หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 พนั ธะเคมี นางสาวจีรดา ตุพิมาย ครู วิทยฐานะครูชานาญการ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ โรงเรียนหินดาดวทิ ยา สงั กดั องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั นครราชสีมา กรมการปกครองทอ้ งถิ่น กระทรวงมหาดไทย
เคมี เลม่ 1SlidePPT61-NEW ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 Slide PowerPoint_ส่อื ประกอบการสอน บรษิ ัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
3หน่วยการเรียนร้ทู ่ี พันธะเคมี ตวั ชี้วดั • อธิบำยกำรเกดิ ไอออนและกำรเกดิ พนั ธะไอออนิก โดยใชแ้ ผนภำพหรือสัญลักษณแ์ บบจุดของลวิ อิส • เขียนสูตรและเรยี กชื่อสำรประกอบไอออนกิ • คำนวณพลงั งำนท่ีเกีย่ วข้องกบั ปฏิกริ ิยำกำรเกดิ สำรประกอบไอออนิกจำกวัฏจักรบอรน์ -ฮำเบอร์ • อธิบำยสมบัตขิ องสำรประกอบไอออนิก • เขียนสมกำรไอออนิกและสมกำรไอออนิกสทุ ธขิ องปฏิกริ ยิ ำของสำรประกอบไอออนิก • อธิบำยกำรเกิดพนั ธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดยี่ ว พนั ธะคู่ และพันธะสำม ดว้ ยโครงสร้ำงลวิ อิส • เขียนสตู รและเรียกช่อื สำรโคเวเลนต์ • วิเครำะหแ์ ละเปรียบเทยี บควำมยำวพนั ธะและพลังงำนพนั ธะในสำรโคเวเลนต์ รวมทัง้ คำนวณพลังงำนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับปฏิกริ ยิ ำของสำรโคเวเลนตจ์ ำกพลงั งำนพันธะ • คำดคะเนรปู รำ่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีกำรผลกั ระหว่ำงคู่อิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ และระบสุ ภำพขั้วของโมเลกลุ โคเวเลนต์ • ระบุชนิดของแรงยึดเหนีย่ วระหวำ่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทยี บจุดหลอมเหลว จุดเดอื ด และกำรละลำยน้ำของสำรโคเวเลนต์ • สบื ค้นขอ้ มูลและอธิบำยสมบตั ขิ องสำรโคเวเลนต์โครงรำ่ งตำขำ่ ยชนดิ ตำ่ ง ๆ • อธบิ ำยกำรเกดิ พนั ธะโลหะและสมบัติของโลหะ • เปรียบเทยี บสมบัติบำงประกำรของสำรประกอบไอออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะ สบื ค้นขอ้ มลู และนำเสนอตัวอยำ่ งกำรใช้ประโยชนข์ องสำรประกอบไอออนิก สำรโคเวเลนต์ และโลหะได้อยำ่ งเหมำะสม
พนั ธะโคเวเลนต์
ชนิดของพันธะโคเวเลนต์ พนั ธะโคเวเลนต์แบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 ชนิด พันธะเดยี่ ว (single bond) H + Cl H Cl O+C+O เกิดจำกอะตอมของอโลหะที่มำสร้ำงพันธะกนั พนั ธะเดี่ยว มกี ำรใช้อิเล็กตรอนรว่ มกนั 1 คู่ N+N OCO พันธะคู่ (double bond) พันธะคู่ เกิดจำกอะตอมของอโลหะทมี่ ำสร้ำงพนั ธะกนั มกี ำรใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ NN พันธะสาม (triple bond) พนั ธะสาม เกิดจำกอะตอมของอโลหะที่มำสร้ำงพันธะกนั มกี ำรใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่
รปู รา่ งของโมเลกลุ โคเวเลนต์ กลุ่มท่ีไม่มอี เิ ลก็ ตรอนค่โู ดดเดย่ี วท่ีอะตอมกลาง มอี ยู่ 5 แบบ ดงั นี้ เสน้ ตรง สามเหลยี่ Xมแบนราบ ทรงXส่หี น้า ������������������° ������������������° A ������������������. ������° XAX XX X A XX พรี ะมดิ คู่ ฐานสามเหลย่ี ม ทรงแปดหน้า X X ������������° ������������° XA XX ������������������° XX AX������������° XX 9������° X������������������°
กลุ่มท่มี ีอิเลก็ ตรอนคู่โดดเดี่ยวที่อะตอมกลาง มอี ยู่ 8 แบบ ดงั นี้ ม.มุ .งอ . .พีระมิดฐานสามเหลีย่ ม ทรงส่ีหน้าบดิ เบี้ยว หรือมา้ กระดก พรี ะมดิ ฐานสามเหลย่ี ม A X A XX< ������������������° .. X X XX < 9������° X X������������������° < 9������° ตวั ที .. ������������° มุมงอ XA XX< ������������������° X XX .A. A สเ่ี หลย่ี มแบนราบ X X<< 1������������° < ������������° เสน้ ตรง .. XA X X >XX .A. XX 9������° ������������������° A X
แรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งโมเลกลุ แรงลอนดอนหรือแรงกระจาย Ne Ne Ne (A) (A) (A) ������− ������− ������+ ������+ ������− Ne Ne แรงลอนดอน ������+ Ne (B) (B) (B) ลักษณะการเกิดแรงลอนดอนในโมเลกลุ ของสารประกอบโคเวเลนต์
แรงดงึ ดดู ระหวา่ งขวั้ ������+ ������− ������+ ������− ������+ ������− ������+ ������− ������+ ������− ������− ������+ ������− ������+ ������+ ������− แรงดงึ ดูด แรงดงึ ดูด แรงผลัก แรงผลัก ลักษณะการเกดิ แรงดงึ ดดู ระหว่างข้วั ในโมเลกลุ สารประกอบโคเวเลนต์
แรงไอออน-ไดโพลเหนี่ยวนา C1- เฮกเซน แอซโี ตน เฮกเซน ลักษณะของแรงไอออน-ไดโพลเหน่ียวนา (ซ้าย) และแรงไดโพล-ไดโพลเหนีย่ วนา (ขวา)
แรงไอออน-ไดโพล Na+ Cl - ลกั ษณะของแรงไอออน-ไดโพลท่เี กดิ ขึน้ ระหว่าง Na+(ไอออนบวก) และ Cl- (ไอออนลบ) กับน้าซ่งึ เปน็ โมเลกลุ ทม่ี ีขั้ว
พันธะไฮโดนเจน ������− F H F H FH HH HH ������− F H F H FH NN H HH H O H O H O H������+ ������− ������+ HF N H������− H ������− HH O ������+ O������+ HH HH NH3 H2O พันธะไฮโดรเจนโมเลกุลท่มี พี นั ธะ H-O-H-F และ H-N
สารโคเวเลนต์โครงผลึกร่างตาขา่ ย 1. เพชร 2. แกรไฟต์ 3. ซิลคิ อนไดออกไซด์ ซลิ คิ อน ออกซเิ จน • คำรบ์ อน 1 อะตอม ยดึ กบั อะตอมรอบขำ้ ง 4 อะตอม • คำรบ์ อนในแกรไฟต์จะมโี ครงสรำ้ งซอ้ นกันเป็นชน้ั ๆ • อะตอมของซิลิคอนจดั เรยี งเหมือนคำร์บอนในเพชร • ในชนั้ เดยี วกนั คำรบ์ อน 1 อะตอมจับกับอะตอมรอบข้ำง ไม่มอี เิ ล็กตรอนเหลือ เพชรจึงไมน่ ำไฟฟ้ำ แต่มีออกซิเจนอยู่ระหว่ำงอะตอมของซิลคิ อนแต่ละคู่ • มโี ครงสรำ้ งเปน็ ทรงส่ีหน้ำ 3 อะตอม จงึ มอี ิเล็กตรอนเหลือ แกรไฟต์จงึ นำไฟฟ้ำได้ • ในธรรมชำตสิ ำมำรถพบไดห้ ลำยรูป เชน่ ควอตซ์ • มจี ุดหลอมเหลว 3,550 ℃ และจดุ เดือน 4,830 ℃ • มจี ดุ หลอมเหลว 3,727 ℃ และจุดเดอื ด 3,640 ℃ ไตรดไี มด์ คริสโทบำไลท์ เป็นต้น • มจี ดุ หลอมเหลว 1,730 ℃
พันธะไอออนิก การเกิดพนั ธะไอออนกิ เมื่อโลหะตัวรวมกบั อโลหะเกิดเป็นสารประกอบไอออนกิ โลหะและอโลหะนน้ั จะต้องมกี ารปรบั ตัวให้มคี วาม เสถียรท่ีสดุ โดยปรบั ให้มีจานวนเวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนเท่ากบั 8 หรอื เทา่ กับเวเลนตอ์ ิเลก็ ตรอนของแก๊สเฉ่ือย Li + F Li+ + F- 1s22s1 1s22s22p5 1s2 1s2 2s2 2p6 - Li F ลเิ ทียมฟลูออไรด์ (LiF) + Li F การเกิดสารประกอบลิเทียมฟลอู อไรด์ LiF
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: