Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนที่ 10 การเมือง เศรษฐกิจ ยุโรปสมัยกลาง

แผนที่ 10 การเมือง เศรษฐกิจ ยุโรปสมัยกลาง

Published by nujaree, 2020-12-05 04:44:30

Description: แผนที่ 10 การเมือง เศรษฐกิจ ยุโรปสมัยกลาง

Search

Read the Text Version

ประวตั ศิ าสตร์สากล ม. 4–6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 พฒั นาการของยุโรปสมยั กลาง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 10 การเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคม ของยโุ รปสมยั กลาง เวลา 2 ชั่วโมง 396

การเมือง เศรษฐกจิ และสังคม ของยโุ รปสมัยกลางเป็ นอย่างไร การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยโุ รปสมยั กลางใน ระยะตน้ เป็ นยุคท่ีมีความเสื่อมโทรมอยา่ งมากจนไดช้ ื่อวา่ ยุคมืด ต่อมาในระยะกลางเป็ นยุคท่ีมีประชากรมากข้ึน คริสต์ศาสนาและระบบฟิ วดลั มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด เร่ิมมีพฒั นาการในหลายดา้ น ท้งั ทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคม รวมท้ังภูมิปัญญา จนกระทั่งระยะปลายเป็ นช่วงการ เปล่ียนแปลงไปสู่ความเป็นสมยั ใหม่ 397

2. การเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคมของยโุ รปสมยั กลาง 2.1 ระยะต้น การเมอื ง • เป็นสมยั ท่ีมีความตกต่าทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม • นักประวตั ิศาสตร์ เรียกช่วงเวลาน้ีว่า ยุคมืด (Dark Ages) • ก่อนจกั รวรรดิโรมนั ตะวนั ตกล่มสลาย ชนเผา่ เยอรมนั บางกลุ่มเขา้ มาต้งั ถิ่นฐานในดินแดน จกั รวรรดิโรมนั มาแลว้ เป็นเวลาชา้ นาน โดยต้งั อาณาจกั รปกครองดินแดนส่วนตา่ ง ๆ ข้ึน 398

2.1 ระยะต้น ชนเผา่ ออสโตรกอท ชนเผา่ ลอมบาร์ด (Ostrogoth) (Lombard) ชนเผา่ แฟรงก์ (Frank) ชนเผ่าทปี่ กครอง ชนเผา่ แองโกลแซกซนั ดนิ แดนส่วนต่าง ๆ (Anglo Saxon) ชนเผา่ แวนดลั (Vandal) ชนเผา่ วซิ ิกอท ชนเผา่ เบอร์กนั เดียน (Visigoth) (Burgundian) 399

การเมอื งระยะต้น เป็ นสมัยท่ีมีความตกต่าทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม นัก ประวตั ิศาสตร์ เรียกช่วงเวลานีว้ า่ ยุคมืด (Dark Ages) ก่อนจกั รวรรดิโรมนั ตะวนั ตกลม่ สลาย ชนเผา่ เยอรมนั บางกลมุ่ เข้ามาตงั้ ถ่ินฐาน ในดินแดนจกั รวรรดิโรมนั มาแล้วเป็นเวลาช้านาน โดยตงั้ อาณาจกั รปกครองดนิ แดนสว่ น ตา่ ง ๆ ขนึ ้ ได้แก่ 1.ชนเผ่าแฟรงก์ (Frank) เข้าไปตงั้ ถ่ินฐานในดินแดนที่เป็ นประเทศ ฝร่ังเศสและเบลเยียม ต่อมาพวกแรกที่สามารถรวมดินแดนยุโรปตะวันตกเข้าเป็ น จกั รวรรดเิ ดียวกนั ได้เป็นผลสาเร็จ 2.ชนเผ่าออสโตรกอท (Ostrogoth) อพยพเข้าไปตงั้ อาณาจกั รใน ประเทศอติ าลี แตถ่ กู จักรวรรดไิ บเซนไทน์ (โรมันตะวันออก)ปราบปรามใน ค.ศ. 554 3.ชนเผ่าลอมบาร์ ด (Lombard) เข้าไปตัง้ อาณาจักรในประเทศ อิตาลีใน ค.ศ. 568

4.ชนเผ่าแองโกลแซกซัน (Anglo Saxon) เข้าไปตงั้ อาณาจกั รใน เกาะองั กฤษ 5.ชนเผ่าเบอร์กันเดียน (Burgundian) ตงั้ อาณาจกั รในภาคใต้ของ ฝรั่งเศสแถบลมุ่ นา้ โรน 6.ชนเผ่าวิซิกอท (Visigoth) เข้าไปตงั้ อาณาจักรในประเทศสเปน ตอ่ มาถกู พวกอาหรับเข้ารุกรานใน ค.ศ. 711 7.ชนเผ่าแวนดัล (Vandal) เข้าไปตงั้ อาณาจักรใหม่ในภาคเหนือ ของทวีปแอฟริกา หลงั จากคริสต์ศตวรรษที่ 7 เป็ นต้นมา อาณาจกั รของชนเผา่ ต่าง ๆ เหล่านีก้ ็ได้ ลม่ สลายลง เหลือเพียงชนเผ่าแองโกลแซกซันในประเทศอังกฤษและชนเผ่าแฟรงก์ ในประเทศฝร่ังเศสเทา่ นนั้ ท่ียงั คงสามารถรักษาอาณาจกั รไว้ได้

2.1 ระยะต้น สภาพการเมอื ง จกั รพรรดชิ าร์เลอมาญ ยุคสมยั ของจกั รพรรดิ จกั รวรรดแิ ตกแยก ชาร์เลอมาญ • เกิดสงครามระหว่าง • รวบรวมดินแดนยุโรป • ฟ้ื นฟูการปกครอง • เม่ือจักรพรรดิชาร์ ชนเผา่ อนารยชน ตะวนั ตก ยุโรปกลาง แบบรวมศนู ยอ์ านาจ เลอมาญสิ้นพระชนม์ และดินแดนของอิตาลี • ปลายคริ สต์ศตวรรษ เป็นจกั รวรรดิเดียว • ส่ วนการปกครอง • ค.ศ. 843 จกั รวรรดิ ท่ี 7 พวกแฟรงก์ใน ส่วนภูมิภาค จะส่ง แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ฝรั่งเศสมีอานาจมาก • ได้รับการสวมมงกุฎ ขุนนางไปปกครอง อาณาจักรฝรั่งเศส ข้ึนโดยเฉพาะในสมยั จากสันตะปาปาลีโอที่ และมีอานาจเดด็ ขาด จักรวรรดิเยอรมัน จกั รพรรดิชาร์เลอมาญ 3 แห่ งกรุ ง โรมเ มื่ อ แ ล ะ อิ ต า ลี ใ น เ ว ล า ค.ศ. 800 ต่อมา 402

2.1 ระยะต้น เศรษฐกิจ สมยั จกั รพรรดิชาร์เลอมาญไดพ้ ยายามบารุงโครงสร้างพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ สร้างสะพาน การขุดคลอง จดั ระบบการพาณิชย์ กาหนดมาตราชง่ั ตวง วดั ผลิตเงินตรา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 เกิดระบบฟิ วดลั (feudalism) ข้ึน ซ่ึงระบบน้ี ครอบคลุมท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของยุโรป สมยั กลาง 403

ระบบฟิ วดลั พวกเจา้ ของที่ดินจะเป็นขนุ นาง เรียกวา่ ลอร์ด (lord) คาวา่ feudalism มาจากคาวา่ fiefs หมายถึง ท่ีดินท่ี เป็นพนั ธสญั ญาระหวา่ งเจ้านายซ่ึงเป็นเจา้ ของท่ีดิน ส่วนผทู้ ่ีอยใู่ ตอ้ านาจของขนุ นาง กบั ผใู้ ชป้ ระโยชนท์ ่ีเรียกวา่ ข้า เรียกวา่ วสั ซลั (vassal) เกษตรกรท่ีอยใู่ นความอุปถมั ภ์ ของขนุ นางในสมยั กลาง กาลงั ปรับพ้ืนที่ทาการเกษตร 404

ระบบฟิ วดลั  ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเจา้ นายกบั ขา้ ตามระดบั ช้นั จากบนลงล่าง ความสาคญั ของระบบฟิ วดัล  กษตั ริยเ์ ป็นเจา้ นายช้นั สูงสุดของระบบ  ท่ีดินทวั่ ราชอาณาจกั รเป็ นของกษตั ริยซ์ ่ึงกษตั ริย์ ได้พระราชทานที่ดินแก่ขุนนางระดับสูง และ ขุ น น า ง ร ะ ดับ สู ง ก็ แ บ่ ง ท่ี ดิ น ใ ห้ ขุ น น า ง ร ะ ดับ ต่ากวา่ อีกทอดหน่ึง ระบบน้ีจดั แบ่งที่ดินลงเป็นทอด ๆ จนถึงระดบั ล่างสุด คือ ขา้ ติดท่ีดิน ซ่ึงเป็นผลให้ เกิดความจงรักภักดีระหว่างเจ้านายกับข้าโดยตรงต่อกัน กษตั ริยท์ ่ีเป็ นเจา้ นายในระดบั บนสุดจึงไม่มีอานาจในการควบคุมขุนนาง แต่ขุนนางมีพนั ธะต่อกษตั ริย์ คือ การส่ง กาลงั ไปช่วยในยามสงคราม ส่งภาษีตามระยะเวลาที่กาหนด ฝ่ ายกษตั ริยม์ ีหน้าท่ีให้ ความคุม้ ครองแก่ขนุ นาง 405

ระบบฟิ วดลั ความจงรักภกั ดี กษัตริย์ กาลงั ทหาร ท่ีดิน ขุนนางช้ันสูง ความยตุ ิธรรม ความเคารพ ท่ีดิน ช่วยรบ ความคุม้ ครอง ขุนนางช้ันตา่ ช่วยเพาะปลกู ท่ีพกั อาศยั คา่ เช่าท่ี อาหาร ความคุม้ ครอง ข้าตดิ ทีด่ นิ 406

2.1 ระยะต้น สังคม  สังคมสมยั กลางตอนตน้ มีความวนุ่ วาย ขาดระเบียบวนิ ยั และความมน่ั คง  ผคู้ นทวั่ ไปอ่านและเขียนหนงั สือไม่ได้ ยกเวน้ พระและนกั บวช  คริสตศ์ าสนาเขา้ มามีบทบาทตอ่ การดาเนินชีวิตของคนในยคุ กลางเป็นอยา่ งมาก  ศาสนากลายเป็ นท่ีพ่ึงเดียวท่ีมีประสิทธิภาพและมีความเขม้ แข็งแม้จักรวรรดิ ล่มสลายไปแลว้  สถาบันคริสต์ศาสนามีประมุขทางศาสนา คือ สันตะปาปา มีหน้าท่ีกาหนด นโยบายทุกอย่างและได้ร่วมมือกับกษัตริย์ของพวกอนารยชน ทาให้รักษา ความปลอดภยั ไวไ้ ด้ ศาสนจกั รจึงทาหนา้ ที่แทนจกั รวรรดิโรมนั ในการยดึ เหนี่ยว ประชาชนในยโุ รปไวแ้ ละรักษาวฒั นธรรมความเจริญตา่ ง ๆ สืบมา 407

2.2 ระยะกลาง การเมอื ง ความขดั แย้งระหว่างคริสตจกั รกบั จกั รวรรดิ เม่ือจกั รวรรดิแฟรงก์ล่มสลายลงในคริสตศ์ ตวรรษที่ 9 ทาให้จกั รวรรดิ แบ่งแยกออกเป็นฝร่ังเศส เยอรมนั และอิตาลี ดินแดนเยอรมันถูกแทรกแซงการเมืองภายในจากคริ สต์ศาสนา โดยเฉพาะในสมยั ของพระเจา้ ออทโทที่ 1 (Otto I ค.ศ. 936–973) ปกครองเยอรมนั และอิตาลี ที่ไดร้ ับการสถาปนาจากสันตะปาปาจอห์น ที่ 12 (John XII ค.ศ. 955–964) ใหเ้ ป็นจกั รพรรดิแห่งอาณาจกั รโรมนั อนั ศกั ด์ิสิทธ์ิ (Holy Roman Empire) จนในท่ีสุดสันตะปาปากท็ รง ประกาศวา่ มีอานาจเหนือจกั รพรรดิ 408

2.2 ระยะกลาง การเมือง ความขัดแย้งระหว่างคริสตจกั รกบั จักรวรรดิ อังกฤษ–ไม่ค่อยถูกแทรกแซงทางการเมืองมากนัก สถาบันกษัตริ ย์ พยายามเพิ่มอานาจในการปกครอง ทาให้อานาจของขุนนางลดลง และ เกิดความขดั แยง้ ระหว่างกษตั ริยก์ บั ขุนนาง ในท่ีสุดกษตั ริยก์ ็ยอมต่อ คณะขนุ นาง ซ่ึงภายหลงั กลายมาเป็นสมาชิกรัฐสภาขององั กฤษ ฝรั่งเศส–กษตั ริยม์ ีอานาจเพ่ิมข้ึนจนมีอานาจในการปกครองเบ็ดเสร็จ และกลายมาเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยใ์ นท่ีสุด 409

2.2 ระยะกลาง การเมอื ง ระบบฟิ วดัลเจริญรุ่งเรืองสูงสุด  คริ สต์ศตวรรษท่ี 9–10 พวกไวกิ้งได้เข้า ขบวนของขนุ นางในเทศกาลฉลอง รุกรานพวกแฟรงก์ เดือนพฤษภาคมในยโุ รปสมยั กลาง  จกั รพรรดิแฟรงก์ไม่มีกาลงั เขม้ แข็งพอ การ จากหนงั สือแห่งกาลเวลา ป้ องกนั ภยั จากพวกไวกิ้งจึงตกเป็นหนา้ ท่ีของ พวกขุนนางหรือเจ้าของที่ดิน ซ่ึงรวบรวม ผคู้ นตามหมู่บา้ นมาฝึ กอาวุธ จดั ต้งั กองทหาร ป้ องกนั การรุกราน จึงทาให้ขุนนางท้องถิ่น สามารถสร้างอิทธิพลของตนเอง จนสามารถ ต่อรองอานาจกบั กษตั ริยไ์ ด้ ในช่วงเวลาน้ีระบบฟิ วดลั ไดพ้ ฒั นาจนกลายเป็น 410 ระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสงั คมของยโุ รปในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 11–13 และสลายตวั ลงในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 16

2.2 ระยะกลาง เศรษฐกจิ การคา้ ในระยะแรกซบเซา เนื่องจากระบบฟิ วดลั แต่ละแมเนอร์มีระบบเศรษฐกิจที่พ่ึงพิงตนเองได้  ช่วงคริสตศ์ ตวรรษท่ี 11–12 เกิดสงครามครูเสด ทาใหม้ ีผคู้ นติดต่อกบั โลก ภายนอก ทาใหเ้ กิดความตอ้ งการสินคา้ ระบบเศรษฐกิจเร่ิมขยายตวั  เริ่มมีการติดตอ่ คา้ ขายระหวา่ งประเทศ  การคา้ ทางบกมีความสาคญั ไม่นอ้ ยไปกวา่ การคา้ ทางทะเล มีการต้งั ศนู ยก์ ลางการคา้ ในหวั เมืองทอ้ งถิ่น สินคา้ จากตา่ งแดนไดแ้ พร่สะพดั เขา้ มาในยโุ รป 411

2.2 ระยะกลาง เศรษฐกจิ ผลจากการขยายตวั ทางการคา้ ทาให้เกิดชุมชนการคา้ และอุตสาหกรรม ส่งผลใหช้ าวชนบทละทิ้งที่นาเขา้ มาประกอบอาชีพคา้ ขายหรือประกอบการ ผลิตสินคา้ หัตถกรรมในเขตเมือง ทาให้สังคมเมืองขยายตวั นอกจากน้ีเร่ิม เกิดระบบเงินตราข้ึนมาใหม่อีกคร้ัง เพื่อใช้ในการซ้ือขายสินคา้ และเกิด สมาคมอาชีพ (guild) ซ่ึงแบ่งเป็นสมาคมพอ่ คา้ และสมาคมช่าง ซ่ึงเม่ือพวก น้ีมีฐานะทางการเงินมงั่ คง่ั กม็ ีส่วนสนบั สนุนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 412

2.2 ระยะกลาง สังคม หลังจากคริสต์ศตวรรษท่ี 11 การขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรมเจริญรุ่งเรืองข้ึน โดยเฉพาะในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ทาให้เกิดชุมชนเมืองข้ึน อนั ประกอบไปดว้ ยชาวเมืองซ่ึงไม่ได้ อยใู่ นสงั คมฟิ วดลั แต่เป็นคนรุ่นใหม่ท่ีดาเนินชีวติ ประกอบดว้ ยการคา้ และอุตสาหกรรม ผลของการคา้ ทาให้สังคมฟิ วดัลและ เน่ื องจากสังคมเร่ิ ม ที่เจริญรุ่งเรือง ม อ ง ที่ ฐ า น ะ ค ว า ม ขุนนางเร่ิ มเสื่ อมอานาจ ลง แต่พวกพ่อค้าเริ่ มมี มนั่ คงเป็นหลกั สาคญั อานาจมากข้ึน คริสตศ์ าสนาเจริญรุ่งเรืองสูงสุด สันตะปาปามีฐานะเป็นสถาบนั สากลที่เป็ นระบบ มี บทบาทสาคัญในการสร้างความเป็ นอันหน่ึงอันเดียวกันในยุโรป มีอิทธิพลต่อ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของยโุ รปยคุ กลาง แต่ในช่วงปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ 13 สถาบนั ศาสนาเร่ิมเสื่อมลง 413

2.3 ระยะปลาย การเมอื ง ความเสื่อมของจกั รวรรดิโรมนั อนั ศักด์สิ ิทธ์ิ ค.ศ. 1273 จกั รวรรดิโรมนั อนั ศกั ด์ิสิทธ์ิจึง เกิดการแข่งขนั สาเหตุมาจากการ เป็นตน้ มา ดินแดนเยอรมนั กลายเป็ นเพียง ระหวา่ งจกั รพรรดิ ขดั ผลประโยชน์ จกั รพรรดิ และอิตาลีแตกแยก สญั ลกั ษณ์ทาง กบั สนั ตะปาปา ทางการเมือง กลายเป็ นตาแหน่ง เป็นรัฐเลก็ รัฐนอ้ ย การเมืองของ ที่ไม่มีอานาจ ดินแดนเยอรมนั อยา่ งรุนแรง อานาจตกเป็ น ไม่สามารถ รวมตวั กนั ได้ เท่าน้นั ของผคู้ รอง แควน้ ต่าง ๆ 414

2.3 ระยะปลาย การเมอื ง การเกดิ รัฐชาติ ช่วง เกิดปัญหาทาง สงครามร้อยปี กษตั ริย์ เกิดเป็ น เศรษฐกิจ ในช่วง สามารถ รัฐชาติ คริสตศ์ ตวรรษ กษตั ริยก์ ห็ นั ไป รวบรวม ภายใต้ ท่ี 14 อานาจของ ชาติเกิดความ คริสตศ์ ตวรรษท่ี อานาจและ การนา กษตั ริยใ์ นยโุ รป พ่งึ พอ่ คา้ มากข้ึน แตกแยก 14–15 ทาให้ ก่อต้งั รัฐชาติ ของ ตกต่าลง เนื่องจาก ระบบฟิ วดลั เกิดสงคราม อานาจขนุ นาง ข้ึนมาไดใ้ น กษตั ริย์ ขนุ นางไม่ยอมอยู่ เส่ือมลง อยา่ ง เวลาต่อมา เส่ือมลง ระหวา่ งขนุ นางกบั เจา้ ผคู้ รองแควน้ รวดเร็ว ในอานาจ จนทาใหข้ นุ นาง อ่อนแอลง 415

2.3 ระยะปลาย เศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ช่วงนีแ้ บ่งออกได้เป็ น 2 ช่วงเวลา ช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 14 ช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 15  ช่วงเวลาของความเสื่อมโทรม  ระบบเศรษฐกิจกลบั มาเจริญอีกคร้ังหน่ึง ทางเศรษฐกิจของยโุ รปท้งั ดา้ น  กิจการส่วนใหญเ่ ป็นดา้ นช่างฝีมือ การทอผา้ และเหมืองแร่ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม  ระบบฟิ วดลั เสื่อมลง เกิดกลุ่มนายทุนข้ึน และการคา้  การเดินเรือเจริญข้ึนทาให้ชาวยโุ รปคน้ พบดินแดนใหม่ พร้อมกบั  มีสาเหตุมาจากสภาวะสงคราม ยึดครองดินแดนเป็ นสถานีการค้า ทาให้ชนช้ันนายทุนรวยข้ึน และเกิดกาฬโรคระบาดคร้ัง แต่ชนช้นั ขนุ นางและชนช้นั แรงงานยากจนลง ใหญ่ในทวีปยุโรป ซ่ึงส่งผล  พวกนายทุนไดร้ ับการสนบั สนุนจากสถาบนั กษตั ริยเ์ พื่อปกป้ อง กระทบให้ขาดแคลนแรงงาน คุม้ ครองกิจการทางเศรษฐกิจของตน ขณะท่ีพวกขุนนางตอ้ งยอม อย่างรุนแรง เพราะประชาชน อ่อนนอ้ มต่อกษตั ริยแ์ ละชนช้นั นายทุน ขนุ นางตอ้ งขายท่ีดินใหก้ บั ลม้ ตายเป็นจานวนมาก ชนช้ันอ่ืน ๆ จึงเริ่มมีการลงทุนในที่ดินทางด้านเกษตรกรรม เพื่อหวงั ผลกาไร ระบบฟิ วดลั จึงยตุ ิลงในท่ีสุด 416

2.3 ระยะปลาย สังคม สงั คมระบบฟิ วดลั และศาสนจกั รเร่ิมเส่ือมลงอยา่ งเห็นไดช้ ดั เกิดชนช้นั กลาง (bourgeois) ซ่ึงมีสถานะอยรู่ ะหวา่ งชนช้นั สูงและชนช้นั ล่างกบั ชนช้นั ชาวนา ลกั ษณะของสังคม  ชนช้นั กลางข้ึนมามีอานาจแทนที่ชนช้นั ขนุ นาง  สังคมไดเ้ ปลี่ยนค่านิยมจากเร่ืองชาติกาเนิดมา  ระบบสงั คมแบบฟิ วดลั เส่ือมสลายลง เน่ืองจากสงคราม เป็ นฐานะทางเศรษฐกิจของแต่ละบุคคล ครูเสดทาใหข้ นุ นางตอ้ งออกไปทา สงครามและเสียชีวติ จานวนมาก  เกิดขบวนการนักวิชาการสายมนุษยนิยมที่ หนั ไปสนใจศึกษาอารยธรรมกรีกและโรมนั  ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทาให้ ขนุ นางยากจนลงอีกท้งั พวกขา้ ติดท่ีดิน  นักวิชาการกลุ่มน้ีพยายามแยกกรอบความคิด ไดห้ ลบหนีอพยพเขา้ เมืองเป็นจานวน ทางศาสนาออกจากการศึกษาของตนเอง มาก 417

สรุปความรู้ • เมื่อจักรวรรดิโรมนั ตะวนั ตกล่มสลายใน ค.ศ. 476 สภาพทาง การเมือง เศรษฐกิจ และสงั คมของยโุ รปตะวนั ตกมีความวนุ่ วาย • ช่วงเวลาน้ีกลายเป็ นช่วงเวลาของการสร้างอารยธรรมใหม่ ซ่ึงนกั ประวตั ิศาสตร์เรียกช่วงน้ีว่า สมยั กลาง โดยแบ่งออกเป็ น 3 ระยะ คือ ระยะตน้ ระยะกลาง ระยะปลาย 418


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook