Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วรรณคดีสมัยสุโขทัย

วรรณคดีสมัยสุโขทัย

Published by ch.took, 2020-05-14 02:57:07

Description: วรรณคดีสมัยสุโขทัย

Search

Read the Text Version

นางสาวจีรดา ตุพิมาย โรงเรียนหินดาดวทิ ยา สังกัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดนครราชีมา

ผลการเรียนรู้ • มคี วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ลักษณะท่ัวไปของวรรณคดสี มยั สุโขทัย • อธิบายความสาคัญหรือคุณค่า คา่ นิยมของวรรณคดีสมัยสโุ ขทยั ในดา้ นสานวนภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี

วรรณคดีสมัยสโุ ขทยั วรรณคดีสมยั สโุ ขทยั เป็นวรรณคดีที่แสดงหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ ภาษาและ วัฒนธรรม ซึง่ สะทอ้ นให้เห็นถงึ ความเจรญิ รุ่งเรอื งใน ดา้ นศิลปวฒั นธรรมประเพณี ค่านยิ ม ตลอดจนชีวติ ความเปน็ อยขู่ องผคู้ นในสมยั สุโขทยั นอกจากน้ี ยังมคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั ศาสนาโดยมีคาสอน เพือ่ รมส่งั สอนประชาชนให้รู้จกั เกรงกลวั บาปกรรม และ รจู้ กั แนวทาง ในการดาเนินชวี ิตอยา่ งมคี วามสขุ และเป็นการพฒั นาจิตใจของประชาชน ควบคู่ไปกบั การ พัฒนาบา้ นเมือง

ลักษณะทว่ั ไปของวรรณคดีสมัยสุโขทัย • ลกั ษณะท่ัวไปของวรรณคดสี มัยสโุ ขทัย ๑. เน้ือหา สว่ นใหญ่เป็นวรรณคดีสอน ยกเวน้ ศลิ าจารกึ พ่อขุนรามคาแหงมหาราช แต่ ในศิลาจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหงก็ยงั มีขอ้ ความทกี่ ลา่ วถงึ พอ่ ขนุ รามคาแหงทรงสง่ั สอนประชาชนใน วนั ธรรมดาท่มี ิใชว่ นั ธรรมสวนะ ลักษณะคาสอนของวรรณคดสี มยั นนั้ อาจสรปุ ไดเ้ ปน็ ๒ ลกั ษณะ คือ เปน็ คาสอนตามแนวพทุ ธศาสนาและสอนคาตามแนวความคดิ เห็นแบบคนไทยโบราณ • ๒. ลกั ษณะคาประพนั ธ์ สว่ นมากเปน็ ร้อยแก้ว คือ ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง เร่อื ง นางนพมาศ และเตภูมกิ ถาหรือไตรภมู พิ ระรว่ ง บทประพนั ธ์รอ้ ยกรองมเี พยี งเรอื่ งเดยี ว คือ สุภาษติ พระรว่ ง ซึง่ แต่งเปน็ ร้อยกรองประเภทร่ายโบราณ • ๓. จดุ มุ่งหมายในการแต่ง มดี ังน้ี • - บันทึกสภาพสงั คม การเมอื ง และการปกครอง • - อบรมส่ังสอนศลี ธรรม • - เทิดพระเกยี รตพิ ระมหากษัตริย์

ศลิ าจารึกดา้ นท่ี ๑ ๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ศิลาจารึกดา้ นท่ี ๒

ศลิ าจารึกดา้ นท่ี ๓ ๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ศิลาจารึกดา้ นท่ี ๔

๑.จารกึ พ่อขุนรามคาแหง ชอ่ื จารึก จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ชอ่ื จารกึ แบบอนื่ ๆ หลักท่ี ๑ ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง จังหวัดสโุ ขทยั , ศลิ าจารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง พทุ ธศกั ราช ๑๘๓๕ อกั ษรที่มใี นจารึก ศักราช ไทยสุโขทัย ภาษา พทุ ธศกั ราช ๑๘๓๕ ดา้ น/บรรทดั ไทย จานวน ๔ ด้าน มี ๑๒๗ บรรทดั ดา้ นที่ ๑ มี ๓๕ บรรทัด, ด้านที่ ๒ มี ๓๕ บรรทดั , วัตถจุ ารกึ ด้านที่ ๓ มี ๒๗ บรรทดั และดา้ นท่ี ๔ มี ๒๗ บรรทดั ลักษณะวตั ถุ ขนาดวตั ถุ หินทรายแป้งเนือ้ ละเอยี ด หลักสี่เหล่ียมดา้ นเทา่ ทรงกระโจม กวา้ งด้านละ ๓๕ ซม. สงู ๑๑๑ ซม.

๑.จารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง ปีทพี่ บจารกึ พทุ ธศักราช ๒๓๗๖ สถานท่พี บ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย ตาบลเมอื งเกา่ อาเภอเมอื ง จังหวดั สโุ ขทยั ผูพ้ บ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ ปัจจุบนั อยูท่ ่ี พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรงุ เทพมหานคร พมิ พ์ ๑) ประชุมศิลาจารึก ภาคท่ี ๑ ([กรุงเทพฯ] : สานกั นายกรฐั มนตร,ี เผยแพร่ ๒๕๒๑), ๑๕-๓๒. ๒) จารกึ สมัยสโุ ขทัย (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๖), ๔-๒๐.

๑.จารึกพ่อขนุ รามคาแหง เนอ้ื หาโดยสังเขป เรอื่ งที่มใี นศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงนแ้ี บ่งออกไดเ้ ป็นสามตอน ตอนท่ี ๑ ตัง้ แตบ่ รรทดั ท่ี ๑ ถงึ ๑๘ เป็นเรือ่ งพ่อขนุ รามคาแหงเลา่ ประวตั ิของพระองค์ ตงั้ แตป่ ระสตู ิจนได้เสวยราชสมบตั ใิ ช้ ผูส้ รา้ ง คาว่า “ก”ู เป็นพืน้ ตอนท่ี ๒ ไม่ได้ใช้คาวา่ “ก”ู เลย ใชค้ าวา่ “พอ่ ขุนรามคาแหง” เล่าเรอ่ื ง การกาหนดอายุ ประพฤติเหตุตา่ งๆ และธรรมเนยี มในเมอื งสุโขทัย เรื่องสร้างพระแท่นมนงั ศิลาเมื่อ ม.ศ. ๑๒๑๔ เรื่องสร้างพระธาตุเมืองศรสี ชั นาลัย เม่ือ ม.ศ. ๑๒๐๗ และท่ีสุดเรอ่ื งประดษิ ฐต์ ัวอักษรไทยขึ้น เมื่อ ม.ศ. ๑๒๐๕ ตอนท่ี ๓ ตัง้ แตด่ ้านที่ ๔ บรรทัดท่ี ๑๒ ถงึ บรรทดั สดุ ทา้ ย เขา้ ใจวา่ ไดจ้ ารึก ภายหลังหลายปี เพราะตัวหนังสือไม่เหมอื นกับตอนที่ ๑ และที่ ๒ คือตัวพยญั ชนะลบี กวา่ ท้ัง สระที่ใช้ก็ต่างกันบ้าง ตอนท่ี ๓ นี้ เป็นคาสรรเสริญ และยอพระเกียรตคิ ุณของพอ่ ขนุ รามคาแหง และกล่าวถึงอาณาเขตเมอื งสโุ ขทัยที่แผ่ออกไปครัง้ กระโนน้ พ่อขุนรามคาแหง กาหนดอายตุ ามปีศักราชท่รี ะบุไว้ในจารกึ พ.ศ. ๑๘๓๕

๑.จารกึ พ่อขนุ รามคาแหง ศลิ าจารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง เปน็ ท้งั วรรณคดีทแี่ สดงใหเ้ ห็นหลกั ฐานทส่ี าคัญทางประวัตศิ าสตร์ การคน้ พบศลิ าจารกึ ฯนน้ั ประวัติมีอยู่วา่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ ฯผนวชอยู่ ยงั ไม่ได้ครองราชย์ ไปธุดงคท์ างเหนือ เมอื่ พ.ศ.2376 ไดพ้ บศิลาจารึก และพระแทน่ มนังคศิลาบาตรทอดท้งิ อยทู่ ่ีสุโขทยั จึงทรงใหช้ ะลอมาไว้ที่กรุงเทพฯ และย้ายมาวดั บวรนิเวศ ปัจจบุ นั นี้อยู่ท่พี ิพิธภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติ (เปลอื้ ง ณ นคร, 2515, น. 28) วัตถุดบิ ทส่ี าคัญท่ีผเู้ ขียนนามาเขียนลงในศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง คือ อตั ชวี ประวตั แิ ละ ชวี ประวตั ขิ องพ่อขนุ รามคาแหง รวมไปถงึ สังคมและวัฒนธรรม ประเพณีพธิ ีกรรมตา่ งๆ

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง รปู แบบคาประพนั ธ์ ศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคาแหงน้ี เปน็ วรรณคดปี ระเภทสารคดี รูปแบบอตั ชีวประวัติและชวี ประวตั ิ โดยผ้เู ขยี นใช้ร้อยแก้วในการเสนอผลงาน ดงั ตัวอยา่ ง “กลางเมอื งสุโขทัยนี้ มีน้าตระพังโพยสี ใสกนิ ดี ...ดั่งกนิ น้าโขง เมอ่ื แล้ง รอบเมืองสโุ ขทยั น้ี ตรบี ูร ได้สามพนั สี่รอ้ ยวา คนในเมืองสุโขทัยน้ี” (ราตรี ธันวารชร, 2541, น.104 )

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ภาษา ภาษาทใ่ี ช้ในศลิ าจารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ผเู้ ขียน โดยใชค้ าสภุ าพ ใน สมัยนน้ั ดังตัวอย่าง “พอ่ กูชอ่ื ศรีอนิ ทราทิตย์ แม่กูชอื่ นางเสอื ง พกี่ ูชอ่ื บานเมือง ตพู ี่นอ้ งทอ้ งเดยี ว ห้าคน ผชู้ ายสาม ผหู้ ญิงโสง...” (กรมศลิ ปากร, 2547, น. 18)

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง โวหาร ในเร่อื งนี้ ไม่คอ่ ยมีโวหารปรากฏ เนอ่ื งจากเป็นการบนั ทึกประวัตแิ ละ บรรยายเร่ืองราวที่เกิดขึ้นในสมยั สโุ ขทัย โดยโวหารที่พบ คอื อุปนยั ตวั อยา่ ง อุปนยั เช่น “กลางเมอื งสโุ ขทัยน้ี มีนา้ ตระพังโพยสี ใสกนิ ดี ..ดั่งกนิ น้าโขงเมอื่ แลง้ ” (กรมศิลปากร, 2547, น. 21)

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง เน้อื หา เร่ืองราวในศลิ าจารึกแบ่งเปน็ 4 ด้าน แต่ละด้านจะมีเนื้อหาที่เกยี่ วกบั สมยั สุโขทยั ดงั นี้ ด้านท่ี 1 กลา่ วถงึ ประวัติพ่อขนุ รามคาแหง ประชาชน และการปกครองในสุโขทัย ด้านท่ี 2 กลา่ วถงึ ภมู ิประเภทของสโุ ขทัย และความศรัทธาในพุทธศาสนา ของประชาชน ดา้ นท่ี 3 กลา่ วถึง การทะนบุ ารุงพระพุทธศาสนาของพ่อขุนรามคาแหง ดา้ นท่ี 4 กล่าวถงึ การบูชาพระธาตุ การประดิษฐ์อักษรไทย(ลายสือไทย) อาณาเขตของ สโุ ขทยั

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง ตัวละคร ด้วยศิลาจารึกพ่อขนุ รามคาแหงนั้นเปน็ สารคดี รูปแบบอตั ชวี ประวตั แิ ละ ชีวประวัติ ดังน้ันจึงปรากฏคนจรงิ คือ พอ่ ขุนรามคาแหง พอ่ ขุนศรีอนิ ทราทติ ย์ พอ่ ขุน บานเมือง ขุนสามชน ประชาชน อกี ทั้งยงั มสี ัตว์ท่ปี รากฏในเรอ่ื งคือ ช้าง มา้ ดงั ตัวอย่าง “พอ่ กู ช่อื ศรีอนิ ทราทิตย์ แม่กชู ่อื นางเสอื ง พ่กี ูช่อื บานเมือง ตพู ี่นอ้ งทอ้ ง เดยี วห้าคน ผ้ชู ายสามผู้ญีงโสง พ่ีเผอื ผู้อา้ ยตายจากเผอื เตียมแต่ยงั เล็ก เมอื่ กูขนึ้ ใหญ่ได้” (ราตรี ธันวารชร, 2541, น.101 )

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง ฉาก สถานที่ สถานที่ต่างๆท่ผี ู้เขียนเอย่ ถึงน้ัน เปน็ สถานทจ่ี รงิ เช่น เมอื งฉอด เมืองตาก เมือง สโุ ขทยั เปน็ ตน้ โดยผเู้ ขยี นใช้คาบอกเวลาชดั เจน เช่น วันเดือนดบั เดอื นโอกแปดวัน วัน เดอื นเต็ม เป็นตน้ ดังตวั อย่าง “นอน รอดคนที พระบาง แพรก สพุ รรณภูมิ ราชบรุ ี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝ่งั ทะเล สมุทรเป็นท่ีแล้ว เบ้อื งตะวนั ตก รอดเมืองฉอด เมือง...น หงสาวดี สมทุ รหา เป็นแดน เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมอื งม่าน เมืองน… เมืองพลวั พน้ ฝัง่ ของ เมอื งชวา เปน็ ท่ีแล้ว ปลูกเลีย้ ง ฝงู ลกู บ้านลกู เมืองนนั้ ชอบดว้ ยธรรมทุกคน” (ราตรี ธันวารชร, 2541, น. 110 )

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง การลาดบั เหตกุ ารณใ์ นเร่ือง การลาดับเหตุการณใ์ นเร่ือง ผ้เู ขยี นเปิดเร่อื งดว้ ย ประวตั ิของพอ่ ขุน รามคาแหง การดาเนินเรื่อง ผู้เขียนใชก้ ารดาเนินเรื่องไปตามลาดับเวลา สว่ นการปดิ เรื่อง ผูเ้ ขยี นปิดเร่อื งการบอกอาณาเขตของสุโขทยั

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง แนวคดิ แนวคิดหลกั ทีป่ รากฏในศิลาจารกึ คือ พระราชประวัติพ่อขนุ รามคาแหง และ ความเจริญรุ่งเรอื งของอาณาจกั รสุโขทยั ส่วนแนวคดิ ย่อย มีหลายแนว เชน่ ความกตญั ญู ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ความเอาใจใส่ประชาชนของ พระมหากษัตริย์ การประดษิ ฐอ์ ักษรไทย (ลายสือไทย) เปน็ ต้น

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง การวิเคราะห์คุณค่าทไ่ี ดร้ ับ คณุ คา่ ทไ่ี ด้รับจาก ศิลาจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง มดี งั น้ี 1. คณุ ค่าทางศลี ธรรม คณุ คา่ ทางศีลธรรมที่ปรากฏในเรอื่ งน้ี คอื ความกตัญญู จะ เหน็ ได้จากการทพ่ี อ่ ขนุ รามคาแหงแสดงความกตญั ญูตอ่ บพุ การี ดังตัวอยา่ ง “เมื่อชั่วพ่อกู กูบาเรอแก่พ่อกู กบู าเรอแกแ่ ม่กู กไู ด้ตวั เนอ้ื ตวั ปลา กูเอามา แก่พ่อกู กูได้หมากส้ม หมากหวาน อนั ใดกินอร่อยกินดี กเู อามาแกพ่ ่อกู...” (กรมศลิ ปากร, 2547, น. 18) และในเรื่องน้ยี ังปรากฏความศรทั ธาในพระพุทธศาสนา ซ่ึงแสดงให้เห็นวา่ ตั้งแต่สมัยสุโขทยั นัน้ ประชาชนให้ความสาคญั กบั การนบั ถอื พุทธศาสนา

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง การวเิ คราะหค์ ุณคา่ ท่ไี ดร้ ับ คณุ ค่าทไี่ ด้รับจาก ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง มีดังนี้ ๒.คุณคา่ ทางอารมณ์ เม่ือผู้อา่ นได้อ่านเร่อื งน้ี ผู้อ่านจะไดส้ ัมผสั กบั อารมณ์รกั อารมณ์ยกยอ่ งเชิดชู ตัวอย่าง อารมณ์รัก เชน่ “ได้ช้างได้งวงไดป้ ่ัวได้นาง ได้เงอื นไดท้ องกูเอามาเวนแก่พอ่ กู พ่อกตู ายยงั พ่ี กู กพู ร่าบาเรอแกพ่ ่ีกู ด่งั บาเรอแก่พอ่ ก”ู (กรมศิลปากร, 2547, น. 19)

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง ตวั อยา่ ง อารมณย์ กย่องเชดิ ชู เชน่ “เมอ่ื กอ่ นลายสอื ไทยนีบ้ ม่ ี ๑๒๐๕ ศกปมี ะแม พอ่ ขนุ รามคาแหงหาใครใ่ จ ในใจ แลใสล่ ายสอื ไทยน้ี ลายสือไทยนีจ้ ง่ึ มเี พอ่ื ขุนผู้น้ันใสไ่ ว้ พ่อขนุ พระรามคาแหง นั้นหาเป็นทา้ วเป็นพระยาแกไ่ ทยท้งั หลาย หาเปน็ ครูอาจารยส์ ง่ั สอนไทยท้งั หลายใหร้ ู้ บญุ ร้ธู รรมแท้ แตค่ นอนั มใี นเมอื งไทยดว้ ย” (กรมศลิ ปากร, 2547, น. 26)

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง การวิเคราะห์คุณค่าทไี่ ดร้ บั คุณคา่ ทไ่ี ด้รับจาก ศลิ าจารกึ พ่อขนุ รามคาแหง มีดังนี้ ๓.คณุ ค่าทางวฒั นธรรม ในเรอื่ งนี้ ผ้อู า่ นจะได้เรยี นรวู้ ัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย ซ่ึงในสมัยน้ันบทบาท ของไสยศาสตร์ คือการนับถอื ผี ก็มีปรากฏให้เหน็ ดงั ตัวอยา่ ง “มพี ระขพงุ ผีเทพดาในเขาอันนนั้ เปน็ ใหญ่กว่าทุกผใี นเมอื งน้ี ขนุ ผใู้ ดถือ เมอื งสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดี พลถี กู เมอื งน้เี ทย่ี ง เมืองนดี้ ี ผไิ หวบ้ ่ดี พลบี ถ่ ูก ผีในเขาอนั บ่ คมุ้ บ่เกรง” (กรมศิลปากร, 2547, น. 24)

๑.จารึกพอ่ ขุนรามคาแหง การวิเคราะหค์ ุณค่าที่ได้รบั คุณค่าท่ไี ดร้ ับจาก ศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคาแหง มดี งั นี้ 4 คุณค่าทางประวตั ศิ าสตร์ ศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคาแหง มีเน้ือหาทเี่ กย่ี วกับประวัติศาสตรใ์ นสมัยสโุ ขทยั ซงึ่ ทาให้ผู้อา่ นมีความรู้ ความเข้าใจ เกย่ี วกบั สภาพสังคม วฒั นธรรม รวมไปถึงวถิ ีชีวิต ความเป็นอยขู่ องคนในสมัยนั้น

๑.จารกึ พ่อขนุ รามคาแหง การวเิ คราะหค์ ณุ ค่าท่ไี ดร้ ับ คุณค่าทไี่ ด้รบั จาก ศลิ าจารึกพอ่ ขุนรามคาแหง มดี ังน้ี 5. คณุ ค่าทางวรรณศลิ ป์ 1. การเล่นคา ในเร่ืองนผ้ี ูเ้ ขยี นเลน่ คาโดยการซา้ คา เพอ่ื เนน้ ความ ตัวอย่าง “ขนุ สามชนหวั ซา้ ย ขนุ สามชนขบั มาหัวขวา ขนุ สามชนเกลอ่ื นเขา้ ..” (กรมศิลปากร, 2547, น. 18) 2. นา้ เสยี ง ในเร่ืองน้ี กวีใช้นา้ เสียงทหี่ ลากหลาย เชน่ นา้ เสยี งภูมใิ จ น้าเสียงยกยอ่ ง เปน็ ตน้ ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้

๑.จารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง การวเิ คราะหค์ ุณคา่ ทไ่ี ดร้ ับ คุณคา่ ท่ไี ดร้ บั จาก ศิลาจารึกพ่อขนุ รามคาแหง มีดังนี้ 2.1 ตัวอย่าง น้าเสยี งภูมใิ จ เชน่ “เมื่อชั่วพอ่ กู กบู าเรอแก่พอ่ กู กบู าเรอแกแ่ ม่กู กไู ดต้ วั เนือ้ ตวั ปลา กูเอามา แก่พอ่ กู กไู ด้หมากสม้ หมากหวาน อนั ใดกนิ อรอ่ ยกนิ ดี กเู อามาแกพ่ ่อกู...” (กรมศลิ ปากร, 2547, น. 18) 2.2 ตัวอย่าง น้าเสยี งยกยอ่ ง เชน่ “เมือ่ ก่อนลายสือไทยนี้บ่มี ๑๒๐๕ ศกปมี ะแม พ่อขุนรามคาแหงหาใครใ่ จ ในใจ แลใสล่ ายสอื ไทยนี้ ลายสอื ไทยนี้จงึ่ มเี พอื่ ขุนผ้นู นั้ ใสไ่ ว้ พ่อขุนพระรามคาแหงน้นั หาเปน็ ท้าวเปน็ พระยาแกไ่ ทยทัง้ หลาย หาเป็นครอู าจารย์ส่งั สอนไทยท้งั หลายให้ รู้บุญรธู้ รรมแท้ แต่คนอนั มีในเมืองไทยด้วย” (กรมศลิ ปากร, 2547, น. 26)

นางสาวจีรดา ตุพิมาย โรงเรียนหินดาดวทิ ยา สังกัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดนครราชีมา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook