Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 6 บันได

หน่วยที่ 6 บันได

Published by janecute420, 2021-09-08 02:19:51

Description: หน่วยที่ 6 บันได

Search

Read the Text Version

หนว่ ยท่ี 6 บันได หวั ข้อเรือ่ ง (Topics) 6.1 ความหมายของบนั ได 6.2 การจำแนกประเภทของบนั ได 6.3 สว่ นประกอบของบันได 6.4 ข้อกฎหมายเรือ่ งบนั ได 6.5 การประกอบ และติดตง้ั บนั ไดคอนกรีตเสรมิ เหลก็ 6.6 การประกอบ การติดต้งั ไม้บนโครงสร้างพน้ื คอนกรีต และโครงสร้างเหลก็ 6.7 วัสดุ เครอ่ื งมอื และอุปกรณใ์ นงานบนั ได 6.8 การผสมคอนกรีต และเทคอนกรีตบนั ได แนวคดิ สำคญั (Main Idea) บันได เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมท่ีออกแบบมาเช่ือมต่อระหว่างจุดยนื ที่ระดับความ สูงแตกต่างกัน การออกแบบหรือสร้างบันได ส่ิงท่ีควรคำนึงถึง คือโครงสร้างของบันได โดยทั่วไป บันไดจะมีลักษณะเป็นเส้นตรง หรืออาจจะออกแบบบันไดให้เข้ากับพ้ืนท่ีท่ีมีอยู่ เช่น บันไดทางตรง บันไดหักฉาก บนั ไดหักกลบั เปน็ ตน้ สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency) 1. แสดงความรู้การกอ่ สร้างบนั ได 2. เลอื กใชว้ ัสดุและอุปกรณ์ในงานก่อสรา้ งบันได จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. บอกความหมาย และความสำคญั ของบันไดได้ 2. บอกประเภทของบนั ไดได้ 3. บอกส่วนประกอบของบันไดได้

107 4. อธิบายหลักการข้อกฎหมายเรือ่ งบนั ไดได้ 5. อธบิ ายหลักการประกอบแบบ และตดิ ตั้งบันไดคอนกรีตเสริมเหลก็ ได้ 6. อธิบายหลกั การประกอบ การตดิ ตงั้ ไม้บนโครงสรา้ งพนื้ คอนกรตี และโครงสรา้ งเหลก็ ได้ 7. เลือกใชว้ ัสดุ เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ในงานบันไดได้ 8. อธบิ ายหลกั การวธิ กี ารผสมคอนกรตี และเทคอนกรตี บนั ไดได้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยที่ 6 บันได จงเลอื กคำตอบทถี่ กู ตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดียวจากคำถามต่อไปน้ี 1. บนั ได มหี นา้ ท่อี ย่างไร ก. เปน็ องค์ประกอบทางสถาปตั ยกรรมด้านความงาม ข. ใช้เปน็ ทางขน้ึ ลงระหวา่ งชน้ั ต่าง ๆ ในอาคาร ค. เชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งจุดยืนท่รี ะดับความสงู แตกตา่ งกนั ง. ถกู ทกุ ขอ้ 2. บันไดทยี่ นื่ เฉพาะลกู นอนบนั ไดออกมาจากผนัง คือขอ้ ใด ก. บันไดพับผ้า ข. บันไดพับผ้าแบบมแี ม่บันได ค. บันไดทอ้ งเรียบ ง. บันไดลอย 3. สว่ นประกอบของบนั ได ทำหน้าท่ีเหมือนคานรับน้ำหนัก คือข้อใด ก. แม่บนั ได ข. พกั บนั ได ค. ลูกนอน ง. ลกู ตงั้ 4. ลกู นอนบันไดตอ้ งกวา้ งไม่นอ้ ยกวา่ เท่าไร ก. 22 เซนตเิ มตร ข. 21 เซนตเิ มตร ค. 20 เซนตเิ มตร ง. 19 เซนติเมตร

108 5. ระยะดิ่งจากข้ันหรอื ชานพกั ถึงส่วนต่ำสุดต้องสูงไม่นอ้ ยกว่าเท่าใด ก. 1.90 เมตร ข. 1.80 เมตร ค. 1.70 เมตร ง. 1.60 เมตร 6. การประกอบแบบบันไดคอนกรตี เสรมิ เหล็ก ท่ีมรี ะยะความกวา้ งมาก ควรใช้ไม้ยึดแบบคนั่ ลูกต้ังท่ี ชว่ งระยะใด ก. ช่วงระยะขอบบันได ข. ชว่ งระยะดา้ นล่างบนั ได ค. ช่วงระยะก่งึ กลางบนั ได ง. ชว่ งระยะดา้ นบนบันได 7. การติดต้งั ลูกกรงไม้ ควรติดต้ังกับสว่ นใดของบันได ก. ลูกนอน ข. ลกู ต้ัง ค. จมกู บนั ได ง. แม่บนั ได 8. วธิ กี ารตดิ ต้ังราวบนั ไดโลหะติดกับลูกกรงโลหะ ควรทำอยา่ งไร ก. ยึดด้วยกาวซีเมนต์ยดึ ตดิ ข. ยึดตะปเู กลียวปลายแหลมยดึ ติด ค. เช่ือมด้วยลวดเชอื่ มยึดตดิ ง. ยึดตะปเู กลยี วยดึ ตดิ 9. วัสดุท่ีใช้ในการยงิ ตะปูเกลียวเพื่อยึดแผ่นบันไดเข้ากบั แมบ่ ันได คือข้อใด ก. ค้อนยาง ข. สวา่ นไฟฟา้ ค. เล่ือยเจาะรู ง. สวา่ นกระแทก 10. ขอ้ ใด คือ วิธีทีถ่ ูกต้องในการทำให้คอนกรีตแทรกตัวเขา้ ไปในแบบหล่อได้ทัว่ ถึงและแนน่ ก. ใช้ทอ่ ประปากระทุ้งเนอื้ คอนกรีต ข. ใชไ้ ม้กระทุ้งเน้อื คอนกรีต ค. ใช้เครือ่ งเขยา่ คอนกรตี ง. ใชค้ ้อนเคาะขา้ งแบบหล่อ

109 6.1 ความหมาย และความสำคัญของบันได บันได เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร ที่ใช้เป็นทางข้ึนลงระหว่างชั้นต่าง ๆ ในอาคาร จำเป็นต้องมี สดั ส่วนพอเหมาะ ใชป้ ระโยชน์ได้เพียงพอ และปลอดภัย และเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ สำคญั อย่างหน่ึง เพราะนอกจากบันไดจะใช้เปน็ ทางสญั จรทางตงั้ ท่ีเชอื่ มต่อระหว่างชั้นต่างๆ ของบ้าน เข้าด้วยกัน บันไดยังเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่สามารถแสดงออกด้านความงาม และความประทับใจ ให้แก่ผู้อยู่อาศัย และผู้ที่มาเยี่ยมเยือน การออกแบบหรือสร้างบันได ส่ิงแรกที่ควรคำนึงถึง คือ โครงสร้างของบันได จากน้ันจึงค่อยเลือกรูปทรงของบันไดให้เข้ากับพื้นที่ท่ีมีอยู่ เช่น บันไดทางตรง บนั ไดหักฉาก บันไดหกั กลับ หรือบันไดเวียน เปน็ ตน้ 6.2 การจำแนกประเภทของบนั ได โดยทวั่ ไปบันไดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คอื บนั ไดโครงสรา้ งคอนกรตี เสรมิ เหล็ก บนั ได โครงสร้างไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็ก โดยท่ีบันไดโครงสร้างไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็กจะมี ลักษณะการกอ่ สร้างทใี่ กลเ้ คียงกนั 6.2.1 บันไดโครงสรา้ งคอนกรีตเสรมิ เหล็ก

110 บันไดโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหลก็ ในการกอ่ สร้างจะตอ้ งมกี ารทำไมแ้ บบ และผกู เหลก็ เสริม ก่อนทจ่ี ะเทคอนกรีต การกอ่ สร้างจงึ ใช้เวลามาก บันไดโครงสร้างคอนกรตี เสริมเหลก็ สามารถ แบ่งออกได้เป็น 4 แบบ คอื 1. บนั ไดทอ้ งเรยี บ เป็นบนั ไดแบบพื้นฐานท่สี ร้างงา่ ยท่สี ุด มีท้องบันไดเรยี บ ซึ่งชา่ งทัว่ ไป จะมีความชำนาญในการสรา้ งบนั ไดแบบน้ี ดังรปู ที่ 6.1 รูปท่ี 6.1 บนั ไดท้องเรียบ (ท่ีมา : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559 ) 2. บนั ไดพับผา้ เปน็ บนั ไดโครงสรา้ งคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ที่มที อ้ งบันไดเปน็ หยักไปตาม ข้นั บนั ได มคี วามสวยงามมากกวา่ บนั ไดทอ้ งเรยี บ แตก่ ารก่อสรา้ งมคี วามยาก เนอื่ งจากจะช่างจะต้อง ตไี มแ้ บบเปน็ หยกั ทีท่ ้องบันได ดงั รปู ท่ี 6.2 รูปที่ 6.2 บนั ไดพบั ผ้า

111 (ที่มา : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559) 3. บนั ไดพับผ้าแบบมีแมบ่ ันได ลักษณะของบนั ไดจะเหมอื นบนั ไดพบั ผ้า แตจ่ ะมีแม่ บันไดทำหน้าท่ีเปน็ คานชว่ ยรับน้ำหนัก ซง่ึ อาจจะอยู่กลาง หรอื ริมบนั ได สามารถลดความหนาของ ลูกตั้งและลูกนอน เนอื่ งจากมแี ม่บนั ไดรบั นำ้ หนกั แล้ว ดังรปู ท่ี 6.3 รปู ท่ี 6.3 บนั ไดพบั ผ้าแบบมแี ม่บันได (ท่มี า : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559 ) 4. บันไดลอย เป็นบันไดโครงสรา้ งคอนกรีตเสรมิ เหล็ก ทีย่ นื่ เฉพาะลกู นอนบันไดออกมา จากผนงั ลักษณะเหมอื นขั้นบันไดแตล่ ะขน้ั ลอยได้ ซงึ่ จะมแี ม่บันไดคอนกรตี เสริมเหลก็ ซ่อนอยใู่ น ผนัง ดงั รปู ที่ 6.4

112 รูปที่ 6.4 บนั ไดลอย (ทม่ี า : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 6.2.2 บนั ไดโครงสรา้ งไม้ บันไดโครงสร้างไม้ เป็นโครงสร้างบันไดท่ีทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง เพราะมี ความคงทน การสร้าง ควรใช้ช่างท่ีมีความรคู้ วามชำนาญในการเข้าไม้รูปแบบต่าง ๆ เพื่อความม่ันคง ของบนั ไดบา้ นพักอาศยั 6.2.3 บนั ไดโครงสร้างเหลก็ บนั ไดโครงสรา้ งเหล็ก เป็นโครงสร้างบันไดท่ที ำจากเหล็กแผ่น มีน้ำหนกั เบา มคี วามทนทาน ต่อการใช้งาน การประกอบจะใช้วิธีการเช่ือม ส่วนใหญ่จะสร้างเพื่อใช้ในส่วนของโรงงาน ทางเดิน เหนือหลังคา ทางซ่อมบำรุงต่าง ๆ รวมไปถึงบันไดภายนอกอาคารที่ใช้เป็นทางหนีไฟในอาคารสูง บันไดเหลก็ ที่นยิ มใช้มี 3 ลกั ษณะ คอื บันไดหนไี ฟ บันไดเวียน และบนั ไดลงิ บันไดโครงสรา้ งไม้ และบนั ไดโครงสร้างเหล็ก สามารถแบง่ ออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ตาม ลักษณะแม่บนั ได ดังน้ี 1. แม่บันไดขนาบขา้ งขั้นบันได เป็นบนั ไดทีม่ แี มบ่ นั ไดอย่ขู นาบขา้ งขั้นบนั ไดท้งั สองฝั่ง โดย ท่ลี ูกนอนบันไดยดึ ติดโดยตรงกบั แม่บันได หากเป็นบันไดไม้จะใช้สลักหรือตะปยู ึด สว่ นบันไดเหล็กจะ ใชก้ ารเช่อื มหรอื ยึดดว้ ยสกรู ดงั รูปท่ี 6.5 (ก) แม่บันไดขนาบข้างบันได (บันไดแบบโปรง่ ) และ (ข) แม่บันไดขนาบขา้ งบนั ได (บันไดแบบทึบ) (ก) แม่บนั ไดขนาบข้างบนั ได (บนั ไดแบบโปร่ง)

113 (ข) แม่บันไดขนาบขา้ งบันได (บันไดแบบทึบ) รปู ท่ี 6.5 แม่บันไดขนาบข้างบันได (ทมี่ า กนกพร ไชยวิเศษ, 2559) 2. แม่บนั ไดอยู่ใต้ขั้นบันได เป็นบันไดที่มีแม่บนั ไดอยูใ่ ต้ข้ันบันได โดยที่บันไดจะมพี ุกบันไดทำ หน้าท่ียึดลูกนอนท่ีวางขนานกับพื้น ให้เข้ากับแม่บันไดที่วางเอียง แม่บันไดท่ีวางใต้ข้ันบันไดนี้มีได้ ตง้ั แต่ 1 ตวั ข้ึนไป อาจวางตรงก่งึ กลางบันได หรือวางสองข้างของบนั ได ดังรปู ท่ี 6.6 (ก) แม่บันไดอยู่ ใตข้ ั้นบันได (บันไดแบบโปร่ง แม่บันไดกลาง) (ข) แม่บันไดอยู่ใต้ข้ันบนั ได (บันไดแบบโปรง่ แม่บันได ริม) และ (ค) แม่บันไดอยูใ่ ต้ขั้นบนั ได (บนั ไดแบบทึบ แม่บันไดริม) (ก) แมบ่ ันไดอยู่ใต้ข้ันบันได (บนั ไดแบบโปร่ง แมบ่ ันไดกลาง)

114 (ข) แมบ่ นั ไดอยู่ใต้ขัน้ บันได (บันไดแบบโปรง่ แมบ่ ันไดรมิ ) (ค) แมบ่ นั ไดอยใู่ ตข้ ั้นบนั ได (บนั ไดแบบทึบ แมบ่ ันไดริม) รูปท่ี 6.6 แม่บันไดอยู่ใต้ขัน้ บันได (ทมี่ า : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 6.3 สว่ นประกอบของบนั ได บันไดโครงสรา้ งไม้ และบันไดโครงสร้างเหลก็ เป็นโครงสร้างบนั ไดท่ีเกิดจากการประกอบกนั ของช้นิ สว่ นรบั แรงต่างๆ ท่ีทำจากไมห้ รือเหลก็ ดังรูปที่ 6.7 โดยโครงสร้างของบันไดประกอบไปด้วย ดังน้ี 1. แม่บันได (STRINGER) เป็นโครงสรา้ งหลัก ทำหน้าท่ีเหมือนคานรับน้ำหนัก และแรงกดท่ี เกิดข้ึนจากการใช้งาน ซึ่งขนาด จำนวน และตำแหน่งของแมบ่ ันได วศิ วกรจะเป็นผู้คำนวณออกแบบ โดยข้ึนอยู่กับวัสดุ และรูปแบบของบันไดที่สถาปนิกออกแบบ เช่น บันไดโครงสร้างไม้ ตำแหน่งแม่ บันไดจะขนาบข้างขั้นบันได ส่วนบันไดโครงสร้างเหล็กตำแหน่งแม่บันไดจะมีทั้งอยู่ขนาบข้าง และ

115 บริเวณกลางขั้นบันได ส่วนบันไดโครงสร้าง ค.ส.ล. ท่ีพาดทางยาว แม่บันไดจะอยู่ที่พ้ืนชานพัก และ บนั ไดพาดทางกวา้ ง จะมีแม่บนั ไดวิ่งขนาบข้างเอียงตามความชนั ของบนั ได 2. ลูกตงั้ (Riser) คอื ส่วนท่ีเปน็ ความสงู ของบนั ไดแต่ละขั้น จำนวนลูกตั้งท้ังหมดรวมกันเข้า เป็นความสูงของบันได ลูกต้ังแต่ละอันใช้กันตั้งแต่จะมีความสูงอยู่ในช่วง 15-20 เซนติเมตร ลูกต้ัง ของบันไดบางแบบประกอบด้วยไม้บังชั้น และบางแบบเปดิ โล่ง ปัจจบุ นั ถกู ตงั้ เป็นไม้ หรือเหล็ก 3. ลูกนอน (Thread) คือ ส่วนที่เป็นพื้นยกพ้ืนเป็นระดับต่อๆ กันข้นึ ไปจากพ้นื ชั้นล่างถึงพื้น ชั้นบน จำนวนของลูกนอนรวมกันเข้าเป็นความยาวของบันได จะมีความลึกอยู่ระหว่าง 25 -30 เซนติเมตร ในกรณีที่ระยะไม่พอ หรือต้องการป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้บันได และเพ่ือความ เรียบร้อยสวยงาม อาจจะมีจมูกบันได อีกประมาณ 1 นิ้ว หรือประมาณ 2.5 เซนติเมตร บันได ภายนอกมกั ใช้ลกู นอนกว้างกว่าบันไดภายใน 4. พุกบันได (Bearer or Cleat) ทำหน้าท่ีเหมือนตงรบั ถ่ายน้ำหนัก จากลกู นอนแต่ละขนั้ ลงสู่ แม่บันได พกุ บนั ไดมดี ้วยกันหลายแบบ บนั ไดบางแบบอาจไปใช้พุกโดยฝงั ปลายลกู นอนไว้กบั แม่บันได 5. เสาบันได (Post) ทำหน้าที่รับน้ำหนักของชานบันได ซ่ึงแม่บันไดไปพาดอยู่ หรือหมายถึง เสาค้ำยันตรงปลายลา่ ง และบนของบันได ซึง่ รบั ราวบันได เสาบันไดน้บี างแบบไม่จำเปน็ ตอ้ งใช้ 6. ราวบันได (Handrail) คือ ส่วนที่ใบใช้สำหรับเกาะพยุงตัวในการข้ึนบันได จำเป็นต้องมี ในช่วงบันไดสูง ๆ อย่างน้อย 1 ข้างใช้เสารับเป็นระยะ หรือจะตรึงติดผนังแล้วแต่แบบ ความสูงของ ราวบันไดวัดตัง้ แตพ่ น้ื ไม่เกนิ 80 เซนตเิ มตร 7. ลูกกรงบันได (Buluster) คือ ส่วนของบันไดท่ีทำหน้าท่ีกันตก ใช้ยึดกับราวบันไดตลอด แนว 8. ช่วงบันได (Flight) หมายถึง บันไดในตอนหน่ึง ๆ บันไดยาว ๆ อาจแบ่งออกเป็นหลายช่วง ชว่ งหน่ึง ๆ ไม่ควรเกิน 11 – 12 ขั้น (ลูกต้ัง) และแต่ละช่วงต้องมีชานบันได หรือพ้ืนห้องค่ันไว้เป็นท่ี พัก บันไดในอาคารแต่ละหลังมี 1, 2, 3 ชว่ งได้ แล้วแตก่ ารออกแบบ 9. พักบันได(Landing) หมายถึง ส่วนเช่ือมช่วงบันได แต่ละช่วงพักบันไดเป็นตัวเชื่อมพัก บันไดกวา้ งเทา่ กบั ความกว้างของบันไดไม่น้อยกว่านี้ 10. จมูกบันได (Nosing) หมายถึง ขอบของลูกนอนท่ียื่นออกมาจากแนวลูกต้ังถ้าเป็นไม้ ประมาณ 1 น้ิว และจะมีมนโดยรอบ แสดงคงความประณีตในงานลักษณะของงานไม้ และขึ้นอยู่กับ การเขียนแบบแสดงใหช้ ัดเจน

116 ลกู กรงบันได ราวบนั ได เสาบันได ลกู นอน พกั บนั ได แมบ่ นั ได จมกู บนั ได ลกู ตัง้ รปู ท่ี 6.7 สว่ นประกอบของบันได (ท่ีมา : http://www.babbaan.in/2015/08/staircase.html) 6.4 ขอ้ กฎหมายเรื่องบนั ได กฎหมายควบคุมอาคารได้กำหนดใหบ้ ันไดต้องก่อสร้างเป็นไปตามเกณฑ์ โดยกำหนดทงั้ ความ กวา้ งบันได ช่วงความสูงบันได ความกว้างและความสงู ของขน้ั บนั ได (ลูกนอนและลูกตัง้ ) นอกจากนั้น ยงั กำหนดให้บ้านหรืออาคารที่มีความสูงถึงระดับหนึ่ง ต้องมีบันไดหนีไฟเพ่ิมอีกหนึ่งบันได ท้ังนี้เพื่อ ความปลอดภัยในการอยอู่ าศัยหรอื ใชง้ าน มีกำหนดไว้ใน กฎกระทรวงฉบบั ท่ี 55 (พ.ศ. 2543) ขอ้ 23 ซงึ่ กำหนดบนั ไดสำหรับอาคารอยู่อาศยั ไว้ดังน้ี ข้อ 23 บันไดของอาคารที่อยู่อาศัยถ้ามีต้องมีอยา่ งน้อยหน่ึงบันไดที่มีความกว้างสุทธิไม่น้อย กว่า 80 เซนติเมตร ช่วงหน่ึงสูงไม่เกิน 3 เมตร ลูกตั้งสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร ลูกนอนเม่ือหักส่วนที่ ข้ันบันไดเหลื่อมกันออกแล้วเหลือความกว้างไม่ น้อยกว่า 22 เซนติเมตร และต้องมีพื้นหน้าบันไดมี ความกว้างและยาวไมน่ อ้ ยกวา่ ความกว้างของบนั ได บันไดท่ีสูงเกิน 3 เมตร ต้องมีชานพักบันไดทุกช่วง 3 เมตร หรือน้อยกว่าน้ัน และชานพัก บันไดต้องมีความกว้างและยาวไม่น้อยกว่าความกว้างของบันได ระยะดิ่งจากขั้นบันไดหรือชานพัก บนั ไดถึงส่วนต่ำสุดของอาคารท่ีอยู่เหนือขึ้นไปต้องสูงไม่ น้อยกว่า 1.90 เมตร ข้อกำหนดน้ีใช้สำหรับ

117 บันไดท่ีใช้งานปกติโดยทั่วไปสำหรับบ้าน ไม่ใช้กับบันไดหนีไฟหรือบันไดสำหรับผู้พิการ ทุพพลภาพ หรือคนชราซึง่ มกี ฎหมายกำหนดไวอ้ ีกโดยเฉพาะ จากข้อกฎหมายข้างตน้ สามารถสรุปและขยายความ ได้ ดงั นี้ 1. บนั ไดบ้าน ถา้ มี ต้องมอี ยา่ งนอ้ ยหนงึ่ บนั ไดท่มี ีกวา้ งสุทธไิ มน่ อ้ ยกว่า 80 เซนตเิ มตร 2. บันไดชว่ งหนึง่ ต้องสูงไมเ่ กนิ 3 เมตร หากสงู เกินต้องมีชานพกั 3. พื้นหน้าบนั ได และชานพกั บันได ตอ้ งมีความกวา้ งและยาวไม่นอ้ ยกวา่ ความกว้าง บันได 4. ระยะดิ่งจากขนั้ หรือชานพักถงึ ส่วนตำ่ สุดตอ้ งสูงไม่นอ้ ยกว่า 1.90 เมตร 5. ลูกตั้งบันไดต้องสูงไม่เกิน 20 เซนติเมตร และลูกนอนบันไดต้องกว้างไม่น้อยกว่า 22 เซนตเิ มตร 6.5 การประกอบแบบ และการติดต้งั บันไดคอนกรตี เสริมเหล็ก การประกอบแบบ และการติดตั้งบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กท่ัวไป มีข้ันตอนการประกอบแบบ หล่อบนั ไดโดยดังต่อไปนี้ 1. ก่อนเร่ิมทำงานก่อสร้างบันได ต้องทำการศึกษาแบบโครงสร้างบันได ลักษณะของบันได และระยะลกู ตั้งลกู นอน 2. ตรวจสอบจำนวนขนาดของลกู ตั้งและลูกนอน ก่อนประกอบแบบบันไดเสมอ โดยพิจารณา จากสูตร (2 x ลูกตั้ง) + ลูกนอน ควรมีค่าระหว่าง 0.60 – 0.625 โดยให้จุดปลายใต้ท้องคานเป็น จดุ เรมิ่ ตน้ 3. ติดตั้งแบบทอ้ งบนั ได ประกอบไมค้ ้ำยนั และไม้ตงรองรับให้ตำ่ กวา่ ระดับท้องบันไดประมาณ 5 มิลลิเมตร ประกอบแบบข้างบันได โดยการตัดแบบหล่อให้เป็นรูปร่างบันได หรือทำไม้แบบที่มี ความสงู มากกว่าลูกตง้ั เขยี นเส้นลูกตงั้ และลูกนอนทีแ่ บบขา้ งบนั ได ดงั รปู ท่ี 6.8 รปู ท่ี 6.8 การประกอบแบบหลอ่ บันได

118 (ทม่ี า : http://www.bloggang.com/viewdiary.php) 4. จัดวางผูกเหล็กหลัก และเหล็กเสริมรองใส่เหล็กเสริม ลูกต้ังและลูกนอน สร้างแบบหล่อ สำหรับค่ันลูกต้ัง โดยตัดแบบหล่อใส่ค่ันระหว่างแบบด้านข้างบันได หรือใส่แบบหล่อวางประกบกับ แบบหล่อ รูปร่างขั้นบันได หากบันไดมีระยะความกว้างมากพอควรใช้ไม้ 1 1/2 x 3 นิ้ว ยึดติดกับ แบบค่ันลูกต้ังท่ีช่วงระยะกึ่งกลางบันได เพ่ือช่วยค้ำยันไม่ให้แบบหล่อลูกตั้งเกิดการโก่งตัวขณะเท คอนกรีต ดงั รปู ท่ี 6.9 รูปท่ี 6.9 การเสรมิ เหล็กบันไดลกู ตงั้ ลกู นอนบนั ได (ทม่ี า : http://www.bloggang.com/viewdiary.php) 5. ก่อนเทคอนกรีตควรทำความสะอาดแบบบันได และราดน้ำหรือน้ำปูนก่อนเทคอนกรีต จากน้ันเทคอนกรีต และใช้เครื่องสั่นคอนกรีตทำให้คอนกรีตแน่นตัว และแต่งผิวคอนกรีตบันไดให้ เรยี บรอ้ ยเป็นการเสร็จส้นิ การเทคอนกรตี บันได ดังรปู ท่ี 6.10

119 รูปท่ี 6.10 การเทคอนกรตี บันได (ท่ีมา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php) 6.6 การประกอบ และการตดิ ตง้ั ไม้บนโครงสร้างพ้ืนคอนกรตี และโครงสรา้ งเหล็ก ในงานก่อสร้างบ้านพักอาศัย จะมีขั้นตอนงานติดต้ังบันไดบ้าน ซ่ึงวัสดุตกแต่งพ้ืนบันไดใน ปจั จบุ ันมีผลติ ออกมาหลายแบบหลายชนิด ท้งั ที่เป็นไมส้ ำเร็จรูปและไมจ้ ริง ไมท้ ี่นยิ มนำมาทำลูกนอน บนั ไดส่วนใหญ่เปน็ ไมเ้ น้ือแขง็ เชน่ ไม้เต็งมาเลย์, ไม้แดง, ไม้มะคา่ เป็นต้น เทคนิคการติดต้ังบันไดไม้ ท่ชี ่างบันไดนิยมใช้กันคอื วิธีการติดตั้งไม้บนโครงสร้างพ้ืนคอนกรีต และวิธกี ารติดตั้งไม้บนโครงสร้าง เหล็ก 6.6.1 วิธกี ารติดตั้งไมบ้ นโครงสร้างพน้ื คอนกรตี 1. ปรบั ระดับและทำความสะอาดพน้ื บันไดให้ปราศจากฝุ่นแล้วเริ่มตดิ ต้งั ลูกต้ังแผน่ แรก จากชัน้ ล่างสุดดว้ ยกาวซีเมนต์ แต่ละขั้นที่ติดต้ังต้องทำการตรวจวดั ให้ไดร้ ะดบั ทกุ ข้นั ดงั รปู ท่ี 6.11 กาวซเี มนต์ รปู ที่ 6.11 การทากาวซีเมนต์ชั้นลา่ งสดุ (ที่มา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 2. ใช้เกรยี งปาดกาวซีเมนต์ทีผ่ สมแล้วปาดบนบนั ไดคอนกรตี ใหเ้ ตม็ หนา้ ตัดบริเวณท่ีจะ ติดตงั้ แผ่นลกู ตัง้ ให้เสมอกนั 3. วางแผน่ ลกู ตั้งไม้ลงไปโดยกดใหแ้ นบสนิทกบั บันไดคอนกรตี และติดตั้งข้ันถัดไปดว้ ยวิธี เดยี วกัน ดังรูปท่ี 6.12

120 รปู ที่ 6.12 การวางแผ่นลกู ตง้ั ไม้ลงไปโดยกดให้แนบสนทิ กบั บันไดคอนกรตี (ท่ีมา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559) 4. กำหนดตำแหนง่ และวัดระยะสำหรบั การติดตัง้ ลกู กรงบันไดไมก้ บั ไมบ้ ันไดลกู นอน นำไมบ้ ันไดลกู นอนมาเจาะรูตามระยะ และขนาดของลูกกรงบันไดไม้เตรยี มไวก้ ่อนตดิ ตง้ั แสดงดังรูปท6่ี .13 รปู ท่ี 6.13 ไม้บันไดลูกนอนเจาะรตู ามระยะทก่ี ำหนด (ทม่ี า : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559) 5. ตดิ ต้งั ลูกนอนขั้นที่ 1 ดว้ ยวธิ กี ารเดยี วกันกบั การติดลกู ตงั้ จนถงึ ชานพกั ดงั รปู ที่ 6.14

121 รปู ท่ี 6.14 การติดต้ังลกู นอนไมบ้ นบันไดคอนกรตี (ท่ีมา : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559 ) 6. ทำการตดิ ตงั้ ลูกข้ันแรกของช้ันท่ี 2 เพอื่ นำมาใช้ในการวดั คำนวณ ในการตัดแต่งไม้ชาน พักให้มีขนาดพอดี ในการติดต้งั ชานพัก ใช้เกรยี งปาดกาวซีเมนต์ให้เต็มหน้าตัดบริเวณท่ีจะติดต้ังพื้น ชานพกั จากนั้นใช้เกรยี งหวีปาดปรับระดับให้กาวซีเมนต์มีความสม่ำเสมอกนั ติดต้ังแผ่นพ้ืนชานพักให้ เต็ม โดยแผ่นพื้นชานพักที่ติดกับลูกต้ังขั้นแรกของช้ันที่สองต้องตัดแต่งให้ได้ขนาด วางแล้วสนิท เรียบร้อย ดงั รูปท่ี 6.15 รูปท่ี 6.15 การตดิ ตั้งลกู ตง้ั ขัน้ แรกของชนั้ ท่ี 2 (ท่มี า : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559) 7. ทำการติดต้ังไมบ้ นั ไดลูกต้ัง ลูกนอนช้นั 2 ต่อไปจนครบ โดยใชว้ ธิ กี ารติดตัง้ เดยี วกันกบั ช้ันท่ี 1 และเกบ็ งานให้เรยี บร้อย สวยงาม

122 6.6.2 การติดต้ังลกู กรงบันไดไม้บนโครงสรา้ งพื้นคอนกรีต 1. กำหนดตำแหน่ง และวดั ระยะสำหรับการติดต้ังลูกกรงบนั ไดไมก้ ับไมบ้ นั ไดลกู นอน 2. ติดตั้งลูกกรงไม้กับบันไดลูกนอน โดยการนำลูกกรงบันไดไม้เสียบลงไปในร่องท่ีเจาะไว้ แลว้ ยิงยึดดว้ ยตะปูเกลียวในลักษณะการยงิ แบบไขว้กัน แต้มสีเก็บหัวสกรูให้เรยี บร้อยสวยงาม ดังรูปท่ี 6.16 (ก) การติดต้งั ลกู กรงไม้ และ(ข) การยงิ ยึดดว้ ยตะปเู กลียวในลักษณะการยิงแบบไขวก้ ัน (ก) การติดตง้ั ลูกกรงไม้ (ข) การยิงยึดดว้ ยตะปูเกลียวในลกั ษณะการยงิ แบบไขว้กัน รูปที่ 6.16 การติดตง้ั ลูกกรงไม้กับบนั ไดลกู นอน (ท่ีมา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559) 6.6.3 วธิ ีการตดิ ตัง้ ไม้บนโครงเหลก็

123 1. ตรวจสอบโครงสร้าง และความแข็งแรงแมบ่ ันไดเหลก็ ใหเ้ รียบร้อยแล้วเร่มิ ตดิ ตง้ั ลูก ตง้ั แผ่นแรกจากช้ันล่างสดุ โดยแต่ละขน้ั ทต่ี ิดต้ังต้องทำการตรวจวดั ให้ไดร้ ะดับทุกขน้ั ดงั รปู ที่ 6.17 รูปที่ 6.17 การติดต้งั โครงสรา้ งบันไดเหล็ก (ท่มี า :กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559) 2. ยงิ กาวตะปูเปน็ เสน้ ยาวตามแนวเหลก็ ทร่ี ับลูกตง้ั แล้ววางแผ่นไมบ้ นั ไดลูกตง้ั ลงไป ใหไ้ ด้ระยะกง่ึ กลางของแม่บันได ดงั รปู ที่ 6.18 รูปท่ี 6.18 การวางแผ่นไม้บันไดลูกตงั้ ลงไปบนโครงสรา้ งบันไดเหล็ก (ท่ีมา : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559) 3. ยงิ ตะปูเกลยี วปลายแหลม ยดึ แผ่นบนั ไดเข้ากับแม่บันไดตามตำแหน่งยิงตะปู เกลียว แลว้ ติดตงั้ ลูกตงั้ ในข้นั ถดั ไปด้วยวิธกี ารเดียวกนั แสดงดังรปู ที่ 6.19

124 รูปท่ี 6.19 การยิงตะปูเกลยี วปลายแหลมยดึ แผ่นบันได (ทม่ี า : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559) 4. นำไมบ้ นั ไดลูกนอนมาเจาะรตู ามระยะ และขนาดของลกู กรงบนั ไดโลหะเตรยี มไวก้ ่อน ตดิ ต้งั แสดงดงั รูปที่ 6.20 รปู ที่ 6.20 ไม้บันไดลูกนอนเจาะรตู ามระยะท่ีกำหนด (ท่ีมา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 5. ตดิ ต้ังลูกนอนด้วยวิธีเดียวกนั กับลูกตัง้ โดยการใช้ตะปเู กลยี วปลายแหลมยดึ แผน่ บนั ไดเขา้ กับแมบ่ นั ไดตามตำแหน่งทีก่ ำหนด แสดงดังรูปท่ี 6.21

125 รูปที่ 6.21 การตดิ ต้งั ลกู นอนดว้ ยวิธเี ดียวกนั กบั ลูกตง้ั (ท่ีมา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 6. ติดต้ังลูกต้ังและลูกนอนจนเต็มในช้ันที่ 1 จนถึงชานพัก แล้วทำการติดตั้งลูกตั้ง ขนั้ แรกของชั้นที่ 2 เพื่อนำมาใช้ในการวัดคำนวณในการตดั แต่งไม้พน้ื ชานพักให้มีขนาดพอดี ยิงกาว ตะปูเปน็ เส้นตามแนวเหลก็ ทร่ี บั พื้นชานพัก เพื่อตดิ ต้ังไมพ้ นื้ ชานพักกับโครงชานพักเหลก็ 7. ยิงตะปเู กลยี วปลายแหลมตามตำแหนง่ ท่กี ำหนด และทศิ ทางการยิงยดึ เพ่อื ยึด แผ่นพน้ื ชานพักเข้ากับช้ินเหลก็ ฉากที่เชอ่ื มติดไว้กบั ตงเหล็ก แสดงดงั รปู ที่ 6.22 รูปที่ 6.22 การยึดแผ่นพน้ื ชานพกั เข้ากบั ชน้ิ เหล็กฉาก (ท่ีมา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559)

126 8. ตดิ ตัง้ แผ่นพื้นชานพักให้เต็ม โดยแผน่ พนื้ ชานพักทีต่ ดิ กับลูกต้ังขั้นแรกของชน้ั ท่ี สองตอ้ งตัดแตง่ ให้ได้ขนาด วางแลว้ สนิทเรยี บร้อย ทำการติดตั้งไม้บันไดขน้ั ต่อไปจนครบและเก็บงาน ให้เรียบร้อย สวยงาม 6.6.4 การติดต้ังลกู กรงบนั ไดโลหะบนโครงเหลก็ 1. กำหนดตำแหน่ง และวดั ระยะสำหรับการตดิ ตัง้ ลกู กรงบนั ไดโลหะกบั แม่บันได และไม้ บันไดลูกนอน 2. นำราวบนั ไดโลหะเสียบผ่านรทู ี่เจาะไวข้ องไม้บันไดลูกนอน จากนัน้ เชอ่ื มราวบนั ไดโลหะ ตดิ กับแมบ่ ันไดด้วยลวดเชอื่ ม แล้วจึงติดตั้งแผน่ ไม้บนั ไดลูกนอนตามปกตติ ่อไป แสดงดังรูปท่ี 6.23 (ก) แสดงการตดิ ต้ังราวบนั ไดโลหะเสียบผา่ นรูท่เี จาะ (ท่มี า : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559 ) (ข) แสดงตำแหน่งการเชอื่ มยดึ ราวบันไดโลหะเขา้ กับแม่บันได รูปที่ 6.23 การติดตั้งราวบันไดโลหะเขา้ กับแม่บันได (ที่มา : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559)

127 3. ติดต้งั ลูกกรง และราวบนั ไดสว่ นท่เี หลือให้แลว้ เสร็จ เก็บงานให้เรยี บร้อยสวยงาม ดังรปู ท่ี 6.24 รูปท่ี 6.24 การติดตัง้ ติดต้งั ลกู กรง และราวบันได (ทีม่ า : กนกพร ไชยวิเศษ, 2559 ) 6.7 วัสดุ เคร่อื งมือและอุปกรณใ์ นงานบันได 6.7.1 วัสดุงานคอนกรตี 1. ปนู ซเี มนต์ ปูนซีเมนต์เปน็ ส่วนผสมสำคัญในการผลิตคอนกรตี เปน็ วัสดุทีใ่ ชใ้ นการ เคลอื บวัสดุละเอยี ด และวสั ดุหยาบ ใหเ้ ป็นเนือ้ เดียวกัน 2. วสั ดผุ สมหยาบ วัสดหุ ยาบโดยมากเปน็ หนิ ยอ่ ย กรวด 3. วสั ดุผสมละเอียด วัสดุละเอยี ดจะใชท้ ราย ทรายจะต้องเปน็ ทรายนำ้ จดื เม็ดคมและ สะอาด ปราศจากสารอินทรีย์ 4. น้ำ น้ำเป็นสารทท่ี ำปฏิกิริยาเคมีกบั ปูนซีเมนตท์ ำให้เกิดความร้อน นำ้ ทีใ่ ช้ควรเปน็ น้ำ สะอาดหรืออาจถงึ สามารถดื่มได้ 5. สารตวั เติมคอนกรีต เปน็ สารที่ใช้ผสมลงไปในคอนกรตี เพือ่ ให้คอนกรตี ใชง้ านไดด้ ขี ้ึน (workability) 6.7.2 วสั ดุงานไม้ 1. งานไม้แบบหล่อคอนกรีต จะใช้ไม้กะบากในการทำแบบหล่อไม้ มีความหนาท่ี 1- 1 ½ น้วิ มหี นา้ กวา้ งตัง้ แต่ 6 8 หรอื 10 นวิ้ 2. ไม้เครา่ ยดึ ไมแ้ บบ ไมท้ ่ใี ช้สว่ นมากนิยมใช้ ไมย้ าง จะใช้ไมม้ คี วามหนาที่ 1 ½ นิว้ มีหน้ากว้าง 3 นวิ้

128 3. ไม้บันได ส่วนมากเปน็ ไม้ประเภทเน้ือแข็งเทา่ นน้ั โดยทวั่ ไปมีขนาด 2” x 6” , 2” x 8” ,2” x 10” ชนิดไม้ที่นิยมนำมาใช้ เชน่ ไม้แดง ไมเ้ ตง็ ไม้รงั ไม้ประดู่ ไม้มะคา่ โมง เปน็ ตน้ 6.7.3 วสั ดุงานโลหะ 1. เหล็กเสน้ กลม (Round Bars ; RB) ตามมาตรฐาน มอก. 20 – 2543 ได้ กำหนดให้เหลก็ เสน้ กลมมีชนั้ คณุ ภาพเดยี ว ใช้สญั ลักษณ SR24 2. เหล็กขอ้ ออ้ ย (Deformed Bars ; DB) โดยผิวของเหลก็ มลี ักษณะเป็นปลอ้ งๆ คล้ายอ้อย จึงเรยี กว่าเหลก็ ข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 – 2548 เหล็กข้ออ้อยแบง่ ตาม สว่ นประกอบทางเคมแี ละสมบัติทางกลออกเป็น 3 ช้นั คณุ ภาพ คอื (1) ชั้นคณุ ภาพ SD 30 (2) ชัน้ คุณภาพ SD 40 (3) ชั้นคณุ ภาพ SD 50 3. ลวดผกู เหล็ก (Binding Wire) เป็นลวดทีใ่ ชใ้ นการผกู เหลก็ เสน้ ในงานคอนกรตี เหล็ก เพอ่ื ให้อย่ใู นรปู ของเสาหรือคาน หรอื อยู่ในรูปของตะแกรงพนื้ อยไู่ ด้ โดยตามมาตรฐาน มอก. 138 - 2518 ได้กำหนดให้เป็นลวดเบอร์ 18 6.7.4 เคร่ืองมอื และอปุ กรณใ์ นงานบนั ได 1. ถังเปลผสมปูน ใช้ผสมปูนกบั ทรายและอ่างเปล ยงั ใช้งานไดส้ ารพดั ประโยชน์ เช่น ผสมปนู ฉาบ คอนกรตี 2. จอบและพลว่ั ใช้ขุดดนิ และผสมคลุกเคล้าส่วนผสม ซึ่งได้แก่ ปนู ทราย ให้เข้ากัน การเกบ็ รักษา หลังจากเลิกใชง้ านแล้ว ต้องลา้ งให้สะอาดทุกครั้ง 3. ถงั นำ้ หรือถงั ใส่ปนู ใช้สำหรับใส่ปนู ทผ่ี สมแล้ว นอกจากนัน้ ยังใชห้ ิว้ ปูนและตวง สว่ นผสมอีกด้วย เลกิ ใช้แล้วตอ้ งลา้ งให้สะอาด 4. คอ้ นหงอน ส่วนประกอบของค้อนแบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคอื สว่ นหัวและสว่ นด้ามใช้ สำหรบั ตอกและถอนตะปู ตอกสิว่ ตอกไม้ 5. คีมผูกเหล็ก ใชส้ ำหรับตัดลวดหรือผูกเหลก็ ใหแ้ ข็งแรงกอ่ นที่จะเทปนู 6. ฉากเหลก็ คือ เครื่องมอื ท่ีใชเ้ พอ่ื วัดขนาดการสร้างมุมฉาก ตรวจสอบการไดฉ้ าก ซึ่ง ฉากสามารถนำไปตรวจหาแนวมมุ ฉากของการทำแบบหล่อฐานราก 7. ระดับน้ำ เปน็ เครื่องมอื สำคญั อีกอย่างหนง่ึ พอๆ กบั ลกู ดง่ิ เพราะระดบั น้ำใช้จบั ระดับ ในการประกอบแบบฐานราก 8. ตลับเมตร ใช้สำหรับวัดระยะ มีลักษณะเป็นตลับส่ีเหล่ียมขนาดพอจับมือ ตัวตลับทำ ดว้ ยโลหะหรอื พลาสติก ส่วนแถบวดั ทำด้วยเหล็กบางเคลือบสี มมี าตราวัดท้ังระบบอังกฤษและระบบ เมตรกิ 9. เกรยี งใบโพธิ์ สำหรับปาดกาวทผี่ สมแลว้ ลงบนพื้นคอนกรตี เสริมเหลก็

129 10. เกรียงหวี สำหรับปาดปรับระดับกาวให้สม่ำเสมอกันก่อนติดแผน่ ไม้พ้นื บนพ้นื คอนกรีตเสรมิ เหล็ก 11. ค้อนยาง สำหรับกดแผน่ ไม้พ้นื ใหต้ ิดแน่นกับกาวลงบนแผน่ พน้ื 12. ระดบั น้ำ สำหรบั วัดระดบั โครงสรา้ งบนั ไดท้ังโครงสร้างคอนกรตี โครงสรา้ งไม้ และ โครงสร้างเหลก็ ใหไ้ ดร้ ะดบั ก่อนทำการติดต้งั ไม้บนั ได 13. สว่านไฟฟ้า ใช้ในการยงิ ตะปูเกลียวปลายสวา่ น เพอ่ื ยดึ แผน่ บันไดเข้ากบั แม่บันได สำหรบั การติดตง้ั ไมบ้ ันไดกับโครงเหล็ก และสำหรับยงิ สกรู เพือ่ ยดึ ลกู กรงบันไดกบั ลูกนอน 14. ตู้เช่ือม ใช้เชือ่ มงานทตี่ ้องการความละเอียด และตอ้ งการความแขง็ แรงของแนว เชอื่ ม 15. ตะปู เป็นเหลก็ แท่งทรงยาวใชส้ ำหรับยดึ ติดชิน้ งาน ใหไ้ ดร้ ูปทรงตามตอ้ งการ เพื่อ ทำให้ชิน้ งานสามารถรับแรงเสยี ดทานได้มาก 16. ตะปเู กลียวปลายแหลม สำหรับยึดแผน่ ไมบ้ นั ไดลกู นอนเข้ากบั โครงเหลก็ แม่บนั ได สำหรับยึดแผ่นไมช้ านพักบันไดเข้ากบั ชนิ้ เหล็กฉากที่เช่ือมตดิ ไวก้ ับโครงเหล็ก 17. ตะปเู กลียว สำหรบั ยึดแผ่นไมบ้ ันไดลูกต้ังเขา้ กบั โครงเหลก็ แม่บนั ได 18. กาวซเี มนต์ สำหรบั ยึดลกู ต้งั ลกู นอนและพนื้ ชานพักใหต้ ิดกับพื้นบนั ไดคอนกรตี 19. ธูปเชื่อม เป็นตวั ประสานรอยต่อระหวา่ งพน้ื กบั ตงเหลก็ ใหย้ ึดตดิ กัน 20. กาวตะปู สำหรับยดึ ลูกต้งั ลกู นอนและพ้ืนชานพักให้ตดิ กบั โครงเหล็ก และกำหนด ระยะกอ่ นยิงตะปเู กลียว 21. เลอื่ ยเจาะรู (Hole Saw) และสว่านกระแทก (Hammer Drill) ใช้ในการเจาะแผ่น บันได เพ่ือติดตงั้ ลกู กรงบันได ทัง้ ไมแ้ ละเหล็ก 6.7.5 สีตกแตง่ พื้น (Floor Plank Paint) 1. สรี องพ้ืนไมบ้ ันได ช่วยเพ่ิมลวดลายให้กับไม้พนื้ ให้โดดเดน่ ขึ้น เป็นสนี ำ้ อะคริลคิ สูตร กันการไหล เนื่องจากงา่ ยตอ่ การทาสแี นวต้ัง 2. สยี อ้ มไม้พื้น ใหค้ วามรสู้ ึกเปน็ ธรรมชาติ ฟิล์มสมี คี วามเงางาม ทนตอ่ ทุกสภาวะ อากาศ ทนรงั สี UV ใหก้ ารยึดเกาะดเี ยย่ี ม กวา่ สตู รทัว่ ไป แข็งแรง ไม่ลอกล่อน ช่วยปกปอ้ งผิวจากการ ใช้งานไดเ้ ปน็ อย่างดี มีสารปอ้ งกนั เช้ือราและตะไคร่นำ้ ทำไดท้ ันทีไมต่ ้องผสมนำ้ แห้งไว ไม่มสี ่วนผสม ของสารปรอทและสารตะก่วั และไม่มีกลนิ่ ฉนุ 3. สีเคลอื บใสไม้พน้ื มสี ่วนผสมของสารเพิม่ ความเสยี ดทาน ชว่ ยกันลืน่ เพิ่มความ ปลอดภัยในการ ขึ้นลงบันได เพม่ิ ความทนทาน กันรอยขดู ขีดไดม้ ากข้ึน 6.8 การผสมคอนกรีต และเทคอนกรีตบันได 6.8.1 วสั ดุในการผสมของคอนกรีต

130 คอนกรีตท่ใี ชใ้ นงานโครงสรา้ งบันได ส่วนใหญ่จะกำหนดสว่ นผสมของคอนกรีตโดยปรมิ าตร เช่น 1: 2 : 4 อัตราส่วนที่กล่าวถึงนี้ คือ ใช้ปูนซีเมนต์ 1 ส่วน ทราย 2 ส่วน หิน 4 ส่วน โดยปริมาตร ซง่ึ ประกอบด้วยส่วนผสมดังตอ่ ไปนี้ 1. ปูนซีเมนต์ ปูนซีเมนต์เป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตคอนกรีต เป็นวัสดุที่ใช้ในการ เคลือบวัสดุละเอียด และวัสดุหยาบ ให้เป็นเน้ือเดียวกัน ปูนซีเมนต์ท่ีใช้ในงานโครงสร้างจะใช้ ปูนซเี มนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 2. วัสดุผสมหยาบ วัสดุหยาบโดยมากเป็นหินย่อย กรวด สามารถแบ่งประเภทของงาน ตามลกั ษณะของหินได้ดังนี้ - หินหนึ่ง มีขนาด 1\" - 3\" ใช้สำหรับงานเทคอนกรีตในท่ีแคบ หรือบริเวณท่ี 2 4 เหล็กเรียงถ่ี ๆ เช่น ครีบ พืน้ เสา และคาน - หินสอง มีขนาด 3\" - 1\" ใชส้ ำหรบั คอนกรีตทว่ั ๆ ไป 4 3. วัสดุผสมละเอียด วัสดุละเอียดจะใช้ทราย ทรายจะต้องเป็นทรายน้ำจืด เม็ดคมและ สะอาด ปราศจากสารอินทรีย์ 4. น้ำ น้ำเป็นสารท่ีทำปฏิกิรยิ าเคมีกับปูนซเี มนต์ทำให้เกิดความร้อน น้ำทใี่ ชค้ วรเป็นน้ำ สะอาดหรอื อาจถึงสามารถดืม่ ได้ 5. สารตัวเติมคอนกรีต เป็นสารทใ่ี ช้ผสมลงไปในคอนกรีต เพ่อื ให้คอนกรีตใชง้ านได้ดขี ้ึน (workability) ตามประเภทหรือคณุ สมบัติของสารทเ่ี ตมิ ลงไป การผสมคอนกรีตบันได โดยท่ัวๆ ไปกำหนดใช้คอนกรีต 1: 2 : 4 ความข้นเหลวควรให้ คอนกรีตความยบุ ตัวไมเ่ กิน 5 นิ้ว ถา้ มคี วามยุบตัวเกนิ จากนี้ คอนกรตี จะรับกำลังตำ่ 6.8.2 การผสมคอนกรตี บนั ได คอนกรีตนัน้ ประกอบดว้ ยปนู ซเิ มนต์ ทราย หนิ ยอ่ ย และน้ำ ซ่ึงปนู ซเิ มนตเ์ ป็นตัวสำคัญ ท่ีสดุ เพราะทำหนา้ ท่เี ป็นกาวสำหรับติดยดึ หินและทรายเข้าด้วยกนั สำหรบั งานคอนกรีตบนั ได จะใช้ อัตราสว่ นผสมคอนกรตี ดังแสดงในตารางท่ี 6.1 ตารางท่ี 6.1 อัตราสว่ นผสมคอนกรตี คอนกรตี * ลกั ษณะหิน ปรมิ าตรทใ่ี ช้ 1:3:6 แหง้ 32 ลิตรต่อปูนซเี มนต์ 1 ถุง (50 กิโลกรมั ) 1:3:6 ชื้น 28 ลติ รต่อปูนซเี มนต์ 1 ถุง (50 กิโลกรมั ) 1:2:4 แห้ง 26 ลติ รตอ่ ปูนซีเมนต์ 1 ถุง (50 กโิ ลกรมั ) 1:2:4 ชนื้ 23 ลิตรต่อปนู ซเี มนต์ 1 ถงุ (50 กิโลกรมั )

131 * อตั ราส่วนผสมของคอนกรตี คอื ซีเมนต:์ ทราย: หนิ ยอ่ ย (ท่มี า: พงศ์พนั วรสนุ ทโรสถ และวรพงศ์ วรสนุ ทโรสถ,หนังสือวัสดกุ ่อสร้าง,2558) การผสมคอนกรีตน้ันอาจผสมสมได้หลายวิธี เช่น ผสมด้วยมือธรรมดาด้วยแรงคนโดยใช้พล่ัว หรือจอบผสมปูน ผสมด้วยเคร่ืองผสมคอนกรีตขนาดเล็ก ซึ่งใช้เคร่ืองยนต์ขับเคลื่อนหม้อผสม หรือ เปน็ เครอ่ื งผสมคอนกรีตขนาดใหญจ่ ากโรงงานและบรรทกุ มาสง่ ยังท่กี ่อสรา้ ง ขณะขบั รถมาบนถนนโม่ ท่ีผสมคอนกรีต จะหมุนผสมไปด้วยเพื่อไม่ให้คอนกรตี แข็งตวั เสียก่อน สว่ นของผสมคอนกรตี คอนกรีตจะมสี มบัติที่ดี จะต้องระมดั ระวงั เก่ยี วกบั ความสะอาดของวัสดุ สมบัติของวสั ดุ ชนิด ของปนู ซเิ มนต์ อัตราสว่ ระหวา่ งน้ำกบั ปูนซเิ มนต์ เพอื่ ไม่ใหค้ อนกรตี ขน้ หรอื เหลวเกนิ ไป การผสมให้ วสั ดตุ ่างๆ เข้ากนั จนเปน็ เนอื้ เดยี ว อัตราสว่ นผสมของวสั ดุน้ันอาจใชไ้ ด้ 2 วิธีคอื 1. อัตราส่วนผสมโดยนำ้ หนกั ของวสั ดุผสมชนิดต่างๆ 2. อัตราสว่ นผสมโดยปริมาตรของวสั ดุของส่วนผสม สำหรับงานคอนกรตี เสริมเหลก็ ท่ัวๆไปนั้นมสี ว่ นผสมคือ ปนู ซิเมนต์ : ทราย: หินย่อย ซงึ่ ตวง โดยปรมิ าตรดังน้ี อตั ราสว่ น 1: 1 ½: 3 ใช้ในกรณีที่หลอ่ เสาและสว่ นของโครงสรา้ งอาคารที่ต้องการให้แน่นกบั น้ำ อัตราส่วน 1: 2: 4 ใช้ในกรณที ่ีตอ้ งการคอนกรตี เสริมเหลก็ ที่เปน็ โครงสรา้ งท่วั ไปเช่น เสา พ้นื คาน บันได อตั ราส่วน 1: 3: 5 ใช้ในกรณีท่หี ล่องานคอนกรตี ขนาดใหญ่ เชน่ ฐานรากขนาดใหญ่ หรือผนัง หนาๆ 6.8.3 การเทคอนกรีต การเทคอนกรีตจะต้องระวังอย่าใหส้ ่วนแยกออกจากกัน เพราะจะทำให้คอนกรีตเสียกำลัง เชน่ ในกรณที เ่ี ทคอนกรีตในระยะท่สี ูงมาก ๆ อาจทำใหว้ ัสดผุ สมแยกตวั กัน ตามปกตใิ นเสาขนาดใหญ่ นั้น ถ้าการเทสูงกว่า 2 เมตร จะต้องทำท่อลำเลียงลงไป ขณะเทจะต้องใช้เคร่ืองเขย่าคอนกรีตท่ี เรียกว่า เคร่ืองส่ัน (Vibrator) การใช้เคร่ืองนี้จะต้องให้สั่นพอสมควร ถ้าส่ันมากจะทำให้น้ำปูนลอย ขึ้นมาหน้าผิวคอนกรตี 6.8.4 การถอดแบบหลอ่ คอนกรตี บันได ระยะเวลาในการถอดแบบหล่อคอนกรตี บันได หลังจากบ่มคอนกรีตเสร็จจนแข็งตัวดี จะใช้ สามารถถอดแบบหลอ่ คอนกรีตบนั ไดไดเ้ หมอื นกับการถอดแบบหล่อคาน ดังตารางที่ 6.2 ตารางท่ี 6.2 กำหนดเวลาถอดแบบหลอ่ คอนกรตี โครงสร้าง

132 ชนดิ ของโครงสรา้ ง ระยะเวลาถอดแบบหลอ่ ออก แบบขา้ งคาน กำแพง ฐานราก 2 วนั แบบหล่อรองรับคาน 14 วัน แบบขา้ งเสา 3 วัน คำ้ ยนั ใต้ทอ้ งคาน 14 วนั 6.8.5 การบม่ คอนกรีต เม่ือเทคอนกรีตแลว้ คอนกรีตจะเริ่มแข็งตัว ตามระยะเวลาของชนิดปูนซเี มนต์ท่ีใช้ ผิว ของคอนกรีตภายนอกจะแข็งตัวเร็วกว่าคอนกรีตที่อยู่ภายใน ซึ่งการที่อุณหภูมิต่างกันจะทำให้ คอนกรีตแตกร้าวและเสยี กำลังได้ ตอ้ งชะลอการแข็งตัวของคอนกรีตท่ีอยู่ท่ผี ิว ป้องกันไม่ให้อณุ หภมู ิ สูงกว่าส่วนเนื้อคอนกรีตที่อยู่ภายใน ซ่ึงวิธีป้องกันทำโดยการบ่ม ตามปกติสำหรับปูนซีเมนต์ หลังจากเทคอนกรีตแล้วต้องการใช้ระยะเวลา 14 วัน จึงจะแข็งตัวดี การบ่มอาจทำได้โดยวิธีต่างๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. ใชก้ ระสอบป่าน เชน่ กระสอบขา้ วสารชุบน้ำใหช้ ุ่มใช้คลมุ และรดน้ำอย่าให้ กระสอบแห้งได้ ในกรณที ่ีเปน็ เสาหรือคาน ค.ส.ล. 2. แบบไม้ถ้าไมจ่ ำเปน็ จรงิ ๆ ไมต่ อ้ งรบี ถอด เพราะแบบไมเ้ ปน็ เคร่ืองปอ้ งกนั ความ รอ้ นได้เปน็ อย่างดี 3. ถา้ เป็นพ้ืนหรอื ถนน อาจใช้ดนิ เหนียวปน้ั ตั้งเป็นขอบโดยรอบ แลว้ ขงั น้ำไว้บน พ้ืนหรือถนนนั้น 4. ถา้ เปน็ พื้นหรือถนน อาจใช้ข้เี ล่ือยหรอื ทรายเกลี่ยให้ท่วั ผิวหน้าแล้วรดนำ้ ใหช้ ุ่ม ตลอดเวลาทบี่ ่ม 5. ใช้แผ่นพลาสติกคลมุ การระเหยของนำ้ ในคอนกรตี 6. ถา้ เปน็ เสาหรือคานท่ีไมม่ กี ระสอบคลุม อาจใชว้ ธิ ีฉดี นำ้ วันละหลายๆ คร้งั เพอ่ื ให้ คอนกรีตภายนอกชุ่มชืน้ อยเู่ สมอ สรุป บันได เป็นส่วนหน่ึงของอาคาร ท่ีใช้เป็นทางขึ้นลงระหว่างช้ันต่าง ๆ ในอาคาร จำเป็นต้องมี สัดส่วนพอเหมาะ ใชป้ ระโยชน์ได้เพียงพอ และปลอดภัย และเป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมท่ี สำคญั อยา่ งหนึง่ เพราะนอกจากบนั ไดจะใช้เป็นทางสัญจรทางตง้ั ทเี่ ชือ่ มตอ่ ระหว่างชนั้ ต่างๆ ของบา้ น เข้าด้วยกัน บันไดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ บันไดโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก บันได

133 โครงสร้างไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็ก โดยท่ีบันไดโครงสร้างไม้ และบันไดโครงสร้างเหล็ก การ ออกแบบหรือสร้างบันได สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง คือโครงสร้างของบันได จากน้ันจึงค่อยเลือกรูปทรง ของบนั ไดใหเ้ ข้ากับพืน้ ทที่ ี่มอี ยู่ กจิ กรรมท้ายหนว่ ยเรียนที่ 6 บนั ได 1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่มศึกษาค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับการประกอบ และการติดต้ัง บันไดแต่ละประเภท แล้วส่งตัวแทนกล่มุ ออกมานำเสนอ พร้อมการแสดงรูปภาพประกอบ ตามกลุ่ม ดังน้ี กล่มุ ที่ 1 บนั ไดไม้บนโครงสรา้ งคอนกรีต กลมุ่ ท่ี 2 บันไดไม้บนโครงสร้างเหล็ก กล่มุ ท่ี 3 โครงสร้างคอนกรตี เสริมเหล็ก 2. ให้นักเรียนนำประสบการณ์เก่ียวกับการดำเนินงานก่อสร้างการประกอบ และการติดตั้งบันได แต่ละประเภท ท่ีพบเห็นในชีวิตประจำวันมาเล่าให้เพื่อนฟังหน้าช้ันเรียน เพ่ือแลกเปล่ียนการเรียนรู้ กัน พร้อมช่วยระดมความคิดเพ่ือนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนาให้งานก่อสร้างอาคารมีความก้าวหน้า ทันสมัย แบบฝึกหดั ทา้ ยหนว่ ยเรยี นที่ 6 บนั ได

134 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. บนั ได แบ่งออกเป็นกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. หน้าท่ขี องบนั ได คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. ส่วนประกอบของบันไดมอี ะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ตรวจสอบจำนวนขนาดของลูกตั้งและลูกนอน หาได้จากสูตรใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. บันไดท่สี ูงเกิน 3 เมตร ต้องมชี านพกั บนั ไดทกุ ช่วงกี่เมตร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. การติดตั้งแบบท้องบันได ประกอบไม้ค้ำยัน และไม้ตงรองรับควรให้ต่ำกว่าระดับท้องบันได ประมาณเทา่ ไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….

135 7. ไมท้ ่นี ิยมนำมาทำลูกนอนบันไดส่วนใหญ่ เป็นไมป้ ระเภทใด ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….… 8. ขน้ั ตอนในการตดิ ต้งั ไม้บนโครงสรา้ งพื้นคอนกรีตควรทำอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….… 9. วธิ ีการตดิ ตั้งลูกกรงไม้กบั บนั ไดลกู นอนมีข้นั ตอนการทำอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….… 10. อัตราสว่ นผสมโดยปรมิ าตรท่ีเหมาะสมของคอนกรตี บนั ได คอื เทา่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…

136 แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยที่ 6 บนั ได จงเลอื กคำตอบทถ่ี กู ต้องที่สุดเพียงขอ้ เดียวจากคำถามตอ่ ไปนี้ 1. บันได มหี น้าท่ีอยา่ งไร ก. ใช้เป็นทางข้นึ ลงระหวา่ งชัน้ ต่าง ๆ ในอาคาร ข. เปน็ องค์ประกอบทางสถาปตั ยกรรมดา้ นความงาม ค. เชือ่ มต่อระหว่างจดุ ยืนทร่ี ะดบั ความสูงแตกต่างกัน ง. ถกู ทุกข้อ 2. บันไดที่ยนื่ เฉพาะลกู นอนบนั ไดออกมาจากผนงั คอื ข้อใด ก. บันไดทอ้ งเรียบ ข. บันไดพับผ้า ค. บนั ไดลอย ง. บันไดพบั ผ้าแบบมีแมบ่ ันได 3. สว่ นประกอบของบนั ได ทำหนา้ ท่ีเหมอื นคานรับนำ้ หนกั คอื ขอ้ ใด ก. พกั บนั ได ข. แม่บันได ค. ลกู ต้ัง ง. ลูกนอน 4. ลูกนอนบนั ไดต้องกวา้ งไม่นอ้ ยกว่าเทา่ ไร ก. 19 เซนตเิ มตร ข. 20 เซนติเมตร ค. 21 เซนติเมตร

137 ง. 22 เซนตเิ มตร 5. ระยะดิง่ จากขัน้ หรอื ชานพกั ถึงสว่ นตำ่ สุดตอ้ งสงู ไมน่ ้อยกว่าเทา่ ใด ก. 1.60 เมตร ข. 1.70 เมตร ค. 1.80 เมตร ง. 1.90 เมตร 6. การประกอบแบบบันไดคอนกรตี เสริมเหล็ก ท่มี ีระยะความกว้างมาก ควรใช้ไม้ยดึ แบบคนั่ ลูกตั้ง ทีช่ ว่ งระยะใด ก. ช่วงระยะดา้ นบนบันได ข. ชว่ งระยะกงึ่ กลางบนั ได ค. ช่วงระยะดา้ นลา่ งบันได ง. ช่วงระยะขอบบันได 7. การตดิ ตงั้ ลกู กรงไม้ ควรตดิ ตั้งกบั ส่วนใดของบันได ก. ลกู ต้งั ข. ลูกนอน ค. แมบ่ ันได ง. จมูกบนั ได 8. วธิ ีการตดิ ตัง้ ราวบนั ไดโลหะตดิ กับลูกกรงโลหะ ควรทำอย่างไร ก. เชื่อมด้วยลวดเช่อื มยึดติด ข. ยดึ ตะปเู กลยี วปลายแหลมยึดติด ค. ยึดดว้ ยตะปูเกลียวยดึ ติด ง. ยดึ ด้วยกาวซีเมนต์ยึดติด 9. วัสดุที่ใช้ในการยงิ ตะปูเกลียวเพื่อยดึ แผ่นบันไดเข้ากบั แม่บันได คือขอ้ ใด ก. เลื่อยเจาะรู ข. สวา่ นกระแทก ค. คอ้ นยาง ง. สวา่ นไฟฟ้า 10. ขอ้ ใด คอื วธิ ที ถ่ี ูกตอ้ งในการทำให้คอนกรตี แทรกตวั เข้าไปในแบบหล่อไดท้ ัว่ ถงึ และแนน่ ก. ใช้เครื่องเขยา่ คอนกรีต ข. ใช้ค้อนเคาะข้างแบบหลอ่

138 ค. ใช้ไม้กระท้งุ เน้อื คอนกรีต ง. ใช้ทอ่ ประปากระทงุ้ เนอื้ คอนกรตี แบบประเมินผลกจิ กรรมสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคลและรายกลมุ่ หนว่ ยที่ 6 บนั ได ชือ่ เรือ่ ง ................................................................................................................................... หัวข้ออภปิ ราย ......................................................................................................................... ช่อื กล่มุ ..................................................................................................................................... สมาชิกกลุ่ม 1. ................................................ 2. ................................................ 3. ............................................... 4. ................................................ 5. ................................................ 6. ................................................

139 รายการประเมิน คะแนนเตม็ ผลคะแนน หมายเหตุ 1. การเตรยี มความพรอ้ มในการนำเสนอ 10 ………….. ผล/คะแนน 2. การมอบหมายหนา้ ท่กี ลุม่ 10 ………….. ดีมาก = 80 – 100 3. ความรบั ผดิ ชอบ 10 ………….. ดี = 70 – 79 4. การทำงานเป็นทมี 10 ………….. ปานกลาง = 60 – 69 5. การแต่งกาย/บคุ ลิกภาพ 10 ………….. พอใช้ = 50 – 59 6. ความชดั เจนในการนำเสนอ 10 ………….. ปรบปรงุ = 0 – 49 7. การอภิปรายกลมุ่ 10 ………….. คะแนนเตม็ 8. ความชดั เจนในการนำเสนอ 10 ………….. รวม 100 คะแนน 9. การตอบข้อซักถาม 10 ………….. 10. การจัดเก็บเครื่องมอื อปุ กรณ์ 10 ………….. รวมคะแนนที่ได้ ลงช่อื ………………………………ผู้ประเมนิ (……………………………………..) ………../…………………/………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook