ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
ชุดหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 คานา ตามท่ีสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาแจ้งใหโ้ รงเรียนนวมินทราชนิ ทู ิศสตรวทิ ยา ๒ ดาเนนิ การสอนตาม หลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา (Anti - Corruption Education) ของสานักงานคณะกรรมการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติทีร่ ว่ มจัดทากบั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน จากนโยบายดังกล่าว โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา ๒ จึงได้จัดทาชุดการสอน เร่ือง การ ป้องกันการทุจริต ประกอบกิจกรรมเสริมหลักสูตร “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti - Corruption Education) ระดับมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ถึงระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ และ ทกั ษะในเร่ืองการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทน ต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเร่ิมใช้ในปี การศึกษา 2562 เพ่ือเป็นกลไกระยะยาวในการปลูกฝังวิธีคิดป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียน ร่วมกันสร้างประเทศ ไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต คณะผูจ้ ัดทา ครกู ลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 สารบญั เนื้อหา หน้า หนว่ ยที 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 1 ใบความรู้ท่ี 1 เรอื่ ง ระบบคดิ ฐานสอง (Digital) 2 ใบงานที่ 1 เรือ่ ง ระบบคิดฐานสอง (Digital) 3 ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง สทิ ธิและเสรภี าพและผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์สว่ นตน 6 ใบความรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง หนา้ ท่ี 7 ใบความรทู้ ่ี 4 เร่ือง เสรีภาพ 9 ใบความรู้ท่ี 5 เรือ่ ง ประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวม 10 ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง สทิ ธิเสรภี าพและประโยชน์ ส่วนตน ส่วนรวม 11 ใบงานที่ 3 เรอ่ื ง สิทธิเสรภี าพและประโยชน์ ส่วนตน ส่วนรวม (ต่อ) 12 ใบความรทู้ ่ี 6 เรื่อง รูปแบบของผลประโยชน์ทบั ซ้อน 13 ใบงานท่ี 4 เรื่อง รปู แบบของผลประโยชนท์ บั ซ้อน 17 หนว่ ยที่ 2 ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ 18 ใบงานท่ี 5 เรอ่ื ง การสอบ(ความซ่อื สตั ย์) 19 ใบงานที่ 6 เร่อื งแนวทางการปฏบิ ตั ิตนของเยาวชนตอ่ สงั คมเกยี่ วกบั การเข้าแถวและการแตง่ กาย 20 หน่วยที่ 3 STRONG / จิตพอเพยี งต้านการทุจริต 21 ใบงานท่ี 7 เรือ่ ง STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจริต 22 ใบงานท่ี 8 เรอื่ ง หนทางแห่งความสาเรจ็ เราเลอื กได้ 23 หน่วยที่ 4 พลเมืองและความรับผดิ ชอบต่อสังคม 26 ใบความรู้ที่ 7 เร่อื ง บทบาท สิทธิ หน้าที่ 27 ใบความรทู้ ี่ 8 เรอ่ื ง บทบาทและหนา้ ท่ขี องเยาวชนทีม่ ีต่อสังคมและประเทศชาติ 30 ใบงานท่ี 9 เรื่อง แนวทางการปฏิบัตติ นในการเคารพสทิ ธิและเสรีภาพของตนเองและผู้อื่น 32 ใบความรู้ที่ 9 เรอ่ื ง บ้านเมืองจะดีเม่ือประชาชนมีระเบยี บ 33 ใบความรทู้ ่ี 10 เรื่อง มารจู้ ัก กฎ กันเถอะ 34 ใบความรทู้ ี่ 11 เร่อื ง มารจู้ กั กติกา กนั เถอะ 35 ใบความร้ทู ี่ 12 เรื่อง มาร้จู กั กฎหมาย กนั เถอะ 36 ใบความรทู้ ่ี 13 เรื่อง มาเป็นพลเมืองดกี ันเถอะ 37 ใบความรู้ท่ี 14 เรอ่ื ง บทบาทหนา้ ทีข่ องพลเมืองท่ดี ีตอ่ ประเทศชาติและสังคมโลก 39 ใบงานที่ 10 เรือ่ ง พลเมืองดใี นใจฉนั 42
ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 หน่วยท่ี 1 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชน์สว่ นรวม หน้า 1
ชดุ หลกั สูตรต้านทจุ รติ ศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบคิดฐานสอง (Digital) ความหมาย ระบบคดิ “ฐานสอง (Digital)” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูล ที่สามารถเลือกได้เพียง 2 ทางเทานั้น คือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) และอาจหมายถึงโอกาส ที่จะเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ใช่กับ ไม่ใช่, จริง กับ เท็จ, ทาได้กับ ทาไม่ได้, ประโยชน์ ส่วนตน กับ ประโยชน์ส่วนรวม เป็นตน จึงเหมาะกับการนามาเปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าท่ีของ รัฐที่ต้องสามารถแยกเร่ืองตาแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด และไม่ กระทาการท่ีเป็นการขัดกันระหว่างประโยชนส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม “การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบ คิดฐานสอง (Digital)” คือ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีระบบการคิดที่สามารถแยกเรื่องตาแหนงหน้าท่ีกับ เร่ืองส่วนตนออก จากกันได้อย่างชัดเจน ว่าส่ิงไหนถูกสิ่งไหนผิด สิ่งไหนทาได้สิ่งไหนทาไมได้ สิ่งไหนคือ ประโยชน์ส่วนตน ส่ิงไหน คือประโยชน์ส่วนรวม ไม่นามาปะปนกัน ไมน่ าบุคลากรหรือทรัพย์สินของราชการมา ใช้เพ่ือ ประโยชนส์ ว่ นตน ไม่เบยี ดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ ของส่วนตน เครือญาติ และพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชน์จากตาแหน่งหน้าท่ี ราชการ ไม่รับทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อ่ืนใด จากการปฏิบัติหน้าท่ีกรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ก็จะยดึ ประโยชนส์ วนรวมเป็นหลัก หนา้ 2
ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง ระบบคิดฐานสอง (Digital) คาชีแ้ จง 1. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาขอ้ มลู จากวีดีทัศน์ เรอื่ ง แก้ทุจริต “คิดฐานสอง” ใชเ้ วลา 4.37 นาที 2. ให้นกั เรียนตอบคาถามในหน้า 4-5 สแกน QR Code เพือ่ ชมวีดที ัศน์ ตรงน้ี หน้า 3
ชดุ หลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีทั้งหมด 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน 2. ให้นกั เรยี นเขยี นคาตอบทีต่ รงกบั ความคิดของนกั เรียนมากทีส่ ุด 1. นกั เรยี นเห็นเพื่อนๆ นาโทรศัพทส์ ่วนตวั มาชารจ์ แบตเตอร่ที โ่ี รงเรยี น นักเรยี นคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... 2. “การรบั จ้างทารายงานเป็นเร่ืองปกติ เพราะใครๆ ก็ทากนั ทัง้ นนั้ ” นักเรยี นเหน็ ด้วยหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................................................................................................ 3. นักเรยี นรสู้ กึ อยา่ งไรเมือ่ เห็นเพื่อน ๆ ลอกข้อสอบหรือลอกการบา้ นอย่เู ป็นประจา ตอบ ...................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ 4. จากคากล่าวท่ีว่า “ฉันพรอ้ มทีจ่ ะยอมรับผดิ ถ้าทาผดิ ” นักเรยี นเห็นด้วยหรือไมเ่ พราะเหตใุ ด ตอบ ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... 5. การใช้นา้ ประปาของโรงเรียนล้างรถจักรยานยนต์ของตนเอง นักเรยี นคิดวา่ เป็นการกระทาทเ่ี หมาะสม หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... มหี น้าตอ่ ไปดว้ ยนะคะ หน้า 4
ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 6. นกั เรยี นเข้าไปคน้ หาข้อมูลในหอ้ งสมดุ เพ่ือทารายงาน แตไ่ ม่อยากไปยืมหนังสือจงึ ฉีกหนงั สือเฉพาะหน้าที่ จาเปน็ ตอ้ งใช้การกระทาดังกลา่ วถูกตอ้ งหรือไมเ่ พราะเหตุใด ตอบ ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... 7. มีคากลา่ วทีว่ ่า “ทุจรติ บา้ งไมเ่ ปน็ ไรถา้ เราได้ประโยชน์” นกั เรียนเหน็ ดว้ ยหรือไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... 8. การวางแผงขายของบนทางเท้าของพอ่ คา้ /แม่ค้า เป็นสงิ่ ท่ีสมควรกระทาหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ตอบ ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 9. นกั เรยี นเห็นด้วยกบั การรับจา้ งสอนพเิ ศษของครูหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... 10. จากคากลา่ วท่วี า่ “การป้องกันการทจุ รติ คอร์รัปชนั่ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไมเ่ ก่ียวกบั เดก็ และเยาวชน” นักเรียนเห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ .......................................................................................................................................................... ............. ..................................................................................................................... .................................................. เก่งมากเลยคะ่ เพือ่ นๆ หน้า 5
ชดุ หลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ใบความรู้ที่ 2 เรือ่ ง สิทธแิ ละเสรีภาพและผลประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชนส์ ว่ นตน 1. ความหมายของสทิ ธิ สทิ ธิ หมายถงึ สิ่งท่ไี มม่ ีรูปร่างซ่ึงมีอยู่ในตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดหรือเกิดข้ึนโดย กฎหมาย เพ่อื ให้มนุษย์ได้รับประโยชน์ และมนุษย์จะเป็นผู้เลือกใช้สิ่งนั้นเองโดยไม่มีผู้ใดบังคับได้ เช่น สิทธิใน การกิน การนอน แต่สิทธิบางอย่างมนุษย์ได้รับโดยกฎหมายกาหนดให้มี เช่น สิทธิในการมี การใช้ทรัพย์สิน สิทธิในการร้องทุกข์เมือ่ ตนถูกกระทาละเมดิ กฎหมาย เป็นต้น 2. แนวทางการปฏิบตั ติ นตามบทบัญญัตใิ นรัฐธรรมนูญ 1. เคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เช่น สิทธิ เสรีภาพ ในชีวิต และร่างกาย สทิ ธใิ นครอบครัว เกยี รติยศ ชอ่ื เสยี ง และความเป็นสว่ นตวั เปน็ ต้น 2. รจู้ ักใชส้ ทิ ธขิ องตนเองและแนะนาให้ผู้อ่ืนรู้จักใช้และรักษาสิทธิของตนเอง เช่น การรักษา สิทธิในการเลอื กตั้งเพ่ือแสดงเจตจานงทางการเมืองและป้องกันไม่ให้มีการซ้ือสิทธขิ ายเสยี ง 3. รณรงค์เผยแพร่ความรู้เก่ียวกับสิทธิมนุษยชน และปลูกฝังแนวความคิดเรื่องสิทธิ มนุษยชนให้แก่ ชุมชนหรือสังคมตามสถานภาพและบทบาทที่ตนพึงกระทาได้ เช่น ให้ความรู้กับสมาชิก ครอบครัว จากนั้นจึง ค่อย ๆ ขยายไปยังสถาบันอื่น ๆ ในสงั คม เช่น สถานศึกษา เปน็ ตน้ 4. ร่วมมือกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนเพ่ือการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เช่น การให้ข้อมูล ข่าวสารเก่ียวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลืองานขององค์กร ท่ีปฏิบัติงานในการค้มุ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชน เปน็ ต้น 5. การปฏิบัติตามหน้าท่ีของชาวไทยตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น การเสียภาษีให้รัฐเพ่ือน นาเงินนั้นมาใช้พัฒนาประเทศ การเข้ารับราชการทหารเพ่ือเป็นกาลังสาคัญในการป้องกันประเทศ หรือการ ออกไปใช้สทิ ธเิ ลือกต้ังเพ่อื ให้ได้คนดเี ข้าไปบรหิ ารบ้านเมอื งใหม้ ีความเจรญิ กา้ วหนา้ เปน็ ต้น 6. ส่งเสริม และสนับสนุนการดาเนินงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สามารถทาได้โดยการให้ ความช่วยเหลอื ด้านขอ้ มลู ขา่ วสารการทจุ รติ ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ แก่คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือให้ความร่วมมือในการดาเนินงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะ เปน็ การให้ข้อมูลข่าวสารเก่ยี วกับการทุจรติ การเลอื กตงั้ ประจาเขตเป็นต้น หนา้ 6
ชุดหลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ใบความรู้ท่ี 3 เรือ่ ง หน้าที่ 1. ความหมายของหน้าที่ หน้าที่ หมายถึง การกระทาหรือการละเว้นการกระทาเพ่ือประโยชน์ โดยตรงของการมีสิทธิ หน้าที่เป็น สิ่งท่ีบังคับให้มนุษย์ในสังคมต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางสังคมหรือตามที่ กฎหมายบัญญัตไิ ว้ จะไมป่ ฏบิ ัตติ าม ไมไ่ ด้ สว่ นสทิ ธิและเสรภี าพเปน็ สง่ิ ที่มนษุ ย์มอี ยูแ่ ต่จะใช้หรอื ไมใ่ ชก้ ็ได้ 2. หน้าทพ่ี ลเมอื งดตี ามรัฐธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยได้กาหนดหน้าท่ีของประชาชน ชาวไทยไวด้ งั น้ี 2.1 บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซ่ึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข 2.2 บคุ คลมหี น้าทป่ี ฏิบัตติ ามกฎหมาย 2.3 บุคคลมีหน้าที่ไปใชส้ ทิ ธิเลือกตั้ง 2.4 บุคคลมีหนา้ ที่ปอ้ งกนั ประเทศ รบั ราชการทหาร 2.5 บคุ คลมีหนา้ ท่ีเสยี ภาษใี หร้ ัฐ 2.6. บุคคลมีหนา้ ท่ีช่วยเหลอื ราชการ รบั การศกึ ษาอบรม ปกป้องและสบื สานวัฒนธรรม ของชาติ ภูมิ ปญั ญาท้องถ่นิ รวมถงึ การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม 2.7. บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ราชการ ส่วน ท้องถ่ิน มหี น้าทีด่ าเนินการใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายเพ่ือรักษาประโยชน์ส่วนรวมอานวยความสะดวก 3. แนวทางการปฏบิ ตั ติ นตามบทบัญญตั ิในรัฐธรรมนูญ 3.1 เคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืน เช่น สิทธิ เสรีภาพ ในชีวิตและ ร่างกาย สิทธิในครอบครวั เกียรติยศ ช่ือเสยี ง และความเป็นส่วนตัว เปน็ ต้น 3.2 รูจ้ กั ใช้สิทธิของตนเองและแนะนาให้ผู้อ่ืนรู้จักใช้และรักษาสิทธิของตนเอง เช่น การรักษาสิทธิใน การเลือกตัง้ เพอ่ื แสดงเจตจานงทางการเมืองและป้องกันไม่ให้มีการซ้ือสทิ ธิขายเสยี ง 3.3 รณรงค์ เผยแพร่ความรู้เก่ียวกับสิทธิมนุษยชน และปลูกฝังแนวความคิดเร่ืองสิทธิ มนุษยชน ให้แก่ ชุมชนหรือสังคมตามสถานภาพและบทบาทท่ีตนพึงกระทาได้ เช่น ให้ความรู้กับสมาชิก ครอบครัว จากนัน้ จึง ค่อย ๆ ขยายไปยงั สถาบันอืน่ ๆ ในสังคม เช่น สถานศกึ ษา เปน็ ต้น 3.4 ร่วมมือกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เช่น การให้ข้อมูล ข่าวสารเกย่ี วกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรือเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลืองานขององค์กรท่ี ปฏิบัติงานในการคุ้มครองสิทธมิ นุษยชน เปน็ ตน้ 3.5 การปฏิบัติตามหน้าท่ีของชาวไทยตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น การเสีย ภาษีให้รัฐเพ่ือ นาเงินน้ันมาใช้พัฒนาประเทศ การเข้ารับราชการทหารเพ่ือเป็นกาลังสาคัญในการป้องกันประเทศ หรือการ ออกไปใช้สิทธเิ ลือกตัง้ เพื่อใหไ้ ด้คนดเี ขา้ ไปบริหารบา้ นเมอื งให้มีความเจรญิ ก้าวหน้า เป็นต้น หนา้ 7
ชดุ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 3.6 สง่ เสริม และสนบั สนนุ การดาเนินงานขององค์กรอสิ ระตามรัฐธรรมนูญ สามารถ ทาได้โดยการให้ ความชว่ ยเหลือดา้ นขอ้ มลู ข่าวสารการทจุ รติ ของขา้ ราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ แก่คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือให้ความร่วมมือในการดาเนินงานของ คณะกรรมการการเลือกต้ัง ไม่ว่าจะ เปน็ การใหข้ อ้ มลู ข่าวสารเกย่ี วกับการทจุ ริตการเลอื กตงั้ ประจาเขต เป็นต้น หนา้ 8
ชดุ หลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ใบความรู้ท่ี 4 เรื่อง เสรีภาพ 1. ความหมายของเสรีภาพ เสรีภาพ หมายถึง การใช้สิทธิอย่างใดอย่างหน่ึง หรือกระทาการอย่างใด อย่างหนง่ึ ไดอ้ ยา่ ง อสิ ระ แต่ ทง้ั น้จี ะต้องไม่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น ซึ่งหากผู้ใดใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขตจน กอ่ ความเดอื ดรอ้ นต่อผอู้ น่ื ถอื เปน็ การกระทาเกนิ เสรภี าพของตนก็ยอ่ มถูกดาเนนิ คดีตามกฎหมาย 2. เสรีภาพพลเมืองดีตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กาหนด เสรีภาพของ ประชาชน ชาวไทยไว้ดังนี้ 2.1 เสรีภาพในเคหสถาน ชาวไทยทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครองในการอาศัยและครอบครอง เคหสถานโดยปกติสขุ การเข้าไปในเคหสถานของผู้อ่ืนโดยปราศจากการยินยอมของผู้ครอบครอง หรือ การเข้า ไปตรวจค้นเคหสถานโดยไมม่ หี มายคน้ จากศาลย่อมทาไม่ได้ 2.2 เสรีภาพในการเดินทางและการเลือกถิ่นท่ีอยู่ การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออก นอก ราชอาณาจักรหรือหา้ มมิให้บคุ คลผมู้ สี ญั ชาติไทยเขา้ มาในราชอาณาจกั รจะกระทามิได้ 2.3 เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านการพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและ การส่ือ ความหมายโดยวิธีอ่ืนจะจากัดแก่บุคคลชาวไทยมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย 2.4 เสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางท่ีชอบด้วยกฎหมาย การตรวจ การกัก หรือการ เปิดเผย ข้อมลู สว่ นตน รวมท้ังการกระทาตา่ ง ๆ เพื่อเผยแพร่ข้อมลู นั้นจะกระทามิได้ 2.5 เสรีภาพในการนับถือศาสนา นิกาย ลัทธิ ความเช่ือทางศาสนา และเสรีภาพในการ ประกอบ พิธีกรรมตามความเชอื่ ของตน โดยไมเ่ ปน็ ปฏิปกั ษ์ตอ่ หน้าที่ของพลเมือง และไม่ขัดต่อความสงบ เรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอนั ดีของประชาชน ยอ่ มเป็นเสรภี าพของประชาชน 2.6 เสรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ การจากดั เสรภี าพดังกลา่ ว จะกระทาไม่ได้ เว้น แตโ่ ดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญตั ิของกฎหมายเพ่ือคุ้มครองประชาชนทีจ่ ะใช้ ที่สาธารณะหรือเพื่อรักษาความ สงบเรียบร้อยเม่ือประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือระหว่างประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎ อัยการศกึ 2.7 เสรีภาพในการรวมตัวกันเป็นสมาคม สหพันธ์ องค์กร องค์เอกชน หรือหมู่คณะอ่ืน การจากัด เสรีภาพต่าง ๆ เหล่าน้ีจะกระทามิได้ เว้นแต่อาศัยอานาจกฎหมายเฉพาะเพื่อคุ้มครอง ประโยชน์ส่วนรวมของ ประชาชน การรกั ษาความสงบเรียบร้อยหรอื ป้องกันการผูกขาดในทางเศรษฐกิจ 2.8 เสรีภาพในการรวมตัวจัดต้ังพรรคการเมือง เพื่อดาเนินกิจกรรมทางการเมืองตามวิถีทาง การ ปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ หนา้ 9
ชุดหลกั สูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ใบความรู้ที่ 5 เรือ่ ง ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวม ผลประโยชน์มี ๒ อย่าง คือ ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ถ้าเราจะคิดถึงประโยชน์เพียง แง่เดียว คือ ประโยชนข์ องเราส่วนตัว ต่างคนต่างก็ต้องการประโยชน์ส่วนตัว แล้วจะเป็นประโยชน์ส่วนรวมได้ อยา่ งไร ประโยชนข์ องสว่ นตนกบั ประโยชน์ของส่วนรวมก็จะต้องสอดคล้องกัน คือ ประโยชน์ของเราก็จะต้อง เกยี่ วข้องกับประโยชน์ของคนอน่ื ด้วย ไม่ใช่ว่าเราได้ประโยชน์แล้วคนอ่ืนเสียประโยชน์ แล้วประโยชน์ส่วนรวม เสียไป จะทาให้เรานั้นได้ประโยชน์อยู่คนเดียวน้ัน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ประโยชน์ที่แท้จริง คือ ประโยชน์ สว่ นรวมกต็ อ้ งมาจากประโยชนส์ ่วนตนของแต่ละคนด้วย ถ้าแต่ละ คนได้รับประโยชน์ส่วนตนหมดทุกคน ก็ทา ให้ส่วนรวมได้รับประโยชน์น้ันด้วย ถ้าประโยชน์ส่วนตนนั้นเป็นไป เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม ก่อนอ่ืนต้องเข้าใจ ว่า ประโยชนข์ องเราส่วนตนทาให้สว่ นรวมไดป้ ระโยชน์หรอื เปลา่ หรอื ถา้ ประโยชน์ สว่ นตนของเราน้นั ไม่ทาให้ เกดิ ประโยชน์แกส่ ่วนรวมเลย อันนั้นก็ไม่มีทางสาเร็จได้ แต่ถ้าประโยชน์ของเราซึ่ง เป็นส่วนตน เป็นประโยชน์ ของส่วนรวมด้วย ต่างคนต่างช่วยกัน ทาให้ได้ท้ังประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ส่วนตนด้วย อันนั้นก็จะได้ ประโยชน์ท้ัง ๒ ฝ่าย แต่ก่อนท่ีจะถึงขั้นนี้ได้ ก็จะต้องมีความขัดแย้งหรือมีปัญหา เพราะว่าคนเราคิดไม่ เหมือนกัน ก่อนอื่น ก็จะต้องเริ่มด้วย มีความจริงใจต่อประโยชน์ส่วนรวม เม่ือมีความจริงใจต่อประโยชน์ ส่วนรวม กร็ บั ฟังความเห็น ของคนอ่ืน ไม่ใชค่ วามเหน็ ของตนเองเทา่ นั้น เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นรวมจริงๆ อา่ นจบแล้วมา ทาใบงานกันดกี วา่ ค่ะ หน้า 10
ชุดหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ใบงานท่ี 2 เร่อื ง สิทธิเสรีภาพและประโยชน์ สว่ นตน สว่ นรวม คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนวเิ คราะห์ข้อความต่อไปนี้วา่ ขอ้ ใดเป็นสิทธิ เสรภี าพ ผลประโยชน์สว่ นรวมและ ผลประโยชนส์ ่วนตน 1. ปจั จบุ นั ทกุ คนสามารถเข้าใช้งานโซเชยี ลเนต็ เวริ ค์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ตารวจเข้าตรวจคน้ บา้ นโดยไมม่ ีหมายคน้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. วภิ าภมู ใิ จมากทส่ี ามารถซื้อสมาร์ทโฟนด้วยเงินของตนเอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สรยุทธนารถยนต์ส่วนตัวไปล้างที่ทางานในวันหยดุ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ตนู บอดส้ี แลมทาโครงการกา้ วคนละกา้ วโดยการวง่ิ จากเบตงถึงแมส่ าย ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เพือ่ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. นกั เรียนรวมตัวกนั ในวนั หยดุ ไปทาความสะอาดศาลากลางหมูบ่ ้าน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. บญุ มาเปิดร้านอาหารตามสงั่ บนฟุตบาทหน้าบา้ นตวั เอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. เด่นถมท่ที ับท่ีคนอืน่ เพราะที่ขา้ งๆไมม่ ีคนทาประโยชน์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9.หมู่บ้านเวยี งทองมีท้งั ชาวบา้ นทนี่ ับถือพระพุทธศาสนา และศาสนาอิสลาม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ทุกคนสามารถเดนิ ทางไปทวั่ ประเทศไทย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… หนา้ 11
ชดุ หลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง สิทธิเสรีภาพและประโยชน์ สว่ นตน ส่วนรวม (ตอ่ ) ขอ้ ประเด็น สทิ ธเิ สรภี าพและประโยชน์ สว่ นตน สว่ นรวม 1 ปจั จุบนั ทกุ คนสามารถเข้าใช้งานโซเชียลเน็ตเวริ ์ค 2 ตารวจเข้าตรวจค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น 3 วภิ าภมู ใิ จมากท่สี ามารถซื้อสมารท์ โฟนดว้ ยเงินของตนเอง 4 สรยทุ ธนารถยนต์ส่วนตวั ไปล้างทที่ างานในวันหยุด 5 ตูน บอด้สี แลมทาโครงการกา้ วคนละกา้ วโดยการว่ิงจากเบตงถึง แม่ สาย ระยะทาง 2,191 กิโลเมตรเพ่ือ 11 โรงพยาบาลท่วั ประเทศ 6 นักเรยี นรวมตวั กันในวนั หยุดไปทาความสะอาดศาลากลาง หมบู่ า้ น 7 บญุ มาเปดิ รา้ นอาหารตามสง่ั บนฟตุ บาทหน้าบ้านตัวเอง 8 เดน่ ถมที่ทับที่คนอน่ื เพราะทีข่ ้างๆไม่มคี นทาประโยชน์ 9 หมบู่ า้ นเวยี งทองมที ้ังชาวบา้ นที่นับถอื พระพุทธศาสนา และ ศาสนา อิสลาม 10 ทุกคนสามารถเดนิ ทางไปท่ัวประเทศไทย งา่ ยมากเลยใชม่ ั้ยคะ เพ่ือนๆ หน้า 12
ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ใบความรู้ที่ 6 เรอ่ื ง รปู แบบของผลประโยชน์ทับซอ้ น ประเภทของผลประโยชน์ทับซ้อน - การใช้ตาแหน่งไปดาเนนิ การเพ่ือประโยชนท์ างธรุ กจิ ของตนเองโดยตรง - ใช้ตาแหน่งไปช่วยเหลือญาติสนทิ มติ รสหาย - การรบั ผลประโยชน์โดยตรง - การแลกเปลีย่ นผลประโยชน์โดยใชต้ าแหน่งหน้าที่การงาน - การนาทรพั ยส์ นิ ของหนว่ ยงานไปใชส้ ว่ นตวั - การนาขอ้ มลู อันเปน็ ความลับของหน่วยงานมาใชป้ ระโยชน์สว่ นตัว - การทางานอีกแหง่ หนึ่ง ทีข่ ดั แย้งกับแหง่ เดมิ - ผลประโยชน์ทับซ้อนจากการเปลย่ี นสถานที่ทางาน - การปิดบงั ความผดิ ตวั อย่างประโยชน์ทับซอ้ น - หาประโยชน์ให้ตนเอง - รบั ประโยชนจ์ ากตาแหน่งหนา้ ที่ - ใช้อทิ ธิพลเรียกผลตอบแทน - ใช้ทรัพย์สินของนายจา้ งเพอ่ื ประโยชนข์ องตน - ใช้ข้อมูลความลับ เพื่อแสวงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง - รบั งานนอก แลว้ สง่ ผลเสยี ให้งานในหนา้ ที่ - ทางานหลังออกจากตาแหน่งและเออ้ื ประโยชน์ตอ่ บรษิ ัท - การให้ของขวญั ของกานัล เพ่ือหวังความกา้ วหน้า - ให้ทปิ พนกั งานโรงแรมเพ่ือหวังการบริการที่ดีกว่าลกู ค้ารายอืน่ - ชว่ ยใหญ้ าติมติ รทางานในหน่วยท่ีตนมอี านาจ - ช้อื ขายตาแหนง่ จา่ ยผลประโยชน์ เพ่ือความเจริญกา้ วหนา้ ของตน รูปแบบของประโยชนท์ บั ซอ้ น การรบั ผลประโยชนต์ า่ งๆ (Accepting Benefit) - การทาธรุ กจิ กับตัวเอง (Self-dealing) หรือการเป็นคสู่ ัญญา - การทางานหลังเกษยี ณ (Post-employment) - การทางานพเิ ศษ (Outside employment or moonlighting) - การใช้ข้อมูลภายใน (Inside information) - การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตั้งเพ่ือประโยชน์ในทางการเมอื ง (Pork-barreling) การรับประโยชน์ตา่ งๆ - การรบั ของขวญั จากบริษทั ต่างๆ - บรษิ ัทสนบั สนุนค่าเดินทางไปดูงานต่างประเทศ หนา้ 13
ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 - หน่วยราชการรับเงนิ บรจิ าคจากธุรกิจทเ่ี ปน็ ลูกคา้ ของหน่วยงาน - ได้รับของแถมหรือผลประโยชน์อ่นื ใดจากการจดั ชื้อจัดจ้าง - การท่คี ณะกรรมการกูเ้ งินจากสถาบันการเงินในการก กบั ดูแล - การทค่ี ณะกรรมการฝากญาตพิ นี่ ้องหรือคนทคี่ ุ้นเคยเข้าทางานในรัฐวิสาหกิจทีต่ นกากบั ดแู ลอยู่ ประโยชน์อันคานวณเป็นเงินได้ - การปลดหนหี้ รือการลดหนี้ใหเ้ ปลา่ - การให้ยืมโดยไม่คดิ ดอกเบ้ีย - การเขา้ คา้ ประกนั โดยไมค่ ิดคา่ ธรรมเนียม - การใหค้ า่ นายหน้าหรือคา่ ธรรมเนยี มการเปน็ ตวั แทน - การขาย การให้เช่าชอื้ ทรพั ย์สนิ เกินมลู ค่าทเี่ ปน็ จรงิ ตามที่ปรากฏเหน็ ในทอ้ งตลาด - การใชส้ ถานท่ี ยานพาหนะ หรอื ทรพั ยส์ ิน โดยไมค่ ดิ คา่ เชา่ หรอื คา่ บริการนอ้ ยกว่าทค่ี ดิ กับบุคคลอืน่ โดยปกติ ทางการค้า - การใหใ้ ช้บริการโดยไม่คดิ ค่าบรกิ าร หรอื คดิ ค่าใช้บริการน้อยกวา่ ท่ีคดิ กบั บุคคลอื่น โดยปกติทาง การค้า - การให้ส่วนลดในสินคา้ หรอื ทรัพย์สินทจี่ าหนา่ ย โดยการใหส้ ่วนลดมากกวา่ ทใี่ ห้กบั บคุ คลอ่ืน โดย ปกตทิ าง การค้า - การใหเ้ ดินทาง หรือขนส่งบุคคล หรอื ส่งิ ของโดยไม่คดิ ค่าใชจ้ า่ ย หรอื คิดคา่ ใช้จา่ ยน้อยกวา่ บคุ คลอ่นื โดย ปกติทางการคา้ - การจดั เล้ียง การจัดมหรสพ หรอื การบนั เทิงอ่ืน ใหโ้ ดยไมค่ ิดคา่ ใช้จา่ ย หรอื คิดค่าใช้จ่ายนอ้ ยกวา่ ที่ คดิ กบั บคุ คลอ่ืน โดยปกติทางการคา้ ข้าราชการประจา กิจกรรมท่ีมีความเส่ียง - การรับผลประโยชน์หรือการเรยี กรอ้ งส่งิ ตอบแทนจากการปฏิบัตงิ านในหนา้ ทีค่ วามรับผดิ ชอบ - การรบั งานนอกหรือการทาธุรกจิ ทีเ่ บยี ดบังเวลาราชการ/งานโดยรวมของหน่วยงาน - การทางานหลังเกษียณใหก้ ับหน่วยงานที่มผี ลประโยชน์ขัดกับหนว่ ยงานต้นสังกดั เดมิ - การนารถราชการไปใช้ในกิจธุระสว่ นตวั และในหลายกรณีมกี ารเบิกค่าน้ามันด้วย - การนาบุคลากรของหนว่ ยงานไปใช้เพื่อการสว่ นตวั - การรับงานจากภายนอกจนกระทบต่อการปฏบิ ตั ิหนา้ ทีป่ ระจา - การใชส้ ิทธิในการเบกิ จา่ ยยาให้แก่ญาตแิ ล้วนายาไปใช้ท่ีคลีนคิ ส่วนตวั - การรับประโยชนจ์ ากระบบการล็อกบัตรควิ ให้แกเ่ จ้าหนา้ ท่ีหรอื ญาติเจา้ หน้าท่ีในหน่วยงานกล่มุ วิชาชีพท่ี เก่ยี วกับการ ตรวจสอบ ประเมินราคาและการจดั ซื้อจัดจ้าง - การกาหนดมาตรฐาน (Specification) ในสนิ ค้าท่ีจะจดั ซ้ือจดั จา้ งใหบ้ ริษัทของตนหรือของพวกพ้อง ไดเ้ ปรยี บหรอื ชนะในการประมลู - การใหข้ ้อมลู การจดั ซ้ือจดั จ้างแก่พรรคพวก/ญาติ เพือ่ แสวงหาผลประโยชน์ในการประมูลหรอื การ จ้าง เหมา รวมถึงการปกปิดข้อมลู เช่น การปดิ ประกาศหรือเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารลา่ ช้าหรือพ้นกาหนดการ ย่ืนใบเสนอ ราคา เป็นต้น หน้า 14
ชุดหลกั สูตรต้านทจุ รติ ศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลกั เกณฑ์การรับทรพั ย์สินหรือประโยชน์อนื่ ใด โดยธรรมจรรยา ของ เจ้าหน้าที่ของรฐั พ.ศ. 2543 (มาตรา 103) ข้อ 5 เจ้าหน้าที่ของรฐั จะรบั ทรัพย์สินหรอื ประโยชนอ์ ่ืน ใดโดยธรรมจรรยาได้ดังต่อไปน้ี (1) จากญาติ ซึ่งใหโ้ ดยเสน่หาตามจานวนทีเ่ หมาะสมตามฐานานรุ ูป (2) จากบุคคลอน่ื ราคาหรอื มูลคา่ ในการรับจากแตล่ ะบุคคล แตล่ ะโอกาสไม่เกินสามพันบาท การรับ ทรพั ยส์ ิน หรอื ประโยชน์อื่นที่มมี ลู คา่ เกินกวา่ 3,000 บาทโดยมคี วามจาเปน็ ต้องรบั เพ่ือรักษาไมตรี มติ รภาพ ตอ้ งแจง้ ผ้บู ริหารสงู สดุ ของหนว่ ยงานโดยทันทีทส่ี ามารถกระทาได้ หากมีความจาเปน็ ตอ้ งรบั เพราะเพือ่ รักษาไมตรี...จะทาอยา่ งไร แจ้งผ้บู ังคับบญั ชา ซง่ึ เป็นหัวหน้าส่วนราชการ วนิ จิ ฉัย มเี หตผุ ล รบั ได้ - รับไว้ ไม่เหตุควรรับ - สง่ คนื ส่งคนื ไม่ได้ มอบใหส้ ว่ นราชการ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2544 ข้อ 22 เจา้ หน้าท่ขี องรัฐทเี่ ข้าไปมีสว่ นเกี่ยวข้องกับการเร่ียไรของบุคคลหรือนิติบุคคลท่ีได้รบั อนุญาตจาก คณะกรรมการควบคุมการเรยี่ ไรตามกฎหมายวา่ ด้วยการเรี่ยไรซงึ่ มิใชห่ นว่ ยงานของรฐั จะตอ้ งไม่กระทาการ ดังตอ่ ไปน้ี (1) ใช้หรือแสดงตาแหนง่ หน้าที่ใหป้ รากฏในการดาเนนิ การเรีย่ ไรไม่ว่าจะเปน็ การโฆษณาดว้ ยสิง่ พมิ พ์ ตาม กฎหมาย วา่ ดว้ ยการพมิ พ์ หรือสอื่ อยา่ งอ่ืนหรือดว้ ยวิธกี ารอ่นื ใด (2) ใช้ส่งั ขอร้อง หรอื บงั คบั ใหผ้ ู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา หรอื บุคคลใดชว่ ยทาการเร่ียไรให้หรอื กระทาใน ลักษณะให้ผู้ น้ันอยู่ ในภาวะจายอมไมส่ ามารถปฏิเสธ หรือหลีกเล่ยี งท่จี ะไม่ชว่ ยทาการเร่ียไรไม่วา่ ทางตรงหรือ ทางอ้อม แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทบั ซ้อน “ความขัดแย้ง ระหว่าง บทบาท” (Conflict of roles) หมายความว่า บุคคลดารงตาแหน่งที่มี บทบาทสองบทบาทขัดแย้งกัน เช่น นายสมชายเป็นกรรมการสอบ คัดเลือกบุคคลเข้าทางาน โดยท่ีบุตรสาว ของสมชายเป็นผู้สมัครสอบคนหนึ่งด้วย ซ่ึงในกรณีนี้ถือว่าเกิด “การดารง ตาแหน่งอันหม่ินเหม่ต่อการเกิด ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน” แต่ในกรณีน้ีถือว่ายังมิได้นาไปสู่การกระทาความผิดแต่ ประการใด (เช่น การ สอบคัดเลือกบุคคลยังมิได้เกิดขึ้นจริง หรือมีการสอบเกิดขึ้นแล้วแต่นายสมชายสามารถวางตัวเป็นกลาง มไิ ด้ ชว่ ยเหลือ บุตรสาวของตนแต่ประการใด เปน็ ต้น) กระน้ันกต็ าม การดารงตาแหน่งอันหมิ่นเหม่ต่อการเกิด ปัญหา ผลประโยชน์ทับซ้อนดังกล่าว ถือเป็นสถานการณ์ล่อแหลม ท่ีอาจจูงใจ/ชักนาให้เกิดการกระทา เกดิ ผลประโยชน์ทับซ้อน จะต้องถอนตัวออกอย่างสมบูรณ์จากการเป็น ผู้มีส่วนในการตัดสินใจ งดแสดงความ คิดเห็น ละเว้นจากการให้คาปรึกษา และ งดออกเสียง (Recusal) เช่น ในกรณีที่สมชายเป็น กรรมการสอบ คดั เลือกบุคลากร เขา้ ทางาน โดยมบี ตุ รสาวของตนสมัครเข้าร่วมสอบคดั เลอื ก ดว้ ยนัน้ ซ่ึงใน สถานการณ์ เชน่ นี้ สมชายจะต้องลาออกจากการเป็นกรรมการสอบคดั เลอื ก เพอื่ เปน็ การถอนตัว ออกจากการ เก่ียวข้องกับ สถานการณ์อันหมิ่นเหม่ต่อผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างสูง เคลื่อนย้ายผลประโยชน์ส่วนตัวที่ทับซ้อนอยู่ให้ ออกไป (Removal) เพ่ือให้ตนเองสามารถปฏิบัติ ภารกิจได้ โดยปราศจากอคติ วิธีการดังกล่าวน้ีเป็นการปิด ช่องทางมิให้เอ้ืออานวยต่อการเกิดปัญหา ผลประโยชน์ทับซ้อน จึงเป็นวิธีท่ีดีที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดการกับ หนา้ 15
ชุดหลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ผลประโยชนท์ ับซ้อน เชน่ จากกรณตี ัวอย่างใน ขอ้ สอง สมชาย สามารถ แกป้ ญั หาผลประโยชน์ทับซ้อนได้ โดย การขอร้องให้บุตรสาวของตนถอนตัว ออกจาก การสอบ เพ่ือให้สมชายสามารถ ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ กรรมการสอบคัดเลอื ก มาตรการในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต ตามรัฐธรรมนูญ - มาตรการคัดสรรคนดเี ข้าสู่ตาแหนง่ ทางการเมือง - การกาหนดมาตรการป้องกนั การทจุ รติ ในตาแหนง่ - การเพิ่มระบบและองคก์ ารตรวจสอบการใชอ้ านาจ - การมีส่วนรว่ มของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การกาหนดมาตรการป้องกัน การทุจรติ ในตาแหน่ง - การมปี ระมวลจริยธรรมและการหา้ มผลประโยชน์ทบั ซอ้ น - การแสดงบัญชที รัพยแ์ ละหน้ีสนิ - การใชห้ ลักโปร่งใสในการใชอ้ านาจ แนวทางการปฏบิ ตั ิตนของเจา้ หน้าทข่ี องรฐั - หลักนติ ิธรรม - หลักคุณธรรม - หลักความโปรง่ ใส - หลกั การมีสว่ นรว่ ม - หลกั ความรับผิดชอบ - หลักความคมุ้ ค่า หลักธรรมาภิบาล และหลักคุณธรรม จรยิ ธรรมในการปฏิบัติงาน แนวทางการป้องกันและ ปราบปรามการ ทุจริต (ANTI CORRUPTION) หลักธรรมาภิบาลในการบริหารองค์กร (Good Governance) หลักคุณธรรม จริยธรรมในการ ปฏิบัตงิ าน การป้องกนั และปราบปรามการทุจริตและประพฤติมชิ อบ ธรรมาภบิ าล จะมีคาวา่ integrity คา่ นิยมของขา้ ราชการ I am ready I = Integrity มีศกั ดิ์ศรี(ยดึ มั่นในความถกู ตอ้ ง สุจรติ เทยี่ งธรรม) A = Activeness ขยนั ตง้ั ใจทางาน (บริการ/แก้ไขปัญหา ปชช) M = Morality มีศลี ธรรม คณุ ธรรม จริยธรรม R = Relevance รทู้ ันโลก ปรับตัวทันโลก ตรงกับสังคม E = Efficiency มุ่งเน้นประสิทธิภาพ (คุณภาพ ดชั นี ประเมนิ ผล) A = Accountability รบั ผิดชอบต่อผลงาน ประชาชน D = Democracy มีใจ/การกระทาเป็น ประชาธิปไตย (มีสว่ นรว่ ม โปร่งใส) Y = Yield มีผลงาน มงุ่ เน้นผลงาน เพื่อประโยชนส์ ขุ ของประชาชนการ หนา้ 16
ชุดหลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ใบงานท่ี 4 เรอ่ื ง รปู แบบของผลประโยชน์ทับซ้อน คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นวิเคราะห์ขอ้ ความต่อไปนี้แล้วตอบคาถามโดยศกึ ษาหาคาตอบจากใบความรู้ 1) ประเภทของผลประโยชนท์ บั ซ้อนมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2) ใหน้ ักเรียนยกตัวอยา่ งประโยชนท์ บั ซอ้ นจากข่าวและคลิปวดี ีโอทนี่ ักเรยี นค้นควา้ มา 1 ตัวอย่าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3) รปู แบบของผลประโยชนท์ บั ซ้อนมีกร่ี ูปแบบอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4) การรับประโยชน์ต่างๆจากผลประโยชนท์ บั ซ้อนมีอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5) แนวทางปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาผลประโยชนท์ บั ซอ้ นมีอะไรบา้ งจงยกตวั อยา่ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… งา่ ยกวา่ นี้ไม่มอี กี แลว้ เพ่อื นๆ หน้า 17
ชดุ หลักสูตรต้านทจุ ริตศึกษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 หนว่ ยท่ี 2 ความละอาย และความไมท่ นตอ่ การทุจริต หน้า 18
ชุดหลักสูตรต้านทจุ ริตศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ใบงานที่ 5 เรือ่ ง การสอบ(ความซือ่ สัตย์) คาสั่ง ให้นักเรียนตอบคาถามจากภาพท่กี าหนดให้ 1. จากภาพ นกั เรยี นคิดวา่ เด็กชายกาลังทาอะไร ........................................................ .................................................................................................................. .... ............................................................................................................................................................................ 2. นักเรยี นคดิ ว่า การกระทาของเด็กชายคนนี้ถูกต้องหรอื ไม่อย่างไร ........................................................ .................................................................................................................. .... ............................................................................................................................................................................ 3. ถา้ นักเรยี นเป็นเดก็ ชายคนนนั้ นักเรยี นจะทาตามแบบเด็กชายคนนั้นหรอื ไม่ เพราะอะไร ........................................................ ............................................................................................... ....................... ....................................................... .................................................................................................................. ... 4. ถ้านักเรยี นลอกขอ้ สอบเพ่ือน แล้วได้คะแนนสงู ๆ นักเรียนมคี วามภาคภูมใิ จหรือไม่ เพราะเหตุใด ........................................................ .................................................................................................................. .... .................................................... ..................................................................................................................... ... 5. ถา้ นกั เรยี นมกี ารสอบ นกั เรยี นควรปฏิบัตติ นอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... ......... หน้า 19
ชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ใบงานท่ี 6 เรือ่ ง แนวทางการปฏิบัติตนของเยาวชนตอ่ สงั คม เก่ยี วกบั การเข้าแถวและการแต่งกาย การเข้าแถว แนวทางการปฏบิ ัติตนของ เยาวชนตอ่ สงั คมเก่ยี วกบั การเข้าแถวและการแต่งกาย การแตง่ กาย หน้า 20
ชดุ หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 หน่วยท่ี 3 STRONG / จิตพอเพยี ง ตา้ นการทุจริต หน้า 21
ชดุ หลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ใบงานท่ี 7 เรือ่ ง STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ ริต คาสัง่ ใหน้ ักเรยี นช่วยวจิ ารณ์และระบถุ งึ ความเสยี่ งตอ่ การทุจริต จากภาพการ์ตูนท่กี าหนดให้เก่ียวกับ เรื่อง STRONG และจิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ อยา่ งไรบา้ ง ภาพการ์ตูน คาตอบ ………………………………………………………………..………… ………………………………………………………………..………… …………………………………………………………..……………… ………………………………………………..………………………… …………………………………………..……………………………… ………………………………..………………………………………… …………………………..……………………………………………… ………………..………………………………………………………… …………..……………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..…… …………………………………………………………..……………… ……………………………………………………..…………………… …………………………………………..……………………………… ……………………………………..…………………………………… …………………………..……………………………………………… ……………………..…………………………………………………… …………..……………………………………………………………… ……..………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………..………… ……………………………………………………..…………………… …………………………………………………………………………… หน้า 22
ชุดหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ใบงานท่ี 8 เร่ือง หนทางแหง่ ความสาเร็จเราเลอื กได้ คาช้แี จง ให้นกั เรยี นศึกษาบทความเรอื่ งราวของเจา้ ของเครอื่ งดื่มชาเขียวอิชติ ัน ตัน ภาสกรนที แล้วร่วมกนั วเิ คราะหท์ ี่มาแห่งความสาเร็จในการทางานของตัน ภาสกรนที ในปัจจบุ ันน้ี มีนักธุรกิจท่ีประประสบความสาเร็จอยู่จานวนมาก หนงึ่ ในน้ันคือ คุณตัน ภาสกรนที บุคคลท่ี ประสบความสาเร็จจากเคร่ืองด่ืมชาเขียว ที่สามารถทะยานสู่ความเป็นที่ 1 ของตลาดเครื่องดื่ม ชาเขียว เขาคือบุคคลที่มี มันสมองแพรวพรายมีเหลี่ยมคิดแง่มุมต่างๆท่ีน่าจะทาให้เราสามารถศึกษาเป็น แนวทางในการเรม่ิ ทาธรุ กิจ ทง้ั นี้คุณตัน ยังเป็นนักธุรกิจที่ใครๆต่างยึดเป็นต้นแบบในการทาธุรกิจ ที่สาคัญคุณ ตนั มตี ้นทุนในการทาธรุ กจิ ทเี่ ร่มิ จากศนู ย์ แต่สามารถทาให้มี อาณาจักรเครื่องดื่มชาเขียวเป็นแบรนด์ชั้นนาของ ประเทศ คุณตัน เติบโตมาในครอบครัวท่ียากจน เริ่มต้นสร้างทุกสิ่งทุกอย่างจากจุดท่ีเรียกว่า …ศูนย์…ถึงแม้ เส้นทางถนนสาย ธุรกิจของเขาในวันน้ีอาจไม่ย่ิงใหญ่ระดับท่ีเรียกว่าตานาน … แต่คุณตัน ภาสกรนที … เป็น เพียงแค่ทายาทของครอบครัวคนไทยเชือ้ สายจีนท่มี ีฐานะปานกลาง ด้วยความท่ีครอบครัวคุณตันไม่ได้มีฐานะดี คุณตนั เลยตัดสินใจ เรียนถึงแคช่ ั้นมธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 3 แล้วออกมาทางาน คุณตันคิดเสมอว่าเป็นคนรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย เรียนไม่เก่ง ถา้ ยังทาตวั เท่ยี วเลน่ วนั ตอ่ ไป ขา้ งหนา้ ก็คงลาบาก สิ่งเดียวท่ีตนเองสามารถทาได้ก็คือ ทางานต้องตั้งใจทางานให้มากกว่าคนอื่น เร่ิมจากการทางานเป็นพนักงานแบกของขนของข้ึนโกดังที่บริษัท ซากุระ ไดค้ ่าแรงเดอื นละ 700 บาท ซึ่งคุณตันก็ได้ทางานคุ้มค่าแรงโดยมาทางาน เป็นคนแรก และกลับบ้าน เป็นคนสุดท้ายของพนังงานเสมอ แต่คุณตันไม่ได้ต้องการเกิดมาเป็นลูกจ้างใครตลอดไป คุณตันจึง เริ่มธุรกิจ เล็กๆเป็นของตนเองในวัย 17 ปี และได้ลาออกจากบริษัทซากุระ และเร่ิมทาธุรกิจอย่างจริงจัง ออกมาเปิด รา้ นขายหนงั สอื เล็กๆ ในจงั หวดั ชลบรุ ี เม่อื เก็บเงินได้ประมาณหนึ่ง จากน้ันคุณตันได้ขยับขยายมาซ้ือห้องแถว เพื่อมาทาธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ เปิดร้านก๊ิฟช็อป ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็มาทาธุรกิจเรียลเอสเตท กาลังท่ีจะมีเงิน 100 – 200 ล้าน บาท พอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว ทาให้คุณตันเป็นบุคคล ล้มละลายในปี 2539 และมีหน้ีสินติดตัวกว่า 100 ล้าน บาท จากการลงทุนทางธุรกิจ แต่คุณตันไม่ได้ย่อ ท้อต่อความยากลาบากคุณตันได้เร่ิมทาธุรกิจเว้ดดิ้งถ่ายรูปแต่งงานจัดงาน แต่งงานเพ่ือหาเงินมาใช้หน้ี ซ่ึง ความแปลกใหมข่ องธรุ กิจเวด้ ดงิ้ กท็ าใหค้ ุณคณุ ตันสามารถหาเงินมาใช้หนี้กว่า 100 ล้านบาท ได้หมดภายใน 2 ปี คุณตันเร่มิ ต้นการทาธุรกิจโดยมีความเชื่อวา่ ส่ิงทด่ี ีที่สดุ ยังไมเ่ กิดและส่ิงท่ีดีกว่ามีโอกาสเกิดได้ คุณตัน ได้บอกว่า “ โทรทัศน์ในตอนน้ีมีย่ีห้อไหนดีที่สุด ” หลายๆคน ตอบว่า Sony แต่คุณตันได้บอกว่า “ ผิด ครบั …เพราะยห่ี อ้ ดีทส่ี ุดยงั ไม่ยังไม่ มาเช่นเดียวกับที่ว่านักธุรกิจที่ประสบความสาเร็จยังไม่มา” แสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสเปิดโอกาสให้สาหรับคนท่ีมีความมั่นใจท่ี จะทาส่ิงที่แตกต่างให้โดดเด่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ ” เช่นเดียวกับกรณีในการผลิตชาเขียวโออิชิ ช่วงแรกๆเปิดตัวด้วยรสชาติต้นตาหรับ และสามารถทาการตลาด จนขายดี ทว่าเมื่อมีการคิดค้นรสชาติใหม่ออกมา รสน้าผึ้งผสม มะนาว ปรากฏว่าขายดีกว่ารสต้นตาหรับ เสยี อกี จนมีคนยกย่องให้เป็น “ สุดยอด ”และยึดรสชาติเดิมเป็นหลัก แต่คุณตันกลับ ไม่คิดว่ารสชาติน้ีดีท่ีสุด หน้า 23
ชุดหลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 และได้พัฒนาออกรสชาติต่อมาคือขายไปในตลาด รสชาติข้าวญ่ีปุ่น ส่งไปขายในตลาด ปรากฏว่าขาย ดีกว่า ทุกรสที่เคยผ่านมา และน่ีคือจุดเริ่มต้นของชาเขียวท่ีส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองในการทาธุรกิจของคุณตันใน เวลาต่อมา “เพียงคุณมคี วามมุง่ ม่นั ตงั้ ใจในการทางาน มีเปา้ หมายชีวติ ที่ชดั เจนในชวี ติ ทีต่ ้ังอยู่บนพ้ืนฐานความ ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ แมจ้ ะมปี ัญหา อปุ สรรคเพียงใดก็ตามคุณจะสามารถฟันฝ่าก้าวข้ามปัญหาอุปสรรค์ นั้นไปสู่ความสาเร็จได้”และนี่คือตัวอย่างบุคคลที่ย่ิงใหญ่ เพราะคิดที่จะทา ทาด้วยความมุ่งมั่นต้ังใจ ภายใต้ พืน้ ฐานความซอ่ื สตั ย์สุจริต ท่ีผ่านการกล่อมเกลา การเลี้ยงดูมาจาก ครอบครัวแล้วคุณหละคิดท่ีจะทาอะไรให้ ชีวิตพบกบั ความสาเรจ็ หรือยัง อา่ นจบแล้วไป ทาประเด็นชวนคิดกนั ดกี ว่าคะ่ หน้า 24
ชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ประเดน็ ชวนคิด 1. ไดร้ ับแงค่ ดิ อะไรบา้ งในการทางานของคุณตัน ภาสกรนที 2. อะไรคือคุณสมบัติของคุณตนั ภาสกรนที ทที่ าให้พบกบั ความสาเร็จในการดาเนนิ ชีวติ 3. มสี ง่ิ ใดทนี่ ักเรียนคิดวา่ เปน็ คณุ สมบัตใิ ดทด่ี ีของตนเองท่สี ามารถนาไปปฏิบตั สิ คู่ วามสาเรจ็ ในการดาเนิน สัมมาชพี ของตน 4. หากการทางานของนักเรียนต้องพบกบั ปัญหาอุปสรรคที่ทาใหก้ ารทางานน้นั ไม่ราบรืน่ นกั เรยี นจะมีวิธีการ จดั การกบั ปัญหานัน้ อยา่ งไรและจะนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันของตนได้อย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ หนา้ 25
ชุดหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยท่ี 4 พลเมืองและความรับผดิ ชอบ ต่อสงั คม หนา้ 26
ชุดหลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ใบความรู้ท่ี 7 เรอื่ ง บทบาท สิทธิ หน้าท่ี บทบาท หมายถึง การปฏิบัติตามสิทธิ หน้าท่ีอันเน่ืองมาจากสถานภาพของบุคคล เน่ืองจากบุคคลมี หลาย สถานภาพในคนคนเดียว ฉะน้ันบทบาทของบุคคลจึงต้องปฏิบัติไปตามสถานภาพในสถานการณ์ตาม สถานภาพ นน้ั ๆ สทิ ธิ เสรีภาพ และหน้าทข่ี องประชาชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ สิทธิ หมายถึง สิ่งที่ไม่มีรูปร่างซึ่งมีอยู่ในตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิดหรือเกิดข้ึนโดยกฎหมาย เพื่อให้มนุษย์ ได้รับประโยชน์ และมนุษย์จะเป็นผู้เลือกใช้สิ่งนั้นเอง โดยไม่มีผู้ใดบังคับได้ เช่น สิทธิในการกิน การนอน แตส่ ทิ ธิ บางอยา่ งมนษุ ยไ์ ด้รับโดยกฎหมายกาหนดใหม้ ี เชน่ สิทธิในการมี การใช้ทรัพย์สิน สิทธิในการร้องทุกข์ เมือ่ ตน ถกู กระทาละเมดิ กฎหมาย เป็นตน้ เสรีภาพ หมายถึง การใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างอิสระ แตท่ ้ังน้จี ะตอ้ งไมก่ ระทบตอ่ สิทธขิ องผอู้ ่นื ซ่ึงหากผู้ใดใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขตจนก่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่น กย็ ่อมถกู ดาเนนิ คดตี ามกฎหมาย หนา้ ที่ หมายถงึ การกระทาหรือการละเว้นการกระทาเพื่อประโยชน์โดยตรงของการมีสิทธิหน้าที่เป็น ส่งิ ที่ บังคบั ให้มนุษย์ในสังคมต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางสังคมหรือกฎหมาย บัญญัติไว้ จะไม่ปฏิบัติตามไม่ได้ ส่วน สทิ ธแิ ละเสรีภาพเป็นสง่ิ ทม่ี นษุ ยม์ ีอยแู่ ต่จะใชห้ รือไม่ก็ได้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้กาหนดสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชน ชาวไทยไว้ ดังน้ี 1) สิทธขิ องปวงชนชาวไทย 1. สิทธิในครอบครัวและความเป็นอยู่ส่วนตัว ชาวไทยทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครอง เกียรติยศ ช่อื เสยี ง และความเป็นอยสู่ ่วนตวั 2. สิทธอิ นรุ กั ษฟ์ ื้นฟูจารีตประเพณี บคุ คลในทอ้ งถ่ินและชุมชนตอ้ งช่วยกนั อนุรกั ษ์ฟ้ืนฟูจารีตประเพณี วฒั นธรรมอันดีงาม ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ เพือ่ รักษาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป 3. สิทธิในทรัพย์สิน บุคคลจะได้รับการคุ้มครองสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินของตนและการ สบื ทอดมรดก 4. สิทธใิ นการรับการศึกษาอบรม บุคคลย่อมมีความเสมอภาคในการเข้ารับการศึกษาข้ึนพ้ืนฐาน 12 ปี อย่างมคี ณุ ภาพและทว่ั ถงึ โดยไม่เสียคา่ ใช้จ่าย 5. สทิ ธใิ นการรับบรกิ ารทางดา้ นสาธารณสุขอย่างเสมอภาคและได้มาตรฐาน สาหรับผู้ยากไร้จะได้รับ สทิ ธิ ในการรักษาพยาบาลจากสถานบรกิ ารสาธารณสุขของรัฐโดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ย 6. สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ เด็กเยาวชน สตรี และบุคคลในสังคมที่ได้รับการปฏิบัติอย่าง รุนแรง และไม่เปน็ ธรรมจะไดร้ บั การ ค้มุ ครองโดยรัฐ 7. สทิ ธิที่จะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ เช่น บุคคลที่มีอายุเกินหกสิบปี และรายได้ไม่พอต่อการยังชีพ รฐั จะใหค้ วามชว่ ยเหลอื เปน็ ตน้ หน้า 27
ชุดหลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 8. สทิ ธิทีจ่ ะไดส้ ง่ิ อานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ โดยรัฐจะให้ความช่วยเหลือและอานวยความ สะดวกอนั เป็นสาธารณะแก่บคุ คลในสงั คม 9. สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการบารุงรักษาและการได้ประโยชน์จาก ทรพั ยากรธรรมชาติ 10. สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการส่วนท้องถ่ิน อย่าง เปิดเผย เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลน้ันจะมีผลต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของ ประชาชน สว่ นรวม หรือเป็นสว่ นได้ส่วนเสียของบคุ คลซ่ึงมีสทิ ธิได้รับความคุ้มครอง 11. สิทธิเสนอเร่ืองราวร้องทุกข์โดยได้รับแจ้งผลการพิจารณาภายในเวลาอันควรตามบทบัญญัติของ กฎหมาย 12. สทิ ธทิ ี่บคุ คลสามารถฟ้องร้องหนว่ ยงานราชการ รัฐวสิ าหกจิ ราชการสว่ นท้องถ่ิน หรือองค์กรของ รัฐท่ีเป็นนิติบุคคลให้รับผิดชอบการกระทาหรือละเว้นการกระทา ตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐภายใน หนว่ ยงานนน้ั 2) เสรีภาพของปวงชนชาวไทย 1. เสรีภาพในเคหสถาน ชาวไทยทกุ คนยอ่ มไดร้ บั ความคุ้มครองในการอาศยั และครอบครองเคหสถาน โดย ปกติสุข การเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยปราศจากการยินยอมของผู้ครอบครอง หรือการเข้าไปตรวจ คน้ เคหสถานโดยไม่มหี มายคน้ จากศาลย่อมทาไมไ่ ด้ 2. เสรีภาพในการเดินทางและการเลือกถ่ินท่ีอยู่ การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอก ราชอาณาจักร หรอื หา้ มมใิ หบ้ คุ คลผูม้ ี สัญชาตไิ ทยเข้ามาในราชอาณาจกั รจะกระทามิได้ 3. เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นผ่านการพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการส่ือ ความหมาย โดยวิธีอ่ืน จะจากัดแก่บุคคลชาวไทยมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพอื่ ความ มน่ั คงของรฐั เพอื่ รักษาความสงบเรียบร้อยหรอื ศลี ธรรมอันดีของประชาชน 4. เสรภี าพในการส่ือสารถึงกันโดยทางที่ชอบดว้ ยกฎหมาย การตรวจ การกัก หรือ การเปิดเผยข้อมูล ส่วน บุคคล รวมทั้งการกระทาตา่ ง ๆเพื่อเผยแพรข่ อ้ มลู น้นั จะกระทามิได้ 5. เสรีภาพในการนับถือศาสนา นิกาย ลัทธิ ความเช่ือทางศาสนา และเสรีภาพในการประกอบ พิธีกรรม ตามความเชอื่ ของตน โดยไมเ่ ป็นปฏปิ ักษ์ต่อหน้าท่ีของพลเมือง และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศลี ธรรม อนั ดีของประชาชน ยอ่ มเป็นเสรภี าพของประชาชน 6. เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทาไม่ได้ เว้น แต่โดย อาศัยอานาจตามบทบัญญัติของกฎหมายเพ่ือคุ้มครองประชาชนท่ีจะใช้ท่ี สาธารณะหรือเพ่ือรักษา ความสงบ เรียบรอ้ ยเมอื่ ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้ กฎอัยการศึก 7. เสรีภาพในการรวมตัวกันเป็นสมาคม สหพันธ์ องค์กร องค์กรเอกชน หรือหมู่คณะอื่น การจากัด เสรีภาพต่าง ๆเหล่าน้ีจะกระทามิได้ เว้นแต่อาศัยอานาจกฎหมายเฉพาะเพ่ือคุ้มครองประโยชน์ส่วนรวมของ ประชาชน การรักษาความสงบเรียบรอ้ ยหรือปอ้ งกันการผกู ขาดในทางเศรษฐกจิ 8. เสรีภาพในการรวมตัวจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อดาเนินกิจกรรมทางการเมืองตามวิถีทาง การปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ หนา้ 28
ชุดหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 9. เสรภี าพในการประกอบอาชีพและการแข่งขนั โดยเสรีอย่างเป็นธรรม การจากัดเสรีภาพดังกล่าวจะ ทาได้ โดยอาศัยกฎหมายเพ่ือประโยชน์ในการรักษาความม่ันคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของ ประเทศ และเพ่ือ ป้องกันการผกู ขาดหรือขจดั ความไม่เปน็ ธรรมในการแขง่ ขนั ทางการคา้ 3) หนา้ ท่ีของประชาชนชาวไทย 1. บคุ คลมีหนา้ ท่ีรักษาไวซ้ งึ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการแกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ 2. บุคคลมีหน้าทปี่ ฏบิ ัติตามกฎหมาย 3. บุคคลมีหนา้ ที่ไปใช้สิทธิเลือกต้ัง บุคคลซึ่งไม่ไปเลือกตั้ง โดยไม่แจ้งเหตุผลอันสมควร ย่อมเสียสิทธิ ตามที่กฎหมายบญั ญัติไว้ 4. บคุ คลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ รับราชการทหาร 5. บุคคลมีหนา้ ทเี่ สยี ภาษีให้รัฐ 6. บุคคลมีหน้าท่ีช่วยเหลือราชการ รับการศึกษาอบรม ปกป้องและสืบสานวัฒนธรรมของชาติ ภูมิปญั ญา ทอ้ งถ่ิน รวมถงึ การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 7. บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถ่ิน มีหน้าที่ดาเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวมอานวยความ สะดวกและให้บริการแก่ ประชาชน แนวทางการปฏบิ ตั ิตนตามบทบญั ญัติในรฐั ธรรมนญู 1. เคารพสิทธิของกันและกัน โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เช่น สิทธิ เสรีภาพในชีวิตและ ร่างกาย สทิ ธใิ นครอบครวั เกียรติยศ ช่อื เสียง และความเป็นส่วนตวั เป็นตน้ 2. รู้จักใช้สิทธิของตนเองและแนะนาให้ผู้อ่ืนรู้จักใช้และรักษาสิทธิของตนเอง เช่น การรักษาสิทธิใน การเลือกต้งั เพ่ือป้องกันไม่ให้มกี ารซอื้ สิทธขิ ายเสียง 3. รณรงค์ เผยแพร่ความรู้เก่ียวกับสิทธิมนุษยชน และปลูกฝังแนวความคิดเร่ืองสิทธิมนุษยชนให้แก่ ชุมชน หรือสังคมตามสถานภาพและบทบาทที่ตนพึงกระทาได้ เช่น ให้ความรู้กับสมาชิกครอบครัว จากน้ันจึง ค่อย ๆ ขยายไปยังสถาบันอน่ื ๆ ในสังคม เชน่ สถานศึกษา เปน็ ตน้ 4. ร่วมมือกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนเพ่ือการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เช่น การให้ข้อมูล ข่าวสาร เก่ียวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเป็นอาสาสมัครช่วยเหลืองานขององค์กรท่ี ปฏบิ ัติงาน ในการคุ้มครองสิทธมิ นษุ ยชน เปน็ ต้น 5. การปฏิบัติตามหน้าท่ีของชาวไทยตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น การเสียภาษีให้รัฐเพื่อนา เงินน้ันมาใช้พัฒนาประเทศ การเข้ารับราชการทหาร เพื่อเป็นกาลังสาคัญในการป้องกันประเทศ หรือการ ออกไปใช้ สิทธเิ ลอื กตัง้ เพือ่ ให้ไดค้ นดีเขา้ ไปบรหิ ารบ้านเมืองให้มีความเจรญิ ก้าวหน้า เป็นตน้ 6. ส่งเสริม และสนับสนุนการดาเนินงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สามารถทาได้โดยการให้ ความ ชว่ ยเหลือด้านข้อมูลข่าวสารการทจุ ริตของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐแก่คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือให้ความร่วมมือในการดาเนินงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะ เปน็ การให้ขอ้ มูลขา่ วสารเกยี่ วกบั การทจุ รติ การเลอื กตั้งประจาเขต เป็นต้น หน้า 29
ชดุ หลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ใบความรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง บทบาทและหน้าท่ขี องเยาวชนที่มีต่อสังคม และประเทศชาติ เยาวชนกบั การเป็นสมาชกิ ที่ดีของสังคมและประเทศชาติ เยาวชน หมายถึง คนหนมุ่ สาวที่มีพลัง อัน สาคัญท่จี ะสามารถชว่ ยกนั เสรมิ สร้างกิจกรรมทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาประเทศชาติในอนาคต เยาวชนทด่ี ี 1. มคี ุณธรรม จริยธรรม ศลี ธรรมในการดาเนนิ ชวี ิต 2. เคารพสิทธเิ สรีภาพของผอู้ ื่น 3. มคี วามรับผิดชอบต่อหน้าทที่ ไ่ี ด้รับมอบหมาย 4. เปน็ ผทู้ ม่ี ีเหตผุ ล รับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อ่ืน 5. ปฏิบัติตามแบบอยา่ งวัฒนธรรมประเพณีทีด่ งี าม 6. ปฏิบตั ติ ามกฎข้อบังคับของชุมชนอย่างเครง่ ครดั 7. มีความกระตือรือร้นท่ีจะเข้ามาแกป้ ญั หาและพัฒนาชมุ ชน คุณลักษณะของเยาวชนท่ดี ี เยาวชนที่ดคี วรจะเปน็ ผมู้ ีคุณธรรม จรยิ ธรรม กล่าวคอื จะต้องมธี รรมะในการดาเนินชวี ติ ได้แก่ 1. การเสียสละต่อส่วนรวม เป็นคุณธรรมที่ช่วยในการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้า เพราะถ้าสมาชกิ ในสงั คมเหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรว่ ม และยอมเสยี สละผลประโยชนส์ ่วนตน จะทาให้สังคมพัฒนา ไปได้อย่างรวดเรว็ และมงั่ คง 2. การมีระเบียบวินัยและรับผิดชอบต่อหน้าท่ี เป็นคุณธรรมท่ีช่วยให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่าง สงบสุข เพราะถ้าสมาชิกในสังคมยึดมั่นในระเบียบวินัย รู้และเข้าใจสิทธิของตนเอง ไม่ละเมินสิทธิผู้อ่ืน และ ตั้งใจปฏิบัติหน้าทข่ี องตนให้ดที ี่สดุ 3. ความซอ่ื สตั ย์สุจรติ เปน็ คณุ ธรรมทม่ี ีความสาคัญ เพราะหากสมาชิกในสังคมยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต เช่นไม่ลักทรัพย์ ไม่เบียดเบียนทรัพย์สินของผู้อ่ืน ก็จะทาให้สังคมมีแต่ความเจริญ ประชาชนมีแต่ ความสุข การปฏิบัตติ นเป็นเยาวชนทีด่ ีตามสถานภาพและบทบาท 1. เยาวชนกับการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว เยาวชนในสถานภาพของการเป็นบุตรควรมีบทบาท หน้าท่ี ดังน้ี 1.1 เคารพเช่อื ฟังบิดามารดา 1.2 ชว่ ยเหลือบิดามารดาในทุกโอกาสท่ที าได้ 1.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัด ไม่ฟมุ่ เฟอื ย สรุ ุ่ยสุร่าย 1.4 มคี วามรกั ใครป่ รองดองในหมูพ่ ี่นอ้ ง 1.5 ต้ังใจศึกษาเล่าเรยี น หน้า 30
ชุดหลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 1.6 ประพฤติตนใหส้ มกับเป็นผดู้ ารงวงศต์ ระกลู 2. เยาวชนกบั การเปน็ สมาชกิ ที่ดขี องโรงเรียน เยาวชนในฐานะนักเรยี นควรมีบทบาทหนา้ ที่ ดังนี้ 2.1 รบั ผดิ ชอบในหนา้ ที่ของนักเรยี น คือ ตง้ั ใจเลา่ เรยี น ประพฤติตนเป็นคนดี 2.2 เช่ือฟังคาสั่งสอนอบรมของครูอาจารย์ 2.3 กตัญญรู ู้คณุ ของครอู าจารย์ 2.4 รกั ใครป่ องดองกันในหมู่เพอื่ นนักเรียน 2.5 ส่งเสรมิ เพ่ือนในทางทถ่ี ูกทคี่ วร 3. เยาวชนกับการเป็นสมาชิกทดี่ ีของชมุ ชน ชมุ ชนคอื สงั คมขนาดเล็ก เช่นหมู่บา้ นหรือกลุ่มคน โดยเยาวชน เป็นสว่ นหน่ึงของชมุ ชนทตี่ นอาศยั อยู่ จึงต้องมบี ทบาทหน้าทต่ี ่อชมุ ชนดังนี้ 3.1 รกั ษาสขุ ลักษณะของชุมชน เช่น การทิง้ ขยะให้เป็นท่ี ช่วยกาจดั สง่ิ ปฏกิ ูลต่าง ๆ เป็นต้น 3.2 อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มในชุมชน เช่น ไม่ขดี เขียนทาลายโบราณวตั ถุในชมุ ชน ชว่ ยกันดูแลสาธารณ สมบัติ 3.3 มสี ่วนรว่ มในการทากิจกรรมของชมุ ชน 4. เยาวชนกบั การเป็นสมาชิกท่ดี ีของประเทศชาติ 4.1 เข้ารบั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน 12 ปี 4.2 ปฏิบตั ติ นตามกฎหมาย 4.3 ใชส้ ิทธใิ นการเลือกตั้ง 4.4 ใชท้ รัพยากรอยา่ งคุ้มค่า 4.5 สืบทอดประเพณวี ฒั นธรรมอันดงี ามของไทย 4.6 ช่วยเหลอื กจิ กรรมต่างๆ ที่ทางราชการจัดขน้ึ 4.7 ประกอบอาชีพสุจริตดว้ ยความขยันหม่นั เพยี ร 4.8 ประหยัดและอดออม อา่ นจบแล้วไป ทาใบงานกันดกี วา่ คะ่ หน้า 31
ชุดหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ใบงานท่ี 9 เรือ่ ง แนวทางการปฏิบัติตนในการเคารพสิทธิ และเสรภี าพของตนเองและผู้อ่ืน คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเสนอแนะแนวทางการปฏิบตั ิตนในการเคารพสทิ ธแิ ละเสรภี าพของ ตนเองและผู้อน่ื ลาดบั ท่ี แนวทางการปฏิบัติตน ในการเคารพสทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนเองและผู้อื่น 1 2 3 4 5 6 หนา้ 32
ชุดหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ใบความรู้ท่ี 9 เร่ือง บ้านเมอื งจะดีเมือ่ ประชาชนมรี ะเบียบ ระเบียบ หมายถึง แบบแผนท่ีวางไว้เป็นแนวปฏิบัติหรือดาเนินการ เช่น ระเบียบวินัย ระเบียบ ขอ้ บงั คับ ตอ้ งปฏบิ ัติตามระเบยี บ \" ระเบียบวินัย \" คือ คุณสมบัติที่สาคัญในการดาเนินชีวิต ความสามารถของบุคคลในการควบคุม อารมณ์ และ พฤติกรรมของตนเอง ให้เป็นไปตามท่ีมุ่งหวัง โดยเกิดจากการสานึก ซึ่งต้องไม่กระทาการใดๆ อันเป็นผลทาให้ เกิดความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต หากแต่ต้องเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ความเจริญรุ่งเรื องแก่ ตนเองและผู้อ่ืนโดย ไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและไม่ขัดต่อสิทธิของผู้อ่ืน ความมีวินัยในตนเอง สามารถ ควบคุมตนเองให้ปฏิบัติตน ตามระเบียบข้อตกลงของสังคมส่วนรวมด้วยความสมัครใจของผู้ปฏิบัติเอง เพือ่ ความสงบสุขในชีวติ และความเป็นระเบยี บเรยี บร้อยของสังคม การอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เหล่า ถ้าขาดระเบียบ วินัย ต่างคนต่างทาตามอาเภอใจ ความขัดแย้งและลักล่ันก็ จะเกิดข้ึน ย่ิงมากคนก็ยิ่งมากเร่ือง ไม่มีความสงบ สุข การงานที่ทาก็จะเสียผล หน้า 33
ชุดหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ใบความรู้ท่ี 10 เรือ่ ง มาร้จู ัก กฎ กันเถอะ “กฎ” ตามความหมายโดยท่ัวไปหมายถึง จดไว้เป็นหลักฐาน ตรา คาบังคับ หรือข้อกาหนดหรือ ข้อบัญญัติท่ี บังคับให้ตอ้ งมีการปฏบิ ัติตาม 1 ส่วน “กฎ” ตามความหมายของกฎหมายปกครองหมายความถึง พระราช กฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผล บังคับเป็นการทั่วไปโดยไม่ มุ่งหมายให้ใช้บังคบั แก่กรณีใดหรือบคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ 2 ในทางปฏิบัติไม่ค่อยมีปัญหามากนักในการวินิจฉัยว่าอะไรเป็น “กฎ” ในส่วนที่เป็นพระราช กฤษฎีกา กฎกระทรวง ขอ้ บญั ญัติทอ้ งถ่ิน ประกาศกระทรวง แต่มีประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติ บางฉบบั ทีอ่ าจทาใหฝ้ า่ ยปกครองและ ประชาชนเขา้ ใจสบั สนว่าเปน็ “กฎ” หรอื “คาสัง่ ทางปกครอง” 3 เน่ืองจากบทนิยามได้ให้ความหมายของคาว่า “กฎ” หมายความรวมถึงบทบัญญัติอ่ืนท่ีมีผลบังคับ เปน็ การทวั่ ไปโดยไมม่ ุง่ หมายใหใ้ ช้บังคับแก่กรณีใดหรือ บคุ คลใดเป็นการเฉพาะ อกี ดว้ ย กฎ (Law) หมายถึง ทฤษฎที ส่ี ามารถอธบิ ายปรากฏการณในธรรมชาติได้อย่างกวา้ งขวางเป็น เวลานานจนเป็นทย่ี อมรบั สามารถทดสอบผลได้เหมือนเดิมทกุ ๆ คร้ัง โดยไม่มีขอ้ โต้แยง้ ใดๆ เพราะเป็นความ จรงิ ทไ่ี มเปลยี่ นแปลงการวเิ คราะหข์ ้อมลู และสรปุ ผล หนา้ 34
ชุดหลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ใบความรู้ท่ี 11 เรอ่ื ง มารู้จัก กติกา กันเถอะ ในทางสังคมวิทยาถือว่าคนเป็นสัตว์สังคม (Social Animal) คือรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม เป็นชุมชน เป็นเมือง และเป็นประเทศ ในทานองเดียวกับสัตว์ท่ีรวมกันอยู่เป็นฝูง แต่ถึงแม้ว่า คนเป็นสัตว์ในทางสังคม วทิ ยา แต่ ในทางจรยิ ศาสตร์คนมีขอ้ แตกต่างจากสัตว์ในด้านหลกั คอื 1. ทางด้านร่างกาย คนมีโครงสร้างร่างกายสูงข้ึนในแนวดิ่งของโลก ส่วนสัตว์มีโครงสร้างร่างกายยาว ไปตามแนวนอนขนานกับพื้นโลก หรือถ้าจะพูดตามนัยแห่งคาสอนในพระพุทธศาสนาว่า ดิรัจฉาน หรือ เดรัจฉาน แปลว่า ไปทางขวาง ซึ่งเป็นท่ีมาของคาด่าคนช่ัว คนเลวว่าเป็นคนขวางโลก อันหมายถึงเป็นสัตว์ 2. ทางด้านจิตใจ คนใช้เหตุผล หลักการ คุณธรรม และจริยธรรม ควบคุมพฤติกรรมท่ีแสดงออกทาง กาย และวาจา ส่วนสัตว์มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นควบคุมพฤติกรรม ด้วยเหตุท่ีคนต่างจากสัตว์ในทางด้าน จิตใจนี้เอง ทาให้สังคมของคนมีการพัฒนาเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน เม่ือกาลเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน การกาหนดกติกาข้ึนมาเพ่ือควบคุมพฤติกรรมผู้คนในสังคมให้อยู่ รวมกันอย่างสงบสุข กติกาทางสังคมของคน ในยุคต้นเร่ิมจากการมีความเช่ือร่วมกัน หรือท่ีเรียกว่า ลัทธิ และ ความเชื่อในยุคแรกได้แก่ความเชื่อเกี่ยวกับ วิญญาณประจาธรรมชาติ ภูเขา ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งสัตว์บางชนิด ความเช่ือในลักษณะนี้นักวิชาการด้าน ศาสนาเรียกว่า วญิ ญาณนยิ ม และความเชือ่ ในเร่อื งทรงเจ้าเข้าผีก็จัดอยู่ ในประเภทเดียวกันนี้ กติกา แปลว่า ข้อความที่ได้ทาความตกลงกันแล้ว หมายถึง กฎเกณฑ์หรือข้อตกลงท่ีบุคคลต้ังแต่ ๒ ฝ่ายข้ึน ไป กาหนดข้ึน เป็นหลักปฏิบัติ เช่น ในการเล่นกีฬาหรือการเล่นเกมต่าง ๆ มีกติกาที่ผู้เล่นต้องปฏิบัติตามท้ังในการเล่น การแพ้ชนะ การปรับ การลงโทษ เป็นต้น ผู้ท่ีแพ้ ก็ต้องยอมรับ ความพ่ายแพ้ อาจถูกลงโทษ หรือถูกปรับ ตามกติกาท่ีตกลงกันแล้ว เช่น นักฟุตบอล ท่ีทาให้คู่ต่อสู้เจ็บ ไม่ว่าจะ โดยต้ังใจหรือไม่ต้ังใจก็ตาม จะต้องถูก ลงโทษได้ใบเหลือง หรือใบแดงซึ่งทาให้ต้องออกจากการเล่น คนเชียร์ฟุตบอลที่ฝ่ายของตนแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ จัดว่าเป็นคนที่ไม่ปฏบิ ัตติ ามกตกิ า คนที่ไม่ปฏิบัติตามกติกาจะถูก สังคมประณามว่าเป็นอันธพาล เป็นคนเกเร กติกาเป็นข้อตกลงท่ีช่วยให้คนในสังคมทากิจกรรมร่วมกันได้ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และทาให้ทุกคนอยู่ ร่วมกันได้อย่างสนั ตสิ ขุ หนา้ 35
ชดุ หลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ใบความรู้ท่ี 12 เร่ือง มารูจ้ ัก กฎหมาย กันเถอะ กฎหมายคืออะไร กฎหมาย เป็นกฎเกณฑ์ ข้อบังคับที่ใช้ควบคุมความประพฤติของมนุษย์ในสังคม กฎหมายมีลกั ษณะเปน็ คาสัง่ ข้อห้าม ที่มาจากผู้มีอานาจสูงสุดในสังคมใช้บังคับได้ทั่วไปใครฝ่าฝืนจะต้องได้รับ โทษหรือสภาพบังคับอย่างใดอย่างหนึ่ง ระบบกฎหมายในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ระบบ ได้แก่ ระบบ กฎหมาย ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร ระบบกฎหมายสังคมนิยม และระบบ กฎหมายศาสนา กฎหมายแตล่ ะระบบ ยอ่ มมที ่ีมาแต่งต่างกัน การแบ่งประเภทของกฎหมาย อาจแบ่งได้หลาย ลักษณะ ข้ึนอยู่กับว่าจะยึดอะไรเป็น หลักเกณฑ์ในการแบ่ง มนุษย์จาเป็นต้องมีกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ในการ อยู่ร่วมกัน เพ่ือให้สังคม เกิดความเป็น ระเบียบเรียบร้อยและสงบสุข มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เพ่ือให้สังคมเป็น ระเบียบเรียบร้อยสงบสุข กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ เรียกว่า บรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) ประกอบดว้ ย 1. วิถีชาวบ้าน (Folkways) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่อยู่ในรูปของประเพณีนิยม ที่สมาชิกใน สังคม ปฏิบัติสืบต่อกันมา ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกติฉินนินทาว่าร้าย เช่น การแต่งกาย กิริยามารยาททาง สังคมใน โอกาสตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ 2. จารีต (Mores) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติท่ียึดหลักความดีความชั่ว กฎเกณฑ์ทางศาสนาเป็น เร่ืองของความรู้สึกว่าส่ิงใดผิดส่ิงใดถูก หากใครละเมิดฝ่าฝืนจะได้รับการต่อต้านจากสมาชิกในสังคมอย่าง จริงจัง อาจถูกกีดกันออกจากสงั คม หรือไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เช่น การลักเล็กขโมยน้อย การเนรคุณบิดา มารดา หรอื ผมู้ พี ระคุณ เป็นต้น 3. กฎหมาย (Laws) เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน แน่นอน ว่ากระทา อย่างไร เป็นความผิดฐานใด จะได้รับอย่างไร เช่น ผู้ใดฆ่าผู้อื่นต้องระวางโทษประหารชีวิต เป็นต้น กฎเกณฑ์ ของความประพฤติทั้งสามประการดังกล่าว สองประการแรกไม่ได้มีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน การลงโทษผู้ ละเมดิ ฝา่ ฝืนก็ไม่รนุ แรง ประการท่ีสาม กฎหมายจึงเป็นสิ่งท่ีสาคัญที่สุด ใช้ได้ผลมากที่สุด ในการควบคุมความ ประพฤติของมนุษย์ ดังน้ันสังคมมนุษย์ทุกสังคมจึงจาเป็นต้องมีกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันดังคา กล่าวที่ว่า “ท่ีใดมีสังคมท่ีนั่นมีกฎหมาย” กฎหมาย หมายถึง คาสั่งหรือข้อบังคับของรัฐ ซ่ึงบัญญัติขึ้นเพื่อ ใช้ควบคุมความประพฤติของบุคคลซึ่งอยู่ในรัฐหรือในประเทศ ของตนหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะ มคี วามผดิ และถกู ลงโทษหรอื ได้รับผลเสียหายน้ันด้วย หน้า 36
ชุดหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ใบความรู้ท่ี 13 เรือ่ ง มาเป็นพลเมืองดีกนั เถอะ พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย ความหมายของ “พลเมืองดี” ในวิถีชีวิตประชาธิปไตย พจนานุกรมนักเรียนฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคาต่าง ๆ ดังนี้ “พลเมือง” หมายถึง ชาวเมือง ชาวประเทศ ประชาชน “วิถี” หมายถึง สาย แนว ทาง ถนน “ประชาธิปไตย” หมายถึง แบบการ ปกครองท่ีถือมติปวงชนเป็นใหญ่ ดังน้ันคาว่า “พลเมืองดีในวิถีชีวิตประชาธิปไตย” จึงหมายถึง พลเมืองที่มี คุณลักษณะท่ีสาคัญ คือ เป็นผู้ที่ยึด มั่นในหลักศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา มีหลักการทางประชาธิปไตย ในการดารงชีวิต ปฏิบัติตนตาม กฎหมายดารงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอันจะ ก่อให้เกิดการพัฒนาสังคมและ ประเทศชาติให้เป็นสังคมและประเทศประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหลักการทาง ประชาธิปไตย หลักการทางประชาธปิ ไตยท่สี าคญั ท่ีสดุ ไดแ้ ก่ 1) หลักอานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน หมายถึง ประชาชนเป็นเจ้าของ อานาจสูงสุดในการ ปกครองรัฐ 2) หลักความเสมอภาค หมายถึง ความเท่าเทียมกันในสังคมประชาธิปไตย ถือว่าทุกคนท่ีเกิดมาจะมี ความเท่า เทียมกันในฐานะการเป็นประชากรของรัฐ ได้แก่ มีสิทธิเสรีภาพ มีหน้าท่ีเสมอภาคกัน ไม่มีการแบ่ง ชนช้ันหรือ การเลือกปฏิบัติ ควรดารงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอหรือยากจนกว่า 3) หลักนิติธรรม หมายถึง การใช้หลักกฎหมายเป็นกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกัน เพ่ือความสงบสุขของ สงั คม 4) หลักเหตผุ ล หมายถึง การใชเ้ หตผุ ลท่ีถูกตอ้ งในการตัดสนิ หรือยตุ ปิ ัญหาในสงั คม 5) หลักการถือเสียงข้างมาก หมายถึง การลงมติโดยยอมรับเสียงส่วนใหญ่ในสังคมประชาธิปไตย ครอบครวั ประชาธิปไตย จึงใชห้ ลักการถือเสยี งข้างมากเพือ่ ลงมตใิ นประเด็นตา่ ง ๆ ได้อยา่ งสนั ติวิธี 6) หลักประนีประนอม หมายถึง การลดความขัดแย้งโดยการผ่อนหนักผ่อนเบาให้กัน ร่วมมือกันเพื่อ เห็นแก่ ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสาคัญ หลักการทางประชาธิปไตยจึงเป็นหลักการสาคัญที่นามาใช้ในการ ดาเนินชีวิต ในสังคม เพ่ือก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมได้ แนวทางการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีชีวิต ประชาธปิ ไตย พลเมืองดตี ามวถิ ชี วี ิตประชาธปิ ไตยควรมีแนวทางการปฏิบตั ิตนดังน้ี คอื 1) ด้านสังคม ไดแ้ ก่ (1) การแสดงความคดิ อยา่ งมีเหตผุ ล (2) การรับฟังขอ้ คิดเห็นของผ้อู ืน่ (3) การยอมรับเม่อื ผูอ้ ืน่ มีเหตุผลท่ดี ีกว่า (4) การตัดสินใจโดยใชเ้ หตุผลมากกวา่ อารมณ์ (5) การเคารพระเบยี บของสังคม (6) การมจี ติ สาธารณะ คอื เห็นแกป่ ระโยชน์ของสว่ นรวมและรักษาสาธารณสมบัติ หนา้ 37
ชุดหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 2) ด้านเศรษฐกจิ ได้แก่ (1) การประหยัดและอดออมในครอบครัว (2) การซื่อสัตยส์ ุจรติ ต่ออาชีพทท่ี า (3) การพฒั นางานอาชพี ใหก้ า้ วหนา้ (4) การใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม (5) การสรา้ งงานและสรา้ งสรรคส์ งิ่ ประดิษฐใ์ หม่ ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสงั คมไทย (6) การเป็นผผู้ ลติ และผู้บริโภคท่ีดี มคี วามซอื่ สัตย์ ยดึ มั่นในอดุ มการณ์ที่ดีต่อชาติ 3) ด้านการเมอื งการปกครอง ไดแ้ ก่ (1) การเคารพกฎหมาย (2) การรับฟังข้อคดิ เห็นของทกุ คนโดยอดทนต่อความขัดแยง้ ทเี่ กดิ ขนึ้ (3) การยอมรับในเหตผุ ลท่ีดกี วา่ (4) การซ่อื สตั ยต์ ่อหนา้ ทโี่ ดยไม่เหน็ แก่ประโยชนส์ ว่ นตน (5) การกล้าเสนอความคิดเห็นต่อส่วนรวม กล้าเสนอตนเองในการทาหน้าท่ี สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรหรือสมาชิกวฒุ สิ ภา (6) การทางานอยา่ งเตม็ ความสามารถ เต็มเวลา หน้า 38
ชุดหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ใบความรู้ที่ 14 เรือ่ ง บทบาทหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ต่อประเทศชาติและสังคมโลก พลเมอื งดีของประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก จะต้องเป็นพลเมืองท่ีตระหนักถึงบทบาทหน้าท่ีที่ตนจะต้อง ปฏบิ ัติ ตอ่ สงั คมและประเทศชาติในด้านต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมืองการปกครอง ดา้ นสงั คมและวัฒนธรรม ทั้งน้ีเพราะบทบาทหน้าที่ในด้านต่างๆ ทั้ง 3 ด้าน จะส่งผลกระทบต่อชุมชนและ ประเทศชาตใิ นด้านบวกหรือลบกไ็ ด้ กล่าวคือ หากชาวไทยทุกคนปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในด้านเศรษฐกิจ โดยประกอบอาชีพท่ีสุจริต เอาเปรียบผู้อ่ืน และในด้านการเมืองการปกครอง โดยการไปลงคะแนนเสียงเลือกต้ังผู้สมัครที่ดีให้ไปเป็น สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรก็จะสง่ ผลดีต่อประเทศชาติ นอกจากนี้บทบาทในด้านสังคมและวัฒนธรรมที่ต้องปฏิบัติ คือ การร่วมงานกับผู้อื่น เพื่อพัฒนา สังคม และส่งเสริมวัฒนธรรมท่ีดีของประเทศให้เป็นท่ีชื่นชมของชาวต่างชาติ สังคมไทยจะมีแต่ความสามัคคี กลมเกลียวไม่เอารัดเอาเปรียบกัน แต่หากชาวไทยแสดงบทบาทหน้าที่ในทางตรงกันข้าม เช่น ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย เอารัด เอาเปรียบผู้อื่น เลือกคนไม่ดีไปปกครองประเทศ ช่ืนชมวัฒนธรรมของต่างประเทศ สังคมไทยและประเทศ ไทยกจ็ ะเจรญิ กา้ วหน้าไดล้ ่าช้าและขาดความนา่ เชอื่ ถือในสังคมโลก บทบาทหน้าท่ีของพลเมืองดที างด้านเศรษฐกิจ บทบาทหนา้ ที่ของพลเมืองดใี นดา้ นเศรษฐกจิ ท่สี าคัญ มีดังน้ี 1. พลเมอื งดตี ้องประกอบอาชีพท่สี จุ รติ และไม่เอาเปรยี บผู้อ่ืน เชน่ ถ้าเปน็ เจา้ ของโรงงาน ก็จะต้อง ผลิตสินค้าท่ีมีคุณภาพตามท่ีโฆษณาไว้และไม่ตั้งราคาขายสูงมากเกินไป หรือเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีการ ด้วยมชิ อบ 2. พลเมืองดีที่มีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ควรรวมตัวกันเป็นกลุ่มอาชีพ หรือสหกรณ์ประเภทต่าง ๆ เพ่ือช่วยเหลือซ่ึงกันและกันและเพ่ิมอานาจของการต่อรองทางเศรษฐกิจ เช่น การรวมตัวกันเป็น เกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตรประเภทต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วยกันและเพิ่มอานาจต่อรองกับ กลุ่มพ่อค้า คนกลาง เป็นตน้ นอกจากนี้ การรวมกล่มุ อาชีพยงั เปน็ แนวทางการสร้างความสามัคคีของคนในชาติได้อีกทาง หน่ึงดว้ ย 3. พลเมืองดีต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดและไม่ควรกู้เงินของบุคคลอ่ืน โดยเฉพาะจากชาวต่างชาติ มาลงทุนในกิจการท่ีอาจให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจช้าหรือมีความเสี่ยงสูง เช่น การกู้เงินต่างชาติมาทา โครงการ พัฒนาท่ีดินและปลูกหมู่บ้านจัดสรรโดยไม่ศึกษาความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ยังผลให้ การก่อสร้างบ้านจัดสระหรือคอนโดมิเนียมหลายโครงการมผู้ซ้ือน้อยราย เป็นผลให้ผู้ลงทุนไม่สามารถใช้ หน้า 39
ชุดหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เงินต้น และดอกเบ้ียแก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้ตามกาหนดเวลา จนกลายเป็นปัญหาหนี้เสียจานวนหลายหม่ืนล้าน บาท และเปน็ สาเหตุสาคญั ส่วนหนง่ึ ท่ีทาให้การฟน้ื ตัวทางเศรษฐกจิ ของไทยกระทาได้ยากลาบากเปน็ ต้น 4. พลเมืองดีจะตอ้ งเสียภาษีอากรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและรัฐบาลกลางอย่างครบถ้วน ท้ังน้ี เพอ่ื ชว่ ยให้องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นและรัฐบาลกลางมีรายได้สาหรับนาไปใช้ในการพัฒนาชุมชนและพัฒนา เศรษฐกจิ และสังคม ในทางกลับกันหากชาวไทยไม่ยอมเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าท่ีควรจะเสียให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินหรือรัฐบาลกลาง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือรัฐบาลกลางก็จะไม่มีรายได้มาพัฒนา ท้องถ่ิน หรือจ่ายเงินเดือนให้แก่เจ้าหน้าท่ีของท้องถิ่นหรือรัฐท่ีรับผิดชอบในการพัฒนาและรักษาความสงบ เรยี บร้อยของชุมชนและประเทศ 5. พลเมืองดีควรท่องเที่ยวภายในประเทศและใช้ของที่ผลิตในประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ของไทย และเพ่ือป้องกันมิให้เงินตราร่ัวไหลไปต่างประเทศ นอกจากน้ีจะต้องเชิญชวนชาวไทยและ ชาวตา่ งชาติเขา้ มาเทยี่ วในประเทศไทยด้วย บทบาทหนา้ ท่ีของพลเมอื งดีทางดา้ นการเมืองการปกครอง พลเมอื งดมี ีบทบาทหนา้ ทด่ี ้านการเมืองการปกครองต่อชุมชนและประเทศ ดังนี้ 1. พลเมืองดีมีหน้าที่ไปออกเสียงเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งท่ีดีมีคุณภาพไปเป็นสมาชิกสภาองค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ หรือผบู้ รกิ ารท้องถิ่น สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร และสมาชิกวฒุ สิ ภา 2. พลเมืองดีมีหน้าท่ีสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือ สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร เมอ่ื มคี ุณสมบตั คิ รบตามเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติ 3. พลเมืองดีมีหน้าที่ตรวจสอบการทางานของสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรอื ผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื งอื่น ๆ เช่น นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ว่าเป็นไป โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุจริตต่อหน้าท่ีหรือละเมิดรัฐธรรมนูญ ก็ควรเข้าช่ือกันฟ้องกล่าวโทษ เพื่อปลดหรือถอดถอนบุคคลดังกล่าว ออกจากตาแหนง่ หน้า 40
ชดุ หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 บทบาทหน้าท่ีของพลเมืองดีทางดา้ นสงั คมและวัฒนธรรม บทบาทหน้าทีข่ องพลเมืองดที างดา้ นสงั คมและวัฒนธรรมตอ่ ชุมชนและประเทศที่ควรปฏิบัติ มดี ังน้ี 1. พลเมืองดีมีหน้าที่ร่วมมือกันพัฒนาสังคมให้น่าอยู่และรักษาวัฒนธรรมท่ีดีงามของชุมชนและ ประเทศไว้ เพื่อเป็นมรดกของชาติและเพ่ือจูงใจให้ชาวต่างชาติมาเยี่ยมชม และลงทุนในกิจการต่าง ๆ เช่น แต่งกายด้วยผ้าไทยท่ีเรียบร้อยและรัดกุมในประเพณีสาคัญของชาวไทย เช่น วันลอยกระทง วัน สงกรานต์ เป็นตน้ 2. พลเมืองดีมีหน้าที่รักษาความสามัคคีและป้องกันมิให้กลุ่มบุคคลท่ีมีผลประโยชน์ต่างกัน เกิดความ ขัดแย้งหรือทะเลาะวิวาทกันกลายเป็นการเผชิญหน้าและเป็นศัตรูกันตลอดเวลาทาให้สังคมไม่สงบสุข เช่น เตอื นสตไิ มใ่ หเ้ พ่ือนฝูงทะเลาะกนั เปน็ ต้น 3. พลเมืองดีมีหน้าที่ป้องกันมิให้วัฒนธรรมต่างชาติมาทาลายวัฒนธรรมไทย หรือวิถีชีวิตที่ดีงามของ ชาวไทย ในขณะเดียวกันก็ยอมรับวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวต่างชาติมาประยุกต์ใช้เพ่ือนพัฒนาสังคมไทย ใหเ้ จริญกา้ วหน้ายงิ่ ๆ ขน้ึ ไป เชน่ การใช้คอมพิวเตอรใ์ นการคน้ คว้าข้อมลู ความรู้ด้านการศึกษา เปน็ ตน้ 4. พลเมืองดีมีหน้าท่ีช่วยเหลือคนพิการหรือทุพพลภาพให้มาสมารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี คณุ ภาพ เช่น เม่ือพบเห็นคนพิการขา้ มถนน กค็ วรจะชว่ ยเหลือให้สามารถขา้ มไปได้อยา่ งปลอกภยั เป็นตน้ 5. พลเมอื งดมี หี นา้ ที่ช่วยเหลือราชการในเรอ่ื งท่สี ามารถชว่ ยเหลอื ได้ เช่น ช่วยเป้นพยานให้แก่ ตารวจ เพื่อเอาคนทาผิดมาลงโทษ ช่วยสอดส่องและแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าท่ีตารวจ เมื่อได้พบเห็นการกระทาที่ผิด กฎหมายเป็นตน้ 6. พลเมืองดีที่ยังเป็นเด็กและเยาวชนหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนให้ดีท่ีสุด เพื่อจะได้เป็นกาลังที่มีคุณภาพ ของสังคมและประเทศชาตติ ่อไป เชน่ เป็นหมอรักษาผู้ปว่ ยเป็นครอู าจารย์เป็นต้น กล่าวโดยสรุปว่าพลเมืองดี มีความสาคัญต่อประเทศชาติและสังคมโลกอย่างมาก ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองการ ปกครอง โดยพลเมืองดจี ะเปน็ ผูท้ ที่ าประโยชนใ์ ห้แก่สงั คมส่วนรวมอยา่ งสม่าเสมอ เช่น ประกอบสัมมาอาชีพ ยึดม่ันในหลักการเศรษฐกิจพอเพียงสาหรับในด้านการเมืองการปกครองน้ัน พลเมืองดีจะเป็นผู้ท่ีเคารพ กฎหมาย รู้จักสิทธิของตนเอง และเคารพสิทธิของผู้อื่นเสมอรวมทั้งทาหน้าท่ีท่ีกฎหมายกาหนดไว้อย่าง เครง่ ครัด ดังน้ัน จึงถือได้ว่าหากพลเมืองของประเทศใดปฏิบัติตนให้สมกับเป็นพลเมืองดีท่ีได้กล่าวมาข้างต้น ประเทศนั้นก็จะมแี ตค่ วามสงบสขุ และเจริญก้าวหนา้ รวมทั้งจะชว่ ยใหส้ งั คมโลกมสี นั ติสขุ ดว้ ย อ่านจบแล้วไป ทาใบงานสุดท้ายกันดกี ว่าค่ะ หนา้ 41
ชดุ หลกั สตู รต้านทุจริตศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ใบงานที่ 10 เรือ่ ง พลเมืองดีในใจฉัน คาชี้แจง ใหผ้ ูเ้ รียนวิเคราะห์คณุ ลักษณะของพลเมืองดีตามความคิดเหน็ ของนักเรียนลงในแผนผัง ความคิด พรอ้ มท้ังตอบคาถามที่กาหนด คณุ ลักษณะของ พลเมอื งดี การปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองดีกอ่ ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… หน้า 42
ชดุ หลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 คุณครใู หค้ าปรกึ ษา เรอ่ื ง การสอนหลักสูตรตา้ นทุจรติ หน้า 43 1.นางสาววันดี สมวงศ์ 2.นางสาวปตั ตมิ า หนรู ่นุ 3.นางสาวอมรรัตน์ อนิ อาพนั ธ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: