วัสดกุ ่อสรา้ งและเทคนคิ การทางาน 1ความร้เู บื้องต้นเก่ยี วกบั วัสดุและอปุ กรณ์พน้ื ฐานงานก่อสรา้ ง03/07/60วิทยาลัยเทคนิคอบุ ลราชธานีกนกพร ไชยวิเศษ
2 หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกีย่ วกบั วสั ดุและอุปกรณพ์ ื้นฐานงานกอ่ สร้าง หัวขอ้ เร่ือง (Topics) 1.1 ความหมายวสั ดุและอุปกรณ์งานก่อสร้าง 1.2 ชนิดของวสั ดุและอปุ กรณ์พืน้ ฐานทใ่ี ช้ในงานกอ่ สรา้ ง 1.3 คณุ สมบตั ิของวสั ดแุ ละอปุ กรณ์พนื้ ฐานงานก่อสร้าง 1.4 หลักการเลือกใชว้ ัสดุพื้นฐานงานก่อสรา้ ง 1.5 เครื่องมอื และอุปกรณ์พืน้ ฐานท่ใี ช้ในงานกอ่ สร้าง 1.6 ประโยชนข์ องการใชว้ ัสดแุ ละอุปกรณพ์ นื้ ฐานงานกอ่ สร้าง 1.7 การบารงุ รักษาเครอ่ื งมอื และอปุ กรณพ์ ื้นฐานงานก่อสรา้ ง แนวคดิ สาคญั (Main Idea) วสั ดุและเคร่อื งมอื อปุ กรณ์ นับวา่ เปน็ สิ่งสาคญั และจาเปน็ มากสาหรับ “ช่าง” ในการกอ่ สรา้ งบ้านเรอื น ทีอ่ ยอู่ าศัย ตั้งแตก่ ารเตรียมเครอ่ื งมอื กอ่ สร้าง ในการทาฐานราก การยกผนัง การทาหลังคาการติดตง้ั พน้ื การซ่อมแซมผนัง การติดตง้ั หน้าต่าง ประตู บวั และอุปกรณอ์ ่นื ๆ ทั้งนชี้ า่ งทใี่ ช้เครอ่ื งมอื จะต้องมคี วามเชีย่ วชาญในการใชง้ านเปน็ อยา่ งดี และยงั สามารถดูแลรักษาเครือ่ งมือชา่ งให้อยูใ่ นสภาพดีพรอ้ มใช้งานไดใ้ นโอกาสตอ่ ไปด้วย สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency) 1. แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั ชนดิ ขนาด คุณสมบตั ิวสั ดุอปุ กรณ์กอ่ สร้าง จดั เกบ็ รกั ษา 2. สืบค้นขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกับชนดิ ขนาด คุณสมบัตขิ องวสั ดุและอปุ กรณก์ ารก่อสร้าง จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives) 1. บอกความหมายวสั ดุและอปุ กรณ์งานก่อสรา้ งได้ถกู ตอ้ ง 2. จาแนกชนดิ ของวัสดุและอปุ กรณ์พ้ืนฐานที่ใช้ในงานกอ่ สร้างไดถ้ กู ตอ้ ง 3. อธิบายคุณสมบตั ิของวสั ดุและอุปกรณ์พ้ืนฐานงานกอ่ สร้างได้ถกู ต้อง 4. อธิบายหลักการเลือกใชว้ ัสดุพน้ื ฐานงานก่อสรา้ งได้ถูกตอ้ ง 5. อธิบายหลกั การนาเครือ่ งมอื และอุปกรณ์พน้ื ฐานไปใช้งานก่อสร้างต่างๆ ได้ถูกต้อง
36. บอกประโยชนข์ องการใช้วสั ดแุ ละอุปกรณ์พน้ื ฐานงานกอ่ สรา้ งได้ถูกตอ้ ง7. บอกหลกั การบารุงรักษาเครื่องมอื และอุปกรณ์พ้นื ฐานงานก่อสรา้ ง ได้ถูกตอ้ ง
41.1 ความหมายวัสดุ และอปุ กรณพ์ ื้นฐานงานกอ่ สร้าง 1.1.1 วัสดุก่อสรา้ ง วัสดุก่อสร้าง หมายถึง วสั ดุทใี่ ชใ้ นจุดประสงค์สาหรบั การก่อสรา้ ง ท่ีเกีย่ วขอ้ งกับที่อยู่ อาศยั ของมนษุ ย์ และสง่ิ มชี วี ิตทีม่ นษุ ยส์ รา้ งข้นึ รวมไปถงึ สถาปัตยกรรม ท่ีถูกสรา้ งขึ้น วสั ดุ กอ่ สร้างมกี ารหลากหลายใน ทางวัสดตุ ั้งแต่ ดนิ จนถงึ โลหะ พลาสตกิ หรือแก้ว วสั ดุแบง่ แยกใน หลายด้านไม่ว่าโครงสรา้ งทางวัตถุ จดุ ประสงคก์ ารใช้งาน 1.1.2 อุปกรณ์งานกอ่ สร้าง อปุ กรณ์งานกอ่ สร้าง หมายถึง เคร่อื งมือช่างสาหรบั การปฏบิ ัติงาน ซ่ึงมคี วามจาเปน็อย่างมากในลกั ษณะงานตา่ ง ๆ ทีจ่ ะตอ้ งลงมอื ทา1.2 ชนิดวัสดุและอปุ กรณพ์ ้นื ฐานทใี่ ชใ้ นงานกอ่ สร้าง 1.2.1 ชนิดวสั ดุท่ีใช้ในการกอ่ สร้างอาคาร วัสดทุ ใี่ ชใ้ นการกอ่ สรา้ งอาคารพอจะจาแนกเป็นประเภทใหญๆ่ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ 1) วสั ดุพ้นื ฐาน (Basic Materials) วสั ดพุ น้ื ฐาน ได้แก่ วัสดุทเี่ ป็นฐานในการผลิตวสั ดุอนื่ ๆ เพ่ือใช้ในการกอ่ สร้างเชน่ เหลก็ อลูมเิ นียม ไม้ กรวด หิน ทราย ซเี มนต์ พลาสติก กระจก เป็นต้น 2) วัสดผุ ลติ ภัณฑ์ (Product Materials) วสั ดผุ ลิตภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ วัสดทุ ่ีผ่านกระบวนการเพ่ื อใหไ้ ดม้ าซึ่งผลิตภณั ฑท์ ่ีตอ้ งการเพ่ือใช้ในการก่อสรา้ ง เช่น คอนกรีตสาเรจ็ รปู อิฐ เหลก็ รปู พรรณ เหลก็ เสริมคอนกรีต ลวดเหลก็ อดัแรง ไม้แปรรปู ช้ินส่วนสาเร็จรูปทที่ าจากวัสดุสงั เคราะห์ ช้ินสว่ นสาเร็จรูปหลังคา ผนงั ภายในอาคารวงกบประตู หน้าตา่ ง วัสดุงานตกแต่งพ้ืน ผนัง ฝ้าเพดาน หลังคา เป็นตน้ 1.2.2 อปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการก่อสร้างอาคาร อุปกรณท์ ี่ใช้ในการก่อสรา้ งอาคารสามารถแบ่งได้ดงั ต่อไปน้ี - งานคอนกรีต เช่น โรงผสมคอนกรตี โมผ่ สมคอนกรตี รถคอนกรีตผสมเสร็จ รถ ขนเทวสั ดุ สายพานลาเรียง ถังหว้ิ คอนกรีต ถังพกั คอนกรตี รางเทคอนกรตี เคร่อื งสูบคอนกรีต เครื่องสน่ั คอนกรีต เคร่ืองยิงคอนกรตี แบบเล่อื น แบบไต่ เปน็ ตน้ - งานไม้ เชน่ เลอื่ ย ส่ิว สะหว่านเจาะรู เครอื่ งไสไม้ เป็นตน้ - งานโลหะ เช่น เลอ่ื ย สว่าน เคร่อื งเชอื่ ม เปน็ ต้น วสั ดุและอปุ กรณก์ าร ก่อสรา้ งมีการหลากหลายในทางวัสดตุ ั้งแต่ ดนิ จนถงึ โลหะ พลาสตกิ ท่อประปา สี และน้ายารักษาเนือ้ ไม้ หรือแก้ว ซง่ึ วัสดุ ยงั สามารถ แบ่งแยกใ นหลายด้านไม่วา่ จะเปน็โครงสร้างงานไม้ งานคอนกรีต งานโลหะ เพ่ือให้งานก่อสร้างดาเนินการอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ชา่ งทด่ี ีต้องมกี ารศกึ ษาเกีย่ วกบั การนาวสั ดุ และอุปกรณ์พน้ื ฐานในงานกอ่ สรา้ งไปใช้งาน ซง่ึ วสั ดุและอปุ กรณ์พน้ื ฐานท่ชี ่างควรรู้ ได้แก่ งานไม้ งานคอนกรีต และงานโลหะ
51.3 คุณสมบัตขิ องวสั ดุและอปุ กรณ์พน้ื ฐานงานกอ่ สร้าง วัสดุทกุ ประเภท ตง้ั แต่วสั ดุท่ีมีตามธรรมชาติ วัสดทุ ไี่ ด้จากการแปรรูปวสั ดธุ รรมชาติ หรือวสั ดุที่สงั เคราะหข์ ึ้น ล้วนมสี มบตั ิท่แี ตกต่างกนั ออกไป แม้ จะเป็นวสั ดปุ ระเภทเดียวกนั อาจมสี มบตั ิตา่ งกัน เช่น ไม้มหี ลายชนดิ ปนู มหี ลายประเภท และ โลหะมหี ลายชนิด ซ่ึงสมบัตติ า่ ง ๆ ของวสั ดุเปน็ สง่ิ ทผี่ ใู้ ช้จาเป็นต้องศึกษา เพอ่ื ให้สามารถจาแนกลักษณะเฉพาะ สามารถเลือกวสั ดุทมี่ ีสมบัติเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ การผลติ และการใช้งาน รวมทงั้ มหี ลักการพืน้ ฐานที่ จาเปน็ ตอ้ งศึกษากอ่ นการนาไปใชจ้ รงิ เพือ่ ให้เกิดทงั้ ความถูกตอ้ งและแม่นยามากที่สุด1.3.1 วัสดุงานไม้ ไม้ (wood) เป็นวัสดุกอ่ สรา้ งท่ใี ช้ในการสร้างทอ่ี ยู่อาศยั แมว้ า่ ในปัจจุบนั ไมจ้ ะกลายเปน็วัสดทุ ่หี ายาก และแพงกวา่ วสั ดทุ ดแทนอน่ื ไม้ยงั เปน็ สว่ นประกอบหลกั ท่ียังจาเป็นต้องใช้ เช่น วงกบประตู หน้าต่าง ตลอดจนถงึ ผลิตภัณฑ์ทใ่ี ชต้ กแตง่ ภายในบ้าน ได้แก่ วงกบประตหู น้าต่าง บานประตูหน้าตา่ ง แมบ่ ันได ขั้นบนั ได พื้นในรม่ ใช้ทาเคร่ืองเรอื น และเฟอร์นเิ จอร์ตา่ งๆ สว่ นประกอบของไม้ 1.3.1.2 นิยามไม้ ไม้ หมายถึง เนื้อเย่ือไซเลม็ ช้ันท่สี อง (Xylem) ของตน้ ไม้ แต่ในความเข้าใจไม้ อาจหมายรวมไปถงึ วัสดใุ ดๆ ทีม่ สี ่วนประกอบทามาจากไมด้ ว้ ย 1.3.1.3 ประเภทของไม้ ตามหนงั สือขอ้ กาหนดเกี่ยวกบั ไม้ของกรมปา่ ไม้ แบ่งไมอ้ อกเปน็ 3 ประเภท โดยใช้ค่าความแข็งแรงในการดดั ของไมแ้ ห้ง และความทนทานตามธรรมชาตขิ องไ ม้เป็นเกณฑ์ดังน้ดี ูตามตารางท่ี 1.1ตารางที่ 1.1 การแบ่งประเภทของไม้โดยยดึ ค่าความแขง็ แรงประเภทของไม้ ความแข็งแรง ความทนทาน ช่อื มาตรฐาน (กก.ซม.2) (ป)ี1. ไมเ้ นอ้ื แข็ง สงู กว่า 1000 สูงกว่า 6 ไม้สกั , ไม้ตะเคยี นทอง, ไม้แดง, ไม้ เต็ง, ไมร้ ัง, ไม้ชนั , ไม้ประดู่ ฯลฯ2. ไมเ้ นอื้ แข็งปานกลาง 600 – 1000 2 – 6 ไม้ยาง, ไมก้ ระบาก, ไม้ตะกู ฯลฯ3. ไม้เนอื้ ออ่ น ตา่ กว่า 600 ตา่ กว่า 2 ไมฉ้ าฉา, ไม้มะพรา้ ว, ไม้ไผ่, ไม้ มะยมปา่ ฯลฯ(ท่มี า : ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั ไมท้ ใ่ี ช้ในการกอ่ สรา้ งของกรมป่าไม้, 2517)
6 1.3.1.4 คณุ สมบัติของไม้ ในการนาไมไ้ ปใช้ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งสงู สดุ จาเปน็ ตอ้ งรู้ถึงคุณสมบัติของไมแ้ ต่ละชนดิ เพือ่ ที่จะไดเ้ ลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั งานแต่ละประเภท เพราะไม้เกดิ จากตน้ ไม้เหลายชนิดมีคุณสมบตั ใิ นด้านต่างๆ ท่จี ะนามาใช้ประโยชน์ มคี วามแตกตา่ งกัน ไมแ้ ต่ละชนดิ ยอ่ มเหมาะสมกับงานแตล่ ะอยา่ งไมเ่ หมือนกัน เช่น ในงานกอ่ สรา้ งความแขง็ แรงและทนทาน และความละเอยี ดในการเข้าไม้ สว่ นในการประดิษฐ์เครอ่ื งเรือน ไม้จะตอ้ งมสี แี ละลวดลายเนอื้ ไม้ทส่ี วยงาม เปน็ ตน้ 1. คณุ สมบัตขิ องไมเ้ นอื้ แขง็ เปน็ ไม้ท่มี ีวงปีมากกว่าไม้เนอื้ อ่อน เพราะมกี ารเจรญิ เตบิ โตชา้ กวา่ คือ ตอ้ งมอี ายุหลายสิบปี จึงจะนามาใชง้ านได้ ลักษณะทัว่ ไปของไมจ้ ะมเี นื้อมันลาย ละเอียด เนื้อแน่น มีน้าหนักมาก แขง็ แรงทนทาน เช่น ไม้แดง ไมส้ ัก ไม้เต็ง ไมม้ ะคา่ เป็นตน้ 2. คณุ สมบตั ขิ องไม้เน้อื แข็งปานกลาง ทนทาน เลอ่ื ย ไสกบตกแต่งได้งา่ ย ยืดหดตวั เล็กนอ้ ย เช่น ไม้ตะแบก ไมย้ าง ไมน้ นทรี ไม้ตะกู เปน็ ต้น 3. คุณสมบตั ิของไม้เนอ้ื ออ่ น น้าหนกั เบา ไม่ทนทาน ยดื หดตัวได้งา่ ย ราคาถกูเล่อื ย ไสกบตกแตง่ ได้งา่ ย เชน่ ไมฉ้ าฉา ไมไ้ ผ่ ไม้มะพร้าว เป็นตน้ 1.3.1.5 มาตรฐานไม้กอ่ สรา้ ง มาตรฐานขนาดของไม้แปรรูป ซ่ึงกาหนดตาม มอก .421 – 2535 ไม้แปรรปู ที่จาหน่ายภายในประเทศแบ่งออกเปน็ ชนดิ และขนาดตามความนิยมในวงการค้า 1.3.1.6 ขนาด ไมแ้ ปรรปู ตามมาตรฐานนี้ มีขนาดดงั ต่อไปนี้ 1. ความหนา : 12, 16, 19, 22, 25, 32, 38, 44, 50, 63, 75, 88,100, 113, 125, 138, 150 และ 200 2. ความกว้าง : 25, 38, 50, 63, 75, 88, 100, 113, 125, 150, 175,200, 225, 250, 275, 300, 350 และ 400 มิลลิเมตร (ยกเว้นไมส้ ักเหลย่ี ม ใหถ้ ือตามขนาดไม้สกั เหลีย่ มแปรรปู มาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรมไม้สักแปรรปู มาตรฐานเลขท่ี มอก.422) 3. ความยาว : สาหรบั ไม้สกั เริ่มต้งั แต่ 0.30 เมตร และใหม้ ีความยาวเพิม่ ขึน้ชว่ งละ 0.15 เมตร สว่ นไมก้ ระยาเลย เร่มิ ตง้ั แต่ 0.30 เมตร และให้มคี วามยาวเพ่ิมขึ้นช่วงละ 0.30เมตร การเรยี กชื่อขนาด ให้เรียกชื่อขนาดไมเ้ รียงลาดบั ความหนา × ความกว้าง × ความยาว 1.3.1.7 การแปรรูป ตอ้ งแปรรูปให้สว่ นยาวของไมแ้ ปรรปู ขนานกบั ความยาวของ ทอ่ นซงุ ทง้ั 4 ดา้ นตอ้ งเรยี บเปน็ แนวเส้นตรง มขี นาดสม่าเสมอกันตลอดความยาวของแผน่ และภาคตัดขวางหัวท้ายต้องเป็นสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก ไม้แปรรูปที่จาหนา่ ยภายในประเทศแบง่ ออกเปน็ ชนิดและขนาดตามความนยิ มในวงการคา้ ไม้และการก่อสรา้ งทัว่ ๆ ไปดังนี้ 1 3 1. ไมฝ้ าขนาดหนา 2 ถงึ 4 นว้ิ กวา้ ง 4-6 นิ้ว และ 8 -10 น้ิว 2. ไม้พ้นื ขนาดหนา 1 นิ้ว 1 1 3. ไม้คานขนาด 1 2 - 2 น้วิ และ 2 2 ถงึ 3 น้ิว กว้าง 3, 4, 5, 6, 8 และ 12 น้ิว 4. ไมเ้ สาขนาดหนา 4 × 4 น้วิ , 5 × 5 น้ิว, และ 6 × 6 นว้ิ
7 5. ไม้ระแนงขนาดหนา 1 × 1 นิ้ว 1 1 3 2 6. ไมก้ ลอนขนาดหนา 2 - 4 นิ้ว × 2-3 น้วิ และ 1 - 2 นิ้ว × 1 - 2 นิว้ 1.3.1.8 การปรบั ปรุงคณุ ภาพไม้ ไมใ้ นปจั จุบันมคี ุณภาพต่าลง มกี ารหดตัว แตกรา้ ว หรือบดิ งองา่ ย ทาให้เกดิ ความเสียหายในสิ่งก่อสรา้ ง ครัวเรือนเครอ่ื งใช้ไมส้ อย จงึ ตอ้ งมกี ารปรับปรุงคณุ ภาพไมเ้ พอ่ื ใหไ้ มม้ คี ุณภาพที่สงู ขน้ึ ซึ่งเปน็ การปรบั ปรุ งทางดา้ นสี ความแขง็ แรง การหดตัว การพองตัวและความทนทาน มหี ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ 1. การกองไม้ เป็นการกองไมใ้ ห้โปร่งไม่ชิดตดิ ต่อกนั นอกจากจะทาใหไ้ ม้แหง้เรว็ ยังป้องกนั การเกิดเชอื้ ราท่ีทาให้ไมผ้ ไุ ด้เปน็ อยา่ งดี สว่ นไม้ทเ่ี ป็นกระพ้ี หรอื ไม้ท่ไี ม่ทนทาน ในขณะทีแ่ ปรรูปสด ๆ แล้วกองไมช้ ดิ ติดกันเพยี งวนั สองวนั จะเกดิ ราขึน้ เตม็ อาจเสียหายถงึ กับทาใหไ้ มใ้ ชก้ ารไมไ่ ดต้ ลอดไป 2. การแชน่ า้ การแชน่ ้าเปน็ ระยะเวลานาน ๆ จะทาให้แป้งและน้าตาลท่ีมใี นไม้สลายตวั ไป เมอ่ื นาไมม้ าใช้งาน ถึงแม้จะมกี ระพี้ติดอยู่ มอดจะไม่เข้ารบกวน 3. การอบหรือน่ึง จะทาใหส้ ารประกอบทางเคมบี างประเภทซึง่ ดูดและคายน้าได้มากสลายตัวไป ทาให้การพองและการหดตวั ของไม้ลดลง 4. การอบหรือผ่ึง โดยการใสไ่ มท้ ี่จะอบในเตาอบ ซงึ่ สามารถทาใหไ้ ม้แหง้ ได้เร็วไม่ทาให้ไมเ้ สียหายจากการหดตัว ส่วนการผึง่ ในอากาศ ไม้จะแหง้ เรว็ หรือแหง้ ชา้ ข้ึนอยู่กบั ความชน้ื ในอากาศ ถ้าอากาศมคี วามชืน้ ต่า ไมแ้ หง้ เรว็ และถา้ อาคารมีความชนื้ มากไมแ้ หง้ ชา้ 5. การอัดไมด้ ้วยความรอ้ น ทาให้ไม้มีปรมิ าตรเล็กลงและคงรปู ไดภ้ ายหลงั การอดัและทาให้ไม้แข็งและทนทานขนึ้ 6. การอดั พลาสติก โดยการอดั สารทเ่ี ปน็ พลาสติกเหลวเขา้ ไปในเนือ้ ไม้ แล้วทาให้มนั รวมตัวจับกันเป็นเนื้อพลาสติก กลายเป็นของแขง็ ในภายหลงั อาจทาไดโ้ ดยอาศัยตัวเร่งทางเคมีหรอื ฉายรงั สี 7. การอบน้ายา เป็นการทา ชุป แช่ หรืออัดน้ายาเขา้ ไปในไม้ดว้ ยแรงอดั สงู ซง่ึเปน็ วธิ ีท่ีมีประสิทธภิ าพสูงสดุ โดยการนาไม้เข้าห้องบปดิ ฝาจนสนิท ทาการดดู อากาศในไมแ้ ละในหอ้ งอบออกจนหมด แล้วจึงปล่อยนา้ ยาเขา้ ไป ขณะเดยี วกันจะเพมิ่ ความกดดั นของอากาศในทอ่ ให้สูงขึ้นถงึ ระดบั ท่ตี ้องการ ท้ิงไวร้ ะยะหนงึ่ แล้วจงึ ลดความดันลง ไมท้ ่ที าการอาบน้ายาแล้วจะมคี วามทนทานสงู กว่าไม้ธรรมชาตหิ ลายเท่า 1.3.1.9 การนาไมไ้ ปใช้งาน การนาไมแ้ ต่ละชนดิ ไปใช้ใหไ้ ด้ประโยชน์สงู สุดตามคุณสมบตั ขิ องไม้แตล่ ะประเภทมดี ังตอ่ ไปน้ี 1. ไมแ้ ดง คุณลักษณะและคณุ สมบัติ แดง หรือกรว้ ม เป็นไมท้ ่มี กี ารยืดหดตวั สูงเม่ือโดนความชื้นหรอื อากาศรอ้ นจะขยายตัว หากจะนามาใช้ตอ้ งแกป้ ญั หาเรื่องการยดื หดตัว โดยการอบให้แหง้ หรือนาไปใช้ในสว่ นทีตเี วน้ ร่อง มีน้าหนักต่อ 1 ลกู บาศกฟ์ ุตประมาณ 55 - 65 ปอนด์ประโยชน์ใช้ในการกอ่ สร้างอาคา รบ้านเรอื น เช่น ทา เสา ขื่อ คาน ตง กระดาน พ้นื สะพาน เกวยี นเรอื หมอนรถไฟ เคร่อื งเรือน เคร่ืองมอื ทางกสกิ รรม ด้ามเครอ่ื งมอื ต่างๆ เป็นตน้
8 2. ไม้เต็ง ลกั ษณะคุณสมบตั ิ เป็นไมข้ นาดใหญ่มีอยู่ทั่วไป เมอ่ื เล่อื ยไสแล้วระยะแรกจะเปน็ สนี ้าตาลอ่อน ท้ิงไวน้ านจะเปน็ สนี ้าตาลแกแ่ กมแดง เส้ียนหยาบสับสน หาซื้องา่ ยราคาไม่แพง และมีความแข็งแรงทนทาน ใชส้ าหรับงานโครงสรา้ งท่วั ไป มีน้าหนัก 1 ลกู บาศก์ฟตุประมาณ 60-70 ปอนด์ ประโยชนใ์ ช้กบั งาน ที่ต้องการความแขง็ แรงทนทาน เช่น ทาเกา้ อน้ี วม เกา้ อ้ีชิงช้า สะพาน หมอนรางรถไฟ การสร้างบ้านเรือนที่ต้องรบั น้าหนั กมากๆ เช่น ตง คาน กระดานพ้นื ไมโ้ ครงหลังคา และดา้ มเคร่ืองมือกสิกรรม 3. ไม้มะค่า ลักษณะคณุ สมบตั ิ เนือ้ ไมเ้ ป็นสนี า้ ตาลเหลอื ง เสีย้ นคอ่ นข้าง สบั สนเนื้อหยาบมรี ิ้วแทรกแข็งเล่ือยไสกบคอ่ นขา้ งยาก เป็นไมท้ ่มี ีความแขง็ แรง ทนทานมาก มีนา้ หนกั ต่อ1 ลกู บาศกฟ์ ตุ ประมาณ 60 ปอนด์ ประโยชนใ์ ช้ทาเสา ไมห้ มอนรางรถไฟ และใชใ้ นงานก่อสรา้ งต่างๆ เป็นไมช้ นดิ ให้ปุ่มมลี ายงดงาม ราคาแพง ใชท้ าพวกเคร่ืองเรอื น เครอื่ งใช้ เช่น ตู้ โตะ๊ เกา้ อร้ี ับแขกเปน็ ตน้ 4. ไม้ประดู่ ส่วนใหญ่ คอื ประด่แู ดง หรอื ประดู่เหลือง ลกั ษณะคณุ สมบัติ มีความแข็งใกล้ เคยี งกับไม้แดง แตย่ ดื หดน้อยกว่า ไมป้ ระดนู่ ยิ มนาไปใชใ้ นงานก่อสร้างทง้ั ภายใน ภายนอกอาคาร และงานเครือ่ งเรือน เปน็ ไมเ้ น้อื แขง็ ทีม่ คี วามทนทานสูง มีนา้ หนกั 1 ลกู บาศก์ฟตุ ประมาณ67 -70 ปอนด์ เนือ้ ไมม้ ีสสี วยงาม สีแดงอมเหลอื งถึงสแี ดงอฐิ เข้ม มีเส้นสีแกก่ วา่ สพี ืน้ เสย้ี นสนเปน็ ริ้วไสกบตกแต่งชกั เงาไดด้ ี มคี วามแข็ง และมคี วามทนทานตามธรรมชาติ ไม้ประดทู่ ่ีมีขนาดเลก็ นยิ มนาไปใชท้ าไม้ปารเ์ ก้ ไมป้ ระสานแผ่นช้ินไม้อัด และแผ่นไม้ชุบซเี มนต์ 5. ไมส้ ัก ลกั ษณะคณุ สมบัติ เป็นไม้ท่มี ีคุณภาพดีท่สี ุด เน้ือไม้สักจะมสี ีน้าตาลทอง(สักทอง ) ถึงสนี ้าตาลแก่ และมักจะมีเสน้ สีนา้ ตาลแก่แทรก (สกั ทองลายดา ) เน้ือไมม้ ีเส้ียนตรงเน้อื หยาบ แข็ง ปานกลาง เลื่อยไสกบ ตกแตง่ ง่าย ไม่คอ่ ยยดึ หดหรอื บิดงองา่ ยเหมอื นไมช้ นิดอนื่ มีความทนทานตอ่ การทาลายของมอด และปลวกตลอดจนเชื้อราไดด้ ี จึงมคี วามทนทาน ตามธรรมชาติสูง และมลี วดลายสวยงาม มีนา้ หนักตอ่ ลูกบาศกฟ์ ตุ ประมาณ 35 – 45 ปอนด์ มกี ารแบง่ คณุ ลักษณะของไม้สกั โดยพจิ ารณาจากสขี องเน้ือไม้ การตกแต่ง ความแขง็ ความเหนียวของเนื้อไมอ้ อกเป็น 5ชนิด คือ - สกั ทอง เน้อื ไม้จะเป็นเสน้ ตรงผ่าง่าย เป็นสีน้าตาลเหลืองหรือทเ่ี รียกว่า สที อง - สกั หิน เนื้อไม้จะแข็งกว่าไมส้ กั ท่วั ไป สีของเนือ้ ไมเ้ ปน็ สีนา้ ตาลเข้ม - สกั หยวก เนือ้ ไมห้ รอื แกน่ จะมีสนี ้าตาลออ่ นหรือสีจาง ถากหรือฟนั ง่าย - สักไข่ เนือ้ ไมจ้ ะมไี ขปนยากแกก่ ารขดั สีเนอื้ ไม้จะเป็นสนี ้าตาลเขม้ ปน เหลอื ง - สกั ข้คี วาย เนื้อไม้มีสีเขียวปนน้าตาลแก่ และนา้ ตาลอ่อน 6. ไม้ยาง ลักษณะและคณุ สมบัตเิ ป็นไมเ้ นอ้ื อ่อนและหยาบ มสี ีนา้ ตาลปนแดง ใช้ในทรี่ ม่ ทนทานพอใช้ แห้ งชา้ ยดื หดง่าย เลอื่ ยผ่างา่ ย บิดงอตามดนิ ฟ้าอากาศ มีน้าหนัก ตอ่1 ลูกบาศก์ฟุต ประมาณ 40-50 ปอนด์ ประโยชน์ ใชท้ าฝา ฝา้ หรือส่วนที่ไมต่ ้องรบั น้าหนัก นยิ มใชก้ นั เพราะราคาถกู หางา่ ย
9 7. ไมก้ ระบากหรอื ไมก้ ะบาก นิยมนาไปใช้ทาแบบหลอ่ คอนกรตี เพราะถูกนา้ แลว้ไมบ่ ิดงอ หรือโคง้ ทาเคร่ืองเรือนราคาถูก ทากล่องใสข่ อง 8. ไม้อัด เป็นไม้ท่ีเกิดจากการรวม ไม้หลายๆ ชนดิ เข้าดว้ ยกัน หรอื ทาจากไม้ชนิดเดยี วกนั มีความหนาต้ังแต่ 1 ถงึ 4 มลิ ลิเมตร แลว้ นามาอัดตดิ กันโดยใช้กาวเป็นตวั ประสานใหแ้ ต่ละแผน่ มีแนวเสย้ี น ตงั้ ฉากกนั แผน่ ไม้จะถูกอบแห้งในเตาอบ ไมอ้ ัดมีขนาด กวา้ ง 4 ฟตุ ยาว 8 ฟตุ หนา4, 6, 8, 10, 15 และ 20 มลิ ลิเมตร คุณสมบัติของไมอ้ ดั มคี วามแขง็ แรงทนทานสงู มคี วามคงตวั ไม่ยดืหด และแตกง่าย เป็นฉนวนกันความรอ้ นได้ ดี และสามารถรับนา้ หนกั ไดใ้ นอตั ราทสี่ ูงกวา่ ไมธ้ รรมดาประโยชน์ใช้เป็นโครงหล่อเสาคอนกรตี ในการกอ่ สรา้ ง ทาผนังห้อง ฝา้ เพดาน เป็นตน้ 1.3.1.10 การกองเก็บรักษาไม้ กองไม้ควรสูงจากพนื้ ดินไมน่ อ้ ยกว่า 30 เซนตเิ มตร สาหรับไม้คน่ั (stick) ท่ีใช้กับไม้แปรรปู มีอยู่ 2 ขนาด คือ 1x1 น้วิ และ 1x½ นวิ้ ไมท้ ่แี หง้ งา่ ยและเกิดตาหนินอ้ ย เชน่ สักสะเดาเทียม ให้ใช้ไม้ค่นั หนา 1½ x 1½ นิ้ว โดยแนวของไมค้ นั่ อยใู่ นแนวดิ่งตรงกัน ในฤดฝู นควรกองไมใ้ ตโ้ รงเรือนหรอื มีหลงั คาคลมุ เพอ่ื ป้องกันเช้ือราบนเนือ้ ไม้ โดยเฉพาะไม้ยางพาราและไมส้ น เป็นตน้ 1.3.2 วัสดุงานคอนกรตี คอนกรีต เป็นวัสดุผสม ท่นี ิยมใช้ในงานก่อสรา้ งประกอบดว้ ย 3 สว่ นหลักคือ ปูนซเี มนต์วสั ดผุ สม (เช่น หนิ ทราย หรือ กรวด) และนา้ โดยอาจจะมสี ารเคมีเติมเพิ่มเข้าไปสาหรบั คณุ สมบตั ิดา้ นอืน่ เม่อื ผสมเสร็จคอนกรีตจะแขง็ ตวั อยา่ งชา้ ๆ ซ่งึ นา้ และซเี มนตจ์ ะทาปฏิกิ รยิ าทางเคมกี ันในลักษณะท่ีเรียกว่า การไฮเดรชั่น โดยซีเมนต์จะเรมิ่ จบั ตวั กับวัสดุอืน่ และแขง็ ตวั ซ่ึงในสถานะนเี้ รียกกนัว่าคอนกรีต 1.3.2.1 นยิ ามของคอนกรตี คอนกรีต หมายถงึ วัสดุผสมทน่ี ิยมใช้ในงานก่อสรา้ งประกอบด้วย 3 สว่ นหลกั คือปูนซีเมนต์ วัสดผุ สม (เชน่ หิน ทราย หรือ กรวด) และ นา้ โดยอาจจะมีสารเคมีเติมเพ่มิ เขา้ ไปสาหรับคณุ สมบัตดิ ้านอ่นื เมื่อผสมเสรจ็ คอนกรตี จะแข็งตวั อย่างช้าๆ ซง่ึ น้าและซเี มนต์จะทาปฏกิ ิรยิ าทางเคมีกันในลักษณะทเี่ รยี กวา่ “การไฮเดรช่ัน” 1.3.2.2 ชนิดของคอนกรตี คอนกรีตแบ่งออกได้ 5 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1. คอนกรีตลว้ น เป็นคอนกรีตอย่างเดยี วปราศจากวสั ดุอ่นื ใดเหมาะสมกบัโครงสร้างทรี่ ับแรงอัดอยา่ งเดียว 2. คอนกรตี เสริมเหล็ก เป็นคอนกรีตทมี่ เี หลก็ เสริมเพอื่ ใหส้ ามารถรบั แรงอดั และแรงดึงมากขน้ึ นิยมใช้ในการกอ่ สร้าง เสา คาน พื้น และฐานราก 3. คอนกรีตอดั แรง เปน็ โครงสร้างคอนกรตี ท่ีใชเ้ ทคนคิ การดงึ ลวดรับแรงดงึ สงูและถ่ายแรงคา้ งไวใ้ นเนื้อคอนกรตี ทาใหโ้ ครงสรา้ งสามารถต้านทานต่อโมเมนตด์ ดั และแรงเฉือนได้สามารถแบ่งได้เปน็ 2 ประเภท คือ 3.1 วธิ อี ัดแรงก่อน (Pre – Tension) 3.2 วธิ ีอดั แรงทีหลัง(Post – Tension)
10 4. คอนกรีตมวลเบา (Lightweight Concrete) คือ คอนกรีตท่ีมคี วามหนาแน่นหรือหน่วยนา้ หนักนอ้ ยกว่าคอนกรตี ท่ีใช้กนั อยูท่ ัว่ ไป มคี ่าประมาณ 400 - 1900 กิโลกรมั /ลูกบาศก์เมตร โดยคัดเลอื กวสั ดผุ สมที่น้าหนกั เบาพเิ ศษ ทาให้เกิดฟองอากาศขนาดเลก็ จานวนมากในเน้อืคอนกรตี คอนกรตี จึงพองตวั และเบาขึน้ สามารถลดนา้ หนกั อาคารได้มาก และประหยัดต้นทุนคา่ก่อสรา้ ง 5. คอนกรตี หล่อสาเร็จรูป (Precast Concrete) เป็นการผลิตชิ้นสว่ นคอนกรตีสาเรจ็ รูปจากโรงงาน แลว้ จงึ นามาประกอบติดตัง้ ณ. สถานที่กอ่ สร้าง เช่น ผนงั สาเร็จรูป แผ่นพนื้สาเรจ็ รูป เสาเข็มคอนกรตี อดั แรง คานสาหรับงานสะพาน หรอื ทางดว่ น 1.3.2.3 วตั ถุดบิ ท่ีใช้ผสมคอนกรีต 1. ปูนซีเมนต์ (Cement) เปน็ คาทม่ี าจากภาษาลาติน (Latin) หมายถงึ สารที่สามารถหรือประสานของแขง็ หรอื มวลรวม เช่น หินหรือกรวด ทราย ใหแ้ ขง็ ตดิ เปน็ ชิ้นเดยี วกนั นยิ มใช้ในงานก่อสร้างเปน็ หลัก 1) คุณสมบัติของปูนซเี มนต์ ปนู ซีเมนต์ มลี ักษณะเป็นผงละเอยี ด สามารถเกิดการก่อตวั และมกี ารแขง็ ตวั ได้ดว้ ยการทาปฏกิ ิริยากับนา้ ซ่งึ เรยี กวา่ “ปฏกิ ิรยิ าไฮเดรชน่ั (Hydration Reaction)” ทาให้มีคุณสมบตั ใิ นการรับแรงได้ การทาความเข้าใจองคป์ ระกอบทางเคมี และคณุ สมบัตทิ างฟสิ กิ สข์ องปูนซเี มนต์ จะช่วยใหส้ ามารถแปลความหมายผลการทดสอบปนู ซีเมนตไ์ ด้อยา่ งถกู ต้อง ทง้ั นี้ เพราะคณุ สมบัตขิ องปูนซีเมนต์มผี ลสาคัญต่อคุณสมบัตขิ องมอรต์ าร์ และคอนกรตี ซง่ึ สารประกอบหลกั ของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ มี 4 ชนิด ดตู ามตารางที่ 1.2ตารางที่ 1.2 องค์ประกอบทางเคมีของปนู ซเี มนต์ ช่อื สารประกอบหลัก สว่ นประกอบทางเคมี ชอ่ื ย่อ 3CaO * SiO2 C3Sไตรคัลเซยี มซิลเิ กต(Tricalcium Silicate) 2CaO * SiO2 C2Sไดคลั เซยี มซลิ เิ กต(Dicalcium Silicate) 3CaO * Al2O3 C3Aไตรคลั เซยี มอลูมิเนต(Tricalcium Aluminate) 4CaO * Al2O3*Fe2O3 C3AFเตตระคลั เซียมอลมู โิ นเฟอรไ์ รต์(Tetracalcium Aluminoferrite)
11 2) ประเภทของปูนซเี มนต์ปอรต์ แลนด์และการใช้งาน ปนู ซเี มนตป์ อรต์ แลนดท์ ่ีผลิตในประเทศไทย สว่ นใหญ่จะผลติ ตามมาตรฐานของอเมรกิ า (ASTM C - 150) และของอังกฤษ (British Standard ; B.S.) ซง่ึ ตามมาตรฐาน มอก . 15ของไทยไดแ้ บ่งปูนซเี มนตป์ อรต์ แลนด์ออกเปน็ 5 ประเภท คือ ประเภทหนงึ่ ปนู ซีเมนตป์ อร์ตแลนดธ์ รรมดา (Type 1-normal portlandcement) เป็นปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนดธ์ รรมดา เหมาะกบั งานกอ่ สร้างคอนกรตี ทัว่ ๆ ไปท่ีไมต่ อ้ งการคณุ สมบัติพเิ ศษเพม่ิ เตมิ เชน่ คาน เสา พน้ื ถนน ค .ส.ล. เปน็ ต้น แต่ไมเ่ หมาะกบั งานท่ีตอ้ งสัมผสั กบัเกลือซัลเฟต ผลติ ภณั ฑ์ปูนซเี มนต์ประเภทน้ีทีม่ จี าหน่ายไดแ้ ก่ ตราชา้ ง เพชร (เม็ดเดียว) พญานาคเขียว TPI (แดง) ภเู ขา และดาวเทยี ม ดงั รปู ที่ 1.25 รปู ท่ี 1.25 ปูนซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทหนงึ่ (ทม่ี า : https://www.emaze.com/@AWCLWIO/aekkachai) ประเภทสอง ปูนซเี มนต์ปอร์ตแลนด์ดดั แปลง (type II modified PortlandCement) เป็นปูนซเี มนต์ปอรต์ แลนด์ ดัดแปลงเพอ่ื ให้สามารถตา้ นทานเกลือซลั เฟตได้ปานกลางและจะเกิดความรอ้ นปานกลางในชว่ งหลอ่ เหมาะกบั งานโครงสรา้ งขนาดใหญ่ เชน่ ตอมอ่ สะพาน ทา่เทยี บเรอื เข่ือน เปน็ ตน้ ผลิตภัณฑป์ นู ซเี มนต์ประเภทน้ีทเี่ คยมีจาหนา่ ย ไดแ้ ก่ ตราพญานาคเจด็ เศียร(ปจั จุบันเลกิ ผลิตแลว้ ) ดงั รปู ท่ี 1.26 รูปท่ี 1.26 ปูนซเี มนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทสอง (ทีม่ า : http://www.vcharkarn.com)
12 ประเภทสาม ปูนซีเมนตป์ อรต์ แลนด์ประเภทให้กาลังอดั สงู เรว็ (Type III high-early Portland Cement) สามารถใหก้ าลงั ได้รวดเรว็ ในเวลาอนั สนั้ หลังจากเทแลว้ สามารถใชง้ านได้ภายใน 3-7 วัน เหมาะกบั งานที่เร่งดว่ น เชน่ คอนกรตี อัดแรง เสาเขม็ พื้นถนนที่จราจรคบั คง่ั เปน็ตน้ ผลิตภัณฑป์ ูนซเี มนตป์ ระเภทนที้ ี่มจี าหน่ายไดแ้ ก่ ตราเอราวณั สามเพชร TPI (ดา) และพญานาคแดง ดงั รปู ที่ 1.27 รูปที่ 1.27 ปนู ซีเมนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทสาม (ท่มี า : http://www.vcharkarn.com ) ประเภทส่ี (Low-heat Portland Cement) เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนดิ พเิ ศษที่มอี ตั ราความรอ้ นตา่ กาลงั ของคอนกรตี จะเพ่ิมขึ้นอยา่ งชา้ ๆ ซ่ึงสง่ ผลดีทาใหก้ ารขยายตัวน้อยช่วยลดการแตกรา้ ว เหมาะกับงานสรา้ งเขื่อนขนาดใหญ่ ปนู ซเี มนต์ประเภทนใ้ี นประเทศไทยยังไม่มกี ารผลิตจาหนา่ ย ประเภทห้า (Sulfate-resistant Portland Cement) เปน็ ปนู ซีเมนต์ปอรต์ แลนด์ ท่ที นต่อเกลือซลั เฟตไดส้ ูงเหมาะกบั งานกอ่ สร้างบริเวณดินเค็ม หรอื ใกล้กบั ท ะเลผลิตภัณฑป์ นู ซีเมนตป์ ระเภทนท้ี ี่มจี าหนา่ ยได้แก่ ตราปลาฉลาม TPI (ฟา้ ) และตราช้างฟ้า (ปจั จุบนัเลิกผลติ แล้ว) ดังรูปท่ี 1.28 รปู ที่ 1.28 ปูนซเี มนตป์ อร์ตแลนด์ประเภทห้า (ที่มา : http://www.vcharkarn.com )
13 3) การกองเก็บรกั ษาปนู ซีเมนต์ การเกบ็ ปูนซเี มนต์ ควรเก็บไวใ้ นสถานท่ีแห้งมีหลงั คา และผนงั ปกคลมุ มิดชดิโดยการเก็บควรเก็บไว้เป็นปรมิ าณมาก ๆ ในทเ่ี กบ็ แห่งเดยี ว การกองเก็บปนู ซเี มนต์ ควรกองเกบ็ ให้มีอากาศผา่ นเขา้ ภายในกองไดน้ อ้ ยทส่ี ุด และต้องระมดั ระวังอย่าให้ความชื้นหรอื น้าเขา้ ทางพ้ืนได้ ถ้าพื้นเปน็ ไม้ตอ้ งยกพื้นไม้ให้อยพู่ น้ ระดับดินขึ้นไปไมต่ากวา่ 30 เซนติเมตร การวางถุงปูนซีเมนต์ ควรวางเรยี งเปน็ ช้ัน ๆ ทน่ี ิยมทากนั คือ วางตามยาวของถงุ 5 ถุง แลว้ วางตามขวาง 5 ถุง สลบั กนั การวางซอ้ นกันไม่ควรใหส้ ูงมากเกินไปกวา่ ที่จะหยบิ มาใชง้ านไดส้ ะดวก แตอ่ ย่าวางใหช้ ดิ ติดผนงั หรือฝาเพราะปนู ซีเมนตอ์ าจถกู ความช้ืน จากข้างนอกเขา้ มาขา้ งในได้ 2. ทราย ทรายในอตุ สาหกรรมการก่อสร้าง คือ วัตถผุ สมละเอียดท่ีมีขนาดผ่านตะแกรงร่อน4.75 มิลลเิ มตร เม็ดทรายมลี กั ษณะแขง็ แกร่ง ทนทาน มเี หลี่ยมคม ไม่ขยายตัวมาก มีสารประกอบอ่นืเจือปนอยู่นอ้ ย ทรายแหง้ ที่ใชใ้ นงานก่อสรา้ งจะมนี ้าหนกั ประมาณ 1,400 – 1,650 กโิ ลกรมั /ลกู บาศกเ์ มตร โดยทรายที่ใชผ้ สมปูนซเี มนต์จะเรียกวา่ วสั ดุผสมละเอยี ดมขี นาด 0.5 - 4.75 มิลลเิ มตร 1) ชนดิ ของทราย ทรายเกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ โดยการแปรรปู หรอื การกะเทาะแบ่งส่วนมาจากหิน และกรวดทรายทข่ี ุดได้บนพ้นื ดินเรยี กวา่ ทรายบก ทีเ่ กิดจากลาธารแม่นา้ เรยี กวา่ “ทรายแมน่ า้ ” ทเี่ กดิ จากทะเลเรยี กว่า “ทรายนา้ เคม็ ” ทรายทีน่ ิยมนามาใชเ้ ป็นส่วนผสมคอนกรตี ในงานก่อสรา้ งมี 2 ชนิด คือ ทรายบก และทรายแม่น้า 1.1) ทรายบก เกิดจากหินทรายทีแ่ ตกแยกชารุดออกมา เป็นเม็ดทรายละเอียดตามสภาพภมู อิ ากาศสิ่งแวดล้อม และจะฝงั จมอยใู่ นพืน้ ดนิ เปน็ แหง่ ๆ ทรายชนิดนจี้ ะมีดินซากพืช และซากสตั วป์ ะปนอยูด่ ว้ ย ในการใช้งานจึงต้องนาทรายมาลา้ งแยกดนิ ซากพชื และซากสัตว์ออกใหส้ ะอาด การผลติ ทรายบกแบง่ เปน็ 2 ลักษณะ คือ (1) ผลติ โดยการเปิดหนา้ ดินดว้ ยรถตักดินจนถึงระดบั น้าใตด้ นิ จนมีสภาพเปน็ แอ่งน้าขนาดใหญแ่ ล้วจึงนาเรอื มาดดู หรือใช้รถตักทรายขึ้นมาผา่ นตะแกรงเพ่อื แยกกรวดออก (2) ผลติ โดยการใช้เครอ่ื งจักรในการผลิตทราย โดยอาศยั การเปดิหนา้ ดินเหมอื นวธิ แี รก หลงั จากน้ันจะผา่ นข้ันตอนและเคร่ืองจกั รตา่ งๆ 1.2) ทรายแม่นา้ มอี ยู่ทั่วไปในท่รี าบลุม่ ของแมน่ า้ เกดิ จากกระแสนา้ พัดพาทรายจากท่ีตา่ งๆ มาตกตะกอนรวมกันในแหลง่ ที่ราบลุ่ม นยิ มนาไปใช้ในการกอ่ สรา้ ง เพราะเปน็ทรายทส่ี ะอาด เมด็ มีเหล่ยี มมีมุมขนาดต่างๆ กนั เมอ่ื ผา่ นตะแกรงรอ่ นแล้วนาไปใช้ในการก่อสร้างเช่น งานโครงสร้าง งานปูนฉาบ ปูนกอ่ สว่ นทรายแม่น้าท่มี ีสว่ นผสมของสารอินทรียม์ าก มสี ดี าปนสีน้าตาลเข้ม ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้ แตน่ ยิ มนามาใชโ้ รยบนหน้าดินกอ่ นทาสนามหญา้ และใชถ้ มทด่ี ินเพราะมีราคาถกู เรียกว่า “ทรายข้ีเป็ด” 2) ขนาดของเมด็ ทราย สามารถแบง่ แยกได้ดังนี้ 2.1) ทรายละเอียด ขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 1.5 - 0.5 มลิ ลิเมตร ใช้งานในปูนกอ่ ปูนฉาบ ปนู ถือ
14 2.2) ทรายกลาง ขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 1.0 - 3.0 มลิ ลเิ มตร ใช้ในงานคอนกรตี ปูนกอ่ ที่ต้องรบั แรงอดั ปูนฉาบผนังใต้ดิน พน้ื คาน 2.3) ทรายหยาบ ขนาดเส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง 2-4.75 มลิ ลิเมตร ใช้ในงานคอนกรตี เทพื้นฐานรากและงานที่ตอ้ งการแรงอัดมาก 3) คณุ สมบัติของทราย ทรายทดี่ มี คี ุณสมบัติคือ ทนความร้อนได้สูง ระบายแก๊สไดด้ ใี นขณะเทน้าลงในโลหะ มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงอดั ของนา้ โลหะ มีความแน่นและรักษารูปทรงไดด้ ีทาลายหรือสลายตวั ไดง้ ่าย 4) การนาไปใช้ ทรายสามารถนาไปใช้ในการกอ่ สรา้ งไดห้ ลายประเภท เช่น ใชเ้ ป็นส่วนผสมของคอนกรตี ใช้ผสมปนู ขาวและปูนซีเมนต์ ผสมในปูนก่อ และปูนฉาบ ฝา ผนัง ใชเ้ ปน็ สว่ นประกอบในการทาหินขดั ทรายล้าง หนิ ล้าง เปน็ ต้น 5) การเกบ็ รักษาทราย ในการเกบ็ รกั ษาทรายทถ่ี กู ดดู ขึน้ มาจากแม่น้า หรือบอ่ ทราย นาข้นึ ผา่ นสายพานลาเลยี งใส่รถบรรทกุ ทีร่ อรบั เพอื่ นาไปจาหนา่ ย ในส่วนทย่ี งั ไม่ไดจ้ าหนา่ ยตอ้ งกองเกบ็ ไว้ในบริเวณทีแ่ หง้ 3. หิน หนิ ก่อสรา้ ง คอื หินท่ีระเบดิ จากภเู ขา มีน้าหนกั ประมาณ 1,400 – 1,600 กิโลกรัม /ลูกบาศก์เมตร นามาใช้ในการกอ่ สรา้ งบ้านเรือน อาคาร ถนน สะพาน โดยอาจจะนาหนิ กอ้ นใหญ่ ๆมาเรียงสรา้ ง หรอื หนิ ขนาดเลก็ ทบ่ี ดย่อยนามาใช้ผสมปูนซีเมนตท์ า คอนกรตี คณุ สมบัติของหนิก่อสรา้ ง คอื ความคงทนต่อก ารขดั สี ความแกร่งสูง ทนแรงกดอดั ไดม้ าก ทนสารเคมสี ูง ปรมิ าณคละภายหลังการยอ่ ยบดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ความซมึ นา้ ต่า ไมท่ าปฏิริยากับสารเคมีง่าย ผวิ มกี ารจบัเกาะกบั ซเี มนตแ์ ละแอสฟัลต์ ปริมาณอินทรียส์ ารในเนือ้ หนิ ต่า เปน็ ต้น 1) ประเภทของหิน หินท่ีอยบู่ นเปลอื กโลกทางธรณวี ิทยา จาแนกประเภทของหนิ ออกไดเ้ ปน็3 ประเภทดังน้ี 1.1) หนิ อัคนี คือ หินท่เี กดิ จากการเยน็ ตัวและตกผลึกของหินหนดื 1.2) หินชนั้ หรือหินตะกอน คอื หินที่เกดิ จากการทับถมกนั ของซากพชืซากสัตว์ และตะกอนตา่ งๆ หรือเกดิ จากการสึกกรอ่ นผุพงั ของหนิ อคั นีหรอื หินอ่ืนๆ เป็นเวลานาน 1.3) หนิ แปร คอื หนิ อัคนีหรือหินช้ัน ซง่ึ สกึ กรอ่ นและเปลี่ยนแปลงไปเพราะความร้อน 2) ขนาดของหินที่ใชใ้ นการก่อสร้าง 2.1) หินขนาด 1 น้วิ หนิ ขนาด 1 นิ้ว ใช้สาหรับงานคอนกรีตท่ัวไป งานกอ่ สรา้ งทม่ี ีพ้นื ที่คอ่ นข้างใหญ่ และงานหลอ่ คอนกรีต ซงึ่ มพี ืน้ ทีใ่ หญ่ ประหยัดเวลาและประหยดั ปนู ซเี มนต์ เหมาะสาหรบั งานเทลานคอนกรีต งานถนนคอนกรตี พนื้ โกดัง และพ้ืนโรงงาน และงานก่อสรา้ งอื่นๆ
15 2.2) หินขนาด 3/4 นว้ิ หนิ ขนาด 3/4 น้ิว มขี นาดเลก็ กว่า 20 มิลลเิ มตร เหมาะสาหรับเปน็ส่วนผสมคอนกรตี โดยเฉพาะคอนกรีตผสมเสรจ็ และใช้สาหรบั งานกอ่ สร้างทั่วไป งานหล่อคอนกรตีท่มี พี ื้นท่ขี นาดเลก็ งานพื้นคอนกรีต ตลอดจนงานผิวทางลาดยาง งานตกแต่งสวน และงานก่อสรา้ งอืน่ ๆ 2.3) หิน 1/2 นิ้ว หนิ 1/2 น้ิว เหมาะสาหรับงานหลอ่ คอนกรีตทีม่ ีพ้ืนทแี่ ละขนาดเล็ก ๆงานหลอ่ ทอ่ ระบายน้า หรอื งานคอนกรีตเอนกประสงค์ งานผิวทางราดยาง งานตกแตง่ สวน ทางเทา้ตลอดจนงานกอ่ สรา้ งอื่น ๆ 2.4) หนิ ฝ่นุ หนิ ฝุน่ ประกอบด้วยหนิ ขนาดเลก็ กวา่ 3/16 น้วิ เหมาะสาหรับงานอดัอิฐสาเรจ็ รปู อิฐทางเทา้ อิฐบล็อก ลานอเนกประสงค์ สนามกฬี า งานตกแตง่ สวน ทางเท้า เป็นส่วนผสมฉาบผิวทางราดยาง สเลอรี่ซลี (Slurry seal) เป็นส่วนผสมเสริมผิวทางแอสฟัลตค์ อนกรีต(Hot Mixed Alsphat – HMA) และงานกอ่ สรา้ งอ่นื ๆ เช่น ปรบั ถมทดี่ นิ 2.5) หินคลกุ หนิ คลุก เป็นหินผสมระหวา่ งหินขนาดตา่ ง ๆ เหมาะสาหรบั ใชเ้ ปน็วัตถุดิบในการรองพน้ื ทาง (pavement base) บดอดั แนน่ ในการกอ่ สร้างถนนลาดยาง ถนนคอนกรตี หรือใช้แทนดนิ ลกู รงั ในการทาถนนหรอื ทางลาลอง ใช้ถมบดอดั ปรบั พนื้ ที่ และงานเอนกประสงค์อน่ื ๆ เช่น ปรับถมทดี่ ิน 2.6) หนิ คดั ใหญ่ ขนาดของหิน ประกอบด้วยหินใหญ่ ขนาด 10 – 25 เซนตเิ มตร ใช้ในการประดับตกแต่งคันเข่อื น คนั คู ประตูระบายนา้ งานของกรมชลประทาน ตลอดจนงานตกแตง่สวน ขอบสระและงานปอ้ งกันการกดั เซาะของน้า บรรจใุ สก่ ลอ่ งลวดตาข่ายและอ่นื ๆ 2.7) หนิ 1.5-3 น้ิว หิน 1.5-3 นวิ้ ใช้ในงานก่อสร้าง เชน่ เขือ่ น ทางรถไฟและทา่ เรือ 3) คุณสมบตั ขิ องหิน คณุ สมบตั ขิ องหินก่อสรา้ ง คือ ความคงทนต่อการขดั สี ความแกรง่ สูง ทนแรงกดอัดได้มาก ทนสารเคมีสูง ปริมาณคละภายหลงั การย่อยบดอยใู่ นเกณฑ์มาตรฐาน ความซมึ น้าตา่ ไมท่ าปฏริ ยิ ากับสารเคมงี า่ ย ผวิ มกี ารจบั เกาะกบั ซเี มนต์ และแอสฟัลต์ดี ปรมิ าณอินทรยี ส์ ารในเนื้อหินต่า เป็นต้น 4) การนาไปใช้ หนิ ท่ีนาไปใชใ้ นการกอ่ สร้างมีมากมายหลายชนิด ในทีน่ ้ีจะกล่าวเฉพาะหนิ ท่ีนิยมนามาใชใ้ นงานก่อสรา้ ง มดี ังตอ่ ไปนี้ 4.1) หินแกรนติ นามาใช้เปน็ หินประดบั และหนิ ก่อสรา้ งนามาปูพืน้ ห้องทาเคาน์เตอรค์ รวั เคานเ์ ตอรห์ อ้ งน้า ฯลฯ เพราะคุณสมบตั ขิ องหินแกรนิตนน้ั เปน็ หนิ ทมี่ คี วามแขง็ แรง
16 4.2) หนิ บะซอลต์ นาไปใช้เปน็ วัสดกุ อ่ สรา้ งถนน เทพ้นื รองหมอนรางรถไฟและทาเปน็ แผ่นปูพืน้ หรือผนงั ใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในการผลิตแอสฟลั ต์ 4.3) หินปนู นาไปใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง ทาถนน ทางรถไฟ เผาทาปนู ซีเมนต์ปูนขาว ปนู กนิ หมาก ทาแคลเซยี มคาร์ไบด์ ทาวสั ดุทนไฟ ทาปุ๋ย และทาสี 4.4) หินทราย ใชเ้ ปน็ วสั ดุในการก่อสรา้ งทาถนน สร้างโบราณสถานแกะสลกั รูปป้ัน เชน่ พระพทุ ธรปู ใชใ้ นอุตสาหกรรมการทาแกว้ 4.5) ยปิ ซมั นามาใช้ทาปูนปลาสเตอร์ ปนู ซเี มนต์ แผน่ ยปิ ซัมบอรด์ ปุ๋ยแป้งนวล ชอลก์ กระดาษ ฯลฯ 4.6) หนิ กรวดมน นามาใชใ้ นการกอ่ สรา้ ง เป็นวัสดปุ พู น้ื หรอื ประดบั ตกแตง่พ้ืน และผนงั อาคาร มหี ลายสี 4.7) หนิ อ่อน นามาใช้เปน็ วสั ดุก่อสรา้ ง กรุผนัง ปูพืน้ แกะสลักรปู ปัน้เครื่องประดับ นามาตกแตง่ อาคารสถานทีต่ า่ งๆ 4.8) หนิ ชนวน นามาใชเ้ ป็นวสั ดุก่อสร้าง เปน็ กระเบือ้ งมุงหลังคา ปูพืน้ภายในภายนอกและกรตุ กแต่งผนัง 4.9) หนิ ไนส์ นามาใช้ทาหินประดับ หินแกะสลัก ครกหิน และหนิ ก่อสร้าง 4.10) หนิ ควอรต์ ไซต์ นยิ มใช้ในการกอ่ สร้าง ปูพ้ืนห้องนา้ สระว่ายนา้ ทากรวด คอนกรีต ทาหินอัดเมด็ 4.11) หนิ ศลิ าแลง นยิ มนามาใชต้ กแต่งสวน เปน็ หินปูพืน้ ปทู างเดนิ ก่อกาแพง และกอ่ ผนังอาคารบา้ นเรอื น 5) การกองเก็บรกั ษาหนิ การกองหินไว้ในงานก่อสร้าง ควรกองเก็บในทแี่ ห้ง ปราศจากความช้ืนมีบริเวณทส่ี ามารถกองท้ังหิน และทรายได้ โดยแบง่ แยกกัน้ ไว้ใหช้ ัดเจน เพื่อความสะดวกในการทางาน 4. นา้ ผสมคอนกรตี มีความสาคัญตอ่ กาลงั อัดคอนกรีตเปน็ อยา่ งมาก คุณสมบัติสาคญัของนา้ คือ ความสะอาดไมค่ วรมสี ิง่ เจือปนต่างๆ หรอื เปน็ นา้ ท่ีด่มื ได้ หากใช้นา้ ผสมคอนกรตี ที่ไม่สะอาดมสี ารเจือปนจะส่งผลเสยี ตอ่ ไปนี้ - นา้ ทะเลทาใหก้ าลังอัดคอนกรีตลดลง 10-20 เปอร์เซน็ ต์ - นา้ ประปามสี ่วนผสมของคลอไรด์ มผี ลตอ่ การเกิดสนมิ ของ เหล็กได้ - สารเจอื ปนในน้าลดกาลังอดั ของคอนกรีตลงได้ เชน่ ตะไคร่น้า น้าตาล น้าเสียจากโรงงาน น้ามนั ตะกอน โดยปริมาณทย่ี อมให้จะต้องไม่เกนิ ข้อกาหนด ASTM 5. สารเคมีผสมเพมิ่ หมายถึง สารเคมีทีใ่ ชผ้ สมคอนกรตี นอกเหนือจากข้อที่กลา่ วมาเพอ่ื เพม่ิ หรอื ปรับปรุงคณุ สมบัติบางประการของคอนกรีต เชน่ เพม่ิ ความสามารถในการทางาน เพ่ิมกาลัง ลดนา้ เรง่ การแข็งตวั หน่วงการแข็งตวั การนาปูนซเี มนตไ์ ปใชง้ านทั้งในรปู ของซีเมนต์เพสต์, มอร์ตาร์ และคอนกรีต แสดงดงั รปูท่ี 1.29
17 ปนู ซีเมนตเ์ พลส์ มอตาร์ คอนกรีต รปู ที่ 1.29 การนาปูนซีเมนตไ์ ปใชง้ านท้งั ในรปู ของซีเมนตเ์ พสต์, มอร์ตาร์ และคอนกรตี (ท่ีมา : กนกพร ไชยวเิ ศษ, 2559) ซีเมนต์เพสต์ (Cement Paste) คอื สว่ นผสมของ ปูนซเี มนตก์ บั น้า และอาจมีการผสมเพ่ิมหรือนา้ ยาผสมคอนกรีตดว้ ย มอรต์ าร์ (Mortar) คอื ส่วนผสมของ ซเี มนต์เพสต์ กับ ทราย คอนกรตี (Concrete) คือ ส่วนผสมของมอร์ตาร์ กบั หนิ หรอื กรวด น่นั คือคอนกรีตประกอบด้วย ปูนซเี มนต์ หนิ หรอื กรวด ทราย นา้ และอาจมสี ารผสมเพ่มิ หรอื น้ายาผสมคอนกรตี ดว้ ย 1.3.3 วัสดุงานโลหะ วสั ดวุ ิศวกรรมทมี่ นษุ ย์ได้ประดิษฐค์ ดิ คน้ ขน้ึ มาอยา่ งสรา้ งสรรค์ โดยทีม่ ใี ชแ้ ละพบเหน็ กนัทัว่ ไปในอุตสาหกรรมตา่ งๆ เช่น เหลก็ ไรส้ นิม เหลก็ กลา้ เหลก็ หลอ่ อลมู ิเนยี ม ไททาเนียม หนิปูนซีเมนต์ ทราย กระเบือ้ ง สี กระดาษ แก้ว รถยนต์ นา้ มนั เคร่ืองจักรกลในการกอ่ สร้าง ฯลฯวสั ดุวศิ วกรรมตา่ งๆ เหล่าน้ันสามารถแบง่ ออก เป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คอื โลหะ (Metallic) และอโลหะ (Non - Metallic)
18 1.3.3.1 โลหะ (Metallic) วสั ดทุ ี่ประกอบดว้ ยธาตโุ ลหะที่มอี ิเลก็ ตรอนหนึ่งอย่าง หรือมากกวา่ ผสมเขา้ด้วยกัน คอื อเิ ล็กตรอนเหลา่ น้ไี มไ่ ด้เป็นอะตอมใดอะตอมหนง่ึ โดยเฉพาะ ทาใหโ้ ลหะมคี ุณสมบตั ิท่ีหลากหลาย เชน่ - เป็นตัวนาความรอ้ นและไฟฟา้ ได้เปน็ อย่างดี - ไมย่ อมใหแ้ สงผา่ นจึงทาใหไ้ ม่โปรง่ ใส - ผวิ ของโลหะทขี่ ดั เรียบ จะเปน็ มันวาว สวยงาม - โลหะมคี วามแขง็ แรงพอสมควรและสามารถแป รรูปได้ จึงถกู นาไปใช้ในงานดา้ นโครงสร้างอย่างกว้างขวาง เช่น โครงสรา้ งอาคาร โครงสร้างรถยนต์ และเคร่อื งจกั รกลในงานกอ่ สรา้ ง เปน็ ต้น 1.3.3.2 ประเภทโลหะ (Metallic) ซึ่งแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1) โลหะทเ่ี ปน็ เหล็ก (Ferrous Metal) เป็นโลหะทม่ี ีสว่ นผสมของธาตุเหลก็ เปน็ หลกั และมีธาตุชนดิ อนื่ ผสมอย่บู ้างเล็กนอ้ ย เชน่ เหล็กไร้สนมิ เหลก็ กลา้ เหล็กหลอ่ เหลก็บริสุทธิ์ เหลก็ กล้าผสม เหลก็ กลา้ คารบ์ อน เป็นตน้ 2) โลหะทีไ่ ม่ใช่เหล็ก (Non – Ferrous Metal) เปน็ โลหะทมี่ ธี าตทุ ่ีไมใ่ ช่เหล็กเปน็ สว่ นผสม โดยเปน็ โลหะทีม่ ีธาตุอื่นๆ เปน็ ส่วนผสม โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิดคอื - โลหะหนัก (Heavy Metal) คือ โลหะท่ีมีความหนาแน่นมากกว่า4 กิโลกรมั / ลูกบาศก์เดซิเมตร เชน่ ทองคา เงนิ ทองคาขาว แมงกานสี ตะก่ัว ดบี ุก สังกะสี และทองแดง เป็นตน้ - โลหะเบา (Light Metal) คอื โลหะทมี่ ีความหนาแน่นนอ้ ยกว่า 4กโิ ลกรัม / ลูกบาศกเ์ ดซเิ มตร เชน่ ไททาเนยี ม แมกนเี ซยี ม และอลมู เิ นียม เป็นต้น ในงานก่อสร้างมักนยิ มนาโลหะทเ่ี ปน็ เหลก็ มาใช้ ในงานกอ่ สรา้ ง เหลก็ ทใ่ี ช้ ควรเปน็ เหลก็เหนียวมกี าลงั ตา้ นทานไดม้ าก แล้วแตช่ นดิ ของงาน ไมเ่ ป็นสนิม 1.3.3.3 เหลก็ สาหรับงานกอ่ สรา้ ง ในงานกอ่ สรา้ งขนาดเล็กและขนาดกลาง เชน่ อาคารพาณิชย์ บ้าน และงานกอ่ สรา้ งทว่ั ไป สว่ นมากจะใช้ เหล็กเสน้ กลมผลิตตามมาตรฐาน มอก .20-2543 ชั้นคุณภาพ SR24เส้นผา่ ศูนย์กลาง ตง้ั แต่ 6 มลิ ลิเมตร - 25 มิลลเิ มตร มขี นาดความยาว 10 เมตร และ 12 เมตร เหลก็ เสน้ ที่ใช้ในงานคอนกรีตเสริมเหลก็ แบง่ ออกได้ 3 ชนิด คอื 1. เหลก็ เส้นกลม (Round Bars ; RB) ตามมาตรฐาน มอก. 20 – 2543 ได้กาหนดให้เหล็กเสน้ กลมมีชนั้ คุณภาพเดียว ใช้สญั ลกั ษณ SR24 ซ่ึงหมายถงึ เหลก็ ตอ้ งมคี วามตา้ นทานแรงดงึ ไม่ตา่ กวา่ 14 เมกะพาสคลั และมีความตา้ นทานแรงดึงทจ่ี ุดครากไม่ตา่ กว่า 7 เมกะปาสกาล โดยมีรายละเอยี ดดังนี้ 1.1) ชือ่ ขนาด ขนาดระบแุ ละมวลระบขุ องเหล็กเสน้ กลมให้เป็นไปตามตารางที่ 1.3
19ตารางท่ี 1.3 ช่ือขนาด ขนาดระบุ และมวลระบขุ องเหล็กเส้นกลม ขนาดระบุ มวลระบุ กโิ ลกรัมต่อเมตรชอ่ื ขนาด เส้นผ่านศนู ยก์ ลางระบุ พ้ืนทภ่ี าคตดั ขวางระบุ 0.222 RB 6 มลิ ลเิ มตร ตารางมิลลิเมตร 0.395 RB 8 0.499 RB 9 6 28.3 0.616RB 10 0.888RB 12 8 50.3 1.387RB 15 2.226RB 19 9 63.6 2.984RB 22 3.853RB 25 10 78.5 4.834RB 28 7.127RB 34 12 113.1 15 176.7 19 283.5 22 380.1 25 490.9 28 615.8 34 907.9 1.2) เหล็กเสน้ กลมตอ้ งทามาจากเหลก็ กลา้ ท่ีมสี ่วนประกอบทางเคมีเปน็ ไปตามตารางท่ี 1.4ตารางที่ 1.4 ส่วนประกอบทางเคมีของเหลก็ เส้นกลม ธาตุ ปรมิ าณโดยน้าหนัก (สงู สุด) รอ้ ยละ คาร์บอน 0.280 กามะถัน 0.058 ฟอสฟอรัส 0.058 1.3) ลักษณะท่ัวไปของเหลก็ เสน้ กลม ตามมาตรฐาน มอก . 20 – 2543คือ - เหล็กเส้นกลม ตอ้ งมีผิวเรียบเกลย้ี ง (ยกเว้นบริเวณเครื่องหมาย ) และตอ้ งไม่ปริแตกร้าว ไม่มสี นมิ ขมุ หรือตาหนิอื่น ซ่งึ มผี ลเสียตอ่ การใชง้ าน - เหล็กเส้นกลมต้องมีพน้ื ที่ภาคตดั ขวางกลมสม่าเสมอโดยตลอด และต้องไมม่ ปี ีกหรอื เป็นคลืน่ การทดสอบใหท้ าโดยการตรวจพินจิ 1.4) สมบตั ิทางกล - สมบตั ิในการดงึ ความต้านแรงดงึ ต้องไมน่ อ้ ยกวา่ 385 เมกะพาสคลัความตา้ นแรงดงึ ที่จุดคราก ต้องไมน่ อ้ ยกว่า 235 เมกะพาสคัล ความยืดต้องไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 21
20 - การดัดโค้ง เมือ่ ทาการทดสอบการดัดโค้ง ต้องไมแ่ ตกหรอื ปริตรงส่วนโคง้ ดา้ นนอกของชน้ิ ทดสอบ 1.5) รปู ภาพของเหล็กเสน้ กลมท่ีใชส้ าหรบั การเสรมิ คอนกรีต ดงั รปู ท่ี 1.30และการนาเหลก็ เสน้ กลมตามมาตรฐาน มอก. 20 – 2543 ไปใช้ในงานกอ่ สร้างจรงิ ดงั รปู ที่ 1.31 รปู ท่ี 1.30 ลกั ษณะของเหล็กเสน้ กลม (ทีม่ า : http://unchain.exteen.com/20100321/entry) รปู ท่ี 1.31 การนาเหลก็ เสน้ กลมไปใช้ในงานก่อสร้าง (ท่มี า : http://www.yourshouse.com/Default.aspx?pageid=13) 2. เหลก็ ข้ออ้อย (Deformed Bars ; DB) โดยผวิ ของเหลก็ มลี ักษณะเป็นปล้องๆคล้ายออ้ ย จึงเรียกว่าเหลก็ ขอ้ อ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 – 2548 เหล็กข้อออ้ ยแบง่ ตามสว่ นประกอบทางเคมแี ละสมบัตทิ างกลออกเปน็ 3 ช้ันคุณภาพ คือ (1) ช้ันคณุ ภาพ SD 30 (2) ช้ันคุณภาพ SD 40 (3) ช้ันคุณภาพ SD 50 2.1) เหลก็ ขอ้ ออ้ ยมีช่ือขนาด ขนาดระบุ และมวลระบขุ องเหลก็ ข้อออ้ ยใหเ้ ป็นไปตามตารางที่ 1.5
21ตารางที่ 1.5 ชอื่ ขนาด ขนาดระบุ และมวลระบุของเหลก็ ข้อออ้ ย ขนาดระบุ มวลระบุ (WN) กโิ ลกรมั ต่อเมตรชื่อขนาด เส้นผา่ นศูนยก์ ลางระบุ (dN) พน้ื ทีภ่ าคตัดขวางระบุ (SN) มลิ ลเิ มตร ตารางมลิ ลิเมตร 0.222 DB 6 0.395 DB 8 6 28.3DB 10 0.616DB 12 8 50.3 0.888DB 16 10 78.5 1.578DB 20 12 113.1 2.466DB 22 16 201.1 2.984DB 25 20 314.2 3.853DB 28 4.834DB 32 22 380.1 6.313DB 36 25 490.9 7.990 28 615.8DB 40 32 804.2 9.865 36 1017.9 40 1256.6 2.2) ความยาวของเหล็กขอ้ ออ้ ยในแต่ละมดั ตอ้ งมีขนาดความยาวเดยี วกันโดยจะคลาดเคล่อื นจากคา่ ทีผ่ ้ทู าระบุไว้ในฉลากไดไ้ ม่เกินเกณฑ์ที่กาหนดในตารางท่ี 1.6ตารางท่ี 1.6 เกณฑ์ความคลาดเคลือ่ นสาหรับความยาว (เฉพาะกรณเี ป็นมัด) ความยาว เกณฑ์ความคลาดเคลือ่ นไมเ่ กนิ 10 เมตร + 55 มิลลเิ มตรเกนิ 10 เมตร 0 + 55 มิลลเิ มตร และ + 5 มลิ ลเิ มตร ทุกๆ ยาว 1 เมตร ของส่วนที่ยาวเกนิ 10 เมตร แตร่ วมกันแล้วไม่เกนิ 120 มิลลิเมตร 0 2.2) สว่ นประกอบทางเคมขี องเหลก็ ข้อออ้ ย เมื่อวิเคราะห์จากเบ้าใหเ้ ปน็ ไปตามตารางท่ี 1.7
22ตารางที่ 1.7 สว่ นประกอบทางเคมเี มือ่ วเิ คราะห์จากเบ้า สว่ นประกอบทางเคมีชั้นคณุ ภาพ คารบ์ อน แมงกานีส ฟอสฟอรสั กามะถนั คารบ์ อน x (แมงกานสี / 6) สูงสุด สงู สุด SD 30 สูงสุด สูงสดุ สูงสดุ SD 40 0.27 – SD 50 – 1.80 0.05 0.05 0.50 – 1.80 0.05 0.05 0.55 0.05 0.05 0.60 2.3) ลกั ษณะทัว่ ไปของเหลก็ ขอ้ อ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24 – 2548คือ - เหลก็ ขอ้ อ้อย ตอ้ งมีผิวเรยี บเกลีย้ ง (ยกเว้นทเี่ ป็นบัง้ ครีบ และเครอ่ื งหมายทีเ่ ปน็ ตวั นนู ) และตอ้ งไม่ปริไม่แตกรา้ ว ไมม่ สี นมิ ขมุ หรอื ตาหนอิ ่ืน ซึ่งมผี ลเสียตอ่ การใช้งาน - เหลก็ ขอ้ อ้อยตอ้ งมบี งั้ เปน็ ระยะเทา่ ๆ กัน โดยสม่าเสมอตลอดเสน้ บงั้และครบี ทอี่ ย่ตู รงข้ามกันต้องมีขนาดและรูปรา่ งเหมือนกนั 2.4) สมบตั ทิ างกล - สมบัตกิ ารดงึ ความต้านแรงดึง ความตา้ นแรงดงึ ท่ีจดุ คราก ต้องไมน่ ้อยกวา่ ค่าท่กี าหนดในดังตารางท่ี 1.8ตารางท่ี 1.8 ความตา้ นแรงดึง ความต้านทานแรงดงึ ทจ่ี ดุ ครากและความยืดหย่นุ ของเหลก็ ขอ้ อ้อยชั้นคุณภาพ ความตา้ นแรงดงึ ความตา้ นแรงดงึ ที่จดุ คราก ความยดื (เมกะปาสกาล) (เมกะปาสกาล ) (เปอร์เซน็ ต์)SD 30 480 295 17SD 40 560 390 15SD 50 620 490 13 2.5) มุมระหว่างบงั้ กับแกนของเหล็กขอ้ ออ้ ย - มุมแหลมต้องไม่นอ้ ยกวา่ 45 องศา - ในกรณที ่ยี ังทามุมกบั แกนของเหลก็ ข้ออ้อยต้งั แต่ 45 ถงึ 70 องศา บงั้จะต้องวางกลับทางกัน แต่ถ้าบง้ั ทามมุ แหลมกบั แกนของเหล็กอ้อยเกนิ 70 องศา ไมจ่ าเป็นตอ้ งกลับทางกัน ดงั รูปที่ 1.32 ลกั ษณะของเหล็กขอ้ อ้อย ดงั รูปที่ 1.33 และการนาเหล็กขอ้ อ้อยไปใชง้ านก่อสรา้ ง ดงั รปู ที่ 1.34
23 รูปที่ 1.32 ตวั อยา่ งบัง้ และครีบหรอื ช่องวา่ งของเหล็กขอ้ ออ้ ย (ท่ีมา : http://www.selectcon.com) รปู ที่ 1.33 ลักษณะของเหล็กข้อออ้ ย (ที่มา : http://www.selectcon.com) รูปที่ 1.34 การนาเหล็กข้ออ้อยไปใชใ้ นงานก่อสรา้ ง (ทมี่ า : http://www.selectcon.com) 3. เหล็กรีดซา้ ตามมาตรฐาน มอก . 211 – 2527 เหล็กเส้นเสริมคอนกรตี : เหลก็ รีดซา้ ทาขึ้นจากเศษเหลก็ ที่ไดม้ าจากเขม็ พดื (Sheet Pile) เหลก็ แผ่นตอ่ เรือ (Ship Plate) เหล็ก
24โครงสร้างรูปพรรณ หรือเหลก็ ทคี่ ัดออกระหวา่ งการทาผลติ ภัณฑ์ต่างๆ นามารดี เปน็ เสน้ กลมดว้ ยกรรมวธิ ีการรดี ร้อน ซึ่งมคี วามยาวตง้ั แต่ 3.40 เมตรขึน้ ไป นาไปใช้เสริมคอนกรตี สาหรบั งานกอ่ สร้างทั่วไปได้ เหลก็ รีดซา้ ทก่ี าหนดใน มอก . มีชนั้ คณุ ภาพเดยี ว ใชส้ ัญลักษณ์ SRR 24 โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี 3.1) ขนาดระบแุ ละมวลตอ่ เมตรของเหลก็ รีดซา้ ดตู ามตารางท่ี 1.9ตารางที่ 1.9 ขนาดระบแุ ละมวลตอ่ เมตรของเหลก็ รดี ซา้ช่อื ขนาด เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง พ้นื ที่ภาคตัดขวาง มวลต่อเมตร มลิ ลิเมตร ตารางมิลลเิ มตร กิโลกรมั R6 R8 6 28.3 0.222 R9 8 50.3 0.394 R 10 9 63.6 0.499 R 12 10 78.5 0.616 R 15 12 113.1 0.888 15 176.6 1.387 3.2) เกณฑค์ วามคลาดเคลื่อนสาหรับความยาวของเหลก็ รีดซ้าในแตล่ ะมัดเปน็ ไปตามตารางท่ี 1.10ตารางท่ี 1.10 เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนสาหรับความยาว ความยาว เกณฑค์ วามคลาดเคลอื่ นสาหรับความยาวไม่เกนิ 10 เมตร + 55 มิลลเิ มตร 0เกนิ 10 เมตร สว่ นเกิน ยอมใหเ้ กินกวา่ 55 มิลลิเมตร ได้อกี 5 มลิ ลิเมตร ทุกๆ ความยาว 1 เมตร ท่มี ากกว่า 10 เมตร แต่ สว่ นเกนิ ทัง้ หมดตอ้ งไม่เกนิ กวา่ 120 มลิ ลเิ มตร ส่วนขาด ไมม่ ีคอื 3.2) ลกั ษณะท่ัวไปของเหลก็ รีดซ้า ตามมาตรฐาน มอก. 211 – 2527รา้ ว - เหลก็ รดี ซา้ ต้องมผี วิ ทั้งหมดเรยี บเกล้ยี ง และต้องไม่มรี อยปริ แตกหรอืมีปกี หรือเปน็ ลกู คลนื่ - เหลก็ รดี ซ้าต้องมีพืน้ ทภ่ี าคตดั ขวางกลมสม่าเสมอโดยตลอด และตอ้ งไม่
25 3.3) สมบัตทิ างกล - สมบัตใิ นการดึง ความต้านแรงดงึ ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่า 385 เมกะปาสกาล(ประมาณ 39 กโิ ลกรัมแรงต่อตารางมลิ ลเิ มตร ความต้านทางแรงดึงที่จดุ ครากตอ้ งไมน่ อ้ ยกว่า 235 เมก ะปาสกาล(ประมาณ 24 กิโลกรมั แรงต่อตารางมิลลิเมตร) 3.4) การดัดโค้งเยน็ - เมอื่ ทาการทดสอบเหลก็ รดี ซ้า ตอ้ งไมม่ รี อยแตกหรอื ปริ ตรงส่วนโค้งของดา้ นนอกของช้นิ ทดสอบตลอดการดดั โคง้ 180 องศา 4. เหล็กรปู พรรณ (Structured Steel) เปน็ เหลก็ ท่ผี ลิตขึน้ มา เพ่อื นาไปใชเ้ ป็นโครงสร้างอาคารตา่ งๆ เชน่ เสา คาน โครงหลังคา เปน็ ตน้ ทาให้งานกอ่ สรา้ งอาคารเสรจ็ ได้รวดเร็วกวา่ งานคอนกรตี โดยสามารถทาให้โครงสร้างทม่ี ีชว่ งกวา้ งกว่าและมนี า้ หนักเบา การตดิ ตง้ั ไม่ย่งุ ยากมากนกั เชน่ โครงสร้างของโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสงู สะพาน ฯลฯ เหลก็ รูปพรรณท่ีผลิตออกมาจาหนา่ ยมีหลายรปู ร่างหน้าตัด เช่น หนา้ ตัดแบบปีกกว้าง (Wide Flange Shapes), รปู ตัวไอ(I – Beam Shapes), รปู ตวั ซรี างน้า (C – Channels Shapes), เหล็กฉาก (Angles EqualLegs), เหลก็ ส่ีเหล่ยี ม (Square Rectangular Tube Shapes), ทอ่ กลม (Pipe) และเหล็กตวั ซี(Light Lip Channels) เปน็ ตน้ ส่วนประกอบทางเคมีของเหลก็ รปู พรรณ คอื คาร์บอน แมงกานสีฟอสฟอรสั ซิลคิ อนและกามะถนั ดงั รปู ที่ 1.35 รูปที่ 1.35 เหลก็ รูปพรรณ (ทมี่ า : http://www.tekhengsteel.com/products.php) เหลก็ รูปพรรณท่ีนยิ มนามาใชง้ านในงานก่อสร้าง มีคณุ สมบัติ มีดงั นี้ - เหล็กไอบีม (I-Beam) เหล็กรปู พรรณชนดิ รีดรอ้ น ใช้กบั งานโครงสรา้ งขนาดใหญ่รับน้าหนักมาก นยิ มใช้ทา เสา และคาน ลกั ษณะเส้นตรง ยาว 6 เมตร หนา้ ตัด กว้างxยาว เป็นลักษณะสเ่ี หลีย่ มผนื ผ้า ทข่ี อบปกี บนล่างดา้ นในมีความหนามากกว่าบรเิ วณปลายปีก - เหล็กเอชบีม (H-Beam) เหลก็ รปู พรรณชนดิ รดี รอ้ น ใช้กบั งานโครงสรา้ งขนาดใหญ่ รับนา้ หนักมาก นิยมใช้ทา เสา และคาน ในงานโครงสร้างเหลก็ ลกั ษณะเส้นตรง ยาว 6 เมตร
26หน้าตดั กวา้ ง x ยาว เป็นลักษณะสเี่ หลย่ี มจตรุ ัส ปกี บนล่าง บรเิ วณด้านในและปลายมคี วามหนาเทา่ กันตลอด - เหลก็ ตัวซี (Light lip channel) เปน็ เหล็กรูปพรรณชนดิ รีดเยน็ ลักษณะเปน็เสน้ ตรงยาว 6 เมตร ใชใ้ นงานโครงสรา้ งเหล็กท่วั ไป นิยมใชเ้ ป็น แป ในงานโครงเหล็กหลังคา - เหล็กกล่อง ( Sq.&Rec. pipe) หรือเรียกกันอีกชอ่ื ว่า แปบ๊ โปรง่ เป็นเหลก็รปู พรรณ ลกั ษณะเส้นตรงยาว 6 เมตร มีทง้ั หน้าตดั สเี่ หลย่ี มจตุรสั และสีเ่ หลยี่ มผนื ผ้า ใช้ในงานโครงสรา้ งเหล็กทว่ั ไป - เหล็กไวด์แฟรง้ (Wide Flange) เหล็กรูปพรรณชนิดรีดร้อน ใช้กับงานโครงสรา้ งขนาดใหญ่ รบั นา้ หนักมาก นยิ มใชท้ า เสา และคาน ลกั ษณะเส้นตรง ยาว 6 เมตร หน้าตัด กวา้ ง xยาว เป็นลักษณะส่เี หลย่ี มผนื ผา้ ปกี บนล่าง บรเิ วณด้านในและปลายมีความหนาเท่ากันตลอด - เหลก็ แบน (Flat bar) เหล็กรูปพรรณรีดรอ้ น ลักษณะเสน้ ตรง ยาว 6 เมตร ใช้เป็นสว่ นประกอบในงานโครงสรา้ งเหล็กท่ัวไป นิยมนาไปเชื่อมประกอบเปน็ ฝาตะแกรง ฝาท่อและรางระบายนา้ - เหลก็ รางพบั (Lip Channel) เป็นการนาเอาแผ่นเหลก็ รปู พรรณ มาทาการตดัพับ ตามขนาดท่ตี อ้ งการ ลกั ษณะเสน้ ตรงยาว 6 เมตร ใชง้ านโครงสรา้ งเหล็กท่ัวไป นิยมใชเ้ ปน็ โครงถักจัว่ โครงหลงั คา พบส่วนมากในงานโครงหลังคาเหล็กในแบบอาคารงานราชการ - เหลก็ รางนา้ (C channel) เหลก็ รปู พรรณรีดร้อน ลักษณะเส้นตรง ยาว 6 เมตรใช้ในงานโครงสร้างเหล็กทตี่ อ้ งการกาลังรับนา้ หนักสูง 5. เขม็ พดื (Sheet Piles) เขม็ พดื เป็นแผ่นเหลก็ ขน้ึ รปู รีดรอ้ น เหมาะสาหรบั การใช้งานก่อสร้าง เพือ่ ทาหนา้ ที่ปอ้ งกันดนิ พัง ในกรณที ตี่ อ้ งขดุ ดนิ ลกึ มากๆ เชน่ งานขุดดนิ เพ่อื ทาห้องใต้ดินการขดุ ดินเพอ่ื วางทอ่ ใต้ดนิ งานขดุ คลองส่งนา้ งานขุดดนิ ที่ใกล้กับอาคารอน่ื โดยไมใ่ ห้ดินพังทลายลงมา เปน็ ต้น ดงั รปู ที่ 1.36 และการใชเ้ ข็มพดื ปอ้ งกนั ดนิ พงั ในงานก่อสรา้ งอาคาร ดงั รูปที่ 1.37 รปู ที่ 1.36 เข็มพดื (ที่มา : http://www.tekhengsteel.com/products.php)
27 รูปที่ 1.37 การใช้เข็มพดื ป้องกันดินพังในงานก่อสร้างอาคาร (ทีม่ า : http://besttopromote.com/14531/-sheet-pile.htm) 6. ตะแกรงเหลก็ สาเรจ็ รปู (Wire Mesh) ผลติ จากลวดรีดเยน็ ตามมาตรฐาน มอก .737 – 2531 นามาเช่ือมติดกันเป็นตะแกรง โดยการอาร์กดว้ ยไฟฟ้าด้วยเคร่อื งจกั รอัตโนมัติ มีกาลงัดงึ ประลยั ประมาณ 6,230 – 6,500 กโิ ลกรัม / ตารางเซนตเิ มตร โดยมีกาลังจดุ คลากต่าสุดท่ีประมาณ 5,500 กโิ ลกรัม / ตารางเซนติเมตร ซึ่งทาใหร้ บั แรงดงึ ไดส้ ูง และสม่าเสมอกวา่ เหลก็ เสน้ทัว่ ไป สว่ นใหญ่นยิ มนามาใช้ในงานกอ่ สรา้ ง คือ งานเสริมคอนกรตี ผิวพ้นื (Topping) หรือใช้ในงานถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อทาหนา้ ทต่ี า้ นทานอณุ หภูมิ โดยมขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางต้งั แต่ 3 – 6มลิ ลิเมตร ทาให้ประหยัดเวลาในการกอ่ สร้าง และราคาถกู กวา่ ใชเ้ หลก็ เสน้ โดยทว่ั ไป ดงั รปู ท่ี 1.38 (ก)ลกั ษณะตะแกรงเหลก็ สาเร็จรปู และ (ข) การใชต้ ะแกรงเหล็กสาเร็จรูปในงานกอ่ สร้าง (ก) ลกั ษณะตะแกรงเหล็กสาเร็จรูป
28 (ข) การใช้ตะแกรงเหลก็ สาเร็จรปู ในงานก่อสรา้ ง รปู ที่ 1.38 ลักษณะตะแกรงเหลก็ สาเรจ็ รูปและการใช้งาน (ทมี่ า : http://www.materialfocus.com/WireMesh.htm) 7. ลวดผกู เหลก็ (Binding Wire) เป็นลวดทใี่ ชใ้ นการผูกเหลก็ เสน้ ในงานคอนกรีตเหล็ก เพ่อื ใหอ้ ยใู่ นรปู ของเสาหรือคาน หรืออย่ใู นรูปของตะแกรงพ้นื โดยตามมาตรฐาน มอก . 138- 2518 ได้กาหนดให้เปน็ ลวดเบอร์ 18 ทม่ี ขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของลวดผกู เหลก็ คอื 1.25มลิ ลิเมตร ในการผลติ ลวดจะเปน็ การนาเอาเหลก็ เสน้ ไปเข้าเครือ่ งรดี ให้มขี นาดเล็กตามท่มี าตรฐานกาหนด แลว้ ผา่ นเขา้ ไปในเตาอบความร้อน อบอณุ หภูมิประมาณ 700 องศาเซลเซียส โดยลวดผูกเหลก็ มสี ว่ นประกอบทางเคมีคือ มีคาร์บอนประมาณ 0.12 เปอรเ์ ซ็นต์ และแมงกานสี ประมาณ 0.4เปอร์เซ็นต์ ลวดผกู เหล็กดูตามรปู ท่ี 1.39 รปู ท่ี 1.39 ลกั ษณะทว่ั ไปของลวดผูกเหลก็ (ท่มี า : http://www.onestockhome.com/Default.aspx?pageid=373)
29 8. เหลก็ แผน่ (Steel Plate) เป็นเหลก็ ทม่ี ีขนาดแผน่ ใหญ่ สามารถนามาดัดแปลงใชง้ านกอ่ สร้างไดห้ ลายรูปแบบตามท่ตี ้องการ เช่น นาไปตัดเพ่ือทาเปน็ แบบหลอ่ งานคอนกรีต นาไปตดั เปน็ เหลก็ ยึดหวั เสา นาแผน่ เหลก็ ไปตดั เปน็ รูปและขนาดต่างๆ สาหรับเป็นทเ่ี ช่ื อมประสานของโครงสร้างหลงั คาเหล็ก หรอื นาไปปพู ื้นช่ัวคราวในการกอ่ สรา้ งหรือซอ่ มแซมถนน ฯลฯ เหลก็ แผน่ ท่ีผลติ ออกมาจาหนา่ ยมคี วามหนาตั้งแต่ 0.15 – 3.2 มิลลิเมตร เรียกวา่ เหลก็ ชีท (Steel Sheet)เหลก็ ทม่ี ีความหนาตัง้ แต่ 3.2 – 70 มิลลเิ มตร เรียกว่า เหล็กแผน่ ดา (Steel Plate) และแผ่นเหล็กท่ีนิยมใชเ้ พ่ือปูเปน็ ทางเดินกันล่ืน เรียกว่า เหล็กแผ่นลาย (Checkered Plate) โดยมผี วิ ของแผน่ เหล็กจะมีลายนูนเพอ่ื ป้องกันการลน่ื ขนาดมาตรฐานของเหล็กแผ่น คือ 4 x 10 ฟุต, 5 x 10 ฟตุ และ 6 x30 ฟตุ เปน็ ต้น ดังรปู ที่ 1.40 รปู ท่ี 1.40 ลักษณะผิวหนา้ ของเหล็กแผ่น (ท่ีมา : http://www.steelmetal.co.th/2.html)1.4 หลกั การเลือกใชว้ สั ดุพนื้ ฐานงานก่อสร้าง 1.4.1 หลกั การเลอื กไมม้ าใชง้ าน 1. ตอ้ งไดจ้ ากแก่นไม้ทส่ี มบูรณ์ คอื ตน้ ไมท้ เี่ จรญิ เตบิ โตเติมทเี่ หมาะสมตามสภาพดินฟ้าอากาศของถนิ่ นั้นๆ เปน็ ไมท้ ตี่ ายยืนตน้ (ตายเองโดยไมไ่ ด้กานใหต้ าย) 2. ไมท้ ห่ี ดตัวแลว้ คือ เป็นไมท้ ผ่ี ึ่งแห้งอยูต่ ัวดีแล้ว เม่อื นามาประกอบสาเรจ็ รูปจะไมเ่ กดิอ้าออกจากกนั หรอื บิดโค้งเสียความงาม 3. ไมเ้ นื้อละเอียดเหนียวแน่น มีแนวตรง ไสกบตกแตง่ ได้งา่ ยเรียบร้อยขัดมันและชกั เงาได้ดี 4. มีสสี ม่าเสมอกันทุกแผน่ และทกุ ๆแผ่นมสี เี หมือนกนั ดว้ ย 5. มีลายสวยงามคล้ายๆกนั เพอ่ื เพลาะไมเ้ ปน็ แผน่ เดยี วกนั ได้ 6. เป็นไม้ทีม่ ตี านอ้ ย ตาไม้ไมเ่ สีย ไมม่ ีรอยแตกรา้ ว เปน็ แผล เปน็ รอยทะลุ 7. ไม้ทีเ่ ปน็ รอยผุ ดา่ งหรือเน่าเป่ือย ทดลองโดยใช้คอ้ นเคาะ ไมด้ จี ะมีเสียงแนน่ แกร่งหากไมผ้ ุหรอื เสยี เปราะ ไม่เหนียว จะมเี สียงดังผลๆุ เลอ่ื ยไมต่ ดิ คลองเลื่อย ไสกบขี้กบจะปน่ 8. ราคาไมแ่ พงจนเกนิ ไป
30 หลกั การเลอื กไมอ้ ัดมาใช้งาน 1. สขี องไมอ้ ัดตอ้ งสม่าเสมอตลอดแผ่น 2. เหมาะสมกับงานท่ีจะใช้ 3. มคี วามเรียบแต่ไมล่ น่ื ทาสไี ด้ทุกชนดิ 4. มีน้าหนักเบา เคลือ่ นย้ายได้สะดวก 1.4.2 หลกั การเลอื กคอนกรีตมาใช้งาน 1. คอนกรีตดตี อ้ งมกี าลงั ตามความต้องการ 2. ทนทานตอ่ สภาพดินฟา้ อากาศหรือสภาวะแวดล้อมตลอดอายกุ ารใช้งาน 3. สามารถคงรูปร่าง คณุ ภาพ คุณสมบัติ และการใช้งานได้ดี 4. คอนกรีตสามารถทนตอ่ สภาพการกัดกรอ่ น ไม่ว่าจะเปน็ ทางเคมี ทางกลหรือทาง 5. การนาไปใช้งาน 1.4.3 หลักการเลือกโลหะมาใชง้ าน 1. ลกั ษณะของงานทีใ่ ช้ เพราะเหล็กแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกนั ในเรือ่ งค่าเคมีและองคป์ ระกอบตา่ งๆ ซึ่งส่งผลตอ่ การนาไปใช้ในสภาวะทแ่ี ตกตา่ งกัน 2. ขนาดของเหลก็ ควรพจิ ารณาถึงขนาดเหล็กทีต่ อ้ งใชใ้ หม้ คี วามเหมาะสมกับงานนน้ั ๆ 3. คณุ ภาพ ควรพจิ ารณาถงึ คุณภาพของเหล็ก โดยเลือกผลติ ภณั ฑ์ทม่ี มี าตรฐานเหลก็ระดับสากลรองรับ เช่น มาตรฐานเหลก็ ASTM, DIN, JIS, EN, Lloyd’s, ABS, AS หรอื API1.5 เคร่ืองมือและอปุ กรณ์พื้นฐานทใ่ี ชใ้ นงานก่อสรา้ ง 1.5.1 เครื่องมอื และอุปกรณ์งานไม้ การทางานช่าง ไม้ สง่ิ ที่สาคญั คอื เครื่องมือเพราะเครือ่ งมือจะช่วยให้การทางานสะดวกและรวดเร็วขึน้ ซง่ึ เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นงานชา่ งตา่ งๆ ไมว่ ่าจะเปน็ งานบารงุ รกั ษา งานติดตั้ง งานซ่อมแซมดัดแปลง หรืองานผลติ สว่ นใหญ่จะใชเ้ ครอื่ งมือวัด ตดั ตอก เจาะ ไส ประกอบการเช่ือมประสานดงั น้นั ชา่ งไม้ต้องมคี วามชานาญในการใช้เคร่ืองมืออปุ กรณ์ในแตล่ ะประเภททีเ่ ก่ียวกบั การทางานไม้ 1.5.2 ประเภทของเครื่องมืองานไม้ เครอ่ื งมือทจ่ี าเปน็ ในงาน ไม้ และสามารถนาไปใช้ประกอบการปฏิบัติงาน กอ่ สรา้ ง สามารถแยกออกเป็นประเภทใหญๆ่ ไดด้ ังนี้ 1. เคร่อื งมอื วัด 1) ตลับเมตร ใชส้ าหรับวัดระยะ มลี ักษณะเป็นตลบั สเี่ หล่ียมขนาดพอจับมอื ตัวตลับทาดว้ ยโลหะหรือพลาสตกิ สว่ นแถบวักทาดว้ ยเหลก็ บางเคลอื บสี มมี าตราวัดท้งั ระบบอังกฤษและระบบเมตริก ปลายแถบวัดจะมีขอเกยี่ วเล็กๆ ตดิ อยู่ ดงั รปู ที่ 1.41
31 รูปที่ 1.41 ตลับเมตร (ทม่ี า : http://www.boomtools.net) 2) ฉากตาย คอื เคร่ืองมือวดั ขนาดการสร้างมุมฉาก ตรวจสอบการได้ฉากของงานชนดิ ต่าง ๆ หรือใช้วดั ขนาดความกวา้ ง ยาว ลกึ ของช้นิ งานท่มี ีขนาดเล็ก มีสว่ นประกอบ 2 สว่ นคอืใบฉาก และด้ามฉาก โดยทั้ง 2 สว่ นยดึ ตดิ กนั เป็นมมุ 90 องศา ขนาดท่ีนยิ มใช้ จะมีความยาวของใบฉากมีต้ังแต่ 6 นิ้ว ขึ้นไป ใบฉากท้งั สองดา้ นทกุ ขนาดมมี าตรสว่ นเป็นนว้ิ และเซนตเิ มตร บอกกากับไว้ดงั รปู ที่ 1.42 รูปท่ี 1.42 ฉากตาย (ทม่ี า : http://www.payarad.com) 3) ฉากเป็น ลักษณะเปน็ ดา้ มไมแ้ ละพลาสตกิ และมีสว่ นที่เปน็ โลหะแบน หรอืเรยี กวา่ ใบฉาก ยึดด้วยสกรทู ีส่ ามารถเปน็ จดุ หมนุ ในการวดั มมุ ใช้สาหรับการตดั ชิน้ งานไม้ บวั ไม้ ไม้เข้ามมุ เดือยไม้ และวัดองศาตามความต้องการ วัดมุมได้เปน็ องศา และแบง่ วงกลมออกเป็น 180สว่ น สร้างมุม 360 องศา 90 องศา หรือ 1 ใน 4 ของวงกลมได้ด้วยเชน่ กัน ดงั รปู ท่ี 1.43 รปู ท่ี 1.43 ฉากเป็น (ทม่ี า : http://www.vetushightec.com)
32 4) ฉากใหญ่ ใช้วัดขีดมุมฉาก ตรวจฉากของการเขา้ ไม้ฉากเป็นเหล็กชิ้นเดยี วกัน ทามมุ 90 องศา มีขนาด ความ หนา 1/8 นิ้วเท่ากันตลอด ความยาวอาจเปน็ 16 × 24 น้วิ หรือ16 × 24 นว้ิ ดงั รูปท่ี 1.44 รปู ที่ 1.44 ฉากตาย (ที่มา : http://board1.trekkingthai.com/board/show.php) 5) ฉากรวม เปน็ ฉากที่ใชต้ รวจมุมฉาก และมุม 45 องศา อาจมรี ะดบั น้าหรอื เหล็กขีดเพ่อื ใหใ้ ช้งานได้กวา้ งขวางขึน้ ลกั ษณะของฉากประกอบด้วย ส่วนหัวและใบซึ่งถอดแยกกนั ได้ ส่วนหัวสามารถว่ิงไปบนรอ่ งของใบไดด้ ว้ ย ดงั รูปที่ 1.45 รปู ท่ี 1.45 ฉากรวม(ทมี่ า : http://www.toolsandleisure.co.uk/toolzone-12-combination-protractor-square-set-235-p.asp) 6) ขอขดี ไม้ ใช้ขีดทาแนวเพื่อการเลือ่ ย ผ่า หรอื ทารูเดือย ประกอบด้วยสว่ นหัวและแขนยึดกันแน่นด้วยสลักหรอื ลมิ่ ปลายของแขนขา้ งหนึง่ จะมีเขม็ ปลายแหลม ดงั รูปที่ 1.46
33 รปู ท่ี 1.46 ขอขีดไม้ (ทม่ี า : http://www.vcharkarn.com) 2. เครอ่ื งมอื ตัด 1) เลอื่ ยลนั ดา เป็นเครอ่ื งมอื ชา่ งพ้ืนฐานของงานช่างไม้ เล่ือยลันดามคี วามยาวที่ 14, 26 นิ้ว เลอื กใชต้ ามขนาดหน้าตดั ของไม้ ดงั รูปท่ี 1.47 รูปท่ี 1.47 เลอ่ื ยลันดา (ท่ีมา : http://kajonsakpks.blogspot.com/p/blog-page_16.html) เล่ือยลันดา ทีม่ ีขายตามทอ้ งตลาดแบง่ ออกได้เป็น 2 อยา่ งดงั นี้ 1.1 เลือ่ ยลันดาชนิดตัด ใช้ตดั ขวางเส้ยี นไม้ปลายของฟันเลอ่ื ยจะแหลม มีลักษณะ เหมอื นปลายมีดจานวนฟันตอ่ นวิ้ ประมาณ 8-12 ฟนั ลกั ษณะการทางานของฟนั จะเหมอื นมดี หลายๆเลม่ เฉอื นไม้เวลาตัดมมุ เอียงกบั ไม้หรอื วางที่จะตดั อย่างนอ้ ย 45 องศา 1.2 เล่ือยลันดาชนิดโกรก ใชเ้ ลื่อยหรอื ผา่ ไมต้ ามเสีย้ นไม้ จานวนฟันต่อนิว้5-8 ซ่ี เลอื่ ยชนิดนีม้ ีฟนั ห่าง องศาเอยี งของฟนั จะมากกว่าความยาวของใบเลื่อยมตี ้ังแต่ 20-28 น้วิขอบหนา้ ตดั ของปลายฟันจะตัง้ ฉากกบั ใบเล่อื ย เล่อื ยทกุ ชนิดจะต้องทาการคดั คลองเลือ่ ย คือ คดั ปลายฟนั เลอื่ ยเอยี งสลับกัน ใหก้ วา้ งกว่าความหนาของใบเลอื่ ย เพราะเวลาเล่อื ยจะไม่ฝืดและตดิ ไม้ 2) เลอ่ื ยโครงเหล็กหรือเลอื่ ยคันศร เหมาะสาหรับการใชง้ านหนัก เช่น การตัดทอ่ นไม้ขนาดตา่ ง ๆ หรอื ใช้ตดั ตน้ ไม้ เลือ่ ยโครงเหลก็ ตัวโครงเป็นเหล็กกลวงนา้ หนักเบา ใบเลื่อยถูกออกแบบมาเป็นพเิ ศษเพอ่ื ใหใ้ บเลือ่ ยสามารถตัดได้ท้ัง 2 ทาง ดังรูปท่ี 1.48
34 รูปท่ี 1.48 เลื่อยโครงเหล็ก (ท่ีมา : http://toolsth.blogspot.com/2012/06/2.html) 3) เลอ่ื ยรอบากไม้ คือ เลื่อยตดั ปากไมแ้ ต่ใบบางกว่าฟันละเอยี ดกว่า ด้ามจบัคลา้ ยลิว่ ความยาวของใบยาว 6-12 นว้ิ ใช้สาหรบั รอปากไมใ้ นเวลาเขา้ ไม้ใช้เลือ่ ยแผ่นไม้บางๆ เพอ่ืทาแบบจาลอง ดังรูปที่ 1.49 รปู ที่ 1.49 เลื่อยรอบากไม้ (ทมี่ า : http://kajonsakpks.blogspot.com/p/blog-page_16.html) 4) เลื่อยฉลุ คอื เลอื่ ยอกขนาดเลก็ หน้าที่การทางานเช่นเดยี วกับเล่อื ยอกแตโ่ ครงเปน็โลหะใบเลื่อยเล็กใช้งานไมไ่ ดก้ วา้ งเทา่ เลอื่ ยอก ดงั รูปท่ี 1.50 รูปท่ี 1.50 เลอ่ื ยฉลุ (ทม่ี า : http://board.trekkingthai.com/board/show.php)
35 5) เล่อื ยอก ใชต้ ัดผา่ ไม้ โครงเลอ่ื ยสว่ นใหญ่จะเปน็ ไม้เช่นคนั เล่อื ย (รัดเกล้า) อกเลอ่ื ยไม้มือจับส่วนท่เี ปน็ เหลก็ คือ สลักและใบเลื่อย ใบเลอื่ ยมที ัง้ ฟันตดั และฟันโกรก วางทามมุ กบั เรือนเลอ่ื ยดงั รปู ท่ี 1.51 รปู ท่ี 1.51 เลื่อยอก (ท่มี า : http://www.vcharkarn.com ) 6) เลอื่ ยหางหนู ใช้เลอ่ื ยตดั ส่วนโคง้ วงกลมภายในมดี า้ มและใบใบเลือ่ ยใหญ่ท่ีส่วนดา้ มและเรยี วเลก็ ลงไปถึงปลายเล่อื ย ฟันเล่ือยเปน็ ฟนั ชนดิ โกรก ไม่ควรเล่อื ยไม้ท่ีหนาเกิน ½ น้ิวดงัรปู ท่ี 1.52 รปู ที่ 1.52 เลอื่ ยหางหนู (ทม่ี า : http://board.trekkingthai.com/board/show.php.page=14) 3. เครอ่ื งมือไส 1) กบลา้ ง กบลา้ งเปน็ เคร่อื งมือเพอื่ ใสผวิ ของเนื้อไมใ้ หร้ าบเรียบ ปกตไิ ม้ที่แปรรูปจะเป็นแผ่นหรอื เปน็ ท่อนก็ตาม ผวิ ยงั หยาบเปน็ ขุยมเี ส้ียนและรอยฟันเลือ่ ย เมือ่ จะนามาใชจ้ งึ ตอ้ งแตง่ ใหเ้ รียบร้อย ดังรูปท่ี 1.53 รปู ที่ 1.53 กบล้าง (ทมี่ า : http://woodendust.exteen.com/20120313/entry)
36 กบทีใ่ ชใ้ นงานช่างไม้ได้แก่ กบลา้ งสัน้ และกบล้างยาว 1.1 กบล้างสนั้ เปน็ กบล้างทม่ี ีความยาว 6- 8 น้วิ ใชใ้ สไม้ทีข่ รุขระ แอน่บดิ ซง่ึ กบชนิดอื่นไมส่ ามารถใสได้ ใบกบทามุมกบั ใบกบ 45 องศา 1.2 กบลา้ งยาว ลกั ษณะคล้ายกบล้างส้นั แต่ตัวกบยาวกวา่ มคี วามยาว 16-18 น้ิวมีมมุ เอยี งลาดราว 44 – 48 องศา ใช้ลา้ งเเนวไมใ้ ห้ตรง ใชไ้ สไมก้ ่อนเพราะติดกนั 2) กบผวิ ใชไ้ สตามหลังกบล้างเพือ่ ให้เรียบรอ้ ย กบผวิ ที่ใชใ้ นงานช่างไม้ ได้แก่กบผวิ สั้นและกบผวิ ยาว ซง่ึ กบผิวยาวคลา้ ยกบล้างยาวแต่ไม่มฝี าประกบั แตม่ ีเหล็กขนาด 1/8 น้วิ x¾ นว้ิ บังหนา้ กบ เพอ่ื ใหใ้ สไมไ้ ด้เรียบมีความยาว 16 -18 น้วิ มีมุม 52-55 องศาในส่วนของไมท้ เ่ี ลก็มมุ 56 – 60 องศา ดังรูปที่ 1.54 รูปที่ 1.54 กบผวิ (ท่มี า : http://board.trekkingthai.com) 3) กบบงั ใบ ใชส้ าหรบั ใสร่องบรเิ วณขอบไม้หรอื บงั ใบ ตวั เรอื นกบคล้ายกบล้างตา่ งกนั ที่ทอ้ งกบจะไมเ่ รียบแตเ่ ปน็ สันสเ่ี หลย่ี ม และใบกบโผล่กนิ เน้อื ไมจ้ ะอยูด่ า้ นนี้ ดังรปู ท่ี 1.55 รูปท่ี 1.55 กบบังใบ (ทม่ี า : http://www.thailantern.com) 4) กบราง เปน็ กบทใ่ี ชท้ ารางร่องหรอื ลน้ิ เพือ่ การเพลาะ หรือเขา้ ไมต้ วั เรอื นกบแบง่ เป็น 2 ซกี โดยต่อกนั ด้วยไมม้ อื จบั ใบกบสามารถเปลย่ี นได้ ซึ่งแบ่งใบกบออกเป็น 2 แบบ คือ ใบกบทาลิ้น และใบกบทาราง ลิ้นและรางจะมีขนาดเทา่ กนั ดงั รูปที่ 1.56
37 รูปท่ี 1.56 กบราง (ทม่ี า : http://board.trekkingthai.com/board/print.php ) 6) กบขูดหรือกบแต่ง ใช้ใช้แตง่ ผวิ ไม้ท่เี ปน็ สว่ นโคง้ ให้เรยี บ ซึ่งกบธรรมดาไมอ่ าจทาได้ กบประกอบด้วยโครงและแผน่ เหล็กขดู ซ่ึงยดึ กันด้วยสลกั เกลียว ดังรปู ท่ี 1.57 รูปที่ 1.57 กบขดู (ทมี่ า : http://board.trekkingthai.com/board/print.php) 4. เครอ่ื งมือเจาะ 1) ส่ิวปากบางหรอื ส่ิวแต่ง ใชแ้ ต่งขูดผวิ ไม้หรือปากไมใ้ ห้เรยี บสว่ิ ประกอบด้วยใบและดา้ ม ส่วนใบเปน็ เหลก็ กล้า แบนและบางแตม่ ีความคมมาก มขี นาดตง้ั แต่ 1/8 - 2 นิ้วดังรปู ท่ี 1.58 รูปท่ี 1.58 สวิ่ ปากบาง (ที่มา : http://www.metalionimport.com) 2) สิ่วเจาะ เปน็ เครือ่ งมือใชเ้ จาะช่องรู ส่วิ ประกอบดว้ ยด้ามและใบ ตัวส่ิวเร่มิหนาตงั้ แตด่ า้ มลงมา ดังรปู ที่ 1.59
38 รปู ที่ 1.59 ส่ิวเจาะ (ที่มา : http://www.siamwoodcarving.com/2015/09/blog-post.html) 3) สิ่วเลบ็ มือ เป็นสิ่วทีใ่ ช้ทาบวั เซาะร่อง เจาะรูกลม หรอื แตง่ ไมส้ ่วนทเ่ี ป็นโคง้ ใบสวิ่ มลี ักษณะรปู โคง้ เวา้ ขนาดใบกว้าง ¼” –2” ดังรปู ท่ี 1.60 รูปที่ 1.60 ส่ิวเล็บมอื (ที่มา : http://www.siamwoodcarving.com/2015/09/blog-post.html) 4) สวา่ นข้อเสอื ใชส้ าหรับเจาะรเู พือ่ ใส่น๊อต สกรู โดยประกอบกับดอกสว่านดอกสวา่ นมหี ลายขนาดและหลายลกั ษณะ ตวั ดอกสว่านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนก้านและสว่ นเกลยี วสว่ นกา้ นจะเป็นรปู สามเหลี่ยมปลายเรีย ว สว่ นเกลียวจะมหี ลายลกั ษณะใชใ้ นงานท่แี ตกตา่ งกนัดังรปู ท่ี 1.61 รปู ท่ี 1.61 สวา่ นขอ้ เสือ (ทม่ี า : http://www.tools-thailand.com/index.php)
39 5) สวา่ นเฟือง ใช้สาหรับเจาะรเู พอื่ ใส่นอ๊ ตสกรู โดยประกอบกับดอกสวา่ นดอกสว่านมหี ลายขนาด แต่ไมโ่ ตกวา่ ¼ นิว้ กา้ นรปู ทรงกระบอกเรยี บ ดงั รูปท่ี 1.62 รูปท่ี 1.62 สว่านเฟอื ง (ท่มี า : http://www.srithaihardware.com/product_brandlist.php?brand=1) 5. เคร่ืองตอก และเคร่อื งมอื อื่นๆ 1) ค้อนหงอน ส่วนประกอบของค้อนแบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคอื สว่ นหวั และส่วนด้ามใชส้ าหรบั ตอกและถอนตะปู ตอกสิ่ว ตอกไมเ้ วลาทาโครงรา่ ง ขนาดของหัวคอ้ นเรียกตามน้าหนักของหวั ค้อนเป็นปอนด์ ดังรูปท่ี 1.63 รปู ที่ 1.63 ค้อนหงอน (ท่มี า : http://www.tools-thailand.com/index.php) 2) คอ้ นไม้ เป็นเครือ่ งมอื ใช้สาหรบั เคาะ ตอก ทุบ ตี ชิน้ งานหรอื เครือ่ งมือบางชนิด เพื่อรกั ษาสภาพพนื้ ผิวของชน้ิ งานหรอื เครอื่ งมอื ไว้ ค้อนไม้ทาจากไมเ้ นอ้ื แข็งอย่างดี มีทั้งกลมและหวั เหลย่ี ม ดงั รูปท่ี 1.64 รูปที่ 1.64 ค้อนไม้ (ทม่ี า : http://www.vcharkarn.com)
40 3) ปากกาจับไม้ตดิ โตะ๊ เปน็ เคร่อื งมือสาหรับจบั ไม้เวลา วัด กะ ไส โกรก ตัด 4) บุ้ง สาหรับแต่งผิวไม้ แบ่งออกเป็นบงุ้ ท้องปลงิ กับบงุ้ กลม 5) เหลก็ ส่งหวั ตะปู เปน็ แท่งเหลก็ ยาวประมาณ 4-5 นว้ิ เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง ¼นว้ิ มหี น้าทีส่ าหรับส่งหวั ตะปใู หล้ งไปต่ากว่าระดับพ้นื 6) คีมปากนกแกว้ ใช้ถอนตะปู ตัดหัวตะปู ตดั ลวด 1.5.3 เครื่องมอื และอปุ กรณ์การก่อสรา้ งงานคอนกรีต งานปนู และงานตอนกรตี เป็นงานท่ีมีความสาคัญไม่นอ้ ยกว่างานดา้ นอน่ื ๆ เครือ่ งมือและอุปกรณใ์ นการทางานเก่ยี วกบั ชา่ งปูนนน้ั มมี ากมาย ดังนั้นช่างปนู ตอ้ งมคี วามชานาญในการใช้เคร่อื งมืออุปกรณใ์ นแต่ละประเภททเี่ ก่ียวกบั การทางานคอนกรีต 1.5.3.1 ประเภทของเครอ่ื งมอื งานคอนกรีต เครือ่ งมอื ทจี่ าเปน็ ในงานคอนกรตี และนาไปใช้ประกอบการปฏบิ ัตงิ านก่อสร้างสามารถแยกออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ในที่น้ีจะกลา่ วเฉพาะทสี่ าคญั ดงั น้ี 1. บรรทดั ยาว ใช้สาหรบั ฉาบปูนในพน้ื ทก่ี ว้างๆ โดยใชใ้ นการทาระดบั ทั้งแนวดิง่ และแนวนอนใหไ้ ด้ระดบั เรียบเสมอกนั ดังรปู ท่ี 1.65 รปู ท่ี 1.65 บรรทัดยาว (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 2. ถังเปลผสมปูน ใชผ้ สมปูนกบั ทรายและอางเปลก็ยงั ใชง้ านได้สารพัดประโยชน์ เชน่ผสมปนู ฉาบ คอนกรตี ดังรูปท่ี 1.66 รปู ที่ 1.66 ถงั เปลผสมปูน (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/)
41 3. จอบและพลัว่ ใช้ขุดดินและผสมคลกุ เคลา้ สว่ นผสม ไดแ้ ก่ ปูน ทรายใหเ้ ขา้ กนั การเกบ็รักษา หลังจากเลกิ ใช้งานแลว้ ตอ้ งลา้ งให้สะอาดทกุ คร้งั ในงานปนู ใชจ้ อบหนา้ เหล่ียมหรือจอบป้ืน มีลกั ษณะเรียบตรงเหมอื นจอบทใี่ ช้ในการเกษตร ใช้สาหรับโกยวสั ดเุ ช่น หนิ ทราย ดังรปู ที่ 1.67 รูปท่ี 1.67 จอบและพล่ัว (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 4. เกรยี ง ใช้ในการกอ่ อิฐและฉาบปูนเกรียงมีหลายชนดิ ทสี่ าคัญซึ่งใช้กบั งานนั้นมีดงั น้ี 1) เกรียงเหล็ก มีทั้งชนิดสามเหลีย่ มและส่เี หลยี่ ม สาหรบั ชนดิ สามเหล่ียม ใช้ในงานก่ออฐิ ชนดิ สีเ่ หล่ยี มใช้สาหรบั ขัดมนั และใช้ตีเสน้ ปนู ขัดมนั หรือตกแตง่ ผิวปนู ฉาบในข้ันสุดท้ายดงั รปู ที่ 1.68 รูปท่ี 1.68 เกรียงเหลก็ (ทมี่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 2) เกรียงไม้ เป็นเกรยี งทท่ี าดว้ ยไม้ ใชส้ าหรับตกแตง่ หรือกดปนู ให้เรียบ เชน่แตง่ พ้ืนหรือฉาบปูน การเกบ็ รักษาเกรียงไมก้ โ็ ดยลา้ งให้สะอาดหลงั จากการใช้งานแลว้ ปจั จบุ ันนิยมทาดว้ ยพลาสตกิ ดังรูปที่ 1.69
42 รูปท่ี 1.69 เกรียงไม้ (ทม่ี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 3) เกรียงเหลก็ ขัดมนั มีลักษณะเป็นเหล็กแผน่ บางสเ่ี หลีย่ มผนื ผา้ ด้ามเป็นไม้ใช้สาหรบั ขัดมันผวิ ปูน ดังรปู ท่ี 1.70 รูปท่ี 1.70 เกรยี งเหล็กขัดมนั (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 1. ถังน้าหรอื ถังใส่ปนู ใชส้ าหรับใส่ปนู ที่ผสมแล้ว นอกจากนัน้ ยังใช้หิ้วปูนและตวั ส่วนผสมอีกด้วย เลิกใชแ้ ล้วตอ้ งลา้ งใหส้ ะอาด ดงั รปู ท่ี 1.71 รูปที่ 1.71 ถังน้าหรือถงั ใสป่ ูน (ทมี่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/)
43 6. คีมผกู เหล็ก ใช้สาหรับตดั ลวดหรือผกู เหล็กใหแ้ ขง็ แรงกอ่ นทจ่ี ะเทปนู ดงั รูปที่ 1.72 รูปที่ 1.72 คีมผกู เหล็ก (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 7. เหลก็ สกัด ใช้สาหรบั ตอกกะเทาะปนู หรอื รอยแตกร้าวในงานปนู ออกท้งิ ไป เพื่อทาการซ่อมแซมแก้ไข ดงั รูปท่ี 1.73 รปู ท่ี 1.73 เหล็กสกัด (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 8. ค้อนปอนด์ ค้อนปอนดห์ รือคอนพะเนิน (Heavy Hammer) เป็นคอ้ นทีม่ ีน้าหนักมาก ทนแรงกระแทรกสูงใชต้ เี หล็กขนาดใหญ่มหี วั หลายชนิดหลายขนาน คือ หวั สองหนา้ หัวตรง หัวขวาง ดงั รูปท่ี 1.74 รปู ท่ี 1.74 คอ้ นปอนด์ (ทม่ี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/)
44 9. ระดับนา้ เป็นเคร่อื งมือสาคญั เพราะระดับนา้ ใชจ้ บั ระดบั ในการกอ่ อฐิ ในแนวนอนดงั รปู ที่ 1.75 รูปที่ 1.75 ระดับนา้ (ท่มี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 10. ตลับเมตร ใชส้ าหรับวดั ระยะ มีลักษณะเปน็ ตลับส่ีเหล่ยี มขนาดพอจับมอื ตัวตลับทาด้วยโลหะหรอื พลาสติก ส่วนแถบวกั ทาดว้ ยเหลก็ บางเคลอื บสี มมี าตราวัดท้งั ระบบอังกฤษและระบบเมตรกิ ปลายแถบวัดจะมีขอเกี่ยวเล็กๆ ติดอยู่ ต้องรักษาให้สะอาดอยเู่ สมอ ถา้ เป็นเหล็กหลังจากทาความสะอาดแล้ว ควรชโลมนา้ มันทกุ ครั้ง ดังรูปที่ 1.76 รูปท่ี 1.76 ตลับเมตร (ที่มา : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 11. ประแจดดั เหลก็ มลี กั ษณะเปน็ เหลก็ ตันมีร่องตรงปลายท้ัง 2 ข้าง ใช้สาหรบั ดัดเหลก็ให้โคง้ งอตามลกั ษณะท่ีตอ้ งการ ดังรูปท่ี 1.77 รูปที่ 1.77 ประแจดดั เหลก็ (ทีม่ า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/)
45 12. บงุ้ กี้ ใชใ้ สห่ รอื ตวง หนิ ทราย ในการผสมปนู ทาดว้ ยพลาสตกิ ปัจุบันส่วนมากทาดว้ ยยางรถยนต์ เพ่ือใหม้ คี วามทนทาน และสะดวกในการใช้งาน ดงั รปู ท่ี 1.78 รปู ท่ี 1.78 บุง้ กี้ (ทม่ี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 13. ลูกดิ่ง เป็นสงิ่ สาคญั ในการก่อสร้าง ใชส้ าหรบั หาระดับในแนวดิง่ เพราะการก่ออฐิตอ้ งได้ด่ิง ได้ระดับ ดงั นน้ั ดงิ่ จงึ เป็นเครื่องมอื สาคญั ในงานช่างปูนมาก ดงั รปู ที่ 1.79 รปู ที่ 1.79 ลูกดงิ่ (ทม่ี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 14. กระบะถือปูน สว่ นมากกระบะถือปูนใชใ้ ส่ปูนกอ่ และปนู ถอื โดยตกั จากถังใส่ปนู อกี ทีหน่งึ นอกจากนัน้ ใชก้ ระบะกลบั ปนู มาทจี่ ะก่อหรอื ถือปนู จะทาใหส้ ่วนผสมเหนยี วขนึ้ ดังรูปท่ี 1.80 รปู ท่ี 1.80 กระบะไมถ้ ือปนู (ท่ีมา : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/)
46 15. ฉากเหล็ก เครอื่ งมือที่ใชเ้ พอื่ วัดขนาดการสร้างมมุ ฉาก ตรวจสอบการไดฉ้ ากของงานชนิดต่าง ๆ ใชว้ ดั ขนาดความกวา้ ง ยาว ลึกขอ งงานทม่ี ีขนาดเล็ก มสี ่วนประกอบ 2 ส่วนคือ ใบฉากและด้ามฉาก ขนาดท่นี ิยมใช้ จะมีความยาวของใบฉากมีต้งั แต่ 6 นิว้ ขนึ้ ไป ที่ใบฉากท้ังสองดา้ นทกุขนาดมมี าตรสว่ นเป็นนวิ้ และเซนติเมตร บอกกากับไว้ ดงั รปู ที่ 1.81 รปู ท่ี 1.81 ฉากเหล็ก (ท่มี า : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) 16. ตะแกรงรอ่ น ใช้ร่อนทราย และปูนขาวท่สี กปรกหรือปนกากออก ตะแกรงมหี ลายขนาดแลว้ แต่ลักษณะของงานนน้ั ๆ ดังรูปท่ี 1.82 รูปที่ 1.82 ตะแกรงร่อน (ท่ีมา : https://realmartonline.com/wp-content/uploads/2016/06/) นอกจากนั้นยงั มเี ครื่องมือและอุปกรณ์ ทีใชใ้ นงานปนู สาหรับผปู้ ระกอบอาชพี ในงานช่างปนูดงั น้ี 17. โมผ่ สมคอนกรตี ใชใ้ นการผสมคอนกรตี ช่วยลดระยะเวลาในการทางาน 17. ฟองน้า 18. แปรงดอกหญ้า ใชใ้ นงานหินขัด หนิ ลา้ ง หรือในการฉาบปูน 19. ด้าย ใช้สาหรบั ทาระดับในการกอ่ อิฐและถือปนู ให้ได้ระดับเสมอกัน 20. ดนิ สอ ใช้ขดี ทาเครื่องหมาย 21. แปรงสลัดน้า ใช่ชบุ น้าแล้วสลัดใสบ่ รเิ วณทีต่ อ้ งการจะฉาบปูน เพ่ือใหพ้ ้นื มีความชุม่ช้นื 22. ชอล์คเสน้ หรือเตา้ ดีด ใช้สาหรบั ตเี ส้น ใหไ้ ด้ระดบั กอ่ นท่ีจะทาสี หรือฉาบปูน
47 1.5.3.2 การเกบ็ และบารุงรักษาเครือ่ งมอื และอุปกรณ์งานคอนกรตี 1. ควรทาความสะอาดหลงั ใช้เครอื่ งมอื และอุปกรณ์งานคอนกรตี 2. ทาน้ามันเครอ่ื งมือและอปุ กรณ์สว่ นท่เี ปน็ โลหะ 3. เก็บเคร่อื งมือและอุปกรณ์งานคอนกรตี ใหเ้ รยี บร้อย 1.5.4 เครือ่ งมอื และอุปกรณก์ ารกอ่ สรา้ งงานโลหะ งานโลหะเป็นงานทีห่ นักมากลกั ษณะการทางานมีท้ังงานในร่มและกลางแจง้ สถานท่ีปฏบิ ตั งิ านมที ง้ั ทต่ี า่ และทีส่ งู โดยเฉพาะงานโครงสร้างหลงั คาทใ่ี ชเ้ หลก็ เป็นโครงสรา้ งประกอบเพราะมคี วามคงทน แขง็ แรงสูง ช่างโลหะจะตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามขยัน อดทน ส้งู านเป็นพิเศษ มคี วามรอบรู้เกีย่ วกับวสั ดโุ ลหะตา่ ง ๆ เป็นอยา่ งดมี ีประสบการณ์ มีทักษะจากการปฏิบตั ิงานจนเกิดความชานาญ มคี วามรบั ผดิ ชอบต่องาน ละเอยี ด รอบคอบ ประณีตและประหยดั 1.5.4.1 ประเภทของเคร่ืองมอื งานโลหะ ลกั ษณะงานโลหะที่เกีย่ วขอ้ งในงานกอ่ สร้าง สว่ นมากจะเป็นงาน เช่ือมโครงสรา้ งท่ีเปน็โลหะ ซง่ึ เคร่อื งมอื และอปุ กรณท์ จ่ี าเป็นสามารถนาไปใชป้ ระกอบการปฏิบัติงานก่อสร้าง มีดงั นี้ 1. เอ๊ยี มกนั ไฟ ทาจากหนังสาหรับสวมปอ้ งกนั ความร้อน รงั สี และสะเกด็ ไฟ จาเปน็อย่างย่งิ เมือ่ เชอื่ มท่าเหนือศรี ษะ 2. ถงุ มอื เชอ่ื ม ทาจากหนังหรือวสั ดทุ นไฟ ใช้ปอ้ งกนั ความร้อนและรังสีทจ่ี ะเป็นอนั ตรายต่อผิวหนงั และป้องกันไฟดูดขณะเปล่ยี นลวดไดด้ ว้ ย 3. แปรงลวด ใชท้ าความสะอาดรอยเช่อื มหรอื ชิ้นงาน ตวั แปรงเป็นไม้ ตวั ลวดเปน็ ลวดสปรงิ 4. ค้อนเคาะสแลก็ ใช้สาหรบั เคาะสแลก็ ที่คลมุ แนวเช่ือมอยู่ และทาความสะอาดรอยเชอื่ ม 5. คมี จับงานรอ้ น ใชส้ าหรบั จบั พลกิ ชิน้ งานขณะร้อน เพือ่ ที่จะทาใหก้ ารทางานสะดวกและรวดเรว็ ข้ึน 6. สายไฟเชอื่ มไฟฟา้ ต้องมขี นาดหนา้ ตัด และความยาวเหมาะสม ทาดว้ ยทองแดงเสน้ใยไหม สายออ่ นพันเปน็ เกลยี ว ม้วนงอได้งา่ ย มีฉนวนห้มุ อยา่ งดี จับยดึ กับคีมจับลวดเชอ่ื มแนน่ ถ้าสายไฟเชือ่ มมีรอยต่อหลวมจะสญู เสยี พลังงาน ทาใหส้ ายไฟเช่ือมร้อน เกิดอุบตั เิ หตุได้งา่ ย สายไฟเช่อื มประกอบเขา้ กบั คมี จับลวด เชอื่ มด้วยสกรขู ันแนน่ เปน็ อย่างดี ส่วนปลายสายไฟเช่ือมอกี ด้านหน่งึตอ่ กับหางปลา 7. หน้ากากเชอ่ื ม ใช้เพอื่ ปอ้ งกนั แสงและรงั สจี ากประกายไฟ ท่ีเกิดจาก เปลว หรอืประกายอารก์ 8. เครื่องเชอ่ื มไฟฟา้ ใช้งานในการเชอ่ื มชนิ้ งาน 9. ลวดเช่ือม เป็นตัวเชื่อมประสานใหช้ ิน้ งานโลหะสองชนิ้ ยึดติดกัน
481.6 ประโยชนข์ องการใช้ วสั ดแุ ละอุปกรณ์พ้นื ฐานงานกอ่ สรา้ ง การใช้วสั ดแุ ละอุปกรณพ์ น้ื ฐานงานกอ่ สรา้ ง มปี ระโยชน์ดงั นี้ 1.6.1 สามารถเลอื กใชว้ ัสดพุ ื้นฐานงานกอ่ สร้างไดถ้ ูกต้องเหมาะสมกับงาน 1.6.2 สามารถใชเ้ ครอ่ื งมือช่างพ้ืนฐานงานกอ่ สรา้ งต่างๆ ได้ถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั งาน 1.6.3 สามารถซ่อมแซม และดแู ลรกั ษาของเครือ่ งมือช่างพืน้ ฐานงานก่อสรา้ งทชี่ ารดุ แลว้ ให้นากลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้ 1.6.4 ทาให้รูจ้ กั ใช้วัสดแุ ละอุปกรณพ์ น้ื ฐานงานก่อสรา้ งให้เกดิ ประโยชน์มากที่สุดในการทางานก่อสร้าง1.7 การบารงุ รกั ษาเครือ่ งมือและอปุ กรณ์พ้ืนฐานงานกอ่ สรา้ ง 1.7.1 วธิ กี ารใชเ้ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณพ์ น้ื ฐานงานก่อสร้าง มีหลักปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1) ศึกษาวธิ กี ารใชเ้ คร่อื งมอื ก่อนนาไปใช้ 2) ตรวจสอบสภาพของเครอ่ื งมอื กอ่ นนาไปใชง้ าน ถา้ พบวา่ เครอื่ งมือชารุด ควรนาไปซ่อมแซมก่อน 3) ใชเ้ ครื่องมอื ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน 4) ใช้เคร่อื งมอื ด้วยความระมดั ระวัง และไมเ่ ล่นหยอกล้อกันขณะใชเ้ คร่ืองมือ 5) ไม่ควรนาเคร่อื งมอื ใสใ่ นกระเปา๋ เส้ือหรือกระเป๋ากางเกงท่สี วมใส่อยู่ เพราะเครอ่ื งมอือาจทม่ิ แทงรา่ งกายได้ ควรห่อใหม้ ิดชิดหรือใส่กล่องเคร่อื งมอื ไว้ 1.7.2 การดูแลรักษาเคร่อื งและอปุ กรณ์พื้นฐานงานกอ่ สรา้ ง ควรปฏิบตั ดิ งั น้ี 1) ทาความสะอาดเคร่อื งมือหลังการใชง้ านทกุ ครั้ง 2) ถา้ เคร่ืองมอื ชารดุ ให้ซ่อมแซมกอ่ นนาไปเกบ็ 3) เครือ่ งมือทเ่ี ป็นโลหะ เชน่ กรรไกร มีด เลอ่ื ย ควรทานา้ มนั เพื่อป้องกนั สนิมในส่วนที่เปน็ โลหะ 4) จดั เกบ็ เครอ่ื งมอื เข้าท่ีหรอื เก็บใสก่ ล่องใหเ้ รียบร้อยสรุป วสั ดแุ ละเคร่ืองมืออุปกรณ์ นับวา่ เป็นส่งิ สาคญั และจาเปน็ มากสาหรบั “ช่าง” ในการก่อสร้างบ้านเรอื น ท่ีอย่อู าศัย ตั้งแต่การเตรียมเครือ่ งมือก่อสรา้ ง ในการทาฐานราก การติดตัง้ เสา การติดตั้งคาน การทาหลงั คา การตดิ ต้งั พืน้ การซ่อมแซมผนัง การติดตง้ั หน้าตา่ ง ประตู บัว และอุปกรณอ์ ่นื ๆทงั้ นชี้ า่ งทีใ่ ช้เครื่องมือ จะต้องมีความเช่ียวชาญในการใชง้ านเปน็ อยา่ งดี และยงั สามารถดแู ลรกั ษาเครือ่ งมอื ชา่ งใหอ้ ยู่ในสภาพดพี รอ้ มใช้งานตลอดเวลา
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: