Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรอบรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาการคำนวณ

หลักสูตรอบรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาการคำนวณ

Description: หลักสูตรอบรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาการคำนวณ

Search

Read the Text Version

141 ใหห้ นูๆ ช่วยกันเขียนโคด้ (Coding) พำห่นุ ยนต์ไปซอ้ื รองเท้ำ ไปซ้อื กระเปำ๋ ไปรบั เสื้อกนั หนำวและ ไปซื้อขนม เพ่ือเตรียมตัวจะไปทัศนศกึ ษำในวันหยุด สัญลักษณ์ ควำมหมำย เดนิ หน้ำ 1 ชอ่ ง ถอยหลงั 1 ชอ่ ง เล้ยี วซ้ำย เลีย้ วขวำ

142 ใบกิจกรรมสะทอ้ นคดิ “ลองเปน็ หุ่นยนต์ดสู ักครงั้ ” 1. กจิ กรรมลองเปน็ หนุ่ ยนตด์ สู กั คร้งั สง่ เสริมและพัฒนาการคิดเชงิ คานวณ (Computational Thinking) และการเขยี นโค้ด (Coding) หรอื ไม่ อย่างไร อธิบายและยกตัวอยา่ งประกอบ ลองเป็นหุ่นยนต์ ตารางวิเคราะห์การคดิ เชิงคานวณ และการเขียนโคด้ การเขียนโคด้ ดูสักคร้งั การคิดเชิงคานวณ (Computational Thinking) (Coding) กิจกรรม การแบง่ ปญั หา การหารูปแบบ การระบุ การกาหนด (Decomposition) (Pattern สาระสาคญั ลาดบั ข้ันตอน Recognition) (Abstraction) (Algorithm) ……………………….. กจิ กรรม ……………………….. กิจกรรม ……………………….. กจิ กรรม ………………………..

143 2. การจัดกิจกรรมน้ีให้กับเด็กอนุบาล เด็กอนุบาลควรได้รับประสบการณ์สาคัญอะไรมาก่อน จึงจะสามารถ ทากิจกรรมน้ไี ด้ ประสบกำรณส์ ำคญั ดำ้ นสติปญั ญำ : กำรใชภ้ ำษำ ประสบกำรณ์สำคญั ดำ้ นสติปญั ญำ : กำรคิดรวบยอด กำรคดิ เชิงเหตผุ ล กำรตดั สินใจและแกป้ ญั หำ  1. การฟงั เสยี งต่างๆ ในส่ิงแวดลอ้ ม  1. การสังเกตลักษณะ ส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลง  2. การฟงั และปฏิบตั ติ ามคาแนะนา และความสมั พนั ธข์ องส่ิงตา่ งๆ โดยใช้ประสาทสมั ผัสอย่างเหมาะสม  3. การฟังเพลง นทิ าน คาคลอ้ งจอง บทรอ้ ยกรอง หรือ  2. การสังเกตสง่ิ ตา่ งๆ และสถานท่ีจากมมุ มองท่ตี ่างกนั เรือ่ งราวตา่ งๆ  3. การบอกและแสดงตาแหนง่ ทศิ ทาง และระยะทางของ  4. การพดู แสดงความคดิ ความรู้สึก และความต้องการ ส่ิงต่างๆ ดว้ ยการกระทา ภาพวาด ภาพถ่าย และรูปภาพ  5. การพูดกบั ผอู้ ่นื เก่ยี วกบั ประสบการณข์ องตนเองหรอื  4. การเลน่ กบั สื่อตา่ งๆ ท่เี ปน็ ทรงกลม ทรงสเี่ หล่ียมมุมฉาก ทรงกระบอก พูดเล่าเรื่องราวเก่ียวกบั ตนเอง ทรงกรวย  6. การพูดอธิบายเกยี่ วกับส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และ  5. การคัดแยก การจดั กลุ่ม และการจาแนกสิง่ ต่างๆ ความสมั พันธ์ของสิง่ ตา่ งๆ ตามลกั ษณะและรปู รา่ ง รูปทรง  7. การพูดอยา่ งสร้างสรรคใ์ นการเลน่ และการกระทาต่างๆ  6. การต่อของช้ินเลก็ เตมิ ในชิ้นใหญ่ใหส้ มบรู ณ์ และการแยกชิน้ สว่ น  8. การรอจังหวะท่เี หมาะสมในการพูด  7. การทาซ้า การตอ่ เตมิ และการสรา้ งแบบรูป  9. การพดู เรียงลาดับคาเพื่อใช้ในการสอ่ื สาร  8. การนับและแสดงจานวนของส่งิ ต่างๆในชวี ิตประจาวัน  10. การอา่ นหนงั สอื ภาพ นทิ านหลากหลายประเภท/รูปแบบ  9. การเปรยี บเทียบและเรียงลาดับจานวนของส่งิ ตา่ งๆ  11. การอ่านอยา่ งอิสระตามลาพัง การอา่ นร่วมกนั  10. การรวมและการแยกสง่ิ ตา่ งๆ การอ่านโดยมีผชู้ ้แี นะ  11. การบอกและแสดงอนั ดบั ที่ของส่ิงต่างๆ  12. การเหน็ แบบอย่างของการอ่านท่ถี กู ตอ้ ง  12. การชง่ั ตวง วัดส่ิงตา่ งๆ โดยใช้เครือ่ งมือและหนว่ ยที่ไม่ใช่หน่วย  13. การสงั เกตทิศทางการอ่านตวั อกั ษร คา และขอ้ ความ มาตรฐาน  14. การอ่านและชี้ขอ้ ความ โดยกวาดสายตาตามบรรทัด  13. การจบั คู่ การเปรียบเทยี บ และการเรยี งลาดับสิ่งตา่ งๆ จากซา้ ยไปขวา จากบนลงล่าง ตามลกั ษณะ ความยาว/ความสูง น้าหนกั ปริมาตร  15. การสังเกตตวั อักษรในช่ือของตน หรือคาคนุ้ เคย  14. การบอกและเรียงลาดบั กจิ กรรมหรอื เหตกุ ารณ์ตามช่วงเวลา  16. การสังเกตตวั อักษรทีป่ ระกอบเปน็ คา ผ่านการอ่าน  15. การใช้ภาษาทางคณติ ศาสตร์กับเหตุการณใ์ นชีวติ ประจาวัน หรือเขยี นของผใู้ หญ่  16. การอธบิ ายเช่อื มโยงสาเหตแุ ละผลทเี่ กดิ ข้นึ ในเหตุการณห์ รือการ  17. การคาดเดาคาวลี หรือประโยค ท่มี โี ครงสรา้ งซ้าๆกนั กระทา จากนทิ าน เพลง คาคล้องจอง  17. การคาดเดาหรอื การคาดคะเนส่ิงทีอ่ าจจะเกิดข้นึ อย่างมีเหตุผล  18. การเลน่ เกมทางภาษา  18. การมสี ่วนรว่ มในการลงความเห็นจากขอ้ มลู อยา่ งมีเหตุผล  19. การเหน็ แบบอยา่ งของการเขียนที่ถกู ต้อง  19. การตดั สินใจและมสี ว่ นร่วมในกระบวนการแก้ปัญหา  20. การเขียนร่วมกันตามโอกาส และการเขยี นอิสระ  21. การเขียนคาท่มี ีความหมายกบั ตวั เด็ก/คาคนุ้ เคย  22. การคิดสะกดคาและเขยี นเพอ่ื ส่ือความหมายด้วย ตนเองอย่างอสิ ระ ประสบกำรณ์สำคญั ดำ้ นสตปิ ญั ญำ : เจตคติทด่ี ตี ่อกำรเรยี นรู้ ประสบกำรณส์ ำคญั ดำ้ นสติปญั ญำ : จนิ ตนำกำรและควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ และกำรแสวงหำควำมรู้  1. การรบั รู้ และแสดงความคิด ความรูส้ กึ ผ่านสอ่ื วสั ดุ ของเล่น และ  1. การสารวจส่ิงต่างๆ และแหลง่ เรยี นรรู้ อบตวั ช้นิ งาน  2. การต้ังคาถามในเรือ่ งท่สี นใจ  3. การสืบเสาะหาความรู้เพื่อค้นหาคาตอบของข้อสงสยั ต่างๆ  2. การแสดงความคิดสรา้ งสรรคผ์ ่านภาษา ท่าทาง การเคลอ่ื นไหว  4. การมสี ่วนรว่ มในการรวบรวมข้อมลู และนาเสนอข้อมูลจากการสืบ และศลิ ปะ เสาะหาความรใู้ นรปู แบบต่างๆ และแผนภูมอิ ยา่ งง่าย  3. การสรา้ งสรรคช์ น้ิ งานโดยใชร้ ่างรูปทรงจากวสั ดทุ ีห่ ลากหลาย

144 3. ถ้านากิจกรรมนี้ไปจดั ในชัน้ เรยี นระดับอนุบาล ควรนาไปประยุกต์ใช่ในกจิ กรรมประจาวันกิจกรรมใด จงึ จะเหมาะสมกบั บริบทในห้องเรียนระดับอนุบาลเพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ..............................................

เฉล ใบกิจกรรม ลองเปน็ หุ่นย 1. กจิ กรรมลองเป็นหุ่นยนต์ดูสกั ครงั้ สง่ เสรมิ และพฒั นาการคดิ เชงิ คานวณ (Com ยกตัวอยา่ งประกอบ ลองเปน็ หุ่นยนต์ การแบ่งปัญหา ตารางวิเคราะห์ การคดิ เชิง ดูสักคร้ัง (Decomposition) การคดิ เชิงคานวณ (Comp การหารปู แบบ (Pattern Recognition) กิจกรรม พจิ ารณาวา่ ปญั หาน้ีมคี าถามหลัก ทบทวนวิธีการทาชุด การทาชดุ และคาถามย่อยอะไรบ้าง ห่นุ ยนต์จาลองแบบต่างๆ หนุ่ ยนต์จาลอง คาถามหลัก: เราจะสร้างชุด จากประสบการณ์เดิม หุ่นยนตจ์ าลองได้อยา่ งไร หรือการสืบคน้ เพ่ิมเตมิ คาถามย่อย •ชดุ หนุ่ ยนต์จาลองตอ้ งมลี กั ษณะ อยา่ งไรทีท่ ุกคนจะใส่ได้ •เรามอี ุปกรณอ์ ะไรบา้ ง - เราจะมีวิธสี ร้างแต่ละชนิ้ ส่วน อย่างไร

145 ลย มสะทอ้ นคิด ยนต์ดูสกั ครั้ง mputational Thinking) และการเขียนโค้ด (Coding) หรือไม่ อย่างไร อธบิ ายและ งคานวณ และการเขียนโคด้ การกาหนดลาดับ การเขียนโค้ด putational Thinking) ข้นั ตอน (Coding) การระบุสาระสาคัญ (Algorithm) - (Abstraction) วางแผนกาหนดขนั้ ตอน กาหนดลกั ษณะสาคัญในการ การทาชดุ หนุ่ ยนต์จาลอง ทาชุดหนุ่ ยนต์จาลอง ใหส้ าเร็จ มีอะไรเปน็ สว่ นประกอบบ้าง จะตอ้ งเร่ิมทาอะไรก่อน

ลองเปน็ หุ่นยนต์ การแบ่งปญั หา การคิดเชงิ คานวณ (Com ดสู กั ครงั้ (Decomposition) การหารปู แบบ (Pattern Recognition กิจกรรม พจิ ารณาวา่ ภาระงานนี้มีคาถามหลกั ทบทวนวธิ กี ารใช้สง่ั ให้คนอ สรา้ งชดุ คาส่งั ดว้ ยเสียงพดู และคาถามย่อยอะไรบ้าง ปฏิบตั ติ ามตอ้ งใชค้ าสั่งใด คาถามหลัก: เราจะออกคาส่งั เชน่ การเดนิ หน้า ถอยหล ให้หุน่ ยนตป์ ฏบิ ัติภารกิจ ภาษาท่ใี ชแ้ บบใด ไดอ้ ย่างไร จากประสบการณ์เดิม คาถามย่อย: หรอื การสบื คน้ เพ่มิ เติม • มอี ะไรเป็นสง่ิ กีดขวางบา้ ง • ใชอ้ ะไรในการออกคาส่งั

mputational Thinking) การกาหนดลาดบั 146 การระบุสาระสาคัญ ขนั้ ตอน การเขียนโคด้ (Coding) n) (Abstraction) (Algorithm) - อ่ืน กาหนดลักษณะสาคญั สร้างชดุ คาส่งั ใหห้ ุ่นยนต์ ด คาส่งั ต้องมีลักษณะ ทาภารกิจสาเรจ็ อยา่ ง ลงั อย่างไร เปน็ ลาดับขัน้ ตอน - คาสัง่ ส้ัน กระชับ ชดั เจน เป็นขน้ั ตอน เขา้ ใจตรงกัน

ลองเปน็ หุน่ ยนต์ การแบ่งปญั หา การคดิ เชิงคานวณ (Com ดูสักครัง้ (Decomposition) การหารปู แบบ (Pattern Recognition กิจกรรม พจิ ารณาวา่ ภาระงานน้ีมีคาถามหลกั ทบทวนวธิ ีการใช้สง่ั ให้ สร้างชดุ คาสั่ง โดยไมใ่ ชเ้ สยี ง และคาถามย่อยอะไรบ้าง คนอืน่ ปฏิบัติตามโดยไม่ใช คาถามหลัก: เราจะออกคาสงั่ ให้ เสยี งตอ้ งใช้คาสั่งแบบใด ห่นุ ยนตป์ ฏิบัติภารกจิ โดยไม่ใช้เสยี ง เชน่ ตารวจจราจร ใช้ภาษ ไดอ้ ยา่ งไร ทา่ ทางอย่างไรในการจัด คาถามย่อย: ระเบยี บบนท้องถนน • ถ้าไมใ่ ชเ้ สียงเราจะมวี ธิ ไี หนส่ังให้ มกี ารสั่งแบบใดได้อกี ห่นุ ยนต์ทางานได้บา้ ง จากประสบการณ์เดิมหรอื • ภาระกจิ ที่ได้รับคืออะไร การสบื ค้นเพ่ิมเตมิ มอี ะไรเปน็ สิ่งกีดขวางบา้ ง

mputational Thinking) การกาหนดลาดบั 147 การระบสุ าระสาคญั ขั้นตอน การเขยี นโคด้ (Coding) n) (Abstraction) (Algorithm) - กาหนดลกั ษณะสาคญั ใน สรา้ งชดุ คาส่งั ใหห้ ุน่ ยนต์ ช้ ในการส่ังด้วยทา่ ทาง ต้องมี ทาภารกจิ สาเรจ็ อยา่ ง เป็นลาดับขนั้ ตอน ลักษณะอยา่ งไร ษา - ใช้ทา่ ทางที่เข้าใจตรงกัน - การทาท่าทางชัดเจน อ

ลองเป็นหุ่นยนต์ การคดิ เชิงคานวณ (Compu ดสู ักคร้ัง การแบ่งปัญหา การหารปู แบบ (Decomposition) (Pattern Recognition กจิ กรรม พจิ ารณาว่าภาระงานนม้ี คี าถามหลกั ทบทวนวธิ ีการใช้สัง่ ให้ ออกแบบ และคาถามย่อยอะไรบ้าง คนอื่นปฏบิ ตั ิตาม โดยใช้ ชดุ คาสง่ั โดย คาถามหลัก: เราจะออกคาส่งั ให้ การแสดงแทน ใชส้ ญั ลักษณ์ หนุ่ ยนต์ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตามที่กาหนด (Represent) - ปฎบิ ตั ิภารกิจ โดยใช้สัญลักษณ์ได้อยา่ งไร - สัญลกั ษณใ์ ดบ้างที่ คาถามย่อย: สามารถสอ่ื ความหมาย • ภาระกิจทไ่ี ดร้ บั คืออะไร ใหห้ ่นุ ยนต์ทางานได้ - มอี ะไรเป็นสง่ิ กดี ขวางบา้ ง - การจัดทาชดุ คาสั่งต้องม - มีอะไรเปน็ เง่ือนไขบ้าง ลักษณะแบบใด จะส่อื สาร ให้หุ่นยนตเ์ ขา้ ใจได้ จากประสบการณ์เดิมหรือ การสืบคน้ เพ่ิมเตมิ

148 utational Thinking) การกาหนดลาดบั การเขยี นโคด้ ข้นั ตอน(Algorithm) coding การระบสุ าระสาคัญ n) (Abstraction) เขยี นชุดคาสง่ั เป็น การใช้สัญลักษณ์แบบต่างๆ ลาดับขั้นตอนให้ แสดงแทน (Represent) ระบลุ กั ษณะสาคญั หุ่นยนต์ปฏิบตั ภิ ารกจิ คาสั่งใหห้ ่นุ ยนตป์ ฏบิ ตั ิ ในการออกแบบชดุ คาสงั่ สาเร็จ โดยกาหนดสัญลกั ษณข์ ึน้ ให้หุ่นยนต์ทางาน ต้องมี เองตา่ งๆ กันไป ลกั ษณะอยา่ งไร เช่น - การกาหนดความหมาย ของสัญลกั ษณ์ต่างๆ - การสร้างชดุ คาสั่งที่ต้อง มี ชัดเจนมีลาดบั ขัน้ ตอน ร - ลักษณะการเขียน ชดุ คาส่งั ตอ้ งเขยี นจากซ้าย อ ไปขวา และวางบรรทัด จากบนลงลา่ ง

ลองเป็นหุ่นยนต์ การคดิ เชงิ คานวณ (Compu ดสู กั ครง้ั การแบง่ ปัญหา การหารูปแบบ (Decomposition) (Pattern Recognition กจิ กรรม พจิ ารณาว่าภาระงานนม้ี คี าถามหลัก ทบทวนวิธีการใช้ส่ังให้ สร้างชุดคาส่งั และคาถามย่อยอะไรบ้าง คาถาม คนอน่ื ปฏิบตั ิตาม โดยใช้ โดยใช้สญั ลกั ษณ์ หลัก: เราจะออกคาสง่ั ให้หุน่ ยนต์ การแสดงแทน จาก - พาห่นุ ยนต์ไป ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตามท่ีกาหนด โดยใช้ ประสบการณ์หรือ ช้อปป้ิง สัญลักษณ์ได้อย่างไร คาถามย่อย การสืบค้นเพิ่มเติม โดยใช • ภารกิจท่ีไดร้ บั คืออะไร คาถาม - มีอะไรเป็นสง่ิ กดี ขวางบา้ ง - การแสดงแทน - มีอะไรเป็นเงื่อนไขบ้าง (Represent) โดยใช้ สญั ลักษณ์ใดบ้างทส่ี ามาร ส่อื ความหมาย ใหห้ ุน่ ยนต ทางานได้ - การจดั ทาชดุ คาสง่ั ต้องม ลักษณะแบบใด จะสือ่ สาร ให้หนุ่ ยนต์เข้าใจได้

149 utational Thinking) การกาหนดลาดบั การเขียนโค้ด ขนั้ ตอน (Algorithm) (Coding) การระบสุ าระสาคัญ การใช้สญั ลกั ษณแ์ บบต่างๆ n) (Abstraction) เขยี นชดุ คาสงั่ เปน็ แสดงแทน (Represent) ลาดบั ขน้ั ตอน คาสัง่ ให้หนุ่ ยนตป์ ฏิบตั ิ ระบลุ กั ษณะสาคัญ บนตารางโค้ดให้ ในการออกแบบชดุ คาสัง่ หุ่นยนต์ เข้าใจ แปล เดินหน้า 1 ช่อง ให้หุน่ ยนต์ทางาน ต้องมี ความหมาย และ ลักษณะอยา่ งไร ทาภารกิจสาเร็จ ถอยหลัง 1 ชอ่ ง ช้ - การกาหนดความหมาย ของสัญลักษณ์ต่างๆ เลย้ี วซา้ ย - การเขยี นชุดคาส่งั ท่ีต้อง ชดั เจน มลี าดับขนั้ ตอน รถ - ลกั ษณะการเขยี น ต์ ชุดคาส่งั ตอ้ งเขียนจากซ้าย ไปขวา และวางบรรทัด มี จากบนลงลา่ ง ร เลี้ยวขวา

150 2. การจดั กิจกรรมนี้ใหก้ ับเด็กอนุบาล เด็กอนุบาลควรไดร้ บั ประสบการณ์สาคญั อะไรมากอ่ น จงึ จะสามารถทา กิจกรรมน้ไี ด้ ประสบกำรณ์สำคญั ดำ้ นสตปิ ญั ญำ : กำรใชภ้ ำษำ ประสบกำรณ์สำคญั ดำ้ นสตปิ ญั ญำ : กำรคิดรวบยอด  1. การฟังเสยี งต่างๆ ในสงิ่ แวดล้อม กำรคิดเชงิ เหตุผล กำรตดั สนิ ใจและแกป้ ญั หำ  2. การฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา  1. การสังเกตลกั ษณะ ส่วนประกอบ การเปลยี่ นแปลง และความสัมพนั ธข์ องสง่ิ ต่างๆ โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั อย่างเหมาะสม  3. การฟังเพลง นิทาน คาคล้องจอง บทรอ้ ยกรอง หรือ  2. การสังเกตสิง่ ต่างๆ และสถานทจี่ ากมมุ มองทตี่ า่ งกัน เรอ่ื งราวต่างๆ  3. การบอกและแสดงตาแหน่ง ทศิ ทาง และระยะทางของ  4. การพดู แสดงความคิด ความรูส้ ึก และความตอ้ งการ  5. การพูดกบั ผอู้ ่ืนเกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองหรอื สิ่งตา่ งๆ ดว้ ยการกระทา ภาพวาด ภาพถ่าย และรปู ภาพ  4. การเลน่ กบั สื่อตา่ งๆ ที่เปน็ ทรงกลม ทรงส่ีเหล่ยี มมมุ ฉาก ทรงกระบอก พดู เล่าเรอ่ื งราวเกีย่ วกบั ตนเอง ทรงกรวย  6. การพูดอธบิ ายเก่ยี วกับสงิ่ ของ เหตกุ ารณ์ และ  5. การคัดแยก การจัดกลุม่ และการจาแนกส่ิงตา่ งๆ ความสมั พันธ์ของส่ิงตา่ งๆ ตามลักษณะและรปู รา่ ง รปู ทรง  6. การตอ่ ของชิ้นเลก็ เตมิ ในชนิ้ ใหญใ่ ห้สมบูรณ์ และการแยกชนิ้ สว่ น  7. การพูดอย่างสร้างสรรคใ์ นการเลน่ และการกระทาตา่ งๆ  7. การทาซ้า การต่อเติม และการสร้างแบบรูป  8. การนับและแสดงจานวนของสิ่งตา่ งๆในชีวิตประจาวัน  8. การรอจังหวะที่เหมาะสมในการพูด  9. การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดบั จานวนของสงิ่ ตา่ งๆ  10. การรวมและการแยกสิ่งต่างๆ  9. การพูดเรยี งลาดบั คาเพ่ือใชใ้ นการสื่อสาร  11. การบอกและแสดงอันดับทข่ี องสงิ่ ตา่ งๆ  10. การอา่ นหนังสอื ภาพ นทิ านหลากหลายประเภท/รูปแบบ  11. การอา่ นอยา่ งอิสระตามลาพัง การอ่านรว่ มกนั  12. การชง่ั ตวง วดั สิ่งต่างๆ โดยใช้เคร่อื งมือและหน่วยทไ่ี ม่ใช่หนว่ ย การอา่ นโดยมีผูช้ ีแ้ นะ มาตรฐาน  12. การเหน็ แบบอย่างของการอ่านท่ถี กู ตอ้ ง  13. การจับคู่ การเปรียบเทยี บ และการเรียงลาดับส่งิ ต่างๆ  13. การสงั เกตทิศทางการอา่ นตัวอักษร คา และขอ้ ความ ตามลกั ษณะ ความยาว/ความสูง นา้ หนกั ปริมาตร  14. การอา่ นและชข้ี ้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทัด  14. การบอกและเรยี งลาดบั กิจกรรมหรอื เหตกุ ารณ์ตามชว่ งเวลา จากซ้ายไปขวา จากบนลงลา่ ง  15. การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์กับเหตุการณใ์ นชวี ติ ประจาวัน  15. การสงั เกตตวั อกั ษรในชือ่ ของตน หรือคาคุ้นเคย  16. การสังเกตตวั อักษรทีป่ ระกอบเป็นคา ผา่ นการอ่าน  16. การอธบิ ายเชื่อมโยงสาเหตแุ ละผลที่เกดิ ข้นึ ในเหตกุ ารณห์ รอื การ หรือเขยี นของผู้ใหญ่ กระทา  17. การคาดเดาคาวลี หรอื ประโยค ทีม่ โี ครงสร้างซ้าๆกนั  17. การคาดเดาหรอื การคาดคะเนสงิ่ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างมีเหตผุ ล  18. การมีสว่ นร่วมในการลงความเหน็ จากข้อมลู อย่างมเี หตผุ ล จากนิทาน เพลง คาคล้องจอง  18. การเล่นเกมทางภาษา  19. การตดั สินใจและมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ปัญหา  19. การเห็นแบบอย่างของการเขยี นทถี่ กู ต้อง  20. การเขยี นรว่ มกนั ตามโอกาส และการเขยี นอสิ ระ  21. การเขยี นคาทีม่ คี วามหมายกับตวั เด็ก/คาคุ้นเคย  22. การคดิ สะกดคาและเขยี นเพอื่ สอ่ื ความหมายด้วย ตนเองอยา่ งอสิ ระ ประสบกำรณส์ ำคญั ดำ้ นสติปญั ญำ : เจตคตทิ ่ีดตี อ่ กำรเรยี นรู้ ประสบกำรณส์ ำคญั ดำ้ นสติปญั ญำ : จนิ ตนำกำรและควำมคิดสรำ้ งสรรค์ และกำรแสวงหำควำมรู้  1. การสารวจสิง่ ตา่ งๆ และแหล่งเรยี นรรู้ อบตัว  1. การรบั รู้ และแสดงความคิด ความรูส้ กึ ผา่ นส่ือ วสั ดุ ของเลน่ และ  2. การต้งั คาถามในเรอ่ื งท่สี นใจ ช้นิ งาน  2. การแสดงความคดิ สร้างสรรคผ์ า่ นภาษา ทา่ ทาง การเคลือ่ นไหว  3. การสืบเสาะหาความรูเ้ พอื่ คน้ หาคาตอบของข้อสงสัยต่างๆ  เ43ส.า.กะาถหรา้มาคนสี ว่วาานกมรร่วิจู้ใมนกใรนรูปกรแามบรนรบวต้ีไบ่าปรงวจๆมัดแขลใอ้ นะมแูลชผแั้นนลภเะรนมู ียอิาเยนสา่ นรงองะ่าขดยอ้ บัมูลอจนากบุ กาาลรสบืควรนาไปประย3แุก.ลกะตศา์ใรลิ ชสปรใ่ ะา้นงกสริจรกค์ชริน้ รงมานปโรดยะใจชาร้ ปูวรนั ่างกรจิปู กทรรงรจมากใวดสั ดุทจี่หงึ ลากหลาย จะเหมาะสมกับบรบิ ทในห้องเรยี นระดบั อนบุ าล เพราะเหตุใด

151 แนวคาตอบ ควรนาไปจัดในกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์เป็นหลกั เน่อื งจาก - เป็นกิจกรรมท่ีพฒั นา พัฒนาการด้านสติปัญญาเปน็ หลกั - มลี ักษณะการจดั กิจกรรมท่ีพฒั นาให้เด็กคดิ แกป้ ญั หาอย่างเปน็ ลาดับข้นั ตอน - มุ่งใหเ้ ด็กไดเ้ รยี นรผู้ า่ นการเลน่ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ การวางแผน สร้างสรรค์ ชดุ คาสัง่ โดยวิธีการต่างๆ ท่ใี ช้แสดงแทน (Represent) คาสั่งใหห้ ุ่นยนตป์ ฏิบัติ - เน้นลงมอื ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง และการทางานรว่ มกันเป็นกลุ่ม - ครเู ป็นผ้อู านวยความสะดวกจัดเตรียมสอื่ วัสดุอุปกรณ์ใช้คาถามกระตนุ้ ใหเ้ ด็กคดิ - บรู ณาการพัฒนาการหลายๆ ด้านเข้าด้วยกนั ทง้ั น้ีอำจปรบั เป็นกำรเล่นเกมในกิจกรรมกลำงแจ้ง เกมกำรศึกษำ และจัดกจิ กรรมประจำวนั อื่นๆให้เช่อื มโยงสอดคล้องกันได้

152 7 กำรนเิ ทศกำรจดั กำรเรยี นรู้วิทยำกำรคำนวณ ระดบั อนบุ ำลด้วยกระบวนกำร PLC เวลำ 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์ 1. เข้าใจการขับเคลื่อนการนิเทศด้วยกระบวนการ PLC เรื่องวทิ ยาการคอมพิวเตอร์สาหรับ เดก็ อนบุ าลไปสูก่ ารปฏิบัติจริงในสถานศึกษา 2. วิเคราะห์กระบวนการ PLC จากตวั อยา่ งการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ สำระสำคัญ 1. การจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีการคิดเชิงคานวณ รวมทั้ง แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นการเรียนรู้เก่ียวกับการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ ใช้แนวคดิ เชิงคานวณเพื่อการแก้ปัญหา ในชีวิตประจาวัน มีการบูรณาการกับสาระการเรียนรู้อื่น มีการเขียนโปรแกรมในระดับชั้นที่เหมาะสมหรือ การพฒั นาโครงงานอย่างสรา้ งสรรค์เพ่ือแก้ปัญหาในชวี ติ ประจาวนั ทาไมเด็กอนุบาลต้องเรียนรู้วทิ ยาการคานวณ เพราะสงั คมของเราก้าวเขา้ สู่โลกของเทคโนโลยีและ ดจิ ิทัล สิ่งต่างๆ รอบตัวล้วนแต่เปน็ เทคโนโลยีเกือบทั้งส้ิน วิทยาการคานวณสาหรับเด็กอนุบาลจะเป็นการจัด ประสบ การณ์การเรี ยนรู้ แ บบไม่ใช้คอมพิวเต อร์เพื่ อสร้าง พื้นฐา นการคิดเชิง คานว ณ อันเป็ นพื้นฐ านของ การศึกษาในระดบั ทสี่ ูงขึ้นซึง่ จะเป็นการเตรยี มความพร้อมสาหรับผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิทยาการคานวณ (Computing Science) ในระดับอนุบาลประกอบด้วย วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) ซึ่งมีรายละเอียด 2 ส่วนคือ การคิดเชิงคานวณ (Computational thinking) และ การเขียนโปรแกรม (Programming) เน้นเฉพาะการเขียนโค้ด (Coding) ดังนั้น จึงจาเป็นต้องมีการนิเทศและให้คาปรึกษาแก่บุคลากรทางการศึกษาปฐมวัย เพื่อให้ การจัดการเรียนรู้บรรลุผลตามเป้าหมาย โดยเน้นการใช้กระบวนการ PLC ลงสู่การปฏิบัติจริงในสถานศึกษา ทัง้ ในเชิงการบรหิ ารจดั การและการจดั กิจกรรมในชนั้ เรยี นอย่างเปน็ รปู ธรรม 2. Professional Learning Community : PLC หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจ ร่วมพลัง ร่วมคิด ร่วมทาและร่วมเรียนรู้ของครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา บนพ้ืนฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์ แบบกัลยาณมิตรส่คู ุณภาพการจดั การเรียนรู้ท่เี น้นความสาเร็จหรอื ประสิทธิผลของเด็กเป็นสาคัญ PLC มีความเชื่อว่า การจัดการเรียนรู้และการปฏิบัติงานของครูจะมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก เป็นอย่างย่ิง ซ่ึงในสภาพปัจจุบันครูมีความแตกต่างกันมาก ทั้งด้านภาระงาน ความสามารถ และศักยภาพ ส่วนตน จึงจาเป็นต้องมีระบบการขับเคล่ือนการทางานที่มีทิศทางเดียวกัน มุ่งสู่การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ของครูระดับอนุบาลเพ่ือสู่คุณภาพเด็กตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ ในลักษณะช่วยเหลือเติมเต็มส่วนที่ขาดของ ครแู ตล่ ะท่านด้วยความพงึ พอใจของผูท้ ่ีมีสว่ นร่วมทกุ คน สื่อ 1. Power Point การนิเทศด้วยกระบวนการ PLC เร่ืองวิทยาการคอมพิวเตอร์สาหรับเด็กอนุบาลสู่ การปฏบิ ตั ใิ นสถานศึกษา และการสะท้อนคดิ พร้อมทง้ั เฉลยคาตอบ 2. อปุ กรณส์ าหรับทากจิ กรรมสะท้อนคดิ กลุ่มละ 1 ชุด คือ กระดาษ A4 และปากกาเมจิก

153 กระบวนกำร 1 นาเขา้ สบู่ ทเรยี นหวั ข้อ “วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์เข้ามามบี ทบาทและอยู่ใน PPT 1-2 5 นำที PPT 3-6 20 นำที ชีวติ ประจาวนั เดก็ อนุบาลจึงจาเป็นตอ้ งเรยี นรวู้ ทิ ยาการคอมพิวเตอร์” PPT 7-10 30 นำที เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น กรอบการเรยี นรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดบั อนุบาลประกอบดว้ ย เป้าหมายการเรียนรู้วิทยาการคอมพวิ เตอร์พน้ื ฐานการเรยี นรวู้ ทิ ยาการ คอมพวิ เตอร์และแนวทางการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้วทิ ยาการ คอมพิวเตอร์ 2 วทิ ยากรนาอภปิ ราย “การนเิ ทศดว้ ยกระบวนการ PLC เร่อื งวทิ ยาการ คอมพิวเตอร์สาหรบั เด็กอนบุ าลส่กู ารปฏบิ ตั ใิ นสถานศึกษา” และทบทวน กระบวนการ PLC ประกอบด้วยข้นั ตอนสาคญั คือ 1) กระบวนการขบั เคลอ่ื นกระบวนการ PLC วิธีการปฏบิ ัติในแต่ละ ขนั้ ตอนของ PLC และการบันทกึ ข้อมูลหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2) การสรปุ ผล รายงานผล และแลกเปล่ียนเรยี นรู้ 3 วิทยากรนาอภปิ รายรว่ มกับผู้เข้าอบรมถึงบทบาทของศึกษานเิ ทศกใ์ นการ ขับเคลื่อนกระบวนการ PLC ในสถานศึกษา โดยศึกษาสถานการณ์จาลอง จากวดี ทิ ัศนเ์ รอ่ื งการจัดกจิ กรรมวทิ ยาการคอมพิวเตอรแ์ ละ Coding ชัน้ อนุบาลปที ่ี 3 โดยทกุ กล่มุ ทากิจกรรมต่อไปนี้ 1) จากวดี ิทัศน์เด็กเกดิ กำรเรียนร้กู ำรคิดเชิงคำนวณและ Coding อย่ำงไร 2) จากวดี ทิ ศั น์พบปัญหำอะไรใหท้ กุ กลุ่มออกแบบกำรนิเทศ 3 ขน้ั ตอน ดังนี้ กิจกรรม ศกึ ษานิเทศก์ บทบาท ผลที่ได้ ชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชพี (PLC) 1.ค้นหาปญั หา วิธกี ารใหค้ รู สมาชิก PLC ดาเนินการค้นหา ปญั หาท่ี (จากวดี ทิ ัศน)์ ค้นหาปญั หา ปญั หาอย่างไร แท้จรงิ 2.หาแนวทาง การแกป้ ญั หา ……………… ……………………………… ……….. 3.ออกแบบกจิ กรรม ……………… ………………………………. ……….. เพอ่ื แก้ปัญหา 3) ตัวแทนกลุ่มนาเสนอกล่มุ ละ 5 นาที 4 ส่มุ ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลงานของคาถามขอ้ ที่ 1 จานวนกลุ่ม ตามความ PPT 11-14 15 นำที เหมาะสมของเวลา วทิ ยากรสรปุ คาตอบ “เด็กเกิดการเรียนรู้การคดิ เชงิ คานวณ และ Coding อย่างไร” และอธิบายเพิ่มเตมิ

154 5 สุ่มตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานของคาถามข้อท่ี 2 จานวนกลุ่มตาม PPT 15-25 30 นำที ความเหมาะสมของเวลา วทิ ยากรสรุปคาตอบ “ออกแบบการนิเทศดว้ ย กระบวนการ PLC” 3 ข้นั ตอน และอธบิ ายเพิ่มเติม 6 วิทยากรช้ีแจงเพมิ่ เติมว่า ถ้าเขตพน้ื ที่การศึกษาใดมีรปู แบบการนิเทศ PPT 26-33 20 นำที ทเี่ ป็นนวตั กรรมของเขตฯ ก็ใหใ้ ช้รปู แบบของเขตฯ ตนเอง แต่ถา้ ยงั ไม่ได้ ดาเนนิ การใดๆ กใ็ ห้ศึกษาแนวทางดาเนินการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC ของ สพฐ. เปน็ ฐานคดิ ในเบอื้ งต้นกอ่ นซ่ึงมีข้นั ตอนการดาเนนิ งาน 7 ขน้ั ตอน มีรายละเอยี ดดงั นี้ 1) สร้างทมี งาน PLC (ครู และ Menter Coaching มรี ายชอ่ื ครบถ้วน) 2) ค้นหาปญั หาและความต้องการ (ร่วมกนั คดั เลือกจนได้ปัญหาแท้จรงิ ) 3) รว่ มกันหาแนวทางแก้ปัญหา (ระดมความคิดจากทมี งาน PLC หรอื คน้ หาตวั อยา่ งหรอื รปู แบบท่ปี ระสบความสาเรจ็ แล้ว) 4) ออกแบบกิจกรรมการแก้ปัญหา (คานงึ ถึงหลักการจัดกิจกรรมอนุบาล) 5) แลกเปล่ยี นเสนอแนะ (นาผลงานไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญตรวจสอบความถกู ต้อง) 6) นาสู่การปฏิบตั ิและสงั เกตการจัดกจิ กรรม (นากจิ กรรมการแก้ปญั หาไป ทดลองใชใ้ นหอ้ งเรยี น จดบนั ทึกผลการสงั เกตเป็นหลักฐาน) 7) สะท้อนผล (แจง้ ผลจากการปฏบิ ัตจิ ริงให้ครูทราบ เปิดโอกาสให้ครู ไดช้ ีแ้ จง ถ้าการจัดกิจกรรมไม่บรรลเุ ป้าหมาย ทีมงาน PLC ร่วมกนั สรา้ งทางเลอื กใหม่ และเขา้ สู่วงจร PLC ในชั้นตอนที่ 2-7 รอบใหม่) ประเมินผลกำรเรียนรู้ ประเมินผลตามสภาพจริงจากการทากิจกรรม

155 Power Point กำรนเิ ทศดว้ ยกระบวนกำร PLC เรื่อง วิทยำกำรคอมพิวเตอรส์ ำหรับเดก็ อนบุ ำลส่กู ำรปฏบิ ตั ใิ นสถำนศกึ ษำ

156

157

158

159

160

161

162

163

164

165

166

167

168

169

170

171

172 ภำคผนวก แบบทดสอบควำมรู้

173 แบบทดสอบ หลกั สูตรอบรมกำรใหค้ ำปรกึ ษำและกำรจดั กำรเรียนรู้ วิทยำกำรคำนวณสำหรับศกึ ษำนิเทศก์ (ระดับอนบุ ำล) ช่อื – สกลุ ............................................................................ ตาแหนง่ ............................................................. โรงเรยี น................................................................................. สพป. ................................................................ คำชแี้ จง กรุณำ ใสเ่ คร่ืองหมำย  หรือ  ลงในช่อง  ตำมควำมเห็นของทำ่ น 1. เด็กอนุบาลจะคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาได้จะตอ้ งเรยี นรูก้ ารบวกลบก่อน 2. การเรียงลาดับเหตกุ ารณต์ ามชว่ งเวลาเป็นประสบการณ์สาคญั ก่อนเรียนรู้การคดิ เชิงคานวณและการเขยี นโค้ด 3. การสอนการเขียนโค้ดใหเ้ ด็กอนุบาลสามารถสอนไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใช้อปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ 4. ประสบการณ์สาคัญทางด้านสติปญั ญาในหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 สามารถใช้เปน็ พ้ืนฐานในการเรยี นรู้วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์สาหรบั เดก็ อนุบาลได้ 5. กิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาการคานวณไม่สามารถบูรณาการเขา้ ในกจิ กรรมประจาวัน ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 6. การจัดการเรียนรู้วทิ ยาการคานวณจาเป็นต้องเรยี นรโู้ ดยการใชอ้ ุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เทา่ นน้ั 7. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์สามารถทางานประมวลผลได้อตั โนมัติโดยไม่ต้องใชโ้ ปรแกรม ตา่ งๆ ในการสง่ั การ 8. การคดิ เชงิ คานวณเปน็ กระบวนการคิดสาหรบั การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แตก่ ็ สามารถนาไปใช้ในการสืบเสาะหาความรูห้ รือแก้ปัญหาอ่ืนๆ ในชีวิตประจาวนั ได้ 9. ถา้ เดก็ อนุบาลมที ักษะพื้นฐานทางด้านภาษาในการใชต้ ัวแทน (Representation) เปน็ การสง่ เสรมิ การเขยี นโคด้ เพือ่ ออกคาส่งั 10. การพัฒนาใหเ้ ดก็ อนบุ าลมคี วามคิดรวบยอดและทักษะที่เป็นพืน้ ฐานเพอ่ื การเรียนรู้ วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ต้องออกแบบเปน็ กจิ กรรมใหมแ่ ละใชส้ ือ่ ที่มคี วามเฉพาะเจาะจง ไม่สามารถใช้กจิ วัตรประจาวันหรือกิจกรรมท่คี รจู ัดอยู่แล้ว 11. วิทยาการคานวณ ช่วยให้เด็กอนุบาลเรยี นรู้การคิดวเิ คราะห์โดยใช้คอมพวิ เตอร์ 12. ในระดบั ชั้นอนบุ าลวิทยาการคานวณเน้นการแกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใชส้ ่ือการเรยี นรู้ ประเภทต่างๆ ในการทากิจกรรม

174 13. ทกั ษะการแกป้ ญั หาอย่างงา่ ยต้องใชส้ อ่ื การเรียนร้ปู ระเภทแบบฝกึ หดั ด้วยกระดาษ ดินสอและบอร์ดเกม 14. พน้ื ฐานการเรยี นรู้วทิ ยาการคอมพิวเตอร์สาหรบั เด็กอนุบาลมเี ฉพาะแบบรูป การเรยี งลาดบั และการใช้ตัวแทน 15. กจิ กรรมการเรียงลาดับบัตรภาพกจิ วัตรประจาวนั ของเดก็ อนุบาลเปน็ การเรียนรู้ วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์แบบ Unplugged 16. ในระดบั ชั้นอนุบาลควรจัดประสบการณ์การเรียนร้วู ิทยาการคอมพิวเตอรผ์ ่านการเลน่ 17. เป้าหมายของการเรยี นรู้วิทยาการคอมพิวเตอรส์ าหรับเดก็ อนบุ าล คือ การแก้ปญั หา อย่างง่าย การแสดงลาดบั ขัน้ ตอนการทางานโดยใชภ้ าพ/สัญลักษณ์ และการเขยี นโค้ด โดยใชส้ ื่อแบบไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์ 18. โค้ด หมายถงึ สัญลักษณ์แทนการดาเนนิ การเปน็ ตวั อักษร ตวั เลข และคา เท่านน้ั 19. ประสบการณ์สาคัญทสี่ ่งเสรมิ การเรยี นรู้วิทยาการคานวณมเี ฉพาะประสบการณ์ สาคัญด้านสติปญั ญา 20. การจดั กิจกรรมพฒั นาการคดิ เชิงคานวณไม่สามารถจัดให้เดก็ อนุบาลไดเ้ รยี นรู้ทลี ะ องค์ประกอบ

175 คณะผจู้ ัดทำ ท่ปี รึกษำ เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน 1. นายอานาจ วิชยานวุ ตั ิ ผู้อานวยการสานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา 2. นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ 3. นางสาวรัตนา แสงบวั เผ่อื น คณะผจู้ ัดทำ ผู้ทรงคณุ วุฒิ ผทู้ รงคุณวุฒิ 1. รศ.พชั รี ผลโยธนิ 2. นางเอมอร รสเครือ อาจารย์ประจาศูนยว์ ทิ ยาศาสตรศกึ ษา คณะวทิ ยาศาสตร์ มศว. สานกั บริหารงานความเป็นเลศิ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ศึกษา 3. นางสาวเทพกัญญา พรมขัตแิ ก้ว ศกึ ษานิเทศก์ขานาญการพเิ ศษ สพป.นครราชสมี า เขต 1 4. นางสาวกานจลุ ี ปญั ญาอินทร์ ศึกษานิเทศกข์ านาญการพเิ ศษ สพป.ปทมุ ธานี เขต 1 5. นายชยั วฒุ ิ สินธวุ งศานนท์ 6. นางสุรัสวดี จันทรกลุ ศึกษานิเทศก์ขานาญการพิเศษ สพป.ขอนแกน่ เขต 5 7. นางรจุ าภา ประถมวงษ์ ศึกษานเิ ทศก์ขานาญการพเิ ศษ สพป.ประจวบครี ขี นั ธ์ เขต 1 8. นางหรณิ ญา รงุ่ แจ้ง ศึกษานเิ ทศกช์ านาญการพิเศษ สพป.นราธิวาส เขต 2 9. นางสาวธิตมิ า เรอื งสกลุ ศึกษานเิ ทศกช์ านาญการพเิ ศษ สพป.พะเยา เขต 2 10. นางปฤษณา ดารงค์ชพี 11. นางสาวเสาวนยี ์ เวชพทิ ักษ์ ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ สพป.ขอนแกน่ เขต 3 12. นางดวงทิพย์ เพช็ รนิล ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพิเศษ สพป.สพุ รรณบุรี เขต 1 13. นางสาวประภานิช เพียรไพฑูรย์ ศกึ ษานเิ ทศกช์ านาญการพเิ ศษ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 14. นายอนุรกั ษ์ ระย้า 15. นางณฐั นันท์ หอมช่นื ศกึ ษานิเทศกช์ านาญการ สพป.สระบรุ ี เขต 2 16. นางนิทรา ชอ่ สงู เนนิ ศกึ ษานิเทศกช์ านาญการ สพป.ปทมุ ธานี เขต 1 17. นางสุพร โขขดั ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรียนอนบุ าลอดุ รธานี สพป.อุดรธานี เขต 1 18. นางสาวจีเรียง บุญสม ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นอนุบาลตรัง สพป.ตรัง เขต 1 19. นายกว้าง ผลสขุ 20. นางภชั ราภรณ์ โพธสิ าร ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามเฒ่า สพป.กาญจนบุรี เขต 1 21. นางสาวมะลิวลั ย์ บุตรชาติ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นบ้านค้อโนนเพ็ก สพป.ศรสี ะเกษ เขต 2 22. นางสาวศุภลักษณ์ ศรีดอกไม้ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นบ้านสดา สพป.ศรสี ะเกษ เขต 4 23. นางพกิ ลุ สุรินทร์ ครู โรงเรยี นอนุบาลสมทุ รสาคร สพป.สมทุ รสาคร 24. นางสาวกันตวรี ์ ตนั ตมิ าลา 25. นางวรรณภา มงั บแู่ วน่ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นอนบุ าลชลบุรี สพป.ชลบุรี เขต 1 26. นางอาภรณ์ สยามพนั ธ์ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ สพป.นครสวรรค์ เขต 1 27. นางจาลองลกั ษณ์ ก้อนทอง ครู โรงเรยี นอนุบาลสระบุรี สพป.สระบรุ ี เขต 1 28. นางวงเพชร การุณย์ 29. นางพชั รา องั กูรขจร ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนอนบุ าลนครราชสีมา สพป.นครราชสมี าเขต 1 30. นางภาวณิ ี แสนทวสี ุข ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นอนุบาลพัทลงุ สพป.พัทลงุ เขต 1 31. นางสาวกอบกุล สุกขะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นชมุ ชนบงึ บา สพป.ปทุมธานี เขต 2 32. นางกันยา แสนวงษ์ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนอนบุ าลอุบลราชธานี สพป.อุบลราชธานี เขต 1 33. นางสาวกมลชนก ผา่ นสาแดง 34. นางสาวหทยา จาปี ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านแมล่ ะเมา สพป.ตาก เขต 2 สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา

176 วำดภำพประกอบ 1. นายบญุ ชู ราชสุวรรณ ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านโคกตา 2. นางสาวรดี นฤมติ สธุ น ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านโคกยามู 3. นางสาวณฏั ฐณิชชา ยอดทอง ครูชานาญการ โรงเรยี นบา้ นโคกตา 4. นายวรี เชษฐ์ เวทมาหะ ครชู านาญการ โรงเรยี นบ้านโคกตา 5. นายสรวธุ ตนั เหมนายู ครผู ชู้ ว่ ย โรงเรยี นบา้ นโคกยามู