Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เคมี ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เคมีอินทรีย์

เคมี ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เคมีอินทรีย์

Published by ch.took, 2021-06-08 15:46:50

Description: เคมี ม.6 เล่ม1 หน่วย1_เคมีอินทรีย์

Search

Read the Text Version

เคมี เล่ม 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ใช้ประกอบการสอน โดย นางสาวจีรดา ตุพมิ าย กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนหนิ ดาดวทิ ยา สงั กดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั นครราชสีมา

1หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี เคมอี นิ ทรีย์ ผลการเรยี นรู้ • สืบคน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอยา่ งสารประกอบอนิ ทรียท์ มี่ พี ันธะเด่ียว พนั ธะคู่ หรอื พนั ธะสามที่พบในชีวติ ประจาวัน • เขียนสูตรโครงสรา้ งลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสตู รโครงสรา้ งแบบเส้นของสารประกอบอนิ ทรีย์ • วิเคราะหโ์ ครงสร้าง และระบปุ ระเภทของสารประกอบอินทรยี ์จากหม่ฟู งั กช์ นั • เขยี นสตู รโครงสร้างและเรียกชอื่ สารประกอบอนิ ทรยี ์ต่าง ๆ ที่มีหมฟู่ ังกช์ นั ไม่เกิน 1 หมู่ ตามระบบ IUPAC • เขียนไอโซเมอร์โครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทต่าง ๆ • วเิ คราะห์และเปรียบเทียบจดุ เดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอินทรีย์ทม่ี หี มู่ฟงั ก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างตา่ งกัน • ระบปุ ระเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขยี นผลิตภัณฑ์จากปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ ปฏกิ ิรยิ ากบั โบรมนี หรือปฏกิ ริ ิยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต • เขยี นสมการเคมีและอธิบายการเกดิ ปฏกิ ิริยาเอสเทอริฟิเคชนั ปฏิกริ ยิ าการสงั เคราะห์เอไมด์ ปฏกิ ริ ิยาไฮโดรลิซิส และปฏกิ ิรยิ าสะปอนนิฟิเคชนั • ทดสอบปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอริฟิเคชนั ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลิซิส และปฏิกิรยิ าสะปอนนฟิ ิเคชัน • สืบค้นขอ้ มลู และนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอนิ ทรยี ไ์ ปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันและอุตสาหกรรม

สารประกอบอนิ ทรยี ์ สารประกอบอนิ ทรยี ์คืออะไร และสิ่งใดใช้ระบุประเภทของ สารประกอบอนิ ทรีย์

นา้ สม้ สายชูแท้กับนา้ ส้มสายชูปลอม แตกต่างกันอย่างไร

สารประกอบอนิ ทรยี ์ ส่วนใหญ่เป็นสารโคเวเลนต์ท่มี ธี าตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบหลกั H HH HCCH HCH HC C H ใช้ e- รว่ มกนั 3 คู่ H ใช้ e- รว่ มกนั 2 คู่ เกดิ เป็นพนั ธะสาม เกิดเป็นพนั ธะคู่ ใช้ e- ร่วมกัน 1 คู่ เกิดเปน็ พันธะเด่ยี ว

การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ สตู รโครงสรา้ งลวิ อิส ใช้เสน้ หรอื จดุ แทนอเิ ล็กตรอนวงนอกสดุ ของอะตอมของธาตุทม่ี าสร้างพนั ธะกนั O HOH HH HCCC H HCCCH HH HH จดุ 2 จุด หรอื เส้น 1 เสน้ แทน e- 2 ตัว หรอื 1 คู่

สูตรโครงสรา้ งแบบย่อ CH3 แสดงเฉพาะพนั ธะค่หู รอื พันธะสาม CH2 CH3 CH2 C C CH3 (C H3C H2)2C=C(C H3)2 CH3 อะตอมของธาตอุ ่ืน กลุ่มอะตอมทเ่ี หมอื นกัน เขียนไว้ข้างอะตอมของ C มากกวา่ 1 หมู่ แลว้ เขยี นตัวเลขแสดง ให้เขียนไว้ในวงเลบ็ จานวนอะตอมกากบั แลว้ ระบุจานวนกลุม่

สตู รโครงสร้างแบบเสน้ และมมุ ถ้าในโมเลกลุ มีหม่อู ะตอมแยกออกมาจากโซข่ อง C ใหล้ ากเส้นตอ่ ออกมาจากมุมของโซแ่ ละใหจ้ ดุ ตดั ของเสน้ แทนอะตอมของ C CH3 OH H3C C CH CH2 OH ที่ปลายเสน้ ตรงและท่ีแต่ละมุม ใช้เส้นตรงแทนโซ่ของ C ของโซ่ คือ อะตอมของ C ถา้ มจี านวน C ตอ่ กนั มากกว่า ทตี่ ่ออยูก่ ับ H ในจานวน 2 อะตอม ให้ใชเ้ ส้นตอ่ กนั ท่ที าใหอ้ ะตอมของ C แบบซิกแซก็ มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนครบ 8

ไอโซเมอรซิ ึม ไอโซเมอร์ (isomer) คอื สารทีม่ ีสตู รโมเลกลุ เหมอื นกนั แตม่ สี ูตรโครงสร้างต่างกัน ซง่ึ เปน็ ไดท้ ้ังโครงสรา้ งท่ีเป็นโซเ่ ปดิ และแบบวง โดยสารทเ่ี ป็นไอโซเมอร์กันจะมีสมบัติแตกต่างกัน เช่น C4H8 มี 6 ไอโซเมอร์ H3C CH2 H H3C H H3C H H3C CH3 CC CC C C CC H H HH H CH3 H3C H CH3

หมฟู่ งั กช์ นั หมู่ฟงั ก์ชนั (functional group) คือ หมูอ่ ะตอมที่แสดงสมบตั เิ ฉพาะในโมเลกุลของ สารประกอบอนิ ทรยี ์ เปน็ ตวั ก้าหนดสมบตั ิและปฏิกริ ิยาของสารประกอบอินทรยี ช์ นิดต่างๆ จงึ ใช้เปน็ เกณฑใ์ นการจาแนกสารประกอบอนิ ทรยี ์ แอลเคน แอลคนี แอลไคน์ พันธะเดี่ยว พันธะคู่ พนั ธะสาม HH HH HC CH H CC H CC HH HH

หม่ฟู งั ก์ชัน อีเทอร์ แอลดไี ฮด์ หมแู่ อลคอกซี หมคู่ ารบ์ อกซาลดีไฮด์ แอลกอฮอล์ หมูไ่ ฮดรอกซลิ HH HH HO HCCOCC H H CC H H H CO H HH HH H H

หมู่ฟังก์ชนั กรดคารบ์ อกซิลกิ เอสเทอร์ หมคู่ ารบ์ อกซลิ หมแู่ อลคอกซคี ารบ์ อนิล คีโตน หมคู่ ารบ์ อนลิ HHO HO H HCCCOH HCCO C H H OH H CCCH HH HH HH

หมู่ฟังกช์ นั เอไมด์ หมเู่ อไมด์ เอมีน หมอู่ ะมโิ น HO HCC N H HHHH HCCCN H HH HHH

สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ในชีวิตประจ้าวนั เราพบสารประกอบไฮโดรคาร์บอน อะไรบา้ ง

สารประกอบไฮโดรคาร์บอน สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนเป็นสารประกอบอนิ ทรียท์ ี่มเี ฉพาะธาตุคารบ์ อน และธาตุไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ แอลเคน อะโรมาตกิ ประเภทของสารประกอบ แอลคีน ไฮโดรคาร์บอน ไฮโดรคารบ์ อน แอลไคน์



แอลเคน สมบัตทิ างกายภาพของแอลเคน สูตรท่ัวไป คือ CnH2n+2 สถานะ C 1-4 อะตอม : สถานะแกส๊ C 5-17 อะตอม : สถานะของเหลว C 17 อะตอมข้นึ ไป : สถานะของแข็ง การนา้ ไฟฟ้า ไม่นาไฟฟา้ ในทุกสถานะ การละลาย ไม่ละลายน้า แตล่ ะลายในตัวทาละลายอินทรีย์ จุดเดอื ด/จดุ หลอมเหลว จุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่า แต่จะเพิ่มข้ึน ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน

ปฏกิ ริ ยิ าของแอลเคน ปฏิกริ ยิ าการเผาไหม้สมบรู ณ์ 2C4H10 (g) + 13O2(g) ∆ 8CO2 (g) + 10H2O (g) + ความรอ้ น ปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ 2CH4 (g) + 3O2(g) ∆ 2CO (g) + 4H2O (g) + ความรอ้ น + เขม่า ปฏกิ ริ ิยาแฮโลจีเนชัน CnH2n+2 + X2 แสง CnH2n+1X + HX แอลเคน ธาตุแฮโลเจน แอลคิลเฮไลด์ แกส๊ ไฮโดรเจนเฮไลด์

การเรยี กชอ่ื แอลเคนตามระบบ IUPAC CH3CH2CH2CH2CH2CH2CH2CH3 จานวนอะตอมของคารบ์ อน 8 อะตอม เรียกช่อื ไดว้ ่า ออกเทน เรียกชื่อตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน 1 = มีท หรอื เมท (meth-) 6 = เฮกซ (hex-) โดยใช้จานวนนับในภาษากรีก 2 = อที หรือเอท (eth-) 7 = เฮปท (hept-) และลงทา้ ยดว้ ยเสียง เ–น (-ane) 3 = โพรพ (prop-) 8 = ออกท (oct-) 4 = บวิ ท (but-) 9 = โนน (non-) 5 = เพนท (pent-) 10 = เดกค (dec-)

สาหรับแอลเคนท่มี โี ซ่กง่ิ จะเรียกหมอู่ ะตอมทแ่ี ยกออกมาจากโซ่หลกั วา่ หมู่แอลคิล (alkyl group) การเรียกชื่อหมแู่ อลคิลใช้หลกั การเดยี วกับการเรยี กชอ่ื แอลเคน แต่เปล่ยี นเสยี งทา้ ยจาก เ–น เปน็ อลิ (-yl) เลือกโซ่คารบ์ อนท่ียาวท่สี ุดเป็น CH3 โซ่หลกั มคี าร์บอน 6 อะตอม โซห่ ลกั ถา้ เลือกไดห้ ลายแบบให้เลือก H3C6 C5H2 C4H C3H C2H C1 H3 อา่ นว่า เฮกเซน ที่มีหม่แู อลคลิ มากที่สดุ CH3 CH2 หมแู่ อลคลิ คอื CH2CH3 อา่ นว่า เอทลิ หมแู่ อลคลิ คือ CH3 อา่ นวา่ เมทลิ CH3 เกาะอยบู่ นคารบ์ อน เรียกช่ือไดว้ ่า เกาะอยู่บนคารบ์ อนตาแหน่งท่ี 3 3-เอทลิ -2,4-ไดเมทิลเฮกเซน ของโซ่หลกั ตาแหน่งที่ 2 และ 4 ของโซห่ ลกั ถา้ มหี มู่แอลคลิ มากกว่า 1 หมูใ่ ห้แสดง - ตัวเลขใหค้ ั่นด้วยเคร่ืองหมายจลุ ภาค (,) จานวนหม่แู อลคลิ ดว้ ยภาษากรีก - ตวั เลขกับตัวอักษรใหค้ ั่นด้วยขดี (-) เช่น 2 = di, 3 = tri, 4 = tetra - เรียกชื่อหมู่แอลคลิ ตามลาดับตัวอกั ษรภาษาอังกฤษ

ไซโคลแอลเคน • เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนิดอม่ิ ตัวเชน่ เดยี วกับแอลเคน สตู รทัว่ ไป คือ CnH2n • สรา้ งพันธะเดยี่ วตอ่ กันเป็นวงรูปเหลย่ี มต่างๆ • มสี มบัตแิ ละการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าคลา้ ยคลงึ กบั แอลเคน • การเรียกชือ่ ไซโคลแอลเคนทาได้เช่นเดยี วกับ การเรียกช่ือแอลเคน แต่นาหน้าด้วยคาวา่ ไซโคล (cyclo) 4 53 62 1 ไซโคลเฮกเซน 1-ไอโซโพรพลิ ไซโคลเฮกเซน

แอลคีน สมบัติทางกายภาพของแอลคนี สูตรท่ัวไป คอื CnH2n สถานะ C 2-4 อะตอม : สถานะแก๊ส C 5-8 อะตอม : สถานะของเหลว C มากกว่า 8 อะตอมขน้ึ ไป : สถานะของแขง็ การนาไฟฟา้ ไม่นาไฟฟ้าในทุกสถานะ การละลาย ไม่ละลายนา้ แตล่ ะลายในตัวทาละลายอนิ ทรยี ์ จุดเดือด/จดุ หลอมเหลว จุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวต่า แต่จะเพ่มิ ข้นึ ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน

ปฏกิ ริ ิยาของแอลคนี ปฏกิ ิริยาการเผาไหมส้ มบูรณ์ 2C3H6 (g) + 9O2 (g) ∆ 6CO2 (g) + 6H2O (g) + ความรอ้ น ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหมไ้ มส่ มบูรณ์ C5H10 (g) + 4O2 (g) ∆ 3C (s) + CO (g) + CO2 (g) + 5H2O + ความรอ้ น ปฏิกิริยาแฮโลจเี นชนั HH HH ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรจเี นชัน C C + Cl Cl H CC H HH Cl Cl HH Pt HH C C + H2 H CC H HH HH

ปฏิกริ ยิ าของแอลคนี ปฏิกริ ิยาไฮเดรชัน HH H2SO4 HH C C + H2O H CC H HH H OH ปฏิกิรยิ าไฮโดรแฮโลจีเนชัน HH HH H H C C C H + HBr H CC C H HH H Br H แอลคีน แอลคลิ เฮไลด์ ปฏิกริ ยิ าออกซเิ ดชนั H HHH H H HH C C C C H + KMnO4 + H2O H C C C C H + MnO2 + KOH H HH OHOHH H ตะกอน ไกลคอล สนี ้าตาลด้า

การเรยี กชอ่ื แอลคนี ตามระบบ IUPAC แอลคนี โซ่ตรง ให้เรียกช่ือโดยใช้ CH3 C6 H3 โซห่ ลกั มีคารบ์ อน 6 หลักเกณฑ์เดียวกับการเรยี กช่อื C1 H3 C2 H2 3C C4 C5 H2 อะตอม พันธะคู่อยู่ใน แอลเคน แตล่ งท้ายเสยี ง –น (-ene) คารบ์ อนตาแหน่งท่ี 3 CH3 อ่านวา่ 3-เฮกซนี เรียกชอ่ื ได้วา่ 3,4-ไดเมทลิ -3-เฮกซีน หมแู่ อลคิลคอื CH3 อ่านว่า เมทิล แอลคีนโซ่กง่ิ เรยี กชอื่ โดยใช้วธิ เี ดยี วกับแอลคีนโซ่ตรง หมแู่ อลคลิ เรียกเหมอื นแอลเคน พร้อมทง้ั ระบุตาแหน่ง เกาะอยู่บนคาร์บอน ของพนั ธะคู่ โดยให้พนั ธะคอู่ ยูใ่ นตาแหน่งทนี่ อ้ ยทสี่ ดุ ตาแหน่งที่ 3 และ 4 ของโซห่ ลกั

ไอโซเมอรเ์ รขาคณติ (geometric isomer) สารประกอบแอลคีนบางชนิดมสี ตู รโครงสร้างเหมอื นกัน แตม่ สี มบัตทิ างกายภาพและทางเคมีตา่ งกัน เนื่องจากการจัดเรยี งตัวของอะตอมหรอื หม่อู ะตอมใน 3 มติ ทิ แ่ี ตกต่างกนั เรยี กว่า ไอโซเมอร์เรขาคณิต HH H CH3 CC CC H3C CH3 H3C H ด้านเดียวกัน ดา้ นตรงขา้ มกนั ไอโซเมอรแ์ บบซิส (cis-) ไอโซเมอรแ์ บบทรานส์ (trans-) ไอโซเมอรแ์ บบซสิ (cis-) อะตอมหรือกลุม่ อะตอม ไอโซเมอรแ์ บบทรานส์ (trans-) อะตอมหรอื กลมุ่ ท่ีเหมอื นกนั จัดอยู่ด้านเดียวกันของพันธะคู่ อะตอมทเ่ี หมอื นกันจดั อยูใ่ นดา้ นตรงขา้ มกัน

ไซโคลแอลคีน • เปน็ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนิดไม่อมิ่ ตวั เชน่ เดียวกับแอลคีน • มีสมบัตแิ ละการเกิดปฏกิ ริ ยิ าคล้ายคลงึ กบั แอลคนี • การเรยี กชอ่ื ไซโคลแอลคนี ทาได้เช่นเดยี วกับการเรยี กชื่อแอลคนี แตน่ าหนา้ ดว้ ยคาว่า ไซโคล (cyclo) 54 สูตรทวั่ ไป คอื CnH2n-2 H3C 6 3 CH3 ไซโคลโพรพีน 12 3,6–ไดเมทิล ไซโคลเฮกซีน

แอลไคน์ สมบตั ิทางกายภาพของแอลไคน์ สตู รทั่วไป คอื CnH2n-2 สถานะ แอลไคน์ มที ัง้ สถานะแกส๊ ของเหลว และของแขง็ การนาไฟฟา้ ไม่นาไฟฟา้ ในทุกสถานะ การละลาย ไม่ละลายน้า แตล่ ะลายในตัวทาละลายอินทรีย์ จดุ เดอื ด/จดุ หลอมเหลว จดุ เดือดและจดุ หลอมเหลวต่า แตจ่ ะเพ่มิ ข้ึน ตามจานวนอะตอมของคาร์บอน

ปฏกิ ิรยิ าของแอลไคน์ 8CO2 (g) + 6H2O (g) + ความรอ้ น ปฏกิ ิริยาการเผาไหมส้ มบูรณ์ 2C4H6 (g) + 11O2 (g) ∆ ปฏิกริ ิยาแฮโลจีเนชัน R C C R + Br2 Br R Br Br ปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรจีเนชัน C C + Br2 RC C R R Br Br Br R C C R + H2 Pt HR HH C C + H2 Pt R C C R RH HH

ปฏิกริ ิยาของแอลไคน์ R C CH + H2O H2SO4 O แอลไคน์ H2SO4 R C CH3 ปฏิกิรยิ าไฮเดรชัน CH CH + H2O คโี ตน อไี ทน์ O H C CH3 แอลดไี ฮด์ ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรแฮโลจเี นชนั R C C H + HCl Cl H Cl H ปฏกิ ิริยาออกซเิ ดชัน C C + HCl RC C H R H Cl H แอลไคนม์ พี นั ธะสามอยทู่ ่อี ะตอมคาร์บอนตา้ แหน่งที่ 1 3RCOOH + 3CO2 + 8MnO2 + 8KOH จะได้กรดคาร์บอกซลิ กิ OO 3RC CH + 8ผKMnO4 + 4H2O 3RC CR + 4MnO2 + 4KOH แอลไคนม์ พี นั ธะสามอยทู่ ีอ่ ะตอมคารบ์ อนต้าแหน่งอนื่ จะได้คีโตน 3RC CR + 4KMnO4 + 2H2O

การเรียกชอื่ แอลไคน์ตามระบบ IUPAC โซ่หลักมีคารบ์ อน 5 อะตอม พันธะสามอยใู่ น แอลไคนโ์ ซ่ตรง ใหเ้ รยี กช่อื โดยใช้ C1 H C2 C3H2C4 HC5H3 คาร์บอนตาแหน่งท่ี 1 หลักเกณฑ์เดยี วกบั การเรียกชอ่ื แอลเคน CH3 แตล่ งท้ายเสยี ง ไ–น์ (-yne) อา่ นวา่ 1-เพนไทน์ เรียกชื่อได้ว่า 4-เมทิล-1-เพนไทน์ หมแู่ อลคลิ คือ CH3 อ่านวา่ เมทิล เกาะอยู่ แอลไคนโ์ ซก่ ่ิง เรียกชือ่ โดยใช้วิธเี ดยี วกบั แอลไคน์โซต่ รง บนคาร์บอนตาแหนง่ ท่ี 4 หมแู่ อลคิลเรียกเหมอื นแอลเคน พรอ้ มทัง้ ระบตุ าแหน่งของพนั ธะสาม โดยใหพ้ ันธะสามอย่ใู นตาแหนง่ ทีน่ ้อยทีส่ ุด ของโซห่ ลัก

ไซโคลแอลไคน์ • เปน็ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนชนดิ ไมอ่ ม่ิ ตวั เช่นเดียวกับแอลไคน์ สตู รท่ัวไป คือ CnH2n-4 • มสี มบตั แิ ละการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าคลา้ ยคลงึ กบั แอลไคน์ • การเรยี กชื่อไซโคลแอลไคน์ทาไดเ้ ชน่ เดียวกบั การเรยี กชอื่ แอลไคน์ แต่นาหน้าดว้ ยคาว่า ไซโคล (cyclo) ไซโคลออกไทน์ 61 52 43 H3C CH3 3,4-ไดเมทลิ ไซโคลเฮกไซน์

อะโรมาตกิ ไฮโดรคาร์บอน • เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อมิ่ ตวั ท่มี ีเบนซนี เป็นองคป์ ระกอบ หรือเปน็ อนพุ ันธ์ของเบนซีน สมบตั ิทางกายภาพของอะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน สถานะ เปน็ ของเหลวใส มีกลิน่ เฉพาะตัว การน้าไฟฟา้ ไมน่ าไฟฟา้ ในทกุ สถานะ สตู รท่วั ไปของเบนซนี คอื C6H6 การละลาย ไม่ละลายน้า แตล่ ะลายในตัวทาละลายไมม่ ีขว้ั จุดเดือด/จุดหลอมเหลว เชน่ เฮกเซน จดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวตา่ กวา่ สารอนื่ ทมี่ ี มวลโมเลกุลใกลเ้ คยี งกนั

เน่อื งจากอิเลก็ ตรอนในพนั ธะคขู่ องวงเบนซีนไมไ่ ดอ้ ยู่ประจาทเ่ี หมอื นในแอลคีน การเขียนสูตรโครงสรา้ งของเบนซีนจงึ ควรเขยี นเป็นโครงสร้างเรโซแนนซ์ ดงั น้ี H H H H H H หรือ H H H C C C C C C C C C C C C C C C C C C H H H H H H H H H หรอื

ตวั อย่างของอะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน CH3 โทลูอีน (เมทิลเบนซีน) แนฟทาลีน แอนทราซนี ฟแี นนทรีน

สารประกอบอนิ ทรยี ์ท่มี ีธาตุออกซิเจนเปน็ องคป์ ระกอบ สารประกอบอนิ ทรยี ์ ท่ีมีธาตุออกซิเจนเปน็ องค์ประกอบ แต่ละชนดิ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร

สารประกอบอนิ ทรยี ์ทม่ี ธี าตอุ อกซิเจนเปน็ องค์ประกอบ คือ สารประกอบอนิ ทรียท์ ม่ี ีธาตคุ าร์บอน ธาตุไฮโดรเจน และธาตุออกซเิ จนเปน็ องคป์ ระกอบ แอลกอฮอล์ เอสเทอร์ ฟีนอล ประเภทของสารประกอบ อีเทอร์ กรดคาร์บอกซิลกิ อนิ ทรีย์ท่ีมธี าตอุ อกซิเจน เป็นองคป์ ระกอบ คโี ตน แอลดีไฮด์

แอลกอฮอล์ (alcohol) สมบัตทิ างกายภาพของแอลกอฮอล์ หมู่ฟงั ก์ชนั จุดเดือดของแอลกอฮอล์ เพ่มิ ข้นึ ตามจานวน ไฮดรอกซลิ อะตอมของคารบ์ อน แตเ่ มอ่ื จานวนอะตอมของคารบ์ อนเพมิ่ ขนึ้ ������ ������δ−������δ+ ความสามารถในการละลายนา้ จะลดลง ส่วนทีไ่ ม่มขี ว้ั สว่ นท่ีมขี ั้ว ส่วนทมี่ ีขัวจะเกิดพันธะไฮโดรเจนกับนา้ จงึ ละลายนา้ ได้

การเรียกชือ่ แอลกอฮอลต์ ามระบบ IUPAC C4 H3C3H2C2 HC1H2OH เลือกโซค่ ารบ์ อนท่ยี าวทส่ี ดุ ทีม่ ีหมู่ –OH เกาะ CH3 อยู่เปน็ โซ่หลัก กาหนดตาแหนง่ คารบ์ อนท่มี ีหมู่ –OH เกาะอยู่เป็นตาแหน่งท่ตี า่ ทสี่ ดุ 2-เมทลิ -1-บวิ ทานอล เรยี กชอื่ แอลกอฮอลต์ ามจานวนคารบ์ อนแล้ว ลงท้ายดว้ ย –านอล (-anol) พรอ้ มท้ังบอก ตาแหน่งของคารบ์ อนที่มีหมู่ –OH เกาะอยู่ การเรียกชือ่ หม่แู ทนท่ี ใชห้ ลกั การเดยี ว กบั การเรียกช่ือแอลเคน

ฟนี อล (phenol) สมบตั ิทางกายภาพของฟนี อล สูตรทว่ั ไป คอื Ar-OH • มสี ถานะเป็นของแข็งทีอ่ ณุ หภูมหิ ้อง • มีจุดหลอมเหลว 41 องศาเซลเซียส • นามาใช้เปน็ วัตถดุ บิ ในการผลติ พลาสตกิ บางชนิด ทายา สีย้อม ยาฆา่ เช้ือโรค

อีเทอร์ (ether) สมบตั ิทางกายภาพของอเี ทอร์ หมู่ฟังกช์ ันแอลคอกซี จุดเดอื ดใกลเ้ คียงกับแอลเคนที่มีขนาดโมเลกลุ ใกลเ้ คยี งกัน แต่ต่ากวา่ แอลกอฮอล์ สตู รทว่ั ไป คือ ROR’ อเี ทอรท์ ่มี มี วลโมเลกลุ น้อยจะละลายนา้ ได้ เล็กน้อย การเรียกชอื่ ของอีเทอรต์ ามระบบ IUPAC พิจารณาหมทู่ ตี่ ่อกับออกซเิ จนท้งั 2 หมู่ ใหห้ มทู่ ่มี ีจานวน คารบ์ อนมากกวา่ เปน็ ช่อื หลกั สว่ นหมู่ทม่ี ีคาร์บอนนอ้ ย CH3CH2CH2 O CH2CH3 กว่าให้เรียกรวมกบั ออกซเิ จนเป็นหมู่แอลคอกซี เอทอกซโี พรเพน ใหเ้ รยี กชือ่ หมแู่ อลคอกซีก่อนตามจานวนอะตอมของ คารบ์ อน โดยลงทา้ ยด้วย –อกซี (-oxy) แลว้ จึงตามด้วย ชอ่ื หลักของแอลเคน

แอลดไี ฮด์ (aldehyde) สมบัตทิ างกายภาพของแอลดไี ฮด์ หมู่ฟงั ก์ชนั จุดเดือดเพิ่มข้นึ ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน คาร์บอกซาลดไี ฮด์ แอลดีไฮดท์ ี่มมี วลโมเลกลุ น้อยจะละลายนา้ ไดด้ ี สตู รทั่วไป คือ RCHO การเรยี กชือ่ ของแอลดีไฮด์ตามระบบ IUPAC O ให้เรียกตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน โดยใหอ้ ะตอม ของคาร์บอนที่มีหมู่คารบ์ อกซาลดไี ฮด์ตอ่ อย่เู ป็นคาร์บอน H3C C H ลาดบั ท่ี 1 แลว้ ลงท้ายเสยี งด้วย –านาล (-anal) เอทานาล

คีโตน (ketone) สมบัติทางกายภาพของคีโตน จุดเดือดเพ่มิ ขึน้ ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน หม่ฟู งั ก์ชันคารบ์ อนลิ คีโตนที่มมี วลโมเลกลุ เลก็ จะละลายน้าได้ดี สตู รทว่ั ไป คือ RCOR’ การเรยี กช่ือของคีโตนตามระบบ IUPAC ใหเ้ รียกตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แล้วลงท้าย ดว้ ยเสยี ง –าโนน (-anone) แลว้ ระบตุ วั เลขแสดง O ตาแหนง่ ของหมคู่ าร์บอนลิ ไวห้ นา้ ช่ือคีโตน C1 H3 2C C3 H2C4 H2C5 H3 2-เพนทาโนน

กรดคาร์บอกซลิ ิก (carboxylic acid) สมบตั ทิ างกายภาพของกรดคาร์บอกซลิ ิก กรดคาร์บอกซลิ ิกจัดเป็นกรดออ่ น หมฟู่ ังก์ชันคาร์บอกซิล จุดเดอื ดเพ่ิมข้นึ ตามจานวนอะตอมของคาร์บอน สูตรทัว่ ไป คอื RCOOH กรดคาร์บอกซลิ กิ โมเลกุลเล็กจะละลายน้าไดด้ ี การเรยี กชื่อของกรดคาร์บอกซิลิกตามระบบ IUPAC O ใหเ้ รียกตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แลว้ ลงท้ายดว้ ย CH3 CH2 C OH เสียง –าโนอกิ (-anoic acid) กรดโพรพาโนอกิ

เอสเทอร์ (ester) สมบัติทางกายภาพของเอสเทอร์ หมู่ฟงั ก์ชัน เอสเทอร์จะมีจุดเดือดเพิ่มข้ึนตามจานวน แอลคอกซคี ารบ์ อนลิ อะตอมของคาร์บอน สูตรทั่วไป คอื RCOOR’ เอสเทอร์โมเลกุลเลก็ จะละลายน้าไดเ้ ลก็ น้อย การเรียกชือ่ ของเอสเทอร์ตามระบบ IUPAC O ให้เรียกชื่อหมู่แอลคลิ หรอื แอรลิ ที่มาจากแอลกอฮอล์ แลว้ CH3CH2 C O CH2CH3 ตามดว้ ยชอ่ื ของกรดคารบ์ อกซิลกิ โดยเปลยี่ นคาลงทา้ ย จาก –ก (-ic) เป็น เ–ต (-ate) เอทลิ โพรพาโนเอต

ปฏกิ ริ ิยาของเอสเทอร์ ปฏิกิริยาเอสเทอริฟเิ คชนั (esterification reaction) ปฏกิ ิริยาท่ใี ชใ้ นการเตรยี มเอสเทอร์ เตรยี มได้จากปฏิกริ ยิ าระหวา่ ง กรดคารบ์ อกซิลิกกับแอลกอฮอล์ โดยมกี รดซัลฟวิ ริกเขม้ ข้น เปน็ ตวั เรง่ ปฏกิ ิรยิ าทีอ่ ณุ หภมู ิสงู OO R C OH + H O R’ H2SO4 R C OR’+ H O H กรดคาร์บอกซลิ ิก แอลกอฮอล์ เอสเทอร์ นา้ ปฏิกิริยายอ้ นกลบั ของปฏกิ ริ ยิ าเอสเทอรฟิ ิเคชนั คือ ปฏิกริ ิยาไฮโดรลิซิส เป็นปฏกิ ริ ิยาทเ่ี อสเทอรส์ ลายตัวแยก เป็นกรดคารบ์ อกซิลิกและแอลกอฮอล์ โดยมกี รดซัลฟิวรกิ เจอื จาง เป็นตวั เรง่ ปฏิกิรยิ า

สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ี่มีธาตุไนโตรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ สารประกอบเอมีน เกิดข้ึนได้อยา่ งไร

เอมนี สมบัติทางกายภาพของเอมีน หมู่ฟังก์ชันอะมโิ น จุดเดือดเพ่ิมขน้ึ ตามจานวนอะตอมของคาร์บอน เอมนี ละลายได้ทัง้ ในน้าและตัวทาละลายท่ีมีข้ัว เอมีนปฐมภูมิ เอมนี ทุตยิ ภมู ิ เอมนี ตตยิ ภูมิ สารละลายเอมนี มสี มบัติเปน็ เบส การเรยี กชื่อของเอมนี ตามระบบ IUPAC ใหเ้ รยี กตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แล้วลงทา้ ยเสยี ง ดว้ ย –านามีน (-anamine) แลว้ ระบตุ วั เลขแสดงตาแหนง่ CH3CH2CH2CH2CH2NH2 ของหมูอ่ ะมิโนไวห้ นา้ ชื่อเอมนี ยกเว้นเมทานามนี และ เอทานามีน ไม่ต้องระบตุ าแหน่งของหมอู่ ะมโิ น 1-เพนทานามนี

สารประกอบอนิ ทรยี ท์ ี่มีธาตไุ นโตรเจนและธาตอุ อกซเิ จนเปน็ องค์ประกอบ สารประกอบเอไมด์ เตรยี มได้จากปฏิกิรยิ าใด

เอไมด์ หม่ฟู ังกช์ ันเอไมด์ สมบตั ทิ างกายภาพของเอไมด์ เอไมด์ปฐมภูมิ เอไมด์ทุติยภูมิ เอไมด์ตติยภูมิ จดุ เดือดเพิม่ ขน้ึ ตามจานวนอะตอมของคาร์บอน เอไมดล์ ะลายในน้าได้ สารละลายเอไมดม์ ีสมบัตเิ ปน็ กลาง การเรยี กชอ่ื ของเอไมดต์ ามระบบ IUPAC CH3CH2CH2CONH 2 ใหเ้ รยี กตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แล้วลงทา้ ยเสียง ดว้ ย -านาไมด์ (-anamide) บวิ ทานาไมด์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook