Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนการสอน ม.2

แผนการจัดการเรียนการสอน ม.2

Published by ๋Jiratchaya Chaitheeratham, 2021-03-24 06:43:38

Description: แผนการจัดการเรียนการสอน ม.2

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ ง า น แ ล ะ พ ลั ง ง า น ชื่ อ แ ผ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ 5.1 ง า น แ ล ะ ก า ลั ง ร หั ส – ชื่ อ ร า ย วิ ช า ว 322102 วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ร ะ ดั บ ช้ั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2/2563 เวลา 3 ชว่ั โมง ผ้สู อน ครจู ริ ัชญา ชัยธรี ธรรม โรงเรยี น ราชประชานุเคราะห์ 31 อ.แม่แจ่ม จ.เชยี งใหม่ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด ว 2.3 ม.2/1 วิเคราะหส์ ถานการณแ์ ละคานวณเกย่ี วกบั งานและกาลงั ทีเ่ กดิ จากแรงทกี่ ระทาต่อวตั ถุ W โดยใชส้ มการ W  Fs และ P  t จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมายของงานและกาลงั ในทางวิทยาศาสตร์ได้ (K) 2. อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างงานกบั กาลังได้ (K) 3. วิเคราะหส์ ถานการณเ์ กีย่ วกับงานและกาลังได้ (P) 4. คานวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้องกับงานและกาลงั ได้ (P) 5. มคี วามใฝเ่ รียนรแู้ ละมีความมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ เม่ือออกแรงกระทาตอ่ วัตถุ แล้วทาใหว้ ตั ถเุ คล่อื นที่ โดยแรงอยูใ่ นแนวเดียวกับการเคลื่อนท่ีจะเกิดงาน งานจะมคี า่ มากหรอื น้อยข้ึนกบั ขนาดของแรงและระยะทางในแนวเดยี วกับแรง 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด งานเปน็ การออกแรงกระทากระทาต่อวัตถุแล้วทาให้วัตถุเกิดการเคลื่อนท่ีไปในแนวเดียวกับทิศทาง หรือมีการกระจัดตามแนวแรงน้ัน งานจะมีค่ามากหรือน้อยข้ึนอยู่กับขนาดของแรง และขนาดของ การกระจัดในแนวเดยี วกบั แรง และกาลัง เปน็ ปรมิ าณทีใ่ ชบ้ อกความสามารถในการทางานได้ต่อหนึ่งหน่วย เวลา 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มั่นในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ข้ันนา ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู ักทายกบั นกั เรียน แล้วแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรูใ้ ห้นกั เรียนทราบ จากนน้ั นักเรียนทา แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 งานและพลงั งาน เพอื่ วดั ความรเู้ ดิมของนักเรียนกอ่ นเขา้ สู่ กจิ กรรม 2. ครูถามคาถามกระตุ้นความสนใจของนกั เรียนโดยใช้คาถาม Big Question จากหนังสือเรียน วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 และร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอยา่ งอสิ ระโดยไม่มีการเฉลย ว่าถูกหรอื ผิดว่า “งานและพลังงาน มีความเกี่ยวขอ้ งกับกิจวตั รประจาวันของเราอยา่ งไร” (แนวตอบ : ในชีวติ ประจาวันของเราล้วนประกอบกจิ กรรมต่าง ๆ ซึ่งบางกจิ กรรมลว้ นก่อใหเ้ กดิ งานในทางฟิสิกส์ กล่าวคือ เม่ือออกแรงกระทากับวัตถุให้เคลื่อนท่ีไปตามแนวแรง ส่วนพลังงานเป็นสิ่งที่ไม่ สามารถมองเหน็ หรือจับตอ้ งได้ แตส่ ามารถรับร้ไู ด้ เช่น พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ พลังงานงานไฟฟ้า ทาให้หลอดไฟสว่าง พลังงานลมช่วยขบั เคลอื่ นเรือสาเภา) 3. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ Understanding Check ในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยบันทกึ ลงในสมดุ ประจาตวั นักเรียน 4. ครูถามคาถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 เพอื่ เปน็ การนาเขา้ สู่ บทเรียนว่า “แรงชนิดใดบา้ งทสี่ ่งผลใหว้ ตั ถุเคลื่อนทไี่ ปตามแนวแรงที่มากระทา” (แนวตอบ : แรงโน้มถ่วง แรงดงึ แรงผลกั ) ขนั้ สอน ขั้นท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. ครนู าบตั รภาพกจิ กรรมตา่ ง ๆ เช่น นกั กีฬายกนา้ หนกั คนเขน็ รถยนต์ และเดก็ ผหู้ ญิงน่งั เลน่ คอมพวิ เตอร์ มาให้นักเรียนดู จากน้ันครูตง้ั ประเด็นคาถามกระตุน้ ความคดิ นักเรยี นวา่ “กิจกรรมใดบ้างทีเ่ กดิ งานในทางฟสิ ิกส์” (แนวตอบ : กจิ กรรมท่เี กิดงานทางฟสิ ิกส์ คือ คนเขน็ รถยนต์ และเด็กผ้หู ญงิ นัง่ เล่นคอมพิวเตอร)์ 2. นักเรียนจบั ค่เู ลขทีข่ องตนเอง เช่น เลขที่ 1 จับคูก่ ับเลขท่ี 2 จากน้นั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะค่รู ว่ มกนั ศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั เร่อื ง งาน เพ่อื หาคานิยามคาวา่ งาน ในทางวิทยาศาสตร์ จากหนงั สือ เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรอื แหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต หอ้ งสมุด 3. นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกนั อภปิ รายเรื่องท่ไี ดศ้ กึ ษา จากนนั้ ให้นักเรยี นแต่ละคนเขียนสรุปความรทู้ ่ีได้ จากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

ขน้ั นา ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการศึกษาหน้าชน้ั เรยี น ในระหวา่ งท่ีนักเรียนนาเสนอครคู อย ให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่ือใหน้ กั เรียนมีความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 5. ครูตง้ั ประเด็นคาถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรียน โดยให้นกั เรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คดิ เหน็ เพอ่ื หาคาตอบ ดังนี้  งานในความหมายทวั่ ไปในชวี ิตประจาวัน ต่างกบั งานในทางวิทยาศาสตร์อย่างไร (แนวตอบ : งานในความหมายท่วั ไป หมายถึง การประกอบอาชพี ซึง่ แตกตา่ งไปจากความหมาย ของงานในทางวทิ ยาศาสตร์ หมายถงึ ผลของแรงและระยะทางท่ีวัตถุเคล่ือนท่ีในแนวเดียวกับแรง ดังน้ัน งาน จึงเปน็ ปริมาณสเกลาร)์  จากนิยามนกั เรียนสามารถคานวณปริมาณงานไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : ผลคูณระหว่างแรงกบั ระยะทางท่ีวตั ถุเคล่อื นท่ี) 6. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ “นอกจากงานทเ่ี กดิ ขนึ้ ในแนวระดบั แล้ว เราสามารถหางาน ทเี่ กิดจากแนวดง่ิ ได้อีก เนือ่ งจากการเคลือ่ นทข่ี องวตั ถลุ งในแนวด่งิ จะมแี รงโนม้ ถ่วงของโลกมากระทาต่อวัตถุท่ี มมี วล ทาใหเ้ กดิ เปน็ งานเนือ่ งจากแรงโน้มถว่ งของโลก โดยคานวณไดจ้ ากสมการ W = mgh” 7. นักเรียนศกึ ษาตัวอยา่ งการคานวณโจทยป์ ญั หาจากตัวอย่างท่ี 5.1-5.4 เรอ่ื ง งาน จากหนงั สอื เรยี น วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากน้นั ครเู ขียนโจทยป์ ัญหาเพม่ิ เติม และแสดงวิธีทา ใหน้ ักเรียนดู บนกระดาน ดงั น้ี ตวั อย่างโจทย์ ณเดช ยกกล่องขนมทีม่ ีน้าหนัก 20 นวิ ตนั ขึน้ จากพืน้ ไปวางบนหลงั ตเู้ ย็นที่สูงจากพนื้ 1.5 เมตร จงหางานท่ีณเดชทาได้ วธิ ที า จากโจทย์กาหนด F = 20 นวิ ตัน, s = 1.5 เมตร, w = ?) จากสมการ W = Fxs W = 20 N x 1.5 m W = 30 J ดังนนั้ งานทณี่ เดชทาได้มคี ่าเท่ากับ 30 จูล 8. นักเรียนทาใบงานที่ 5.1.1 เรอื่ ง งาน จากนั้นครสู มุ่ เลขที่นักเรียน จานวน 4 คน ออกมาเขยี น คาตอบของตนเองหนา้ ชน้ั เรียน โดยให้เพอ่ื นในช้ันเรยี นรว่ มกนั พจิ ารณาวา่ คาตอบถกู ตอ้ งหรือไม่ จากนั้นครเู ฉลยคาตอบท่ีถกู ตอ้ งให้นกั เรยี น (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

ขัน้ สอน ขนั้ ท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) (ตอ่ ) 9. ครทู บทวนความร้เู ดมิ ของนักเรียน จากช่วั โมงทีผ่ ่านมา จากนนั้ ครูถามนกั เรยี นว่า “กาลังเกยี่ วข้อง กับงานอยา่ งไร” โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพ่ือหาคาตอบ (แนวตอบ : งานท่ีทาในหนึ่งหน่วยเวลา เรียกว่า กาลัง ซ่ึงกาลังเป็นปริมาณสเกลาร์เช่นเดียวกับ งาน) 10. ครตู งั้ ประเด็นคาถามให้นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็นวา่ “คนสองคนทางานไดเ้ ท่ากนั แตใ่ ชเ้ วลาในการทางานตา่ งกัน ความสามารถในการทางานของคนสองคนเหมือน หรือตา่ งกันอย่างไร” โดยไม่ มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด จากนั้นนักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับเร่ือง กาลัง จากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือQR Code เรื่อง กาลัง 11. นักเรียนแต่ละคนเขียนสรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จากการศกึ ษาค้นควา้ ลงในสมุดประจาตวั นกั เรียน (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล) ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 12. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกบั เรือ่ ง กาลงั ซึ่งไดข้ ้อสรปุ ร่วมกนั วา่ “กาลังเปน็ ปรมิ าณที่ ใชบ้ อกความสามารถในการทางานได้ต่อหน่ึงหน่วยเวลา ซึ่งในทางฟิสิกส์การทางานเท่ากันในเวลาท่ีแตกต่าง กนั เรยี กว่า อตั ราการทางาน หรอื ปริมาณงานทที่ าได้หนึง่ หน่วยเวลา” 13. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับกาลังม้าว่า “หน่วยของกาลังนอกจากวัตต์แล้ว นิยม บอกเปน็ แรงม้า เมอ่ื เทียบแรงม้ากบั หน่วยเอสไอ (SI unit) จะไดว้ า่ 1 แรงม้า เทา่ กับ 746 วตั ต์” 14. นักเรยี นศกึ ษาตวั อย่างการคานวณโจทย์ปญั หาจากตัวอยา่ งที่ 5.5-5.9 เร่อื ง กาลงั จากหนงั สือ เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากนัน้ ครูเขยี นโจทย์บนกระดาน โดยให้นักเรยี นแต่ละคนแสดงวธิ ที าลงในสมุด ประจาตัวนกั เรยี น ตวั อยา่ งโจทย์ ปัน้ จั่นยกของมวล 1500 กิโลกรมั ข้นึ สงู 10 เมตร ในเวลา 20 วนิ าที จงหา กาลังของป้ันจ่ันในการยกของนี้ 15. ครูส่มุ เลขที่นักเรียน จานวน 2 คน ออกมาเขียนคาตอบของตนเองหนา้ ชั้นเรียน โดยให้เพ่อื นใน ชั้นเรยี นร่วมกนั พิจารณาวา่ คาตอบถกู ต้องหรือไม่ จากนั้นครเู ฉลยคาตอบที่ถกู ตอ้ งให้นกั เรยี น ข้นั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 16. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซักถามเนื้อหาเก่ียวกบั เร่อื ง งานและกาลงั และใหค้ วามร้เู พม่ิ เตมิ จาก คาถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง งานและกาลัง ในการอธิบายเพม่ิ เติม 17. นกั เรยี นจับคู่กบั เพ่ือนในชนั้ เรยี น ตามความสมคั รใจ จากนน้ั ให้นักเรยี นแต่ละคู่รว่ มกันทา ใบงาน เรื่อง กาลัง เม่อื ทาเสร็จแล้วนาสง่ ครทู ้ายชว่ั โมง 18. ครูส่มุ เลขท่ีนักเรยี น จานวน 3 คน ออกมาเขยี นคาตอบของตนเองหน้าช้ันเรยี น โดยใหเ้ พือ่ นใน ชน้ั เรียนร่วมกันพิจารณาว่าคาตอบถกู ตอ้ งหรอื ไม่ จากนน้ั ครเู ฉลยคาตอบท่ีถกู ต้องให้นกั เรียน 19. นกั เรยี นแต่ละคนทาแบบฝึกหัด เรือ่ ง งานและกาลงั จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เปน็ การบา้ นส่งในชัว่ โมงถดั ไป

ขั้นสรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทาใบงาน เร่อื ง งาน,กาลัง 2. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง งานและกาลัง จากแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 3. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกับงานและกาลัง ซ่ึงได้ขอ้ สรปุ ร่วมกันว่า “งาน เกิดขึน้ เมอ่ื มแี รง กระทาต่อวัตถุแล้วทาให้วัตถุมีการเคลื่อนที่ไปในแนวเดียวกับทิศทางของแรง หรือมีการกระจัด ตามแนว แรงงานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็น จูล (J) และกาลัง เป็นปริมาณงานท่ีทาได้ในหนึ่งหน่วยเวลา หรือ ปริมาณท่ีใช้บอกความสามารถในการทางานได้ต่อหนึ่งหน่วยเวลา กาลังเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเ ป็น วัตต์ (W)” 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่าง การจดั กิจกรรม การเรียนรู้ 1) งานและกาลัง - ตรวจใบงาน - ใบงาน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ม.2 ม.2 เลม่ 2 เล่ม 2 2) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ อนั พึงประสงค์ และม่งุ มนั่ ในการ ทางาน 8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เร่ือง งานและพลงั งาน 3) ใบงาน เร่ือง งาน 4) ใบงาน เรอื่ ง กาลงั 5) PowerPoint เร่อื ง งานและกาลัง 6) สมุดประจาตัวนกั เรียน 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมุด 2) อนิ เทอร์เนต็

9. ขอ้ เสนอแนะ  ใช้สอนได้  ควรปรบั ปรุง ………………………………………………………………………………..……………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10. บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ชั้น ................ ความเหมาะสมของกิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรับปรุง……………………… ความเหมาะสมของส่อื  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ……………………… อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมินผู้เรยี นด้านความรู้ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยูใ่ นระดับ 3 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 4 12. สรปุ ผลการประเมินผู้เรยี นดา้ นทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 13. สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รยี นดา้ นคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยูใ่ นระดบั 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นร้ฯู อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4

14. สรุปผลการประเมินผเู้ รียน นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….. มผี ลการเรียนรู้ฯ อย่ใู นระดับ 1 (ปรบั ปรุง) นักเรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 2 (พอใช)้ นักเรยี นจานวน…….คน คดิ เปน็ ร้อยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 (ดี) นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เปน็ ร้อยละ……….. มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 4 (ดีมาก) สรุปโดยภาพรวมมีนกั เรียน จานวน………คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึ้นไป ซง่ึ สูง (ต่า) กว่าเกณฑ์ที่กาหนดไวร้ ้อยละ………มนี ักเรยี นจานวน……คน คิดเป็นร้อยละ…… ท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์ทกี่ าหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 16. แนวทางแก้ไขปญั หาเพอื่ ปรบั ปรุง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 17. ผลการพฒั นา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ................................................ (นางสาวจิรชั ญา ชยั ธีรธรรม) ผู้สอน ลงชอื่ ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หน้าสาระ

ใบงาน เร่ือง งาน คาชแ้ี จง : จงแสดงวิธีคานวณจากโจทยท์ ่ีกาหนดให้ตอ่ ไปนี้ 1. เมอ่ื ออกแรง 60 นิวตัน ผลักตหู้ นังสอื ใหเ้ คลื่อนท่ไี ปในระยะทาง 10 เมตร งานทเ่ี กดิ ขน้ึ มีคา่ เทา่ ใด .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. นดิ ยกกลอ่ งหนกั 20 นิวตัน ขึ้นจากพื้นไปวางบนช้ันหนงั สือท่สี งู จากพนื้ 1.3 เมตร จงหางานท่นี ดิ ทาได้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ผ้ชู ายคนหนึ่งดนั ตูท้ ่ีมีนา้ หนกั 1,000 นวิ ตนั ให้เคลื่อนทไ่ี ปข้างหน้า 0.5 เมตร จงคานวณหางานที่ชายคนนที้ าได้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. วิเชียรออกแรงยกกล่องดว้ ยแรง 30 นวิ ตัน แลว้ เดินขน้ึ บนั ได 5 ขัน้ แต่ละขนั้ สงู 20 เซนตเิ มตร งานที่ วิเชยี รทาจากการยกกล่องขน้ึ บนั ไดมคี า่ เทา่ ใด3,00 .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. ปัน้ จ่นั เคร่ืองหนง่ึ ยกหบี สนิ ค้ามวล 1.5×105 กโิ ลกรมั ขน้ึ จากท่าเรอื เพ่ือวางบนดาดฟ้าเรือ ซึ่งสูงจากพ้ืน ท่าเรอื 15 เมตร จงหางานในการยกสนิ ค้าของปั้นจั่นในหนว่ ยจูล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

เฉลย ใบงานท่ี 5.1.1 เรื่อง งาน คาชแ้ี จง : จงแสดงวธิ ีคานวณจากโจทยท์ ่กี าหนดใหต้ อ่ ไปน้ี 1. เมอ่ื ออกแรง 60 นิวตัน ผลักตูห้ นงั สอื ให้เคล่อื นทีไ่ ปในระยะทาง 10 เมตร งานทเี่ กดิ ขึ้นมคี ่าเท่าใด วธิ ที า จากโจทยก์ าหนด F = 60 นวิ ตัน, s = 10 เมตร, W = ? จากสมการ W  Fs W  (60 N)(10 m) W  600 J ดงั นั้น งานที่เกิดข้ึนมคี ่าเทา่ กับ 600 จูล 2. นิดยกกล่องหนัก 20 นิวตัน ขน้ึ จากพืน้ ไปวางบนช้ันหนงั สอื ทสี่ ูงจากพ้ืน 1.3 เมตร จงหางานทีน่ ดิ ทาได้ วธิ ที า จากโจทย์กาหนด F = 20 นวิ ตนั , s = 1.3 เมตร, W = ? จากสมการ W  Fs W  (20 N)(1.3 m) W  26 J ดังนั้น งานที่นดิ ทาได้มคี ่าเท่ากบั 26 จูล 3. ผู้ชายคนหน่ึงดนั ตู้ทม่ี นี ้าหนกั 1,000 นิวตัน ให้เคลื่อนท่ไี ปข้างหน้า 0.5 เมตร จงคานวณหางานที่ชายคนนี้ทาได้ วธิ ีทา จากโจทย์กาหนด F = 1,000 นิวตัน, s = 0.5 เมตร, W = ? จากสมการ W  Fs W  (1,000 N)(0.5 m) W  500 J ดังนน้ั งานท่ชี ายผูน้ ้ีทาได้มีคา่ เทา่ กับ 26 จูล 4. วเิ ชียรออกแรงยกกลอ่ งด้วยแรง 30 นิวตนั แลว้ เดินขึ้นบนั ได 5 ข้นั แต่ละขน้ั สูง 20 เซนติเมตร งานที่ วเิ ชยี รทาจากการยกกล่องขึ้นบันไดมคี า่ เท่าใด วิธีทา จากโจทยก์ าหนด F = 30 นิวตนั , s = 5 x 20 = 100 เมตร, W = ? จากสมการ W  Fs W  (30 N)(100 m) W  3,000 J ดังน้นั งานที่วิเชยี รทาจากการยกกล่องขนึ้ บันไดมคี า่ เท่ากับ 3,000 จลู

5. ปน้ั จน่ั เครอื่ งหนึง่ ยกหบี สินคา้ มวล 1.5×105 กิโลกรัม ข้นึ จากท่าเรือเพอ่ื วางบนดาดฟ้าเรอื ซึ่งสงู จากพ้นื ท่าเรอื 15 เมตร จงหางานในการยกสินคา้ ของป้ันจนั่ ในหนว่ ยจูล วิธที า จากโจทยก์ าหนด m = 1.5 × 105 กโิ ลกรัม, h = 15 เมตร, g = 10 เมตรต่อวินาที2 , W = ? จากสมการ W  Fs  mgh W  (1.5  105 kg)(10 m / s2 )(15 m) W  225  105 J หรอื 2.25107 J ดงั นน้ั งานในการยกสนิ คา้ ของปน้ั จ่นั มีคา่ เทา่ กบั 2.25107 จูล

ใบงาน เรื่อง กาลงั คาชีแ้ จง : จงแสดงวธิ ีคานวณจากโจทยท์ กี่ าหนดใหต้ อ่ ไปน้ี 1. จนี า่ หนกั 480 นวิ ตัน วง่ิ ขน้ึ เวที ซึง่ สูง 5 เมตร ในเวลา 10 วนิ าที จงหาวา่ จนี า่ ตอ้ งใชก้ าลังเท่าไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. ป้ันจั่นอนั ยกนา้ หนัก 0.5 กิโลกรมั ขึน้ ไปได้สูง 6 เมตร จากพนื้ ด้วยความเร็วคงทีใ่ นเวลา 30 วินาที จงหา กาลังที่ปัน้ จน่ั ใช้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. หัวจักรคันหน่งึ มีกาลัง 72 กิโลวัตต์ สามารถออกแรงฉุดให้รถเคล่อื นทีไ่ ด้ด้วยแรง 3,600 นิวตัน จงหาอัตราเรว็ เฉล่ียของการเคล่ือนทีข่ องรถน้นั เป็นเมตรตอ่ วินาที .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. นายดาแบกกระจาดใส่มะม่วงหนกั 20 กิโลกรมั เดนิ ขึ้นสะพานลอยหนา้ โรงเรยี นเป็นเวลา 50 วินาที บนั ได มคี วามยาว 15 เมตร สะพานสงู 5 เมตร กว้าง 50 เมตร นายดาออกกาลงั เท่าไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. เจา้ หนา้ ท่ีดบั เพลงิ ใช้กระเชา้ ปนั่ จ่นั หนัก 1200 นิวตัน ชว่ ยคนตดิ อยู่ในตึกลงมาดว้ ยอัตราเร็ว 3 เมตรตอ่ วนิ าที จงหากาลงั .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

เฉลย ใบงาน เร่ือง กาลัง คาช้ีแจง : จงแสดงวธิ ีคานวณจากโจทย์ทก่ี าหนดใหต้ ่อไปนี้ 1. จีน่า หนัก 480 นวิ ตัน วิ่งขน้ึ เวที ซึ่งสูง 5 เมตร ในเวลา 10 วินาที จงหาวา่ จนี า่ ตอ้ งใชก้ าลังเทา่ ไร วิธที า จากโจทยก์ าหนด F = 480 นิวตนั , s = 5 เมตร, t = 10 วินาที, P = ? W Fs จากสมการ P  t  t (450 N)(5 m) P  10 s P  240 J / s ดังนัน้ จีน่าตอ้ งใชก้ าลงั 240 จลู ต่อวนิ าที 2. ป้นั จ่ันอันยกนา้ หนกั 0.5 กิโลกรมั ขน้ึ ไปได้สูง 6 เมตร จากพนื้ ด้วยความเร็วคงทใี่ นเวลา 30 วินาที จงหากาลงั ที่ป้ันจ่นั ใช้ วิธที า จากโจทย์กาหนด m = 0.5 กิโลกรัม, h = 6 เมตร, t = 30 วนิ าที g = 10 เมตรต่อวินาที2 , P = ? W mgh จากสมการ P  t  t (0.5 kg)(10 m / s2 )(6 m) P  30 s P  1W ดังนั้น กาลังของปัน้ จัน่ มีคา่ เท่ากับ 1 วตั ต์ 3. หัวจกั รคนั หนงึ่ มกี าลัง 72 กโิ ลวตั ต์ สามารถออกแรงฉุดให้รถเคล่ือนทไี่ ดด้ ว้ ยแรง 3,600 นวิ ตนั จงหาอัตราเรว็ เฉลีย่ ของการเคล่ือนทีข่ องรถน้ันเป็นเมตรตอ่ วินาที วิธที า จากโจทย์กาหนด P = 72 x 103 วัตต์, F = 3,600 นวิ ตัน, v = ? Fs s จากสมการ P  t (เมื่อ v  t ) P  Fv (72103 )  (3,600 N)(v) v  20 m / s ดงั นั้น อตั ราเร็วเฉลย่ี ของการเคลือ่ นทีข่ องรถนน้ั เปน็ 20 เมตรต่อวนิ าที

4. นายดาแบกกระจาดใสม่ ะมว่ งหนกั 20 กโิ ลกรัม เดนิ ข้ึนสะพานลอยหน้าโรงเรียนเปน็ เวลา 50 วนิ าที บนั ไดมคี วามยาว 15 เมตร สะพานสูง 5 เมตร กว้าง 50 เมตร นายดาออกกาลังเทา่ ไร วธิ ที า จากโจทยก์ าหนด m = 20 กโิ ลกรมั , h = 5 เมตร, t = 50 วนิ าที g = 10 เมตรต่อวนิ าที2 , P = ? W mgh จากสมการ P  t  t (20 kg)(10 m / s2 )(5 m) P  50 s P  20 J / s ดังนน้ั นายดาออกกาลงั เท่ากบั 20 จูลตอ่ วินาที 5. เจา้ หน้าที่ดบั เพลงิ ใช้กระเช้าป่นั จนั่ หนกั 1200 นิวตนั ชว่ ยคนติดอย่ใู นตึกลงมาด้วยอัตราเร็ว 3 เมตรต่อ วนิ าที จงหากาลัง วธิ ีทา จากโจทย์กาหนด F = 1,200 นวิ ตัน, v = 3 เมตรต่อวนิ าที, P = ? จากสมการ P  Fv P  (1,200 N)(3 m / s) P  3,600 W ดังนน้ั กาลังทป่ี ั้นจัน่ ใช้มีค่าเท่ากบั 3,600 วัตต์

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 หน่วยการเรียน รู้ ง าน และพลังง าน ช่ือแ ผน กา รจัดการเรีย นรู้ ที่ 5.2 เครื่ อง กลอย่าง ง่าย ร หั ส – ช่ื อ ร า ย วิ ช า ว 322102 วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ร ะ ดั บ ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2/2563 เวลา 3 ชั่วโมง ผู้สอน ครูจิรชั ญา ชัยธีรธรรม โรงเรยี น ราชประชานุเคราะห์ 31 อ.แม่แจม่ จ.เชยี งใหม่ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด ว 2.3 ม.2/2 วเิ คราะห์หลักการทางานของเครื่องกลอย่างง่ายจากข้อมูลท่รี วบรวมได้ ว 2.3 ม.2/3 ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรู้ของเคร่ืองกลอย่างง่าย โดยบอกประโยชน์ และการประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการทางานของเครอื่ งมอื กลอยา่ งง่ายได้ (K) 2. บอกประโยชนแ์ ละการประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ (P) 3. วเิ คราะห์หลกั การทางานของเคร่อื งกลอย่างงา่ ยจากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ (P) 4. ตระหนกั ถงึ ประโยชนแ์ ละนาหลกั การของเครอ่ื งกลอย่างง่ายมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ งานท่ที าในหนว่ ยเวลาเรยี กวา่ กาลงั หลักการของงานนาไปอธิบายการทางานของเครื่องกลอย่างง่าย ไดแ้ ก่ คาน พ้ืนเอียง รอกเดีย่ ว ลิ่ม สกรู ลอ้ และเพลา ซง่ึ นาไปใช้ประโยชนด์ ้านตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด หลักการของงานถกู นามาอธบิ ายการทางานของเคร่ืองกลซึ่งเป็นอุปกรณ์ท่ีช่วยให้การทางานเป็นไป อย่างสะดวกขนึ้ โดยมีแรงพยายาม หรือแรงที่ให้กับเครื่องกล และแรงต้านทาน หรือแรงที่วัตถุกระทาต่อ เครื่องกลเขา้ มาเก่ยี วขอ้ ง โดยเครื่องกลอย่างง่ายมี 6 ประเภท ได้แก่ คาน รอก พื้นเอียง สกรู ล่ิม ล้อและ เพลา 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 1. มีวินยั รับผิดชอบ 2. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ขัน้ นา ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความร้เู ดิมของนักเรียนเกย่ี วกับ เรือ่ ง งานและกาลัง จากนั้นครูแจ้งจดุ ประสงค์ การเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ 2. ครสู นทนากับนกั เรยี นวา่ “ในชีวติ ประจาวนั นักเรียนรจู้ ัก และเคยเหน็ เครอื่ งกลชนิดใดบ้าง” โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรอื ผิด (แนวตอบ : นกั เรียนอาจตอบว่า คาน พื้นเอียง เป็นตน้ ) ขนั้ สอน ขัน้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษา ค้นคว้าข้อมูลเกยี่ วกับ เรอ่ื ง เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย และคาน จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือ แหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ หอ้ งสมุด 2. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั อภปิ รายเรอ่ื งที่ไดศ้ กึ ษา จากนน้ั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนเขียนสรุปความรู้ ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล) ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ชน้ั เรียน ในระหวา่ งทน่ี ักเรยี นนาเสนอครคู อย ให้ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม เพ่อื ให้นักเรียนมคี วามเข้าใจที่ถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 4. นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายผลจากการศกึ ษา ซง่ึ ไดข้ อ้ สรปุ ร่วมกันว่า “เคร่ืองกลอย่างงา่ ย เป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยผ่อนแรง หรืออานวยความสะดวกในการทางานให้เป็นไปอย่างสะดวกข้ึน เครื่องกลอย่างง่าย แบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่ คาน รอก ลิ่ม พ้ืนเอียง สกรู ล้อและเพลา โดยแต่ละ ประเภทมหี ลกั การทางานท่ีแตกต่างกันเพอ่ื ช่วยในการผ่อนแรงในการทางาน และแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์ ในการใชง้ านท่แี ตกต่างกันด้วย” 5. ครอู ธบิ ายให้นกั เรยี นเข้าใจเกีย่ วกับคานวา่ “คาน เปน็ เครือ่ งกลอยา่ งงา่ ยทมี่ ีลักษณะเป็นท่อยาว และแข็ง มีส่วนประกอบท่ีสาคญั 3 สว่ น ได้แก่ จุดหมุน (F) แรงพยายาม (E) และแรงต้านทาน (E)” 6. ครูนาบตั รภาพอุปกรณต์ ่าง ๆ เชน่ กรรไกร ค้อน คมี ตัดลวด รถเข็น ไม้กวาด และพลั่วมาให้ นกั เรยี นดู จากน้ันนกั เรียนวาดภาพอุปกรณ์ต่าง ๆ จากบัตรภาพ แลว้ เตมิ ตาแหนง่ ของจดุ หมุน (F) แรง พยายาม (E) และแรงตา้ นทาน (E) ลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรยี น (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

ช่วั โมงท่ี 2 ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ) 8. ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกี่ยวกับ เรอ่ื ง เครอ่ื งกลอยา่ งง่าย จากน้นั ครูต้งั ประเด็นคาถาม กระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรยี นแต่ละคนร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพอื่ หาคาตอบ ดังนี้  เคร่อื งกลอย่างง่าย มจี ุดประสงค์ท่ีเหมือนกนั อย่างไร (แนวตอบ : ใชใ้ นการผ่อนแรง)  เครื่องมอื กลอยา่ งง่ายแบง่ ออกไดเ้ ปน็ ก่ีประเภท อะไรบา้ ง (แนวตอบ : แบ่งออกไดเ้ ปน็ 6 ประเภท ไดแ้ ก่ คาน รอก ล่มิ พ้ืนเอยี ง สกรู ล้อและเพลา) 9. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 5 กล่มุ กลุ่มละเท่า ๆ กนั ตามความสมคั รใจ จากนน้ั ให้นกั เรยี นแต่ละ กลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลากหัวข้อท่ีศึกษา โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับ เร่อื ง เครื่องกลอย่างง่าย กลุ่มละ 1 ประเภท จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหล่งการเรียนรู้ ตา่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หอ้ งสมุด ซ่งึ หวั ข้อประกอบดว้ ย  กลมุ่ ที่ 1 ศึกษา เรอ่ื ง ลมิ่  กลุ่มที่ 2 ศึกษา เร่ือง รอก  กลมุ่ ที่ 3 ศกึ ษา เรื่อง พนื้ เอียง  กลุ่มที่ 4 ศกึ ษา เรื่อง สกรู  กลมุ่ ท่ี 5 ศึกษา เรือ่ ง ล้อและเพลา 10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภิปรายเร่อื งทไ่ี ด้ศึกษา จากน้นั รว่ มกนั สรุปความรทู้ ่ไี ด้จากการศกึ ษา ค้นควา้ ลงในสมุดประจาตัวนกั เรยี น (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ ) ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 11. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลการศกึ ษาหน้าชัน้ เรยี น ในระหวา่ งที่นกั เรยี นนาเสนอครคู อย ให้ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ เพ่ือให้นักเรยี นมีความเข้าใจท่ีถกู ตอ้ ง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 12. ครตู ง้ั ประเด็นคาถามโดยใช้คาถามจากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 วา่ “ถ้าสนั ของล่ิม มคี วามกว้างมากกวา่ ความยาวของล่ิมจะส่งผลอย่างไร” (แนวตอบ : เม่ือออกแรงกระทา จะทาให้ขวานเจาะเข้าไปในเน้อื วัตถตุ ้นื สง่ ผลให้แยกวตั ถุออกจาก กันได้ยาก)

ขน้ั สอน ข้ันท่ี 2 สารวจคน้ หา (Explore) (ตอ่ ) 15. นกั เรียนแตล่ ะคนเขียนสรุปความรูเ้ กี่ยวกับ เรื่อง เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย เช่น คาน ลิม่ รอก พื้นเอียง สกรู ลอ้ และเพลา ลงในสมุดประจาตวั นักเรยี น ซ่งึ มีหัวข้อประกอบด้วย  อุปกรณม์ ีลักษณะอย่างไร  วตั ถุประสงคใ์ นการใช้  ตวั อย่างอปุ กรณ์ทใี่ ช้หลักการของเครอื่ งมือกลท่นี ามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวัน (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการรายบุคคล) ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 16. ครสู ุ่มนกั เรียน จานวน 6 คน ออกมานาเสนอข้อมลู ที่ตนเองสรุปความรเู้ ก่ียวกับ เรอ่ื ง เครื่องกล อย่างงา่ ย ดงั นี้  คนที่ 1 สรุป เร่ือง คาน  คนท่ี 2 สรปุ เรอื่ ง ลิ่ม  คนที่ 3 สรุป เรื่อง รอก  คนที่ 4 สรปุ เรื่อง พน้ื เอียง  คนท่ี 5 สรปุ เรอ่ื ง สกรู  คนที่ 6 สรปุ เรอ่ื ง ล้อและเพลา 17. นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายและสรุปเก่ียวกบั เร่ือง เครอื่ งกลอย่างงา่ ย ซงึ่ ได้ข้อสรปุ ร่วมกนั ดังนี้ 1) คาน เปน็ เครื่องกลที่มลี ักษณะเป็นท่อนยาว มีจุดหมนุ เพ่อื ทวีแรงเชิงกล ชว่ ยผอ่ นแรงใน การทางาน ตัวอยา่ งเช่น กรรไกร รถเขน็ ทราย ตะเกียบ 2) ลม่ิ เปน็ เคร่อื งกลท่ีมรี ูปร่างสามเหลี่ยม ใชต้ อกลงในเนือ้ วตั ถุเพอ่ื ยดึ หรอื แยกวัตถใุ ห้ออก จากกนั ตัวอยา่ งเชน่ ขวาน มดี ส้อม 3) รอก เป็นเครอ่ื งกลท่ีมีลกั ษณะเปน็ ล้อและมเี ชอื กพาด ชว่ ยอานวยความสะดวกในการ เคลอื่ นย้ายสง่ิ ของ ตัวอยา่ งเช่น รอกเดี่ยวท่พี บในไซต์งานก่อสรา้ ง กวา้ นตกั น้าจากบ่อ 4) พื้นเอียง เปน็ เครอ่ื งกลทม่ี ีลกั ษณะเปน็ ทางลาด หรอื เปน็ ไมก้ ระดาน ผิวเรยี บ ใชเ้ คล่ือนย้าย วัตถจุ ากท่ีสูง หรอื เคลอ่ื นวัตถุท่มี นี า้ หนกั มาก ตัวอย่างเชน่ พื้นเอียง บนั ได 5) สกรู เป็นเคร่ืองกลท่ีมีลกั ษณะใชห้ มุนเพอ่ื ยดึ วัตถุ มหี ลกั การทางานคล้ายกับพ้นื เอยี ง ตวั อยา่ งเชน่ ปากกาจับชิ้นงาน นอต 6) ล้อและเพลา เปน็ เครื่องกลทีป่ ระกอบดว้ ยทรงกระบอก 2 อนั ตดิ กนั อันใหญ่เรยี กว่า ล้อ อนั เลก็ เรียกวา่ เพลา ช่วยผอ่ นแรงในการเคล่อื นย้ายวัตถุ ตวั อย่างเชน่ ลกู บิดประตู จักรยาน ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 18. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามเนอ้ื หาเกย่ี วกับ เรอ่ื ง เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย และให้ความรู้เพมิ่ เติม จากคาถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง เครือ่ งกลอยา่ งงา่ ย ในการอธบิ ายเพมิ่ เตมิ 19. นักเรยี นทา Topic Question เรอ่ื ง งานและกาลัง และเครอ่ื งกลอย่างงา่ ย จากหนงั สือเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ลงในสมุดประจาตัวนักเรยี น

ขน้ั สรปุ ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางานกล่มุ และจากการนาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าช้นั เรียน 2. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจาตัวนกั เรียน 3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 5.2.1 เร่อื ง เครอ่ื งกลอย่างงา่ ย 4. ครูตรวจ Topic Question เรือ่ ง งานและกาลงั และเครอื่ งกลอย่างง่าย ในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น 5. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง เครือ่ งกลอยา่ งงา่ ย จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 6. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกับเครือ่ งกลอยา่ งง่าย ซึง่ ไดข้ อ้ สรุปรว่ มกันวา่ “เครือ่ งกลอย่างงา่ ย เปน็ เคร่ืองมือที่ชว่ ยผอ่ นแรงและช่วยอานวยความสะดวกในการทางาน โดยเคร่อื งกลอยา่ งงา่ ย มี 6 ประเภท ได้แก่ คาน รอก พน้ื เอียง สกรู ลิ่ม ลอ้ และเพลา” 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกจิ กรรม การเรยี นรู้ 1) เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ หรือแบบฝกึ หัด ม.2 เล่ม 2 วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2 นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ 5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมีวินัย อนั พงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการ ทางาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 3) PowerPoint เร่อื ง เครื่องกลอยา่ งง่าย 4) สมุดประจาตวั นักเรยี น 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมดุ 2) อนิ เทอร์เนต็

9. ขอ้ เสนอแนะ  ใช้สอนได้  ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..……………………………………………………... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 10. บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ชั้น ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสื่อ  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ……………………… อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนด้านความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 1 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4 12. สรปุ ผลการประเมินผูเ้ รยี นด้านทกั ษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 4 13. สรปุ ผลการประเมนิ ผูเ้ รยี นดา้ นคณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อย่ใู นระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรูฯ้ อยู่ในระดบั 4

14. สรุปผลการประเมินผ้เู รียน นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 1 (ปรบั ปรุง) นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……….. มผี ลการเรยี นรู้ฯ อย่ใู นระดับ 2 (พอใช)้ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ……….. มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 3 (ดี) นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เปน็ ร้อยละ……….. มีผลการเรยี นร้ฯู อย่ใู นระดบั 4 (ดมี าก) สรุปโดยภาพรวมมนี กั เรียน จานวน………คน คิดเปน็ ร้อยละ……….ทีผ่ า่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ข้ึนไป ซง่ึ สงู (ต่า) กวา่ เกณฑท์ ก่ี าหนดไวร้ ้อยละ………มนี ักเรยี นจานวน……คน คดิ เป็นรอ้ ยละ…… ทีไ่ ม่ผ่านเกณฑ์ท่กี าหนด 15. ข้อสังเกต/คน้ พบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 16. แนวทางแกไ้ ขปญั หาเพอ่ื ปรบั ปรุง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 17. ผลการพัฒนา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ................................................ (นางสาวจิรชั ญา ชยั ธีรธรรม) ผู้สอน ลงช่อื ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หน้าสาระ

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ ง า น แ ล ะ พ ลั ง ง า น ช่ื อ แ ผ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ 5.3 พ ลั ง ง า น ร หั ส – ช่ื อ ร า ย วิ ช า ว 322102 วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ร ะ ดั บ ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2/2563 เวลา 2 ชั่วโมง ผสู้ อน ครจู ริ ัชญา ชยั ธรี ธรรม โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด ว 2.3 ม.2/4 ออกแบบและทดลองด้วยวธิ ีท่ีเหมาะสมในการอธบิ ายปจั จยั ที่มีผลตอ่ พลงั งานจลน์ และพลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของพลังงานจลน์ และพลงั งานศักย์โนม้ ถ่วงได้ (K) 2. อธบิ ายปจั จัยทีม่ ีผลต่อพลงั งานจลน์ และพลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วงได้ (K) 3. เปรยี บเทียบพลังงานสะสมในวัตถุทมี่ ีมวลและความสงู แตกต่างกนั ได้ (P) 4. ปฏิบัติกจิ กรรมปจั จัยที่มผี ลต่อพลังงานจลน์ และพลงั งานศักยโ์ น้มถว่ งไดอ้ ย่างถกู ต้อง (P) 5. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์และนาหลกั การของเครอ่ื งกลอยา่ งง่ายมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ พลังงานจลน์เป็นพลังงานของวัตถุท่ีเคลื่อนที่ พลังงานจลน์จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นกับมวลและ อตั ราเรว็ ส่วนพลังงานศกั ยโ์ นม้ ถ่วงเก่ยี วข้องกับตาแหน่งของวัตถุ จะมีค่ามากหรอื นอ้ ยขึ้นกับมวลและตาแหน่ง ของวัตถุ เมือ่ วัตถุอยใู่ นสนามโนม้ ถ่วงวัตถจุ ะมีพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ ง พลังงานจลน์และพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งเป็น พลังงานกล 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด พลังงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลังงานจลน์เป็นพลังงานท่ีสะสมอยู่ในวัตถุที่เคลื่อนท่ี ซึ่งมีมวลและอัตราเร็วเป็นปัจจัยท่ีมีผลต่อพลังงานจลน์ ถ้าอัตราเร็วของวัตถุทั้งสองเท่ากัน วัตถุที่มีมวล มากกว่าจะมีพลังงานจลน์มากกว่า และถ้ามวลของวัตถุท้ังสองเท่ากัน วัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วที่ มากกว่าจะมีพลังงานจลน์มากกว่า และพลังงานศักย์โน้มถ่วงเป็นพลังงานท่ีสะสมอยู่ในวัตถุที่อยู่สูงจาก พื้นผิวโลก ซึ่งมีมวลและอัตราเร็วเป็นปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานศักย์โน้มถ่วง ถ้าวัตถุท้ังสองอยู่ในระดับ ความสงู ทเ่ี ท่ากนั วตั ถุท่ีมีมวลมากกว่าจะมีพลังงานศักย์โนม้ ถ่วงมากกวา่ และถ้ามวลของวัตถุท้ังสองเท่ากัน วัตถุที่อยู่ในระดบั ความสูงที่มากกวา่ จะมีพลังงานศกั ยโ์ น้มถ่วงทมี่ ากกวา่

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ยั รับผิดชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ข้นั นา ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกีย่ วกับ เรอื่ ง งาน จากนัน้ ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ให้นกั เรยี นทราบ 2. ครนู าบัตรภาพน้าตก มาให้นักเรียนดู จากน้ันครูสนทนากับนักเรียนวา่ “น้าตกมีพลังงานใดสะสม อยบู่ า้ ง จงึ ทาให้นา้ ตกไหลลงจากที่สูงด้วยความเร็วและแรง” โดยใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปรายแสดง ความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรอื ผดิ 3. นกั เรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองกอ่ นเข้าสกู่ ิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ Understanding Check ในหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 โดยบนั ทึกลงใน สมุดประจาตัวนักเรียน 4. ครถู ามคาถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เพอื่ เป็นการนาเข้าสู่ บทเรียนวา่ “หลกั การของงานสัมพนั ธ์กบั พลังงานอย่างไร” (แนวตอบ : พลงั งานเป็นสิ่งท่ีบง่ บอกถงึ ความสามารถในการทางานไดข้ องวตั ถุ สง่ ผลใหว้ ตั ถุ เปล่ยี นแปลงสภาพการเคล่ือนท่ี เปลยี่ นสถานะ) ข้นั สอน ข้นั ที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. ครนู าอุปกรณ์สาธติ การทดลอง เชน่ ลูกบอลยาง และขวดนา้ จากนั้นครขู ออาสาสมัครนักเรยี น จานวน 2 คน ออกมาหน้าชนั้ เรยี น โดยให้ตัวแทนนกั เรียนขว้างลกู บอลยางใสข่ วดน้าที่ตง้ั อยบู่ นโตะ๊  คนท่ี 1 ขวา้ งลกู บอลยางโดนขวดน้าพอดี โดยทขี่ วดนา้ ไมล่ ้ม  คนท่ี 2 ขวา้ งลูกบอลยางโดนขวดน้า โดยทขี่ วดนา้ ล้มหรอื กระเด็น 2. ครูต้ังประเด็นคาถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี นว่า “ทาไมขวดน้าในกรณีของคนท่ี 2 ขว้าวลูกบอลยาง ขวดน้าถึงล้ม” โดยใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยว่า ถูกหรือผดิ (แนวตอบ : เพราะพลังงานท่เี กดิ จากการเคลอื่ นท่ีของลูกเทนนิสมมี ากพอทจี่ ะทาให้ขวดน้าดม่ื ลม้ หรือกระเดน็ ได้ ซึ่งพลงั งานที่เกิดจากเคลื่อนทีข่ องลูกเทนนิสนน้ั เปน็ พลังงานจลน์) 3. นกั เรยี นจบั คกู่ บั เพ่ือนในชนั้ เรยี น ตามความสมัครใจ จากน้นั ให้นักเรียนแต่ละค่รู ว่ มกันศกึ ษา ค้นคว้าข้อมลู เกยี่ วกบั เรอื่ ง ความหมาย และประเภทของพลังงาน จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต

4. นกั เรียนแตล่ ะคู่รว่ มกนั อภปิ รายเร่อื งท่ไี ด้ศึกษา จากนัน้ ให้นักเรียนแต่ละคนเขยี นสรปุ ความรู้ท่ีได้ จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมุดประจาตวั นกั เรยี น (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล) ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 5. ครสู มุ่ นักเรียน จานวน 3 คน ออกมานาเสนอผลการศกึ ษาหน้าชนั้ เรียน ในระหว่างท่ีนกั เรียน นาเสนอครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ เพ่ือให้นักเรยี นมีความเขา้ ใจท่ถี ูกตอ้ ง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการนาเสนอผลงาน) 6. นกั เรยี นแต่ละคนเปรยี บเทียบพลังงานทสี่ ะสมอย่ใู นวัตถุ โดยครูเขยี นบนกระดานให้นักเรียนดู จากนน้ั ใหน้ กั เรียนบันทกึ ลงในสมุดประจาตวั นกั เรยี น ดังนี้  มวล A และมวล B มขี นาดเทา่ กัน มวล A เคลอ่ื นทเี่ ร็วกว่ามวล B จงเปรียบเทยี บพลงั งานจลน์ ในวัตถุมวล A และมวล B  มวล A มีขนาดใหญ่กว่า มวล B เคลือ่ นท่เี ร็วเทา่ กัน จงเปรียบเทยี บพลงั งานงานจลน์ในวตั ถุมวล A และ มวล B  มวล A และมวล B มีขนาดเท่ากนั แต่มวล A อยสู่ งู กว่า มวล B จงเปรยี บเทยี บพลงั งานศักย์โน้มถ่วง  มวล A มีขนาดใหญก่ ว่า มวล B ซึ่งมวล A และมวล B อยู่สูงในระดบั เท่ากนั จงเปรยี บเทยี บ พลังงานศักยโ์ น้มถ่วง 7. ครูสุ่มนักเรยี น จานวน 6 คน ออกมาหน้าชนั้ เรียน โดยใหย้ กตวั อยา่ งประเภทของพลังงานตา่ ง ๆ ทีพ่ บเห็นในชีวติ ประจาวนั ดังน้ี  คนที่ 1-2 ยกตัวอย่างพลังงานจลน์  คนท่ี 3-4 ยกตัวอยา่ งพลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วง  คนท่ี 5-6 ยกตวั อย่างพลงั งานศักย์ยืดหยนุ่ ขั้นสอน ขน้ั ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ) 8. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นเก่ยี วกบั เรอ่ื ง พลงั งาน จากนั้นครูตั้งประเดน็ คาถามกระตุ้น ความสนใจนกั เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพื่อหาคาตอบ ดังน้ี  พลังงานกล แบง่ ออกเปน็ กป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวตอบ : พลังงานกล แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ พลังงานจลน์ และพลังงานศกั ย์)  ปัจจัยใดบ้างทีม่ ีผลต่อพลงั งานศักย์โนม้ ถว่ ง (แนวตอบ : มวลของวตั ถุ และความสูง) 9. นกั เรียนนบั จานวน 1-6 วนไปเรอ่ื ย ๆ จนครบทกุ คน เพอื่ แบง่ กลุ่มนักเรียนออกเปน็ กล่มุ กล่มุ ละ 6 คน โดยคนทีน่ บั จานวนเดียวกนั ใหอ้ ยู่กลุ่มเดยี วกนั จากน้ันครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม ปัจจยั ทมี่ ี ผลตอ่ พลงั งานจลนแ์ ละพลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ ง ใหน้ กั เรยี นทราบเพอื่ เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ีถูกต้อง

ขนั้ สอน ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าชัน้ เรยี น ในระหว่างทน่ี กั เรียน นาเสนอ ครคู อยใหข้ อ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ เพ่ือให้นักเรียนมีความเขา้ ใจทถ่ี กู ต้อง (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 11. ครูถามคาถามทา้ ยกจิ กรรม โดยให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่ือหา คาตอบ ดงั น้ี  จากกิจกรรมตอนท่ี 1 ปจั จยั ใดบา้ งท่มี ผี ลตอ่ ระยะทางทลี่ ูกแกว้ เคลือ่ นที่ได้ (แนวตอบ : ขนาดของลกู แกว้ ระดับความสูง)  จากกิจกรรมตอนที่ 2 ปจั จัยใดบา้ งที่มีผลต่อความลึกที่ลูกแก้วจมลงไปในดนิ น้ามนั (แนวตอบ : ขนาดของลกู แกว้ ระดับความสูง) 12. นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลกิจกรรม ปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ พลังงานจลน์และพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ ง ว่า “พลังงานจลนจ์ ะมคี ่ามากหรือน้อยเมอ่ื วัตถมุ ขี นาดเท่ากนั หากเคลอื่ นท่ีด้วยอตั ราเร็วทเี่ ร็วกวา่ จะมีพลงั งาน จลนม์ ากกวา่ แต่ถา้ อัตราเรว็ ของวัตถทุ ่ีเคลื่อนท่ีมีขนาดเทา่ กัน มวลทใี่ หญก่ วา่ จะมพี ลงั งานจลน์มากกว่า ส่วน พลงั งานศกั ย์โน้มถ่วงจะมีคา่ มากหรอื น้อยเมอื่ วัตถมุ วลมีขนาดเท่ากนั แต่มวลทอ่ี ยู่สงู กว่าจะมพี ลังงานศกั ย์โน้ม ถว่ งมากกวา่ แต่ถ้ามวลทง้ั สองอยู่ในระดบั ความสงู เทา่ กัน มวลท่มี ีขนาดใหญก่ วา่ จะมพี ลังงานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง มากกวา่ ” ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 13. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามเนอื้ หาเก่ียวกับ เรอื่ ง พลงั งาน และใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เติมจากคาถาม ของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่ือง พลงั งาน ในการอธิบายเพ่มิ เติม 14. นักเรยี นแต่ละคนสารวจวัตถรุ อบตัวในชวี ิตประจาวนั จากนนั้ เปรียบเทยี บและบอกพลังงานสะสม ทอี่ ยู่ในวัตถทุ น่ี ักเรยี นสารวจได้ อยา่ งนอ้ ย 10 ชนิด ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ขั้นสรปุ ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางานกลุม่ และจากการนาเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าชัน้ เรียน 2. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจาตัวนักเรยี น 3. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ พลังงานจลน์และพลังงานศักยโ์ น้มถ่วง ในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน หรอื แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 4. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ เกี่ยวกบั พลงั งาน ซงึ่ ได้ขอ้ สรุปรว่ มกันว่า “พลงั งานไมส่ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปล่า แต่สามารถรับร้ไู ด้ พลังงานกล แบ่งเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ พลังงานจลน์ เป็นพลังงานทเ่ี กดิ ขนึ้ ขณะวัตถุกาลังเคลอื่ นทีเ่ นอื่ งจากมีแรงมากระทาต่อวัตถุ ปจั จัยที่มีผลต่อพลังงานจลน์ คอื มวล และอตั ราเร็ว และพลงั งานศกั ย์ เปน็ พลงั งานทส่ี ะสมอยูใ่ นวัตถุ ซง่ึ ขึ้นอยู่กับตาแหนง่ ของวตั ถุ แบ่งเปน็ พลังงานศกั ย์โนม้ ถว่ ง

ปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วง คอื มวลและตาแหนง่ ของวัตถุ และพลังงานศักยย์ ดื หยุ่น เปน็ พลังงานที่ สะสมอยู่ในวตั ถทุ ย่ี ดื หยนุ่ ได้” 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมินระหวา่ ง การจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ 1) พลังงาน - ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หรือแบบฝึกหดั ม.2 เล่ม 2 วิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 2) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 การทางานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์ ทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 3) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ อันพงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั ในการ ทางาน 8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 3) สมุดประจาตวั นกั เรียน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) อนิ เทอรเ์ นต็ 9. ข้อเสนอแนะ  ใช้สอนได้  ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..……………………………………………………... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

10. บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ ช้ัน ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม  ดี  พอใช้  ปรับปรุง………………………. ความเหมาะสมของเน้อื หา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสื่อ  ดี  พอใช้  ปรับปรงุ ……………………… อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรปุ ผลการประเมินผู้เรยี นด้านความรู้ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรูฯ้ อยู่ในระดับ 4 12. สรุปผลการประเมินผเู้ รียนด้านทักษะกระบวนการ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยูใ่ นระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนร้ฯู อยู่ในระดับ 4 13. สรปุ ผลการประเมินผเู้ รยี นด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4 14. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียน นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 (ปรับปรุง) นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 2 (พอใช)้ นักเรียนจานวน…….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 3 (ดี) นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อย่ใู นระดบั 4 (ดมี าก) สรปุ โดยภาพรวมมนี ักเรยี น จานวน………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….ทผี่ ่านเกณฑ์ระดับ 2 ขึน้ ไป ซึ่งสงู (ตา่ ) กว่าเกณฑท์ ก่ี าหนดไวร้ ้อยละ………มีนกั เรยี นจานวน……คน คิดเป็นร้อยละ…… ท่ีไม่ผา่ นเกณฑท์ ่ีกาหนด

15. ข้อสงั เกต/คน้ พบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 16. แนวทางแกไ้ ขปัญหาเพื่อปรบั ปรุง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 17. ผลการพัฒนา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ................................................ (นางสาวจริ ชั ญา ชยั ธีรธรรม) ผู้สอน ลงชอ่ื ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หน้าสาระ

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 หน่วยการเรียนรู้ งานและพลังงาน ช่ือแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5.4 กฎการอนุรักษ์พลังงาน ร หั ส – ชื่ อ ร า ย วิ ช า ว 322102 วิ ช า วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ร ะ ดั บ ช้ั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2/2563 เวลา 2 ชั่วโมง ผูส้ อน ครูจิรชั ญา ชัยธรี ธรรม โรงเรียน ราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แม่แจม่ จ.เชยี งใหม่ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั ว 2.3 ม.2/5 แปลความหมายขอ้ มูลและอธบิ ายการเปลยี่ นพลังงานระหวา่ งพลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง และพลังงานจลน์ของวัตถโุ ดยพลงั งานกลของวตั ถุมคี ่าคงตัวจากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ ว 2.3 ม.2/6 วเิ คราะห์สถานการณ์และอธิบายการเปล่ยี นและการถ่ายโอนพลงั งานโดยใช้ กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการเปลยี่ นพลังงานระหวา่ งพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ งและพลังงานจลนข์ องวตั ถุได้ (K) 2. อธิบายการเปลี่ยนและการถา่ ยโอนพลังงานโดยใช้กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานได้ (K) 3. วิเคราะหส์ ถานการณก์ ารเปลี่ยนและการถ่ายโอนพลังงานโดยใชก้ ฎการอนุรักษ์พลังงานได้ (P) 4. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น และทางานรว่ มกับผอู้ ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 3. สาระการเรียนรู้ ผลรวมของพลังงานศักยโ์ น้มถ่วงและพลงังานจลน์เป็นพลงั งานกล พลงั งานศกั ย์โน้มถ่วง และพลังงาน จลน์ของวัตถหุ น่งึ ๆ สามารถเปลยี่ นกลบั ไปมาได้ โดยผลรวมของพลงั งานศกั ย์โน้มถ่วงและพลงั งานจลน์มีค่า คงตวั นั่นคือพลงั งานกลของวัตถุมีค่าคงตวั พลังงานรวมของระบบมีคา่ คงตัวซงึ่ อาจเปลย่ี นจากพลงั งานหนึง่ เป็นอีกพลงั งานหน่ึง เช่น พลังงานกล เปลยี่ นเปน็ พลังงานไฟฟ้า พลงั งานจลน์เปลีย่ นเป็นพลงั งานความร้อน พลงั งานเสียง พลังงานแสง เนื่องมาจาก แรงเสยี ดทาน พลังงานเคมีในอาหารเปล่ยี นเป็นพลังงานทไ่ี ปใช้ในการทางานของส่ิงมีชวี ิต นอกจากนีพ้ ลังงานยงั สามารถถ่ายโอนไปยงั อกี ระบบหนึ่งหรือได้รับพลงั งานจากระบบอนื่ ได้ เช่น การ ถา่ ยโอนความร้อนระหวา่ งสสาร การถา่ ยโอนพลงั งานของการส่นั ของแหล่งกาเนิดเสียงไปยงั ผฟู้ งั ทง้ั การ เปลย่ี นพลงั งานและการถ่ายโอนพลังงาน พลังงานรวมทัง้ หมดมีคา่ เท่าเดมิ ตามกฎการอนุรกั ษ์พลังงาน 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด พลังงานเปน็ ส่ิงทไี่ ม่สามารถสร้างขนึ้ ใหม่ และไม่สามารถทาให้สูญหาย หรือทาลายได้ แต่จะเกิดการ เปล่ยี นรูปพลงั งานจากรูปหน่ึงไปเป็นอีกรูปหนงึ่ ได้แก่ - พลังงานศักยโ์ น้มถว่ งเปลี่ยนเป็นพลงั งานจลน์ เชน่ การกกั เก็บนา้ ไวใ้ นทสี่ ูง - พลงั งานจลน์เปลยี่ นเปน็ พลังงานความร้อน เชน่ การทางานของเคร่อื งจกั รในอตุ สาหกรรม - พลงั งานจลน์เปลีย่ นเป็นพลงั งานไฟฟา้ เชน่ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนา้

- พลงั งานแสงเปล่ยี นเป็นพลังงานเคมี เช่น การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช - พลังงานเคมเี ปลี่ยนเป็นพลงั งานความรอ้ นและแสง เชน่ การเผาซากเชอื้ เพลงิ ดึกดาบรรพ์ - พลงั งานเคมีเปลย่ี นเป็นพลงั งานท่ีใช้ทากิจกรรม เช่น การเผาผลาญอาหารในรา่ งกายมนุษย์และสัตว์ 5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 2. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ข้ันนา ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรูเ้ ดิมของนักเรียนเกย่ี วกับพลังงาน จากนัน้ ครใู ช้คาถามว่า “พลงั งานกล แบ่ง ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง” (แนวตอบ : แบ่งเป็น 2 ประเภท คอื พลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศกั ย์) 2. ครูตั้งประเด็นคาถามว่า “พลังงานมีวนั สูญหายหรือไม่ อยา่ งไร” โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนร่วมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถูกหรือผดิ ขนั้ สอน ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนจบั คู่กบั เพื่อนในช้นั เรยี น ตามความสมัครใจ จากน้นั ใหน้ กั เรียนแต่ค่รู ่วมกนั ศึกษาคน้ คว้า ขอ้ มูลเก่ียวกบั เรอ่ื ง กฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงาน จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 2. นักเรยี นแตล่ ะครู่ ่วมกันอภิปรายเร่อื งที่ได้ศึกษา จากน้ันให้นกั เรียนแต่ละคนเขยี นสรุปความรทู้ ี่ได้ จากการศึกษาค้นควา้ ลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรียน เพื่อนาสง่ ครูทา้ ยชัว่ โมง (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล) ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับ เร่อื ง กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน ซ่งึ ไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกันวา่ “พลังงานไมม่ วี นั สญู หาย สามารถเปลี่ยนรปู พลังงานจากรูปหนง่ึ ไปเปน็ อกี รูปหนึ่งได้ และไมส่ ามารถทาให้สูญ หายหรือทาลายได้ เรยี กวา่ กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน”

4. นักเรยี นแต่ละคนพิจารณาภาพการเปล่ยี นรปู พลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ งทีส่ ะสมอยู่ใน นกั เล่นสกี จากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากนน้ั ครูตัง้ ประเด็นคาถามกระตุน้ ความคิดนักเรียนว่า “จากภาพมีการเปล่ียนแปลงพลังงานอย่างไร” โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพือ่ หาคาตอบ (แนวตอบ : จากภาพพลงั งานศกั ย์จะมีค่าสงู สุดเมื่ออยจู่ ุดสงู สุด และจะลดลงจนกระทั่งเปน็ ศนู ย์ เมือ่ วัตถถุ ึงพ้ืน ในทางกลบั กนั พลังงานจลน์จะมีคา่ เพ่มิ สูงขึ้น และสูงท่ีสดุ เมอ่ื วตั ถุตกกระทบกับพ้ืน) 5. นกั เรยี นแต่ละคนพิจาณาภาพนกั กระโดดคา้ ถอ่ จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 จากนนั้ ครูถามคาถามทา้ ทายการคิดข้นั สูง โดยใช้คาถาม H.O.T.S. จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 ว่า “จากภาพ นักกีฬากระโดดคา้ ถอ่ มีการเปลย่ี นรูปพลังงานอยา่ งไร” โดยครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ปรึกษาและแสดงความคิดเหน็ ให้ได้คาตอบ (แนวตอบ : เร่มิ ตน้ ที่จุดสตาร์ท นักกระโดดคา้ ถอ่ จะวง่ิ โดยถือไม้คา้ ดว้ ยความเร็วสงู พลงั งานจลน์ จะเพม่ิ ขนึ้ เรือ่ ย ๆ เมอื่ นกั กระโดดปกั ไม้ลงกับพื้น ตวั ของนักกีฬาจะลอยสูงข้นึ ณ จุดน้ี พลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถ่วงจะ มี ค่ า เ พิ่ ม ขึ้ น แ ต่ พ ลั ง ง า น จ ล น์ จ ะ ล ด ล ง เ มื่ อ นั ก กี ฬ า ล อ ย ขึ้ น ไ ป จุ ด สู ง สุ ด พ ลั ง ง า น โน้มถ่วงจะมีค่าสูงสุดและพลังงานจลน์มีค่าเป็นศูนย์ เม่ือนักกีฬาตกลงพลังงานจลน์จะมีค่าเพ่ิมขึ้นแต่ พลังงานศักย์จะลดลง) ข้นั สอน ข้นั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ) 6. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียน จากชั่วโมงท่ผี า่ นมาเก่ียวกับกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน 7. ครสู นทนากบั นกั เรียนวา่ “การผลิตกระแสไฟฟ้าจากเข่อื นมกี ารเปล่ยี นรูปของพลังงานใดบ้าง” โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่า ถกู หรือผิด (แนวตอบ : มีการเปลย่ี นพลังงานศักย์โนม้ ถว่ งเปน็ พลงั งานจลน์ ซ่ึงนา้ ท่เี กบ็ ไว้ในเข่อื นจะมพี ลงั งาน ศักย์โน้มถ่วงสะสมอยู่ เม่ือปล่อยให้น้าไหลจากเข่ือนไปหมุนกังหันจะมีการเปล่ียนแปลงพลังงานศักย์ไปเป็น พลังงานจลนเ์ พือ่ นาไปผลติ กระแสไฟฟ้า) 8. นกั เรียนแตล่ ะคนศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การใชก้ ฎการอนุรักษพ์ ลงั งานมาประยุกต์ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หรือแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต แล้ว เขยี นสรปุ ความร้ทู ี่ไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล) ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 9. ครูสมุ่ นกั เรยี น จานวน 3-4 คน ออกมานาเสนอผลการศึกษาหน้าช้นั เรียน ในระหวา่ งที่นกั เรียน นาเสนอ ครอู าจเสนอแนะหรือแทรกขอ้ มูลเพิ่มเติมในเรื่องนัน้ ๆ ให้นักเรียนทุกคนไดม้ ีความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ ง มากย่งิ ขนึ้ (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน) 10. ครสู มุ่ นกั เรียน จานวน 5 คน ออกมาหนา้ ชั้นเรียน โดยให้นกั เรยี นยกตวั อย่างการเปล่ยี นรูปของ พลังงานทเี่ กย่ี วขอ้ งในชีวิตประจาวนั ดังน้ี  คนที่ 1 การเปลยี่ นพลังงานศักยโ์ น้มถ่วงเเปน็ พลงั งานจลน์

 คนท่ี 2 การเปลีย่ นพลังงานแสงเปน็ พลังงานเคมี  คนท่ี 3 การเปลย่ี นพลงั งานเคมีเปน็ พลงั งานความรอ้ น  คนท่ี 4 การเปล่ียนพลังงานไฟฟา้ เป็นพลังงานความร้อน  คนท่ี 5 การเปลี่ยนพลงั งานเคมเี ปน็ พลงั งานแสง 11. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ “นอกจากการเปลย่ี นรูปพลงั งานแล้ว พลงั งานสามารถ ถ่ายโอนได้จากระบบหนง่ึ ไปยงั อกี ระบบหนง่ึ ได”้ 12. นักเรียนแต่ละคนศึกษาคน้ คว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เร่อื ง การถ่ายโอนความรอ้ นระหว่างสสาร จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หรือแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอร์เนต็ 13. ครสู ุม่ นักเรียน จานวน 3 คน ออกมานาเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ชัน้ เรียน ซงึ่ ครูเปน็ คนเลือกวา่ จะให้ นกั เรียนคนใดนาเสนอเรื่องอะไร ตามหวั ขอ้ เร่ือง ดงั ต่อไปน้ี  คนที่ 1 การนาความร้อน (Conduction)  คนที่ 2 การพาความรอ้ น (Convection)  คนที่ 3 การแผ่รงั สีความร้อน (Radiation) 14. ขณะทน่ี ักเรียนกาลังนาเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมูลเพิม่ เติมในเร่ืองนน้ั ๆ ให้นักเรียน ทุกคนได้มีความเขา้ ใจที่ถูกต้องมากยง่ิ ข้นึ ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 15. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามเนอื้ หาเกีย่ วกับ เร่อื ง กฎการอนรุ กั ษ์พลังงาน และใหค้ วามรู้ เพ่มิ เตมิ จากคาถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่ือง กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน ในการอธบิ ายเพิ่มเตมิ 16. นักเรียนทา Topic Question เรอ่ื ง พลังงาน จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 ลงในสมุด ประจาตวั นักเรยี น 17. นักเรียนแตล่ ะคนทาแบบฝกึ หัด เร่อื ง กฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน จากแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 เป็นการบา้ นส่งในชั่วโมงถดั ไป ขน้ั สอน ขัน้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) (ตอ่ ) 18. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ โดยครเู ตรียมสลากหมายเลขกลมุ่ 1-6 จากนัน้ ให้นกั เรียนแต่ละคนออกมาหยบิ สลาก ซึ่งนกั เรยี นทไี่ ด้หมายเลขเดยี วกนั จะอยู่กลุ่มเดียวกนั ซ่ึงแต่ละกล่มุ จะมีสมาชกิ ภายในกล่มุ 6 คน 19. ครูแจง้ จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม Fun Science Activity เร่ือง รถพลงั งานลม ให้นักเรยี นทราบ เพ่ือเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมท่ีถูกต้อง จากน้ันให้สมาชิกภายกลุ่มจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม Fun Science Activity เรอื่ ง รถพลงั งานลม จากหนังสอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 20. สมาชิกภายในกลุ่มรว่ มกนั ปฏิบัตกิ จิ กรรม Fun Science Activity เรือ่ ง รถพลงั งานลม ตามขนั้ ตอน จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)

ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 21. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรม Fun Science Activity เรื่อง รถพลงั งานลม หน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียนนาเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพ่ือให้นักเรียนมีความเข้าใจท่ี ถกู ต้อง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน) 22. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายผลการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เร่ือง รถพลังงานลม ว่า “พลังงานลมสามารถเปล่ียนรูปเป็นพลังงานจลน์ ทาให้รถเคลื่อนท่ีไปทางทิศตรงข้ามกับลมท่ีออกมาจาก ลกู โปง่ ” 23. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ เกีย่ วกับกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน จาก Science in real life เรอ่ื ง เซลลส์ ุริยะ จากหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 จากนนั้ ครอู ธิบายเพ่ิมเติมให้ นักเรยี นเขา้ ใจว่า “เซลล์สุรยิ ะ เปน็ เทคโนโลยีหน่ึงท่สี ามารถเปลีย่ นพลงั งานแสงจากดวงอาทติ ย์ใหอ้ ยูใ่ นรปู ของ พลงั งานไฟฟา้ ได้ ตวั อย่างอปุ กรณท์ ี่ใชเ้ ทคโนโลยนี ้ี คือ เครือ่ งคดิ เลข” ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 24. นกั เรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่อื ง งานและพลังงาน จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยบนั ทกึ ลงในสมดุ ประจาตัวนักเรยี น 25. ครูมอบหมายให้นักเรียนทา Unit Question เร่ือง งานและพลงั งาน จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 โดยทาลงในสมดุ ประจาตวั นักเรยี น 26. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนของหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 งานและพลงั งาน เพ่ือเปน็ การวดั ความรู้หลงั เรียนของนกั เรยี น 27. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันใหแ้ ต่ละกล่มุ นาความรู้ เร่ือง งานและ พลงั งาน มาออกแบบและประดษิ ฐช์ ิ้นงานเก่ียวกับด้านพลังงาน ขัน้ สรปุ ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 งานและพลงั งาน เพ่ือตรวจสอบ ความเข้าใจหลังเรยี นของนกั เรียน 2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ช้นั เรยี น 3. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ Understanding Check ในสมุดประจาตัวนักเรยี น 4. ครตู รวจ Topic Question เรื่อง พลังงาน ในสมุดประจาตวั นักเรียน 5. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่ือง งานและ พลงั งาน ในสมดุ ประจาตัวนักเรียน 6. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรอื่ ง กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน จากแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 7. ครปู ระเมนิ ผลการปฏิบัติกิจกรรม Fun Science Activity เร่อื ง รถพลงั งานลม 8. ครตู รวจแบบฝกึ หัด Unit Question เร่อื ง งานและพลังงาน ในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน

9. ครวู ัดและประเมนิ ผลจากชิ้นงาน/ผลงาน สง่ิ ประดิษฐด์ ้านพลงั งาน ของนักเรียนแต่ละกล่มุ 10. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ เกย่ี วกับกฎการอนุรกั ษ์พลงั งาน ซ่งึ ได้ข้อสรปุ ร่วมกนั วา่ “พลงั งาน เป็นส่งิ ทไี่ ม่สามารถสรา้ งข้นึ ใหม่ และไม่สามารถทาให้สูญหายหรือทาลายได้ แต่จะเกิดการเปลี่ยนรูปพลังงาน จากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหน่ึง ตัวอย่างเช่น พลังงานศักย์โน้มถ่วงเปล่ียนเป็นพลังงานจลน์ เช่น น้าไหลมาจาก ภูเขาสูง ” 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - สมดุ ประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ การจัดกจิ กรรม ม.2 เลม่ 2 - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - แบบประเมนิ การ นาเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 1) กฎการอนรุ กั ษ์ - ตรวจสมุดประจาตวั ผา่ นเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 พลงั งาน หรอื แบบฝึกหดั การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 วิทยาศาสตร์ ม.2 การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมนิ เลม่ 2 คณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ 2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ ปฏบิ ัติกจิ กรรม กจิ กรรม 3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม ทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม 5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ยั อันพึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่นในการ ทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 งานและพลังงาน 2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.2 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 งานและพลงั งาน 3) สมุดประจาตัวนักเรยี น 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) อินเทอรเ์ นต็

9. ขอ้ เสนอแนะ  ใช้สอนได้  ควรปรับปรงุ ………………………………………………………………………………..……………………………………………………... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 10. บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ชั้น ................ ความเหมาะสมของกิจกรรม  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเน้อื หา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของเวลา  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสอื่  ดี  พอใช้  ปรบั ปรุง……………………… อ่นื ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นดา้ นความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 4 12. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนดา้ นทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรูฯ้ อยูใ่ นระดับ 4 13. สรปุ ผลการประเมนิ ผูเ้ รยี นด้านคณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรูฯ้ อยใู่ นระดับ 1 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 4

14. สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รียน นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรฯู้ อยูใ่ นระดับ 1 (ปรบั ปรุง) นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นร้ฯู อยูใ่ นระดบั 2 (พอใช)้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 3 (ด)ี นักเรียนจานวน…….คน คดิ เปน็ ร้อยละ……….. มผี ลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 4 (ดมี าก) สรุปโดยภาพรวมมีนกั เรยี น จานวน………คน คิดเป็นรอ้ ยละ……….ทผ่ี า่ นเกณฑร์ ะดบั 2 ขึน้ ไป ซง่ึ สูง (ต่า) กวา่ เกณฑ์ทก่ี าหนดไวร้ ้อยละ………มนี ักเรียนจานวน……คน คิดเป็นรอ้ ยละ…… ท่ไี มผ่ า่ นเกณฑ์ท่ีกาหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 16. แนวทางแกไ้ ขปัญหาเพ่อื ปรบั ปรุง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 17. ผลการพฒั นา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ................................................ (นางสาวจริ ัชญา ชัยธรี ธรรม) ผู้สอน ลงชือ่ ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หัวหนา้ สาระ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook