้องของผู้เรียนต้ังแต่เริ่มข้าเรียนจนสาเร็จการศึกษา โดยสถานศกึ ษาต้องพิจารณาคัดเลอื กบุคลากรท่ี มีความสามารถ ให้ปฏิบัติงานจัดทาทะเบียนผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยหัวหน้าสถานศึกษาแต่งต้ังให้เป็น นายทะเบียนและต้องมีคุณสมบัติตามท่ีกาหนด คือ เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเป็นขา้ ราชการครู บุคลากรทางการศึกษา หรือหากไม่มีข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษาให้แต่งต้ังพนักงานราชการ เพือ่ ดาเนนิ งานตามภารกิจ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. งานทะเบยี นนกั เรยี นและวัดผล บทบาทภารกิจของงานทะเบียนนักเรียนและวดั ผลทีจ่ ะต้องดาเนนิ การ มีดังนี้ 1. การกาหนดรหัส 1.1 รหัสสถานศึกษา กาหนดไว้ 10 หลกั ตามมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดังนี้ รหสั สงั กัด : เลขหลักท่ี 1,2 กาหนดให้เป็นรหัสสงั กดั สศศ. คือ \"12\" รหสั จงั หวัด : เลขหลกั ที่ 3,4 กาหนดให้เป็นรหัสจังหวัดตามทกี่ ระทรวงมหาดไทยกาหนด รหัสอาเภอ/เขต : เลขหลักที่ 5,6 กาหนดให้เป็นรหสั อาเภอ/เขต ตามท่ีกระทรวงมหาดไทย กาหนด ลาดับท่ี : เลขหลักท่ี 7,8,9,10 เป็นเลขเรยี งตามลาดบั ของสถานศึกษาหรือหนว่ ยบรกิ าร ในจังหวดั 1.2 รหัสประจาตวั ผูเ้ รียน รหัสประจาตวั ผเู้ รียนกาหนดไว้ ๙ หลกั ดังนี้

ปีการศึกษา : เลขหลักที่ 1, 2 กาหนดใหเ้ ป็นเลขตัวท้ายของปกี ารศกึ ษาทผี่ ูเ้ รยี นสมัครเขา้ เรยี น เช่น ปกี ารศกึ ษา 2563 ได้แก่ 63 ภาคเรยี น : เลขหลกั ท่ี 3 กาหนดใหเ้ ปน็ ภาคเรียน คอื ภาคเรยี นที่ 1 ของปกี ารศึกษา หรือ ภาคเรยี น 2 ของการศกึ ษา โดยใหใ้ ส่ตัวเลขภาคเรียนท่ผี ูเ้ รียนสมคั รเรียน เป็น ระดับการศึกษา : 1 หรอื 2 แทน เลขหลกั ที่ 4 กาหนดให้เปน็ ตัวเลขแทนในแตล่ ะระดับการศึกษา ดังน้ี เลข 1 ลาดบั ที่ : ระดบั การศกึ ษาภาคบังคบั เลข 2 แทนระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เลขหลกั ที่ 5, 6, 7, 8, 9 เป็นเลขเรยี งตามลาดับการสมัครเรยี นของผ้เู รยี น 2. การทาบัตรประจาตัวผูเ้ รียน หลังจากบันทึกประวตั ิสว่ นตัวผู้เรียนแลว้ สถานศึกษาต้องทาบัตรประจาตวั ผู้เรียนใหผ้ ้เู รียนใช้ ในการติดต่อกบั สถานศึกษา และตรวจสอบข้อมลู การลงทะเบียนผลการเรียนได้ด้วยตนเองและเพื่อให้ สถานศึกษาตรวจสอบข้อมูลผู้เรียนได้สะดวกเพมิ่ ขน้ึ ซง่ึ ข้อมูล / เอกสาร บัตรประจาตัวผู้เรยี น ประกอบด้วย ดา้ นหนา้ ของบัตร 2.1 ระดับการศกึ ษา และช่ือกลุ่ม 2.2 รหัสประจาตวั ผ้เู รียน 2.3 รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 3 x 4 เชนติเมตร จานวน 1 รปู และลายมอื ชื่อ 2.4 ซื่อ / ซอ่ื สกุลผเู้ รียน 2.5 ลายมอื ชอื่ หัวหนา้ สถานศกึ ษา 2.6 ลายมอื ชอ่ื ผู้เรยี น ดา้ นหลงั ของบตั ร 2.7 เลขประจาตัวประชาชน 2.8 ชื่อสถานศึกษา 2.9 วนั ออกบตั ร 2.10 วนั หมดอายุ 2.11 รหสั สถานศึกษา 2.12 แถบบารโ์ ค้ด

หมายเหตุ - สถานศึกษาต้องจดั ทาบตั รประจาตวั มอบให้กับผู้เรียน หลังจากรับสมัครแล้วภายใน 30 วัน - สถานศกึ ษาแยกบตั รประจาตัวผูเ้ รียนตามระดบั การศึกษาเพ่อื ความ สะดวก และประโยชน์ ในการบรหิ ารจัดการ เช่น ระดับการศึกษาภาคบังคบั สีชมพู ระดบั การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน สเี ขยี ว หรืออยู่ใน ดลุ ยพนิ จิ สถานศึกษา 3. การบันทึกข้อมูลผู้เรียน ทุกสถานศึกษาจะต้องดาเนินการจัดทาข้อมูลผู้เรียน โดยต้องจัดทา เปน็ เอกสารและตรวจสอบความถกู ต้องครบถ้วนก่อนดาเนินการบันทกึ ขอ้ มลู ดังน้ี 3.1 ข้อมูลการขึน้ ทะเบียนเป็นผู้เรียน ให้บันทึกรหสั ประจาตวั ผู้เรยี น เลขประจาตวั ประชาชน และบันทึกข้อมูลประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดาเนินการบันทึก อย่างละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นปัจจุบันและดาเนินการให้เสร็จส้ินภายใน 30 วันหลังจากการเปิด รับสมัคร จัดให้มีการตรวจสอบโดยผู้รับผิดชอบ เม่ือตรวจสอบเรียบร้อยแล้วติดประกาศแจ้งให้ผู้เรียน ทราบ 3.2 ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของผู้เรียน ให้บันทึกรายละเอียดข้อมูลการเรียนรายสาระ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และผลการเรียนของผู้เรียน โดยสถานศึกษาแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดาเนินการให้ ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์เป็นปัจจุบันทุกภาคเรียน ให้เสร็จส้ินหลังจากลทะเบียนเรียนภายใน 30 วัน แลว้ รายงานหัวหนา้ สถานศกึ ษาทราบ และติดประกาศให้ผ้เู รียนทราบโดยท่วั กนั ซง่ึ สามารถทาได้ดงั นี้ 3.2.1 จดั พมิ พข์ ้อมูลจากคอมพวิ เตอร์มาจดั เก็บไว้อย่างเป็นระบบ 3.2.2 จัดทาทะเบียนผู้เรียน เอกสารงานทะเบียนให้บันทึกตามเอกสารหลักฐานคู่มือ จดั เก็บหลักฐาน โดยสถานศกึ ษากาหนแบบฟอรม์ ท่เี หมาะสม เพ่ือใชใ้ นการชว่ ยสืบค้นข้อมลู ผเู้ รียน บนั ทึก ผลการเรียนของผู้เรียน รายสาระ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์เป็นปัจจุบัน ถูกตอ้ งตรงกับเอกสารหลกั ฐานผลการเรยี นของผเู้ รยี น

4. การจัดทาทะเบียนผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องมีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนไว้ อย่างเป็นระบบดังนี้ 4.1 จัดทาระบบทะเบียนข้อมูลผู้เรียน โดยจัดทาเป็นสมุดทะเบียนผู้เรียน และข้อมูล โปรแกรมทะเบียนผเู้ รียน 4.2 ขอ้ มลู ทม่ี แี ลว้ จัดพิมพ์เป็นเอกสารและจดั เก็บไว้เป็นระบบ 4.3 จัดทาข้อมูลรายงานผู้จบหลักสูตรทุกครั้งที่มีผู้เรียนจบหลักสูตรตามแบบพิมพ์ที่ กระทรวงศึกษาธิการกาหนด 2 ชุด โดยจัดเก็บไว้ท่ีสถานศึกษา 1 ชุด และสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ๑ ชุด 2. หลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ ที่เกยี่ วขอ้ งกับพฒั นาการของผเู้ รยี นในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาท่กี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกาหนด ๑.๑) ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมิน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เม่ือผู้เรียนจบการศึกษาระดับการศึกษาภาคบังคับและระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหรือเม่ือลาออกจาก สถานศึกษาในทุกกรณี ๑.๒) ประกาศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพ่ือรับรองศักด์ิและสิทธิ์ของ ผู้จบการศึกษา ที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานสาหรับผ้เู รียนพิการ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ๑.๓) แบบรายงานผูส้ าเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัตกิ ารจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและ ขอ้ มูลของผจู้ บการศึกษาระดับการศกึ ษาภาคบงั คบั และ การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทสี่ ถานศกึ ษากาหนด เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทาขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญ เกี่ยวกับผู้เรียน ได้แก่ แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายสาระ ระเบยี นสะสม ใบรับรองผลการเรยี น และเอกสารอ่นื ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนาเอกสารไปใช้ 3. การตรวจสอบวฒุ ิการศกึ ษา สถานศึกษาจัดใหม้ ีคณะกรรมการตรวจสอบวุฒกิ ารศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ

4. การจดั เก็บเอกสารและหลกั รานการศกึ ษา สถานศึกษาจะต้องจัดทาเอกสารต่าง ๆ เพ่ือใช้เป็นหลักฐานการศึกษาซึ่งเอกสารเหล่านี้ มีความสาคัญมากน้อยแตกต่างกัน เอกสารบางเรื่องจาเป็นต้องเก็บไว้เป็นข้อมูล หรือใช้เป็นเอกสาร ในการอ้างอิง ดังน้ัน การจัดเก็บเอกสารหลักฐานเป็นส่ิงสาคัญย่างย่ิงที่สถานศึกษาต้องดาเนินการจัดเก็บ รักษาเอกสารและหลักฐานการศึกษาในรูปแฟ้มเอกสาร โดยแยกประเภทเอกสาร/ระดับการศึกษา/ หลักฐานการศึกษารายภาค รายการศึกษา จัดเก็บเป็นเอกสารรายบุคคล เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งของข้อมลู ท่ีเกี่ยวข้อง เอกสารและหลกั ฐานการศึกษาประกอบดว้ ย 1. เอกสารการศึกษา เป็นเอกสารท่ีใช้ในการดาเนินงานจัดการศึกษาที่มีความจาเป็นต้องเก็บไว้ เป็นข้อมูลในการอา้ งอิงระหวา่ งดาเนนิ การ ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยเอกสารดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ใบสมัครขน้ึ ทะเบียนเป็นผูเ้ รียน 1.2 ใบลงทะเบียนเรยี น 1.3 ใบลงทะเบยี นเทียบโอน 1.4 ใบลงทะเบยี นกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น 1.5 ใบลงทะเบยี นรกั ษาสถานภาพการเปน็ ผู้เรยี น 1.6 กระดาษคาตอบและใบลงลายมือชื่อผ้เู ข้าสอบ 1.7 หลักฐานการเทียบโอนและอืน่ ๆ 2. หลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารแสดงข้อมูลและสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนที่ สถานศึกษาจะต้องจัดทาเพ่ือใช้สาหรับตรวจสอบ ส่ือสาร ส่งต่อ และรับรองผลการเรียนของผู้เรียน หลกั ฐานการศึกษาทีส่ ถานศกึ ษาจะตอ้ งจัดทามี 2 กลุ่ม คือ 2.1 เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคบั แบบ มีดังนี้ 2.1.1 ระเบยี นแสดงผลการเรยี น 2.1.2 ประกาศนียบตั ร 2.1.3 แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศึกษา 2.2 เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทส่ี ถานศึกษาดาเนินการเอง มดี งั นี้ 2.2.1 แบบบันทึกผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน 2.2.2 แบบรายงานสรปุ ผลการเรยี น 2.2.3 แบบอนมุ ัติผลการจบหลกั สตู ร 2.2.4 แบบรายงานแสดงผลการเรยี นเฉลย่ี (GPA) ของผู้เรียนระดับมัธยมศกึ ษาตอน ปลาย 2.2.5 ใบรับรองผลการเรยี น 2.2.6 อืน่ ๆ

3. การทาลายเอกสารทางการศึกษา ให้สถานศึกษาแตง่ ตัง้ กรรมการจดั ทาทะเบียนเอกสารการทาลาย เอกสารทางการศึกษา โดยให้เป็นไปตามระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 4. หลกั ฐานการศกึ ษาท่สี ถานศึกษาจัดเกบ็ ไวต้ ลอดไป ได้แก่ 4.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน 4.2 รายงานผู้สาเร็จการศกึ ษา 4.3 บนั ทึกผลพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น 4.4 รายงานสรุปผลการเรียน 4.5 ทะเบียนคมุ ใบประกาศนียบตั ร 4.6 สมุดทะเบยี นผู้เรยี น

ทม่ี าของภาพ ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจงั หวดั ลาปาง สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ผู้จัดทา นายธวชั ชัย อตุ สาสาร รหสั 63941900604


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook