เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๑ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา พระราชบัญญัติ การสง่ เสรมิ วิทยาศาสตร์ การวจิ ยั และนวตั กรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หัว ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปที ่ี ๔ ในรชั กาลปัจจบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เปน็ การสมควรมกี ฎหมายวา่ ดว้ ยการส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์ การวิจยั และนวัตกรรม พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้ โดยบทบญั ญตั แิ ห่งกฎหมาย เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรภี าพของบุคคลตามพระราชบัญญัติน้ี เพื่อให้ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ นาไปสู่การปฏิบัติ ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมท้ังการกากับ ติดตาม และประเมินผลการดาเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธิภาพ ซึ่งการตราพระราชบญั ญัตินส้ี อดคล้องกับเงอื่ นไขทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ สภานิติบญั ญตั แิ หง่ ชาตทิ าหนา้ ที่รฐั สภา ดังต่อไปนี้
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๒ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๑ พระราชบญั ญัตนิ ี้เรยี กว่า “พระราชบัญญัตกิ ารส่งเสรมิ วิทยาศาสตร์ การวิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้ “การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี” หมายความว่า การดาเนินกิจการที่เป็นการเพ่ิมพูนความรู้ และความสามารถทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ วิศวกรรม เพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตและการบริการ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจของประเทศ และความเป็นอยู่ของสังคม โดยรวมถึงการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้าง พ้นื ฐาน และการพัฒนาขีดความสามารถในการรับและถา่ ยทอดเทคโนโลยที ั้งภายในและจากตา่ งประเทศ เพ่ือการพัฒนาประเทศในทกุ ดา้ น “การวิจัย” หมายความว่า การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลองอย่างเป็นระบบ อันจะ ทาให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ความรู้ใหม่ หรือหลักการไปใช้ในการตั้งกฎ ทฤษฎี แนวทางในการปฏิบัติ เพ่ือเป็นพื้นฐานของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และ ศิลปวทิ ยาการแขนงต่าง ๆ รวมท้งั เพอื่ สร้างนวตั กรรม อนั จะสามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ “ระบบวิจัย” หมายความว่า การทางานร่วมกันอย่างเป็นระบบของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ด้านการวิจัยและนวัตกรรม เพ่ือสร้างความเช่ือมโยงกันอย่างประสานสอดคล้องและเป็นไปในทิศทาง เดียวกนั เพ่อื นาไปสกู่ ารบรรลุเปา้ หมายตามที่กาหนด “มาตรฐานการวิจยั ” หมายความวา่ ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั คุณลกั ษณะและคุณภาพท่พี งึ ประสงค์ ของการวิจยั และนวตั กรรมท่ีต้องการใหเ้ กิดข้ึนในทกุ กระบวนการของการวิจัยและนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทงั้ นี้ รวมถึงจริยธรรมท่ีนักวิจยั พึงปฏบิ ัตดิ ้วย “ข้อมูลการวิจัย” หมายความว่า ข้อมูลที่เก่ียวกับโครงการและผลงานการวิจัยและนวัตกรรม งบประมาณ บุคลากร ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากการวิจัยและนวัตกรรม และข้อมูลอ่ืนที่เก่ียวกับ การวิจยั และนวัตกรรม “นวัตกรรม” หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ ส่ิงประดิษฐ์ บริการ กรรมวิธีท่ีเกี่ยวกับการผลิต การจัดโครงสรา้ งองคก์ ร ระบบบรหิ ารจัดการ การบริหารการเงิน ธุรกจิ การตลาด หรือในการอนื่ ใด ท้ังน้ี ซ่ึงเปน็ สง่ิ ใหมห่ รอื พฒั นาใหด้ ขี ้นึ กวา่ เดมิ อย่างมีนัยสาคญั และนาไปใช้ประโยชน์ได้ในวงกว้างทั้งในเชิงพาณิชย์ และสาธารณะ “หน่วยงานในระบบวจิ ัยและนวัตกรรม” หมายความว่า หนว่ ยงานของรฐั และเอกชน รวมทงั้ สถาบันอุดมศึกษาทด่ี าเนินการเก่ียวกบั การวิจัยและนวัตกรรม
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๓ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา “นโยบาย” หมายความว่า นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศ “งบประมาณ” หมายความว่า งบประมาณส่งเสรมิ วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวตั กรรม “บุคลากร” หมายความวา่ บุคลากรวิจยั และนวตั กรรม “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ท้ังนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในบังคับบัญชาหรือกากับดูแลของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝา่ ยตุลาการ องค์กรอัยการ หรอื องคก์ รอิสระ “สภานโยบาย” หมายความวา่ สภานโยบายการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม แห่งชาตติ ามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาติ “กสว.” หมายความว่า คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมาย ว่าดว้ ยสภานโยบายการอดุ มศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรมแห่งชาติ “สานักงานการวจิ ัยแหง่ ชาติ” หมายความวา่ สานักงานการวิจัยแห่งชาตติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ย ระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม “สอวช.” หมายความว่า สานักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งชาติ “สกสว.” หมายความว่า สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามกฎหมายว่าดว้ ยสภานโยบายการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรมแหง่ ชาติ “กองทุน” หมายความว่า กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมาย ว่าดว้ ยสภานโยบายการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรมแหง่ ชาติ “กระทรวง” หมายความว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวตั กรรม มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจออกกฎกระทรวงและระเบียบ เพอื่ ปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี กฎกระทรวงและระเบยี บนน้ั เมื่อประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วให้ใช้บงั คับได้
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๔ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา หมวด ๑ บทท่ัวไป มาตรา ๕ รัฐต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวตั กรรม และศิลปวทิ ยาการแขนงต่าง ๆ ของประเทศทั้งระบบ เพื่อสรา้ งความรนู้ าไปใช้ กาหนดนโยบายสาธารณะ และการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและประโยชน์ ทางสงั คม ความม่นั คง และส่งิ แวดล้อม โดยดาเนินการ ดงั ต่อไปนี้ (๑) กาหนดนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และแผนด้านวทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ ให้สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแมบ่ ท และแผนอ่ืน รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล (๒) จัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม ให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับความตอ้ งการและความจาเป็นของหนว่ ยงานของรฐั ในระบบวิจยั และนวัตกรรม (๓) จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานเพ่ือการพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวตั กรรม และโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพทเี่ พยี งพอ (๔) จดั ให้มกี ลไกและมาตรการสนบั สนนุ อานวยความสะดวกแกก่ ารวิจัยและนวัตกรรม และ การใหส้ ิทธิประโยชนแ์ ละแรงจงู ใจท่ีเหมาะสมแก่การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม (๕) สนับสนุนและช่วยเหลือการจดทะเบยี นสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปญั ญา (๖) สนับสนุนการมีส่วนร่วมและการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมโดยภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และภาคประชาสังคม (๗) ส่งเสริมและสนับสนนุ การผลติ และพัฒนาบุคลากรทีม่ คี ณุ ภาพ (๘) ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับที่เก่ียวข้อง รวมท้ังจัดให้มีกฎหมายใหม่เพ่ือเอ้ือต่อ การพฒั นาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจยั และนวตั กรรม (๙) ส่งเสริมวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวจิ ัยและนวตั กรรมในสาขาใหมใ่ ห้ทันกบั พัฒนาการ ของวทิ ยาการในโลก มาตรา ๖ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ ย่อมเป็นแนวทางปฏบิ ัตแิ ละกากับทิศทางในการพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวตั กรรม ของหนว่ ยงานในระบบวจิ ัยและนวัตกรรม และในการจดั สรรงบประมาณเพ่ือพฒั นาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๕ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๗ เพอ่ื บรู ณาการและขับเคลอื่ นระบบวจิ ัยและนวตั กรรมทางดา้ นนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ แผน บุคลากร งบประมาณ และกฎหมาย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้จัดประเภทหน่วยงานใน ระบบวิจัยและนวัตกรรม ดังตอ่ ไปน้ี (๑) หน่วยงานด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และงบประมาณเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (๒) หนว่ ยงานดา้ นการให้ทนุ (๓) หนว่ ยงานทีท่ าวจิ ยั และสรา้ งนวตั กรรม (๔) หน่วยงานด้านมาตรวิทยา มาตรฐาน การทดสอบและบริการคุณภาพวิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม (๕) หน่วยงานด้านการจัดการความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานซ่ึงเป็น ผู้ใช้ประโยชน์จากงานดังกล่าว (๖) หน่วยงานด้านอื่นตามทส่ี ภานโยบายกาหนด หนว่ ยงานในระบบวจิ ัยและนวัตกรรมหน่วยงานใดจะจัดอยู่ในประเภทใดตามวรรคหนง่ึ ให้เปน็ ไป ตามทส่ี ภานโยบายประกาศกาหนด ให้หน่วยงานตามมาตรานี้ดาเนินการเพ่ือให้เปน็ ไปตามตัวชี้วดั ผลสมั ฤทธิ์ตามท่ี กสว. กาหนด เว้นแตส่ ภานโยบายจะกาหนดเป็นอยา่ งอ่ืน การเปลยี่ นประเภทหน่วยงานตามวรรคหน่งึ ให้เปน็ ไปตามท่ีสภานโยบายประกาศกาหนด มาตรา ๘ การกากบั ดูแลหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมจะกระทาได้เพียงเท่าทจ่ี าเป็น เพ่อื รกั ษาคุณภาพ มาตรฐานการวิจัย และประโยชน์ของประชาชนหรือประเทศเปน็ ส่วนรวม โดยจะกระทบ ต่อเสรีภาพทางวิชาการของหนว่ ยงานน้นั ในการวจิ ัยและสรา้ งนวัตกรรมมิได้ มาตรา ๙ ห้ามมใิ ห้หน่วยงานตามมาตรา ๗ (๑) และ (๒) ทาวจิ ยั และสรา้ งนวตั กรรมเอง เว้นแตเ่ ป็นการวิจัยหรอื สร้างนวัตกรรมเพือ่ พัฒนาการปฏบิ ตั ิงานตามหนา้ ท่ีและอานาจของหน่วยงานนนั้ ห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานในระบบวิจัย และนวัตกรรม กระทาการใดอนั เปน็ การขดั แย้งระหว่างผลประโยชน์สว่ นบคุ คลกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม หรือขดั แย้งระหวา่ งบทบาทหรอื หน้าทแ่ี ละอานาจ เวน้ แต่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไข ทีส่ ภานโยบายกาหนด มาตรา ๑๐ ในกรณีที่รัฐดาเนินการโครงการพัฒนาประเทศท่ีต้องพ่ึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ จากต่างประเทศ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณส่วนหน่ึงของโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างความสามารถใน การถา่ ยทอดเทคโนโลยีใหแ้ กผ่ ู้ประกอบการ ชมุ ชน และสังคมอย่างเป็นระบบ
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๖ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา เพื่อประโยชนใ์ นการผลิตวัสดุ อปุ กรณ์ การใหบ้ ริการ การพัฒนาทักษะวิชาชีพชนั้ สงู การทดสอบ การรับรองมาตรฐานและคุณภาพ เพ่ือใชใ้ นโครงการตามวรรคหน่งึ ในระยะยาวโดยไมต่ อ้ งพง่ึ พาต่างประเทศ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่เก่ียวข้องกับการดาเนินการดังกล่าว เพอ่ื พัฒนาขดี ความสามารถให้สามารถดาเนินการดงั กล่าวไดเ้ อง มาตรา ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้มีการส่งเสริม ความรว่ มมอื ของทุกภาคสว่ นในการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวจิ ยั และนวตั กรรม ดังต่อไปน้ี (๑) ให้องค์กรวิชาการและวิชาชีพมีส่วนร่วมในการศึกษา วิจัย และสร้างนวัตกรรมใน กระบวนการใหก้ ารศึกษาหรอื ให้บรกิ ารวชิ าชีพ เผยแพร่ผลการศกึ ษาวจิ ยั และนวตั กรรม เพอ่ื การพัฒนา ชุมชน สังคม และประเทศ และเป็นแหล่งทรัพยากรบุคคลที่พร้อมให้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เติม เพอ่ื ใหร้ ัฐมแี หลง่ ข้อมูลเพอ่ื ใช้ในการตดั สนิ ใจทอ่ี ยู่บนพื้นฐานความจริงทางวทิ ยาศาสตร์ (๒) ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสาคัญในการนาเสนอนโยบาย ลงทุนและร่วมทุน ตลอดจน ร่วมทาวิจัยและนวัตกรรมกบั หนว่ ยงานของรัฐ รวมท้ังใช้ประโยชน์จากงานวจิ ัยและนวตั กรรมเพ่ือการผลติ และใหบ้ รกิ าร (๓) ให้หน่วยงานของรัฐส่งเสริมการนางานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ในการกาหนดนโยบาย การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม หรอื การประกอบการในความรับผิดชอบ (๔) ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนท้องถิ่น และชุมชนอ่ืนมีส่วนร่วมและ เข้าถึงงานวิจัยและนวัตกรรม รวมท้ังนาผลงานดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในกิจการของท้องถ่ิน ชุมชน หรือสมาชิก (๕) ให้หน่วยงานภาคประชาสงั คมมีส่วนร่วมในการให้ความเห็น ความร่วมมือ และการสรา้ ง ความตระหนักในความสาคญั ของการวจิ ัยและนวตั กรรม (๖) หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมพึงร่วมมือกับบุคคลหรือหน่วยงานในต่างประเทศ ซ่งึ เป็นท่ยี อมรับอย่างกว้างขวางในการศึกษาวิจัย การสรา้ งนวัตกรรม การถ่ายทอดวิทยาการหรอื เทคโนโลยี การลงทุนหรอื รว่ มทนุ ซึง่ เก่ยี วกบั การวจิ ัยและนวัตกรรม (๗) การกากับ เร่งรัด ติดตามและการประเมินผลให้ดาเนินการเท่าที่จาเป็นเพ่ือส่งเสริม การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวจิ ยั และนวัตกรรม โดยเน้นการมีสว่ นรว่ มของผทู้ ่ีเกย่ี วขอ้ ง หมวด ๒ การดาเนนิ งานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๗ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา สว่ นที่ ๑ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนดา้ นวิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม มาตรา ๑๒ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของ ประเทศทส่ี ภานโยบายจัดทาข้นึ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสภานโยบายการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและ นวัตกรรมแหง่ ชาติ อยา่ งนอ้ ยต้องมรี ายละเอยี ด ดังต่อไปนี้ (๑) วสิ ยั ทัศน์ เป้าหมาย และยทุ ธศาสตรห์ ลกั (๒) ระบบ กลไก และแนวทางการขับเคล่ือนระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมถึง การจดั สรรงบประมาณ การจดั ระบบแรงจูงใจ และการอานวยความสะดวก (๓) แนวทางและมาตรการส่งเสริมและสนบั สนุนการลงทุนเพ่ือการวิจยั และนวัตกรรม (๔) กลไกการนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การถา่ ยทอดเทคโนโลยี และการทาใหผ้ ลงานดงั กลา่ วเกิดมลู คา่ เพ่มิ ทางเศรษฐกิจ (๕) แนวทางและมาตรการพฒั นาบุคลากร (๖) การกาหนดภารกิจของหน่วยงานของรัฐท่ีต้องดาเนินการเพ่ือให้เป็นไปตามแผน ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม ให้สภานโยบายจัดให้มีการจัดทาแผนงานแต่ละด้านตามแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมตามวรรคหนงึ่ และกรอบวงเงินงบประมาณในแตล่ ะแผนงาน รวมถงึ ผลลัพธ์ทค่ี าดว่าจะได้รับ มาตรา ๑๓ ภายใต้บังคบั มาตรา ๓๔ เมื่อคณะรัฐมนตรอี นมุ ัตนิ โยบาย ยุทธศาสตร์ และ แผนตามมาตรา ๑๒ แล้ว ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เก่ียวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรมจัดทา แผนปฏบิ ตั ิการดา้ นการวิจัยและนวัตกรรมของหน่วยงานทีส่ อดคล้องกบั แผนดังกลา่ วเสนอต่อ สอวช. ในกรณที เี่ ห็นสมควร สอวช. อาจแจง้ ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ตามวรรคหน่ึงแก้ไขปรับปรุงแผนปฏิบัตกิ าร เพอื่ ให้สอดคลอ้ งกบั แผนตามมาตรา ๑๒ ได้ มาตรา ๑๔ ให้ สอวช. ตดิ ตามการดาเนนิ งานของหน่วยงานของรฐั ในระบบวิจยั และนวัตกรรม ตามแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศตามมาตรา ๑๒ เพ่ือสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือประสานการดาเนินการท่ีจาเป็น รวมทั้งให้คาแนะนา เร่งรัด หรือขอให้ปรับปรุงแผนปฏิบัติการหรือ การดาเนินงานตามแผนปฏิบัติการให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องกับ แผนตามมาตรา ๑๒
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๘ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ในกรณที ี่ สอวช. เหน็ ว่าแผนปฏิบัติการหรือการดาเนนิ งานตามแผนปฏบิ ัตกิ ารของหน่วยงานของรฐั ไม่เป็นไปตามแผนตามมาตรา ๑๒ ให้เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเพื่อพิจารณา เม่ือสภานโยบาย มีมติสงั่ การเปน็ ประการใดให้หนว่ ยงานของรัฐปฏบิ ตั กิ ารตามมตินนั้ โดยเรว็ มาตรา ๑๕ การประเมินผลการดาเนินงานตามแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศ และการประเมินผลการดาเนินงานของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ให้เป็นไป ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสภานโยบายการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ การกากับ เร่งรัด ติดตามและประเมินผลให้ดาเนินการเท่าท่ีจาเป็นเพ่ือส่งเสริมการพัฒนา วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวจิ ัยและนวตั กรรมโดยเน้นการมสี ่วนร่วมของผทู้ เี่ กี่ยวขอ้ ง ส่วนที่ ๒ งบประมาณและการพัสดุ มาตรา ๑๖ การกาหนดกรอบวงเงนิ งบประมาณประจาปีด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม การทาคาของบประมาณและการจัดสรรงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้เป็นไป ตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และ กฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บบริหารราชการกระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของ ประเทศ กสว. ตอ้ งจัดทาประมาณการกรอบวงเงินงบประมาณรวมทตี่ ้องใช้ตามแผนแตล่ ะด้านเสนอต่อ สภานโยบาย โดยระบวุ ่าปีใดตอ้ งใช้งบประมาณเทา่ ใด มาตรา ๑๗ ให้หนว่ ยงานในระบบวิจัยและนวตั กรรมที่จะของบประมาณจดั ทาคาของบประมาณ ดงั ต่อไปน้ี (๑) คาของบประมาณรายจ่ายประจาและรายจ่ายตามภารกิจของหน่วยงานท่ีมิใช่โครงการ พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงการวิจัยและนวัตกรรม ให้เสนอต่อสานักงบประมาณได้โดยตรง และให้สานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานในระบบวิจยั และนวัตกรรมแต่ละหน่วย (๒) คาของบประมาณเพ่ือโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงการวิจัยและ นวัตกรรม ให้เสนอต่อ กสว. ตามหลักเกณฑ์ท่ี กสว. กาหนด และให้ กสว. พิจารณาคาขอและ ผลการดาเนินการของหน่วยงานแต่ละหน่วยในปีท่ีผ่านมาประกอบการจัดสรรเงินกองทุนให้เป็นงบประมาณ ของหน่วยงานนั้น มาตรา ๑๘ ในกรณีมีความจาเป็น จะทาข้อตกลงให้ดาเนินโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือโครงการวจิ ยั และนวัตกรรม โดยใหไ้ ดร้ ับเงินงบประมาณจากกองทุนเกินหนง่ึ ปีงบประมาณกไ็ ด้
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๙ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๙ เพ่ือให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซือ้ จัดจ้างและการบรหิ ารพัสดภุ าครฐั การจัดซ้ือจัดจ้างเพื่อการวิจัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่คี ณะกรรมการนโยบายการจดั ซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดภุ าครัฐตามกฎหมาย วา่ ดว้ ยการจัดซือ้ จดั จ้างและการบริหารพสั ดุภาครฐั ประกาศกาหนด สภานโยบายอาจขอให้คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ดาเนินการตามวรรคหน่ึง หรือขอให้ตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นมิให้นาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย วา่ ด้วยการจดั ซอ้ื จดั จ้างและการบริหารพัสดภุ าครัฐมาใชบ้ ังคบั แกก่ ารจดั ซอ้ื จัดจา้ งใดตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ทัง้ หมดหรือแตบ่ างสว่ น ส่วนท่ี ๓ บุคลากรวจิ ัยและนวตั กรรม มาตรา ๒๐ ให้กระทรวง กสว. และ สอวช. โดยความเห็นชอบของสภานโยบายส่งเสริม และสนับสนุนการผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวตั กรรม ในสว่ นทีเ่ ก่ียวกบั หนา้ ทีแ่ ละอานาจของแต่ละหน่วยงาน ดังต่อไปนี้ (๑) ใหท้ นุ การศึกษาและทุนอืน่ เพอ่ื สร้างบุคลากร (๒) สร้างแรงจูงใจทางงบประมาณและสิทธิประโยชน์อ่ืนเพ่ือให้หน่วยงานในระบบวิจัยและ นวัตกรรมสร้างบุคลากรท่ีมคี ุณภาพสอดคล้องกบั แผนด้านวทิ ยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ (๓) ประสานงานกับสถาบนั อุดมศึกษาและหนว่ ยงานกลางด้านการบรหิ ารงานบุคคลของข้าราชการ และบคุ ลากรของรัฐประเภทต่าง ๆ ใหป้ รบั ปรุงกฎหมายและกฎข้อบังคับเพื่อส่งเสริมความกา้ วหนา้ ทางอาชีพ ของบุคลากรให้ทดั เทียมกบั ผ้ดู ารงตาแหนง่ อานวยการและบรหิ าร ทง้ั การเลื่อนตาแหนง่ คา่ ตอบแทนและ สิทธิประโยชน์อน่ื ในตาแหนง่ (๔) สง่ เสริมการใหบ้ ุคลากรในหนว่ ยงานของรฐั ไปทาการวจิ ัยหรือนวตั กรรมในหน่วยงานอน่ื ท้ังใน ภาครฐั และภาคเอกชน โดยให้ถอื วา่ เปน็ การปฏิบตั ิหน้าทใ่ี นหนว่ ยงานตน้ สังกัด และให้ได้รับคา่ ตอบแทน ตลอดจนนาผลงานมาใช้ในการประเมนิ ผลงานและการเลอื่ นตาแหน่งในหน่วยงานที่ตนสังกดั ได้ (๕) ให้ทุนหรือสนับสนุนให้บุคลากรไปปฏิบัติหน้าท่ีในต่างประเทศในหน่วยงานที่มีช่ือเสียง ระดับโลกทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีในหน่วยงานต้นสังกัด และ ให้ได้รับค่าตอบแทน ตลอดจนนาผลงานมาใชใ้ นการประเมินผลงานและการเล่ือนตาแหน่งในหน่วยงาน ท่ีตนสังกัดได้
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๑๐ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา (๖) ให้บุคลากรนาผลงานท่ีได้จากการปฏิบัติหน้าท่ีไปหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ โดยแบ่งหรือ ไม่ต้องแบ่งผลประโยชน์กับหน่วยงานของรัฐหรือภาคเอกชนที่ตนสังกัดหรือไปปฏิบัติหน้าที่แล้วแต่ก รณี ตามระเบียบของสภานโยบาย (๗) ดึงดูดบุคคลซ่ึงมีความสามารถสูงทั้งท่ีมีหรือไม่มีสัญชาติไทยให้เข้ามาดาเนินงานวิจัยและ นวัตกรรมในประเทศ เป็นที่ปรึกษาโครงการวิจัยและนวัตกรรม โดยมีแรงจูงใจต่าง ๆ โดยเฉพาะ การตรวจลงตราเปน็ กรณีพเิ ศษ การให้ขอสญั ชาตไิ ทยได้ และการได้รับคา่ ตอบแทนในอัตราทีแ่ ขง่ ขนั กบั ต่างประเทศได้ รวมท้ังส่งเสริมให้บุคลากรท่ีมีหรือไม่มีสัญชาติไทยดาเนินงานวิจัยและนวัตกรรมใน ต่างประเทศเพอ่ื ให้ได้งานวจิ ยั และนวัตกรรมที่มคี ณุ ภาพ (๘) ส่งเสริมให้ผู้บริหาร พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานเอกชนท้ังในประเทศและ ตา่ งประเทศมารว่ มดาเนนิ การตาม (๔) หรือ (๗) กับหน่วยงานของรัฐในระบบวจิ ยั และนวัตกรรม (๙) ส่งเสริมเด็กและเยาวชนท่ีมีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ ให้ได้รับการพัฒนาความสามารถ หรือมีสถานศึกษาที่บม่ เพาะความสามารถเป็นพิเศษ และให้มีทุนการศกึ ษาและความสนับสนุนท่ีเหมาะสม และเพียงพอ (๑๐) กาหนดมาตรการอ่ืนที่เหมาะสมเพื่อสง่ เสรมิ และพฒั นาบคุ ลากร เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกับการดาเนินการตาม (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๑๐) แล้ว ให้หน่วยงานของรฐั ทเี่ ก่ยี วข้องดาเนินการให้เปน็ ไปตามมติคณะรฐั มนตรีโดยเรว็ มาตรา ๒๑ สานักงานการวิจัยแห่งชาติมีอานาจให้รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมท่ีได้รับ การประเมนิ และพิสจู น์แลว้ ว่าเปน็ ประโยชนแ์ กเ่ ศรษฐกิจ สังคม หรอื วชิ าการของประเทศอย่างยง่ิ สานักงานการวิจัยแห่งชาติมีอานาจประกาศเกียรติคุณยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานที่มีผลงานวิจัย และนวัตกรรมทเ่ี ป็นประโยชนต์ ่อสาธารณะอยา่ งตอ่ เนือ่ ง การใหร้ างวลั ตามวรรคหนงึ่ และการประกาศเกียรติคณุ ตามวรรคสอง ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารท่ี กสว. กาหนด สว่ นที่ ๔ ขอ้ มลู การวิจยั และนวตั กรรม มาตรา ๒๒ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการ บริหารจัดการ และวิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู การวิจัยและนวัตกรรมในภาพรวมของประเทศ ให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมแจ้งหรือเชื่อมโยง ข้อมูลการวิจยั และนวตั กรรมของหน่วยงานต่อสานกั งานการวิจยั แห่งชาติ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ช่อื โครงการและผู้วิจยั ในโครงการ
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๑ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา (๒) บทคัดยอ่ ของผลงานวจิ ยั (๓) งบประมาณทใี่ ช้ (๔) ชือ่ และท่อี ยทู่ ีส่ ามารถติดตอ่ ไดข้ องบุคลากร (๕) ทรพั ย์สนิ ทางปัญญาท่เี กิดจากการวิจยั (๖) ขอ้ มูลอนื่ ตามทสี่ ภานโยบายประกาศกาหนด เมื่อโครงการวิจัยและนวัตกรรมเสรจ็ สิ้น ให้หน่วยงานผ้รู ับผิดชอบหรือผู้ดาเนินการวิจยั สง่ หรือ เชื่อมโยงข้อมูลผลงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ พร้อมท้ังรายงานผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ ตลอดจนแนวทางการนาผลงานไปใช้ประโยชนก์ ับการพัฒนาประเทศต่อสานักงานการวิจัยแห่งชาติ การนาสง่ หรือการเชือ่ มโยงข้อมลู และการรายงานผลงานวิจัยและนวตั กรรมตามวรรคหนึง่ และ วรรคสอง ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารทส่ี ภานโยบายกาหนด ในกรณีที่ผลงานตามวรรคสองเป็นความลับ หรือมีกฎหมายหรือสัญญาไม่ให้บุคคลท่ีสามล่วงรู้ มิให้นากฎหมายหรือสัญญาดงั กล่าวมาใช้เป็นอุปสรรคในการดาเนนิ การส่งข้อมูลใหแ้ ก่สานักงานการวิจัย แห่งชาติตามมาตรานี้ แต่สานักงานการวิจัยแห่งชาติมีหน้าที่รักษาข้อมูลดังกล่าวให้เป็นความลับหรือ มใิ ห้บุคคลที่สามล่วงรูต้ อ่ ไป ในกรณีที่เห็นสมควร สภานโยบายอาจประกาศกาหนดให้โครงการวจิ ัยและนวตั กรรมท่ีหน่วยงาน ภาคเอกชนเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย หรือโครงการวิจัยและนวัตกรรมอ่ืนตามท่ีสภานโยบายกาหนด จดั ทาเปน็ สรุปรายงานการดาเนินงานเสนอตอ่ สานักงานการวจิ ยั แหง่ ชาติเพียงเทา่ ทไี่ ม่กระทบตอ่ ความลบั ทางการค้า ความม่ันคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือประโยชน์สาธารณะอ่ืนแทน การแจ้งหรอื เชอ่ื มโยงข้อมลู ตามวรรคหนง่ึ ได้ ในกรณีเชน่ น้สี านกั งานการวจิ ยั แหง่ ชาติมหี น้าที่รักษาขอ้ มลู ดังกล่าวให้เป็นความลับหรือมใิ หบ้ ุคคลทส่ี ามล่วงรู้ต่อไป มาตรา ๒๓ ให้สถาบันอุดมศึกษาแจ้งหรือเช่ือมโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมและหัวข้อ วิทยานิพนธ์ท่ีจะดาเนินการในระดับบัณฑิตศึกษาของนิสติ หรือนกั ศึกษาของตนตอ่ สานกั งานการวิจัยแหง่ ชาติ รวมถึงรายงานผลการวิจัยและนวตั กรรมและวิทยานพิ นธ์เมื่อส้ินสุดการดาเนินงาน ตามหลักเกณฑ์และ วธิ ีการท่สี ภานโยบายกาหนด ให้สานกั งานปลดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรมจดั ให้มกี ารลงทะเบียน หัวข้อวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐท้ังใน สังกัดและในกากับดูแลของ รัฐมนตรี สถาบันอุดมศึกษาเอกชน และสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งท่ีสังกัดกระทรวง ทบวง กรมอ่ืน หรอื องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๒ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ให้สานักงาน ก.พ. และหน่วยงานของรัฐท่ีให้ทุนในระดับบัณฑิตศึกษาแก่นักศึกษาที่ศึกษาใน ตา่ งประเทศ แจง้ หรือเชอ่ื มโยงข้อมลู การวจิ ยั และหัวขอ้ วิทยานพิ นธท์ จี่ ะดาเนินการในระดับบณั ฑติ ศึกษา ของนักศึกษาที่รับทุนต่อสานักงานการวิจัยแห่งชาติ รวมถึงรายงานผลการวิจัยและนวัตกรรมและ วิทยานพิ นธเ์ ม่ือสนิ้ สดุ การดาเนนิ งาน ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่สี ภานโยบายกาหนด มาตรา ๒๔ ให้สานักงานการวิจัยแห่งชาติจัดทาฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวตั กรรมของประเทศ เพ่ือประโยชน์ในการดาเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้สานักงานการวิจัยแห่งชาติจัดให้มีระบบข้อมูล สารสนเทศกลางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมระดบั ชาติและนานาชาติกบั ระบบสารสนเทศ ของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และให้มีอานาจเข้าถึงฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวตั กรรมของหน่วยงานดังกล่าวทกุ หน่วยงาน ให้หน่วยงานของรัฐในระบบวิจัยและนวัตกรรมทุกหน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรม ตามมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนกับระบบข้อมูลสารสนเทศกลาง ทส่ี านกั งานการวิจัยแหง่ ชาติจัดทาข้นึ ตามวรรคหนึง่ ให้สานักงานการวิจยั แหง่ ชาติเชอื่ มโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ และมาตราน้ี กับระบบข้อมูลสารสนเทศของ สอวช. และ สกสว. โดยให้ สอวช. และ สกสว. มีอานาจนาขอ้ มูลดงั กล่าวไปใชใ้ นการปฏบิ ัติหนา้ ท่ไี ด้ มาตรา ๒๕ การอ้างอิงข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้อ้างอิง จากฐานข้อมูลตามมาตรา ๒๔ ข้อมูลจากฐานข้อมูลอื่นของหนว่ ยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ให้ใช้ได้ ภายในหน้าที่และอานาจของหน่วยงานดังกลา่ ว โดยจะนามาใช้อา้ งองิ ใหข้ ดั หรอื แย้งกับขอ้ มูลจากฐานขอ้ มลู ตามมาตรา ๒๔ มไิ ด้ มาตรา ๒๖ ใหส้ านกั งานการวจิ ัยแหง่ ชาตริ วบรวม วิเคราะห์ สังเคราะหข์ อ้ มูลการดาเนินการ และผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และให้ สกสว. วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ทั้งนี้ ให้สานักงานการวิจัยแห่งชาติและ สกสว. เสนอความเห็นต่อ กสว. และสภานโยบายเพ่ือประเมินสถานภาพของการวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีของประเทศตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศ และเปน็ ขอ้ มูลในการจัดทานโยบายต่อไป
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๓ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๒๗ ภายใตบ้ ังคับมาตรา ๒๒ วรรคสี่และวรรคหา้ สานักงานการวจิ ยั แห่งชาติ สอวช. และ สกสว. อาจเปิดเผยข้อมูลในฐานข้อมูล ตลอดจนรายงานผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว ต่อสาธารณชนได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีสภานโยบายกาหนด ท้ังนี้ ต้องเป็นข้อมูล ทไี่ ม่กระทบตอ่ ความลบั ทางการคา้ ความมนั่ คงของประเทศ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศ หรือประโยชน์ สาธารณะอน่ื การเปิดเผยขอ้ มูลตามวรรคหนงึ่ จะนาไปเป็นเหตใุ นการฟอ้ งรอ้ งดาเนินคดีใด ๆ มไิ ด้ ให้นาความในวรรคสองไปใช้บังคับแก่การแจ้งหรือเชื่อมโยงข้อมูลของหนว่ ยงานในระบบวิจยั และ นวตั กรรมตอ่ สานกั งานการวจิ ัยแห่งชาตติ ามมาตรา ๒๒ และการท่หี น่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม นาข้อมูลตามวรรคหนง่ึ ไปเปิดเผยด้วย ส่วนท่ี ๕ การนาผลงานวจิ ยั และนวตั กรรมไปใช้ประโยชน์ มาตรา ๒๘ ให้กระทรวงและ สกสว. ส่งเสริมและสนับสนนุ ใหบ้ ุคคล คณะบุคคล ชุมชน หน่วยงานของรฐั หรอื หน่วยงานภาคเอกชนนาผลงานวจิ ัยและนวตั กรรมไปใชป้ ระโยชนท์ งั้ ในเชงิ นโยบาย เชิงพาณชิ ย์ เชงิ สังคม และเชิงสาธารณประโยชน์ ให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมแก่บุคคล คณะบุคคล ชุมชน หน่วยงานอ่ืน ของรัฐ หรอื หน่วยงานภาคเอกชน ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารตามที่กาหนดในระเบียบของสภานโยบาย ในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมแก่บุคคล คณะบุคคล ชุมชน หรือ หนว่ ยงานภาคเอกชน ใหม้ ุง่ เนน้ โครงการวจิ ัยและนวัตกรรมซ่งึ มลี กั ษณะ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) มีความจาเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม และความมัน่ คง รวมท้ังการเสรมิ สรา้ งขีดความสามารถ ในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคการบรกิ ารของประเทศ (๒) สามารถตอบสนองต่อการสร้างความรู้ใหม่ ยกระดับนวัตกรรม ปรับปรุงกระบวนการผลิต และบริการ แกป้ ญั หาเชิงเทคนคิ ทดแทนการนาเข้าเทคโนโลยี หรือมคี วามจาเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (๓) มคี วามเปน็ ไปได้สงู ทจ่ี ะสามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นเชงิ พาณิชย์และเชงิ สงั คม (๔) ส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนหรือวิสาหกิจเพ่ือสังคมให้ดาเนินการในเชิงพาณิชย์ ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๔ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา (๕) ส่งเสริมการนาทรัพย์สินทางปัญญาสาธารณะ ทรัพย์สินทางปัญญาที่ผู้ทรงสิทธิหรือเจ้าของ อนุญาตหรือยินยอมให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญานั้น รวมท้ังทรัพย์สินทางปัญญาท่ีสิ้นอายุการคุ้มครอง ตามกฎหมาย ไปใช้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการวิจัยและนวัตกรรม และการพัฒนาเพ่ือต่อยอดความรู้ และเทคโนโลยี (๖) ลกั ษณะอื่นตามท่ีสภานโยบายกาหนด มาตรา ๒๙ สภานโยบายอาจเสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติสนับสนุนการนาผลงานวิจัยและ นวัตกรรมไปใช้ประโยชนโ์ ดยใหส้ ิทธิประโยชน์ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการท่ีใช้ผลงานจากการวิจัยและนวัตกรรม จากบุคคล คณะบุคคล ชุมชน หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งได้รับการสนับสนุน ตามมาตรา ๒๘ (๒) ให้ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลหรืออากร ในการนี้ให้คณะรัฐมนตรี พจิ ารณาความเหน็ ของกระทรวงการคลังประกอบดว้ ย (๓) ใหไ้ ด้รับส่งเสรมิ การลงทุนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการส่งเสรมิ การลงทุน (๔) ให้ผู้สร้างงานวิจัยหรือนวัตกรรมเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ โดยมีการแบ่งปันหรือไม่ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้หน่วยงานผู้สนับสนุนทุนวิจัยหรือนวัตกรรม ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขท่ีกาหนดในระเบียบของสภานโยบาย (๕) ใหอ้ นุญาตใหใ้ ช้สิทธใิ นทรพั ย์สินทางปญั ญาโดยมีหรอื ไม่มคี ่าตอบแทน รวมทง้ั การแบง่ ปนั ผลประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการใชท้ รัพย์สนิ ทางปญั ญา ในกรณที ผี่ ูใ้ ช้สิทธใิ นทรัพยส์ ินทางปัญญาดังกลา่ วมีกาไร จากการใชท้ รพั ย์สินทางปัญญานัน้ (๖) ยกเว้นหรือลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายซึ่งหน่วยงานของรัฐจัดเก็บ เพอ่ื การตรวจวิเคราะห์หรือการออกใบอนญุ าต หรือเพ่ือการอืน่ (๗) สทิ ธิประโยชนอ์ ่ืนตามทคี่ ณะรัฐมนตรีกาหนดโดยข้อเสนอของสภานโยบาย มาตรา ๓๐ ให้กระทรวง กสว. สกสว. และหนว่ ยงานของรัฐสนับสนนุ การวจิ ัยและนวตั กรรม และพัฒนาเพ่ือต่อยอดความรู้และเทคโนโลยีหรือการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการลงทุนโครงการ ขนาดใหญข่ องหนว่ ยงานของรัฐ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขท่ีกาหนดในระเบียบของสภานโยบาย มาตรา ๓๑ เพ่ือประโยชน์ในการส่งเสริมการดาเนินการตามส่วนนี้ หน่วยงานของรัฐอาจ ร่วมลงทุนในโครงการซ่ึงนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงอ่ื นไขท่ีกาหนดในระเบียบของสภานโยบาย
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๕ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา มิให้นากฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนมาใช้บังคับแก่การร่วมลงทุน ตามวรรคหน่งึ ให้ ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี ก า ห น ด ร ะ เ บี ยบ ว่ า ด้ ว ยก า ร ร่ ว ม ล ง ทุ น ร ะ ห ว่ า ง รั ฐ แ ล ะ เ อ ก ช น ท่ี เ ก่ี ย ว กั บ การนาผลงานวจิ ยั และนวัตกรรมไปใชป้ ระโยชน์ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี สว่ นที่ ๖ มาตรฐานการวิจัยและจริยธรรมการวิจัย มาตรา ๓๒ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการวิจยั ของประเทศ ให้ กสว. โดยความเห็นชอบของสภานโยบาย มหี นา้ ที่ในการกาหนดมาตรฐานการวิจยั ดา้ นต่าง ๆ มาตรฐานการวิจยั ตามวรรคหน่งึ เม่ือได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บงั คับได้ กสว. อาจจัดทาข้อกาหนดและแนวทางปฏิบัติท่ีเก่ียวกับการวิจัยและนวัตกรรม เพ่ือส่งเสริม ให้หน่วยงานในระบบวิจยั และนวัตกรรมนาไปใช้ได้ มาตรา ๓๓ ให้ กสว. โดยความเห็นชอบของสภานโยบายกาหนด (๑) จรยิ ธรรมการวิจัยทั่วไป (๒) หลกั เกณฑ์การวจิ ัยและขอ้ กาหนดจริยธรรมการวิจัยซึง่ มีปญั หากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารตี ประเพณี หรือศลี ธรรมอันดขี องประชาชน จริยธรรมการวจิ ัยทัว่ ไปตาม (๑) เม่ือประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วใหใ้ ช้บงั คับได้ หลักเกณฑก์ ารวจิ ัยและข้อกาหนดจรยิ ธรรมการวิจัยตาม (๒) ใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎกี า หมวด ๓ การบรู ณาการการปฏบิ ตั ิการของหนว่ ยงานในกากับของรัฐมนตรี มาตรา ๓๔ เพอ่ื ประโยชน์ในการบูรณาการการปฏบิ ัติการและงบประมาณของหนว่ ยงานใน กากับของรัฐมนตรีท่ีมิใช่ สอวช. สกสว. หรือสถาบันอุดมศึกษา รัฐมนตรีอาจเสนอให้สภานโยบาย ประกาศกาหนดให้หน่วยงานในกากับของตนตอ้ งบูรณาการแผน การดาเนนิ งาน และงบประมาณ เพ่ือให้ การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี เกิดประโยชนแ์ ละประสิทธผิ ลสูงสดุ ต่อการพัฒนาประเทศ เพ่ือประโยชนใ์ นการดาเนนิ การตามวรรคหนงึ่ สภานโยบายโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี อาจกาหนดระเบียบขึ้นใชบ้ ังคับเพือ่ เพ่มิ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธข์ิ องการบรู ณาการดงั กลา่ วได้
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๑๖ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา หมวด ๔ บทกาหนดโทษ มาตรา ๓๕ หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมใดฝ่าฝืนไมป่ ฏิบัติตามหรือปฏบิ ัตไิ ม่ถูกตอ้ ง ตามมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้สานักงานการวิจัยแห่งชาติ มีหนังสือเตือนไปยังหัวหน้า หนว่ ยงานนนั้ ใหด้ าเนินการให้ถกู ตอ้ งภายในเวลาท่ีกาหนด หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามหนังสือเตือนตามวรรคหน่ึงภายในเวลาที่ กาหนด ใหไ้ ดร้ ับสภาพบังคับที่เป็นผลร้ายตามท่สี ภานโยบายประกาศกาหนดโดยข้อเสนอของ กสว. มาตรา ๓๖ ผใู้ ดโดยเหตทุ ต่ี นมีตาแหนง่ หนา้ ทใี่ นการรกั ษาข้อมูลท่เี ปน็ ความลบั ตามมาตรา ๒๒ วรรคส่ีหรอื วรรคหา้ เปดิ เผยหรือใชข้ ้อมลู ท่เี ป็นความลับนน้ั เพ่ือประโยชน์ของตนหรอื ของผู้อ่นื โดยมชิ อบ ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ ห้าปี หรือปรับไมเ่ กินหนึ่งแสนบาท หรือท้ังจาท้งั ปรับ บทเฉพาะกาล มาตรา ๓๗ โครงการวิจัยและนวัตกรรมใดท่ีดาเนนิ การอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญตั นิ ้ี ใช้บังคับ ให้ดาเนินการต่อไปตามข้อผูกพันเดิมจนกว่าจะเสร็จส้ินโครงการ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับ การดาเนินการตามโครงการดังกล่าว การดาเนนิ การตอ่ ไปให้เปน็ ไปตามที่คณะกรรมการสง่ เสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งชาติกาหนด มาตรา ๓๘ ในวาระเร่ิมแรก เพื่อประโยชน์ในการจัดทาระบบข้อมูลสารสนเทศกลาง ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศตามมาตรา ๒๔ ให้สานักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติและสานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และหนว่ ยงานในระบบวิจยั และนวตั กรรมอน่ื ซง่ึ คณะกรรมการสง่ เสรมิ วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม ตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติประกาศ กาหนด ถ่ายโอนข้อมูลท่ีเก่ียวกับการวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ให้สานักงาน การวิจัยแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายในระยะเวลาท่ีรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวตั กรรมประกาศกาหนด
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๘ ก หน้า ๑๗ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๓๙ บรรดาระเบยี บ ข้อบังคบั ประกาศ และคาส่ังที่เกย่ี วกับการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม ซ่ึงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ยงั คงมีผลใช้บงั คบั ตอ่ ไปเทา่ ทีไ่ มข่ ดั หรือแยง้ กับพระราชบัญญัตนิ ี้ จนกว่าจะมีการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคาสั่งตามพระราชบัญญัติน้ีขึ้นใช้แทน ซึ่งต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ ใชบ้ งั คบั ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๘ ก หน้า ๑๘ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เน่ืองจากการพัฒนาประเทศจาเป็นต้อง อาศัยวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม และศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้ เพ่ือนาไปใช้ใน การสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งจาเป็นต้องเพ่ิมขีดความสามารถด้านการวิจัย และนวัตกรรม ท้ังทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ให้สนองต่อความต้องการ ของประเทศ เพื่อให้นโยบายยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นาไปสู่การปฏิบัติ ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมท้ังการกากับ ติดตาม และประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมควรที่จะให้มี กฎหมายเพ่ือส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมให้เหมาะสม ครอบคลุมและสอดคล้องกับสถานการณ์ ในปัจจบุ ัน จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: