1
2 ก คำนำ ตามที่ สานักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้มอบหมายนโยบายการ ปฏิบัติงาน ขอบเขตการปฏิบัติงาน ของกศน.อาเภอ และกศน.ตาบล ปฎิบัติงานตามนโยบายประจาปี งบประมาณ ๒๕๖๓ การศกึ ษาตอ่ เน่ือง การจดั การศึกษาเพือ่ พัฒนาทักษะชีวิตให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ คนพิการ ผสู้ ูงอายุที่สอดคลอ้ งกบั ความต้องการจาเป็นของแต่ละบุคคล และมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีทักษะ การดารงชีวิตตลอดจนสามารถประกอบอาชีพพ่ึงพาตนเองได้ มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการชีวิต ของตนเองให้อยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีความสุข สามารถเผชิญสถานการณต์ ่างๆ ทเี่ กิดข้ึนในชีวิตประจาวันได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและเตรียมสาหรับการปรับตัวให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในอนาคต โดยจัดกิจกรรมที่มีเน้อื หาสาคญั ต่างๆ เช่น สุขภาพกายและจิต การป้องกันภัยยาเสพติด เพศศึกษา คุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผ่านการศึกษารูปแบบต่างๆ อาทิ ค่าย พัฒนาทกั ษะชีวติ การจดั ต้งั ชมรม/ชุมชน การสง่ เสรมิ ความสามารถพิเศษตา่ งๆ กศน.ตาบลชาตติ ระการ จึงได้จดั ทาโครงการตามนโยบายและ จดั ทาสรุปผลการจดั โครงการให้ผู้บริหาร และบุคคลที่สนใจได้ทราบในภาพรวม โดยประมวลรายละเอียดและผลการจัดโครงการในคร้ังน้ีไว้ หากมี ข้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ัดทาขออภัยมา ณ โอกาสน้ี นางสาวนภิ าพร พระคาสอน ครู กศน.ตาบลชาตติ ระการ สงิ หาคม ๒๕๖๓
3 สรปุ ผลการดาเนินโครงการ โครงการการศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ *************************************************************************************************** ส่วนที่ 1 รายละเอียดโครงการ โครงการการศึกษาเพอ่ื พฒั นาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาตติ ระการ แผนงาน งบประมาณ : การจัดการศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง งบประมาณ 2,300.- บาท ลักษณะโครงการ : ( / ) โครงการตอ่ เนอ่ื ง ( ) โครงการใหม่ กลุ่มผรู้ บั ผิดชอบ : การศกึ ษาต่อเนอ่ื ง (การศกึ ษาเพือ่ พัฒนาทกั ษะชวี ิต) 1. โครงการการศึกษาเพอื่ พฒั นาทักษะชีวิต สขุ ภาพดี ชวี ีสดใส ตาบลชาติตระการ 2. สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการศกึ ษา กศน. : มาตรฐานการศกึ ษาตอ่ เน่อื ง มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผเู้ รียนการศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง ๑.๑ ผู้เรียนการศึกษาต่อเน่ืองมีความรู้ ความสามารถ และทักษะ และหรือคุณธรรม เป็นไปตามเกณฑ์การจบหลกั สูตร ๑.๒ ผู้จบหลักสูตรการศึกษาต่อเน่ืองสามารถนาความรู้ท่ีได้ไปใช้ หรือประยุกต์ใช้บนฐาน ค่านิยมรวมของสังคม ๑.๓ ผู้จบหลกั สตู รการศึกษาตอ่ เนอ่ื งทีน่ าความรูไ้ ปใชจ้ นเหน็ เปน็ ประจักษห์ รือตัวอยา่ งที่ดี สอดคลอ้ งกบั นโยบาย และจดุ เนน้ การดาเนินงาน กศน. ภารกิจตอ่ เนื่อง ๑. ด้านการจดั การศกึ ษาและการเรียนรู้ ๑.๓ การศึกษาตอ่ เน่อื ง ๒) จัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต ให้กับกลุ่มเปูาหมายโดยเฉพาะคนพิการ ผู้สูงอายุท่ี สอดคล้องกับความต้องการจาเป็นของแต่ละบุคคล และมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเปูาหมายมีทักษะการดารงชีวิต ตลอดจนสามารถประกอบอาชพี พง่ึ พาตนเองได้ มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตของตนเองให้อยู่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดข้ึนในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของข่าวสาร ข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในอนาคต โดยจัดกิจกรรมที่มีเนื้อหาสาคัญต่างๆ เช่น สุขภาพกายและจิต การปูองกันภัยยาเสพติด เพศศึกษา คุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผ่านการศึกษารูปแบบต่างๆ อาทิ คา่ ยพฒั นาทักษะชีวติ การจัดตง้ั ชมรม/ชุมนมุ การส่งเสรมิ ความสามารถพเิ ศษตา่ งๆ 3. หลกั การและเหตุผล การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต มีความสาคัญต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนและการพัฒนา คุณภาพของประชาชน กระบวนการจัดการศึกษาท่ีสมบูรณ์จึงเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน ด้านหน่ึงคือการ พัฒนาผู้เรียนในด้านวิชาการการเรียนรู้ตามหลักสูตร อีกด้านหนึ่งคือการพัฒนาผู้เรียนทางด้านจิตใจ ด้าน คณุ ธรรม ทั้งนี้เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน มีการนาเอาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ การจัดกระบวนการเรียนรู้เพ่ือส่งเสริมความสามารถของบุคคล เพ่ือให้ สามารถจัดการกับตนเองและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีความสุขตามสภาพและความสุข ความปลอดภัยในสังคม ซึ่ง เป็นการพฒั นาทักษะพน้ื ฐานของบุคคล โดยบูรณาการองค์ความร้แู ละกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ในชีวิตประจาวัน เข้าด้วยกันการจดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาทักษะชวี ิต เนน้ ส่งเสริมสนับสนุนให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ ที่จะช่วยให้บุคคลสามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียม ความพร้อมสาหรับการปรับตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพ การปูองกันการแพร่ระบาดของ
4 โรคโควิด-19 ยาเสพติด ความปลอดภัยในชีวิตสิ่งแวดล้อม คุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ เพ่ือให้สามารถมีชีวิตอยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุขหรือจะกล่าวง่ายๆ ทักษะชีวิตก็คือความสามารถในการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญใน ชีวติ ประจาวัน กศน.ตาบลชาติตระการ จึงได้จัดทาโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาตติ ระการ ในวันท่ี ๓1 กรกฎาคม 256๓ ณ วัดเนินหนองโบสถ์ บ้านชาติตระการ หมู่ 6 ตาบลชาติ ตระการ อาเภอชาตติ ระการ จังหวัดพิษณโุ ลก 4. วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ ใหผ้ ู้สงู อายุ มคี วามรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกบั การดูแลสขุ ภาพที่ดี 2. เพื่อให้ผสู้ งู อายุ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการสร้างสุขภาพจติ ทีด่ ี ๓. เพื่อใหผ้ ้สู ูงอายุ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการปอู งกันการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 4. เพ่อื ใหผ้ สู้ งู อายุ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ยาเสพตดิ 5. เพ่อื เสริมสรา้ งขวญั และกาลงั ใจให้แกผ่ สู้ ูงอายดุ ารงชีวติ ในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ 5. เปา้ หมาย เชิงปรมิ าณ - ประชาชน(ผู้สูงอาย)ุ จานวน 20 คน - บคุ ลากรที่เกย่ี วขอ้ ง จานวน 2 คน รวมทั้งส้ิน 22 คน เชงิ คณุ ภาพ ผ้สู ูงอายุ มีความรู้ ความเขา้ ใจในการดแู ลรักษาสขุ ภาพดว้ ยตนเอง มีสุขภาวะ สุขอนามัย และสุขภาพจิตที่ดี มีความรู้ในการปูองกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมีความ เข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถใช้ชีวิตประจาวันได้อย่างมีความสุขท้ังร่างกายและจิตใจ เห็นคุณค่าของตนเอง ในการจดั การชวี ติ ของตนเองใหอ้ ย่ใู นสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ๖. สถานท่ี - ณ วัดเนินหนองโบสถ์ บ้านชาติตระการ หมู่ 6 ตาบลชาติตระการ อาเภอชาติตระการ จังหวัด พษิ ณโุ ลก ๗. งบประมาณท่ไี ด้รับ - 2,300.- บาท ๘. ผู้รับผดิ ชอบโครงการ - กศน.อาเภอชาติตระการ - งานการศกึ ษาต่อเนื่อง กศน.อาเภอชาตติ ระการ จังหวัดพิษณโุ ลก - ครอู าสาสมัครฯ - ครู กศน.ตาบล ที่รับผดิ ชอบ ๙. เปา้ หมายในการดาเนนิ โครงการ จานวน 20 คน เปาู หมาย ผสู้ ูงอายุและ ประชาชนท่ัวไป ผลการดาเนนิ งาน ๒๕ คน ชาย 1๓ คน หญงิ 1๒ คน
5 ส่วนที่ 2 วิธีการดาเนนิ การ ผู้ดาเนินการจัดทาโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติ ตระการ ไดด้ าเนนิ การในการอบรมเกบ็ รวบรวมข้อมูล และการวิเคราะหข์ อ้ มลู ดังน้ี การดาเนินการจัดกิจกรรม 1. เตรียมการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน - ประชมุ วางแผนรปู แบบการจดั กิจกรรม - เลอื กกิจกรรมท่ีจะจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน - มอบหมายงานให้บคุ ลากรท่เี กี่ยวขอ้ ง - ติดตอ่ ประสางานในการจัดกิจกรรม 2. วธิ ีการดาเนนิ งาน - เขียนเสนอโครงการ - เสนอโครงการ - เตรียมการจดั กจิ กรรมโครงการ 1. เตรียมการกอ่ นการจดั กจิ กรรมโครงการ - การจดั เตรยี มเอกสารโครงการ - ประสานงานตดิ ตอ่ ผูน้ าชมุ ชนในพืน้ ที่เปาู หมาย - รวบเนอื้ หาทจี่ ะบรรยายในโครงการ - อ่ืน ๆ 2. ตดิ ตอ่ ประสานงานเครือขา่ ย จัดการกจิ กรรมโครงการตามแผนที่วางไว้ - ลงทะเบียนผ้เู ข้าร่วมการกิจกรรมโครงการ - วิทยากรให้ความเรื่องตา่ งๆตามกาหนดการ - ฝกึ ปฏิบัติตามกาหนดการในโครงการ - สรุปกิจกรรมยอ่ ย - ปิดโครงการ - สรปุ รายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการเปน็ รูปเลม่ - รายงานผลการจดั กจิ กรรมโครงการใหผ้ ้ทู ่ี เกย่ี วขอ้ งรบั ทราบ
6 สว่ นท่ี 3 เน้อื หาสาระ ผู้ดาเนินการจัดทาโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติ ตระการ ได้ใช้สอ่ื ใบความรู้ แบบบันทึกในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เร่อื งดงั ต่อไปนี้ วธิ ีการดแู ลสุขภาพของผ้สู ูงอายุ ข้อแนะนาจาก อ.นพ.สมบรู ณ์ อินทลาภาพร ภาควชิ าเวชศาสตร์ปอ้ งกนั และสังคม คณะ แพทยศาสตรศ์ ิริราชพยาบาล ท่ไี ด้เขยี นบรรยายไว้อย่างน่าสนใจว่า 1. เลือกอาหาร วัยนี้ร่างกายมีการใช้พลังงานน้อยลงจากกิจกรรมท่ีลดลง จึงควรลดอาหารประเภทแปูง น้าตาล และไขมัน ให้เน้นอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะปลา และเพิ่มแร่ธาตุท่ีผู้สูงอายุมักขาด ได้แก่ แคลเซียม สังกะสี และเหล็ก ซ่ึงมีอยู่ในนม ถั่วเหลือง ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ และควรกินอาหารประเภทต้ม น่ึง ย่าง อบ แทนประเภทผัด ทอด จะช่วยลดปรมิ าณไขมันในอาหารได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเล่ียงอาหารท่ีมีรสหวาน จัด เคม็ จดั และด่ืมน้าสะอาดอย่างนอ้ ย 6-8 แก้วต่อวนั 2. ออกกาลังกาย หากไมม่ ีโรคประจาตัวแนะนาให้ออกกาลังกายแบบแอโรบิกสัก 30 นาทีต่อครั้ง ทาให้ ได้สัปดาห์ละ 3-4 ครัง้ จะเกดิ ประโยชนต์ ่อหัวใจและหลอดเลอื ดอยา่ งมาก โดยข้ันตอนการออกกาลังกายจะต้อง ค่อยๆ เร่ิม มีการยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วค่อยๆ เพ่ิมความหนักขึ้นจนถึงระดับท่ีต้องการ ทาอย่างต่อเนื่องจนถึง ระยะเวลาที่ต้องการ จากนนั้ ค่อยๆ ลดลงช้าๆ และคอ่ ยๆ หยุด เพอ่ื ให้ร่างกายและหวั ใจไดป้ รับตวั 3. สัมผสั อากาศทบ่ี ริสุทธิ์ จะชว่ ยลดโอกาสการเกิดโรคได้ อาจเป็นสวนสาธารณะใกล้ๆ สถานท่ีท่องเที่ยว หรือการปรับภมู ทิ ศั น์ภายในบา้ นให้ปลอดโปร่ง สะอาด อากาศถา่ ยเทสะดวก มีการปลูกต้นไม้ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ เหมาะสม เพอื่ ลดการแพรก่ ระจายของเชื้อโรค และสามารถช่วยปูองกันโรคภมู แิ พ้ หรือหอบหดื ได้ 4. หลีกเลี่ยงอบายมุข ได้แก่ บุหรี่และสุรา จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค หรือลดความรุนแรงของโรคได้ ทัง้ ลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษา และยังช่วยปูองกันปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรมต่างๆ อันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ในขณะน้ี 5. ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลและโรคท่ีเป็นอยู่ ส่งเสริม สุขภาพให้กล้ามเน้ือมีความแข็งแรง ปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือการหก ลม้ 6. ควบคุมน้าหนักตัวหรือลดความอ้วน โดยควบคุมอาหารและออกกาลังกายจะช่วยทาให้เกิดความ คล่องตัว ลดปัญหาการหกล้ม และความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม และโรคหลอดเลือดหัวใจ เปน็ ตน้ 7. หลีกเลี่ยงการใชย้ าที่ไมเ่ หมาะสม เช่น การซ้ือยากินเอง การใช้ยาเดิมที่เก็บไว้มาใช้รักษาอาการท่ีเกิด ใหม่ หรือรับยาจากผู้อ่ืนมาใช้ เน่ืองจากวัยนี้ประสิทธิภาพการทางานของตับและไตในการกาจัดยาลดลง ทาให้ เสี่ยงตอ่ การเกิดพิษจากยาหรือผลข้างเคียงอาจมีแนวโน้มรุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทยก์ ่อนใชย้ าจะดที ส่ี ุด 8. หมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น คลาได้ก้อน โดยเฉพาะก้อนโตเร็ว แผลเร้ือรัง มีปัญหาการกลืนอาหาร กลืนติด กลืนลาบาก ท้องอืดเรื้อรัง เบ่ืออาหาร น้าหนักลด ไอเรื้อรัง ไข้เรื้อรัง
7 เหน่ือยงา่ ย แน่นหน้าอกหรือถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องเสียเร้ือรัง ท้องผูกสลับท้องเสีย ถ้าอย่างนี้ล่ะก็พา มาพบแพทย์ดที ีส่ ุด 9. ตรวจสุขภาพประจาปี แนะนาให้ตรวจสม่าเสมอเป็นประจาทุกปี หรืออย่างน้อยทุก 3 ปี โดยแพทย์ จะทาการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาปัจจัยเส่ียงต่อโรคหลอดเลือด แข็ง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ตรวจหาโรคมะเร็งที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็ง ลาไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และยังมีตรวจการมองเห็น การได้ยิน ตลอดจนประเมินความเส่ียงต่อการ เกดิ อุบตั ิเหตดุ ้วย แนวทางสรา้ งสุขภาพจติ ท่ีดี การมสี ขุ ภาพจิตทด่ี ี จะนาไปส่คู วามสุข สบายใจและสามารถจดั การกับความเครยี ดไดง้ ่ายข้นึ แถมยังช่วยให้อายุยืนยาวย่ิงกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะน้ันจะดีกว่าไหมหากเรามาสร้างสุขภาพจิตให้ดีต้ังแต่วันนี้ ซึง่ จะมีวธิ ีอยา่ งไรบา้ ง เราก็ได้รวบรวมมาแนะนากันด้วยแต่ก่อนอื่นมาทาความเข้าใจกับสาเหตุท่ีก่อให้เกิดปัญหา สขุ ภาพจติ ท่ีไม่ดี และความทกุ ขใ์ จกนั ก่อนดีกวา่ สาเหตทุ ่ีทาให้สุขภาพจิตแย่ โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ทาให้สุขภาพจิตแย่ลง ล้วนมาจากนิสัยแย่ๆ ของตัวเราเอง และการตั้ง ความหวังบางอยา่ งทส่ี งู เกินไป เมอ่ื เจอกับความผิดหวัง จึงทาให้สุขภาพจิตแย่ลงแบบไม่ทันต้ังตัวเลยทีเดียว ซ่ึงก็ มีสาเหตดุ ังน้ี 1. ความเครียด ความเครียดสามารถเกิดข้ึนได้กับคนเราทุกคนและเกิดได้ทุกเวลา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ สามารถจัดการกับความเครียดได้ดีแค่ไหน โดยความเครียดก็ถือเป็นสาเหตุหน่ึงท่ีทาให้สุขภาพจิตแย่ลงเช่นกัน เพราะเม่ือเรามีความเครียด ก็จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ ให้เกิดความวิตกกังวลและคิดมากอยู่ตลอดเวลา แถมยัง ทาให้อารมณ์ไม่คงท่ี หงุดหงิดง่ายและขาดสมาธิที่จะทางานหรือทากิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวันอีกด้วย นอกจากนค้ี วามเครียดก็เป็นสาเหตุหนึง่ ทที่ าใหเ้ กดิ โรคร้ายตา่ งๆ ไดเ้ ชน่ กัน 2. อยากมี อยากได้เหมือนคนอนื่ หลายคนมกั จะลืมไปว่าคนเรามีตน้ ทุนชีวิตทไี่ มเ่ หมือนกัน จึงปล่อยให้ กิเลส ความอยากได้อยากมีเข้าครอบงา ซึ่งน่ันก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตไม่น้อยเลยทีเดียว โดนขอแบ่ง ออกเปน็ 2 กรณีดงั น้ี กรณีที่ 1 อยากได้เหมือนคนอืน่ แต่ทาไมไ่ ด้ เน่อื งจากมรี ายไดน้ ้อยจึงไม่สามารถตอบสนองความอยากของ ตวั เองได้ จงึ กอ่ ให้เกดิ ความทกุ ข์ ทกุ ขใ์ จที่ไมส่ ามารถมีได้อย่างใครเขา ทุกข์ใจท่ีเห็นคนอื่นดีกว่า และทุกข์ ใจจากความอจิ ฉา รษิ ยา นนั่ เอง กรณีท่ี 2 อยากได้ จึงทาทุกวิถีทางเพ่ือให้ได้มาซ่ึงความต้องการ โดยไม่คานึงถึงผลกระทบที่ตามมา ซึ่ง ส่วนใหญจ่ ะนาเงนิ ที่มีไปทุ่มกับความอยากได้หรือกู้ยืมมาเพ่ือให้ได้สิ่งท่ีต้องการ ผลท่ีตามมาจึงเป็นปัญหา ความขัดสนทางการเงนิ หรอื หนี้สิน ซ่งึ ก็จะกอ่ ให้เกดิ ความเครียดและสุขภาพจิตท่ีแย่ลงตามลาดบั 3. ข้ีระแวงจนเกินไป จริงอยู่ที่ยุคสมัยน้ีเราไม่ควรไว้ใจใครมากเกินไป เน่ืองจากรู้หน้าไม่รู้ใจ แต่หากขี้ ระแวงจนเกนิ ไปกส็ ่งผลต่อสุขภาพจติ ไดเ้ หมือนกัน เพราะจติ ใจจะคิดพะวงอยู่แต่ความระแวง ไม่กล้าไว้วางใจใคร มเี พือ่ นก็กลัวเพอ่ื นจะคิดทรยศ หักหลงั เจอใครกก็ ลัวแต่เขาจะคิดร้าย หรือมีแฟนก็กลัวว่าแฟนจะมีคนอื่น ซ่ึงทุก ส่ิงเหล่าน้ีล้วนทาให้จิตใจของคนเราไม่สงบ และหากปล่อยไว้นานๆ ก็อาจก่อให้เกิดโรคจิตเวชชนิดหนึ่งได้เลย ทเี ดยี ว
8 4. มองโลกในแง่ร้าย คนที่มองโลกในแง่ร้าย มักจะมีชีวิตในแต่ละวันท่ีเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและ หดหู่ เพราะคิดแต่ว่าคนอ่นื เป็นศัตรูกับตน และตนมักจะเจอแต่เรื่องร้ายๆ เข้ามาในชีวิตเสมอ ซ่ึงการคิดแบบน้ีก็ จะเปน็ การบน่ั ทอนจิตใจของตวั เองเปน็ อย่างมาก และแน่นอนวา่ มนั ทาลายสขุ ภาพจิตได้มากทีเดยี ว 5. ต้ังเปา้ หมายไวส้ ูง เพ่อื การประสบความสาเร็จไมว่ ่าเรอื่ งอะไรกต็ าม คนเราควรมีเปูาหมายให้กับตัวเอง เสมอ แต่อย่างไรกต็ ามการตง้ั เปูาหมายทสี่ งู เกินไป กอ็ าจตอ้ งเจอกับความผิดหวงั ซึ่งก็จะทาให้สุขภาพจิตแย่ลงได้ เหมือนกนั ดงั น้ันการตั้งเปาู หมายทด่ี ี ควรกาหนดเปูาหมายทีไ่ ม่ไกลเกนิ เอื้อมจะดีกว่า 6. เจอกับเร่ืองที่กระทบกระเทือนจิตใจ เมื่อต้องเจอกับเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ก็จะ ทาให้คนเรามีสุขภาพจิตที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด โดยบางคนอาจถึงขั้นมีอาการปุวยทางจิตเวชได้เลยทีเดียว เนื่องจากจิตใจไมส่ ามารถยอมรบั กบั สิง่ ที่เกดิ ขึ้นได้ทันน่ันเอง วธิ ีสร้างสขุ ภาพจติ ทีด่ ี ไมว่ ่าคณุ กาลังมีปญั หาสขุ ภาพจิตท่แี ย่หรือไม่ การสรา้ งสขุ ภาพจติ ที่ดกี ็เปน็ เรอื่ งท่สี าคญั อยู่เสมอ เพราะนี่ คือหนทางแห่งความสุข ความสบายใจและเป็นวิธหี น่งึ ทจี่ ะทาให้คุณมสี ขุ ภาพทดี่ แี ละแข็งแรงตลอดไปน่ันเอง โดย สาหรับวธิ กี ารสร้างสุขภาพจติ ที่ดีกท็ าได้ไม่ยาก ซ่งึ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ดี งั นี้ 1. ผ่อนคลายความเครยี ด อยา่ งทก่ี ล่าวไปแลว้ ขา้ งตน้ ว่า สุขภาพจติ แย่ก็เกิดจากการที่เราไมส่ ามารถ จดั การกบั ความเครยี ดไดน้ น่ั เอง ดังนั้นเพ่ือสร้างสุขภาพจติ ทดี่ ีให้กับตนเอง จึงต้องเรม่ิ จากการเรียนรวู้ ิธีผอ่ น คลายความเครยี ดอยา่ งถูกหลัก ซ่งึ ก็มีวิธกี ารจัดการกับความเครียดดังนี้ – ออกกาลงั กาย เพราะการออกกาลังกายจะทาให้เราหยุดนึกถึงเร่ืองเครียดๆ หรือเรื่องท่ีกาลังกังวลไป ได้ระยะหนึ่ง แถมยังทาให้กล้ามเน้ือที่หดตึงจากความเครียด ค่อยๆ คลายออก จึงส่งผลให้รู้สึกสบายและผ่อน คลายมากข้นึ อีกดว้ ย ท่ีสาคญั เมื่อเราออกกาลังกายบ่อยๆ ร่างกายจะมีการสร้างสารแห่งความสุขออกมามากกว่า เดิม จึงทาใหเ้ รามีสภาพจติ ใจดีและจดั การกับความเครียดได้อย่างอย่หู มัด – ทางานอดิเรก การจดจ่อกับสิ่งท่ีชอบ จะทาให้เราคลายความเครียดได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากสิ่ง เหลา่ นจี้ ะทาให้เราเกิดความเพลิดเพลินและสามารถสร้างความสุข ความสบายใจได้เป็นอย่างดี ไม่แน่คุณอาจจะ คดิ ไอเดยี ดีๆ ท่จี ะแก้ปัญหากบั ส่งิ ทีเ่ จออยไู่ ด้อย่างมีประสิทธภิ าพก็ได้ – ทานช็อกโกแลต รไู้ หมวา่ ช็อกโกแลตก็มีส่วนช่วยในการผ่อนคลายความเครียดได้ดีเหมือนกัน แต่ต้อง เป็นดารก์ ชอ็ กโกแลตเทา่ นน้ั เพราะอดุ มไปดว้ ยสารฟลาโวนอยด์ทีจ่ ะชว่ ยใหอ้ ารมณ์ดแี ละลดฮอร์โมนความเครียด ลงได้ แมว้ ่ารสชาติจะไม่หวานมากนัก แต่ก็สามารถทานได้อย่างเพลดิ เพลินและสรา้ งความสุขได้ดที ีเดียว – ฟังเพลง แค่ได้ฟังเพลงเบาๆ จังหวะสบายๆ หรือจังหวะมันส์ๆ ก็จะทาให้สมองปลอดโปร่งและลืม ความเครียดไดอ้ ย่างงา่ ยดาย เพราะฉะนั้นลองหามมุ สงบและเปดิ เพลงเบาๆ ฟังดูสิ รบั รองว่าจะทาให้ความเครียด ลดลง และสขุ ภาพจติ ดขี ้นึ อยา่ งแน่นอน 2. ลดละ ความอยากได้อยากมี อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่เช่ือเถอะว่าแค่มีความต้ังใจจริงก็สามารถทาได้ แน่นอน เพียงแค่พยายามลดความอยากได้อยากมีออกไปให้ได้มากท่ีสุด และต้ังตนเองอยู่บนพ้ืนฐานของความ พอเพยี ง กล่าวคอื - ควรอยากมีอยากได้ในส่ิงท่ีตนเองสามารถเอ้ือมถึงได้ไม่ยาก โดยสิ่งนั้นจะต้องมีราคาที่ไม่แพงเกินไป และมน่ั ใจไดว้ ่าเม่อื ลงทุนซอื้ ไปแล้วจะไม่สง่ ผลกระทบต่อการเงินและการใช้จ่ายในชีวติ ประจาวนั - ควรอยากมอี ยากไดเ้ ฉพาะของทจ่ี าเปน็ และนามาใช้ประโยชน์ไดจ้ รงิ เท่านน้ั - ระลกึ อย่เู สมอว่าคนเรามีต้นทุนชีวิตท่ีแตกต่างกัน จึงไม่จาเป็นที่จะต้องมีอย่างใครเขาและต้องไม่อิจฉา คนอ่ืนด้วยหากสามารถทาได้ดงั น้สี ุขภาพจติ ของเราก็จะดีขึ้น และไม่เกิดความทุกข์ ความอิจฉาริษยา ถึงแม้ว่าจะ เห็นผู้อ่ืนดีกว่าก็ตาม
9 3. สรา้ งความสัมพนั ธท์ ่ดี ีกบั ผู้อ่ืน การสรา้ งความสมั พันธก์ ับผอู้ ่ืนถอื เป็นสง่ิ ทส่ี าคัญมาก เพราะนอกจาก จะทาใหเ้ กิดมติ รภาพทด่ี ตี ่อกันแล้ว ยงั ดีต่อสุขภาพจติ อีกดว้ ย ยกตวั อย่างเชน่ การทางาน หากเรามีเพ่ือนร่วมงาน ที่ดีและสามารถเข้ากันกับเพ่ือนร่วมงานได้ ก็จะทาให้เราทางานได้อย่างมีความสุข สามารถพูดคุยสังสรรค์กับ เพ่ือนร่วมงานได้ตลอด และเมื่อมีปัญหาอะไรก็ยังมีเพื่อนคอยให้คาปรึกษาและรับฟังเร่ืองราวของเราอีกด้วย ซ่ึง มันก็คงจะดีกว่าการไม่มีเพื่อนเลยสักคนจริงไหม โดยคนท่ีปิดก้ันตนเองจากการสร้างความสัมพันธ์กับเพ่ือน รว่ มงาน ก็จะกลายเป็นคนที่หดหู่ โดดเด่ยี วและมกั จะเกิดความระแวงว่าใครจะคิดไม่ดีกับตนเองเสมอ ซ่ึงทั้งหมด นี้ล้วนเป็นการทาลายสุขภาพจิตท้งั สิ้น ดังน้ันมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีกันดีกว่า อย่าง นอ้ ยก็จะทาใหส้ ุขภาพจิตดขี ึน้ มากทีเดยี ว 4. รู้จักปล่อยวาง เรื่องบางเร่ืองหากเก็บเอามาคิดหมกมุ่นตลอดเวลา ก็จะทาให้เกิดความเครียดและ ส่งผลตอ่ สุขภาพจิตได้ ดังนัน้ จึงควรรู้จกั ปล่อยวางบ้าง ซ่ึงการปล่อยวางก็สามารถทาไดห้ ลากหลายวธิ ดี งั นี้ – มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าส่ิงน้ันจะไม่ถูกต้อง เพราะอย่างไรส่ิงผิดพลาดเหล่านั้นก็ไม่ได้ส่งผล กระทบอะไรมากมาย บางคร้ังการมองข้ามส่ิงเล็กน้อยไปและให้ความสาคัญกับสิ่งที่สาคัญกว่า ก็จะช่วยสร้าง คณุ ภาพชวี ิตท่ดี ีไดม้ ากทเี ดยี ว และไมท่ าให้ตอ้ งเสยี เวลากับการจมปลกั อยกู่ บั ส่ิงนัน้ อีกดว้ ย – อย่ากังวลในความคิดของคนอื่นมากเกินไป เพราะน่ันจะย่ิงทาให้สุขภาพจิตของคุณแย่ลงไปเปล่าๆ ควรคิดอยู่เสมอว่าคนเรามีความคิดท่ีแตกต่างกัน ซึ่งแทนท่ีจะเครียดกับความคิดของคนอื่น มาปรับปรุงและ พัฒนาความคิดของตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า ส่วนกรณีท่ีมีคนชอบและไม่ชอบเราน้ัน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา พวกเขา อาจจะเอาเราไปนินทาบ้าง แต่หากไม่เก็บมาใส่ใจ ก็ไม่มีอะไรท่ีจะมาบ่ันทอนความรู้สึกและสุขภาพจิตของเราได้ อย่างแนน่ อน – อดีตที่เลวร้ายอย่าไปจดจา หลายคนมักจะเก็บเอาอดีตท่ีเลวร้ายมาคิดอยู่เสมอ ซ่ึงนั่นก็เป็นการบั่น ทอนกาลังใจของตัวเองและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอดีตเหล่าน้ันจะเป็นเร่ืองของความ ผิดพลาดในการทางาน ชีวิตครอบครัวท่ีย่าแย่ในวัยเด็ก หรืออดีตเรื่องความรักก็ตาม เพราะฉะนั้นควรปล่อยวาง ซะใหห้ มด และมุ่งอยูก่ ับปัจจบุ นั แคท่ าปัจจุบันให้ดี ความสขุ และความสาเรจ็ กจ็ ะอยูไ่ ม่ไกลเกินเออื้ มแนน่ อน – อย่าเข้มงวดกับตารางชีวิตจนเกินไป หลายคนมักจะกาหนดตารางชีวิตในแต่ละวันไว้แบบเปฺะๆ ซึ่ง เมอ่ื ไมส่ ามารถทาไดต้ ามท่ีตงั้ เปาู ไว้ ก็จะทาใหเ้ กิดความเครียดและกดดันในท่ีสุด ดังน้ันจึงควรปล่อยวางบ้าง โดย สร้างความยืดหยุ่นให้กับตารางประจาวันเล็กน้อย เมื่อไม่สามารถทาได้ตามเปูาหมายก็จะได้ไม่เกิดความรู้สึก ยา่ แย่จนเกนิ ไป 5. การทาสมาธิ ก็เป็นอีกวิธีหน่ึงท่ีจะช่วยสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ เพราะเม่ือทาสมาธิจะทาให้เราเกิด ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจและมีสติกับเรื่องต่างๆ มากข้ึน แถมยังช่วยจัดการกับความเครียด ความกังวลได้ อย่างดีเย่ียมอีกด้วย โยการทาสมาธินั้นอาจจะหาช่วงเวลาว่างๆ ตอนเช้า ตอนเย็นหรือก่อนนอนสักประมาณ 10–20 นาที แค่ทาเป็นประจา ก็จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตท่ีดีได้ หรือจะเป็นการฝึกสมาธิด้วยวิธีอ่ืนๆ ก็ได้ เหมอื นกนั 6. ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์แย่ๆ เมื่อกาลังรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ย่าแย่ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องงาน เรื่องในครอบครัว เร่ืองความรักหรือเร่ืองอ่ืนๆ ควรดึงตัวเองออกมาจากสถานการณ์เหล่าน้ันทันที เพราะสถานการณ์เหล่านั้นจะทาให้เกิดความทุกข์ ไม่สบายใจ ความเศร้าหมอง ซึ่งเม่ือปล่อยไว้นานๆ ก็อาจ นาไปสภู่ าวะโรคซมึ เศรา้ และปัญหาสขุ ภาพจิตอื่นๆ ได้ เพราะฉะนั้นตัดสินใจดึงตัวเองออกมาต้ังแต่วันน้ีจะดีที่สุด โดยเฉพาะเร่ืองความรกั หากคดิ วา่ ความรกั กาลังไปไม่รอด ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขามีคนใหม่หรือนิสัยท่ีเข้ากันไม่ได้ กค็ วรจบความสมั พันธน์ น้ั ซะ แมจ้ ะตอ้ งใช้เวลาในการทาใจแตก่ ไ็ ม่ทาให้สขุ ภาพจิตแยล่ งไปกวา่ เดิมแน่นอน
10 วิธปี อ้ งกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 1. ลา้ งมอื บ่อยๆ ดว้ ยสบแู่ ละน้า หรือเจลล้างมอื ที่มสี ว่ นผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์ 2. รกั ษาระยะหา่ งทป่ี ลอดภัยจากผูท้ ่ไี อหรอื จาม 3. ไม่สัมผสั ตา จมูก หรือปาก 4. ปิดจมูกและปากดว้ ยขอ้ พับด้านในข้อศอกหรือกระดาษชาระเมอ่ื ไอหรอื จาม 5. เกบ็ ตวั อยูบ่ า้ นเม่ือไมส่ บาย 6. หากมไี ข้ ไอ และหายใจลาบากโปรดไปพบแพทย์ ตดิ ต่อล่วงหนา้ 7. ปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนาของหนว่ ยงานสาธารณสขุ ในพืน้ ที่ 8. หลกี เลีย่ งการไปสถานพยาบาลเพือ่ ให้บคุ ลากรในระบบสาธารณสุขปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่งิ ข้ึนและปกปูองคุณ รวมถงึ คนอนื่ ๆ ยาเสพติด ความหมายสารเสพติด คือ สารใดๆก็ตามที่ไม่ใช่อาหารซง่ึ สามารถมผี ลกระทบต่อการทางานของ รา่ งกายและจติ ใจ ยาเสพติดสามารถเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และการกระทาของบคุ คลได้ โดยแบง่ ตาม ประเภทการออกฤทธ์ติ อ่ จิตประสาท ได้แก่ สารกระตุน้ ประสาท คอื สารทก่ี ระต้นุ รา่ งกายและการทางานของสมองใหท้ างานเร็วข้นึ ไดแ้ ก่ บหุ รี่ โคเคน ยาบา้ ไอซ์ กระท่อม สารกดประสาท คอื สารทีท่ าใหร้ ่างกายและการทางานของสมองชา้ ลง ไดแ้ ก่ เหล้า เฮโรอนี ยาหลอนประสาท คือ สารทท่ี าให้การมองเหน็ ความร้สู กึ และการได้ยินเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ ยาอี ยาเค สารทอี่ อกฤทธ์ผิ สมผสาน คอื สารทม่ี ีการออกฤทธ์ิกดประสาท กระตุ้นประสาท หรือหลอนประสาทได้ พรอ้ มๆกนั ได้แก่ กัญชา ทาไมคนจึงเสพสารเสพตดิ ??? 1. ตนเอง อยากรู้ อยากลอง ต้องการเป็นทยี่ อมรบั ของกล่มุ เพ่ือน ไม่มีความรู้เรอ่ื งสารเสพตดิ ประสบ ความล้มเหลวในชวี ิต หรือเกดิ จากการเจ็บปวุ ย - อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นซ่ึงเป็นนสิ ยั ของคนโดยทว่ั ไปและไม่คดิ วา่ ตนจะติดสารเสพ ตดิ จงึ ไปทาการทดลองใช้ ในการทดลองใช้ครั้งแรกๆ อาจมีความรู้สึกดีหรือไม่ดีกต็ าม ถ้ายังไมต่ ิดสารเสพตดิ ก็ อาจประมาทไปใช้อีก จนในที่สดุ ก็ตดิ สารเสพติดน้ัน หรือ ถ้าไปทดลองใช้สารเสพตดิ บางชนดิ เชน่ เฮโรอนี แมจ้ ะ เสพเพยี งครง้ั เดียว ก็อาจทาให้ติดได้ - ถูกหลอกลวง ยาเสพติดมรี ปู แบบต่างๆ มากมาย ผู้ถกู หลอกลวงไมท่ ราบวา่ สง่ิ ท่ีตนไดก้ นิ เข้าไปน้ัน เป็น ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษร้ายแรง คิดว่าเปน็ ยาธรรมดาไม่มีพิษร้ายแรง หรือเปน็ อะไรตามท่ีผ้หู ลอกลวงแนะนา ผลสุดท้าย กลายเป็นผู้ตดิ สารเสพติด 2. ครอบครัว เช่น บุคคลในครอบครวั ติดสารเสพติด ครอบครวั ไม่มีความอบอ่นุ มกี ารทะเลาะเบาะแวง้ กัน การหย่ารา้ งและแตง่ งานใหมข่ องหัวหนา้ ครอบครัว พอ่ แม่ไม่เข้าใจลูก รกั ลูกไม่เท่ากัน และมีการเปรียบเทยี บ ระหว่างลกู แตล่ ะคน หรือเปรียบเทยี บกับลกู เพื่อนบ้าน 3. สงิ่ แวดลอ้ ม เช่น มีแหล่งผลติ หรือแหล่งระบาดของยาเสพตดิ ทสี่ ามารถเข้าถงึ ไดง้ า่ ย มีตัวอยา่ งจากสื่อ ประเภทต่างๆ สังคมไมเ่ ปดิ โอกาสหรือไมย่ อมรับผู้ตดิ ยาไดก้ ลบั เขา้ มาสู่สงั คมปกติ อาศยั อยู่ในในสงิ่ ส่งิ แวดลอ้ มท่ี เอือ้ ต่อการติดยาเสพติด
11 4. เศรษฐกิจ เชน่ เศรษฐกิจ ตกตา่ วา่ งงาน มีหนี้สินลน้ พ้นตวั กลุ้มใจที่เป็นหนี้ก็ไปกนิ เหล้า หรอื สบู กัญชาให้เมาเพอื่ ท่จี ะได้ลมื เร่ืองหนสี้ ิน บางคนต้องการรายได้เพิ่มขึน้ โดยพยายามทางานหนกั มากข้นึ ทัง้ ๆ ที่ รา่ งกายอ่อนเพลยี มาก จึงรับประทานสารกระตนุ้ ประสาทเพื่อให้สามารถทางานต่อไปได้ เป็นตน้ ถ้าทาอยเู่ ปน็ ประจาทาให้ติดสารเสพติดนนั้ ได้ เส้นทางการติดยา เส้นทางการติดยาตั้งแต่เร่ิมเสพจนกระทงั่ ตดิ สามารถแบ่งได้ เป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1. เรม่ิ ทดลองอยากรู้อยากเห็น (Experiment and first-time use) เมื่อมีคนแนะนาใหท้ ดลอง รว่ มกับ ความร้สู กึ อยากลอง หรอื ใช้ gateway drug อยแู่ ลว้ เชน่ บุหรี่ เหล้า ซ่ึงสารเหล่านท้ี าใหเ้ กดิ การเรียนรวู้ ่าสารทา ให้เกิดความพงึ พอใจ สบายได้มากกวา่ ท่ีเปน็ อยู่ หรือเพ่ิมพละกาลังในการทางาน 2. ใช้เปน็ ครง้ั คราว (Occasional use) เกิดความตดิ ใจในผลของสารเสพตดิ เรียนรวู้ ่าหากใชป้ รมิ าณ มากขนึ้ กจ็ ะไดร้ บั ผลความรสู้ ึกดีมากขึน้ เกิดความรสู้ กึ เปน็ สขุ อยา่ งมาก 3. ใช้สมา่ เสมอใชอ้ ย่างพรา่ เพรือ่ (Regular use) หมกมนุ่ กบั การหาสารมาเสพ มีอาการเมายา การ ทางาน การเรียนแย่ลง สมั พันธภาพกับคนรอบข้างไม่ดี ใชจ้ ่ายเงินเปลอื ง อาจถูกจบั เนือ่ งจากเสพหรอื คา้ 4. เกดิ ภาวะพ่งึ พาสรุ ายาเสพตดิ (Dependence) ใชส้ ารมาอยา่ งต่อเนื่องยาวนาน จนเกดิ อาการทนต่อ ยา (Tolerance) และภาวะถอนยา (Withdraw) หรือ มกี ารใชเ้ กินขนาด (Drug Overdose) โดยไมต่ ั้งใจ พษิ ภยั ร้ายของสารเสพตดิ ตอ่ รา่ งกายและจิตใจของผเู้ สพ 1. ทาลายประสาทสมอง จติ ใจเส่ือม ซมึ เศรา้ วิตกกังวล เล่ือนลอย และเกดิ ภาวะผดิ ปกติทางจติ จากสาร เสพตดิ นั้นๆพิษจากสารเสพติดทาลายอวยั วะต่างๆให้เส่อื มลง มีโรคแทรกซ้อนไดง้ ่าย ร่างกายซูบซดี ออ่ นเพลยี 2. เสียบคุ ลกิ ภาพ ขาดความสนใจตนเอง ขาดสติสัมปชญั ญะการควบคุมกลา้ มเนอ้ื และระบบประสาท บกพร่อง ทาให้ประสบอุบตั ิเหตไุ ด้งา่ ย ต่อครอบครวั และสังคม 1. ครอบครวั ทีม่ ผี ตู้ ดิ สารเสพตดิ มักได้รบั ความเดือดรอ้ นจากผู้ตดิ สารเสพติดในทุกด้าน เช่น การขาด ความรับผิดชอบต่อหนา้ ทนี่ าไปสูค่ วามขดั แยง้ ทะเลาะววิ าท กอ่ ใหเ้ กดิ ความเครยี ด และตอ้ งแก้ไขปญั หาบ่อยๆ 2. ทาให้สญู เสยี สมรรถภาพ การทางาน ทาใหเ้ กิดผลกระทบต่อครอบครัวท้ังทางเศรษฐกจิ และสงั คมเสยี ทรพั ยส์ ินรายได้ของครอบครัวเน่อื งจากตอ้ งซือ้ สารเสพติดมาเสพ และรกั ษาโรคท่ีเกดิ จากสารเสพตดิ 3. ปญั หาสารเสพติดกอ่ ให้เกิดความหวาดระแวงจากประชาชนและสงั คมเปน็ วงกว้าง เนื่องจากเกรงว่า บุตรหลานจะเขา้ ไปเก่ียวข้องกบั สารเสพตดิ หรือถูกประทุษร้ายจากผเู้ มาสารเสพติด หรอื มีความผิดปกติทางจิต จากการใช้สารเสพตดิ ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ เป็นภัยต่อความม่ันคง สง่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรม และวถิ ีชีวิตทีเ่ ป็นสขุ ของคนใน ประเทศประเทศชาตสิ ญู เสยี งบประมาณในการปูองกัน ปราบปราม บาบัดรักษาผตู้ ดิ สารเสพติด เราทุกคนจะป้องกันสารเสพตดิ อยา่ งไร? ตนเองเป็นบทบาทสาคัญทีส่ ามารถปูองกนั และแก้ไขปัญหาสารเสพตดิ ได้ ดังนี้ 1. ศึกษาความรูเ้ ก่ียวกับโทษ และพษิ ภยั ของสารเสพติด ไมท่ ดลองเสพสารเสพติดทกุ ชนดิ ร้เู ท่าทนั การ หลอกลวง ชกั จูงจากกลุ่มผูค้ า้ สารเสพติด เลือกคบเพ่ือนที่ไมใ่ ช้สารเสพตดิ และใช้ทกั ษะการปฏเิ สธเมื่อถกู ชักชวน 2. มีทศั นคตทิ ่ีดีตอ่ ชีวติ มีความภาคภมู ใิ จในตนเองว่ามีคณุ คา่ ท้ังต่อตนเอง ครอบครวั และสงั คม ไม่ควร ทาลายชีวติ ที่ไดม้ าดว้ ยการติดสารเสพติด
12 3. ตระหนักในบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ระลึกเสมอวา่ ขณะน้ตี นเองมบี ทบาทหนา้ ทอี่ ะไรเช่น มีหน้าท่ี เรียนหนังสือกค็ วรตง้ั ใจศึกษาเลา่ เรียนเชอื่ ฟังคาสงั่ สอนของพอ่ แม่ ครู อาจารย์ เปน็ ตน้ 4. รกั ษาสขุ ภาพร่างกายให้แข็งแรงและทาจิตใจให้แจ่มใสใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ ในการทากิจกรรม ตา่ งๆเชน่ อ่านหนงั สือ เล่นกีฬา หรือทางานอดเิ รกตา่ งๆ 5. มีทกั ษะในการดาเนินชวี ิต รู้จักแก้ไขปัญหาในทางท่ีถูกทค่ี วร กล้าเผชญิ ปัญหา รู้จกั คิดไตร่ตรองดว้ ย เหตผุ ล ไมห่ ลกี หนีปัญหาดว้ ยการเสพสารเสพติด 6. ขอคาปรึกษาหรือขอความชว่ ยเหลอื จากผ้ใู หญ่ ผ้ปู กครอง เพราะการแกไ้ ขปัญหาโดยลาพงั แบบ รเู้ ทา่ ไม่ถึงการณ์ อาจนาไปสกู่ ารใชช้ วี ติ ทีผ่ ดิ พลาดได้ ครอบครัว ควรสอดสอ่ งดแู ลเด็กและบุคคลในครอบครวั อย่าใหเ้ กยี่ วข้องกบั ยาเสพติด อบรม สงั่ สอน ให้ รู้ถงึ โทษภยั ของยาเสพตดิ ดแู ลเรอ่ื งการคบเพ่ือน คอยสง่ เสริมให้รจู้ ักใช้เวลาในทางที่เป็นประโยชน์ เชน่ การ ทางานบ้าน การเลน่ กีฬา เพือ่ ปอู งกันไม่ให้เด็กหนั เหไปสนใจในยาเสพตดิ ทุกคนในครอบครัวควรสรา้ งความรกั ความเขา้ ใจ และสัมพันธภาพอนั ดตี อ่ กัน ท่ีพ่ึง เปน็ ท่ปี รึกษาและให้กาลังใจแก่กันและกนั นอกจากนี้พ่อแม่ควร เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ใี นการไม่ใช้สารเสพตดิ เชน่ ไม่สบู บุหร่ี ไม่ดมื่ เหล้า โรงเรยี น ควรมกี จิ กรรมใหค้ วามรู้เรือ่ งพิษภยั สารเสพตดิ อย่างสมา่ เสมอครูควรเอาใจใสใ่ นการดแู ล นกั เรียน เป็นทปี่ รกึ ษาทด่ี ี และมกี ารจัดกิจกรรมให้แก่นกั เรียนอยา่ งสร้างสรรค์ เพ่อื ส่งเสรมิ ใหใ้ ชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็น ประโยชน์ พอ่ แม่ผู้ปกครองควรทาอย่างไรเม่ือลกู ย่งุ เก่ยี วกบั สารเสพตดิ พ่อแมผ่ ปู้ กครองจะต้องร่วมมอื รว่ มใจ ชว่ ยเหลอื โดยอาศยั ความรัก ความเขา้ ใจ เป็นพนื้ ฐานในการทาใจยอมรับสภาพปญั หาที่เกดิ ขึน้ และปฏิบตั ิในสิ่ง ต่อไปนี้ 1. ระงับสติอารมณ์ อยา่ ว่วู ามยอมรับความจรงิ ยอมรบั สภาพวา่ ลกู ติดยา เพื่อเตรียมตัวช่วยเหลือบตุ ร หลาน 2. ไม่ควรแสดงความกา้ วรา้ วกับลูก เพราะจะทาให้ลกู ปกปดิ ซ่อนเรน้ มากขน้ึ 3. แสดงความรัก ความเหน็ ใจอยา่ งจรงิ ใจ เพ่ือให้ลูกหลานยอมเปิดใจ ยอมรับความชว่ ยเหลือ 4. ต้องหาข้อมูลเพ่มิ เตมิ วา่ บุตรหลานติดสารเสพติดประเภทใด ฤทธ์ิรนุ แรงแค่ไหน ใช้สารเสพติดมา นานแลว้ หรอื ยัง ใชป้ รมิ าณแค่ไหน โดยอาจหาจากแหลง่ ข้อมูลต่างๆ เช่น เพ่ือนสนิท ครทู ่ีโรงเรียน ห้องนอน กระเปาเส้ือผ้า เปน็ ตน้ 5. ปรกึ ษาผ้มู ีความรู้ ความเช่ยี วชาญเฉพาะ เช่น ศูนยใ์ หค้ าปรึกษาปัญหาสารเสพตดิ หากลูกหลานตดิ สารเสพตดิ มานาน จนทาใหส้ ภาพร่างกายและจติ ใจเปลีย่ นแปลงไป หรือมีพฤติกรรมและบุคลิกภาพเบ่ยี งเบนไป จากเดมิ และครอบครัวหรอื ไมส่ ามารถแก้ไขปัญหาได้ ผูป้ กครองควรสง่ ลูกเขา้ รับการบาบัดรกั ษาและฟนื้ ฟู สมรรถภาพทางดา้ นจิตใจ ในสถานบาบดั รกั ษาตา่ ง ๆ ทวั่ ประเทศ ผลกระทบจากปัญหาสารเสพตดิ ทาให้เกดิ ความเสียหายทงั้ ตอ่ ตวั ผูเ้ สพ ครอบครัว สงั คม เศรษฐกจิ และ ประเทศชาติ การแก้ไขปัญหาสารเสพติดต้องเริ่มตน้ จากครอบครวั ซง่ึ ใกลช้ ิดกบั เด็กและเยาวชนมากที่สุด โดยการ ให้เวลากบั บตุ รหลานและรว่ มกันแก้ไขปญั หาต่างๆที่เกิดขึ้น นอกจากน้สี งั คมโรงเรยี นและสถานศกึ ษาตอ้ งมีการ ติดตาม สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น-นักศึกษาที่เข้าข่ายเก่ยี วขอ้ งกับสารเสพติด การมุ่งใหค้ วามรใู้ นเร่อื งอนั ตราย ผลกระทบทเี่ กิดจากการใช้สารเสพติด สร้างการรับรู้ ความตระหนกั ถึงภัยอนั ตรายนา่ จะการปูองกนั และแก้ไข ปัญหาสารเสพตดิ และเปน็ หน้าท่ีของทุกคนจะตอ้ งร่วมมือกัน
13 ส่วนที่ 4 ผลการดาเนินงาน ผู้ดาเนินการจัดทาโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติ ตระการ ในการอบรม เก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะหข์ ้อมลู ดังนี้ 1. เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการจัดกิจกรรม ข้อมูลปฐมภูมิ ไดจ้ ากการกรอกแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม ข้อมูลทตุ ยิ ภูมิ ศกึ ษาจากเอกสาร ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 2. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 2.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2.1.1 ประชาชนหมู่ ๖ ตาบลชาติตระการ 2.2 วิธดี าเนนิ การในการตดิ ตามและประเมินผลการดาเนนิ งานได้ดาเนินการดังนี้ 2.2.1 เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการประเมนิ เปน็ แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนท่ี 1 ข้อมลู สถานภาพท่วั ไปเกยี่ วกับผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู เกยี่ วกับความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการฯ ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ 2.2.2 วเิ คราะหข์ อ้ มูล ในการวิเคราะห์ ดาเนนิ การดังนี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสถานภาพท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถามวเิ คราะห์ผลด้วยการหาค่ารอ้ ยละ ค่าร้อยละ (%) P = 100 เมอ่ื p แทน รอ้ ยละ F แทน จานวนผ้ตู อบแบบสอบถาม n แทน จานวนท้ังหมด ตอนท่ี 2 ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การดาเนนิ งานตามโครงการ ใชค้ ่าเฉลี่ย x = เม่ือ x แทน ค่าเฉลี่ย แทน จานวนผูต้ อบแบบสอบถาม x แทน จานวนทัง้ หมด n
14 ตอนที่ 3 สรุปข้อเสนอแนะ โดยใชค้ วามถี่ ( f ) 2.2.3 การแปลผลข้อมูล ในการแปลความหมายของขอ้ มลู แปลผลจากค่าเฉลย่ี เลขคณติ x โดยใชห้ ลักเกณฑด์ งั น้ี ค่าเฉลยี่ เลขาคณติ x ความหมาย 1.00 – 1.50 1.51 – 2.50 น้อยที่สุด 2.51 – 3.50 นอ้ ย 3.51 – 4.50 ปานกลาง 4.51 – 5.00 มาก มากทสี่ ุด 3. ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน จากการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนตามโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ ได้มีการสารวจความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรม จานวน ๒๕ คน โดยวิธีการตอบแบบสอบถาม จึงได้มีการนาเสนอข้อมูลในรูปตารางประกอบคาบรรยาย โดยแบ่ง ออกเป็น 3 สว่ น ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ตอนที่ 2 ประเมนิ ความพงึ พอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (กิจกรรมการเรยี นการสอน) ตอนท่ี 3 สรุปข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ สรปุ เป็นประเด็นทีส่ าคัญ ตอนที่ 1 การวเิ คราะหข์ ้อมลู ท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 1 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามเพศ เพศ จานวน ( n = 20 ) รอ้ ยละ ชาย ๑๓ ๖๕ หญงิ 1๒ ๖๐ รวม ๒๕ ๑๒๕ จากตารางที่ 1 ผลการศกึ ษาพบวา่ ผู้เข้ารว่ มอบรมส่วนใหญ่เปน็ เพศชาย คิดเป็นร้อยละ ๖5 เพศหญิง คิดเปน็ ร้อยละ ๖๐ ตารางท่ี 2 แสดงจานวน รอ้ ยละจานวนตามอายุ อายุ จานวน ( n = 20 ) รอ้ ยละ ๑๕-๓๙ ปี - - ๔๐-๕๙ ปี ๓ ๑๕ ๖๐ ปี ขึน้ ไป ๒๒ ๑๑๐ รวม ๒๕ ๑๒๕ จากตารางที่ 2 ผลการศกึ ษาพบว่า ผเู้ ขา้ รว่ มส่วนใหญ่อายุ 60 ปขี นึ้ ไป คดิ เป็นร้อยละ 1๑0 อายุ ๔๐-๕๙ ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๕
15 ตารางท่ี 3 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามระดบั การศึกษาสูงสดุ ระดับการศึกษาสงู สุด จานวน ( n = 20 ) ร้อยละ ประถมศกึ ษา ๕ ๒๐ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ๑ ๔ มัธยมศึกษาตอนปลาย ๒ ๘ อื่นๆ ๑๗ ๖๘ รวม ๒๕ 1๒5 จากตารางที่ 3 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงสุด คือ อ่ืนๆ เนื่องจากไม่ได้ ศกึ ษาหรอื ศกึ ษาระดับประถม 4 เพราะผู้เขา้ รว่ มอบรมสว่ นใหญ่เปน็ ผสู้ งู อายุ คดิ เป็นร้อยละ ๖๘ รองลงมา คือ ระดับประถมศึกษา คิดเป็นรอ้ ยละ ๒๐ ตารางที่ 4 แสดงจานวน ร้อยละจานวนตามอาชีพ อาชีพ จานวน ( n = 20 ) ร้อยละ เกษตรกร ๒๔ ๙๖ รบั จา้ ง - - ค้าขาย - - อื่นๆ ๑ ๔ รวม ๒๕ 1๒5 จากตารางที่ 4 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ ๙๖ รองลงมาคอื อนื่ ๆ คิดเปน็ ร้อยละ ๔
16 ตอนท่ี 2 การวิเคราะห์ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ตารางที่ 6 แสดงจานวน ร้อยละ และค่าเฉลี่ยของความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมอบรมที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรยี นการสอน ระดับความพงึ พอใจ/ความรู้ความเขา้ ใจ/การนาความร้ไู ปใช้ ประเด็นความคิดเห็น มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง น้อย น้อย อยูใ่ น 5 4 32 ที่สุด ระดบั 1 คา่ เฉล่ยี 1. ด้านหลักสูตร = 4.๒8 1.1 ท่านได้มีส่วนร่วมในการ 1๖ ๖ ๓ - - 4.๑6 มาก เสนอความตอ้ งการและวางแผนจัด (6๔.00%) (๒4.00%) (๑๒.00%) กจิ กรรมตามหลกั สูตรอาชพี นี้ 1.2 เนื้อหาหลักสูตรการจัด 1๘ ๕ ๒ - - 4.๔๐ มาก กิจกรรมอาชีพน้ีตรงกับความ (๗๒.๐๐%) (๒๐.๐๐%) (๘.00%) - = 4.๕๔ - - 4.๘๐ มาก ต้องการของท่าน - - ท่ีสดุ 2. ดา้ นกระบวนการเรียนรู้ - - 4.๒๔ มาก - 2.1 สอ่ื /วัสดุอุปกรณ์ประกอบ ๒๐ ๕ - - - 4.๔๔ มาก - กิจกรรมเรยี นรมู้ เี พียงพอ (๘๐.๐๐%) (๒๐.๐๐%) - 4.๖0 มาก ทสี่ ดุ 2.2 สื่อ/วัสดุอุปกรณ์การ ๑๘ ๔ ๓ - 4.6๔ มาก เรียนรู้ตรงกบั ความต้องการ (๗๒.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๑๒.00%) ท่สี ุด 2.3 ท่านได้ใช้ทรัพยากรใน 1๙ ๔ ๒ = 4.๕๑ - 4.๕๖ มาก ท้องถิ่นเป็นสื่อ/วัสดุประกอบการ (๗๖.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๘.00%) ที่สุด เรียนรู้ - 4.๔๐ มาก 2.4 ท่านได้ใช้แหล่งเรียนรู้/ 1๙ ๕ ๑ - 4.๕๖ มาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นประกอบการ (๗๖.๐๐%) (๒๐.๐๐%) (๔.00%) ท่สี ุด เรียนรู้ 2.5 ท่านสามารถเรียนรู้และ ๒๐ ๔ ๑ ไดฝ้ กึ ทกั ษะการปฏบิ ตั จิ ริง (๘๐.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๔.00%) 3. ดา้ นครู/วทิ ยากร 3.1 วิทยากรผู้สอนมีความรู้ ๑๘ ๖ ๑ ความชานาญและประสบการณ์ (๗๒.๐๐%) (๒4.00%) (๔.00%) ตรงตามหลกั สูตร 3.2 ความสามารถในการ ๑๘ ๕ ๒ ถ่ายทอดความรขู้ องวทิ ยากรผู้สอน (๗๒.๐๐%) (๒๐.๐๐%) (๘.00%) 3.3 วิทยากรรับผิดชอบการ ๑๘ ๖ ๑ สอนครบตรงตามเวลาที่กาหนด (๗๒.๐๐%) (๒4.00%) (๔.00%) ตามแผน
17 ระดบั ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การนาความรู้ไปใช้ ประเด็นความคิดเหน็ มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ย อย่ใู น 5432 ท่ีสุด ระดับ 1 คา่ เฉล่ีย 4. ดา้ นสถานที่ / ระยะเวลา = 4.๔๘ 4.1 สถานทีส่ ะอาดและมี ๑๗ ๖ ๒ - - 4.๓๖ มาก ความเหมาะสม (๖๘.00%) (๒๔.00%) (๘.00%) 4.2 ระยะเวลาในการอบรม 1๙ ๕ ๑ - - 4.๖0 มาก มีความเหมาะสม (๗๖.๐๐%) (๒๐.๐๐%) (๔.00%) ท่ีสุด 5. ด้านการให้บรกิ ารของเจ้าหน้าท่ี = 4.๖๘ 5.1 การบริการของ 1๙ ๕ ๑ - - 4.๖0 มาก เจา้ หนา้ ท่ี (๗๖.๐๐%) (๒๐.๐๐%) (๔.00%) ที่สดุ 5.2 การประสานงาน/ 1๙ ๖ - - - 4.7๖ มาก อานวยความสะดวกของ (๗๖.๐๐%) (๒๔.00%) ทีส่ ุด เจ้าหน้าที่โครงการ 6. ดา้ นความรู้ความเข้าใจ = 4.๕๒ 6.1 ความรู้ ความเข้าใจใน ๑๗ ๕ ๓ -- ๔.๒๐ มาก เร่ืองนก้ี ่อนการอบรม (๖๘.00%) (๒๐.๐๐%) (๑๒.๐๐) 6.2 ความรู้ ความเข้าใจใน ๒๐ ๔ ๑ - - 4.6๔ มาก เรอื่ งนห้ี ลังการอบรม (๘๐.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๔.00%) ทส่ี ดุ 6.3 สามารถบอกประโยชน์ ๒๐ ๕ - - - 4.8๐ มาก ได้ (๘๐.๐๐%) (๒๐.๐๐%) ที่สดุ 6. 4 สามารถจัดระบบ 1๙ ๔ ๒ - - 4.๔๔ มาก ความคิดสู่การพัฒนางานอย่าง (๗๖.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๘.00%) เปน็ ระบบได้ 7. ด้านการนาความรู้ไปใช้ = 4.๕๒ 7.1 สามารถนาความรู้ท่ี ๒๐ ๔ ๑ - - 4.6๔ มาก ไดร้ ับไปประยกุ ต์ใชใ้ นการ (๘๐.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๔.00%) ที่สุด ปฏิบัตงิ านได้ 7.2 สามารถนาความรู้ไป 1๙ ๔ ๒ - - 4.๔๔ มาก เผยแพร่/ถ่ายทอดแก่ชุมชนได้ (๗๖.๐๐%) (๑๗.๐๐%) (๘.00%) 7.3 มคี วามมน่ั ใจและ ๒๐ ๓ ๒ - - 4.67 มาก สามารถนาความรู้ทีไ่ ด้รับไป (๘๐.๐๐%) (๑๒.๐๐) (๘.00%) ท่สี ุด ใช้ได้ รวมท้ังสิ้น ๓๙๓ 1๐๑ ๓๑ - - 4.๕๑ มาก ที่สดุ (๗๔.๖๗%) (๑๙.๒๔%) (๖.๐๙%) ค่าเฉล่ียถว่ งนา้ หนัก 4.5๑ ระดบั ความคดิ เหน็ มากทีส่ ดุ
18 จากตารางที่ 6 จากการศึกษาพบวา่ ผู้เขา้ ร่วมอบรมส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการจัดโครงการ โดยแยกเป็น ข้อๆ ดงั น้ี 1. ด้านหลกั สตู ร ความพงึ พอใจอย่ใู นระดับ มาก ค่าเฉล่ีย = 4.๒8 2. ด้านกระบวนการเรียนรู้ ความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากทส่ี ดุ คา่ เฉล่ยี = 4.๕๔ 3. ด้านคร/ู วิทยากร ความพึงพอใจอยูใ่ นระดบั มากทสี่ ุด คา่ เฉลย่ี = 4.๕๑ 4. ดา้ นสถานท่/ี ระยะเวลา ความพึงพอใจอยใู่ นระดับ มาก ค่าเฉลยี่ = 4.๔๘ 5. ด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากทสี่ ุด คา่ เฉลี่ย = 4.๖๘ 6. ด้านความรู้ความเขา้ ใจ ความพงึ พอใจอยใู่ นระดับ มากท่ีสดุ คา่ เฉลีย่ = 4.๕๒ 7. ดา้ นการนาความรไู้ ปใช้ ความพงึ พอใจอยู่ในระดับ มากที่สดุ คา่ เฉล่ีย = 4.๕๒ สรปุ ภาพรวมความพงึ พอใจของผ้เู ขา้ ร่วมโครงการ ท้งั หมด อยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ มีคา่ เฉลีย่ = 4.5๑ ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ ไม่มี หมายเหตุ คดิ คะแนนเฉพาะที่ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากขึ้นไป
19 ส่วนที่ 5 สรปุ ผลโครงการ อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ มจี ุดประสงค์ในการจัดกิจกรรมดังน้ี 4. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ให้ผูส้ ูงอายุ มีความรู้ ความเขา้ ใจ เก่ียวกบั การดแู ลสุขภาพที่ดี 2. เพ่ือให้ผูส้ ูงอายุ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการสรา้ งสขุ ภาพจติ ทดี่ ี ๓. เพอ่ื ให้ผูส้ งู อายุ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการปอู งกันการแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ -19 4. เพื่อใหผ้ ู้สูงอายุ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับยาเสพติด 5. เพ่ือเสรมิ สรา้ งขวัญและกาลงั ใจให้แก่ผู้สูงอายุดารงชวี ิตในสงั คมได้อยา่ งมีความสุข การดาเนนิ การจดั กจิ กรรม 4.1 ผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรม ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมโครงการ จานวน ๒๕ คน - เพศชาย จานวน 1๓ คน - เพศหญิง จานวน 1๒ คน 4.2 เครื่องมือที่ใชใ้ นการอบรม ข้อมูลปฐมภมู ิ ไดจ้ ากการกรอกแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม ขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ ศึกษาจากเอกสาร ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง 4.3 การเก็บรวบรวมข้อมลู วเิ คราะหแ์ บบสอบถามในแต่ละสว่ น ดังนี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบคุ คล ตอนที่ 2 ประเมนิ ความพงึ พอใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ สรปุ เป็นประเด็นทส่ี าคัญ 4.4 วิธกี ารวิเคราะห์ขอ้ มูล ในการวิเคราะหข์ อ้ มูล ผจู้ ัดไดด้ าเนินการ 2 ลกั ษณะ คอื 4.4.1 การสงั เคราะหเ์ ชงิ คณุ ลกั ษณะ ผูจ้ ดั กจิ กรรมทาการสงั เคราะหโ์ ดยใชว้ ธิ กี ารวเิ คราะหส์ ังเคราะห์ 3 ดา้ น คือ ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลความพึง พอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และขอ้ เสนอแนะ 4.4.2 การสังเคราะหก์ ารอบรมเชงิ ปริมาณ ในการสังเคราะห์การจัดกิจกรรมเชิงปริมาณ ผู้จัดกิจกรรมแยกออกเป็น คุณลักษณะต่าง ๆ ในการ สงั เคราะห์ขอ้ มูลดงั นี้ ข้อมลู เกยี่ วกบั เพศ / อายุ ขอ้ มูลระดบั ความพงึ พอใจในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ข้อเสนอแนะ โดยเปรียบเทียบจานวนคนคิดเป็นร้อยละในแต่ละส่วนของข้อมูลการอบรม พร้อมการบรรยาย ประกอบ
20 สรปุ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผลการจัดกิจกรรม ผลการจัดกิจกรรมโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์จากแบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และ รปู แบบการจัดกจิ กรรม สามารถสรุปได้ดงั นี้ การสังเคราะห์ขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมส่วนใหญ่เป็นเพศชาย เน่ืองจากเป็นเพศที่มีสุขภาพแข็งแรงกว่าเพศหญิงแถวชุมชนนี้ ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมสว่ นมากมอี ายุ 60 ปีขึน้ ไป เนือ่ งจากเป็นผสู้ งู อายุจึงอย่กู ับบา้ นเป็นส่วนใหญ่ จึงมีผล ทาใหค้ ่าร้อยละในชว่ งอายุนีส้ ูงกว่าช่วงอายุอ่นื ๆ ผลการสังเคราะห์ทางจานวนของผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม จานวนผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมมากกว่าเปาู หมายที่กาหนด ไว้ แตง่ บประมาณการฝกึ อบรมมอี ยอู่ ย่างจากดั การวิเคราะหข์ อ้ มูลเก่ียวกบั ความพึงพอใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จากการศึกษาพบว่า ผู้เข้ารว่ มอบรมสว่ นใหญม่ คี วามพึงพอใจตอ่ การจัดการเรยี นการสอน ดงั น้ี 1. ด้านหลักสตู ร ความพงึ พอใจอยู่ในระดับ มาก คา่ เฉลย่ี = 4.๒8 2. ดา้ นกระบวนการเรียนรู้ ความพงึ พอใจอยใู่ นระดับ มากที่สดุ ค่าเฉลย่ี = 4.๕๔ 3. ด้านครู/วิทยากร ความพึงพอใจอยใู่ นระดับ มากท่ีสุด คา่ เฉล่ีย = 4.๕๑ 4. ดา้ นสถานท/่ี ระยะเวลา ความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก ค่าเฉลย่ี = 4.๔๘ 5. ด้านการให้บรกิ ารของเจา้ หนา้ ที่ ความพงึ พอใจอยใู่ นระดับ มากที่สดุ ค่าเฉล่ีย = 4.๖๘ 6. ดา้ นความรูค้ วามเข้าใจ ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากท่สี ดุ คา่ เฉลยี่ = 4.๕๒ 7. ด้านการนาความรไู้ ปใช้ ความพึงพอใจอย่ใู นระดับ มากทส่ี ุด ค่าเฉลี่ย = 4.๕๒ สรุปภาพรวมความพึงพอใจของผู้เขา้ รว่ มโครงการ ทง้ั หมด อยู่ในระดบั มากท่สี ุด มคี า่ เฉลย่ี = 4.5๑ อภิปรายผล จากการดาเนนิ การพบประเดน็ สาคัญทีส่ ามารถนามาอภปิ รายผลได้ดังนี้ 1. ด้านกลมุ่ เปาู หมาย 1.1 กล่มุ เปาู หมายท่ผี ่านการอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกับการดูแลสุขภาพท่ีดี การสร้าง สุขภาพจิตท่ดี ี วิธกี ารปอู งกันการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด-19 และมคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับยาเสพตดิ 1.2 จากการดาเนนิ การพบว่ากล่มุ เปาู หมายเป็นเพศชายมากกวา่ เพศหญงิ และเปน็ ผู้สูงอายุ ทงั้ หมด 2. ด้านงบประมาณ 2.1 จากการดาเนินงานพบงบประมาณท่ีใช้ในการจัดซ้ือวัสดุในการอบรม ไม่เพียงพอสาหรับ การจดั กิจกรรม เนื่องจากมผี เู้ ขา้ ร่วมอบรมมากกวา่ เปูาหมายที่กาหนด 3. ด้านกิจกรรมการเรยี นการสอน 3.1 จากการดาเนินงานพบวา่ กจิ กรรมตอ้ งยืดหยุ่นตามสภาพกลุ่มเปูาหมาย เนื่องมาจากสภาพ ชวี ติ ความเปน็ อยู่ของกล่มุ เปาู หมายมสี ่วนสาคัญตอ่ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4. ดา้ นสถานที่ 4.1 การดาเนินการเป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย เนื่องจากได้ใช้พ้ืนท่ีของวัดในชุมชน 4.2 การใชส้ ถานทขี่ องผู้รบั บรกิ ารเปน็ ศูนยก์ ารเรียนรู้ในชมุ ชนทาใหเ้ กดิ ความเชอื่ มโยง สัมพันธ์ กนั ระหวา่ ง กศน. และชุมชน
21 ขอ้ มลู ความตระหนกั ในการจัดกิจกรรมโครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ เพื่อให้ผู้รับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพท่ีดี การสร้างสุขภาพจิตที่ดี วิธีการปูองกัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ยาเสพติด และหันมาออกกาลังกายมากขึ้น ขอ้ มูลการปฏบิ ัติ (ความพยายาม) ในการจัดกจิ กรรมโครงการการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชวี ิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ ได้มี การประชุมวางแผนการดาเนินโครงการ และให้กลุ่มเปูาหมายท่ีเข้ารับการอบรม ได้ฝึกทักษะการทายางยืด สาหรับออกกาลังกาย และการออกกาลงั กาย จุดเดน่ 1. กลมุ่ เปาู หมายมคี วามรับผิดชอบ 2. กจิ กรรมตรงตามความตอ้ งการของกลมุ่ เปาู หมาย 3. กลุ่มเปาู หมายมคี วามสนใจในกิจกรรมการเรยี นการสอนดี 4. กลมุ่ เปูาหมายสามารถนาความรทู้ ไ่ี ด้ไปใชใ้ นการดาเนินชวี ิตประจาวนั ของตนเองได้ จุดควรพฒั นา (จดุ ดอ้ ย) ผู้เรียนมีพ้ืนฐานในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ทาให้การเรียนรู้เป็นไปได้ช้ากว่ากาหนดท่ีได้ต้ังไว้ และ ผู้เข้าร่วมอบรมเป็นผู้สูงอายุ จึงทาให้การทากิจกรรมทายางยืดออกกาลังกายล่าช้า เพราะจะต้องออกแรงยืด ยางวงและตอ่ กนั เปน็ เสน้ ยาว แนวทางการพัฒนา 1. ควรจัดหางบประมาณเพมิ่ เตมิ เพือ่ วสั ดอุ ปุ กรณ์จะไดเ้ พยี งพอตอ่ ผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม วธิ ีการพัฒนา 1. สร้างความรู้ ความเข้าใจท่ีดีในการจัดโครงการการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ กลุ่มเปูาหมายมีความรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ให้ผู้รับการอบรม/ ผู้รับบรกิ ารเหน็ ความสาคญั 2. มีการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่นประกอบการเรียนรู้ในชุมชนจัดทาเป็นระบบ สารสนเทศเพอื่ ใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ 3. ปรับวิธกี ารจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้เข้ารว่ มกิจกรรม ขอ้ เสนอแนะในการดาเนินการครั้งต่อไป 1. ควรทาการศึกษาปัญหาความต้องการของกลุ่มเปูาหมาย โดยใช้เครื่องมือที่หลากหลายรูปแบบ เพอ่ื ให้ได้ข้อมูลทถ่ี ูกต้อง ตรงตามความตอ้ งการของประชาชนมากท่สี ุด 2. ควรศึกษาความต้องการของกลุ่มเปูาหมายในด้านต่าง ๆ ท่ีต้องการรับบริการจาก กศน. เพ่ือให้ ทราบและสามารถจดั กิจกรรมตามหลักสตู รใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการของท้องถิ่นได้ 3. ควรศึกษาผลกระทบจาการดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการศึกษาจาก กลมุ่ เปาู หมาย และชมุ ชน 4. ควรเกบ็ ข้อมูลของผเู้ ขา้ รับการอบรมหลงั การอบรมด้วยทุกครง้ั
22 ภาคผนวก
23 ภาพกิจกรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาทกั ษะชีวติ โครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวติ สุขภาพดี ชีวีสดใส ตาบลชาติตระการ วนั ที่ 3๑ กรกฎาคม 256๓ ณ วัดเนินหนองโบสถ์ บา้ นชาติตระการ หมู่ 6 ต.ชาตติ ระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณโุ ลก
24
25 จดั ทำโดย ทีป่ รึกษา ผอ.กศน.อาเภอชาตติ ระการ 1.นางพรสวรรค์ กันตง ครู ๒.นายรงุ้ ภธู ร ภาศรี ---------------------------------------------------------------- สง่ เสรมิ สนับสนุนการจัดกจิ กรรม 1.นางสาวภาณมุ าศ ยศปัญญา ครอู าสาสมคั รฯ ๒.นางสาวประยรู บญุ ประกอบ ครูอาสาสมคั รฯ ------------------------------------------------------------ ผรู้ ับผิดชอบ/ ผู้เรยี บเรยี ง/ ผจู้ ดั พิมพร์ ปู เลม่ / ออกแบบปก นางสาวนภิ าพร พระคาสอน ครู กศน.ตาบลชาติตระการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: